เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน บุรุษผู้ฆ่าโจรมีเคราแดง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 9 กันยายน 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน บุรุษผู้ฆ่าโจรมีเคราแดง
    21317528_485582321798219_3850131425788192552_n.jpg
    เมื่อพระศาสดา ประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภบุรุษผู้ฆ่าโจรมีเคราแดง ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 100 นี้

    นายตัมพทาฐิกะ(บุรุษผู้ฆ่าโจรมีเคราแดง) รับราชการเป็นเพชฌฆาตประหารชีวิตโจรมาเป็นเวลา 55 ปี ต่อมาได้เกษียณอายุราชการ วันหนึ่งหลังจากสั่งคนให้ตระเตรียมข้าวยาคูไว้ที่บ้านแล้ว เขาก็ได้ไปที่แม่น้ำเพื่ออาบน้ำชำระกายก่อนที่จะกลับมารับประทานข้าวยาคูที่ตระเตรียมไว้เป็นการพิเศษนั้น ขณะที่เขากำลังจะรับประทานข้าวยาคูอยู่นั้น พระสารีบุตรซึ่งเพิ่งจะออกจากสมาบัติก็ได้มายืนอยู่ที่ประตูบ้านของเขาเพื่อขอบิณฑบาต นายตัมพทาฐิกะพอเห็นพระเถระมายืนอยู่ก็มีจิตเลื่อมใสมีความคิดว่า “เรากระทำโจรกรรมมานาน เราฆ่ามนุษย์เสียเป็นอันมาก บัดนี้ ในเรือนของเราตกแต่งยาคูเจือน้ำนมไว้ และพระเถระก็มายืนอยู่ที่ประตูเรือนของเรา ควรที่เราจะถวายไทยธรรมแก่พระผู้เป็นเจ้า” เมื่อคิดดังนี้แล้วก็ได้นิมนต์พระเถระเข้าไปไปนั่งในเรือนของตนแล้วนำข้าวยาคูมาถวายโดยความเคารพ

    หลังจากฉันภัตตาหารเสร็จแล้ว พระเถระได้แสดงธรรมแก่นายตัมพทาฐิกะ แต่เขาไม่สามารถส่งจิตของตนไปตามกระแสธรรมเทศนาของพระเถระได้ เพราะว่าเขามัวแต่นึกถึงชีวิตในอดีตของตนที่เคยเป็นเพชฌฆาตฆ่าคนตายมานับไม่ถ้วน เมื่อพระเถระทราบความในข้อนี้จึงใช้วิธีลวงเขาโดยถามเขาว่าเขาฆ่าพวกโจรเพราะต้องการอยากจะฆ่าหรือว่าถูกคนอื่นให้กระทำเช่นนั้น

    นายตัมพทาฐิกะตอบว่าเขาได้รับคำสั่งจากพระราชาให้ฆ่าพวกโจรโดยที่เขาไม่ต้องการฆ่าแต่อย่างใด พระเถระจึงได้ตั้งคำถามต่อไปว่า “อุบาสก เมื่อเป็นเช่นนั้น อกุศลจะมีแก่ท่านอย่างไรเล่า” นายตัมพทฐิกะจึงสรุปเองว่า เมื่อเขาไม่ต้องรับผิดชอบต่ออกุศลกรรมนั้น “อกุศลไม่มีแก่เรา” จากนั้นเขาก็ได้ทำจิตให้สงบแล้วขอให้พระเถระแสดงธรรมโปรด เมื่อเขาฟังธรรมด้วยความตั้งใจ ก็เข้าใกล้กระแสโสดาปัตติมรรค เมื่อพระเถระแสดงธรรมจบแล้วก็ได้เดินทางกลับโดยนายตัมพทาฐิกะตามไปส่ง ในตอนเดินทางกลับมาบ้านนั้นเขาก็ได้ถูกแม่โคนม(ที่ถูกนางยักษิณีตนหนึ่งเข้าสิง)ขวิดตาย

    ภิกษุทั้งหลายสนทนากันในโรงธรรมว่า “บุรุษฆ่าโจร กระทำกรรมหยาบช้าสิ้น 55 ปี พ้นจากกรรมนั้นในวันนี้แล ถวายภิกษาแก่พระเถระก็ในวันนี้เหมือนกัน กระทำกาละก็ในวันนี้เหมือนกัน เขาบังเกิดในที่ไหนหนอ”

    พระศาสดาได้ตรัสบอกแก่ภิกษุทั้งหลายเหล่านั้นว่า แม้ว่านายตัมพทาฐิกะจะประกอบอกุศลกรรมมาตลอดชีวิต แต่เพราะรู้แจ้งธรรมหลังจากฟังธรรมจากพระสารีบุตรเถระแล้วได้บรรลุอนุโลมญาณก่อนจะเสียชีวิต จึงไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต พระภิกษุเหล่านั้นต่างเกิดความสงสัยว่าเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร พระศาสดาตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงอย่าถือประมาณแห่งธรรมที่เราแสดงแล้วว่าน้อยหรือมาก เพราะว่าแม้วาจาคำเดียวที่อาศัยประโยชน์ ประเสริฐโดยแท้”

    จากนั้น พระศาสดาได้ตรัส พระธรรมบท พระคาถาที่ 100 ว่า

    สหสฺสมฺปิ เจ วาจา
    อนตฺถปทสญฺหิตา
    เอกํ อตฺถปทํ เสยฺโย
    ยํ สุตวา อุปสมฺมติฯ

    วาจาแม้ตั้งพัน
    แต่ไม่ประกอบด้วยบทที่มีประโยชน์
    สู้บทที่ประกอบด้วยประโยชน์เพียงบทเดียว
    ที่คนฟังแล้วสงบ ไม่ได้.


    เมื่อพระสัทธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น.
     

แชร์หน้านี้

Loading...