เมื่อเจ้ากรรมนายเวรไม่ยอมอโหสิกรรมให้

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย raming2555, 13 เมษายน 2013.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ตะกี้โพสต์ไม่ได้ขอลองใหม่อีกทีนะท่านเจ้าของกระทู้ ผิดพลาดประการใดขอให้ทุกท่านโปรดอภัยและอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เพราะท่านและผู้ที่เกี่ยวข้องมีอุดมการณ์ปกป้องพระศาสนา ปกป้องประเทศชาติ นอกจากการฆ่าแล้วสิ่งที่ท่านทำคือทรยศหลักหลังลูกน้องคนที่นับถือท่านโดยวิธีการที่โหดร้ายต่อจิตใจ นั่นคือสิ่งที่อภัยให้ยากมาก ศัตรูฆ่ายังพอทำใจ แต่คนที่เราศรัทธาเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้ว เขาเลือกยุทธวิธีทำร้ายเรา.... เจ้ากรรมนายเวรของท่านเขาก็มีอุดมการณ์เหมือนท่านมาก่อน จะขอเขียนแค่นี้ เพราะเหตุว่าตะกี้โพสต์ไม่ติด อาจโดยเหตุผลทางวิทยาศาสตร์หรือ เขาอยากให้ท่านคิดเอง
     
  2. raming2555

    raming2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,552
    ค่าพลัง:
    +18,993
    แม้ว่าอดีตที่ยาวนานนั้น จะผ่านไปแล้ว แต่กรรมชั่วที่ได้กระทำลงไปในครานั้น และอีกหลายคราในหลายๆชาติที่มาเกิด...โดยอ้างว่าเพื่อปกป้องพระพุทธศาสนา ปกป้องประเทศชาติ จึงต้องกระทำลงไปนั้น ... กรรมชั่วอย่างไรก็คือกรรมชั่ว ไม่อาจหาเหตุผลใดๆมากล่าวอ้างเพื่อแก้ตัวได้ ผมบันทึกเรื่องนี้ไว้เพื่อให้เป็นอุทธาหรณ์กับผู้ที่คิดจะทำชั่ว ให้เห็นถึงสิ่งที่จะตามมา...

    ท่านที่อ่านมาตั้งแต่ต้น ก็จะเห็นว่า ทำไมเจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ จึงไม่อาจให้อภัยได้ ไม่ว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศล เข้ากรรมฐาน อาศัยบารมีครูบาอาจารย์ช่วยอย่างไรก็ตาม แม้ว่ากาลเวลาผ่านมานับกัปป์แล้วก็ไม่ยอมอโหสิกรรมให้ ท่านก็คงเห็นแล้วว่าความชั่วระดับนี้มันอภัยไม่ลง...
    ท่านที่จะอุทิศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้ โดยปรารถนาดีมีเมตตานั้น ก็ขอได้โปรดอย่าไปทำเลย ด้วยเพราะจะเป็นวิบากต่อท่านเสียเปล่า เจ้ากรรมนายเวรเหล่านี้จะทำร้ายเอาได้ ด้วยถูกเข้าใจว่าจะมาช่วยผม... เขาไม่เข้าใจหรอกว่านี่คือความปรารถนาดีของท่านที่มีเมตตาธรรม เป็นความดีเฉพาะตัวของแต่ละท่าน ... ด้วยเพราะดวงจิตวิญญาณเหล่านี้มีความโกรธแค้น เกลียด อาฆาต หล่อหลอมจนเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันไปแล้ว มโนธรรมทั้งหลายไม่อาจเกิดขึ้นในจิตได้ การคิดนึกจึงแตกต่างจากมนุษย์ปุถุชน ดังนั้นการจะเอาความคิดนึกเราไปเหมาว่าเขาทั้งหลายจะเข้าใจแบบเดียวกันนั้นย่อมไม่ได้...

    ส่วนการจะโกรธเกลียดสาปแช่งผมนั้น ก็ขอบอกว่าไม่มีประโยชน์เช่นกัน ด้วยเพราะใครทำกรรมใดไว้ ตนจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น...ส่วนตัวผมไม่ต้องการให้เรื่องราวนี้ไปกระทบหรือทำร้ายกับท่านผู้อ่านไปด้วย... เนื่องเพราะแม้ครูบาอาจารย์ที่ท่านพ้นโลกไปแล้วก็ดี ที่ทรงคุณวิเศษซึ่งยังมีชีวิตอยู่ก็ตาม ท่านไม่ขอเกี่ยวข้องด้วย ไม่แม้จะเอ่ยถึง ถ้าผมจะเอ่ยถามก็จะโดนตวาด อย่างรุนแรง นั่นด้วยเพราะท่านแต่ละองค์รู้ดีกว่าการเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้จะต้องประสบกับอะไรเข้าบ้าง...ไม่ใช่ว่าท่านเหล่านั้นกลัว แต่เป็นสิ่งที่ท่านทั้งหลายนั้นไม่ควรต้องได้รับผลกระทบไปด้วย จากการกระทำที่ผมเคยก่อเอาไว้... แม้มีครูบาอาจารย์บางท่านที่ได้เคยร่วมรบด้วยกันมา ท่านก็ได้รับผลกรรมของท่านไปแล้ว ด้วยโรคภัยที่ทรมานแสนสาหัสจนมรณะภาพในที่สุด...

    เมื่อไม่นานมานี้ ผมยังได้เจอเข้ากับกลุ่มคนเล็กๆกลุ่มหนึ่ง ที่ผมเคยเข่นฆ่าเขาไว้ในสงครามเมื่อช่วง 1300-1400 ปีก่อน เป็นการไล่เข่นฆ่าขอมดำ ซึ่งเคยยึดครองแผ่นดินแถบนี้มาก่อน ... มีสิ่งใดที่ผมจะช่วยเขาได้ จะให้เขาได้ ผมทำให้หมด เพียงแต่ขอให้อโหสิกรรมให้เพียงเท่านั้นเอง..ซึ่งก็ไม่ได้อโหสิกรรมให้ ทั้งนี้ท่านเหล่านั้นบอกว่า เห็นผมว่าเป็นคนดีอยู่แล้วเราคงไม่มีเรื่องราวร้ายๆต่อกัน ดังนั้นการอโหสิกรรมให้กันจึงไม่มีความจำเป็นแต่อย่างไร...

    นี่ผมไม่ได้โทษคนเหล่านั้นที่ไม่อโหสิกรรมให้ ด้วยเพราะกฎของกรรมได้บีบคั้นคนทั้งหลายเหล่านั้นไว้ ยังคงอโหสิกรรมให้ไม่ได้อยู่นั่นเอง จนกว่าจะใช้กรรมที่ทำมาในระยะที่เวลาของกรรมนั้นให้ผลเสียก่อน...ซึ่งเมื่อไรก็ไม่รู้...
    เรื่องกฎของกรรมเป็นเรื่องซับซ้อนเกี่ยวก่ายกันไว้อยู่มาก ลำพังนักปฏิบัติทั้งหลายย่อมไม่อาจเข้าถึงได้ในรายละเอียด ซึ่งผมเชื่อว่าจะมีก็เพียงองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเท่านั้นที่จะแจ้งโดยละเอียด...และก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อรู้แล้วเจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิกรรมให้ได้...ดังตัวอย่างของพระเทวฑัตเป็นต้น แม้ยังมีชีวิตอยู่ ทรงอภิญญา 5 ล่วงรู้กรรมเก่าในอดีตได้ กระทั่งพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าเหตุแห่งการจองเวรเอาไว้...เวลานั้นหากพระเทวฑัตจะกล่าวอโหสิกรรมต่อหน้า องค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า การจองเวรที่เคยผูกพันมาย่อมจะจบสิ้น ดังความเข้าใจของท่านทั้งหลาย... แต่พระเทวฑัตเวลานั้น ก็ไม่เคยได้กล่าวอโหสิกรรมต่อหน้าพระผู้มีพระภาคเจ้า...ทั้งนี้เพราะอะไร? เบื้องหลังเรื่องนี้ก็ขอไม่เล่าต่อ...เพียงเกริ่นมาให้ฟังเป็นอุทธาหรณ์เท่านั้นว่า ไม่ใช่ว่าจะมีการอโหสิกรรมได้เสมอไปนะ...และการอโหสิกรรมก็เพียงการระงับเวรที่ไม่มีต่อกัน แต่กรรมเก่าที่เคยทำไว้ อย่างไรก็ยังคงต้องรับ จะหนีอย่างไร ก็หนีไปได้ระยะหนึ่ง หากจะไปให้ถึงที่สุดก็มีอยู่ที่เดียว ดังที่ทุกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว...แต่กว่าวันนั้นจะมาถึง อะไรจะเกิดขึ้น ก็ต้องว่ากันไป ตามเหตุตามปัจจัย...

    กระทู้นี้เดิมทีอยากให้ ตกๆไปเสีย ด้วยเกรงว่า ท่านผู้อ่านจะได้รับผลกระทบจากความปรารถนาดีของท่าน หรือด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ดี...แทนที่จะเป็นผลดีที่ผมนำความชั่วของตัวเองออกมาประจาน ก็จะกลายเป็นการทำร้ายท่านทั้งหลายไปเสีย...ดังนั้นหากมีการโพสต่อท้ายจากกระทู้นี้ ด้วยเจตนาอันดีใดๆของท่านทั้งหลาย ผมคงต้องขอลบกระทู้นี้ทิ้งเสีย เพื่อป้องกันไม่ให้มีภัยใดๆอันเนื่องจากความเลวที่ผมได้เคยกระทำไว้ จะไปกระทบกระเทือนถึงพวกท่านที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบกันอยู่...จึงขอจบกระทู้นี้ ไว้แต่เพียงเท่านี้...สวัสดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...