เรื่องแปลกๆ ของฉัน

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย กะปิหวาน, 26 มกราคม 2015.

  1. ดาวพุธ

    ดาวพุธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    160
    ค่าพลัง:
    +483
    ขอบคุณครับ.... ดีใจที่เจอคนที่มีประสบการณ์ตรงเรื่องระลึกชาติมาเล่าให้ฟังคับ
    รอฟังเรื่องต่อไปนะครับ
     
  2. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ระหว่างรอ หวานขออนุญาตินำเสนอประวัติพระธาตุกลางน้ำ หรือพระธาตุหล้าหนอง ให้ญาติธรรมทุก ๆ ท่านได้ทราบประวัติคร่าว ๆ ค่ะ

    พระธาตุหนองคาย หรือ พระธาตุกลางน้ำ เดิมชื่อพระธาตุหล้าหนอง เป็นพระธาตุที่หักพังอยู่กลางลำน้ำโขง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมธาตุฝ่าพระบาทเก้าพระองค์ตามตำนานอุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม จากการสำรวจใต้น้ำของหน่วยโบราณคดีภาค 7 พบว่าองค์พระธาตุมีฐานกว้างด้านละ 17.2 เมตร ย่อมุมที่ฐาน และมีความสูงประมาณ 28.5 เมตร หักออกเป็น 3 ท่อน สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 20–22 เนื่องจากมีรูปร่างคล้ายพระธาตุบังพวน

    ในหนังสืออุรังคธาตุ หรือตำนานพระธาตุพนม ตอนหนึ่งได้กล่าวถึงการสร้างพระธาตุหล้าหนองว่า พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยพระอรหันต์ 5 องค์ ประกอบด้วย พระมหารัตนเถระ, พระจุลรัตนเถระ, พระมหาสุวรรณปราสาทเถระ, พระจุลสุวรรณปราสาทเถระ และพระสังฆวิชัยเถระ ที่ล้วนเป็นศิษย์พระพุทธรักขิต พระธรรมรักขิต พระสังฆรักขิต พระอรหันต์ทั้ง 3 องค์

    พระอรหันต์ทั้ง 5 ได้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า จากประเทศอินเดียมาพร้อมกันและได้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้พร้อมกัน 6 แห่ง คือ

    1.พระธาตุหอผ้าหอแพ บ้านทรายฟอง เมืองหาดทรายฟอง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
    2.พระธาตุหัวเหน่า 29 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
    3.พระอุรังคธาตุ หรือพระธาตุหน้าอก บรรจุไว้ที่พระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม
    4.พระธาตุบังคล หรือกระเพาะอาหาร บรรจุไว้ที่พระธาตุบังพวน วัดพระธาตุบังพวน อำเภอเมืองหนองคาย
    5.พระธาตุเขี้ยวฝาง 7 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุโพนจิกเวียงงัว อำเภอเมืองหนองคาย
    6.พระธาตุฝ่าพระบาทเบื้องขวา 9 องค์ บรรจุไว้ที่พระธาตุเมืองลา หรือ พระธาตุหล้าหนอง อำเภอเมืองหนองคาย โดยพระธาตุหล้าหนองนี้ตั้งอยู่กลางบริเวณวัดธาตุ หรือวัดสิริมหากัจจายน์ ชุมชนวัดธาตุ เทศบาลเมืองหนองคาย

    พระธาตุองค์นี้มีขนาดใกล้เคียงกับองค์เจดีย์พระธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ซึ่งบริเวณวัดธาตุแห่งนี้มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 100 ไร่ และตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง พอถึงฤดูน้ำหลากแม่น้ำโขงที่ไหลเชี่ยวกรากจะกัดเซาะตลิ่งบริเวณวัดธาตุจนพังทลายหายไป ซึ่งตามประชุมพงศาวดาร ภาค 70 ได้บันทึกไว้ว่า น้ำโขงกัดเซาะตลิ่งพังเข้าไปจนถึงองค์พระธาตุหล้าหนอง และพระธาตุได้พังลงในแม่น้ำโขง เมื่อวันศุกร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 9 เวลาใกล้ค่ำ ร.ศ.66 จ.ศ.1209 พ.ศ. 2309

    ฟรองชีวการ์นิเยร์ ชาวฮอลันดา หนึ่งในคณะสำรวจอินโดจีนในอาณาจักรล้านช้าง ได้วาดภาพลายเส้นของพระธาตุหล้าหนองนี้ไว้เมื่อปี พ.ศ. 2411 พร้อมคำบรรยายภาพว่า "ปิรมิด หรือองค์พระธาตุตั้งอยู่บนพื้นที่รูปครึ่งวงกลมที่ถูกตัดขาดจากฝั่งแม่น้ำด้านขวา หรือฝั่งไทย โดยปิรมิดแห่งนี้ถูกน้ำพัดขาดจากที่ตั้งเดิมบนริมฝั่งสิบปีมาแล้วและยังเอียงลงสู่น้ำราวกับเรืออับปางที่พร้อมจะจมลง"

    ที่มา : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
     
  3. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    “ว่าด้วยเรื่องผีฟ้าของย่า”

    สืบเนื่องจากที่พี่นพได้อนุเคราะห์เล่าให้ฟังข้างต้น เรื่องภพภูมิปกป้องของพ่อกับพี่ ทำให้นึกถึงเรื่องที่ได้ฟังในวัยเด็กของหวาน ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวข้องกันไหม แต่เรื่องนี้ก็แว๊บมาในความคิด ขอเล่าตามความจำและความเข้าใจของตัวเองนะคะ....^^

    ตอนยังเด็ก ทุกครั้งที่แม่พาไปเยี่ยมย่า ก็มักจะใช้เวลาแทบทั้งวันอยู่ที่นั้น หวานก็จะเล่นซุกซนไปตามประสาเด็ก ส่วนใหญ่จะเล่นที่ใต้ถุนบ้าน บางครั้งเบื่อก็มาเล่นเชี่ยนหมากย่า ตำหมากให้ย่า ตามย่าไปเก็บดอกไม้มาใส่แจกันบูชาพระในห้อง และในมุมหนึ่งของห้องจะมีจานใส่เทียนและดอกไม้ตั้งเรียงยาวไปตามผนังห้อง ก็ถามย่าว่าจานเหล่านี้เอาไว้ทำอะไร ย่าตอบว่าเป็นเป็นขันธ์บูชาแทนตัวของคนในครอบครัวและชี้ไปที่ขันธ์หรือจานใบหนึ่งแล้วบอกว่า นั่นเป็นขันธ์ของพ่อ ว่าแล้วย่าก็บอกให้หวานไปเก็บดอกไม้มาใส่ในขันธ์ให้ด้วย (หวานจำไม่ได้ว่ากี่ดอก และจำไม่ได้ว่ามีขันธ์ของตัวหวานหรือไม่)

    หลังจากวันนั้น หวานจำได้ว่าเคยถามแม่ ว่าขันธ์ที่อยู่ในห้องย่ามีไว้ทำอะไร แม่ก็เล่าว่า เป็นขันธ์บูชาผีฟ้า แม่บอกว่าย่านับถือผีฟ้า ตอนที่เข้ามาอยู่กินกับพ่อและมาอาศัยอยู่ที่บ้านย่า ก็เห็นขันธ์เหล่านี้อยู่แล้ว แม่บอกว่าผีฟ้าที่ย่าได้รับชันธ์มานั้นชื่อ เจ้าพ่อกระดานเหล็ก (ไม่รู้จำผิดหรือป่าวนะคะ) อยู่แถว ๆ ภูเขาควาย และแถบบ้านย่า (แถบวัดธาตุ) ก็มีการนับถือผีฟ้ากันด้วย เวลามีคนป่วยไข้ ก็จะมีชาวบ้านแถบนั้นมาตั้งขันธ์ให้ย่าไปรักษา (แต่หวานไม่เคยเห็นนะคะ) ช่วงประเพณีทำบุญเลี้ยงผีฟ้า (จำไม่ผิดน่าจะช่วงประเพณีแข่งเรือ แต่หวานไม่เคยได้ไปดูพิธีนะคะ แม่ไม่เคยพาไป)

    แม่เล่าว่า มีคนที่รับขันธ์ของ เจ้าพ่อกระดานเหล็ก คนอื่นด้วย ในพิธีนี้ คนที่รับขันธ์เหล่านั้นจะมากราบ เพื่อแสดงความเคารพต่อย่า โดยที่แม่เปรียบเปรยให้ฟัง ประมาณว่าย่าเป็นเหมือนเมียใหญ่ ที่บรรดาบ้านเล็กจะต้องมาแสดงความอ่อนน้อม (แม่เล่าตามตามความเข้าใจของแม่) และคนที่รับขันธ์ของผีฟ้าแล้วยังไปรับขันธ์อื่นๆ มาอีกก็จะโดนลงโทษ

    โดยมีเรื่องเล่าในเรื่องนี้ว่า คุณยายคนหนึ่งซึ่งได้รับขันธ์ของเจ้าพ่อกระดานเหล็กแล้ว ยังไปรับขันธ์อื่นมาอีกเหตุที่รับเพราะคุณยายคนนั้นอยากได้ทรัพย์สินเงินทอง ซึ่งก็จริง คุณยายท่านนั้นมีฐานะความเป็นอยู่ดีขึ้นมากๆ จากชาวบ้านที่แวะไปหานั่นแหละ แม่บอกว่า ย่าได้เคยไปหาคุณยายคนนั้นเพื่อเตือนในเรื่องของการรับขันธ์ซ้อนกลับถูกด่ากลับ และไม่นานหลังจากนั้น แม่บอกได้ยินข่าวว่า ขณะที่คุณยายท่านนั้นล้อมวงกินข้าวกับลูกหลาน คุณยายก็กะอักเลือดตาย เล่ากันว่า แกโดนหักตาย (อันนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือไม่ แม่เล่าตามที่เขาเล่ามา)

    ปล. ยังมีเรื่องเกี่ยวเนื่องต่อจากนี้อยู่นะคะ ค่อยๆ เล่าตามความทรงจำค่ะ ^^
     
  4. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    นตอนเด็กนั้นหวานมีนิสัยเป็นเจ้าหนูจำไม 555 เคยได้ยินแม่บ่นว่า ไม่น่าเอาเขียดมาตีปากเลย พอพูดได้แล้วพูดมาก และมักตั้งคำถามแม่ “จำไมล่ะ” และในเรื่องที่แม่เล่าเรื่องผีฟ้าของย่า หวานก็สงสัยว่า ถ้าย่านับถือผีฟ้าแล้วทำไมย่ายังไหว้พระ เข้าวัด ทำบุญแบบแทบเทกระเป๋า จนหวานเคยบ่นให้ย่าว่า การทำบุญก็ดีหรอกแต่หากทำเกินกำลังตัวเองจนตัวเองลำบากนั้น หวานว่าคงไม่ได้บุญน่าจะได้บาปแทนเพราะเบียดเบียนตัวเอง แต่ย่าก็ยังทำเหมือนเดิม

    เล่าต่อนะคะ...แม่เล่าว่า...ตอนที่แม่ท้องโตใกล้คลอด (ท้องหวาน) แม่กลับมาอยู่ที่บ้านยาย เพราะพี่สาวหวานล้มป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุ เข้ารับการรักษาจากแพทย์แผนปัจจุบันก็ไม่ดีขึ้น อาการมีแต่ทรุดลงเรื่อย ๆ ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ได้แต่นอนซม ลมหายใจรวยรินจนต้องเอานุ่นวางใกล้ ๆ จมูกให้รู้ว่ายังหายใจ เมื่อสิ้นหวังจากการรักษาทางแพทย์ก็หันไปพึ่งหมอธรรม (หวานเข้าใจว่าจะคงคล้าย ๆ หมอผี)

    แม่เล่าว่า หมอธรรมบอกแม่ว่า ผีฟ้าบอกว่าจะให้พี่สาวหวานสืบทอดรับขันธ์ต่อ ผีฟ้าพึงใจในพี่สาวหวานบอกว่าโตมาจะสวยเลยจะให้รับขันธ์ เพราะถือว่าเป็นเชื้อสาย รู้สึกว่าทางบ้านแม่จะไม่ยอมให้รับ ทางผีฟ้าเองก็ไม่ยอม จึงได้สู้กัน (สู้กันยังไงนั้น อันนี้แม่ก็ไม่ได้เล่าในรายละเอียด..ขอโทษนะคะ) สุดท้าย หมอธรรมเป็นฝ่ายชนะและขอตัดการสืบเชื้อสาย (ทั้งพี่สาวและหวานไม่ถือว่าเป็นเชื้อสายผีฟ้า) เพราะนับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงค์เท่านั้น

    และผีฟ้าก็ยอมตัด แม่บอกว่าพอผีฟ้าบอกตัด แม่ก็เจ็บท้องและคลอดหวานในคืนนั้น ส่วนพี่สาวก็ฟื้นคืนสติ สิ่งแรกที่พี่สาวพูดแม่บอก ทั้งเจ็บท้องจะคลอดทั้งดีใจน้ำตาไหล “แม่ไม่รักหนูเหรอ หนูหิวข้าว” และหลังจากคลอดหวาน แม่บอกว่า พี่สาวเอื้อมมือสั่น ๆ มาจับแก้มหวาน แล้วพูดว่า น้องน้อย จากเหตุล้มป่วยแบบไม่ทราบสาเหตุกินเวลาเกือบเดือน แม่บอกว่าพี่สาวหวานต้องหัดเดินใหม่เพราะขาไม่มีแรง

    ปล. อย่าพึ่งเบื่อแมงโม้นะคะ ^^ ญาติธรรมผู้รู้จะอนุเคราะห์ความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับที่หวานเล่า...ยินดีนะคะ
     
  5. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ญาติธรรมบางท่านอาจสงสัย (หรือว่าหวานจะคิดไปเอง....^^ ทั้ง ๆที่พี่นพบอกว่าอย่าคิด อย่ามโน นะเนีย!!) ว่าทำไมหวานถึงไม่ถามเรื่องที่สงสัยนี้กับย่า...บอกตามตรง หวานไม่กล้าค่ะ ก็ไม่รู้เพราะอะไร และที่แน่ๆ พอมีอายุเข้าช่วงวัยรุ่น หวานจะกลัวห้องที่มีขันธ์บูชาวางอยู่ หวานจะไม่กล้าอยู่คนเดียว 555 (มโนไปเอง ^^) และในช่วงสุดท้ายของชีวิตย่า...ย่าผ่าตัดไส้ติ่งแต่แผลของย่าไม่ค่อยดี แผลไม่ยอมสมานติดกัน และก็มีอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง หมอบอกว่าย่าอายุมากแล้ว และร่างกายอ่อนแอ ย่านอนอยู่ใน รพ. อยู่นาน

    และวันหนึ่ง ย่าก็บอกว่าอยากกลับบ้าน ถ้าต้องตายขอกลับไปตายที่บ้าน ลูก ๆ ก็จัดการทำเรื่องพาย่ากลับบ้าน เมื่อใกล้วาระของย่า ลูก ๆ ก็พากันร้องไห้เสียงดัง (โดยเฉพาะป้า ๆ ) หวานก็เศร้านะคะ แต่พยายามทำใจ ไม่ร้องไห้ จริง ๆ หมั่นไส้ป้า ๆ 555 แบบว่าคิดในใจ “ตอนที่ย่าป่วยไม่เห็นมาดูแล มาถึงตอนนี้จะมาฟูมฟายทำไม” แล้วหวานก็เดินหนีลงมาข้างล่าง ที่หนีมาไม่ใช่อะไรนะคะ ส่วนหนึ่งก็รับอาการเหล่าป้า ๆ ไม่ไหว และอีกใจคือ ไม่อยากเห็นย่าหมดลมไปต่อหน้าต่อตา

    ช่วงที่ย่าจะไปจริง ๆ ย่าจะพูดออกมาว่า เขามารอแล้ว เขามายืนอยู่หน้าบ้าน แล้วย่าก็ร้องไห้ ย่าบอกยังไม่อยากตาย นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่หวานเห็นก่อนจะเดินหนีลงมา จู่ ๆ ท้องฟ้าอากาศแจ่มใส แดดเปรี้ยง ๆ ในช่วงบ่ายก็พลันมีลม มีเมฆดำลอยมาเหมือนฝนจะตก สักพักก็ได้ยินเสียงป้า ๆ กรี๊ด หวานก็รู้เลยว่าย่าไปแล้ว พร้อมเมฆดำ ลมฝน ก็หายไป ท้องฟ้ากลับมาสว่างใส แดดเปรี้ยง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นเป็นปรากฏการณ์ที่หวานรู้สึกว่ามันแปลกมาก ๆ

    ปล. มีหลายคนบอกพ่อว่า ของรักษาของพ่อ (หวานเข้าใจว่าก็คือภพภูมิ) แม้พ่อจะไม่เคยนับถือ หรือบูชาเขาแต่เขามีหน้าที่ดูแลเชื้อสายของเขา ชีวิตนี้ของพ่อจะไม่ตายโหง ..อ่า...ดังนั้น ตอนที่หวานได้อ่านสิ่งที่พี่นพอนุเคราะห์มา หวานเลยนึกเรื่องผีฟ้าที่น่าจะตามคุ้มครองพ่อ แต่ภพภูมิปกป้องของพี่สาวหวานนี่สิ หุหุ หวานไม่มีคำตอบ อ๊า!! หวานยังไม่ได้คิดหาเหตุผลนะพี่นพ...ยังไม่ได้คิดค่ะ ^^
     
  6. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ฝากเรื่องไว้ก่อนกลับบ้าน ตอนนี้ขอแอบแว๊บไปฝึกกีฬากับน้อง ๆ ก่อนนะคะ

    ปล. แอบเศร้า T^T เมาท์อยู่คนเดียว
     
  7. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,218
    ขอบคุณมากค่ะที่มีเรื่องมาเล่าต่อให้ฟังอีกยาวๆ จะติดตามอ่านตลอดไปค่ะ
     
  8. เมธาวี1

    เมธาวี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    692
    ค่าพลัง:
    +1,051
    งวดนี้เลขไหนมาครัช
     
  9. น้องใหม่ 2008

    น้องใหม่ 2008 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มิถุนายน 2014
    โพสต์:
    690
    ค่าพลัง:
    +1,906
    ชอบมากขอบอก มาเล่าให้ฟังอีกนะ เป็นประสบการณ์ที่ไม่เคยรู้เห็นจริงๆ นอกจากดูหนังเท่านั้น ดีมากเลย จะรอนะ
     
  10. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ขอขอบพระคุณญาติธรรมทุกท่านที่ได้แวะเวียนมาที่กระทู้นี้ ช่วงนี้หวานติดภาระกิจนิดหน่อย อาจจะไม่ค่อยได้ลงเรื่องให้อ่าน แต่จะพยายามค่ะ ^^

    ต่ออีกสักนิดในเรื่องผีฟ้าของย่านะคะ... ย่ามีลูกทั้งหมด 7 คน เป็นชาย 5 คน หญิง 2 คน หลังจากย่าเสียชีวิตแล้ว สิบกว่าปี ก็ได้ทราบข่าวว่า ป้าเปลี่ยน ซึ่งเป็นลูกสาวของย่าไม่สบาย เจ็บออดแอดแบบไม่ทราบสาเหตุ เข้าออกโรงพยาบาลอยู่เกือบปี แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น จากการไปเยี่ยมก็เห็นได้ว่า จากคนที่มีร่างกายอ้วนท้วนสมบูรณ์ ในตอนนี้ผ่ายผอม ผิวคล้ำ ขนาดระหว่างนั่งพูดคุยกันยังต้องดมยาดม เมื่อถามไถ่อาการ

    ป้าเล่าให้ฟังว่า เมื่อต้นปี (น่าจะประมาณปี 45-46) จู่ ๆ ก็รู้สึกไม่สบาย รู้สึกปวดหัวคลื่นไส้ บางวันปวดมาก บางวันปวดน้อย ไม่รู้สึกอยากอาหาร ลูก ๆ ก็พาไปรักษาหลาย ๆ ที่ ตรวจร่างกายแต่ผลก็ออกมาปกติ ได้แต่รับกินยาตามแพทย์สั่ง แต่อาการไม่เป็น ๆ หาย ๆ อยู่อย่างนี้หลายเดือน

    ป้าเลยแอบไปหาร่างทรง ซึ่งร่างทรงก็ได้ทักป้าว่า ป้าต้องรับขันธ์สิ่งที่เป็นเชื้อเป็นสายทางแม่ (นั่นคือย่า) เพราะเขาได้เลือกป้าแล้ว ถ้าอยากหายป่วยก็ต้องรับขันธ์บูชาเขาสืบต่อไป หากไม่แล้วอาการป่วยของป้าก็จะมีแค่ทรงกับทรุดและอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

    ในตอนที่หวานไปเยี่ยมป้า ตอนนั้นป้ายังไม่ตัดสินใจรับขันธ์ เพราะลูก ๆ ของป้าคัดค้าน บอกว่าป้าอย่าไปงมงาย ไร้สาระ แต่ในความคิดของหวาน (ไม่ได้พูดออกไปนะคะ แค่คิดในใจค่ะ) เท่าที่ได้คลุกคลีกับย่า ในการบูชาขันธ์นั้น จะมีเพียงย่าที่บูชาขันธ์ทั้งหมดนั้นแทนลูก ๆ อาจเป็นไปได้ว่า ป้าเองก็คงลังเลว่าจะเชื่อตามที่ร่างทรงทักดีหรือไม่ แต่ป้าก็รู้ว่าย่านับถือผีฟ้า

    หลังจากนั้นไม่นาน ก็ได้ทราบข่าวว่าป้าทำการรับขันธ์ผีฟ้าสืบต่อจากย่าแล้ว ส่วนวิธีการรับก็ได้ทำตามคำแนะนำผ่านร่างทรง ที่ป้ายอมรับขันธ์ก็เพราะอยากพ้นความทรมานทางร่างกาย จากอาการเจ็บป่วยที่เป็นอยู่ ปัจจุบันนี้ ป้ามีสุขภาพแข็งแรงดี ร่างกายกลับมาอ้วนท้วนสมบูรณ์ และหายขาดจากอาการป่วยเรื้อรังตามที่ได้เล่ามาข้างต้นแล้ว

    จบแล้วค่ะสำหรับเรื่องผีฟ้าของย่า และเรื่องนี้ก็จบสิ้นจากชีวิตของหวานและพี่สาวแล้ว หลังจากนี้หวานคงไม่ได้เข้าไปรับรู้เรื่องราวเหล่านั้นอีกแล้วค่ะ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ย่อๆเนาะ..ลองอ่านแล้วพิจารณาเอาเองนะ..
    อืมมมๆๆ..ความจริงนะ..น้องหวานก็เกือบจะเข้าใจได้เอง
    และจะสามารถถ่ายทอดออกมาได้เองแล้วหละนะ..
    ถ้าหากว่าเจริญสติให้ต่อเนื่องเพิ่มและทำให้กลายเป็น
    ปกติชีวิตประจำวันเราเนาะ..ในช่วงที่เรานิ่งๆ.และ
    เหมือนตอนนั้นเราไม่ได้คิดอะไร..ตอนนั้นใจเราจะเป็นกลาง
    และเมื่อใจเราเป็นกลางแล้ว..ก็จะมีกระแสพลังงานตัวหนึ่ง
    ออกจากจิตเราขึ้นไปเชื่อมข้างบน..เค้าเรียกว่าการขยายสัญญา
    การขยายสัญญาจะทำให้เราเริ่มระลึกเรื่องราวในอดีตได้.
    แต่การที่จะทำให้เราทราบได้มันเกิดจากอะไร มีวัตถุประสงค์อย่างไรได้นั้น
    ต้องรออีกนิ๊ดดดดด หนึ่ง..อย่าพึ่งรีบร้อนตอนที่เรานึกได้..
    โดยมากพอเราผุดเรื่องในอดีตได้.เรามักจะ อ่อๆๆ จำได้แล้ว
    และก็จะรีบๆเอามาเล่า...ไอ้ตอนที่เรื่องมันผุดๆนั่นหละ อย่าพึ่งอ่อ..
    ให้อือๆๆ เอาไว่ก่อนอีกซักพัก..เราก็จะองค์ความรู้.ในการถ่ายทอด
    เรื่องราวที่มาจากสัญญาต่างๆ รวมทั้งเข้าใจอะไรๆได้มากขึ้น.
    องค์ความรู้ตรงนี้นี่หละที่ได้มาจากการเชื่อมกับข้างบนโดยอัตโนมัติ
    ที่บอกว่าของเรามันแกว่งๆอยู่พอจำได้เนาะ..ส่วนตัวเรียกว่า ปิ้งแว๊บ
    แต่การปิ้งแว๊บต้องมีการเชื่อมกับข้างบน..และก็ต้องอาศัยใจที่นิ่งๆ
    เป็นกลางคือเหมือนเราเฉยๆไม่คิดอะไรนั่นหละ.เพื่อดึงสัญญาความ
    จำได้ก่อนแล้วค่อยต่อองค์ความรู้..ประเด็นนี้ลองไปสังเกตุดูนะว่า
    ประมาณที่เล่าหรือเปล่า..แล้วก็ลองไปหัดดูเนาะ.จะได้มีอะไรมาเล่า
    ให้ฟังอีกเยอะแยะ..๕๕๕


    ที่นี้ก่อนที่ น้องหวาน จะปิ๊งแว๊บ คุณพี่นพ.
    คาดว่า คุณพี่ก็คงจะหิวข้าวจนตาลายก่อนแน่นอน ๕๕๕..
    เลยขอเล่าให้ฟังก่อนล่วงหน้าใน ๒ มุมเนาะ..
    มุมที่ ๑.คนที่กระแสเชื่อมข้างบนดีจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตาม
    หรือจะเข้าใจหรือไม่เข้าใจตนเองก็ตาม...บุคคลเหล่านี้
    ก็จะมีสัมผัสทางด้านนามธรรมต่างๆดีกว่าบุคคลปกติ
    ทั่วๆไปเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าเรื่อง การเห็น การได้ยิน การรับรู้ทางกาย
    ความเข้าใจทางด้านเกี่ยวกับปัญญา ทางด้านอารมย์ต่างๆ
    ไม่ว่าจะฝันอดีต ฝันเตือนอนาคตทั้งหลาย รวมความคือ
    พวกเรื่องนามธรรมทั้งหลายนั่นหละครับ.
    ..และปกติเนาะคนที่มีลักษณะแบบนี้.
    .เค้าจะไม่ให้ไปเข้าใกล้หรือไปข้องเกี่ยวกับการทรงเจ้าหรือ
    ร่างทรงหรือตำนักอะไรก็ตาม...
    ถ้ายังไม่ได้ฝึกเจริญสติ ไม่มีกำลังสมาธิสะสมมาก่อน
    ไม่ได้เดินปัญญามาก่อน หรือฝึกจิตจนมีกำลังจิตมาก่อน
    อะไรทำนองนี้ พอเข้าใจแล้วเนาะว่าทำไปเค้าถึงชอบพี่สาวนี่มุมที่ ๑ นะ.

    ในมุมที่ ๒ ที่นี้คนที่มีเครื่องป้องกันที่ดี หรือมีภพภูมิประจำตัวที่ดี..
    หรือเรียกอีกอย่างว่า..ภพภูมิประจำตัวท่านมีกำลังที่ดี..
    ก็มักจะเสมือนว่าในจังหวะที่ตนจะได้รับอันตรายใดๆก็ตาม.ก็มักจะมี
    การเตือนให้รู้ ให้ทราบ ในรูปแบบต่างๆ..เช่น อยู่ดีๆก็นิ่งๆแล้วค่อยขยับ
    อยู่ดีๆก็นึกไม่อยากไป..บางครั้งเกิดโน้นเกิดนี้ ก็มักจะมีจังหวะที่ทำให้
    ไม่ได้รับอันตรายอะไรมาก..จะไปเข้าใกล้สถานที่อันตรายก็มัก
    มีการเตือนในรูปแบบทำให้ฉุกคิด..หรือแม้กระทั่งรู้ได้ในใจว่า.
    บุคคลนั้น บุคคลนี้เป็นอย่างไร บางทีแค่เห็นหน้าก็รู้
    หรือถ้าได้พูดคุยก็จะรู้ว่า เค้าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้..ฯลฯ
    บุคคลประเภทนี้ถ้ามีข้อที่ ๑ ดีด้วยแล้วการที่พลังงานภายนอก
    จะแทรกเข้ามาหรือหาวิธีอะไรต่างๆก็ตามเพื่ออุบาย ในการ
    โน้มให้รับพลังงานภายนอกนั้นจะเป็นไปได้ยากมากครับ.
    นอกจากว่าบุคคลนั้นๆจะไปรับเอง โดยมากแล้วก็เป็นไป
    ได้ยากอีกเพราะจะมีการต่อต้านโดยภพภูมิที่ป้องกันตนเอง
    อยู่แล้วไงครับ..เราจึงจะพบว่า.ในบรรดาลูกหลานคนที่สืบเชื้อมานั้น..
    ทำไมบางคนถึงมีผลกับร่างกายเค้าได้เร็ว
    และเค้าถึงมีสัมผัสได้เร็วโดยที่เมื่อก่อนเหมือนๆ
    ไม่มีสัมผัสอะไรมากมายนั่นเองไงครับ..เพราะเค้าก็จะเลือกไปยัง
    บุคคลที่มีภพภูมิป้องกันตนที่มีกำลังอ่อนไงครับ..แต่ไม่มีอะไร
    เพียงหมั่นทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เทพเทวดาประจำบ่อยๆ.
    ไม่ว่าจะบิดามารดา ญาติๆ.รวมทั้งครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย.
    ในอดีตทุกๆภพ ทุกๆชาติของตนเอง.ก็จะเป็นการเพิ่มกำลังให้
    ท่านทั้งหลายเหล่านั้นได้.เพราะเทวดาประจำตัวของเราก็มาจาก
    ท่านๆที่ได้เหล่าให้ฟังมา.ด้วยจิตมันจะต้องไปเคยมีสัมพันธ์มาก่อน
    ไม่ว่าชาติใดชาติหนึ่งนั่นหละ...โดยมากทำบุญจะมีแต่อุทิศให้เจ้ากรรม
    นายเวร และก็มัวแต่ขอโน้นขอนี่อยู่ ๕๕๕๕ ก็เลยลืมที่ใกล้ชิดตนที่สุด
    ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกนะ..เป็นกันได้ปกติทุกคนครับ...

    และเรื่องสุดท้าย..การที่หักหอตายนะ.เค้ามีความสามารถทำได้จริงๆครับ..
    ส่วนตัวเคยโม้ไว้ในห้อง Black Hole แล้วหละ กระทู้ ปอบ ของ คนชื่อ กาลีนะ
    ว่างๆไปอ่านดูได้ หน้าท้ายๆตอนนี้หละ...
    เอาสรุปง่ายๆก็คือ..ต้นของเชื้อสายนั้น เค้าไม่ใช่ว่าเค้าไม่เก่งนะ.มีความสามารถ
    หลายหลาย..บางคนก็รักษาคนหายได้..เผลอๆเก่งกว่าห่มเหลืองอีกนะ..
    เค้ามีเครื่องรู้ย้อนอดีต อนาคตอะไร เหมือนๆห่มเหลืองปฏิบัติทั่วไป
    ช่วยคนช่วยช้าวบ้านมาเยอะ.. และเค้าก็ใช้งานมามากเลยมีความชำนาญ
    เพียงแต่ว่า.ด้วยเหตุการผิดขันธ์ครู มาก่อนหรือมีการขันธ์หลายขันธ์แล้วผิดในขั้นตอน
    การรับขันธ์เค้าเลยเป็นอย่างนั้น..
    พวกนี้จะแปลกอย่างหนึ่งคือ เค้าจะไม่ชอบ พราหมณ์ คนปฏิบัติห่มขาว ไม่ชอบห่มเหลือง
    แต่ว่ากับกลุ่มคนที่เป็นร่างทรงจริงๆ.เนี่ยเค้าจะถือสา เพราะฉนั้นถ้าจะทำพิธีตัดขันธ์
    โดยร่างทรงเนี่ย ก็จะไม่เป็นไร..แต่ถ้าผิดอย่างที่ว่า.ไปเอาแบบที่เค้าไม่ชอบหรือ
    ไปรับขันธ์แบบที่มี ระดับอื่นๆแล้วหละก็ ร้อยทั้งร้อยเค้าจะหักคอจนกระทั่งเสียชีวิต
    นั้นหละครับ..แต่กรณีโดยส่วนตัวก็เพิ่งทราบไม่นานมานี่เองนะ..หลังจากสังเกตุ
    จากการไปนั่งฟังห่มเหลืองจิตไวละเอียดท่านหนึ่งท่านแนะนำบุคคลอื่นๆมา
    เกี่ยวกับเรื่องตัดเชื้อ.ตอนนั้นก็งงทำไมท่านไม่ทำ.หรือส่งซิกมาทางพี่นพ.
    ก็ได้ก็ไม่น่ายาก.ตอนนั้นก็ยังงงๆ..คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร
    แต่ไม่มีอะไรนี่หละ มันเลยมีอะไรอย่าง
    ที่ว่าไง.ก็คือถ้าผิดแบบผิดแนวทางการปฏิบัติ
    มันจะส่งผลกระทบทางด้านอื่นๆ
    ได้อย่างที่เราคาดไม่ถึงนั่นหละครับ...

    ปล.ประมาณนี้หละเนาะ...
     
  12. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    555 ค่ะ พี่นพ ถูกทุกอย่างที่พี่นพได้อนุเคราะห์ให้ฟัง ถ้าใจนิ่งก็มักมีอาการปิ๊งแว๊บ มาเป็นระลอก ๆ ปกติช่วงนี้หวานจะพยามฝึกสติแม้นั่งในที่ทำงาน แต่ระยะ 4-5 วันที่ผ่านมาหวานพยายามควบคุมความคิด พยายามดึงให้ตัวเองมีสมาธิแต่รู้สึกว่าใจไม่นิ่ง วอกแวก เพราะมีเรื่องที่มารบกวนจิตใจ ทำให้ใจเฝ้าแต่ครุ่นคิดเรื่องที่เข้ามากระทบใจ

    ตอนนี้อาการปิ๊งแว๊บของหวานจึงไม่เกิด มีแต่อาการมึนตึ๊บ สมองมันโล่ง ๆ คิดอะไร นึกอะไรไม่ออก ^^ ถ้าพี่นพรออาการปิ๊งแว๊บของหวาน ท่าทางจะยาว ถ้าหวานไม่สามารถดึงตัวเองให้มีสมาธิได้

    ปล. คำแนะนำที่พี่นพอนุเคราะห์เล่าให้ฟังทุกครั้ง มักมาในช่วงที่หวานต้องการจริง ๆ ขอขอบพระคุณด้วยใจจริงค่ะ ที่คอยเตือนให้มีสติ
     
  13. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    กลับมาแล้วค่ะ^^ หายไปหลายวัน...หลังเจออารมณ์ทุกข์ใจพุ่งชนเข้าอย่างจัง...ทำเอามึนงง จังงัง ไปหลายวัน แต่ก็ดีค่ะ ทำให้ได้รู้อะไรหลาย ๆ อย่าง ได้มุมมองใหม่ ๆ

    หลังจากตามไปที่กระทู้ปอบ ในห้อง Black hold ที่พี่นพได้ให้ความเห็นไว้ในเรื่องการสืบเชื้อนั้น แปลได้ว่า หวานกับพี่ยังถือว่าสืบเชื้ออยู่ใช่ไหมคะ และจากการวิเคราะห์ภูมิป้องกัน หวานอ่อนกว่าพี่สาว....เอิ่ม!! พี่นพอย่าบอกนะว่าหวานเข้าข่ายเป็นเป้าหมาย..T^T
     
  14. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    “เสียงใคร...หนอ”

    เรื่องนี้เกิดขึ้นตอนหวานอายุ 14 ในเช้าวันหยุดวันหนึ่ง ยายทวดที่หวานเรียกท่านว่า ยายเหย่อ (เหย่อ ภาษาอีสานแปลว่า ใหญ่) ซึ่งทราบจากยายว่า ท่านไม่ค่อยสบาย เมื่อคืนมีอาการท้องเสีย ยายเลยฝากให้หลาน ๆ ดู เพราะยายจะไปวัด หวานกับพี่สาวแยกมาอยู่บ้านของตัวเองแล้ว แต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกัน เลยไปนั่งดูทีวีอยู่บ้านยาย เพราะไปดูแลยายทวดด้วย หวานนั่งอยู่ใกล้ๆ ยายทวดที่นั่งอยู่บนเบาะ จู่ ๆ ก็โหย่งตัวลุกขึ้น พอดีกับที่น้าชายกลับมาถึงบ้านพอดี หวานก็หันไปมองรถน้าที่เข้ามาจอด หวานได้ยินเสียง ยายทวดเหมือนถอนหายใจ หรืออะไรสักอย่าง “ฮึ....” (ประมาณนี้) แล้วก็ล้มลงมาที่ตักหวาน หวานตกใจ เรียกยายทวดพร้อมเขย่าตัว แต่ยายทวดนิ่งเงียบ หวานเอานิ้วอังจมูก ยายทวดหยุดหายใจแล้ว คราวนี้หวานตกใจร้องเสียงหลงเรียกน้า น้าวิ่งมาแล้วก็ปั๊มหัวใจแต่ ยายทวดไปสบายแล้ว...ญาติพี่น้องที่ไปทำงานต่างจังหวัดก็กลับมาจัดงานศพให้ยายทวด รวมทั้ง พ่อ-แม่ หวานด้วย และเป็นที่รู้กันว่าถ้าพ่อ-แม่กลับมา พี่น้องสองคนเราจะยกหมอนไปในห้องกับพ่อ-แม่

    การจัดงานก็ผ่านไปมาหลายวันแล้ว พรุ่งนี้จะถึงวันเผา ในเย็นวันนั้นหลังสวดอภิธรรมเสร็จ หวานกับพี่ก็กลับมาอาบน้ำแต่งตัวกันบนบ้าน (บ้าน 2 ชั้น) ขณะหวีผมเตรียมจะลงไป หวานกับพี่ก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบันไดบ้านและเดินมาหยุดที่หน้าห้อง ซึ่งตอนนั้นหวานกับพี่สาวอยู่ในห้องนอนใหญ่ที่เป็นห้องพ่อกับแม่ หวานยังพูดกับพี่สาวว่า สงสัยไอ้มลมาตามไปกินข้าว พี่สาวก็ไม่พูดอะไร แต่หวานกับพี่แปลกใจตรงที่เสียงเดินมาหยุดที่หน้าห้องตั้งนานแล้ว ทำไมไม่เปิดประตูเข้ามาสักที หวานเลยเดินไปเปิดประตู ที่หน้าห้องว่างเปล่า ไม่มีใคร หวานกับพี่มองหน้ากัน แต่ก็ไม่ใส่ใจ แล้วสองพี่น้องก็ลงไปหาอะไรกิน

    เกือบ ๆ 22.00 แล้ว หวานก็ชวนพี่กลับมานอน พี่บอกไม่อ่ะ ใครอยากไปโรงเรียนพรุ่งนี้ก็ไปนอนสิ หวานก็เลยเดินกลับบ้านไปนอน เพราะอยากไปโรงเรียน...(จริง ๆ มีวิชาที่ชอบเลยอยากไป ทั้ง ๆ ที่พรุ่งนี้เป็นวันเผายายทวดก็ดื้อจะไป) สรุปบ้านทั้งหลัง หวานอยู่คนเดียวเพราะคนอื่น ๆ จะอยู่ที่บ้านงานกันหมด หวานก็ไม่ได้กลัวอะไร เพราะบ้านก็ติด ๆ กันนี่แหละ พอเตรียมตัวจะนอน เดินไปปิดไฟห้อง แต่เปิดไฟระเบียงไว้ ทำให้ไม่มืดเท่าไหร่ แค่สลัว ๆ เดินมาตรงที่นอนตัวเอง ตบหมอน แล้วล้มตัวลงนอน .......

    เสียงหอบ เหมือน คนวิ่งมาเหนื่อย ๆ ดังอยู่ข้างหูด้านขวา ตอนที่ได้ยิน หวานคิดหาคำตอบให้กับตัวเอง
    “เสียงใคร” “เสียงเราเหรอ” “เราเหนื่อยเหรอ” เมื่อคิดว่าถึงตรงนี้ หวานกลั้นหายใจ แต่เสียงนั้นยังคงอยู่ ....ใช่เลย!! หวานคิดแค่นั้น ก็วิ่งพรวดออกจากห้อง และวิ่งไปหาพี่บนบ้านยาย นั่งหอบแฮก ๆ พี่สาวถามว่า “มาทำไม ไหนบอกจะไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ทำไมไม่ไปนอน” หวานตอบ ไม่ไปละ ขี้เกียจ T^T ไม่กล้าเล่าตอนนั้น กลัวพี่สมน้ำหน้าเอา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 กุมภาพันธ์ 2015
  15. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    “ดวงไฟปริศนา”

    หายไปนานติดภาระทางโลก ^^ แต่ไม่ลืมการค้นหาหนทางสว่างให้กับตัวเองนะคะ ..ยังไม่ลืมคำแนะนำของญาติธรรมผู้รู้ที่ได้กรุณาชี้แนะเพื่อให้ศึกษาเพิ่มเติมรวมถึงการฝึกปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันค่ะ ...แต่อาการขนลุกแปลก ๆ มันกลับมาอีกแล้ว T^T มันคือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หวานหายไป เอิ่ม!..ก็ไม่ได้อยากรู้ว่ามันคืออะไรหรอกนะคะ..ตามที่พี่นพได้กรุณาแนะนำ เรื่องอุเบกขา การปล่อยวาง ที่ไม่ใช่การวางเฉยแบบไม่สนใจ เข้าใจค่ะว่ามันหมายถึงอะไรแต่มันยากมากที่ต้องทำ ศัตรูที่น่ากลัวที่สุดคือ กิเลสในใจเรา

    ย้อนไปในวัยเด็ก หวานแก่นทโมนใช่ย่อย เพราะเพื่อนแถวบ้านรุ่น ๆ เดียวกันจะเป็นเด็กชายมากกว่าเด็กหญิง ถ้าเล่นกับเพื่อนหญิงก็เล่นขายของ เล่นตุ๊กตากระดาษกันไปตามประสา แต่กับกลุ่มเด็กชายก็จะเล่น ๆ ตามเขาไม่ว่าจะเป่ากบ เล่นลูกแก้ว ยิงหนังสติ๊ก ปีนต้นไม้ คล้องกิ้งก่า ก็ว่ากันไปแล้วแต่ว่าจะชวนกันเล่นอะไรกัน

    อย่างที่เคยเล่ามาบ้านหวานในสมัยนั้นต้นไม้เยอะมาก รวมถึงที่ดินติดกันด้านหลังบ้านก็รกครึ้ม เต็มไปด้วยต้นฉำฉา (ภาษาอีสานออกเสียง=สำสา) ต้นใหญ่ ๆ และเถาวัลย์ (จริงๆ มีต้นไม้เยอะแยะ แต่ไม่ค่อยรู้จักชื่อ อิอิ ) เมื่อต้นไม้เยอะ นกก็เลยเยอะ เวลาพลบค่ำเสียงนกมาเกาะตามต้นไม้เสียงดังมาก ๆ น้าชายเคยไปส่องนกมากิน โดยจะออกไปช่วงประมาณ 2-3 ทุ่ม นกหลับแล้ว แกเล่าว่าเอาไฟฉายส่องขึ้นบนต้นไม้ จะเห็นตูดนกแดง ๆ แล้วก็เอาไม้กระทุ้งๆ แล้วนกก็ตกลงมา จับมัดขา ได้ 4-5 ตัว แกก็กลับบ้าน

    อารัมภบทเยอะยังไม่เข้าเรื่องเลย กิกิ... คืนที่เห็นไฟ หรือดวงไฟนั้น เป็นวันที่ตาทวด หรือที่ลูก หลาน เหลนเรียกกันว่า ตาเหย่อ เสียชีวิต ..อูยยยย อยากนอกเรื่องอีกแล้ว ^^ นิดนึง ๆ หวานได้ฟังแม่เล่าเรื่องราวความรักของตาทวดกะยายทวด อุเหม่!! ช่างเหมือนกับในหนังในละครที่ได้ดูจริง ๆ ต้นตระกูลของตาทวดมาจากโคราช ได้มาทำงานในจวนผู้ว่าที่หนองคายเลยมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่พ่อของตาทวดเคร่งประเพณีเรื่องผัวเดียวเมียเดียวและส่งเสริมให้ลูก ๆ ให้ได้รับการศึกษายกเว้น ตาทวดคนเดียวที่เรียนจบแค่ ป.4 แล้วไม่ยอมเรียนต่อ แกชอบศึกษาพวกไสยศาสตร์ ของขลัง ชอบสนุก

    ส่วนด้านพ่อของยายทวดก็ทำงานในจวนผู้ว่าเหมือนกัน และรู้จักกับพ่อของตาทวดด้วย พ่อของตาทวดไม่ชอบพ่อยายทวดเพราะพ่อของยายทวดมีเมียมากถึง 4 คน และเมียๆ ทั้ง 4 คน ก็อยู่ในบ้านหลังเดียวกัน ช่วยกันทำงานและช่วยกันเลี้ยงลูก ๆ ยายทวดเป็นลูกของเมียเอก เอาเป็นว่า 2 ครอบครัวนี้ ไม่ถูกกันเหมือนขมิ้นกับปูน แต่ลูกกลับแอบรักกัน ตาทวดกับยายทวดจึงตัดสินใจพากันหนีไปอยู่ด้วยกัน (เฮ้อออ…ยังกับในหนังเน๊าะ ^^)

    ปล. ค้างไว้ก่อน มาต่อพรุ่งนี้นะคะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กุมภาพันธ์ 2015
  16. Mali Loi

    Mali Loi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2014
    โพสต์:
    428
    ค่าพลัง:
    +1,218
    มาต่อเร็วๆน๊ะ กำลังสนุกเรยย
     
  17. design8743

    design8743 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2013
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +3,037
    ได้ความรู้เยอะเลยค่า ขอบคุณพี่หวานที่มาเล่าเรื่องสนุกๆให้ฟังนะคะ รักพี่สาวน๊า จุ๊ฟๆ^ ^
     
  18. parichatkreepat

    parichatkreepat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    463
    ค่าพลัง:
    +538
    ไม่ออกความเห็น. ตามอ่านอยู่ นะค่ะ.
     
  19. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    หุหุ พี่ว่าน้องอ้อนต้องไปขอบพระคุณงาม ๆ กับคุณพี่นพผู้อนุเคราะห์ความรู้และคำแนะนำแบบสุดยอด ๆๆ :cool: ส่วนเรื่องเล่านั้นมิเป็นไรค่ะ ถือว่าเป็นการแบ่งปันประสบการณ์ เหมือน ๆ ที่น้องอ้อนและญาติธรรมทุก ๆ ท่านได้ทำกันจ้ะ และขอบคุณญาติธรรมทุกท่านที่แวะมาที่กระทู้นี้นะคะ
    ;aa31
     
  20. กะปิหวาน

    กะปิหวาน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 มกราคม 2015
    โพสต์:
    130
    ค่าพลัง:
    +470
    ต่อจากเมื่อวานนะคะ ^^ ชะรอยจะติดอาการ กั๊ก ๆ จากท่านขุนมาซะแล้วกระมัง....(deejai)(deejai)

    ในวันที่ตาทวดจะเสีย...ญาติมากันเต็มบ้านตั้งแต่เช้าเพราะอาการตาทวดหนักมากแล้ว แต่แกรอหลานรักของแกที่ยังไม่มา (น้าชายคนที่ไปส่องนกคนนั้นนั่นแหละค่ะ ...ตอนนั้นน้าไปเรียนต่างจังหวัดยังกลับมาไม่ถึง) ทุกครั้งที่ลืมตาแกจะถามว่าหลานชายมาหรือยัง ตอนนั้นเย็นแล้ว ตาทวดก็บอกว่าแกไม่อยากตายตอนค่ำ แกไม่อยากเป็นผีควายตู้ (หุหุ อันนี้หวานก็ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร) สักพักน้าก็มาถึง พอตาทวดเห็นแกก็ดีใจ คุยกับน้าชาย แล้วก็บอกอยากกินข้าวกับโอวัลติน ทั้งยายและแม่ของหวานรีบไปหามาให้ตาทวด ยายดีใจมากเพราะตาทวดไม่ยอมกินอะไรเลย กินแต่น้ำมาหลายวันแล้ว

    แต่ตาทวดกินได้แค่2-3 คำก็บอกว่าอิ่มแล้ว แล้วก็นอนลงบอกว่าเหนื่อย แล้วตาทวดก็หลับไปตลอดกาล ตอนนั้นหวานเด็กมาก แค่ 7 ขวบ ยังไม่เข้าใจถึงการสูญเสียคนที่รักว่าเสียใจขนาดไหน เห็นยายทวดนั่งอยู่ที่ชานหลังบ้านร้องไห้เสียงดัง มีใครคนหนึ่งกอดยายทวดอยู่ข้างหลัง เสียงยายทวดร้องบอก “อย่าฟ้าวไป ท่าข้อยแน เอาข้อยไปนำแน” (แปลว่า =อย่าพึ่งไป รอฉันด้วย เอาฉันไปด้วย= ) หวานยืนมอง แล้วหันไปถามแม่ว่ายายทวดเป็นอะไร แม่บอกว่ายายทวดเสียใจที่ตาทวดตาย ...(ขณะที่นึกถึงเหตุการณ์คืนนั้น..หวานกลับรู้สึกเศร้าและเข้าใจถึงความรู้สึกสูญเสียสิ่งที่รักมากที่สุดว่ามันจะสะเทือนใจมากแค่ไหน)

    หลังจากที่ตาทวดเสีย ญาติ ๆ ก็จัดการอาบน้ำศพ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ก่อนเอาลงโลง คืนนั้นสวดอภิธรรมประมาณ 2 ทุ่มกว่า ๆ ชาวบ้านแถวนั้นก็มาช่วยงานศพกัน หลาน ๆ ก็ช่วยกันในครัว หวานกับพี่สาวก็อยู่ล้างถ้วยชามกันจนดึก แขกทยอยกลับเกือบหมดแล้ว เหลือคนที่มาช่วยงานในครัวที่มีทั้งญาติและชาวบ้านแถบนั้นไม่กี่คน หวานกับพี่สาวโดนเรียกไปให้เดินไปส่งพี่สาวที่บ้านใกล้ ๆ กัน ตอนนั้นน่าจะเลยเที่ยงคืนแล้ว สมัยนั้นถือว่าดึกมาก ๆ บ้านของพี่สาวคนนั้น ถ้าเดินตามถนนระยะทางน่าจะราวๆ 200 เมตร แต่ถ้าเดินตัดสวนบ้านหวานและข้ามรั้ว เดินอีกนิดหนึ่งก็ถึงบ้านพี่สาวคนนั้นแล้ว พี่เขาเลือกเดินตัดสวนเพราะใกล้กว่าและไม่ต้องเสี่ยงกับหมาตามถนน ตอนเดินไปส่งเราไม่ได้เอาไฟฉายไปนะคะ อาศัยแสงจันทร์ที่ลอดผ่านต้นไม้ก็พอมองเห็น

    เดินห่างจากบ้านสักพักมันเงียบมาก ได้ยินแต่เสียงเหยียบใบไม้ เราก็คุยกันประมาณมืดจัง พรุ่งนี้มาส่งอีกนะ อะไรประมาณนี้ เพื่อทำลายความเงียบ ขณะเดินหวานมองไปข้างหน้า ที่สวนรก ๆ ที่ติดกับสวนหวาน แถว ๆ กลุ่มต้นฉำฉาที่มองเห็นไม่ไกล มีแสงเป็นดวงไฟ ที่เรียกเป็นดวงเพราะมันหาจุดที่มาไม่ได้ ( T^T อธิบายไม่ถูก มันเหมือนแสงจากหิ่งห้อยที่มีแสงในตัว แต่ดวงใหญ่กว่า ) ลอยสูงเกือบระดับทิวไม้ ลอยช้า ๆ จากด้านขวาไปด้านซ้าย แสงจะหายไปบ้างตอนลอยผ่านบังใบไม้ หวานมองตามเงียบ ๆ ไม่วางตา แต่เอื้อมมือไปจับมือพี่สาวหวาน และพี่สาวก็จับมือตอบ เสียงการสนทนาเมื่อครู่เงียบ หวานคิดว่าทุกคนเห็นแน่ ๆ เพราะเราไม่ได้พูดกัน แต่สาวเท้าก้าวเร็วมากขึ้น จนถึงสุดรั้ว พี่สาวข้างบ้านรีบข้ามแบบลน ๆ พอข้ามได้ แกวิ่งเลยพร้อมพูดว่า ไป ๆ รีบกลับ หวานกับพี่สาวจับมือกันวิ่งกลับบ้าน มายืนหอบแฮก ๆ ตรงข้างบันไดขึ้นบ้าน (ที่หยุดเพราะเห็นว่ามีคนเยอะแล้ว..อิอิ)

    หวานถามพี่ว่า เห็นไหม? ผีกระสือรึป่าว? พี่สาวตอบ “ไม่ใช่หรอก ไฟตะเกียง” พูดเสร็จ พี่สาวเดินอ้าวขึ้นบันไดบ้านยายทวดไป ทิ้งให้หวานยืนงงกับคำตอบ ไฟตะเกียงอะไรฟะอยู่สูงขนาดนั้น จะบ้า!! หวานหงุดหงิดกับคำตอบของพี่ แล้วก็เดินกลับไปนอนที่บ้านยายอีกหลัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...