เรื่องของ อ.ทิพย์ ถอดกายทิพย์พบหลวงพ่อฤาษี

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย MBNY, 2 มกราคม 2007.

  1. MBNY

    MBNY Administrator ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2003
    โพสต์:
    6,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +22,504
    ย่อมาบางส่วน จากกระทู้ของพี่ MOUNTAIN
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=62167&page=3




    [​IMG]


    ถอดกายทิพย์พบหลวงพ่อฤาษี


    ต่อมามีอยู่วันหนึ่ง อาจารย์ก็ขึ้นไปที่ห้องพระแล้วก็นั่งปฏิบัติตามปกติ ก็นั่งภาวนาไป ภาวนาไปเรื่อยๆ แล้วก็รู้สึกว่าตัวเรานี้แปลกอัศจรรย์มากเลย คือมันจะรู้สึกว่าเบามาก จนสามารถที่จะเลื่อนออกจากกาย ที่นั่งภาวนาอยู่ได้ มันแปลกนะคะมันเหมือนเรานี่ถอดตัวเราเองออกได้ ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกในชีวิต ในระหว่างนั้นเรา มีความรู้สึกว่าช่วงนั้นเราใช้เวลา เป็นชั่วโมง คือเราออกไปแล้วก็นั่งมองตัวเอง เราก็เห็นว่าตัวเรานั่งอยู่ แล้วเราก็สามารถที่จะเลื่อนขึ้นหรือเลื่อนลงก็ได้ เราก็กำหนดมันขึ้นลง ขึ้นลงอยู่อย่างนี้ จนกระทั่ง เห็นหน้าหลวงพ่อฤาษี คือเห็นหน้าท่านลอยอยู่เลย อาจารย์ก็แปลกใจมาก ในจิตเห็นว่าตัวเองได้เจอ หลวงพ่อฤาษีก็ดีใจมาก ก็เลยตะโกนเรียกหลวงพ่อๆ เลยตกตุ้บลงมาเลย ตอนนั้นมีความรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ระหว่างนั้นสามีก็ขึ้นมาดู ว่าทำไมเรานั่งนานจังเลย ก็เล่าให้ฟังว่าเราเจออะไร สามีก็บอก โอ๊ยต่อไปนี้ นั่งแบบนี้ไม่ได้แล้วนะ อันตรายนะ เกิดออกไปแล้วไม่เข้ามาอยู่อย่างเก่าล่ะจะทำอย่างไร

    พอรุ่งขึ้นตอนเช้าแกออกไปทำงาน แล้วก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าให้หัวหน้าฟัง ซึ่งหัวหน้าแกก็เป็นลูกศิษย์ หลวงพ่อฤาษี เขาก็บอกว่า ไม่ได้แล้วคุณ อย่างนี้ต้องพาภรรยาคุณไปหาหลวงพ่อฤาษีแล้ว อย่างนี้แสดงว่า ภรรยาคุณน่ะชอบทางฤทธิ์ เขาก็ว่าอย่างนี้นะอาจารย์ก็ไม่รู้เรื่องนะ สมัยนั้นเรื่องฤทธิ์ เรื่องอะไรก็ไม่รู้จัก ก็เลยมีความรู้สึกว่า เอาเถอะนะสักวันเราจะต้องไปกราบหลวงพ่อให้ได้ เดือนต่อมาก็อ่านในหนังสือโลกทิพย์อีก ก็เห็นข่าวประกาศว่าวันเสาร์ที่ 1 ของต้นเดือน หลวงพ่อจะมาที่บ้านของ พลเอกเสริม พอเห็นดังนั้น ก็ตั้งใจไว้เลยว่า ต้องไปให้ได้ พอถึงวันแล้วก็ว่าจะไปกับสามี พอดีสามีไม่ว่าง อาจารย์ก็ออกมาเรียก แท็กซี่ เขาก็ถามว่าจะไปไหน ถ้า ไปไกลเขาไปไม่ได้นะ เราก็บอกเขาว่าจะไปที่ซอยสายลม เขาก็บอกถ้าอย่างนั้นขึ้นมาเลย



    กราบหลวงพ่อฤาษีเป็นครั้งแรก

    พอมาถึงที่บ้านพลเอกเสริมเขาก็ไม่คิดเงิน และบอกว่าเขาก็จะมาที่นี่เหมือนกัน เมื่อคุณมาด้วยก็เท่ากับ ว่าเรามาเป็นเพื่อนกันนะ พอหลังจากนั้นแล้วอาจารย์ก็เข้าไปหาหลวงพ่อเลย พอเราเดินเข้าไปก็เห็น หลวงพ่อ นั่งอยู่ที่แคร่ แล้วก็มีลูกศิษย์นั่งอยู่เต็มไปหมด พอเดินเข้าไปทั้งๆ ที่อาจารย์เป็นผู้หญิงก็จะต้อง คลานเข้าไป กราบอย่างเรียบร้อย นี่ไม่เป็นอย่างนั้นนะคะ อาจารย์ไปถึงก็เดินอาดๆ เข้าไปหาหลวงพ่อเลย พอหลวงพ่อเห็น ท่านทัก เอ้าเฮ้ย...เป็นไง...มาแล้วเหรอ รออยู่ตั้งนาน ทำไมเพิ่งมา ท่านก็ว่านะ อาจารย์ก็เข้าไปหาท่าน รู้สึกท่านจะหยิบอะไรสักอย่าง มาเคาะที่บนหัวอาจารย์แล้วท่านก็หัวเราะใหญ่เลย อาจารย์ก็กราบท่านรู้สึกปีติมาก ท่านก็บอกว่าให้มาเรียนนะ หลังจากนั้นก็ไปเรียนกับท่านไป ฝึกมโนมยิทธิ ก็เรียนอยู่กับท่าน นานหลายเดือนเหมือนกันนะ ก็เรียนกับท่าน อยู่อย่างนั้น มีความรู้สึกว่าเรารักหลวงพ่อ มาก ศรัทธามาก หลัง จากเรียนแล้วกลับไปอยู่ที่บ้านก็มีความรู้สึกว่า จิตเราจะนิ่งอยู่ตลอดเวลา ก็มาปฏิบัติเองบ้างอยู่ที่บ้าน




    เริ่มเข้าสู่การปฏิบัติธรรมของอาจาร์ยทิพย์

    และในปีเดียวกันนั้นก็ได้อ่าน หนังสือโลกทิพย์ คือเพื่อนได้ นำหนังสือโลกทิพย์มาให้อ่าน จะว่าไปแล้ว หนังสือโลกทิพย์ก็เป็นหนังสือที่จุดประกายในเรื่องของการปฏิบัติของอาจารย์เลยนะ

    พอดีเล่มนั้นจะมีเรื่องราวเกี่ยวกับ ประวัติของหลวงปู่มั่น อาจารย์ก็ได้อ่านประวัติและการปฏิบัติของท่าน อ่านแล้วมีความรู้สึกเหมือนกับว่า เสียดายที่เรามีบุญไม่ถึง ถ้าเรามีบุญสักนิดนึงเราคงได้ไปกราบท่าน ก็รู้สึกเสียดายและเสียใจมากเลย จากนั้นเราก็ลองนั่งปฏิบัติดูตามที่หลวงปู่สอน ลองภาวนาดู ก็รู้สึกว่าการปฏิบัติ ที่เราทำอยู่นี่เริ่มเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น คือตั้งแต่ตอนเด็กๆ นี่เราก็จะนั่งตามคุณยาย คุณยายพาเราทำเราก็ทำตาม เมื่อปฏิบัติธรรมอาการป่วยเริ่มเบาบาง

    จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง คืออาจารย์นี่เป็นนักเรียนของโรงเรียน สตรีอัปสรสวรรค์ จะอยู่ติดกับ วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ก็จะได้กราบ หลวงปู่สด ตลอด ระหว่างนั้นเราก็ไปกราบหลวงปู่ ไปนั่งสมาธิกับหลวงปู่ที่วัด ซึ่งท่านก็ได้มรณะไปแล้ว เราก็ได้ไปอยู่ปฏิบัติกับแม่ชี ก็ปฏิบัติมาเรื่อยๆ เราก็มาสังเกตถึงการเจ็บการป่วย ของเรา ก็รู้สึกว่ามันดีขึ้น เมื่อรู้สึกว่าเราปฏิบัติอย่างนี้แล้วมันดีขึ้น เราก็ไปพบคุณหมออีก

    ครั้งหนึ่ง คุณหมอก็ได้บอกกับพยาบาลว่าให้พาเราไปพบกับหมอจิตเวชนะ คุณหมอก็พูดแบบนี้ คือตอน อาจารย์คุยกับหมอนี่เมื่อเรามีอาการอย่างไรก็พูดไป เมื่อหมอฟังแล้วก็ลงความเห็นว่าให้เราไปพบจิตเวช อาจารย์ก็พูด ขึ้นมาเลยว่า อุ๊ย...เราไม่ได้บ้านะจะให้เราไปพบทำไมจิตเวชนี่

    คุณหมอหัวเราะชอบใจ แล้ว ก็บอกว่า เออ...นี่แหละใช่เลย

    จากนั้นอาจารย์ก็ลุกออกมา แล้วเอาใบนัดที่ได้จากหมอมาฉีกทิ้ง แล้วก็บอกกับตัวเองว่า เราจะไม่มาหาหมออีก เราจะรักษาด้วยตัวของเราเอง เพราะหากเราไปพบจิตเวช ก็ยิ่งจะไปกันใหญ่



    เรียนปฏิบัติกับหลวงพ่อจรัญ

    พอหลังจากวันนั้นเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้ว เราก็เลยมาฝักใฝ่ในทางธรรมอย่างต่อเนื่องเลย ซึ่งการที่เราจะเน้น ในเรื่องของการปฏิบัตินี้ ไม่ว่าจะเป็นสามีเอง หรือลูกๆ รวมถึงญาติพี่น้องต่างก็สนับสนุนและเห็นด้วย หมดทุกคนเลย เมื่อทุกอย่างไม่มีปัญหา อาจารย์ก็เลยเดินทางไปหา หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ไปปฏิบัติกับท่าน ซึ่งในสมัยนั้นวัดอัพวันยังไม่เหมือนปัจจุบันนี้นะ มีแค่ศาลาเล็กๆ แล้วก็จะมีกุฏิ กรรมฐาน ซึ่งปลูกขึ้นในลักษณะเหมือนกรงนกขุนทองเลย แล้วสมัยนั้น คุณยายสุ่น ยังมีชีวิตอยู่ก็ไปปฏิบัติกับท่าน ตอนนั้น ปฏิบัติอย่างมากก็ไม่เกิน 15 คน อาจารย์ไปปฏิบัติทีนึงก็ 9 วันบ้าง 15 วันบ้าง ก็จะไปปฏิบัติ อยู่กับ ยายสุ่น นั่นแหละ หลวงพ่อก็จะลงมาสอน สอนแบบชนิดที่ว่าติวเข้ม กันเลยนะ ซึ่งการได้ไปปฏิบัติกับหลวงพ่อ นี่เป็นอะไรที่เรารู้สึกว่าดีมาก พอไปปฏิบัติกับหลวงพ่อแล้วก็จะกลับมาอยู่บ้าน พออยู่บ้านสักพักหนึ่ง ก็ไปปฏิบัติกับ หลวงพ่อ ชีวิตก็จะเป็นอยู่อย่าง นี้ ก็จะเวียนวนบ้านกับวัดวัดกับบ้านอยู่อย่างนี้ตลอด

    จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นจะรับหนังสือโลกทิพย์เสมอ รับทุกเดือนเลย ก็มีอยู่ฉบับหนึ่ง ที่ลงเรื่องของ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ พอได้อ่านแล้วก็ชอบมากเลย หลวงพ่อนี่ท่านสามารถท่องเที่ยวไปได้ทั้ง นรก สวรรค์ เป็นอะไรที่เราชอบมากเลย แล้วเราก็มาสงสัยอยู่อย่างหนึ่งว่า ทำไมท่านถึงชื่ออย่างนี้นะ มีอยู่วันหนึ่ง ก็เลยเล่าให้สามีฟัง สามีก็บอกว่า ถ้าอยากจะไปก็ไปได้นะ สามีก็ว่าอย่างนี้ เราก็มาคิดว่า แหม หลวงพ่ออยู่ไกลถึงจังหวัดอุทัยธานี เราจะเดินทางไปก็ไม่สะดวก



    เรื่องการปฏิบัติของอาจารย์ เป็นอย่างไรบ้าง?

    ทุกวันนี้สำหรับเรื่องการปฏิบัติของอาจารย์นี่เรียกได้ว่าไม่ต้องภาวนาเลย พอนั่งปุ๊บก็ได้เลย อย่างเมื่อก่อน อาจารย์จะติดพุทโธนะ ก็ไปมาหลายอาจารย์นะ แต่จะติดมากเลยคือพุทโธ คือพอภาวนาพุทโธ แล้วเราก็มีความรู้สึกว่าใช่เลย รู้สึกว่าอบอุ่นและเชื่อมั่นในตรงนั้น แล้วเราก็รู้สึกว่าจิตเราจะรับในตรงนี้ได้ไว้ แต่อย่างอื่นนี่ก็ได้ อย่างเราไปปฏิบัติอย่างอื่นก็ได้แต่เรารู้สึกว่ามันจะช้า ปัจจุบันนี้เราจะนั่งไปโดยที่ไม่ได้ภาวนา นั่งปุ๊บเราก็จะดูลมหายใจเข้า ออก กำหนดลมหายใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...