เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระสุธรรมเถระผู้มีแต่ความโกรธและริษยา

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 17 สิงหาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เรื่องเล่าในพระธรรมบท ตอน พระสุธรรมเถระผู้มีแต่ความโกรธและริษยา
    20915332_474382449584873_7617388540716857994_n.jpg
    พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระสุธรรมเถระ ตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 73 และพระคาถาที่ 74

    ครั้งหนึ่ง จิตตคฤหบดี เห็นพระมหานามเถระ หนึ่งในภิกษุคณะปัญจวัคคีย์ จึงรับบาตร นิมนต์เข้าไปในบ้าน แล้วได้ถวายภัตตาหารแก่พระเถระ และเมื่อฟังธรรมของพระเถระแล้วก็ได้บรรลุพระโสดาปัตติผล ต่อมาจิตตคฤหบดีได้สร้างวัดขึ้นในอุทยานชื่ออัมพาฏกวัน(สวนมะม่วง)ของตน ในมัจฉิกาสัณฑนคร และคอยดูแลอุปถัมภ์พระภิกษุสงฆ์ที่เดินทางมาพักอยู่ที่วัดนี้ด้วยปัจจัยต่างๆเป็นอย่างดี ที่วัดนี้มีพระสุธรรมเถระเป็นเจ้าอาวาส

    วันหนึ่ง พระอัครสาวกทั้ง 2 คือ พระสารีบุตรแลพระโมคคัลลานะ ได้เดินทางไปที่วัดนี้ และจิตตคฤหบดีหลังจากฟังธรรมของพระสารีบุตรแล้ว ก็ได้บรรลุพระอนาคามิผล จากนั้นท่านคฤหบดีก็ได้อาราธนาพระอัครสาวกทั้ง 2 ไปรับอาหารบิณฑบาตที่บ้านในวันรุ่งขึ้น ท่านคฤหบดีได้อาราธนาพระสุธรรมเถระเจ้าอาวาสด้วยเช่นกัน แต่พระสุธรรมเถระโกรธหาว่า “อุบาสกนี้ นิมนต์เราภายหลัง” จึงปฏิเสธที่จะรับนิมนต์ แม้ว่าท่านคฤหบดีจะอ้อนวอนอยู่หลายครั้งก็ยังปฏิเสธว่าจะไม่ไปเช่นเดิม แต่พอถึงเวลาจริงๆ ท่านพระสุธรรมเถระกลับเดินทางไปที่บ้านของจิตตคฤหบดีในตอนเช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เมื่อจิตตคฤหบดีนิมนต์ให้เข้าไปนั่งในบ้านท่านกลับปฏิเสธโดยกล่าวว่าท่านไม่ต้องการเข้าไปนั่งแต่ต้องการจะออกไปบิณฑบาต เมื่อท่านแลเห็นสิ่งของต่างๆที่จิตตคฤหบดีตระเตรียมไว้ถวายพระอัครสาวกทั้ง 2 ท่านก็เกิดความริษยาพระอัครสาวกทั้งสอง ถึงกับระงับความโกรธไว้ไม่อยู่ ท่านได้กล่าวเสียดสีจิตตคฤหบดีแล้วกล่าวว่า “อาตมาไม่ต้องการอยู่ในวัดนี้อีกต่อไปแล้ว” แล้วก็จากไปด้วยความโกรธ

    ท่านสุธรรมเถระได้เดินทางไปเฝ้าพระศาสดาและได้กราบทูลเรื่องที่เกิดขึ้นแด่พระศาสดา พระศาสดาได้ตรัสกับพระสุธรรมเถระว่า “เธอด่าอุบาสกผู้ประกอบศรัทธาและมีอัธยาศัยใฝ่ทาน เธอจงกลับไปขอโทษความผิดต่ออุบาสกนั้นเสีย” พระสุธรรมเถระได้กลับไปขอโทษ แต่จิตตคฤหบดีไม่ยอมยกโทษให้ ท่านจึงต้องกลับไปเฝ้าพระศาสดาเป็นครั้งที่สอง พระศาสดาทรงทราบว่าคราวนี้พระสุธรรมเถระหมดทิฏฐิมานะแล้ว จึงตรัสว่า “เธอจงไปเถิด ไปกับภิกษุผู้เก่งในทางเจรจา(อุปทูต) จงให้อุบาสกอดโทษ” แล้วตรัสอีกว่า “พระที่ดีไม่พึงยึดติด ไม่พึงมีทิฏฐิมานะว่า วิหารของเรา ที่อยู่ของเรา อุบาสกของเรา อุบาสิกาของเรา เพราะเมื่อพระทำอย่างนั้น เหล่ากิเลส มีริษยาและมานะเป็นต้น ย่อมเจริญ”

    จากนั้น พระศาสดาตรัสพระธรรมบท พระคาถาที่ 73 และพระคาถาที่ 74 ว่า


    อสนฺตํ ภาวนมิจฺเฉยฺย
    ปุเรกฺขารญฺจ ภิกฺขุสุ
    อาวาเสสุ จ อิสฺสริยํ
    ปูชา ปรกุเลสุ จฯ

    ภิกษุพาล ย่อมปรารถนา
    ความยกย่อง อันไม่มีอยู่
    ความแวดล้อมในหมู่ภิกษุทั้งหลาย
    ความเป็นใหญ่ในอาวาส
    และการบูชาในตระกูลแห่งชนอื่นฯ

    มเมว กตมญฺญนฺตุ
    คิหี ปพฺพชิตา อุโภ
    มเมว ติวสา อสฺสุ
    กิจฺจากิจฺเจสุ กิสมิญฺจิ
    อิติ พาลสฺส สงฺกฺโป
    อิจฉา มาโน จ วฑฺฒติฯ

    ภิกษุโง่ คาดหวังว่า
    ขอคฤหัสถ์และบรรพชิตทั้ง 2 ฝ่าย
    จงสำคัญว่า กิจการงานทำเสร็จไปเพราะอาศัยเรา
    ในกิจการทุกอย่าง
    ไม่ว่าจะเป็นกิจการน้อยใหญ่ใดๆ
    จะสำเร็จได้ก็โดยอาศัยเราเท่านั้น
    ความทะยานอยาก และความถือตัวของภิกษุโง่นั้น ย่อมเพิ่มพูน.


    เมื่อพระธรรมเทศนาจบลง ชนเป็นอันมาก ได้บรรลุพระอริยผลทั้งหลาย มีพระโสดาปัตติผลเป็นต้น

    ข้างพระสุธรรมเถระ ฟังโอวาทนี้แล้วก็ได้เดินทางไปที่บ้านของจิตตคฤหบดี ครั้งนี้ทั้งสองฝ่ายสามารถประนีประนีประนอมกันได้ และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พระสุธรรมเถระก็ได้บรรลุพระอรหัตตผล.
     

แชร์หน้านี้

Loading...