เรารักพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย

​

 

​

 

​

วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน ประจำปี พ. ศ. 2499 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชรัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางนาถ เจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ (พระอภิไธยใน ขณะนั้น) ทรงเสด็จไปเปิดงานกาชาด ซึ่งเป็นปีที่สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงดำรง ตำแหน่งสภานายิกาสภากาชาดไทยเป็นปีแรก

Cr.ภาพและความรู้จากช่างเอกบางบัวทอง

 

​

 

นายปีเตอร์ คัมมินส์ อายุ 82 ปี สัญชาติออสเตรเลีย อดีตนายกสมาคมสโมสรเรือใบราชวรุณในพระบรมราชูปถัมภ์ เปิดเผยว่า ใน พ.ศ.2514 ได้ทำงานที่สหประชาชาติในตำแหน่งฝ่ายประชาสัมพันธ์ ทำหน้าที่ในการแจ้งข่าวให้กับสำนักพิมพ์ต่างๆ ต่อมาใน พ.ศ.2528 ขณะนั้นได้ถูกสั่งให้ไปทำข่าวเกี่ยวกับกีฬาเรือใบที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยวันนั้นมีนักกีฬาเรือใบไทยรวมกันเกือบ 300 คน เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตนเป็นชาวต่างชาติเพียงคนเดียวที่ได้รับเชิญจาก หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีใจที่สุดรองจากการมีชีวิต คือการได้เข้าเฝ้าฯ พระองค์

“รู้สึกผูกพันกับในหลวงมาก ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เมื่อครั้งที่ในหลวง ตรัสว่า “กลับมาพบกับข้าพเจ้าที่วังไกลกังวล ได้ทุกเมื่อที่เธอต้องการ” พระองค์ท่านไม่เคยถือพระองค์ ถึงแม้ว่าท่านจะเป็นถึงพระมหากษัตริย์ ท่านวางพระองค์เป็นธรรมชาติ เฉกเช่นคนธรรมดาที่มีอารมณ์ขัน และโปรดปรานกีฬาเรือใบอย่างมาก รู้สึกเป็นความประทับใจอย่างสุดซึ้งที่ชีวิตนี้ที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯ อย่างใกล้ชิดขณะทำงานเกี่ยวกับกีฬาเรือใบที่ท่านโปรด”

ส่วนภาพถ่ายยืนอยู่กับพระองค์บริเวณริมชายหาด นายปีเตอร์ เล่าด้วยสีหน้าที่มีความสุขว่า ภาพนั้นเกิดขึ้นที่ชายหาดหัวหิน เป็นการพูดคุยกันหลังแข่งขันเรือใบกันเสร็จ พระองค์ตรัสว่า “เธอชนะข้าพเจ้าในเกมนี้ แต่เกมหน้าเธอจะไม่ชนะ” จึงทูลถามพระองค์ว่าถ้าไม่ชนะครั้งนี้กระหม่อมจะได้ที่เท่าไร พระองค์ตรัสตอบว่า “เธอจะได้ที่ 7 ในเกมนี้” นายปีเตอร์ จึงตอบว่า กระหม่อมไม่เอาที่ 7 แต่กระหม่อม อยากจะได้ที่ 3

นายปีเตอร์ เล่าอีกว่า พระองค์ไม่เคยสนพระทัยผู้แข่งขันคนอื่น แต่สนพระทัยเพียงเรือของพระองค์ สภาพลม และคลื่นทะเล พระองค์เป็นนักกีฬาเรือใบที่มีพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง จากที่เห็นในข่าวที่ทรงได้รับรางวัลเหรียญทองจากการแข่งขันในอดีตที่ผ่านมา เช่น การแข่งขันเรือใบ ในกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 ในวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ.2510 ถือว่าเป็นวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ ที่พระองค์ และทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ทรงครองเหรียญทองร่วมกัน จึงทำให้วันที่ 16 ธันวาคมของทุกปี เป็นวันกีฬาแห่งชาติ

สุดท้ายนายปีเตอร์ เปิดเผยความรู้สึกหลังจากทราบว่าพระองค์เสด็จสวรรคต ว่า “ผมเสียใจอย่างมาก ไม่เคยรู้สึกเสียใจเท่านี้ พระองค์เป็นคนที่ดีและงดงาม หากโลกเรามีกษัตริย์อย่างพระองค์อีกมากๆ โลกเราคงไม่มีปัญหา ผมดีใจที่ได้อยู่เมืองไทย แล้วได้เล่นเรือใบกับในหลวง พอได้ยินข่าวผมเสียใจมาก ผมร้องไห้ทุกครั้งเมื่อคิดถึงในหลวง ชีวิตที่เหลือขออยู่ที่ประเทศไทย และขอเป็นข้ารองพระบาทจนวันสุดท้ายของชีวิต”

 

​

 

​

 

​

 

พระหีบ-พระโกศจันทน์ทรงพระบรมศพในหลวงรัชกาลที่ 9

​

 

​

 

สำหรับท่านที่มานั้น ไม่ว่าจะมาจากเส้นทางใดก็ตามสามารถเลือกเข้าประตูจุดคัดกรอง ณ จุดใดจุดหนึ่งก็ตาม โดยปัจจุบันนี้มีประตูจุดคัดกรองทั้ง 5 จุดที่เปิดให้บริการเพื่อเข้าไปด้านในสนามหลวงและเข้ากราบพระบรมศพภายในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท โดยประตูจุดคัดกรองมี 5 จุด ดังนี้

1.ประตูคัดกรองหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ( แยกผ่านพิภพลีลา ) เปิด 04.00 – 21.00 น. **ประตูนี้จะเป็นประตูที่ใกล้กับจุดเข้าสนามหลวงและซุ้มบริการอาหารตรงพระแม่ธรณีด้วย

2.ประตูคัดกรองธรรมศาสตร์ ( ถ.หน้าพระธาตุ ) เปิด 04.00 – 21.00 น. ***ถ้าหากจำนวนคนในสนามหลวงมาก จะให้ไปเข้าประตูคัดกรองหน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์

3.ประตูคัดกรองท่าช้าง เปิด 04.00 – 21.00 น. สำหรับท่านที่มาทางเรือ สามารถเข้าประตูนี้และเดินมาตาม ถ.หน้าพระลาน เพื่อตรงเข้าจุดเข้าสนามหลวงได้เลย

4.ประตูคัดกรอง ถ.กัลยาณไมตรี ( ข้างกระทรวงกลาโหม ) เปิด 04.00 – 21.00 น. สำหรับท่านที่มาจากเสาชิงช้า

5.ประตูคัดกรองวงเวียน ร.ด. ( ข้างสวนสราญรมย์ ) เปิด 04.00 – 21.00 น. ใกล้กับวัดโพธิ์ ท่าเตียน เดินตรงมาจาก ถ.สนามไชย ตรงถึงพระแม่ธรณี โดยจะมีรถบัสให้บริการเป็นระยะๆ

***ประตูพระบรมมหาราชวังเปิด 05.00 – จนกว่าจะหมดคนสุดท้ายที่เข้ากราบพระบรมศพ

***ท่านที่จะเดินผ่านประตูคัดกรองทั้ง 5 จุด ต้องได้รับการตรวจบัตรประชาชนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยทุกครั้ง ฉะนั้นเมื่อผ่านเข้ามาไม่ว่าจะมากราบพระบรมศพหรือมาวัดพระแก้วต้องผ่านการตรวจทุกครั้ง ส่วนชาวต่างชาติตรวจ passport หรือบัตรประจำตัว

***เมื่อออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว จะต้องเดินออกทางประตูวิมานเทเวศร์ ด้าน ถ.หน้าพระลาน ตรงข้าม ม.ศิลปากร ยกเลิกการออกทางประตูเทวาภิรมย์ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม ที่ผ่านมา

***เมื่อออกประตูวิมานเทเวศร์มาแล้ว หากจะใช้บริการรถมอเตอร์ไซด์จิตอาสาและรถโดยสารประจำทางฟรี ให้เดินออกประตูคัดกรองท่าช้างเท่านั้น หรือต้องการเดินออกจากประตูคัดกรองในจุดอื่นก็ได้

***บัตรประชาชน ช้ำสำหรับตรวจสอบเมื่อผ่านตรงประตูจุดคัดกรองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ตอนออกไม่ต้องใช้ แต่ถ้าออกไปแล้วกลับมาใหม่ต้องเริ่มการตรวจใหม่อีกครั้ง

***ไม่มีการแจกบัตรคิวเข้ากราบพระบรมศพ ท่านที่จะมากายพร้อม ใจพร้อมและเดินเข้าประตูจุดคัดกรอง ณ จุดใดจุดหนึ่งและไปตามคำสั่งเจ้าหน้าที่ที่อำนวยความสะดวกตามระยะๆ

***สำหรับประชาชนที่จะมากราบพระบรมศพ สามารถมาได้ทุกวันตั้งแต่เวลาก่อน 04.00 น. จนไปถึงก่อนเวลาประตูคัดกรองปิดประมาณสัก 20 นาที ประตูคัดกรองทุกจุดปิด 21.00 น.

​

 

เมื่อเดินออกจากสนามหลวงแล้ว ประชาชนที่มากราบพระบรมศพจะเดินเข้าประตูพระบรมมหาราชวัง ได้ ๒ ประตู ตามกำหนดเวลา ดังนี้

เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. จะเข้าทาง #ประตูมณีนพรัตน์ เดินเข้าพระระเบียงวัดพระแก้ว โดยเดินเป็นแถวหน้ากระดานเรียง ๓ แถว และเดินตรงไปจนสุดพระระเบียงจะออกยังหน้าพระที่นั่งอมรินทรวินิจฉัย และเลี้ยวขวาเข้าถนนอมรวิถี ผ่านยังพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทและตรงเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ***ไปตามเส้นสีแดงและเส้นสีชมพู***

เวลา ๐๕.๐๐ - ๐๘.๐๐ น. และ ๑๖.๐๐ น. เป็นต้นไป เดินเข้าทาง #ประตูวิเศษไชยศรี เดินไปตามถนนจักรีจรัล ผ่านสนามหลังวัดพระแก้ว ตรงผ่านประตูพิมานไชยศรี หน้าพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เลี้ยวขวาเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ***ไปตามเส้นสีแดง ตรงไปยังเส้นสีม่วงและเส้นสีชมพู***

*****#งดการถ่ายภาพทุกชนิดในขณะเดินแถว หากแถวเดินโปรดเดินไปก่อน อย่าแวะถ่ายรูป ควรเดินให้เป็นระเบียบ ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องแซงคิว ทุกคนได้เข้ากราบกันหมดแน่

*****#งดการถ่ายภาพทุกชนิด เมื่อย่างก้าวเข้าพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว และก่อนเข้าประตูพระที่นั่งฯ แถวหน้ากระดานจาก ๔ แถว ลดเหลือ ๒ แถว และเดินไปตามคำสั่งเจ้าหน้าที่

*****#โปรดแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อยเหมาะสม ทั้งสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษ เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนชุดในเต็นท์สนามหลวง

...เมื่อออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทแล้ว เดินไปตามเส้นสีน้ำเงิน ตรงออกไป ๒ แถว งดการถ่ายภาพบริเวณหน้าพระที่นั่งฯ เพราะแถวจะได้ระบายออกได้ไว และเดินรับอาหารเครื่องดื่มพระราชทานก่อนออกประตูวิมานเทเวศร์ เมื่อออกประตูพระบรมมหาราชวังแล้ว

#เลี้ยวซ้าย จะออกประตูท่าช้าง มีบริการรถเมล์ฟรีส่งถึงโรงแรมรัตนโกสินทร์ โดยผ่านท่าเตียน วงเวียน ร.ด. เศรษฐการ บ้านหม้อ ดิโอสนาม เสาชิงช้า ศาลาว่าการ กทม. แยกคอกวัว สุดที่โรงแรมรัตนโกสินทร์ / รถมอเตอร์ไซด์จิตอาสา มีบริการส่งฟรียังวงเวียน ร.ด. ท่าเตียน เชิงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ( ออกไปต่อรถเมล์ ) โรงละครแห่งชาติ วัดมหาธาตุฯ

#เลี้ยวขวา เดินอย่างเดียว เดินออกไปศาลหลักเมือง แยกผ่านพิภพลีลา ถนนกัลยาณไมตรี เสาชิงช้า สวนสราญรมย์ วงเวียน ร.ด. วัดโพธิ์ท่าเตียน แต่อาจจะมีรถให้บริการรับส่งตามประตูจุดคัดกรองแต่ละจุดหรือจะเดินก็ได้ตามอัธยาศัย

**-**เมื่อเดินเข้าในเต็นท์สนามหลวงจะไม่มีอาหารให้บริการ หากต้องการจะรับประทานอาหารให้ไปตรงซุ้มอาหารตรงพระแม่ธรณี รับประทานให้อิ่มท้องเลย ในสนามหลวงมีเพียงขวดน้ำดื่มแจกเท่านั้น ดื่มหมดอย่าทิ้งขวด เก็บไว้เติมน้ำดื่มตามจุดต่างๆ ได้ เพราะต้องใช้เวลารอนานมาก

​

 

​

 

สำหรับประชาชนที่เดินเข้าประตูจุดคัดกรองทั้ง 5 มาแล้ว ท่านจะต้องเดินไปตามแนว #เส้นสีชมพู ซึ่งทุกวันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะถึงวันปิดสักการะ จำนวนประชาชนจะมากทุกวัน ฉะนั้นไม่ว่าจะผ่านประตูคัดกรองจุดใดมาแล้วก็ตามจะต้องมาเริ่มต้นตรงจุดสีชมพูข้างศาลฎีกา แนว ถนนราชดำเนินใน **ถ้าแถวยาวมากจนล้นออกนอกประตูก็จะล่นแถวยาวออกไป และเดินไปตามแนวเส้นสีชมพู โดยจุดบริการสำคัญต่างๆ ในสนามหลวงเป็นไปตามดังนี้ ซึ่งในสนามหลวงจะมีเต็นท์พักคอยสำหรับประชาชนและจุดเติมน้ำดื่มอีกด้วย ฉะนั้นอย่าทิ้งขวดน้ำดื่ม และพอออกนอกประตูสนามหลวงจะแบ่งการเดินแถว ดังนี้

..เวลา 05.00 - 08.00 น. และ 16.00 น. เป็นต้นไป แถวจะเดินเข้าทาง #ประตูวิเศษไชยศรี

..เวลา 08.00 - 16.00 น. แถวจะเดินเข้าทาง #ประตูมณีนพรัตน์ เข้าวัดพระแก้ว

..โปรดทราบและเข้าใจตามนี้..

​

 

​

 

พสกนิกรชาวเหนือรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ประทับฉายพระบรมรูปร่วมกับรรดาเจ้านายฝ่ายเหนือ ณ คุ้มวงษ์ตวัน เมื่อ พ.ศ.2501

​

 

ในหลวง รัชกาลที่ 9 ในพิธีวางศิลาฤกษ์การก่อสร้างเขื่อนภูมิพล วันที่ 24 มิถุนายน 2504

​

 

​

 

​

 

พระราชดำรัสเศรษฐกิจพอเพียง

ถ้าสามารถที่จะเปลี่ยนให้กลับเป็นเศรษฐกิจแบบพอเพียง
ไม่ต้องทั้งหมดแม้จะไม่ถึงครึ่ง อาจจะเศษหนึ่งส่วนสี่ ก็จะสามารถที่จะอยู่ได้
การแก้ไขจะต้องการแก้ไขจะต้องใช้เวลา ไม่ใช่ง่าย ๆ
โดยมากคนก็ใจร้อนเพราะเดือดร้อนแต่ว่าถ้า
ทำตั้งแตเดี๋ยวนี้ก็จะสามารถที่จะแก้ไขได้

การจะเป็นเสือนั้นมันไม่สำคัญ สำคัญอยู่ที่เราพออยู่ พอกิน
และมีเศรษฐกิจการเป็นอยู่แบบพอมีพอกิน แบบพอมีพอกินหมายความว่า
อุ้มชูตัวเองได้ให้มีพอเพียงกับตัวเอง

อันนี้เคยบอกว่า ความพอเพียงนี้ไม่ได้หมายความว่าทุกครอบครัวจะต้อง
ผลิตอาหารของตัวจะต้องทอผ้าใส่ให้ตัวเองสำหรับครอบครัวอย่างนั้นมันเกินไป
แต่ว่าในหมู่บ้านหรือในอำเภอ จะต้องมีความพอเพียงพอสมควร บางสิ่ง บางอย่างที่ผลิตได้
มากกว่าความต้องการก็ขายได้แต่ขายในที่ไม่ห่างไกลเท่าไร ไม่ต้องเสียค่าขนส่งมากนัก
*************************************