เรื่องของพลังจิต

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย thanan, 6 มีนาคม 2005.

  1. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,397
    ค่าพลัง:
    +2,985
    ตอบคุณผู้อยากรู้
    นั่งสมาธิ หายใจเข้า พุทธ หายใจออก โธ จิตเรานึก หรือเพ่งไปที่ไหน ?
    ๑.ตั้งกายตรงดำรงสติเฉพาะตรงหน้า หายใจเข้าก็รู้ หายใจออกก็รู้ นึกถึงลมหายใจ เพ่งอยู่ ตรงหน้าเบา ๆ สบาย ๆ
    ๒.กำหนดจิตเพื่อระลึกรู้ความรู้สึกของลมที่หายใจ เข้า-ออก ตรงจุดที่ลมกระทบ ลมผ่านเข้าก็รู้ บริกรรมว่า พุท ลมผ่านออกก็รู้ บริกรรมว่า โธ ลักษณะของลมที่ผ่านเข้า-ออก เวลาผ่านจุดกระทบเป็นเช่นไร รู้สึกว่าเป็นอย่างไรใจเราระลึกรู้ตาม เพ่งที่จุดลมกระทบในโพรงจมูก อย่างสบาย ๆ อย่ากดดัน(อยากได้เร็ว ๆ เลยเร่งจนเกิดความเครียด เมื่อไม่ได้อย่างใจต้องการ)
    ๓.ภาวนา พุทธ-โธ ,สัมมาอรหัง ,นะมะพะทะ,สวดมนต์ ฯลฯ ก็ระลึกรู้ทุกคำที่ภาวนาไปเรื่อย ๆ รู้ตามไปตลอดเวลาที่ท่อง มีสติตามรู้ไปเรื่อย ๆ ตัวรู้จะผูกพันอยู่กับคำที่ภาวนาไปอย่างมีสติ เพ่งที่คำบริกรรมนั้น ๆ อย่างสบาย ๆ (ไม่นึกถึงลมหายใจ)
    ทั้ง ๓ วิธี เป็นการทำสมาธิ ทำให้ตัวรู้ มีสติระลึกได้อยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งอยู่ตลอดเวลา จิตก็จะตั้งมั่น เมื่อสมาธิตั้งมั่นได้มากขึ้นแล้ว จะละคำภาวนาต่าง ๆ ไปเอง ตัวรู้ก็จะรู้นิ่งไม่ต้องอาศัยที่เกาะ เหมือนเราว่ายน้ำเป็นแล้ว ไม่ต้องใช้ทุ่น ก็สามารถกำหนดจิตเข้าสู่สภาวะการตั้งมั่น(อารมณ์)ได้ทันที
    ส่วนการที่จะเพ่งที่ใด ท่านจะตั้งจิตตรงไหนก็แล้วแต่ถนัด ตั้งตรงที่ใดสบายก็ตรงนั้นแหละ ของใครก็ของใคร รบกวนออกแรงค้นหาเองหน่อยนะ บอกมาเยอะแล้ว
    ขออนุโมทนาที่มีความตั้งใจ จงสมปรารถนานะจ๊ะ
     
  2. บัณฑิต

    บัณฑิต สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับ เพราะผมก็ยังไม่เข้าใจถึง " พลังจิต " ก็พยายามหาข้อมูลอยู่ ขอบพระคุณมากๆกับความรู้นี้
    อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
     
  3. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ สาธ ๆ ๆ สาธุ ๆ ๆ
     
  4. อิศเรณ

    อิศเรณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +11
    ผมเคยนั่งสมาธิตอนบวชเณรกับพระอาจารย์ที่เคารพนะครับ
    ปรากฏว่าช่วงที่นั่งอยู่ตอนนั้นราวครึ่งชั่วโมง ผมแทบไม่รู้สึกถึงรอบตัวเลยครับ
    แต่จะรู้สึกเจ็บๆที่กลางหน้าผากเหมือนมีใครจะเอามีดมาผ่านะครับ แล้วผมก็เห็นภาพต่างๆขึ้นมาเอง (ตอนนั้นพระอาจารย์ให้จุดธูปถามสวรรค์และนรกเรื่องที่พระอาจารย์คิดว่ามีเทพสถิตในตัวผม) อย่างนี้เรียกว่ามีพลังจิตมั้ยครับ
     
  5. อิศเรณ

    อิศเรณ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2008
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +11
    ถามอีกนิดนะครับ
    พอหลังจากบวชผมก็ลองภาวนาให้รอบกายมีลมบ้าง ไม่มีลมบ้าง
    มีแดดบ้างไม่มีบ้าง
    ซึ่งบางครั้งก็ได้อย่างนี้นับเป็นการฝึกพลังจิตมั้ยครับ
    คือผมฝึกจินตนาการถึงสภาพรอบๆกายนะครับ
    บางครั้งก็รู้สึกว่ามีไอบางอย่างพุ่งออกจากมือ
    บางครั้งผมก็ลองพยายามรวมไว้ ก็สำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง
    อย่างนี้ใช่วิธีฝึกพลังจิตมั้ยครับ
     
  6. THE_TOP

    THE_TOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    706
    ค่าพลัง:
    +381
    โมทนาคับ
    ต้องไปนั่งสมาธิเพิ่มพลังจิตซะละ
    (จุดนี้ เราเคยใช้พลังจิตรักษาคนหายมาหลายคนละ แบบหมอบอกรักษาไม่ได้ในประเทศไทย แต่เราลองใช้มันก็ได้ผลแฮะ)
     
  7. tuconvergence

    tuconvergence สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +4
    สวัสดีเพื่อนๆทุกคนครับ...ครับผมเองก็ดีใจมากที่ได้มาอ่านกระทู้ของทุกท่าน..

    ยังไงเราก็ได้แนวคิด หรือความรู้ในสิ่งต่างๆ จากสิ่งที่ทุกคนได้เจอะเจอมาแล้วมาแลกเปลี่ยนกันเพิ่มมากขึ้น..

    ที่สุดแล้วผมก็ดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันค้นหาความรู้มาเผยแผ่ซึ่งกันและกัน..

    ซึ่งเหตุผลทุกอย่างล้วนมาจากการที่พวกเราคิดดีต่อกัน และเป็นเพื่อนกัลยาณมิตรที่ดีต่อกันครับ.
     
  8. THE_TOP

    THE_TOP เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    706
    ค่าพลัง:
    +381
  9. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    สอบถามเรื่องสมาธิ ครับ

    เรื่องยาวนิดนึงครับ
    พอดีผมพึ่งฝึกนั่งสามาธิ (จริงจัง) เมื่อสองสามเดือนมานี้นะครับ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เคยฝึกบ้างแต่ไม่นานแค่จิตกระสับกระส่ายก็เลิกนั่งเสีย
    มีครั้งหนึ่งผมประสบอุบัติเหตุ ทำให้กระดูกซี่โครงร้าว ผมก็เลยลองใช้มนต์ต่อกระดูกผสมกับการกำหนดปราณ (ใช้จิตนึกและเพ่งตำแหน่งที่จะรักษา, ผมเรียกตามสำนักฉวนจิงของจีนครับ) ตอนนั้นบริเวณแผลรู้สึกเย็น แล้ววันต่อมากระดูกผมก็หายเป็นปกติ ดังนั้นผมก็เลยเริ่มสนใจสมาธิอย่างจริงจังเพราะผมคิดว่าปราณคือสมาธิเช่นกัน
    หลังจากวันนั้นผมก็อ่านหนังสือด้านนี้และเริ่มนั่งสมาธิ
    ครั้งแรกที่ผมนั่งสมาธิอยู่นั้น ผมกำหนดลมหายใจเข้า-ออก เป็น พุทธ-โท, และนั่งมาจนรู้สึกว่าได้ยินเสียงรอบข้างดังขึ้น แต่จิตยังคงเพ่งที่ลมหายใจ จนสุดท้ายเสียงเริ่มเบาลงจนเกือบจะไม่ได้ยิน สักพักหนึ่งผมก็ได้ยินเสียงคงที่แต่จิตไม่ตอบสนองกับการกระทบของเสียง นั่นคือไม่ตกใจไม่สนใจในเสียงนั้น หรือแม้กระทั่งเสียงเก่าและเสียงใหม่ที่ได้ยิน และต่อมาผมก็นั่งต่อสักครู่ตาเริ่มกระพริบและมีน้ำน้ำตานิดหน่อย แต่ตอนนั้นผมปล่อยไปตามการเกิดคือวางเฉยเพราะเข้าใจว่าเป็น สมถะ จนผ่านมาถึงรู้สึกว่าลมหายใจเบาลงเรื่อยๆ และตัวเริ่มโปร่งเบา ตอนนี้จิตผมนิ่งมาก และผมรู้สึกสบายมาก จากนั้นก็ไม่สัมผัสลมหายใจ และเหมือนตัวฟีบเล็กลง มีร่างใหญ่กว่าอีกชั้นหนึ่ง ในระยะนี้ผมเริ่มภาวนากสิณไฟ จับรูปไฟโดยการจินตนาการ แต่ก็ไม่สำเร็จผมจึงถอนสมาธิคืน (ทุกครั้งที่ผ่านอาอารต่างๆผมวางเฉยครับ) ซึ่งค่อนข้างถอนคืนได้ยาก และผมก็นอนครับ ขณะนอนจิตผมกลับเพ่งสมาธิต่อเอง จนผมหลับพร้อมกับเห็นนิมิตพระอริยสงฆ์ไทยรูปหนึ่งครับในร่างที่เป็นแก้วใส มาช่วยให้ผมคืนสู่สภาวะตามปกติหลังจากสะดุ้งตื่น (ผมถอนสมาธิไม่หมดเพราะไม่มีพื้นฐาน)
    หลังจากวันนั้นผมก็ฝึกมาเรื่อยๆจนถึงตัวโปร่งเบาแล้วจึงหยุดเพื่อให้จิตและกายสบาย และพยายามคงสภาวะนี้ไว้ให้นานๆ และฝึกเข้าและออกบ่อยๆ ผมฝึกมานานประมาณสองเดือนครับ
    จนมีสองวันที่ผ่านมาผมก็เลยลองฝึกต่อไปอีก พบว่าพอเกินขั้นที่ไม่สัมผัสลมหายใจแล้วจะถอนสมาธิคืนยากมากเหมือนเดิม ซึ่งคืนนั้นผมรู้ตัวว่าถอนสมาธิออกไม่หมดเพราะผมรู้สึกว่าสมาธิยังอยากดำเนินต่อทั้งๆที่ผมอธิษฐานให้จิตตื่นและก็กายตื่นแล้ว ผมรู้สึกกลัวครับเพราะผมจับชีพจรดูมันเต้นอ่อนลงและเบามาก ซึ่งทำให้ผมกระวนกระวายใจมากจนนอนไม่หลับ ผมพยายามตั้งสติและไหว้พระ ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย จากนั้นผมก็เผลอนอนหลับโดยไม่รุ้ตัวและผมก็เกิดนิมิตต่อ เนื้อหาของนิมิตผมไม่ขอเล่าน่ะครับ ซึ่งตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดลมหายใจ แต่ผมตั้งสติแล้วบอกตัวเองว่ายังหมดลมหายใจไม่ได้ ผมจึงอธิษฐานให้พระอริยสงฆ์ของไทยรูปหนึ่งมาช่วยครับ แล้วแว๊ปนึงก็มองเห็นใบหน้าของท่านลอยมาผมยกพนมมือและอธิษฐานอีก (คำอธิษฐานก็บอกไม่ได้ครับ) ท่ามกลางผู้คนชุดขาวแต่งตัวพยาบาลที่พยายามช่วยปั๊มหัวใจผมอยู่ในนิมิตนั้น หลังอธิษฐานผมก็กลับมาหายใจได้ตามปกติและก็สะดุ้งตื่นขึ้นมา พร้อมกับอาการปกติเหมือนกับสมาธิถอนออกหมดแล้ว จากวันนั้นมาผมรู้สึกว่าเวลาเดินไปไหน ผมรู้สึกจับรายละเอียดของเหตุการณ์ได้ดี เช่นใบไม้ร่วงมองเห็นแม้กระทั่งทิศทางและลักษณะของการร่วง สายลมพัดก็สัมผัสกระแสลม หรือเดินผ่านอะไรสายตาก็เก็บรายละเอียดพวกนั้นหรือแม้กระทั่งเสียงที่อยู่ไกลก็สัมผัสถึง พอหลับตาเพ่งไม่เกินหนึ่งนาทีก็เข้าสมาธิขั้นไม่สัมผัสลมหายใจได้เลย ซึ่งปัจจุบันผมก็ยังคงฝึกให้อยู่เพียงแค่ระดับนี้ครับ ไม่กล้าไปต่ออีก คิดว่าฝึกไว้เป็นฐานกำลังก็พอแล้ว

    คำถามครับ
    ผมไม่ทราบว่าผมต้องดำเนินการอย่างไรดีครับ เพราะผมคิดว่าผมฝึกเองคงไปไม่ได้แน่ครับ หรือว่าท่านใดมีที่ไหนแนะนำได้บ้างครับ หรือท่านใดมีคำชี้แนะบ้างครับ?

    ปล. กรุณาพิจาณาและวางใจให้เป็นกลางเพราะบางอย่างอาจเป็นจินตนาการหรือเข้าใจคำผิดบางคำผิดบ้าง และผู้เขียนไม่มีจุดประสงค์เพื่อชักจูงหรือหรืออวดอ้างอันใด เพราะผมไม่อยากสร้างกรรมให้ตัวเองและผู้อื่นครับ ขอบคุณครับ ถ้าผิดพลาดก็ขออโหสิกรรมด้วยครับ
     
  10. cinderella2517

    cinderella2517 Mindset Coach และ นักพยากรณ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +1,404
    อะโห จิตคุณนิ่งมากเลยนะคะ หากจิตได้ระดับนี้ แนะนำให้ปฏิบัติต่อไปค่ะ ไม่ต้องกลัวตาย ไม่ต้องกลัวหัวใจหยุดเต้น เพราะจิตจะกลับเข้าร่างทันที วิธีที่จะบรรลุคือ ต้องไม่กลัวตาย คือยอมตายเพื่อให้เห็นธรรม ลองไปหาหนังสือของคุณดังตฤณอ่านนะคะ มีหลายเล่ม คุณอ่านแล้วน่าจะถูกจริตค่ะ อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
     
  11. อภิญญ์

    อภิญญ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +143
    เพิ่งเข้ามาอ่าน....ข้อมูลดีมากค่ะ
     
  12. ลุงชาลี

    ลุงชาลี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    2,958
    ค่าพลัง:
    +4,763
    podmena traffica testfica testr=darkorange>สาธุ สาธุ ขออนุโมทนาบุญด้วยทั้งหมดทั้งมวลครับ</P>
     
  13. cinderella2517

    cinderella2517 Mindset Coach และ นักพยากรณ์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +1,404
    กระทู้นี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนเริ่มสนใจเกี่ยวกับพุทธศาสนา สมาธิ และจิต ขอให้คะแนนเต็มค่ะ เพิ่งเข้ามาอ่านเหมือนกัน ดีมาก ๆ ขออนุญาติ copy พร้อมระบุ link ของเวปพลังจิตนี้ และเผยแพร่นะคะ เจอสิ่งดี ๆ อยากเผยแพร่ให้มีผู้รู้เยอะ ๆ ค่ะ สาธุ
     
  14. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    ครับ ขอบคุณครับ หลังจากที่ผมพินิจพิจารณาแล้วว่า ผมเข้าฌาณได้ระดับหนึ่งและมีอาการติดฌาณนั้น ผมเข้าใจว่าผมฝึกผิดวิธี ดังนั้นผมจึงไปฝึกที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี ผมพบว่า ที่แท้ อานาปาณสติที่ผมฝึกนั้น ทำให้เกิดสมาธิที่สูงและรวดเร็วครับ ทำให้คนที่ไม่เคยฝึกสมถะกรรมฐานหรือเวทนากรรมฐานอย่างผม อาจจะเข้าสู่สภาวะฌาณค้างได้ เพราะกำลังสติสัมปัชชํญะต่ำ ดังนั้นหลังจากผมไปฝึกที่วัดมาแล้วผมก็พบว่ากรรมฐานที่ผมไปฝึกมาใหม่นี้คือที่มาของสติสัมปัชชัญญะครับ แต่ก็บังเกิดสมาธิอย่างอ่อนบ้าง หลังฝึกเพียงสองครั้งผมก็หายจากอาการฌาณค้างครับ หลังจากฝึกเสร็จ (ฝึกหนึ่งวัน) ผมก็กลับมาฝึกที่บ้านครับ ผมพบว่าวิธีฝึกแบบใหม่นี้เน้นสติแต่ไม่เน้นสมาธิ ทำให้การเกิดสมาธิเกิดยากมาก ผมจึงทำการผสมสองวิธีเข้าด้วยกันครับ นั่นคือช่วงฌาณ1-3 ผมเข้าอานาปาณสติก่อนใช้เวลาราวๆ 10-15 นาที พอเข้าฌาณ3 แล้วจึงเปลี่ยนตำแหน่งกำหนดกองลมมาไว้ที่ศูนย์กลางตัว ตามวิธีที่สอง ผมพบว่า การทรงฌาณแต่ละขั้นเกิดขึ้นตามที่เรากำหนดครับ หลังจากฝึกฌาณ1-3 จนคล่อง โดยที่ไม่มีอาการสมาธิหรือฌาณค้างเลยผมก็เลยเข้าฌาณ4 อีกครั้ง พบว่าการเข้าฌาณ4 ผมไม่มีอาการกลัวและตกใจเช่นเดิม ถึงแม้จะพบว่าหัวใจเต้นเบามากและชีพจรเต้นอ่อนลงมากแต่ผมพบว่ายังมีชีวิตรอด ต่อมาผมก็พบว่าเวลาเข้านอนนั้นผมจะทรงฌาณ3 ไว้โดยอัตโนมัติ ส่วนฌาณ4 นั้นปัจจุบันยังไม่คล่องครับ เพราะอาการหลังเข้ามันยังควบคุมสภาวะไม่ได้ครับ

    หลังจากนั้นผมก็กลับไปศึกษาด้านพระปริยัติ ครับ ผมพบว่าส่วนใหญ่จะฝึกสมถะกรรมฐานหรือเวทนากรรมฐานก่อนเพื่อให้เกิดสติดังที่คาดไว้ครับ และนอกจากนี้ยังช่วยในการกำจัดอาการของเวทนาได้ และหากจะเข้าวิปัสสนาจะต้องยกข้อธรรมะ มาพิจารณาเพื่อให้เกิดปัญญา

    หากใครฝึกสายปฏิบัตินะครับ ผมขอแนะนำให้ฝึก การเดินจงกรม-และนั่งสมาธิแบบกำหนดกองลมไว้ที่ท้องก่อน เมื่อฝึกจนชินแล้ว จึงค่อยฝึกอานาปณสติ ที่กำหนดลมหายใจและควรจะภาวนาด้วยครับ เพื่อให้รู้รูปฌาณ

    หากใครที่ฝึกจนถึงฌาณ4 แล้วให้ทิ้งรูปฌาณ โดยอย่าไปจดจำอาการของการเข้าแต่ละขั้นฌาณโดยเด็ดขาด ให้กำหนดรู้อารมณ์ของฌาณแทน เพราะการการของฌาณแต่ละครั้งออาจจะไม่เหมือนเดิม ตามหลัก ทุขขัง อนิจจัง อนัตตา เพราะหากไปจดจำรูปอาการฌาณ อาจจะทำให้การขึ้นลงฌาณผิดได้ครับอาจจะนำมาสู่สภาวะฌาณค้างแบบอ่อนได้ครับ
    ดังนั้นให้จดจำอารมณ์ที่เกิดแทนครับ

    หากใครเข้าถึงฌาณ4 สิ่งที่จะพบคือไม่รับรู้ลมหายใจ เสมือนว่าดับไฟเทียน ไม่มีการรับรู้ของประสาทสัมผัสครับ และเมื่อออกจากฌาณจะพบว่า ตัวชา หูอื้อ หัวใจและชีพจรเต้นอ่อน ตอนนี้อย่ากลัวครับบอกตัวเองว่า หายใจไว้ก็พอครับ เพราะตราบใดที่ยังหายใจแสดงว่าร่างกายยังทำงานอยู่ หรือถ้ายังไม่มั่นใจลองไอแรงๆเพื่อกระตุ้นการเต้นของหัวใจได้ครับ แต่ห้ามหยุดหายใจโดยเด็ดขาด ถ้าผมรุ้วิธีแก้ไขมากกว่านี้จะมาอธิบายเพิ่มเติมครับ

    สิ่งที่จะพบหลังเข้าฌาณได้
    1. ศีลจะเกิดการรักษาและพิจารณาไปเองอัตโนมัติ
    2. พระรัตนตรัย จะน้อมนำเข้ามาเป็นสรณะ อัตโนมัติ อย่างไม่ต้องสงสัย
    3. หิริ โอตตัปปะ เกิดเองโดยอัตโนมัติ
    4. ความแสวงหาวิเวกและฟังธรรมเกิดอัตโนมัติ
    อาการทั้งหมดมักเกิดหลังได้ฌาณ ขั้นปฐมฌาณขึ้นไป

    4. พรหมวิหาร4 เกิดขึ้นเอง อัตโนมัติ
    5. อิทธิบาท4 เกิดขึ้นเองอัตโนมัติ
    สองอันหลังเกิดหลังฌาณ4 อารมณ์ที่พบว่าเด่นที่สุด คือ อุเบกขา

    สิ่งที่จะพบ
    1. นิมิตทดสอบ จะมาในฝัน ซึ่งผมเข้าใจว่าเป็นจิตใต้สำนึก มาทดสอบว่าตอนฝันเรารุ้ตัวหรือไม่ และยังมีความอยากหรืออารมณ์ ช่วงแรกออาจจะยังไม่รุ้ตัว แต่ตอนหลังเราจะรู้ตัวขึ้นเรื่อยๆครับ
    2. นิมิตร้าย จะพบกรณีที่เกิดฌาณค้างแล้วจิตจะปรุงแต่ง วิธีแก้ไข คือตั้งสติและบอกตัวเองว่าต้องไม่ตายและอธิษฐานระลึกพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ รวมถึงคุณครูบาอาจารย์และบิดามารดาครับ
    3. นิมิตดี จะพบหลังจากการปฏิบัตินั้นถูกต้องไม่มีฌาณค้างอาจจะเกิดจากจิตปรุงแต่ง ซึ่ง อาจจะมีพระอาจารย์มาสอนหรือเกิดฌาณในขณะหลับ ซึ่งมักจะเป็นฌาณ3 นั่นคือมีสองอารมณ์คือ สุข และอารมณ์อันเป็นหนึ่ง
    4. เกิดปัญญาที่ใช้พิจารณาเพื่อแก้ปัญหาในการปฏิบัติและพิจารณาธรรมครับ แต่ยังไม่ถึงกับระดับพระโสดาบัน

    ขอบคุณครับ
    เจริญในธรรมครับ
     
  15. ธาตุ4

    ธาตุ4 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +91
    ขอบคุณครับสหายธรรม cinderella2517<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1779807", true); </SCRIPT> หากเราได้แล้วพิจารณา ทุกขังอนิจจัง อนัตตา ความต่อเนื่องแห่งองค์ความรู้ของพระพุทธองค์จะปรากฏเองครับ

    เจริญในธรรมครับ
     
  16. ruksuksa

    ruksuksa สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมมีสิ่งหนึ่งที่ต้องถาม

    ผมเป็นเด็กคนหนึ่ง ซึ่งมีอายุเพียง 12 ปี ผมไม่รู้เหมือนกันว่าผมเป็นอะไร เวลาที่ผมกลั้นหายใจชั่วขณะประมาณ 1-2 วินาที ผมก็สามารถมองเห็นคล้ายกับพลังงานที่ใช้เป็นสัญญาณต่างๆ เช่น โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์(อินเตอร์เน็ต) สัญญาณไวเลส สัญญาณวิทยุต่างๆ ซึ่งมันเป็นคล้ายกับควัน แต่โทรศัพท์จะเป็นเม็ด เวลาผมสงบสติอารมณ์ ผมจะหยุดการมองเห็นทั้งหมดไว้ได้
    ช่วยบอกผมทีว่าผมเป็นอะไรกันแน่ ผมไม่รู้จริงๆ ผมว่าจะไปหาจิตแพทย์อยู่
    ส่งเมล์มาบอกหน่อยนะครับ tar_5_tar@hotmail.com ผมก็ขอขอบคุณมากครับ............
     
  17. 7สยอง

    7สยอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +558
    อนุโมทนาข้อความต่างๆครับ สำหรับ ruksuksa ผมไม่มีความรู้พอที่จะตอบได้ครับ รอผู้รู้มาตอบให้นะครับ
     
  18. Faithfully

    Faithfully เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    657
    ค่าพลัง:
    +2,459
    โมทนาสาธุด้วยนะคะ ลึกซึ้งและกินใจมากค่ะ (เกี่ยวกันนะคะ..อิอิ) สาธุ
     
  19. ฟ้าใส072

    ฟ้าใส072 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +30
    โมทนาบุญ กับเพื่อนผมคนหนึ่ง ที่ทำให้ผมได้แว่วคำสอน บทนี้เข้ามา (อนุโมทนาคับ)
    วันนี้ผมรู้สึกอึดอัด อย่างบอกไม่ถูก เลยเล่าสู่กันฟังกับเพื่อนผม แล้วประโยคหนึ่งที่เพื่อนผมได้พูดขึ้นมาคือ "เราเองต่างหากที่ นำความทุกข์เข้ามาในใจเรา ทำให้เราทุกข์"
    หลังจากนั้นผมก็ได้ยินแต่เสียงสวดมนต์ ดังมากมาก แล้วแว่วเสียงสอนบทหนึ่ง "วิธีรักษาใจให้อยู่เหนืออารมย์ เข้ามาในหัวผม
    ผมหลับตา นิ่งฟังเสียงบทสอน หลับตานิ่งสักพัก ผมไม่บังอาจสอน ไม่บังอาจแนะนำ
    เพราะผมก็ยังไม่นิ่งพอเช่นกัน แต่อยากนำมาเล่าสู่ กันฟัง เป็นบทความ ความรู้สึก
    .................................................................................

    ในแต่ละวันของการดำเนินชีวิต หลายครั้งที่เราไม่สามารถ ไม่อาจหลีกเลี่ยงกับการเจอะเจอกับปัญหา หรือเรื่องราวต่างต่าง ที่เข้ามาอิทธิพลกับการขึ้นลงของจิตใจ ไม่ว่าเรื่องราวนั้นๆจะดีหรือร้าย ก็ล้วนแล้วแต่ทำให้สภาพจิตใจของเราหวั่นไหวได้ทั้งสิ้น นานเท่าไรแล้วที่สภาพใจของเราเปลี่ยนไปตามสภาพเหตุการณ์ และ สภาพแวดล้อม ที่เข้ามากระทบเช่นนี้ เคยบ้างไหมที่รู้สึกเหนื่อยล้า แล้วต้องถามตัวเองบ่อยครั้งว่า "ใจเราเป็นอะไรไปอีกหรือ" แต่สำหรับชีวิตของท่านที่ได้ศึกษาธรรมะอย่างถูกวิธีแล้ว (ผมกำลังฝึกคับ) จะไม่ยอมให้จิตใจของเขาถูกกำหนดได้โดยสภาพแวดล้อม ใจของเขาจะอยู่เหนือสภาพแวดล้อม แล้วยังสามารถกำหนดสภาพแวดล้อมได้อีกด้วย เพราะใจที่สงบจะกำหนดสิ่งแวดล้อมได้ ไม่ว่าจะเจอะเจอสถานะการณ์ใด เข้ามาในชีวิตก็ตาม ใจยังคงจะสงบนิ่ง แม้นในการรับรู้เรื่องราว ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ดี ก็จะมีวิธีการทำให้เรื่องนั้นดียิ่งขึ้นได้อีก ถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องร้าย ก็จะมีใจสงบนิ่งแล้วค่อยค่อยแก้ไขปัญหาไปได้อย่างสุขุม แต่การที่จะทำได้อย่างนี้ ต้องอาศัยใจที่มีคุณภาพ ซึ่งใจที่มีคุณภาพนั้น เกิดจากการที่เราฝึกสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เพราะการนั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นการทำให้สภาวะจิตใจ ถูกจัดระเบียบ หนักแน่น ไม่ถูกทำให้หวั่นไหวง่าย ด้วยอารมย์ใดใด และบุญจากการนั่งสมาธิ ก็จะสามารถทำให้เราวินิจฉัยปัญหาที่เข้ามาได้อย่างถูกต้อง บุญในตัวจะนำเราไปพบกับสถานะการณ์ ที่ดีกว่า จะเห็นว่าหากเรานั่งสมาธิทุกวัน อย่างสม่ำเสมอเราจะสามารถอยู่เหนืออารมย์ และควบคุมสถานะการณ์ให้เป็นไปอย่างที่เราต้องการได้ แล้วอะไรอีกหลายหลายอย่าง ก็จะดีขึ้น อย่างที่คุณก็คลาดไม่ถึง
     
  20. ariyapol

    ariyapol สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมมาหาเวบของท่านอาจารย์ ไกรสร พรหทพิทักษ์ ครับ

    พอดีมาอ่านเจอ ผมว่าใช่นะ แต่ขอต่อยอดนิดหน่อย อาจารย์พูดเสมอว่า ''เมื่อรู้ แล้วก็เข้าใจ สุดท้ายก็รอเข้าถึง'' (จิตตน)เคยไหมครับเวลาเรานอนหลับตาสนิทปิดไปสนิทอยู่ในที่สงบไม่มีอะไรมารบกวน มองเห็นความสว่างในตา ในความมืดนั้น ทั้งที่ยังหลับตา ผมเป็นคนที่เชื่ออะไรยาก แต่ถ้าพิสูจน์ด้วยตนเอง โดยจิตตนเองแล้วว่าใช่ ก็จะเห็นด้วย แต่ถ้าไม่ ก็รอเวลาอันเหมาะสมมาอธิบายในภายหลัง คือไม่เถียงแต่ไม่ตาม เงียบสงบไว้ก่อน ภาษาชาวบ้านเรียกว่าดื้อเงียบ ผมเป็นมาตั้งแต่เด็กครับ มนุษย์ประหลาด นอนแล้วจะมองเห็นความสว่างในที่มืด แรกๆที่คุณจะเจอจิตของตนเอง คุณจะเห็นเป็นหมอกควัน พุ่งมาหาคุณ แล้วจะเกิดสีสันต่างๆแต่มองตามไปเรื่อยๆคุณจะเจอความสว่างในขณะที่ยังหลับตา งงไหมครับ ผมตอนแรกก็งง แต่มีคนบอกผมว่าสิ่งนั้นคือจิต อาจารย์ ไกรสร พรหมพิทักษ์ บอกไว้ว่า ''จิตคือความสว่าง สว่างคือบุญ บุญคือปัญญา'' แล้วเมื่อผมเจอสว่างผมก็ทำอย่างนี้ก่อนหลับสนิททุกวันเรื่อยๆไป สุดท้ายจะเจอความสดใส ใสมากขึ้นมากขึ้น ปัญญาในการเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้น รู้เท่าทันอารมณ์มากขึ้น โกรธแล้วก็หยุดโกรธ โมโหแล้วก็หยุดโมโห โลภแล้วก็หยุดโลภ หลงแล้วก็หยุดหลง ความรักที่ยิ่งใหญ่คือความมีเมตตาต่อทุกสรรพสัตว์และสรรพสิ่งในเอกภพ ผมได้เข้าถึงในสิ่งที่มนุษย์ทั่วไปอาจจะไม่เคยเข้าถึง แต่อาจารย์ ไกรสร พรหมพิทักษ์ ได้เข้าถึงแล้วจึงมาบอกต่อ ผมก็เห็นด้วย นิพพานคือความว่าง ไม่มีอะไรเลย มีแต่พลังงานที่บริสุทธิ์ ไร้ตัวตน ไร้สิ่งขุ่นมัว จิตว่าง อารมณ์เฉย คิดเฉยๆ รู้ทุกอย่างแต่เฉย รู้เองโดยอัตโนมัติ ไม่มีใครมาบอกก็รู้ รู้เรา รู้เขา รู้ทุกสิ่ง ในเอกภพ ถ้าคุณเข้าถึงจิตอย่างท่องแท้ ลองพิสูจน์ดู A.M.540ตอนเวลาตีหนึ่ง1.00น. ลูกศิษย์คนหนึ่ง
     

แชร์หน้านี้

Loading...