เมื่อพรยายมราชลงโทษพระเลว

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 5 กรกฎาคม 2007.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เมื่อพรยายมราชลงโทษพระเลว



    พระยายม


    คำว่า พระยายม มีคนแนะนำว่าเขาเขียน พญายม เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของแต่ละคน ความจริงพระยายมท่านเป็นพรหมเป็นพระอริยเจ้า คำว่า พระ พรหม เทวดา ท่านแปลว่า ประเสริฐ เหมือนกับ พระอริยะ แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ที่ประเสริฐ คำว่า พญา ไม่ทราบว่า หมายความว่าอย่างไร จำได้เมื่อสมัย ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านกำหนดให้มีบรรดาศักดิ์ใหม่ ท่านเรียกว่า พญา เจ้าพญา สมเด็จเจ้าพญา หนังสือพิมพ์ลงบทความคำว่า พญา เขาใช้กับพญาแร้ง ไม่ใช่กับคนผู้เป็นใหญ่ที่ประเสริฐ บรรดาศักดิ์สมัยนั้นเลยสลายตัวไป

    เรื่องลงผลรับเงินลงเฉพาะท่านที่ให้ประจำวัน มีชื่อบนซอง ก็ลงชื่อให้ด้วย ไม่มีชื่อก็ไม่ลงชื่อแต่ลงจำนวนเงินให้ ไม่ได้ลงชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติ ต่อไปจะให้เจ้าหน้าที่การเงิน บันทึกชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติมาให้เพื่อลงรายการและชื่อของท่านในบันทึกประจำวันนี้
    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑

    วันนี้ตอนเช้าไม่ว่างมีภารกิจในห้องมาก เกี่ยวกับบัญชีและหนังสือ ต้องเซ็นชื่อเป็นร้อยชื่อ และคำนึงถึงเรื่องกระแสไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่ ราคาแพงขึ้นทุกวัน ต้องจ่ายเดือนละประมาณแปดหมื่นบาทเศษ เมื่อติดตั้งหม้อแปลงให้โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา เดือนแรกเธอเก็บค่าไฟ ๘๐๐ บาทเศษ เดือนที่สองเธอเก็บ ๙,๐๐๐ บาทเศษ ติดว่าเดือนต่อไปคงเก็บส่งเดชมากกว่านี้

    เท่าที่เป็นอยู่ ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่จดเลขไฟฟ้าที่ใช้ เธอไม่ได้อ่านตามความจริง ยืนอยู่ไกลแสนไกล เขียนเลขลงในกระดาษเลย คนหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ มองตามเธอไม่เห็นเลขที่มิเตอร์วัดไฟ แสดงว่ายกเมฆเอาตามชอบใจ ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาแรมปี เราก็จ่ายให้ แต่เมื่อมาพบเรื่องของโรงเรียนเข้า เด็กใช้ไฟเล็กน้อย ถ้าเก็บค่าไฟถึงพันบาทยังคิดว่าแพง แต่เธอเล่นเข้าเก้าพันบาทเศษ คิดว่าสงเคราะห์ผู้ยากจนไปก็แล้วกัน จึงหาทางทำไฟฟ้าใช้เอง ต้องจ่ายมากหรือน้อยจะได้ไม่สงสัย เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรามี เพียงให้คนที่ไว้ใจคุมก็ทำได้แล้ว
    จึงเรียกเจ้าหน้าที่ปั๊มน้ำมันมาพบ ให้หาทางจัดหาน้ำมันให้พอใช้ เรียกช่างกลและช่างไฟฟ้ามาพบ เพื่อควบคุมเครื่อง ต่อเมื่อพร้อมแล้วจะเดินเครื่อง คิดว่าคงเดินเครื่องได้ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ นี้ มีหลายรายบอกว่า ปั่นไฟใช้เองถูกกว่าซื้อไฟฟ้าองค์การฯ มาก จะถูกหรือแพงไม่ใช่ของแปลก ขอให้ทำตรงไปตรงมา แต่เท่าที่เป็นมาแล้วเขาทำตามใจชอบของตนเอง ผู้เขียนเองก็ป่วยหนักทำอะไรไม่ได้ แต่เวลานี้เริ่มเป็นคนพ้นจากผีประมาณ ๒๐% ก็เริ่มหาทางประหยัดต่อไป
    เมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. เสร็จงานที่ต้องรีบทำ พอจะพักเริ่มจับอานาปา เห็นท่านลุงท่านยืนอยู่ใกล้ ๆ ท่านบอกว่า ไปบ้านผมหน่อยซิ เมื่อท่านชวนก็มองดูนาฬิกา เห็นเวลาจะ ๑๑.๐๐ น. จึงบอกท่านว่า ใกล้เวลาอาหารแล้วขออนุญาตไม่ไปได้ไหม ท่านบอกว่าไปสัก ๕ นาทีก็พอ ท่านพูดแล้วท่านก็ออกเดิน จึงตามท่านไป เมื่อถึงเขตบ้านท่าน ท่านเข้าไปในสำนักงาน ผู้เขียนเดินไปห่างจากท่าน พอเข้าเขตก็เห็นท่านที่เคยรู้จักยืนอยู่มาก เป็นแถวกั้นทางเดิน พอเดินเข้าไปใกล้ ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าท่านกลายเป็นยักษ์ เขี้ยวโง้งเง้ง หน้าใหญ่

    พอเห็นก็ทราบว่า ยักษ์ปลอม จึงบอกท่านว่า การเป็นยักษ์ไม่ควรจะเป็นท่าน ควรจะเป็นท่านเวสสุวรรณ ส่วนท่านเวสสุวรรณท่านยืนชิดติดด้านขวาของยักษ์ปลอม พอพูดจบ หน้ายักษ์ปลอมก็หายไป กลายเป็นท่านสหัมบดีพรหม ส่วนหน้าท่านเวสสุวรรณกลายเป็นยักษ์ไปเลย จึงพูดว่า พอทีเถอะบรรดายักษ์กระดาษทั้งหลาย ยักษ์เลยสลายตัวไป เมื่อถามท่านสหัมบดีพรหมว่า ทำไมท่านจึงกลายเป็นยักษ์ได้ ท่านบอกว่า ผมเคยเป็นเวสสุวรรณมาก่อน มัวทะเลาะกับยักษ์ปลอมเสียเวลาไป เหลือเวลาอีกประมาณ ๕ นาที จึงเข้าไปในสำนักงานท่านลุง

    วันนี้แปลกใจที่สำนักงานนี้ เท่าที่เคยเห็นรูปร่างเจ้าหน้าที่ทุกคน แม้แต่ท่านลุงทั้งสองเคยเป็นคนธรรมดา แต่วันนี้เป็นเทวดาและพรหมหมด ใส่ชฎากันเง้งงั้ง รูปร่างสวยชะโอดชะองมาก ถามท่านสหัมบดีพรหมว่า เป็นเพราะอะไร ท่านตอบว่า วันนี้มีจำเลยเหลืองมาก ที่ไปตามคุณมาเพื่ออยากจะให้รู้ว่า พวกเหลือง ถ้าทำชั่วมีผลตามนี้เป็นการเตือนคุณด้วยการให้ดูของจริง และเมื่อสอบสวนเหลือง จึงทรงเครื่องและรูปร่างตามความเป็นจริง แต่แต่งเครื่องแบบปกติสวมมงกุฎไม่ถึงเต็มอัตรา เวลาเดียวกันนี้ก็ได้ยินเจ้าหน้าที่โจทก์คณะเหลืองทั้งหลาย คำว่า เหลือง ไม่ได้หมายถึงพระสงฆ์ เป็นนักบวชอีกพวกหนึ่งที่ไม่มีธรรมวินัย ทำตนแบบชาวบ้านหลอกลวงเขากิน

    สรุปคำสอบสวน และเธอสารภาพตามนั้นว่า หัวหน้าที่ถูกสอบสวนนุ่งเหลือตั้งแต่อายุ ๑๐ ปีเศษ ตายเมื่อ ๗๐ ปีเศษ ตายมาแล้วไม่เกินหนึ่งปี รอการสอบสวนอยู่นาน แต่ว่าที่สำนักงานนี้ เวลาของเขาหนึ่งวันเท่ากับเวลาของเรา ๕๐ ปี เมื่อรอเกือบปีจึงยังไม่ถึงชั่วโมงของเขา รอไม่นานเลย

    ความประพฤติ


    ๑. ไม่เคารพพระธรรมวินัย
    ๒. สะสมทรัพย์สิน ชอบเอาของสงฆ์ (เงินสงฆ์) มาเป็นของตน เขาให้มาสร้าง ๑๐๐ บาท สร้างเพียง ๒๕ บาท นอกนั้นเก็บไว้เป็นของตนเอง (ขโมยเงินสงฆ์)
    ๓. ไม่เคยให้ใครกู้เงิน แต่ชอบซื้อที่ดินเก็บไว้ขายเมื่อมีราคาแพง
    ๔. ทำตนเคร่งครัดเรียบร้อยเจริญศรัทธาดี (หน้าเนื้อใจเสือ) คนหลงในมายา (เจ้าเล่ห์) ติดใจทำบุญให้มาก ๆ ที่อยู่สวยงาม เพราะความเป็นคนเจ้าเล่ห์
    ๕. เป็นนักเทศน์ประกาศธรรม แต่ตนเองไม่เคยทำตามนั้นเลย ประพฤติตัวชั่วช้า ตรงข้ามกับคำสอนที่สอนชาวบ้าน เป็นต้น เป็นอันว่าหัวหน้ารับเรียบร้อย เลยไม่ฟังลูกน้องหรืออาจเป็นคนละสำนัก แต่มีเกรดขนาดเดียวกัน ฟังลุงบอกว่า ทั้งหมดนี้ไปอเวจีหมด เพราะทำกรรมชั่วเป็นอาจิณกรรม เมื่อหมดเวลาท่านสอบสวนยังไม่เสร็จก็ลาท่านกลับ ด้วยคิดว่ากลับมากินข้าวดีกว่าฟังเรื่องคนเลวอย่างนั้น

    <!--?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:<o:p</o
    คำว่า พระยายม มีคนแนะนำว่าเขาเขียน พญายม เรื่องนี้ขอให้เป็นเรื่องของแต่ละคน ความจริงพระยายมท่านเป็นพรหมเป็นพระอริยเจ้า คำว่า พระ พรหม เทวดา ท่านแปลว่า ประเสริฐ เหมือนกับ พระอริยะ แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ที่ประเสริฐ คำว่า พญา ไม่ทราบว่า หมายความว่าอย่างไร จำได้เมื่อสมัย ท่านจอมพล ป.พิบูลสงคราม ท่านกำหนดให้มีบรรดาศักดิ์ใหม่ ท่านเรียกว่า พญา เจ้าพญา สมเด็จเจ้าพญา หนังสือพิมพ์ลงบทความคำว่า พญา เขาใช้กับพญาแร้ง ไม่ใช่กับคนผู้เป็นใหญ่ที่ประเสริฐ บรรดาศักดิ์สมัยนั้นเลยสลายตัวไป
    เรื่องลงผลรับเงินลงเฉพาะท่านที่ให้ประจำวัน มีชื่อบนซอง ก็ลงชื่อให้ด้วย ไม่มีชื่อก็ไม่ลงชื่อแต่ลงจำนวนเงินให้ ไม่ได้ลงชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติ ต่อไปจะให้เจ้าหน้าที่การเงิน บันทึกชื่อท่านที่ส่งทางธนาณัติมาให้เพื่อลงรายการและชื่อของท่านในบันทึกประจำวันนี้
    วันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๓๑
    วันนี้ตอนเช้าไม่ว่างมีภารกิจในห้องมาก เกี่ยวกับบัญชีและหนังสือ ต้องเซ็นชื่อเป็นร้อยชื่อ และคำนึงถึงเรื่องกระแสไฟฟ้าที่ใช้ไฟฟ้าของการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอยู่ ราคาแพงขึ้นทุกวัน ต้องจ่ายเดือนละประมาณแปดหมื่นบาทเศษ เมื่อติดตั้งหม้อแปลงให้โรงเรียนพระสุธรรมยานเถระวิทยา เดือนแรกเธอเก็บค่าไฟ ๘๐๐ บาทเศษ เดือนที่สองเธอเก็บ ๙,๐๐๐ บาทเศษ ติดว่าเดือนต่อไปคงเก็บส่งเดชมากกว่านี้
    เท่าที่เป็นอยู่ ดูเหมือนว่า เจ้าหน้าที่จดเลขไฟฟ้าที่ใช้ เธอไม่ได้อ่านตามความจริง ยืนอยู่ไกลแสนไกล เขียนเลขลงในกระดาษเลย คนหนุ่มที่อยู่ใกล้ ๆ มองตามเธอไม่เห็นเลขที่มิเตอร์วัดไฟ แสดงว่ายกเมฆเอาตามชอบใจ ทำอย่างนี้มาเป็นเวลาแรมปี เราก็จ่ายให้ แต่เมื่อมาพบเรื่องของโรงเรียนเข้า เด็กใช้ไฟเล็กน้อย ถ้าเก็บค่าไฟถึงพันบาทยังคิดว่าแพง แต่เธอเล่นเข้าเก้าพันบาทเศษ คิดว่าสงเคราะห์ผู้ยากจนไปก็แล้วกัน จึงหาทางทำไฟฟ้าใช้เอง ต้องจ่ายมากหรือน้อยจะได้ไม่สงสัย เครื่องกำเนิดไฟฟ้าของเรามี เพียงให้คนที่ไว้ใจคุมก็ทำได้แล้ว
    จึงเรียกเจ้าหน้าที่ปั๊มน้ำมันมาพบ ให้หาทางจัดหาน้ำมันให้พอใช้ เรียกช่างกลและช่างไฟฟ้ามาพบ เพื่อควบคุมเครื่อง ต่อเมื่อพร้อมแล้วจะเดินเครื่อง คิดว่าคงเดินเครื่องได้ภายในเดือนตุลาคม ๒๕๓๑ นี้ มีหลายรายบอกว่า ปั่นไฟใช้เองถูกกว่าซื้อไฟฟ้าองค์การฯ มาก จะถูกหรือแพงไม่ใช่ของแปลก ขอให้ทำตรงไปตรงมา แต่เท่าที่เป็นมาแล้วเขาทำตามใจชอบของตนเอง ผู้เขียนเองก็ป่วยหนักทำอะไรไม่ได้ แต่เวลานี้เริ่มเป็นคนพ้นจากผีประมาณ ๒๐% ก็เริ่มหาทางประหยัดต่อไป
    เมื่อเวลา ๑๐.๔๕ น. เสร็จงานที่ต้องรีบทำ พอจะพักเริ่มจับอานาปา เห็นท่านลุงท่านยืนอยู่ใกล้ ๆ ท่านบอกว่า ไปบ้านผมหน่อยซิ เมื่อท่านชวนก็มองดูนาฬิกา เห็นเวลาจะ ๑๑.๐๐ น. จึงบอกท่านว่า ใกล้เวลาอาหารแล้วขออนุญาตไม่ไปได้ไหม ท่านบอกว่าไปสัก ๕ นาทีก็พอ ท่านพูดแล้วท่านก็ออกเดิน จึงตามท่านไป เมื่อถึงเขตบ้านท่าน ท่านเข้าไปในสำนักงาน ผู้เขียนเดินไปห่างจากท่าน พอเข้าเขตก็เห็นท่านที่เคยรู้จักยืนอยู่มาก เป็นแถวกั้นทางเดิน พอเดินเข้าไปใกล้ ท่านหนึ่งที่ยืนอยู่หน้าท่านกลายเป็นยักษ์ เขี้ยวโง้งเง้ง หน้าใหญ่
    พอเห็นก็ทราบว่า ยักษ์ปลอม จึงบอกท่านว่า การเป็นยักษ์ไม่ควรจะเป็นท่าน ควรจะเป็นท่านเวสสุวรรณ ส่วนท่านเวสสุวรรณท่านยืนชิดติดด้านขวาของยักษ์ปลอม พอพูดจบ หน้ายักษ์ปลอมก็หายไป กลายเป็นท่านสหัมบดีพรหม ส่วนหน้าท่านเวสสุวรรณกลายเป็นยักษ์ไปเลย จึงพูดว่า พอทีเถอะบรรดายักษ์กระดาษทั้งหลาย ยักษ์เลยสลายตัวไป เมื่อถามท่านสหัมบดีพรหมว่า ทำไมท่านจึงกลายเป็นยักษ์ได้ ท่านบอกว่า ผมเคยเป็นเวสสุวรรณมาก่อน มัวทะเลาะกับยักษ์ปลอมเสียเวลาไป เหลือเวลาอีกประมาณ ๕ นาที จึงเข้าไปในสำนักงานท่านลุง
    วันนี้แปลกใจที่สำนักงานนี้ เท่าที่เคยเห็นรูปร่างเจ้าหน้าที่ทุกคน แม้แต่ท่านลุงทั้งสองเคยเป็นคนธรรมดา แต่วันนี้เป็นเทวดาและพรหมหมด ใส่ชฎากันเง้งงั้ง รูปร่างสวยชะโอดชะองมาก ถามท่านสหัมบดีพรหมว่า เป็นเพราะอะไร ท่านตอบว่า วันนี้มีจำเลยเหลืองมาก ที่ไปตามคุณมาเพื่ออยากจะให้รู้ว่า พวกเหลือง ถ้าทำชั่วมีผลตามนี้เป็นการเตือนคุณด้วยการให้ดูของจริง และเมื่อสอบสวนเหลือง จึงทรงเครื่องและรูปร่างตามความเป็นจริง แต่แต่งเครื่องแบบปกติสวมมงกุฎไม่ถึงเต็มอัตรา เวลาเดียวกันนี้ก็ได้ยินเจ้าหน้าที่โจทก์คณะเหลืองทั้งหลาย คำว่า เหลือง ไม่ได้หมายถึงพระสงฆ์ เป็นนักบวชอีกพวกหนึ่งที่ไม่มีธรรมวินัย ทำตนแบบชาวบ้านหลอกลวงเขากิน
    สรุปคำสอบสวน และเธอสารภาพตามนั้นว่า หัวหน้าที่ถูกสอบสวนนุ่งเหลือตั้งแต่อายุ ๑๐ ปีเศษ ตายเมื่อ ๗๐ ปีเศษ ตายมาแล้วไม่เกินหนึ่งปี รอการสอบสวนอยู่นาน แต่ว่าที่สำนักงานนี้ เวลาของเขาหนึ่งวันเท่ากับเวลาของเรา ๕๐ ปี เมื่อรอเกือบปีจึงยังไม่ถึงชั่วโมงของเขา รอไม่นานเลย
    <o:p></o>
    ความประพฤติ

    <o:p></o>
    . ไม่เคารพพระธรรมวินัย
    . สะสมทรัพย์สิน ชอบเอาของสงฆ์ (เงินสงฆ์) มาเป็นของตน เขาให้มาสร้าง ๑๐๐ บาท สร้างเพียง ๒๕ บาท นอกนั้นเก็บไว้เป็นของตนเอง (ขโมยเงินสงฆ์)
    . ไม่เคยให้ใครกู้เงิน แต่ชอบซื้อที่ดินเก็บไว้ขายเมื่อมีราคาแพง
    . ทำตนเคร่งครัดเรียบร้อยเจริญศรัทธาดี (หน้าเนื้อใจเสือ) คนหลงในมายา (เจ้าเล่ห์) ติดใจทำบุญให้มาก ๆ ที่อยู่สวยงาม เพราะความเป็นคนเจ้าเล่ห์
    . เป็นนักเทศน์ประกาศธรรม แต่ตนเองไม่เคยทำตามนั้นเลย ประพฤติตัวชั่วช้า ตรงข้ามกับคำสอนที่สอนชาวบ้าน เป็นต้น เป็นอันว่าหัวหน้ารับเรียบร้อย เลยไม่ฟังลูกน้องหรืออาจเป็นคนละสำนัก แต่มีเกรดขนาดเดียวกัน ฟังลุงบอกว่า ทั้งหมดนี้ไปอเวจีหมด เพราะทำกรรมชั่วเป็นอาจิณกรรม เมื่อหมดเวลาท่านสอบสวนยังไม่เสร็จก็ลาท่านกลับ ด้วยคิดว่ากลับมากินข้าวดีกว่าฟังเรื่องคนเลวอย่างนั้น-->
     
  2. วิเศษชัยชาญ

    วิเศษชัยชาญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    1,869
    ค่าพลัง:
    +2,465
    ไปอเวจีนี่...ไม่ไหวเลยครับ โทษหนักมากเลยนี่ครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...