" เรื่องราวดีๆ...สร้างกำลังใจ...ให้พระโพธิญาณ "

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย White Sage, 17 ตุลาคม 2014.

  1. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    พุทธภูมิและพระโพธิสัตว์


    " ...สำหรับท่านที่บำเพ็ญตนปรารถนาเป็นพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ ต้องสร้างกำลังใจให้ถูกต้อง มิฉะนั้นการก้าวเข้าสู่ฐานะพุทธภูมิจะไม่มีผล การปรารถนาพุทธภูมิเป็นของดี แต่จะต้องทำความรู้สึกไว้เสมอว่า เราปฏิบัตินี้เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เราต้องการรื้อสัตว์ขนสัตว์ที่มีความทุกข์ให้มีความสุข จิตจะต้องคิดอยู่เสมอว่า ทุกข์ของตนไม่มีความหมาย แต่ทุกข์ของชาวประชาทั้งหลายเป็นภาระของเรา เขาทำกำลังใจกันแบบนี้... "


    [​IMG]


    " ...หมายความว่า เราจะทุกข์แค่ไหนนั้นมันเป็นเรื่องของเรา ไม่มีความสำคัญ จิตใจของเรานั้น เราคิดว่าเราจะพ้นทุกข์ได้ เพราะว่าเราช่วยเหลือความสุขแก่บรรดาประชาชนที่มีความทุกข์ ถ้าเราเปลื้องทุกข์เขาได้ เราก็เป็นคนหมดทุกข์ เราสร้างให้เขาเป็นคนมีความสุขได้เราก็เป็นคนมีความสุข จิตใจของพระโพธิสัตว์มีอารมณ์อย่างนี้ แต่ทว่าให้เป็นไปตามบารมี... "


    [​IMG]


    " ...บารมีของพระโพธิสัตว์นั้น แม้จะเป็นการเริ่มต้นแห่งการปรารถนาพุทธภูมิ กำลังใจเต็มเปี่ยมด้วยเมตตาปรานี ก็จะมีบริษัทมาก จะมีบริวารมาก เป็นการฝึกกำลังใจของนักปฏิบัติเพื่อจะได้ซ้อมกำลังใจของเราว่ามีความหนักแน่นเพียงใด... "


    [​IMG]


    " ...นักปรารถนาพุทธภูมิจะต้องมีทั้งขันติและโสรัจจะ ขันติ อดทนต่อความยากลำบากทุกประการ เพื่อความสุขของปวงชน โสรัจจะ แม้จะกระทบกระทั่งทำให้ใจตนไม่สบายเพียงใดก็ตาม ก็ทำหน้าแช่มชื้นไว้เสมอ นี่ก้าวแรกสำหรับพุทธภูมิ และกำลังใจอีกส่วนหนึ่งที่จะเว้นไม่ได้นั่นคือ พระนิพพาน จงอย่าคิดว่าถ้าจิตเราเกาะพระนิพพานแล้วความเป็นพุทธภูมิจะหายไป ถ้ามีอารมณ์อย่างนี้ต้องถือว่า เป็นผู้มีกำลังใจต่ำ ก้าวไม่ถึงก้าวสำคัญของพุทธภูมิ... "


    [​IMG]


    " ...พุทธภูมิจะต้องมีความรู้สึกอยู่เสมอว่าเราเป็นผู้ที่ต้องการพระนิพพาน อารมณ์ใดที่องค์สมเด็จพระพิชิตมารทรงแนะนำในด้านวิปัสสนาญาณ ต้องเกาะให้ติด และมีกำลังจิตใช้ปัญญาพิจารณาไว้เสมอ เพื่อความสุขของจิต เพื่อปัญญาเลิศแล้ว ก็มีจิตตั้งไว้เสมอว่า ถ้าหากจิตของเราบริสุทธิ์ผุดผ่องเมื่อไหร่ เมื่อนั้นบารมีของเรานั้นไซร้ จะเข้าเต็มเปี่ยมในขั้น พุทธวิสัย ชื่อว่า การที่เราจะเข้าพระนิพพานคนเดียว เราไม่เข้าใจ มองไว้เข้าใจว่า บุคคลใดที่มีความทุกข์ในโลกที่ยังมีความฉลาดไม่พอ บุคคลนั้นเราเองจะเป็นผู้อุ้มเขาไปสู่แดนเอกันตบรมสุขคือพระนิพพาน..."


    [​IMG]


    " ...อันนี้ เป็นกำลังใจของท่านที่ปรารถนาพระโพธิญาณ... "



    อ้างอิงจาก หนังสือ"พ่อสอนลูก" โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) วัดท่าซุง จ.อุทัยธานี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 ตุลาคม 2014
  2. Sirius Galaxy

    Sirius Galaxy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,132
    ค่าพลัง:
    +2,559
    สาธุ ครับ
    เริ่มอ่านทีแรกรู้สึกคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินได้ฟังมาจากไหน เหมือนหลวงพ่อฤษีพูด
    มาถึงบางอ้อ เมื่ออ่านถึงบรรทัดสุดท้าย
    เห็นด้วยครับ จิตเกาะนิพพานบ่อยๆอย่านึกว่าพุทธภูมิจะหายไป
    เคยลองแล้ว เกาะถึงขนาดมากจนเพลิน เพลินมากจนลองพูดลาพุทธภูมิ เพราะผู้อื่นที่ปฏิบัติมโนมยิทธิด้วยกันล้วนปรารถนานิพพาน
    เป็นการพูดซ้ำๆซากๆ(พูดในใจ)ตลอดฝึกมโนมยิทธิ พูดเหมือนนกแก้วนกขุนทอง จนเหนื่อยและเลิกพูด สำรวจจิตดูปกติ กำลังใจพุทธภูมิไม่หายไปไหน หลังจากนั้นไม่เคยลองอีก
     
  3. choksila58

    choksila58 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    631
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,059
    ..สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิคร๊าบบ..
     
  4. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    เรื่องราวดีๆของหนูน้อยวัย 5 ขวบ ที่สามารถช่วยชีวิตคนได้นับหมื่น จากจิตใจที่บริสุทธิ์ของเธอ



    [​IMG]


    ในปีค.ศ. 2006 หนูน้อย Katherine Commale ในวัยเพียงแค่ 5 ขวบ ได้มีโอกาสดูสารคดีของทวีปแอฟริกา ที่บอกว่า เฉลี่ย 30 วินาที ก็จะมีเด็กคนหนึ่งตายเพราะโรคมาลาเรีย เธอขดตัวอยู่บนโซฟา แล้วก็เริ่มนับนิ้ว 1-2-3-4..... ตอนเธอนับถึง 30 ก็สีหน้าตกใจ ตะโกนบอกแม่ “แม่ ๆ เด็กแอฟริกาตายไปแล้ว 1 คน เราต้องทำอะไรสักอย่าง”

    แม่เธอก็เข้าหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ต แล้วบอกแคตเธอรีนว่า “มาลาเรียเป็นโรคที่น่ากลัว เด็ก ๆ เมื่อเป็นโรคนี้ มักจะเสียชีวิต”

    “แล้วทำไมถึงเป็นมาลาเรีย ?”

    “มาลาเรียติดต่อโดยยุง แอฟริกามียุงเยอะมาก”

    “แล้วทำไงดี ?”

    “ตอนนี้มีมุ้งที่แช่น้ำยากันยุง เมื่อมีสิ่งนี้ ก็จะป้องกันคนไม่โดนยุงกัด”

    “แล้วทำไมพวกเขาไม่ใช่มุ้งแบบนี้ละ ?”

    “มุ้งนี้แพงเกินไปสำหรับพวกเขา ๆ ไม่มีปัญญาซื้อ”

    “ไม่ได้ เราต้องทำอะไรแล้ว”


    ผ่านไปหลายวัน แม่ได้รับโทรศัพท์จากครูที่ รร อนุบาล บอกว่า แคตเธอรีนไม่ได้จ่ายค่าขนม แม่ถามแคตเธอรีน เงินไปไหน

    “ถ้าหนูอยู่ รร ไม่กินขนม ปกติไม่กินจุกจิก ไม่ซื้อตุ๊กตาบาร์บี้ อย่างนี้พอจะซื้อมุ้งได้ไม๊คะ ?”

    แม่พาแคตเธอรีนไปห้าง ใช้เงิน 10 เหรียญ ซื้อมุ้งใหญ่ ๆ อันหนึ่ง พอเด็ก 4 คน แล้วก็โทรหาองค์กรการกุศลที่ทำงานในแอฟริกา ว่าจะส่งมุ้งไปได้ยังไง และก็บังเอิญเจอหน่วยงานนึ่งที่ชื่อ Nothing but net “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานนี้ จะส่งมุ้งไปให้เด็กแอฟริกาโดยเฉพาะ แคตเธอรีนจึงจัดการส่งมุ้งไปให้หน่วยงานนี้ด้วยมือของตัวเอง


    [​IMG]


    ผ่านไป 1 สัปดาห์เธอได้รับจดหมายขอบคุณจากหน่วยงานนี้ ใน จม. บอกว่าเธอเป็นผู้บริจาคที่อายุน้อยที่สุด และบอกอีกว่า ถ้าบริจาคครบ 10 อัน จะได้รับใบประกาศเกียรติคุณ

    แคตเธอรีนขอให้แม่ไปเปิดท้ายขายของกับเธอ เอาหนังสือเก่า ของเล่น เสื้อผ้าเก่ามาขาย ๆ ได้เงินจะได้เอาไปบริจาค แต่ขายไม่ดีเลย เธอคิดว่า

    “ตอนหนูบริจาคมุ้ง เขายังให้ใบประกาศเกียรติคุณ งั้นคนอื่นซื้อของหนู ให้เงินหนู งั้นเขาก็ต้องได้รับเหมือนกันเน๊าะ”

    แล้วเธอก็เริ่มลงมือทำ ใบประกาศเกียรติคุณ แม่ช่วยเธอซื้อวัสดุ พ่อช่วยจัดห้อง น้องชายช่วยวาดรูปหัวใจแห่งรัก ใบประกาศเกียรติคุณทุกใบมีลายมือที่เขียนโดยตัวเธอเองว่า “ในนามของคุณ เราได้ซื้อมุ้ง 1 อัน ส่งไปแอฟริกา” แน่นอน มีลายเซ็นต์เธอด้วย


    [​IMG]


    แค่บริจาค 10 เหรียญ ซื้อมุ้ง 1 อัน ก็จะได้ใบประกาศเกียรติคุณ เพื่อนบ้านเห็นใบประกาศเกียรติคุณของเธอ รู้สึกว่าไร้เดียงสาอย่างน่ารักมากและก็ซาบซึ้ง แค่ไม่นาน ใบประกาศเกียรติคุณก็ถูกแจกออกไป 10 ใบ เธอก็ส่งเงินไปที่หน่วยงาน“ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” หน่วยงานก็ส่งใบประกาศเกียรติคุณและตั้งเธอเป็น “ทูตแห่งมุ้ง”

    คนที่หน่วยงานบอกแคตเธอรีนว่า มุ้งที่เธอบริจาคถูกส่งไปยังหมู่บ้านหนึ่งในประเทศกาน่า ในหมู่บ้านมี 550 คน

    “โอ่ พระเจ้า แล้ว 10 อันพอใช้ที่ไหน”

    เพื่อนบ้านนอกจากซื้อมุ้งจากแคตเธอรีนยังช่วยเธอทำใบประกาศเกียรติคุณ กลายเป็นทีมงานแคตเธอรีน บาทหลวงในชุมชนก็เชิญเธอไปพูดในโบสถ์ พูดแค่ 3 นาที ก็ได้เงินบริจาคมา 800 เหรียญ ทำให้เธอมีกำลังใจเพิ่มขึ้นมาก เดินทางไปพูดที่โบสถ์อื่น ตอนเธออายุครบ 6 ขวบ ได้รับเงินบริจาคแล้ว 6316 เหรียญ


    [​IMG]


    “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” เอาเรื่องของเธอลงในเวป วันหนึ่งเธอเห็นเบคแฮ่มปรากฎตัวทางทีวี ช่วยทำประชาสัมพันธ์การกุศลให้“ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” เธอรีบเขียนจดหมายให้เบคแฮ่มขอบคุณเขา แน่นอน ส่งใบประกาศเกียรติคุณไปให้เขา 1 ใบ เบคแฮ่มเอาใบประกาศเกียรติคุณนี้ขึ้นเวปส่วนตัว เรื่องจึงแพร่กระจายออกไปอีก

    ในปีค.ศ. 2007 เธอได้รับจดหมายจากหมู่บ้านที่รับมุ้ง เด็กในหมู่บ้านเขียนว่า “ขอบคุณมุ้งของเธอ เราเห็นรูปเธอ เรารู้สึกว่าเธอสวยมาก”


    [​IMG]


    แคตเธอรีนดีใจมาก ทำให้มีกำลังใจเพิ่มอีก เธอและทีมงานลงมือทำใบประกาศเกียรติคุณ100 ใบ ส่งให้มหาเศรษฐีที่ติดอันดับในนิตยาสาร ฟร๊อบ ในนั้นมีอยู่ใบนึงเขียนว่า “คุณบิลเกตที่เคารพ ไม่มีมุ้ง เด็กแอฟริกาจะตายเพราะมาลาเรีย พวกเขาต้องการเงิน แต่เงินอยู่ที่คุณ....”

    และแล้วในปีค.ศ. 2007 มูลนิธิบิลเกตก็ประกาศบริจาคเงิน 3 ล้านเหรีญให้ “ไม่เอาอะไรนอกจากมุ้ง” บิลเกตบอกว่า “ผมได้รับใบประกาศเกียรติคุณพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง บอกว่า เงินที่ซื้อมุ้งให้เด็กแอฟริกาอยู่ที่ผม ถ้าผมไม่เอาเงินออกมา ไม่ได้แน่”


    [​IMG]


    ในปีค.ศ. 2008 มูลนิธิบิลเกตออกเงินถ่ายทำสารคดี “เด็กช่วยเด็ก” แคตเธอรีนจึงได้เหยียบแผ่นดินแอฟริกา ตอนเธอเห็นพวกเด็ก ๆ เขียนชื่อเธอไว้บนมุ้ง พวกเขาเรียกมุ้งช่วยชีวิตนี้ว่า มุ้งแคตเธอรีน หมู่บ้านนี้ เดี๋ยวนี้ชื่อว่า หมู่บ้านแคตเธอรีน

    เมื่อหนูน้อยแคตเธอรีนมีอายุได้ 7 ขวบ เธอได้ช่วยชีวิตเด็กแอฟริกาแล้วถึง 20,000 คน พลังของความบริสุทธิ์นี้ จะยิ่งมายิ่งแรง เพราะทุกหัวใจของทุกคน ล้วนมีเด็กที่จิตใจบริสุทธิ์อาศัยอยู่...


    [​IMG]


    หมายเหตุ

    ตั้งแต่เริ่มกิจกรรมจนถึงอายุ 10 ขวบ แคเธอรีนระดมทุนเพื่อจัดซื้อมุ้งไปแล้วถึง 180,000 เหรียญ หรือเกือบ 6 ล้านบาท และที่ทำให้เธอรู้สึกยินดีคือการที่ได้รับข่าวว่า สถิติการเสียชีวิตของเด็กจากมาลาเรียลดน้อยลงจากการเสียชีวิต 1 คนทุก 30 วินาที เป็น 1 คนทุก 45 วินาที และหวังว่ามาลาเรียอาจจะหายไปจากโลกในปี 2015

    เธอเชื่อว่าถ้าทุกคนร่วมมือกันให้มากขึ้น วันที่มาลาเรียจะหายไปจากโลกน่าจะมาถึงได้เร็วกว่านั้น ปัจจุบันแคเธอรีนเติบโตเป็นสาวน้อยวัย 13 ปี เธอมีชีวิตเหมือนเด็กมัธยมคนอื่น ๆ ต้องเรียนหนัก สอบ ทำการบ้าน แต่เธอก็ยังไม่เคยทิ้งสิ่งที่เธอทำมาตลอด 8 ปี เธอยังคงร่วมรณรงค์ต่อต้านมาลาเรียกับ Nothingbutnets.net อยู่จนถึงทุกวันนี้

    ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆและภาพจาก

    http://www.dek-d.com/board/view/3395880

    http://music.truelife.com/socialartist/detail/3254001/hilight/เด็กน้อยอาสาสมัคร-ที่โด่งดังไปทั่วโลก

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 ตุลาคม 2014
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    ทั้งพระอริยเจ้าที่เคยปรารถนาโพธิญาณ กับ พระโพธิสัตว์ ที่เคยปรารถนา พระโพธิญาณมา สองท่านนี้ ต่างก็ต้องได้พบสภาวะพระนิพพานที่โคตรภูญาณเหมือนกัน

    แต่ทำไม ท่านหนึ่ง กลับตัดใจ ตัดรากถอนโคน เข้าสู่โลกุตตระเต็มตัว เป็นพระสาวก

    และทำไม อีกท่านหนึ่ง เมือได้อารมณ์พระนิพพานที่โคตรภูญาณแล้ว กลับยิ่งมีกำลังใจจะสร้างพระบารมีสามสิบทัศน์ต่อ ไปอีกไม่มีประมาณ


    ตรงนี้ คือ จุดน่าสนใจ

    ที่ท่านผู้แสวงความมั่นคงในพระโพธิญาณ จะกระทำให้กระจ่างใจ
     
  6. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    เมื่อกระจ่างใจแล้ว

    เมื่อท่านได้อาศัยโคตรภูญาณ ยึดหน่วงจิตไว้กับพระนิพพานได้

    จะได้กำลังของพระนิพพาน มาทำให้ท่านกระจ่างแจ้งในทุกข์ภัยในวัฏฏะมากขึ้น

    และ มหาเมตตา มหากรุณา จะยิ่งเจริญอย่างรวดเร็ว เพราะ ได้เห็นหลักชัยแล้ว
    แม้ไกลๆ แต่เห็นแล้วว่ามีจริง ทำไมจะถอยคืนคำปฏิญาณเสีย


    ถ้ายื่งรู้วิธี การยืมเอาญาณรัตนะคือกำลังบารมีแห่งพระรัตนตรัยจากพระนิพพานมาใช้สร้างบารมี และช่วยตน พร้อมสรรพชีวิตแล้ว การสร้างบารมียิ่งรุดหน้าไปมาก
     
  7. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    คนตาบอดในชาตินี้ แต่โชคดีได้พบพระพุทธศานา

    ถ้าเราสอนให้เค้าหยุดใจไว้ที่ศูนย์กลางกายได้ เค้าก็จะพบของเก่าของเค้าที่มีในธรรมชาติอยู่แล้ว ไม่ต้องใช้ตาเนื้อดู( ดังนั้น ของแท้จริงไม่ใช่มาจากอำนาจกสิณ หรือสร้างนิมิต)


    นั่นคือ ดวงปฐมมรรค กายภายในระดับต่างๆ และกายธรรมระดับต่างๆ

    ไปรู้เห็นภพต่างๆได้ เห็นเหตุทีตนสร้างจึงทำให้ตาบอดได้ และไปถึงพระนิพพานได้

    แม้ชั่วคราวที่กดกิเลสไว้ ก็ไปด้วยอำนาจโคตรภูญาณ และบารมีพระรัตนตรัยที่ท่านเกื้อกูล


    ..........คนเราที่มีอาการ32 ครบ จะท้อทำไมกัน............
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    [​IMG]
     
  9. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    วันนี้....พบกับความทุกข์อีกแล้ว
    ....เหมาะทีเดียว....จะได้สร้างบารมี

    ทุกข์ท้นในสงสารนี้
    จะมีมากมายสักปานใด
    สักวันหนึ่งเราต้องสร้างบารมีไว้
    ให้เหนือกว่าทุกข์นั้นให้ได้

    ชีวิตเป็นของน้อย ไม่พอแก่การส้องเสพ
    มาอุทิศชีวิต อันไร้แก่นสารนี้
    ให้เป็นประโยชน์ แก่เพื่อนทุกข์ทั้งหลายกันเถิด
    เบียดเบียนซึ่งกันและกัน
    อย่ากระนั้นเลย
    แต่ชาติ ชรา มรณะ เบียดเบียด ก็มากพออยู่แล้ว
    มาเป็นความอบอุ่นซึ่งกันและกัน
    ในดินแดนอันลำเค็ญ แห่งนี้เถิด

    เมื่อปณิธานไม่คล้อยเคลื่อน
    สรรพสิ่ง....ก็ได้แต่เคลื่อนคล้อยตามปณิธาน

    ใดใดก็สมมุติ ถึงที่สุดอนัตตา
    สมมุติอีกสักครา ให้รู้ยิ่งจะเป็นไร
    เพื่อหวังจะช่วยโลก พ้นทุกข์โศกโอฆาลัย
    ตัวเราทุกข์เช่นไร สมมุติไปอย่างนั้นเอง
    ไม่นำพาทุกข์สุข ทุกข์ก็ไม่รานข่มเหง
    ช้านานใยต้องเกรง เป็นเพียงเพลงสมมุติธรรม

    บำเพ็ญเพื่มอีกได้ หนึ่งวัน
    สรรพสัตว์หลายหมื่นพัน สุขด้วย
    ช้าบ้างอย่าเหหัน ใจที่ เคยเอื้อ
    หมู่สัตว์สะอื่นให้ช่วย สุดช้ำ กำสรวล

    แม้นโพธิมีมากเกิน จำเป็น
    ไยสัตว์จึงลำเค็ญ เช่นนี้
    สุญญกัปป์ไยทุกข์เข็ญ เวียนซ้ำ กันเล่า
    ฉไนไม่ช่วยชี้ ร่วมสร้าง ทางเกษม

    ละสุขวิปัสโก
    มุ่งจตุสัมภิทา
    ละจตุสัมภิทา
    มุ่งปัจเจกพุทธ
    มุ่งสัมมาสัมพุทธ
    ที่ไม่มีอื่นใดยิ่งกว่า
    เพื่อให้ถึงสุดยอด
    แห่งการยังประโยชน์ของตนเองและผู้อื่น

    สมัครใจ เลือกเอา วิถีทาง
    เยื้องย่าง สู่ป่า ประดู่ลาย
    จำพระองค์ ไว้ทุก ความรู้สึก
    ตรึกอยู่ ไม่รู้ เบื่อหน่าย
    พอใจ รู้ทั่ว มิ่งไม้
    ร่ำไห้ รักใน พระองค์
    ปรุงแต่ง รู้ทุก อณูธาตุ
    จรณะ สมมาตร ดังประสงค์
    รู้ถ้วน ทางโค้ง ทางตรง
    รู้สิ้น ความหลง ทุกกรณี
    บรรจงเก็บ ใบไม้ ไปฝาก
    เพื่อนสัตว์ ผู้ยาก ทุกที่
    หลั่งไหล มหา ไมตรี
    ลถิตศรี วงส- รณคมณ์

    ทุกข์ให้เป็นทุกข์แล้วเห็นความก้าวหน้า
    เอาทุกข์มาฝึกฝนจนจิตรู้เห็น
    บารมีจะเพิ่มพูนพ้นลำเค็ญ
    ทุกข์ให้เข็ญไม่จำเป็นต้องทุกข์เลย

    เป็นความอบอุ่นอะไรอย่างนั้น
    เมื่อนึกไปว่า...
    ทุกหนทุกแห่งบนโลกนี้
    ไม่มีที่ใดที่พระโพธิสัตว์ไม่เคยเสียสละชีวิต
    เพื่อความสุขของสัตว์ทั้งหลาย

    ฉันเลือกเวียนว่าย
    อยู่ในความหลงที่น่าดูแคลนต่อภูมิธรรม
    เพียงเพื่อให้ถึงสุดยอดแห่งการยังประโยชน์
    และ ประโยชน์นั้น
    ก็หาควรที่จะสำคัญมั่นหมายไม่

    เมื่อรู้ถึงสภาวธรรมของที่ยึด
    ก็สามารถใช้ที่ยึดให้เป็นประโยชน์
    เมื่อรู้ถึงความไม่จริงของสิ่งที่สมมุติ
    ก็สามารถใช้ความไม่จริงของสิ่งที่สมมุติให้เป็นประโยชน์
    เพื่อมหาปณิธาน

    ปีเดือนไม่เนิ่นนาน
    สำหรับผู้ตกอยู่ในห้วงรัก
    อสงไขย ไม่เนิ่นนาน
    สำหรับผู้บำเพ็ญบารมี

    ..........................คัดมาจาก บางส่วนของ หนังสือ รักแท้แห่งพุทธภูมิ โดย ท่านอันติมะ............................






    เมื่อท่านได้อ่านจบแล้ว ผมปรารถนาแต่เพียงว่า
    ท่านผู้ใดที่คิดจะปรารถนาพุทธภูมิแต่ยังไม่ได้ตัดสินใจแน่นอน ได้โปรดปรารถนาโดยเร็วพลัน
    ท่านผู้ใดเคยปรารถนาพุทธภูมิ แต่ลาแล้ว ได้โปรดเปลี่ยนใจกลับมา ปรารถนาต่อไปด้วยเถิด
    สุดท้าย ขอให้ท่านผู้ปรารถนาพุทธภูมิทุกท่านได้สำเร็จสมความปรารถนาเทอญ
     
  10. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743
    สาธุกับทุกๆท่าน และขอขอบคุณพี่ Sirius Galaxy และพี่นักรบเงา ที่มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์ รวมถึงเรื่องราวดีๆ ให้พวกเรากันนะคะ (y)


    ในวันนี้ก็จะขออนุญาตแชร์ความโง่ของตัวเองในเรื่องการอธิษฐานเพื่อปรารถนาพระโพธิญาณและปรารถนาพระนิพพานค่ะ :)


    สำหรับเรื่องการปรารถนาพระโพธิญาณและการตั้งอารมณ์ปรารถนาพระนิพพานนั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นอะไรที่สวนทางกันและไม่สามารถที่จะไปด้วย

    กันได้อย่างสิ้นเชิงจริงๆ ซึ่งในระยะแรกๆที่ได้เข้ามาปฏิบัติธรรมตัว(ข้าพเจ้า)เองก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิท่านอื่นๆ(ณ ขณะ

    นั้น) ที่ยังมีความไม่เข้าใจว่าการปรารถนาพุทธภูมิและการปรารถนาพระนิพพานนั้นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ? แล้วเหตุใดท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิจึงมี

    ความจำเป็นต้องอธิษฐานขอเข้าถึงพระนิพพานในชาติปัจจุบันเฉกเช่นเดียวกันกับผู้ที่ปรารถนาสาวกภูมิด้วย ?



    และแล้วในวันหนึ่งก็ได้มีโอกาสอ่านคำสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษี)โดยบังเอิญ ในเรื่องของอธิษฐานบารมีที่ว่า

    การทำบุญแล้วอธิษฐานนั้น แท้จริงแล้วไม่ถือว่าเป็นความโลภ แต่เป็นเรื่องของกำลังจิตของคนที่มีความฉลาดในการสร้างบุญบารมี ที่รู้จักที่จะ

    เจาะจงผลของบุญบารมีที่ตนได้สร้างนั้น ให้บังเกิดผลอย่างดีที่สุดสำหรับตนเอง ทั้งนี้ในการอธิษฐานเพื่อปรารถนาพระนิพพานนั้น ผู้อธิษฐานควร

    ตั้งใจไว้ว่า "บุญบารมีใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วนับตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบัน ขอผลบุญนั้นจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน

    ในชาติปัจจุบันนี้เถิด และหากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพานเพียงใด ขอให้คำว่า"ไม่มี"จงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้า"
    ทั้งนี้เพื่อเป็นการรวบรวมบุญ

    บารมีที่ได้บำเพ็ญมาแล้วทั้งหมด ให้เข้ามาเป็นปัจจัยเกื้อหนุนให้สามารถเข้าถึงซึ่งพระนิพพานได้โดยไวนั่นเอง ซึ่งจุดนี้จะต่างจากการอธิษฐาน

    เพื่อปรารถนาพระนิพพานในอนาคต เพราะจะทำให้บุญบารมีเข้ามารวมตัวได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากผลบุญเหล่านี้จะคอยส่งผลแต่ในอนาคตเรื่อยไป

    ซึ่งก็ไม่รู้ว่าชาติใดและเมื่อไหร่กว่าบุคคลนั้นจะถึงนิพพาน (ทั้งหมดนี้สรุปจากความเข้าใจส่วนตัวที่ได้จากการอ่านนะคะ)



    ทีนี้พออ่านครั้งแรกๆส่วนตัวก็ไม่กล้าอธิษฐานค่ะ เนื่องจากอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณในอนาคตกาลมาโดยตลอด แล้วก็รู้สึกว่ายังไงๆก็ต้อง

    เกิดอีกจะไปอธิษฐานเพื่อพระนิพพานในชาติปัจจุบันได้ยังไง ? แล้วอธิษฐานไปอย่างนี้แล้วเราจะไปได้หรือ ? ประมาณว่าน้ำหน้าอย่างตัวเองเนี่ย

    นะจะไปพระนิพพานในชาติปัจจุบันกับเค้าได้ ตอนนั้นก็เลยชักลังเลสงสัยขึ้นมาว่าการอธิษฐานแบบนี้จะถูกหรือจะผิดแต่ประการใดกับเค้าเหมือน

    กัน จนสุดท้ายก็ได้รับคำอธิบายว่า โดยเนื้อแท้แล้วท่านที่ปรารถนาพุทธภูมิเมื่อเข้าถึงความเป็นพระพุทธเจ้าแล้วก็จะต้องเข้าสู่พระนิพพานเหมือน

    กัน ดังนั้นการอธิษฐานก็จะต้องตั้งจิตขอเข้าสู่พระนิพพานในชาติปัจจุบันไม่แตกต่างจากท่านที่ปรารถนาสาวกภูมิเลย และจุดนี้เองจะเป็นเหตุให้

    ท่านผู้นั้นมีบารมีเต็มเนื่องจากอธิษฐานบารมีได้ตรงจุดนั่นเอง และการอธิษฐานดังกล่าวก็ไม่ต้องไปคิดว่าเราจะเข้าถึงนิพพานได้หรือไม่ได้ เพราะ

    หากเราอธิษฐานตรงจุดและตั้งใจบำเพ็ญบารมี เราจะสามารถไปได้เอง และต่อให้เราไม่สามารถไปได้ การบำเพ็ญบารมีก็จะไม่เนิ่นช้าโดยอาจจะ

    เหลือเพียงแค่ชาติเดียวคือไปเกิดเป็นพรหมหรือเทวดา แล้วบำเพ็ญบารมีต่อจนหลุดพ้นไปนิพพานเลยก็ได้(ในกรณีสาวกภูมิ) ทั้งนี้ในส่วนที่ให้

    อธิษฐานขอให้คำว่า"ไม่มี"จงอย่าปรากฎนั้น ก็เพื่อให้เรามีทุกสิ่งทุกอย่างครบถ้วนอันจะเป็นเหตุให้เราสามารถบำเพ็ญบารมีต่อเพื่อการหลุดพ้นได้

    โดยง่ายนั่นเอง (พูดง่ายๆก็คือให้มีทุกอย่าง อาทิเช่น ทรัพย์สิน สติปัญญา จะได้ไม่ต้องลำบากเรื่องทำมาหากิน และมีปัญญาในทางธรรมที่พร้อม

    นั่นเอง)



    เมื่อได้รับคำอธิบายมาดังนี้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาหลังจากที่ทำบุญใดๆก็ตามก็จะอธิษฐานอย่างนี้มาโดยตลอด แต่จุดที่พลาดจุดนึงก็คือ เวลา

    อธิษฐานจะอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณในอนาคตกาล และขอให้เข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันทุกที เพราะตอนนั้นเข้าใจว่าเราต้องเกิด

    อีกนานก็เลยปรารถนาไปในอนาคต แต่ขอให้ตนเองนั้นเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันเพื่อเป็นการกำกับการทำบารมีพระโพธิญาณให้ตรงจุด

    ซึ่งก็ไม่รู้ว่าตัวเองคิดไปได้ยังไง พูดไปพูดมาก็น่าอายในความเขลาของตัวเองเหลือเกิน T^T



    จนสุดท้ายดันมีเหตุบังเอิญให้ได้ไปอ่านคำสอนของหลวงพ่อแล้วเกิดฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ไอ้การที่เราไม่กล้าปรารถนาพระโพธิญาณในชาติปัจจุบันนี่

    มันอารมณ์คล้ายๆกับตอนที่เราไม่มั่นใจในการปรารถนาพระนิพพานในชาติปัจจุบันในตอนแรกเลยนี่หน่า ซึ่งตรงนี้หลวงพ่อท่านก็สอนไว้แล้วว่าไม่

    ต้องไปสนใจว่าจะถึงนิพพานหรือไม่ถึง ให้อธิษฐานให้ตรงจุดไว้ก่อน บุญบารมีทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาแล้วในอดีตจะได้ส่งผลได้อย่างเต็มที่ ดัง

    นั้น พอเอามาเทียบกับเรื่องการอธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณแล้ว เรื่องราวก็จะเข้ารอยแบบเดิมเปี๊ยบ แตกต่างกันเพียงแต่เนื้อหาว่าเป็นสาวกภูมิ

    หรือพุทธภูมิเท่านั้นเอง ก็เลยพยายามเปลี่ยนความคิดเปลี่ยนกำลังใจใหม่(เหมือนตอนที่เริ่มอธิษฐานพระนิพพานในชาติปัจจุบันครั้งแรก)แล้วก็

    อธิษฐานปรารถนาพระโพธิญาณและพระนิพพานในชาติปัจจุบันแทน



    ทั้งนี้สำหรับคำอธิษฐานปิดท้ายที่แต่เดิมจะตั้งจิตว่าขอให้คำว่า"ไม่มี"จงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้านั้น ก็บังเอิญ(อีก)ว่าไปอ่านเจอคำว่า

    "สุขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา" ที่แปลว่า ปฏิปทาที่ปฏิบัติได้สะดวก ทั้งรู้ได้เร็ว ฯ อันเป็นคุณลักษณะเฉพาะของผู้ที่บำเพ็ญมาในสาย

    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน(หลวงพ่อฤาษีลิงดำ) ที่นับแต่อดีตนั้นบำเพ็ญบารมีมาอย่างง่ายแต่ได้ผลดี(และเร็ว)มาโดยตลอด ซึ่งยอมรับว่า

    ตรงจริตนิสัยของตัวเองเป็นอย่างยิ่ง เลยเอาเข้ามารวมเป็นอธิษฐานบารมีใหม่ของตัวเองว่า


    "ผลบุญใดที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญมาแล้วนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ขอผลบุญนั้นจงเป็นปัจจัยให้ข้าพเจ้าได้เข้าถึงซึ่งพระโพธิญาณ

    และพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด หากข้าพเจ้ายังไม่เข้าถึงเพียงใด ขอให้คำว่า "ไม่มี" "ไม่รู้" "ไม่สำเร็จ" จงอย่าปรากฎแก่ข้าพเจ้า ขอให้มีแต่

    ความคล่องตัวและความง่ายในทุกๆอย่างทุกประการด้วยเทอญ"



    ปล. ตอนอธิษฐานแม้เราจะรู้ตัวว่าต้องเกิดอีกนาน(บารมียังน้อยอยู่) แต่เราก็ไม่สนใจค่ะ เพราะสิ่งที่เราต้องการก็คือการอธิษฐานที่ตรงจุด

    (ตามเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วข้างบน)เท่านั้นเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2014
  11. เวโรจนะ

    เวโรจนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +129
    แม้พระชาดกพระโพธิสัตว์เจ้า ในชาติที่ออกบวชหลายๆชาติก็เพื่อปรารถนาพระนิพพาน
    ความพ้นทุกข์ แต่ไม่ได้ยินว่าท่านตั้งจิตอธิษฐานให้ได้ในชาตินั้นๆ เพราะผู้มีบารมีแก่กล้า
    อธิษฐานแล้วมักได้จริง คือลาพุทธภูมิเพื่อนิพพานในชาตินั้นเลย...ขออภัยที่เห็นแย้ง
     
  12. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959



    ถ้าพิจารณาโดยแยบคายหรือโยนิโสมนสิการ


    จะพบว่า คำอธิษฐาน( ที่ผมใช้) จะเป็นดังนี้...........


    "เพื่อเข้าถึงพระนิพพานในปัจจุบัน" เพราะ ให้ก้าวข้ามผ่านถึง "โคตรภูญาณ" ซุึ่งเป็นขั้นตอน ที่เห็นทั้งฝ่ายโลกียยะ และโลกุตตระ จะได้อารมณ์พระนิพพาน และกำลังในการสัมผัสพระนิพพานเบื้องต้น แต่ยังไม่ตัดสังโยชน์ถึงขึั้นพระโสดาบัน น้อมนำกำลังจากอารมณ์ที่ได้สัมผัสพระนิพพาน มาเป็นกำลังผลักดัน ให้สร้างบารมีเพิ่มได้


    .....เพราะ เมื่อได้เห็น ได้สัมผัสพระนิพพานบางส่วนแล้ว

    จึงมีกำลังใจ ที่จะ บำเพ็ญพาสัตว์ข้ามวัฏฏะสงสารได้ต่อไปอีก....



    ...การปรารถนาพระนิพพานระหว่างการบำเพ็ญ...จึงเป็นไปเพื่ออาศัยกำลัง ญาณรัตนะ หรือ อารมณ์สัมผัสพระนิพพาน มาเพิื่มกำลังใจ
     
  13. pco-

    pco- เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    2,162
    ค่าพลัง:
    +12,252
    ก็ขอให้ตั้งใจต่อไปในเรื่องการอธิฐานบารมี อย่างที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านบอก ท่านสอน การอธิฐานมรรคผลในชาติปัจจุบันเป็นการกำหนดเวลาที่มีจุดหมายทางที่แน่นอน คือหมายความว่าคนที่จะกำหนดแบบนี้ได้ มันจะต้องเข้าเขต สาวกหากไม่ถึงหนึ่งอสงไขย กำไรอีกแสนกัป มันบรรลุมรรคผลไม่ได้

    ส่วนของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ท่านแนะนำเพราะคณะของท่าน หากว่าปรารถนาสาวกทุกคนก็เกินมาหมดแล้ว แม้ท่านที่ปรารถนาในพระโพธิญาณ ก็มีสี่อสงไขย แปดอสงไขย สิบหกอสงไขย กำไรอีกแสนกัป หากว่าขมวดท้ายไว้ซะด้วยคำว่า ขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้เถิด เมื่อเข้าเขตเมื่อไรก็จะได้ไม่ต้องเสียเวลาต่อไปอีกคือเต็มสมบูรณ์ ชาติใหนก็ชาตินั้นเลย แต่หากว่าเอาแต่ว่า ในอนาคตกาลโน้นเถิด มันก็อนาคตกาลเรื่อยไป มันไม่ถึงสักที

    เครื่องบินเมื่อพาผู้โดยสารถึงสนามบิน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องบินวนโชว์ไปทำไม และอีกอย่างก็ไม่ได้รับผู้โดยสารขึ้นมาอีก เพราะนี่คือปลายทาง ไม่ใช่ต้นทาง กลางทาง มีแต่จะส่งคนให้ถึงปลายทาง ส่วนคนที่จะเริ่มต้นก็ต้องนับเวลากันใหม่ ก็ต้องโดยสารไปกับเครื่องลำอื่น หรือรถไฟขบวนอื่น หรือจะสำเภาทองลำอื่น ก็จองตั๋ว จองที่กันเอาเอง

    ผิดถูกอย่างไรไม่รับรอง ตำราเล่มของผมว่าไว้แบบนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2014
  14. White Sage

    White Sage เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    282
    ค่าพลัง:
    +1,743

    สาธุค่ะ ขอบพระคุณคุณอา PCO สำหรับกำลังใจนะคะ /\


    อย่างที่หลวงพ่อท่านสอนไว้เลยเรื่องการอธิษฐาน ถ้าหากว่าเราต้องการสิ่งใดให้อธิษฐานขมวดปมไว้เลยว่าขอเป็นในชาติปัจจุบันนี้ เพราะถ้าหากว่าเราหวังไว้แต่ในอนาคตกาลแล้ว มันจะกลายเป็นว่าเราจะต้องรอแต่อนาคตกาลเรื่อยไปไม่มีที่สิ้นสุดค่ะ ^__^


    ปล. หลานเฟมก็โง่มามากเหลือเกินเรื่องนี้ กว่าจะเข้าใจได้ต้องใช้เวลานานเหลือเกินจนท่านต้องสงเคราะห์ผ่านหนังสือหนังหา ตอนนี้เลยรีบไปให้คนในบ้านอธิษฐานกันเสียใหม่เวลาทำบุญ เค้าจะได้ไม่ต้องเกิดอีกนานอ่ะค่ะ แต่กว่าจะหลอกล่อคนในบ้านได้ก็ยากพอดูค่ะ เพราะเค้าจะเกิดความรู้สึกแบบเดียวกับที่เราเป็นมาว่า "ให้ขอนิพพานชาตินี้เลยหรือ ?" เราเลยต้องอธิบายให้เค้าเข้าใจตามที่เราก็เคยได้รับการอธิบายมาอ่ะค่ะ เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ^__^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤศจิกายน 2014
  15. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,076
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,001
    ค่าพลัง:
    +69,959
    คนพิการ ที่ยังไม่ปรารถนาพุทธภูมิ ยังมีน้ำใจปานนี้.........

    -------------------------------------------------------------------------------------------------
    "ทำบุญกับพระที่ไหนๆ ก็ต้องไม่ลืมพระที่บ้าน พ่อแม่เรานี่แหล่ะ อย่ามองข้ามท่านไป"
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ




    .............................


    [​IMG]
     
  16. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    หมีใจดีช่วยชีวิตนกกาที่กำลังจะจมน้ำ เป็นเรื่องที่ถูกถ่ายคลิปไว้ได้ บางทีหมีที่มีเมตตาแบบนี้อาจเป็นพระโพธิสัตว์ที่กำลังบำเพ็ญบารมีอยู่ก็ได้นะ

    เจ้านกกาจมนำ้ ใครๆก็คิดว่าไม่รอดแน่ๆ แล้วปาฏิหาริย์ก็เดินเข้ามา
     
  17. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    621
    ค่าพลัง:
    +2,268
  18. นะมัตถุ โพธิยา

    นะมัตถุ โพธิยา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    621
    ค่าพลัง:
    +2,268
    มหาชนกชาดก

    ชาดก...ว่าด้วยความเพียรอันยิ่งใหญ่

    เชิญคลิกชม :
    https://www.youtube.com/watch?v=vJEna144nUM



    (f)​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤศจิกายน 2014

แชร์หน้านี้

Loading...