เรื่องกสิณลมครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย RYO, 21 กันยายน 2013.

  1. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    คือสงสัยเกี่ยวกับกสิณลมว่า การที่เราเพ่งต้นไม้ที่ไหวไปไหวมาเนี่ย แต่ต้นไม้แต่ละต้นมันไม่เหมือนกัน บางทีอยู่ต่างสถาณที่เราสามารถสลับต้นไม้ที่เราจะเพ่งไปมาได้ไหม หรือใครมีคำแนะนำอะไรเพิ่มเติมผมก็ขอความกรุณาด้วยครับ สาธุ
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ผมขอแนะนำว่า.กสิณลม.ให้ฝึกแบบตาเปล่าแล้วมองไปในอากาศ
    ที่ใสอย่าให้มีวัตถุใดอยู่ใกล้ๆ.เช่นมองท้องฟ้ากว้างๆ.แต่หาที่มองดีๆ
    นะครับเด่ว.คนเค้าว่าเราเพี้ยนได้ ฮ่าๆๆ
    จะเข้าอุคคนิมิตรกสิณลมได้ง่ายกว่า..มีเหตุผลคือกสิณลมกับกสิณ
    อากาศค่อนข้างคล้ายกันมากในส่วนนิมิตร.แม้แแต่ส่วนพลังงาน
    ที่เราเรียกมาสัมผัสได้ก็ยังคล้ายกัน..และการไปมองใบ้ไม้ไหวจะ
    ทำให้เราตัดสภาพแวดล้อมที่ไม่เกี่ยวกับลมออกได้ยากครับ สภาพแวด
    ล้อมพวกนี้คือตัวขวางการเข้านิมิตรเรา.มอง
    ไปซักพัก พอจิตเริ่มเป็นทิพย์จะเห็นความแตกต่างระหว่างอากาศ
    กับนิมิตรกสิณลมได้.คือจะใสกว่าแต่จะดูคล้ายว่าเป็นแผ่นพลาสติก
    ใสๆหนาๆ เป็นวงกลมชัดเจน.เอาประมาณนี้ค่อยว่ากันครับ.
    และถ้าฝึกแบบหลับตา.พอเลยอุคหนิมิตร.โอกาสที่เราจะโดนนิมิตรกสิณ
    ดูดไปนั่งแง๋วๆ อีกมิติ หรือ ไม่อยู่ดีๆสภาพแวดล้อมเราเหมือนมีฉากเลื่อน
    เข้ามาเร็วมาก.แต่ปัญหาคือในมิตินี้จะเรียกกสิณลมมาฝึกสร้าง
    กำลังจิตได้ยากครับ...
    ถือว่าเล่าให้ฟังนะครับ..แลกเปลี่ยนความเห็นกันครับ
     
  3. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    ฝึกกสิณ ต้องพยายามสร้างนิมิตขึ้นมาให้ได้ ถึงจะไปต่อได้

    ความแตกต่างของนิมิตของกสิณอากาศกับของกสิณลม คือ ความหยุดนิ่ง (Statics) กับความเคลื่อนไหว (Dynamics) นั่นเอง อันนี้ เป็นการอธิบายอย่างหยาบๆ สำหรับการทำความเข้าใจในเบื้องต้น

    ที่ท่านให้มองใบไม้ ที่ไหวเอนยามต้องลม ก็เพราะว่า กระแสลม เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น ดังนั้น จึงต้องอาศัยมองใบไม้ที่ไหวเอนยามต้องลม มาเป็นสิ่งเทียบเคียง จากนั้น จึงสร้างเป็นนิมิตของกระแสลมขึ้นมาต่อไป

    ดังนั้น จะเปลี่ยนสถานที่ฝึก จะเปลี่ยนต้นไม้ที่ใช้ฝึก ก็ไม่ได้เป็นสาระสำคัญแต่อย่างใด เพราะสิ่งที่สำคัญ ที่จะต้องพิจารณา คือ กลุ่มของพลังงาน ที่กำลังผลักดันใบไม้ ให้ไหวเอนนั่นเอง

    สำหรับข้อแนะนำเพิ่มเติม ในเบื้องต้น เอากันแค่นี้พอครับ พยายามสร้างนิมิตขึ้นมาให้ได้ก่อน อย่าเพิ่งไปพิจารณาเรื่องความเป็นทิพย์ เรื่องภพภูมิ เรื่องของมิติซ่อนเร้นให้วุ่นวายเลย

    เรื่องของการฝึกกสิณลม ในเว็บนี้มีข้อแนะนำการฝึกตามแบบของครูบาอาจารย์อยู่แล้ว ลองหาเวลาว่างๆ มาไล่เปิดอ่านดู สามารถศึกษาและฝึกปฏิบัติตามได้ทันทีครับ
     
  4. RYO

    RYO เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2005
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +456
    ขออีกคำถามครับ เราสามารถใช้ลมทีี่มากระทบตัวได้ไหมครับ ผมอ่านตามทั่วๆไปเขาก็บอกว่าได้ แต่ผมฟังจากธรรมเทศนาของหลวงพ่อฤาษีท่านไม่ได้พูดถึง ท่านบอกแต่เพียงว่าใช้ใบไม้ที่ไหวครับ ขอบคุณทุกๆท่านนะครับ สาธุ
     
  5. solardust

    solardust เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    250
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +1,770
    ใช้ลมกระทบตัวก็ได้ครับ

    เคยได้ยินมา 2 วิธี
    1.นั่งนิ่งๆ เอามือโบก ผ่านอากาศ แล้วนึกภาพของลมที่ปะทะผิวที่มือเอา
    2.นั่งนิ่งๆ แล้วเปิดพัดลมเป่าเอา แล้วกำหนดแอเรียที่ลมปะทะไว้ซักจุดนึง แล้วนึกภาพของลมที่มาปะทะผิวที่แอเรียนั้นๆ

    วิธีแรก ถ้าจำไม่ผิด น่าจะมาจาก วิสุทธิมรรค
    วิธีที่สอง ไปเจอในเว็ปธรรมมะเว็ปหนึ่ง นานมาแล้ว เป็นคำแนะนำ จากพระรุ่นหลังๆที่ตอบปัญหาเรื่องการฝึกกสิณให้โยมที่ไปถาม แต่จำไม่ได้ว่าพระองค์ไหน

    อุคคนิมิต จาก กสิณลม ตามตำรา (ไม่เคยเห็นเอง) จะเป็นเหมือนกลุ่มไอน้ำที่เห็นตอนเปิดฝาหม้อข้าวที่เพิ่งสุกใหม่ๆ มีอาการไหวไปมาเล็กน้อย
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ตอบว่าได้ครับ.คืออย่างนี้ครับ.เด่วฟังที่จะเล่าให้ฟัง.
    ถือว่าเป็นเรื่องเล่า.อย่าพึงสนใจอะไรนะครับ.เอาว่าอ่านเล่นๆแล้วกัน
    เพราะผมมีความรู้สึกต่อไปในอนาคต คุณจะไม่ถูกจำกัดวงการใช้งานได้แค่ในนิมิตรที่สัมผัสได้แต่ตนเอง
    คนอื่นสัมผัสไม่ได้และนำไปใช้ประโยชน์ที่ก่อเกิดประโยชน์
    ให้บุคคลอื่นๆไม่ได้.เพราะรู้สึกว่าคุณจะตั้งปลายทางการนำไป
    ใช้งานเพื่อช่วยเหลือคนไว้แบบไม่หวังผลตอบแทนไว้อยู่.

    และคุณมีโอกาสที่ผ่านด่านทดสอบจาก
    ทางภพภูมิส่วนที่เป็นพระ..อาจมีการแนะนำเทคนิคบางในระหว่างฝึกร่วมด้วย
    และจะได้กำลังสนับสนุนเรื่องการใช้งานกสิณกองต่างๆเพื่อนำไปใช้งานที่เป็น
    รูปธรรมจับต้องได้และเป็นประโยชน์เพื่อใช้ในทางธรรมทางด้านต่างๆ
    จากฝ่ายพระอาจารย์ในดงและท่านมหาฤาษีต่างๆที่จะคอยแนะนำ
    เทคนิคการใช้ในอนาคตได้ต่อไป.

    แต่คุณต้องระวังการเข้าไปยุ่งเกียวกับความรู้ในส่วนของ วิชา๓ หรือ เตวิชโช
    และระวังอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับกิริยาของคนอื่นๆ.
    ไม่ว่าจะการได้อ่านหรือการได้เห็นได้ยินก็ตาม.
    หลักให้ระวังเรื่อง ปฏิฆะให้ดี ให้มีน้อยที่สุดถึงที่สุดนะครับ
    ใครจะฝึกอย่างไรก็ปล่อยเค้าไปแม้ว่าเราจะรู้อะไรๆก็ตาม
    หรือแม้ว่าเค้าจะว่าจะแซะเราก็ตามเรื่องของเค้าอย่าไปสนใจ.

    แม้ว่าตอนนี้จะอยู่ใช่ช่วงเริ่มต้น.แต่ก็มีโอกาสฝึกสำเร็จได้เร็ว
    ให้เราพยายามมองในส่วนความรู้สึกที่เป็นนามธรรมให้ออก
    .หากเราสังเกตุจะพบว่า.หลักการต่างๆ.ไม่ว่าท่านใดจะสอนก็ตาม.
    ทุกอย่างจะเป็นกุศโลบายในการโน้มเข้าหาในส่วนนามธรรม
    ของกสิณกองต่างๆทั้งนั้น.ไม่ว่าจะเป็นคำภาวนาเฉพาะ หรือแม้แต่การบริกรรมด้วยชื่อกสิณกองนั้นๆก็ตาม

    เพื่อเป็นแนวทางเดินในการสร้างกำลังจิตในเบื้องต้น.พอเราสร้างกำลัง
    จิตในส่วนนามธรรมจนจิตมีกำลังเพียงพอในระดับที่สามารถจะดึงขึ้นในเป็นพลัง
    งานในส่วนรูปธรรมได้..อย่าไปเน้นการใช้งานในนิมิตรนะครับ.
    ในนิมิตรเราไม่ได้เน้นเรื่องการใช้งานนะครับต้องเน้นเพื่อการสร้างกำลังจิตสำหรับกองนั้นๆหรือ
    หลายๆกองรวมกัน
    .ถึงจะสามารถเรียกขึ้นมาเป็นรูปธรรมแบบคนอื่นๆสามารถสัมผัสได้
    รู้สึกได้ชัด ถ้าเราไปเน้นการใช้งานในนิมิตรจะเป็นเหตุให้ขวาง
    การลดและกิเลสในใจเราได้เป็นอย่างดี
    พวกนี้เป็นตัวขวางการลด ละ กิเลสชิ้นโตเลยที่เดียว.

    .พอเราจับความรู้สึกตรงนี้ได้ ก็ฝึกต่อไปเรื่อยๆ.ตาม
    หลักการณ์หลวงพ่อที่คุณกล่าวถูกต้องแล้ว.แต่คุณต้องพยายามฟังให้ละเอียด
    ตั้งใจฟังดีๆ ท่านจะแทรกเทคนิคต่างๆที่ขวางการปฏิบัติเราให้ช้าไว้ด้วย.
    พอทำได้เรียกขึ้นมาได้แล้ว.เรื่องในการ หนุน
    การส่งกำลังไปยังที่อื่นๆ การสร้างลูกบอล การสร้างเกราะล้อมตัว
    การฝึกเพิ่มกำลังจิตและพัฒนากำลังสมาธิต่อไปจะเป็นส่วนภพภูมิในดง.
    ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะมีสัมพันธ์กับท่านใด.

    และการใช้งานต่อไป.หากมีเหตุกสิณพวกนี้จะขึ้นมาก่อน.
    ที่คุณจะนึกภาษาพูดได้และการใช้งานจริงๆที่เป็นประโยชน์
    .ถ้าเราจำไม่ได้ขอให้แค่พอนึกชื่อออก.เค้าจะขึ้นมาเอง.และจะใช้
    กองไหนบ้างกำลังตรงส่วนนี้จะขึ้นมาเองพร้อมกับความรู้สึกที่จะทำ
    ให้เราทราบว่าต้องใช้กองไหนแบบอัตโนมัติ..
    เพราะการนึกเหมือนแค่เป็นแนวทางให้เลือกใช้.
    ที่เราได้ฝึกจากการสัมผัสในส่วนความรู้สึกที่เป็นนามธรรมอย่างที่กล่าว
    ไว้แล้วเบื้องต้นมาก่อนหน้านี้ครับ.

    เด่วว่ากันต่อครับ
     
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ต่อครับ.พวกนี้เป็นวิทยาศาสตร์ทางใจ ไม่ใช่มายากล และ
    ไม่ใช่ไสยศาสตร์..และไม่ใช่ว่าต่อให้คุณจะเก่งสมาธิลำเลิศเพียงใดก็ตาม
    ถ้าคุณไม่เป็นมิตรกับทั้ง ภพ รับรองชาตินี้หมดสิทธิ์ครับ.ทำอย่างไรนะหรือครับ..

    โลกมนุษย์เราเน้นตัดปฏิฆะเราต้องเป้าไว้ว่า เราจะไม่เป็นศัตรูกับใคร เป็นมิตรกับทุกคน แต่ไว้ใจได้แค่บางคน.
    .ทางภพล่างได้มาจากทานบารมี
    ในการอุทิศส่วนกุศลต่อไปจะเป็นที่รัก ของเทพ เทวดาทั้งหลาย
    ต่อไปจะมีพันธ์มิตรทางส่วนนี้เพิ่มมากขึ้น.

    ทางภพสูงได้มาจากพฤติกรรมการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันไม่ว่าในที่ลับหรือในที่แจ้ง
    จะได้รับเรื่องความเข้าใจในส่วนปัญญาบารมีที่จะทำให้เข้าใจ
    ในสมาธิและส่งเสริมเรื่องต่างๆที่จะตัดกิเลสในใจได้..

    พอจิตเราดีในระดับที่อยู่ในเกณฑ์ที่จะใช้งานได้ซึ่งมีฐานมาจากเมตตาเป็นทุน
    เราจะได้รับกำลังสนับสนุนการใช้ฤิทธิ์จากมหาเทพต่างๆ
    ในแต่ละด้านและการฝึกเสริมสร้างกำลังสมาธิและกำลังจิต และการเป็นเบื้องหลังสนับสนุนจากพระอาจารย์
    ในดงท่านที่มีสัมพันธ์กับเราได้เอง..

    .ผมเล่าเพื่อไว้ก่อนเลยนะครับ..
    เพราะต่อไปอาจไม่ค่อยมีเวลาได้เข้ามาเท่าไร.เนื่องจากภาระส่วนตัวทางโลก
    ขอบคุณมากครับ..ยังไงค่อยๆอ่านและค่อยๆคิดตามในสิ่งที่ได้กล่าวมาแล้ว
    ทั้งหมดนะครับจะทำให้ทราบแนวทางปฏิบัติและการตั้งปลายทางของตนเองได้

    มีข้อความให้อ่านเล่นๆครับ..
    การนั่งเรือเพื่อไปขึ้นอีกฝั่ง..เวลาขึ้นฝั่งได้แล้วเราจำเป็นต้องลงจากเรือเพื่อขึ้นฝั่ง
    และจะพบว่ามีคนที่ฉลาดๆกว่าก็ยืนมองดูอยู่บนฝั่งอีกด้านหนึ่งแล้ว
    และบางคนเราจะพบว่าก็คือคนก็คอยตะโกนบอกเราว่าให้มาทางนี้ ทางนั้น.พายเรืออย่างนี้
    .จะเข้าฝั่งได้เร็วเพราะมุนมองเค้าเห็นเส้นทางได้ชัดเจนกว่าเรามาก..

    ..เรานั่งเรืออย่างน้อยก็บอกได้ว่าเราจะไม่จมน้ำง่ายๆ..นอกจากเราจะกระโดดลง
    จากเรือนี่ก็คงไม่มีใครจะช่วยได้..เพราะฉนั้นใครที่เค้าชอบว่ายน้ำเพื่อไป
    ขึ้นฝั่งเดียวกันกับเรา.เราก็จะมองเห็นได้ง่าย.และมีโอกาสที่เราจะได้
    สงเคราะห์เค้าได้หากว่าเค้าเหนื่อยและหากเค้าว่ายน้ำมาอยู่ใกล้ๆเรา
    จะด้วยเหตุอะไรก็ตามด้วยการที่จะมาขอเกาะเรือเรา..
    แต่ใครที่เราจะเลือกให้เค้าขึ้นเรือมาด้วยหรือพอให้เค้าพัก
    แค่หายเหนื่อยเราจะรู้ได้เอง
    เพราะเราเห็นพฤติกรรมเค้าได้ก่อนจากมุมที่เรามองบนเรือ
    เพราะฉนั้นเค้าจะว่าเราติดเรื่องฤิทธิ์ก็เรื่องของเค้าครับ
    คิดซะว่ายังไงก็ปลายทางเดียวกัน.แต่เราก็ต้องพึงระลึกในใจตน
    เองเสมอนะครับว่า .แม้เราจะนั่งเรือ.เราก็มีโอกาสที่จะตกจากเรือได้เช่นกัน
    หากเรามีความประมาทในใจตนเอง....

    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  8. NICKAZ

    NICKAZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +812
    ผมชอบการตอบของคุณนพพะการนะ ในการตอบทุกครั้งแสดงให้เห็นว่าตั้งใจตอบจริงๆ โดยการเน้นสี เน้นคำ เพื่อให้การแสดงส่วนที่สำคัญที่ต้องการจะสื่อถึงผู้อ่านได้รับทราบ สามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน

    และที่สำมะคัญ พลอยทำให้ คนไม่ได้เรื่อง ไม่ได้ราวอย่างผม ได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลข่าวสารต่างๆ ไปพร้อมๆกับเจ้าของกระทู้อีกด้วย

    ขอเข้ามาคุยเป็นการคั่นเวลา เพื่อรอสมาชิกท่านอื่นๆ จะเข้ามาให้ความเห็นกันต่อไป ส่วนผมขอถอยออกไปห่างๆ และขอเรียนรู้ไปพร้อมๆกับเจ้าของกระทู้ด้วยคนนะครับ
     
  9. ยายทองประสา

    ยายทองประสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    805
    ค่าพลัง:
    +3,069
    ปักธงไว้ หรือมองธงชาติที่เสา เมื่อมีลมพัดธง ก็มองธงพัด รับรู้อาการเคลื่อนไหวของธง กำหนดรู้ลม
    หากจิตละเอียดพอก็กำหนดรู้ลมกระทบกาย แม้กระทบเบาๆ ก็รู้ได้
    จนถึงขั้นไม่มีลมอยู่ในห้องปิด ก็กำหนดนึกถึงลมพัดได้ นึกถึงภาพธงปลิวได้ ก็สบายละครับ
    เมื่อทำได้แล้ว ตอนกำหนดลมพัดร่างกาย เราจะเอาพัดเบาพัดแรงก็ได้ เย็นสบายเลยทีเดียว
    กำหนดเอาลมพัดผ่านทะลุร่างกายก็ได้ สบายกายอารมย์เบาไม่หนัก กำหนดกายลอยไปตามลมพัด ระวังจะไปโผลเอาอีกที่นึงนะครับ ;))
     
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ๔๐ กอง

    โดย พระราชพหรมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)​

    วาโยกสิณ

    วาโยกสิณ แปลว่า เพ่งลม การถือเอาลมเป็นนิมิตนั้น ท่านกล่าวว่าจะถือเอาด้วยการ เห็นหรือจะถือเอาด้วยการกระทบก็ได้

    การกำหนดถือเอาด้วยการเห็น ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดถูกต้องปลายหญ้าหรือปลายไม้ เป็นอารมณ์เพ่งพิจารณา

    การถือเอาด้วยการถูกต้อง ท่านให้ถือเอาการที่ลมพัดมากระทบตัวเป็นอารมณ์ สมัยนี้ การถือเอาลมกระทบจะใช้พัดลมเป่าแทนพัดลม หรือถือเอาการเห็นต้นหญ้าต้นไม้ที่ไหวเพราะ ลมพัด จะใช้พัดลมเป่าให้ไหวแทนลมธรรมชาติก็ได้ เมื่อเพ่งพิจารณาอยู่ ให้ภาวนาว่า วาโยกสิณัง ๆๆๆ

    อุคคหนิมิตของวาโยกสิณนี้ ปรากฏว่ามีการไหวๆ คล้ายกับกระไอแห่งการหุงต้มที่มี ไอปรากฏมากระทบจักษุ พูดให้ชัดเข้าก็คือ มีปรากฏการณ์คล้ายตามองเห็นไอน้ำที่ต้มเดือดแล้ว นั่นเอง มีอาการปรากฏขึ้นอย่างนั้น

    สำหรับปฏิภาคนิมิต มีอาการปรากฏภาพเหมือนไอน้ำที่ลอยขึ้น แต่ไม่เคลื่อนไหวหรือ คล้ายกับก้อนเมฆบาง ที่ลอยอยู่คงที่นั่นเอง






     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กันยายน 2013
  11. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +1,203
    ผมลองมองท้องฟ้า มองแถวๆขอบเมฆ ก็เห็นเป็นวงกลมแต่แปบเดียวหายๆ เพราะตาเราก็กลมมันก็สะท้อนเข้าตาหรือเปล่าคับ ถ้าจับภาพใบไม้ที่เคลื่อนไหวก็พอนึกได้อยู่นะคับ หาภาพตั้งต้นยากจัง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กันยายน 2017
  12. คุณกันฌามี

    คุณกันฌามี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2014
    โพสต์:
    104
    ค่าพลัง:
    +65
    คุณมองมากเกินอะครับ ตามันล้า เหมือนเราดูจอคอมหรือทีวีมากๆอะแหละ

    ลมมันไม่มีสีให้เห็น การจับสัมผัสน่าจะง่ายกว่า วิถีลมมากระทบร่างกาย อะไรแบบนั้น จะรับรู้ทางเดินของลมได้ง่ายกว่ามานั่งมองลมหรือใบไม้

    ถ้าจะเพ่งแบบนั้นมองอากาศทรงดูดีกว่านะ
     
  13. maxmi

    maxmi แม็กคับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2017
    โพสต์:
    476
    ค่าพลัง:
    +1,203
    ไม่เอาแล้วขี้เกียจเหนื่อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...