เรื่องสั้นๆ ของเด็กพิเศษ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย มุ่งเต็มใจ, 21 เมษายน 2009.

  1. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เรื่องสั้นๆ ของเด็กพิเศษ

    ที่มา

    http://www.sharechild.com/story2.1.htm

    เชิญร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษ

    มูลนิธิ เพื่อเด็กพิเศษ จังหวัดลำปาง เชิญร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษอาทิเช่นเด็กดาวน์ซินโดรม เด็กออทิสติก เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ ให้ได้รับโอกาสในการฝึกพัฒนาการ ฟื้นฟูสมรรถภาพ และได้รับการศึกษาพิเศษตามความสามารถของแต่ละราย กรุณาดูรายละเอียดได้ที่

    www.sharechild.com

    http://palungjit.org/posts/2051805


    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1">
     
  2. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เรื่องของ...น้องนัท
    น้องนัทเป็นนามสมมุติ ที่ คุณครูศิริพร ธรรมสถิตวงศ์ ครูโรงเรียนเทศบาล 3 เขียน เพื่ออยากจะเล่าเรื่อง และถ่ายทอดวิธีการต่างๆที่ได้สั่งสมมา ประกอบกับได้เข้ารับการอบรมในโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาพิเศษ 3 โรงเรียนเรียนร่วม ที่ทางมูลนิธิเพื่อเด็กพิเศษจัดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้คุณครูศิริพรมั่นใจยิ่งขึ้น
    น้องนัทเป็นเด็กที่น่าสงสาร เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ซึ่งมีอาชีพรับจ้างทั่วไป น้องนัทจึงอยู่ในความดูแลเอาใจใส่ของยายแก่ๆ น้องนัทชอบมาโรงเรียนแต่ไม่ชอบเรียนหนังสือ ไม่อยู่ในห้องเรียน จะเดินไปมาในโรงเรียน บ้างก็จะไปอยู่กับครูศิริพรที่สอนคอมพิวเตอร์ ไม่มีครูคนใดที่ไม่รู้จักน้องนัท ยังมีเด็กอีกหลายคนที่คล้ายกับน้องนัทที่ไม่มีใครเข้าใจหรือให้ความสนใจแก้ไขอย่างจริงจัง
    น้อง นัทเด็กชายวัย 10 ขวบรูปร่างผอมบาง ผิวสองสี เรียนชั้น ป.4 เป็นเด็กพิเศษที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา น้องนัทจะไม่เรียนหนังสือและไม่พูดกับคนที่ไม่คุ้นเคย ครูหลายคน บอกว่าเป็นเด็กที่มีปัญหามากไม่รู้จะทำอย่างไรกับเด็กคนนี้ เพราะเขาไม่ยอมทำอะไรเลย ไม่เขียน ไม่อ่าน ไม่พูด จะอยู่ตามลำพัง แต่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ผลการเรียนอยู่ในระดับต้องปรับปรุงทุกชั้นที่ผ่านมา น้องนัทได้ รับการวินิจฉัยจากจิตแพทย์เด็กว่า สมองพัฒนาช้า มีความบกพร่องทางการเรียนรู้ และสมาธิสั้น ครูศิริพรปัจจุบันสอนชั้น ป.2 แต่ในฐานะเป็นครูที่น้องนัทรัก และให้ความไว้เนื้อเชื่อใจจึงได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแล และสอนน้องนัทตามความสามารถที่น้องนัทจะเรียนรู้ได้ ครูศิริพรจึง ทำงานวิจัยในชั้นเรียนเรื่องการพัฒนาการอ่านของน้องนัท โดยการสร้างแบบฝึกการอ่านง่ายๆ เน้นคำที่ใช้ในชีวิตประจำวัน สอนย้ำบ่อยๆ สอนทุกวันๆละ 10-15 นาที ถ้ามีเวลาก็จะสอนหลายๆครั้ง น้องนัทอ่านได้ดีขึ้น เขียนตามคำบอกได้ และแต่งประโยคได้เอง หากมีคำศัพท์ยากใดที่น้องสะกดไม่ได้ครูก็จะช่วยสะกดแล้วให้เด็กเขียนตาม ครูหลายคนแฮปปี้ขึ้น โดยเฉพาะน้องนัทหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสมากขึ้น ยอมพูดคุยกับครูคนอื่นและเพื่อนๆมากขึ้น
    น้องนัทมีความสนใจทางด้านคอมพิวเตอร์อย่างเด่นชัด ชอบ เล่นเกมในชั่วโมงเรียนคอมพิวเตอร์ ครูศิริพรจึงสอนให้น้องนัทเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อเลือกเล่นเกมด้วยตัวเอง ในส่วนนี้น้องนัทสนใจ ตั้งใจ และจดจำได้ดี ครูศิริพรจึงให้น้องนัท ไปจดชื่อเกม แล้วฝึกสะกดอ่านชื่อเกมต่างๆ จดจำให้ได้เพื่อพิมพ์หาในอินเทอร์เน็ต จากเขียนหนังสือไม่เป็น อ่านไม่ได้ ก็เก่งขึ้นจนในที่สุดน้องนัทก็สามารถค้นหาได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องถามครู ศิริพรอีก นอกจากนี้น้องนัทซึ่งอยู่คู่กับครูศิริพรยังเป็นผู้ช่วยครูตัวน้อยที่สามารถ สอนคอมพิวเตอร์ให้น้อง ป.1 ป.2 และช่วยดูแลเปิด-ปิดคอมพิวเตอร์ในห้องได้
     
  3. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    กลัวอะไรกันหนอ
    เด็กๆ มักจะกลัวอะไรก็ตามที่มีเสียงดัง เช่น กลัวเสียงฟ้าร้อง กลัวผู้ใหญ่ที่ชอบพูดเสียงดัง พูดตวาด กลัวหมาเห่า กลัวเสียงประทัด เป็นต้น ซึ่งเป็นความกลัวที่สมเหตุสมผล แต่เด็กออทิสติกหลายคนมีความกลัวแปลกๆ เช่น กลัวเสียงไก่ขัน ไม่ชอบเสียงเพลงที่ดังจากวิทยุ กลัวเสียงสว่านที่เจาะผนัง กลัวเสียงเครื่องตัดหญ้า กลัวเสียงเครื่องผสมปูนในบริเวณที่มีงานก่อสร้าง บางรายจะไม่ชอบเสียงเด็กเล็กๆร้องไห้ เป็นต้น จะเห็นได้ว่า เสียงเหล่านี้เป็นเสียงปกติที่เรามักจะได้ยิน ได้เห็นในชีวิตประจำวันกันเป็นส่วนใหญ่
    ใช่ว่า เด็กออทิสติกทุกคนจะเป็นนะคะ แต่ละคนก็จะกลัวเสียงไม่เหมือนกัน เป็นพัฒนาการทางการได้ยินที่ผิดปกติ จึงทำให้ได้ยินเสียงต่างๆเหล่านั้นดังมากเกินที่จะทนฟังได้ เด็กก็จะปิดหู หรือร้องเสียงดัง หรือไม่ยอมเข้าไปใกล้บริเวณที่มีเสียงรบกวนเขามากๆ ความผิดปกติทางการได้ยินนี้ เหมือนกับว่าสมองและอวัยวะที่เกี่ยวข้องกับการได้ยินเปิดคลื่นรับระดับเสียง มากจนเกินไป ทำให้ไปรบกวนการใช้ชีวิตประจำวันของเขา ซึ่งไปกระทบกับพัฒนาการด้านอื่นๆ เช่นด้านการพูด และด้านสังคม และเมื่อเขาได้ยินเสียงนั้นๆ ก็จะมีปัญหาพฤติกรรมต่างๆนานา เช่นเข้าไปตีน้องที่ร้องไห้ ปิดหูตลอดเวลา ร้องครางเสียงดังเพื่อกลบเสียงที่ไม่ชอบ เป็นต้น บางครั้งผู้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ชิดก็ยากที่จะคาดเดา และไม่เข้าใจที่มาที่ไปของพฤติกรรมที่เด็กแสดงออกมา
    ตั้งแต่น้องนนท์ย้ายมาอยู่กับคุณปู่ คุณย่า เพื่อเข้าโรงเรียน คุณปู่สังเกตว่า น้องนันท์จะร้องเสียงดัง และเอามือปิดหูทั้งสองข้างทุกครั้งที่คุณปู่จะเจาะรูตอกตะปูเพื่อติดรูปภาพ หรือใช้สว่านเจาะรูครั้งใดน้องนันท์ต้องมีปัญหาพฤติกรรมมาก ทั้งคู่จึงมาปรึกษาครูพรว่าจะทำอย่างไรดี ครู พรจึงออกอุบายให้คุณปู่หาเรื่องใช้สว่าน แต่ต้องตกลงกับคุณย่าเป็นที่รู้กัน เพื่อช่วยปรับการได้ยินเสียงที่น้องไม่ชอบ โดยวันใดที่คุณปู่จะใช้สว่าน คุณย่าก็จะพาน้องนนท์ไปอยู่ไกลๆหน่อยเพื่อให้ได้ยินเสียงสว่านนั้นเบาลง หรือได้ยินเพียงเล็กน้อยซึ่งคาดว่าไม่รบกวนเขามาก คุณปู่ก็จะกำหนดเวลาการใช้สว่านในช่วงเวลาสั้นๆ เช่น 1 นาที เพื่อค่อยๆปรับน้องนันท์ สำหรับคุณย่าก็จะหากิจกรรมที่น้องนันท์ชอบทำระหว่างที่คุณปู่ทำงาน ได้ผลน้องนันท์มีปฏิกิริยาต่อเสียงสว่านน้อยลง เพราะคุณย่าเบี่ยงเบนความสนใจน้องนันท์ และเสียงก็ไม่รบกวนมาก อีกทั้งเป็นเสียงเบาๆลอยมาตามลมช่วงสั้นๆ หลังจากที่น้องนันท์ สามารถรับฟังได้ดีขึ้น คุณย่าก็จะเริ่มหาที่ที่ใกล้เสียงสว่านมากขึ้น คือให้น้องเขาฝึกฟังเสียงที่ค่อยๆดังขึ้น และฟังนานขึ้น จนในที่สุดน้องนันท์สามารถมาดูคุณปู่เจาะกำแพงโดยใช้สว่านได้อย่างสบายๆ
     
  4. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ชีวิตคือนาฬิกา
    นิคเป็นออทิสติกที่ ไม่สร้างความวุ่นวาย ไม่ตีเพื่อน ไม่โวยวายถ้าไม่มีใครไปแกล้งในสิ่งที่เขาไม่ชอบ นิคจะอยู่ของเขาได้อย่างสงบเงียบคนเดียวแต่นิคจะมีปัญหาพฤติกรรมหลายอย่าง ที่มีผลกระทบต่อตัวเขาและผู้คนที่อยู่รอบข้างโดยเฉพาะด้านการสื่อสาร และด้านสังคมซึ่งเป็นปัญหาหลักของออทิสติกพฤติกรรมของนิคที่ดิฉันเห็นเมื่อ เขามาเรียนกับเรา เวลาคุณพ่อมาส่งตอนเช้าของทุกวัน นิคจะพูด ถามซ้ำๆกับคุณพ่อทุกวันเหมือนเดิมว่า ขณะนี้เวลา… คุณพ่อก็จะตอบว่า เจ็ดนาฬิกา สามสิบนาที นิคถาม
    คุณพ่อไปทำงานเวลา… คุณพ่อตอบ เจ็ดจุดสามศูนย์ น้อง นิคอยู่กับครูพร น้องนิคถาม ถึงเวลา… คุณพ่อตอบ สิบสามจุดสามศูนย์ นิคถาม เป็นเวลา… คุณพ่อตอบ แปดชั่วโมง หลังจากนั้นนิคก็จะสรุปความทั้งหมดได้ว่า คุณพ่อไปทำงาน น้องนิคอยู่กับครูพรเป็นเวลาแปดชั่วโมง บ๊าย บาย ด้วยเสียงดังและพูดซ้ำๆอีก 2-3 ครั้งจนกว่ารถของคุณพ่อจะลับสายตา เมื่อดิฉันมาถึงก็จะแวะเข้าไปทักทาย นิคก็จะเข้ามาหาแล้วพูดประโยคเดิม ถ้าเราไม่ตอบสนองให้เกิดความมั่นใจ นิคก็จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆแล้วก็พูดประโยคเดิม ดิฉันก็จะตอบสั้นๆว่า นิคมาเรียนหนังสือกับครูพร ถ้านิคยังพูดประโยคเดิมอีก ดิฉันก็บอกว่า พอแล้ว ครูพรเข้าใจแล้ว ดิฉันจะทำเช่นนี้อยู่ประมาณ 2-3 วัน หลังจากนั้นดิฉันก็จะเข้าไปทักทายนิค และหากนิคยังพูดประโยคเดิมซ้ำอีก ดิฉันก็จะเดินหนีพร้อมบอกนิคว่า ครูพรไม่ฟังคำพูดเดิมๆ ไม่เกินหนึ่งเดือนนิคก็ไม่พูดอีก ครูและนักเรียนทุกคนก็จะทำเช่นเดียวกันกับดิฉัน จนถึงทุกวันนี้นิคก็ไม่พูดประโยคนั้นอีก แต่ยังคงถามคุณพ่อเหมือนเดิมเพราะได้รับการตอบสนองอยู่ทุกครั้งที่ถาม ขั้นต่อไป ดิฉันจะเริ่มปรับการสื่อสารระหว่างพ่อ-ลูกคู่นี้โดยให้คุณพ่อไม่ต้องตอบคำ ถามเดิมๆอีก แต่ให้บอกกับนิคว่า พ่อไปทำงาน เจอกันตอนเย็นที่บ้าน แล้วพ่อก็ขับรถออกไป ถ้านิคยังถามซ้ำๆก็ไม่ให้ตอบ ให้พูดว่า เจอกันตอนเย็นที่บ้าน ดิฉันเชื่อแน่ว่านิคต้องพูดตาม เพราะเราต้องการสอนเขาให้รู้จักพูดบอกลาซึ่งมันเหมาะสมกว่าจะเป็นการถามคำ ถาม อาทิตย์หน้าลองตามดูผลกันนะคะ
    เมื่อ ก่อนคุณแม่ของนิคใช้วิธีของการเล่นเกมโชว์ในทีวีมากระตุ้นให้นิคร่วมทำ กิจกรรมต่างๆที่บ้าน นิคก็สนุกและยอมทำงาน วิธีการนี้นิคเข้าใจและก็ติดไปใช้ทั้งที่โรงเรียน และที่อื่นๆเช่น ครูให้จดงานบนกระดาน นิคจะมองหน้าครูแล้วถามว่า ภายในเวลา… เริ่ม จาก…..ถึง…นิคยังพูดเป็นประโยคที่ถูกต้องเหมาะสมไม่ได้ ประโยคจะขาดๆหายๆแต่คนฟังจะเดาออกว่าเขาหมายถึงอะไร ก็จะตอบนิคทุกครั้งเพราะถ้าไม่ตอบนิคก็จะถามซ้ำๆ เมื่อได้รับคำตอบนิคจะพูดและใช้น้ำเสียงเหมือนพิธีกรในรายการเกมโชว์ยังไง ยังงั้นแล้วก็ลงมือทำงาน เมื่อใกล้จะหมดเวลาเขาจะรีบทำงานจนเสร็จ แล้วบอกว่าหมดเวลาพร้อมทำเสียงออด พอนิคมาอยู่กับเราพฤติกรรมนี้ถูกปรับก่อนเพราะมันรบกวนการเรียนในชั้นพอ สมควร และเป็นที่สนุกสนานของเพื่อนเด็กพิเศษคนอื่นๆ ดิฉันก็ใช้วิธีไม่ตอบพี่นิค และบอกให้พี่นิคทำงานเช่น นิคทำแบบฝึกหัด หรือ นิควาดรูปแล้วระบายสีด้วย แม้นิคจะคะยั้นคะยอมองหน้าเค้นเอาคำตอบเราก็จะไม่ยอมแพ้พี่นิค เขาพยายามใช้เสียงที่ดังขึ้นๆ ยื่นหน้ามาขอคำตอบจากเรา ดิฉันก็ยังยืนยันให้ทำงานโดยไม่ตอบคำถามของเขา แรกๆก็เหนื่อยและย้ำให้นิคทำงาน เขายอมทำงานมากขึ้น และในที่สุดก็ไม่ถามอีกเลย ดิฉันเน้นย้ำกับครูและเด็กพิเศษคนอื่นๆที่เรียนกับนิคว่าห้ามตอบคำถามของพี่ นิคเด็ดขาด ในที่สุดก็สำเร็จ คุณแม่ของนิคเล่าว่า ครูสอนคอมพิวเตอร์แปลกใจระยะหลังๆนิคไม่ถามเรื่องเวลาอีกเลย
     
  5. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ต้องอ่านให้ได้
    [​IMG]<map name="Map4Map"> <area shape="poly" coords="49,45,49,61,76,60,76,70,96,53,75,36,75,46" href="http://www.sharechild.com/story2.5.2.html"> </map>
    <table width="401" align="center" border="0" height="27"> <tbody><tr> <td>ระหว่างที่ครูพรกำลังพูดคุยเรื่องของเด็กพิเศษภายในศูนย์การเรียนพรวลัยกับครูของเราอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับพูดว่า มีเคส (Case) ใหม่มาขอปรึกษา ครูพรจำได้ว่าวันนี้ไม่มีนัดนี่นา แต่ก็ไม่เป็นไรครูพรจึงขอเลื่อนการพูดคุยต่อตอนบ่าย
    สวัสดีค่ะ หนูพาน้องชายมาปรึกษา เพื่อขอให้อาจารย์ช่วยสอนให้เขาอ่านหนังสือได้ด้วยค่ะ พี่สาวของนายแมนเด็กหนุ่มรูปร่างท้วม สูง ผิวขาว เปิดฉากคุยก่อน
    รบกวนช่วยเล่ารายละเอียดให้ครูพรฟังหน่อยนะคะ จะช่วยได้ตรงจุด ครูพรขอข้อมูลเพิ่มเติม
    น้องแมนเรียนจบ ม.3 แล้ว และไปเรียนต่อช่างยนต์ที่โรงเรียน LCCT น้อง แมนเรียนได้ช่วงหนึ่ง ก็ไปเล่าให้อาจารย์ที่โรงเรียนฟังว่า อ่านหนังสือไม่ออก จะมีปัญหาทั้งวิชาภาษาไทย และภาษาอังกฤษ อาจารย์ที่โรงเรียนก็เลยแนะนำให้พามาฝึกกับอาจารย์พรวลัยที่นี่ค่ะพี่สาวของ น้องแมนเล่า
    โชคดีนะคะที่อาจารย์ ของโรงเรียน ใจกว้าง เข้าใจและยอมรับข้อจำกัดของนักเรียน แล้วทางครอบครัวทราบว่าน้องแมนอ่านหนังสือไม่ออกตั้งแต่เมื่อไหร่ ทางโรงเรียนเก่าได้ช่วยอย่างไร ครูพรถามรายละเอียดเพิ่มเติม
    ทาง บ้านไม่ทราบมาก่อนว่า แมนอ่านหนังสือไม่ออก เพิ่งมาสังเกตในระยะหลังๆว่า เวลาเขาเล่นเกมที่มีตัวหนังสือที่จะต้องอ่าน แมนก็จะเปลี่ยนเกมทันที ผลการสอบของเขาก็แค่ผ่าน เกรดไม่ดีนัก
    เวลาสอบครูทำอย่างไร ครูพรถามต่อ พี่สาวก็เลยให้แมนเล่าต่อ
    ครู อ่านข้อสอบให้ฟัง แล้วให้ผมเลือกกากบาทคำตอบเอง แต่ถ้าเป็นข้อสอบอัตนัยที่จะต้องเขียน ผมก็บอกครูว่า ผมเขียนไม่ได้ ผมสอบแค่นี้พอ
    ครูพรลองประเมินคร่าวๆในเรื่องของการรู้จักพยัญชนะไทย และอ่านคำง่ายๆ ของเด็กระดับอนุบาลที่ต้องอ่านได้ เช่น คำศัพท์อวัยวะ ครอบครัว สัตว์พยางค์เดียว อุแม่เจ้า....นายแมนอ่านพยัญชนะไทย และคำศัพท์ง่ายๆได้ไม่กี่ตัว งานใหญ่เข้าเลย (ครูพรนึกอยู่ในใจ)
    แล้วจะมาเรียนอย่างไรดีค่ะ ครูพรถามพี่สาว กับนายแมน
    เช้าแมนเขาไปเรียนตามปกติ มาเรียนกับครูพรตอนเย็นทุกวัน ได้ไหมค่ะ พี่สาวตอบแทน
    ได้ค่ะ เรียนทุกวันจันทร์ ศุกร์ วันๆละ หนึ่งชั่วโมง กลับบ้านก็ขอให้ไปทบทวนอ่านด้วย แมนมีความตั้งใจขนาดไหนที่จะมาฝึกการอ่าน-เขียนกับครูพรในครั้งนี้ ครูพรต้องการทราบความตั้งใจของแมน
    ผมอยากอ่านหนังสือได้ครับ นายแมนตอบเสียงราบเรียบ
    ตกลงพรุ่งนี้เริ่มเรียนกันเลย ครูพรนัดหมายการฝึก
    นายแมน อายุ 16 ปี เรียนจบชั้น ม.3 ใช้เวลาเรียนหนังสือ 9 ปี ไม่นับชั้นอนุบาล อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้ ได้แต่เพียงเขียนตาม ภาษาอังกฤษแทบจะไม่ได้เลย การเรียนรู้วิชาอื่นๆเท่าที่ฟังไม่มีปัญหา มีความเข้าใจพอสมควร พอทำข้อสอบได้เมื่อครูอ่านข้อสอบให้ฟัง หลายครั้งที่ครูเรียกแมนเข้าไปเรียนเสริมนอกเวลาเรียน แต่ด้วยความห่วงเล่นแมนก็ไม่ค่อยไปเรียน และขี้เกียจเรียนด้วยว่างั้นเถอะ

    </td></tr><tr> </tr></tbody></table>
     
  6. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    วาดภาพง่ายๆ
    จะ มีใครนึกบ้างไหมค่ะว่า เด็กที่มีความต้องการพิเศษที่พอเรียนรู้ได้จะสามารถวาดรูปเอง เด็กระดับอนุบาลที่มีความพิการทางร่างกายที่มือเกร็ง เท้าเกร็ง เดินเองไม่ได้ แต่สามารถวาดรูปตามรอยประ และระบายสีไม้ สีน้ำได้ ศิลปะ ช่วยฝึกเด็กที่มีความต้องการพิเศษเหล่านี้ให้มีสมาธิ มีความตั้งใจ มีความอดทนฝึกฝนจนเกิดทักษะของการใช้กล้ามเนื้อมือ และเกิดความภูมิใจในฝีมือของตน
    นัก เรียนที่มีความต้องการพิเศษ 4 คน ของศูนย์การเรียนพรวลัยที่ลงทะเบียนเรียนกศน. ระดับประถมศึกษา ได้ช่วยกันทำโครงงานศิลปะ เป็นการวาดภาพเพื่อนำไปทำเป็นปฏิทิน ปี 2548 โดยมีครูติ๊กเป็นที่ปรึกษา การสอนเด็กวาดภาพนั้นต้องสอนเป็นขั้น ตอนโดยให้เด็กวาดตามทีละขั้น ครูดูเด็กวาดตามทุกขั้น แต่ละภาพที่สอนเด็กวาดนั้นจะใช้เส้นต่างๆ เช่น เส้นตรง เส้นเฉียง เส้นโค้ง ฯลฯ และรูปทรงต่างๆ เช่น วงกลม สี่เหลี่ยม สามเหลี่ยม เป็นต้น มาประกอบเป็นภาพง่ายๆ เช่นภาพกระทง ซานตาครอส ของขวัญ และฉันชอบกินผลไม้ ที่เด็กๆเลือกหัวข้อกันเองที่อยากจะวาด นักเรียนทุกคนต้องฝึกวาดภาพเหมือนกัน หลังจากนั้นก็ระบายสีภาพด้วยสีเทียน ครูจะชักชวนให้นักเรียนพูดโต้ตอบโดยการถามสีตามธรรมชาติ เช่น ท้องฟ้าใช้สีอะไร ซานตาครอสใส่เสื้อสีอะไร เป็นต้น การสอนวิชาศิลปะก็จริงแต่ครูสามารถบูรณาการสอนวิชาอื่นๆเข้าไปด้วยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสื่อสาร การพูดถาม-ตอบ ซึ่งเด็กพิเศษจะมีพัฒนาการค่อนข้างช้าในเรื่องนี้ การให้เวลาเด็กนักเรียนทำงานอย่างเงียบๆก็เป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งซึ่งเป็นการฝึกสมาธิ และความอดทนให้กับเด็กพิเศษของเรารู้จัก การทำงานด้วยตัวเองหากทำไม่ได้ตรงไหนก็ให้ขอความช่วยเหลือจากครู การวาดภาพระบายสีไม่จำเป็นต้องให้เสร็จในเวลา หากยังไม่เสร็จก็สามารถมาทำต่อในครั้งต่อไป ไม่กดดันเด็กว่าจะต้องทำให้เสร็จ จะต้องระบายสีให้สวยตามสายตาของครู ผลงานที่เด็กทำนั้นไม่จำเป็นต้องไปเปรียบเทียบกับคนอื่นๆ ครูควรจะดูที่พัฒนาการการวาดและระบายสีของเด็กคนนั้นๆ
    กรณีเด็กในระดับอนุบาลครูติ๊กจะถามเด็กว่าอยากวาดภาพอะไร ในภาพมีอะไรบ้างให้เด็กบอก ครูติ๊กก็จะวาดตามที่เด็กบอกเป็นรอยประ เด็กแต่ละคนภาพจะออกมาไม่เหมือนกันแล้วแต่ความคิด จินตนาการของเด็ก หลังจากนั้นเด็กก็จะวาดตามรอยประ และฝึกระบายสีตามความสามารถของเขา ซึ่งครูติ๊กจะไม่ติเตียนหากระบายสีเลอะเทอะออกนอกกรอบ หรือระบายสีไม่ตรงตามความเป็นจริง เช่นท้องฟ้าเป็นสีน้ำตาลเป็นต้น นี่แหละเป็นเสน่ห์ของวิชาศิลปะที่เด็กๆหลงใหลอยากเรียน อยากทำ เพราะไม่ถูกบังคับ ฉันทำได้ ฉันภูมิใจ
    น้อง ไอจะเรียกร้องขอมาเรียนศิลปะกับครูติ๊กถ้าวันไหนขาดเรียน และถ้าหยุดเรียนไปนานๆ มือน้องเขาจะเกร็งมากขึ้น เขียนหนังสือไม่ค่อยดี เรียนศิลปะช่วยได้มา
     
  7. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ลดความเครียดในการเรียน


    น้องแนนเรียนอยู่ชั้นป.1 ไม่อยากไปโรงเรียน ไม่ยอมแต่งชุดนักเรียน สร้างความเครียดให้กับคุณพ่อ คุณแม่เป็นอย่างมาก เพราะน้องแนนบอกว่าไม่อยากเขียนหนังสือเมื่อยมือ อยู่โรงเรียนไม่ค่อยได้เล่น
    น้องกันเรียนอยู่ชั้น ป.3 แต่ยังอ่านไม่ออก เขียนสะกดไม่ได้ เวลาเรียนก็จะชวนเพื่อนเล่นบ้าง ชวนเพื่อนคุยบ้าง หรือขออนุญาตครูไปดื่มน้ำ ปัสสาวะ แล้วก็ไม่กลับเข้าห้องเรียนอีกเลย น้องกันจะถูกลงโทษบ่อยๆ ครูก็จะดุน้องกันเป็นประจำ ครูบางท่านถามว่าทำไมไม่เข้าห้องเรียน น้องกันจะบอกว่า เรียนไม่รู้เรื่อง
    เด็กแต่ละคนก็มีความแตกต่างกัน วิธีการเรียนรู้ของแต่ละคนจะแตกต่างกัน หลายๆ คนมีบุคลิกภาพยอมตามผู้อื่น เชื่อฟังผู้ใหญ่ อีกหลายคนมีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง มักเอาแต่ใจตนเอง ซึ่งลักษณะเหล่านี้จะเป็นลักษณะที่ติดตัวมา สิ่งแวดล้อมสามารถขัดเกลา ปรับให้เด็กมีพฤติกรรมที่เหมาะสมมากขึ้น เป็นที่ยอมรับได้มากขึ้น ฉะนั้นทั้งผู้ปกครองและครูจะต้องรู้จัก และเข้าใจในเอกลักษณ์ของเด็กที่อยู่ในความดูแล พยายามหาวิธีที่จะปรับเด็กๆให้อยู่ในร่องในรอยมากขึ้น
    การ จัดกระบวนการเรียนการสอนควรเริ่มจากเนื้อหาที่ง่าย ไปหาเนื้อหาที่ซับซ้อนมากขึ้น ในแต่ละเรื่องจะต้องมีการฝึกปฏิบัติให้เกิดความรู้ ความเข้าใจ และเกิดทักษะ หากมีนักเรียนบางคนที่เรียนไม่ทันเพื่อน หรือมีเด็กพิเศษเข้าไปเรียนร่วมในชั้นเรียนปกติ คุณครูไม่ได้จัดกระบวนการเรียนการสอนที่คำนึงถึงความสามารถพื้นฐานของเด็ก เป็นหลัก ทั้งครูผู้สอนและนักเรียนก็จะเกิดความเครียดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
    นักเรียนระดับอนุบาลหลายคนแต่เดิมชอบไปโรงเรียน เพราะกิจกรรมต่างๆสนุกสนาน ได้เล่น ได้ฟังนิทาน แต่เมื่อขึ้นชั้น ป. 1 กระบวนการเรียนการสอนเปลี่ยนไป เน้นเนื้อหาสาระมากขึ้น เน้นการจด การเขียน การอ่านเองมากขึ้น และไม่มีช่วงเวลาของการเล่นเหมือนแต่ก่อน ทำให้เบื่อหน่ายการเรียน อีกทั้งนักเรียนบางคนอาจจะมีปัญหาด้านการเรียน การเขียน การอ่านไม่ทันเพื่อน เพราะไม่ได้รับการฝึกทักษะด้านนี้มาก่อน ก็จะทำให้เกิดปัญหามากขึ้น คุณครูของน้องแนนก็เริ่มปรับปรุงวิธีการสอนมาเป็นเล่นปนเรียน เปิดบัตรภาพตัวอักษร ก ฮ โดยเล่นเกมครั้งละ 5 ตัว คือ ก-ฅ เปิดได้ตัวไหนก็ให้อ่าน ถ้าอ่านไม่ได้ครูก็บอกให้อ่านตาม หลังจากเปิดครบหมด 5 ภาพ แล้ว ก็ให้นำมาเรียงใหม่ให้ถูกต้อง พร้อมทั้งให้น้องแนนเขียนตามรอยประ อย่างละ 5 ตัว น้องแนนชอบใจ เอาอีก เอาอีก สนุกแล้วล่ะสิ คุณครูก็สอนเพิ่มขึ้นทีละตัว สองตัว ในที่สุดน้องแนนก็อ่าน เขียน ก - ฮ ได้ น้องแนนจำตัวเลขได้ แต่ไม่เข้าใจจำนวนนับ คุณ ครู และน้องแนนช่วยกันปั้นดินน้ำมันเป็นลูกกลมๆ หลากสีไว้หลายๆลูก เสร็จแล้ว ก็มาเล่นนับเลขกัน คุณครูหยิบดินน้ำมันขึ้นมาวางไว้ข้างหน้าน้องแนนทีละลูกพร้อมกับนับ 1-2-3 แล้วถามว่า ดินน้ำมันมีกี่ลูก น้องแนนนับดินน้ำมันเหมือนครูแล้วบอกว่า 3 ลูก ค่ะ เก่งมาก ไหนหยิบเลข 3 มาวางไว้ข้างๆดินน้ำมัน 3 ก้อนนี้ น้อง แนนเรียนนับเลขสนุกขึ้น คราวนี้ครูเรียกเพื่อนๆมาทีละคนแล้วให้หยิบเลขอะไรก็ได้มาวางไว้ตรงหน้าน้อง แนน แล้วให้น้องแนนหยิบดินน้ำมันมาวางไว้ให้ตรงกับตัวเลขของเพื่อน ผลัดกันเล่น ผลัดกันทำ เสียงหัวเราะ ตบมือ อย่างสนุกสนาน และนักเรียนทุกคนก็ทำแบบฝึกหัดถูกหมด เก่งมาก คุณครูและนักเรียนต่างก็ยิ้มแก้มแทบปริ
    นักเรียนบางคนเรียนรู้ได้ช้ากว่าเพื่อนๆในห้องเรียน เมื่อบทเรียนยากขึ้น น้องกันก็ไม่สนใจเรียน ปีแล้วปีเล่าก็อ่าน – เขียน –เรียนไม่ได้เรื่อง พอ ขึ้นป.3 คุณครูประจำชั้นจึงพยายามหาวิธีใหม่ให้น้องกันอ่านออก เขียนได้ ครูประจำชั้นสอนภาษาไทยได้คิดทำแบบฝึกหัดผสมสระจากง่ายๆ สระ อา สระ อี สระ อู ให้ทำก่อน อ่าน เขียนเรียนซ้ำ เรียนในช่วงเวลาสั้นๆ 10 -15 นาทีหลังจากสอนเพื่อนๆในชั้น และก็นัดมาเรียนเสริมนอกเวลาบ่อยๆ วันละ 2-3 ครั้ง น้องกันอ่านได้ดีขึ้น จากที่อ่านไม่ได้เลย ตอนนี้อ่านได้ 4 บทแล้ว แต่เป็นแบบเรียนชั้น ป.1 คุณครูทำแบบฝึกหัดเพิ่มขึ้น ยากขึ้นเป็นลำดับที่น้องกันจะต้องเรียนรู้ ทั้งหมดอยู่ที่ความตั้งใจจริง และความเสียสละของคุณครู ทุกวันนี้น้องกันจะไปตามนัดเพื่อเรียนวิชาภาษาไทย และน้องกันก็อ่าน – เขียนเก่งขึ้นจากเดิม

    การ เรียนรู้ที่ดีนั้นผู้เรียนจะต้องเกิดความรู้สึกสนุก ผ่อนคลาย อยากเรียน และมีจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องใดเรื่องหนึ่งในแต่ละช่วงเวลาของการเรียน จึงจะทำให้เกิดความรู้ ความเข้าใจในเรื่องที่เรียน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 เมษายน 2009
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เริ่มต้นนับหนึ่งใหม่

    คุณ พ่อ คุณแม่ ร้อนอกร้อนใจที่ลูกสาวหนีออกจากโรงเรียนประจำ จะนั่งรถโดยสารกลับบ้าน โชคดีที่คุณครูตามเจอรีบโทรศัพท์แจ้งให้ผู้ปกครองรับเด็กกลับบ้าน ครูบอกให้พักสักระยะหนึ่งเพราะน้องเขาไม่อยากเรียน อยากกลับบ้าน พร้อมแล้วค่อยกลับมาเรียนต่อก็ได้ พ่อกับแม่ทุกข์ใจ แต่ลูกสาวดีอกดีใจที่จะได้กลับบ้าน
    คุณพ่อ กับ คุณแม่ พาน้องกุ้ง เด็กสาวอายุ 16 ปี มาหาครูพรพร้อมบอกว่าอยากให้น้องกุ้งได้เรียนหนังสือ ให้รู้จักใช้เงินเป็น งานบ้านทุกอย่างทำเป็น ช่วยทำไร่ทำนาที่บ้านก็ได้ ครูพรซักต่อในเรื่องของการเรียน แม่เล่าว่าตอนจบ ป. 6 ที่โรงเรียนใกล้บ้าน ก็อ่านไม่ค่อยได้ เขียนไม่ค่อยถูก คิดเลขยังไม่เป็น ท่องได้แต่ 1-10 ครูก็ไม่ได้สอนอะไร พอเรียนจบก็พาไปอยู่โรงเรียนประจำที่แพร่ เพื่อเข้าเรียนต่อ ม. 1 พอเริ่มอ่านได้บ้าง ก็หนีกลับบ้านเรียนยังไม่จบเทอมเลย น้องกุ้งนั่งเงียบ หน้าตาเฉยเมยไร้ความรู้สึกใดๆ ถามคำตอบคำ พูดเสียงเบามาก คุณแม่ต้องพากษ์ให้ครูพรอีกรอบหนึ่ง ครูพรถามว่า มาเรียนที่บ้านครูพรที่นี่ไหม น้องกุ้งตอบว่า เจ๊า
    ครูพรประเมินอะไรไม่ได้เลยเพราะน้องเขาไม่ยอมทำ ครูพรก็ให้มาเรียนได้เลยแล้วค่อยๆสังเกต และประเมินความสามารถเพื่อจัดทำแผนการศึกษารายบุคคลให้ พ่อกับแม่ดีใจบอกว่าจะพาลูกมาเรียน แต่เนื่องจากบ้านอยู่ไกล ต้องติดต่อรถรับส่งนักเรียนอีกครั้งหนึ่ง ครูพรก็บอกให้คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องกังวลครูพรรับแน่นอน ทั้งพ่อและแม่ไม่ได้คาดหวังว่าลูกจะต้องเรียนต่อมัธยม ขอเพียงให้อ่านหนังสือออก ใช้เงินเป็นไม่ถูกหลอกง่ายๆ ก็พอใจแล้ว
    เงียบหายไปสองเดือนครูพรนึกว่าไม่มาแล้ว ครูพรให้น้องกุ้งไปเรียนที่ห้องเรียนคู่ขนานกับน้องที่เรียนระดับประถมต้น แล้วให้ครูประจำชั้นช่วยสังเกตพฤติกรรม และความสามารถของน้อง เมื่อน้องกุ้งปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆและครูได้ประมาณหนึ่งอาทิตย์ ครูห้องเรียนคู่ขนานก็มาคุยกับครูพรเรื่องการเรียนของน้องกุ้ง พูดน้อย นั่งเหม่อ เขียนหนังสือไม่ได้ ครูต้องช่วยจับมือเขียนตามบนกระดาน ไม่รู้จักตัวเลข ซึมหงอย ไม่ยิ้มแย้มแจ่มใส ครูพรจึงชวนให้มาคุยกัน มาดูรูปภาพ ฟังนิทาน และวาดรูป ปรากฏว่าน้องกุ้งรู้คำศัพท์ในชีวิตประจำวันน้อย เล่าเรื่องจากภาพง่ายๆยังไม่ค่อยต่อเนื่อง ใช้คำยังไม่ถูกต้อง อ่าน เขียน คำง่ายๆไม่ได้ เขียนเลขไม่ได้ เขียนชื่อของตัวเองยังไม่ได้ เขียนตามยังเขียนผิด เมื่อเทียบกับอายุของน้องเขาแล้วน่าตกใจมากทีเดียว ครูพรบอกกับน้องกุ้งว่า ครูพรจะย้ายห้องให้ไปทำกิจกรรมกับเพื่อนๆอีกห้อง เวลาเรียนหนังสือ เขียนหนังสือ คุณครูจะไปเรียกมาเรียนตัวต่อตัวนะจะได้เก่งขึ้น น้องกุ้งยิ้มออกมาเล็กน้อย
     
  9. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    ยากที่จะยอมรับ



    ครูณัฎฐณิชา ชมภุน้อย ครูประจำชั้น ป.4 โรงเรียนลำปางวิทยา ซึ่งเป็นโรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการพัฒนาการจัดการศึกษาพิเศษโรงเรียนเรียน ร่วม ได้รายงานความก้าวหน้าของนักเรียนคนหนึ่งชื่อ เด็กชายสุเชาว์ (นามสมมุติ) ครูพรขอเรียกง่ายๆว่า น้องเชาว์ก็แล้วกันนะคะ
    น้อง เชาว์มีความบกพร่องด้านการได้ยิน ใส่เครื่องช่วยฟังไปเรียนหนังสือ น้องเชาว์จะเป็นเด็กที่มีความรู้สึกอ่อนไหวมาก ไม่ค่อยจะยอมรับตนเองว่ามีความบกพร่องทางการได้ยิน คิดว่าตนเองเป็นเด็กปกติเหมือนเพื่อนๆ ด้านการเรียนก็มีปัญหาในเรื่องของการอ่าน การเขียน วิชาภาษาไทย พูดพยัญชนะบางตัวไม่ชัด ในวิชาอื่นๆก็มีปัญหาเช่นกัน มักจะตอบคำถามในเรื่องที่เรียนไปแล้วไม่ค่อยได้ น้องเชาว์เป็นนักเรียนคนหนึ่งที่เข้าร่วมโครงการนี้ และมีเรื่องเล่าที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
    น้องเชาว์เรียนชั้น ป.4 แต่ยังอ่านหนังสือไม่ได้ เขียนตามได้ แต่เขียนตามคำบอกไม่ได้ คุณครูจึงจัดสิ่งแวดล้อม และปรับเปลี่ยนเนื้อหาสาระที่สอนให้เหมาะสมกับน้องเชาว์ ในขั้นต้นทั้งครูพร และคุณครูที่โรงเรียนก็ปรึกษากันแล้วสรุปว่าน่าจะส่งนักเรียนที่อ่านไม่ได้ ในระดับชั้น ป.3-ป.4 ประมาณ 3 คน ไปเรียนวิชาภาษาไทยกับนักเรียนชั้น ป.1 ซึ่งนักเรียนกลุ่มนี้มีน้องเชาว์ร่วมอยู่ด้วย เป็นเรื่องเลยค่ะน้องเชาว์ไม่พอใจ ร้องไห้ กลับไปที่ชั้นเรียนของตนเก็บข้าวของสมุด หนังสือ จะกลับบ้านแล้วบอกว่าจะลาออก ไม่เรียนที่โรงเรียนนี้อีกแล้ว ร้อนถึงครูอ้อย ครูใหญ่ของโรงเรียนต้องเข้าไปพูดทำความเข้าใจกับน้องเชาว์อีกครั้งหนึ่ง ครูอ้อยบอกว่าพูดนานเกือบชั่วโมงเลยนะคะ ครู อ้อยขอโทษน้องเชาว์ก่อนที่ไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลก่อนที่จะทำไปเช่นนั้น ไม่ได้ลดชั้นน้องเชาว์ เพียงแต่ต้องการให้น้องเชาว์และเพื่อนที่อ่านยังไม่ค่อยได้ เรียนบทเรียนที่ง่ายกว่าระดับชั้นเรียนของตัวเอง พูดให้น้องเชาว์เข้าใจว่าที่คุณครูทำไปก็เพื่ออยากจะช่วยให้น้องเชาว์เก่ง ขึ้น อ่าน และเขียนหนังสือได้ดีขึ้น ถ้าน้องเชาว์ไม่อยากไปเรียนชั้น ป.1 ในวิชาภาษาไทย ก็ไม่เป็นไร เรียนอยู่ในชั้น ป.4 เหมือนเดิมก็ได้ หรือถ้ายังไม่สบายใจ ไม่พอใจ ก็ลาออกก็ได้ ครูอ้อยไม่ว่าแล้วแต่น้องเชาว์ น้องเขาผ่อนคลายลง แล้วบอกครูอ้อยว่าไม่ลงไปเรียน ป.1 ต้องขอชมครูอ้อยและคุณครูทุกคนนะคะที่สามารถแก้ไขปัญหานี้ไปได้
     
  10. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    เรื่องสั้นๆ ของเด็กพิเศษ

    ที่มา

    http://www.sharechild.com/story2.1.htm

    เชิญร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษ

    มูลนิธิ เพื่อเด็กพิเศษ จังหวัดลำปาง เชิญร่วมบริจาคเพื่อช่วยเหลือเด็กพิเศษอาทิเช่นเด็กดาวน์ซินโดรม เด็กออทิสติก เด็กที่มีปัญหาด้านการเรียนรู้ ให้ได้รับโอกาสในการฝึกพัฒนาการ ฟื้นฟูสมรรถภาพ และได้รับการศึกษาพิเศษตามความสามารถของแต่ละราย กรุณาดูรายละเอียดได้ที่

    www.sharechild.com

    http://palungjit.org/forums/%E0%...ml#post2051805
     
  11. Likely

    Likely เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    4,152
    ค่าพลัง:
    +3,821

แชร์หน้านี้

Loading...