เรื่องเด่น เรื่อง หลวงปู่ทวดเป็นพระโพธิสัตว์และหลวงปู่แดงเป็นพระเต็มที่น่าสักการบูชา

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 26 ตุลาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    maxresdefault.jpg

    ..................
    หลวงพ่อฤาษีลิงดำ เรื่อง หลวงปู่ทวดเป็นพระโพธิสัตว์และหลวงปู่แดงเป็นพระเต็มที่น่าสักการบูชา

    Buddhism Channel
    Published on Oct 25, 2017
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2017
  2. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    สารคดีประวัติ พระครูญาณวิลาศหลวงพ่อแดง

    Kelberossi
    Published on Jul 12, 2011
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    LpDang (2).jpg
    พระครูญาณวิลาศ
    (แดง รตฺโต)
    เกิด
    17 กันยายน พ.ศ. 2421
    มรณภาพ 16 มกราคม พ.ศ. 2517
    อายุ 95
    อุปสมบท พ.ศ. 2441
    พรรษา 75→
    วัด วัดเขาบันไดอิฐ
    ท้องที่ เพชรบุรี
    ตำแหน่ง
    ทางคณะสงฆ์
    อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐ
    ท่านพระครูญาณวิลาศ (หลวงพ่อแดง) วัดเขาบันไดอิฐ

    หลวงพ่อแดงท่านเกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2421 ที่บ้านสามเรือน ตำบลบางจาก อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี โยมบิดาชื่อ แป้น โยมมารดาชื่อ นุ่ม พออายุครบบวชท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดเขาบันไดอิฐ และได้อยู่จำพรรษาอยู่กับท่านอาจารย์เปลี่ยน วัดเขาบันไดอิฐตลอดมา หลวงพ่อแดงท่านได้ศึกษาพุทธาคมกับท่านอาจารย์เปลี่ยน และหลวงพ่อฉุย วัดคงคา ผู้ซึ่งเป็นสุดยอดพระเกจิอาจารย์ของเพชรบุรี ซึ่งต่อมาหลวงพ่อฉุยท่านได้เป็นพระสุวรรณมุนี เจ้าคณะจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้หลวงพ่อแดงท่านยังได้ไปศึกษากับหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง พระอาจารย์ที่สำเร็จวิชาย่นระยะทางได้

    ซึ่งทั้งสองรูปนี้ หลวงพ่อแดงท่านยังเคยมีเหรียญรูปหลวงพ่อฉุยและหลวงพ่อแช่ม กลัดไว้ในย่ามเสมอ ในปี พ.ศ.2461 ท่านอาจารย์เปลี่ยนได้มรณภาพ หลวงพ่อแดงจึงได้รับตำแหน่งขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐแทนหลวงพ่อเปลี่ยนผู้เป็นอาจารย์ และเป็นเจ้าอาวาสตลอดมาจนถึงปี พ.ศ.2503 หลวงพ่อแดงจึงได้รับเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูญาณวิลาศ

    ในปี พ.ศ.2503 นี้เองคณะศิษยานุศิษย์จึงได้ขออนุญาตหลวงพ่อแดงจัดสร้างเหรียญรุ่นแรกขึ้น ในโอกาสที่หลวงพ่อได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูญาณวิลาศ และมีอายุครบ 82 ปี เหรียญรุ่นแรกนี้ หลวงพ่อแดงท่านได้แจกให้แก่บรรดาศิษย์และประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งเหรียญรุ่นนี้ต่อมา เป็นที่นิยมและรู้จักกันมาก เนื่องจากหลังจากที่หลวงพ่อแดงท่านได้แจกเหรียญไปแล้วก็มีประสบการณ์ต่างๆ มากมาย เช่น ประสบอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำตกเขาพังยับเยิน แต่ผู้ที่แขวนเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้เป็นอะไรมากนัก เพียงแต่ฟกช้ำเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น

    มีบางรายถูกลอบยิงระยะเผาขน แต่ปรากฏว่ายิงไม่ออก บางรายก็แคล้ว คลาดยิงไม่ถูกอีกก็มี เหรียญรุ่นนี้จึงเริ่มโด่งดังมากขึ้นโดยลำดับ จนชาวต่างประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย และฮ่องกง ต่างศรัทธาเลื่อมใสกันมาก และเข้ามาหาเช่าบูชาเหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อแดงกันอย่างมาก จนเกิดมีการปลอมเหรียญรุ่นนี้เป็นอันมาก จนถึงเหรียญปลอมที่ทำได้ดีมากๆ ในสมัยนั้นก็คือเหรียญที่เรียกกันว่าบล็อกฮงกง ซึ่งทำตำหนิได้ดีมาก

    นอกจากนี้หลวงพ่อแดงท่านยังสร้างวัตถุมงคลไว้อีกหลายอย่าง แต่ก็ไม่นิยมมากเท่ากับเหรียญรุ่นแรกนี้ ต่อมาเมื่อถึงวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2517 หลวงพ่อแดงท่านได้มรณภาพอย่างสงบ ในท่าของการพนมมือไว้บนอก สิริอายุได้ 96 ปี พรรษาที่ 75 เป็นเจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐนานถึง 45 ปี ทิ้งไว้ซึ่งคุณความดีและเป็นที่พึ่งแก่สานุศิษย์ตลอดมา

    ในวันนี้ ผมได้นำรูปเหรียญหลวงพ่อแดง วัดเขาบันไดอิฐ รุ่นแรก มาให้ชมกันหนึ่งเหรียญครับ ปัจจุบันเหรียญสวยๆ สนนราคาสูงมาก อยู่ที่หลักแสนครับ

    ด้วยความจริงใจ:แทน ท่าพระจันทร์
    ข้อมูลจากข่าวสด
    :- https://www.web-pra.com/Shop/jamadevi53/Show/499814
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 พฤศจิกายน 2017
  4. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    250px-Get_auc1_img3.jpg LpDang(Yanvilas).jpg
    อภินิหาร

    • ในระหว่าง พ.ศ. 2477 ถึง พ.ศ. 2480 เวลานั้นเกิดโรคระบาดสัตว์ วัวควายเป็น โรครินเดรอ์เปรส ซึ่งเป็นโรคปากเท้าเปื่อยที่ติดต่อร้ายแรง พากันล้มตายเป็นเบือ สัตว์แพทย์ก็ไม่มีต้องขอให้ทางการมาช่วยฉีดยา ราษฎรจึงพากันไปหาหลวงพ่อให้ช่วยปัดเป่าป้องกันโรคระบาดสัตว์ให้ด้วย
    • หลวงพ่อแดงจึงปลุกเสกลงเลขยันต์ในผืนผ้ารูปสี่เหลี่ยมเล็กๆ แจกให้ชาวบ้านที่เลี้ยงวัวควายนำไปผูกปลายไม้ปักไว้ที่คอกสัตว์ของตน ปรากฏผลว่า คอกสัตว์ที่ปักผ้าประเจียดยันต์หลวงพ่อแดงไม่ตายเลย ทุกบ้านในตำบลใกล้เคียงวัดเขาบันไดอิฐ เมื่อรู้กิตติศัพท์จึงพากันมาขอยันต์หลวงพ่อแดงทุกวันมิได้ขาด
    • กระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 คือมหาสงครามเอเชียบูรพา มีทหารญี่ปุ่นมาขึ้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ก็เกิดการต่อสู้กับทหารอากาศของไทยที่นั่น ชาวเพชรบุรีก็ตระหนกตกใจ แล้วชักชวนกันหาหลวงพ่อแดง ท่านก็ลงผ้าประเจียดยันต์แจก ให้คุ้มครองป้องกันตัว
    • เมืองเพชรบุรี เมื่อ พ.ศ. 2487 เกิดภัยสงครามชนิดร้ายแรง มีระเบิดลงทุกวันทำลายสถานีรถไฟ สะพานข้ามแม่น้ำ บ้านเรือน โรงเรียนต้องสั่งปิด ข้าราชการไม่ได้ไปทำงาน ทุกหน่วยราชการปิดหมด และปรากฏเรื่องเป็นที่ฮือฮาว่า บ้านคนที่มีผ้ายันต์หรือห้อยเหรียญหลวงพ่อแดง กลับไม่ได้รับอันตรายใดๆเลย หลวงพ่อแดงจึงดังใหญ่จนสิ้นสงครามโลกครั้งที่ 2 กิตติคุณของหลวงพ่อในทางกฤตยาคมจึงปรากฏความศักดิ์สิทธิ์แพร่หลายยิ่งขึ้น
    • ความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อแดงปรากฏอีกครั้ง เมื่อเกิดคอมมิวนิสต์ญวนเหนือบุกญวนใต้ ประเทศไทยต้องส่งกองพันเสือดำ ออกไปช่วยพันธมิตรรบในญวนใต้ก็ปรากฏว่าทหารไทยทีไปปฏิบัติหน้าที่รบในเวียดนาม คนที่มีเหรียญหลวงพ่อแดงห้อยคออยู่ ไม่ถูกอาวุธเป็นอันตรายแก่ชีวิตสักคน ทั้งๆที่เข้าประจันบานอย่างหนักเป็นที่สงสัยของเพื่อนทหารต่างชาติว่าทหารไทยมีของดีอะไร ได้รับคำตอบจากทหารไทยว่ามี "เหรียญหลวงพ่อแดง"
    ท่านเป็นพระใจดีมีเมตตาสูง และอารมณ์ดีเสมอ ไม่ชอบดุด่า ว่าใครโดยเฉพาะคำหยาบคายถึงพ่อแม่ท่านห้ามขาด ท่านว่าทุกคนเขาก็มีพ่อมีแม่ การด่าถึงบุพากรีทำให้ความดีงามเสื่อมถอย ถึงห้อยพระพระท่านก็ไม่คุ้มครอง
     
  5. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    เรื่องเล่า
    • หลังจากที่หลวงพ่อแดงมรณภาพแล้วก็ได้เกิดเหตุอัศจรรย์ที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่า อภินิหารของหลวงพ่อแดงมีจริง กับผู้หลักผู้ใหญ่ของเมืองเพชรบุรีท่านหนึ่ง ซึ่งจู่ๆท่านก็มีนิมิตฝันเห็นบ่อน้ำโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นก้ามปูใหญ่ พอขุดก็พบบ่อน้ำนั้นจริงๆ บ่อน้ำแห่งนี้หลวงพ่อแดงเคยพูดไว้สมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ว่าเป็น "บ่อน้ำวิเศษ" และขณะที่ขุดยังพบ "หัวพญานาคสีขาว" แบบปูนปั้นอยู่ที่ก้นบ่อด้วย 1 หัว เมื่อชาวบ้านรู้ข่าวก็พากันแห่มาเพื่อจะตักน้ำเอาไปใช้กัน แต่ปรากฏว่าพบงูใหญ่ตัวหนึ่งนอนขดอยู่ใต้สังกะสีที่เอาไว้ปิดปากบ่อ ชาวบ้านที่เห็นบอกว่า ลักษณะงูที่เห็นนั้นมีหงอนที่หัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีชาวบ้านกล้าเข้าไปตักน้ำที่บ่อนี้อีกเลย
    • ที่น่าแปลกอีกก็คือ นายตำรวจท่าหนึ่งซึ่งเคยมาช่วยงานในวัดก็ฝันเห็นหลวงพ่อแดง ท่านมาต่อว่า "ทำอะไรทำไมไม่บอก" นายตำรวจก็ไปเล่าให้พระปลัดบุญส่งเจ้าอาวาสรูปปัจจุบันฟัง ท่านก็ไม่เชื่อแล้วยังสั่งให้ย้ายศาลเก่า 2 ศาล บริเวณเชิงเขาบันไดอิฐเพื่อปรับปรุงบริเวณ โดยไม่ยอมทำพิธีเซ่นไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพราะท่านเป็นคนไม่เชื่อไสยศาสตร์ ปรากฏว่าพอตกเย็นก็เกิดอาการผิดปกติ อยู่ๆคอก็เริ่มบิดและตัวแข็งไปทั้งตัว ขยับไม่ได้ ชาวบ้านมาเยี่ยมเห็นว่าอาการหนักมากจึงช่วยกันพาส่งโรงพยาบาลเปาโล แต่พอถึงโรงพยาบาล อาการที่เป็นกลับหายราวปลิดทิ้ง และเมื่อเอ็กซเรย์พร้อมตรวจอย่างละเอียดก็ไม่พบว่าเป็นอะไรเลย และระหว่างที่นอนพักรักษาตัวอยู่ท่านก็พูดออกมาคนเดียวโดยไม่รู้ตัวว่า "ของดีมีอยู่ ผ่านไปผ่านมาไม่ใช้ต้นก้ามปูตรงนั้นเป็นบ่อน้ำ ให้ขุดลงไปแล้วจะเจอ มีของดีทำไมไม่รักษา"
    • ในภายหลังที่ออกจากโรงพยาบาลแล้วพระครูโสภณพัฒนกิจ (หลวงพ่อบุญส่ง ธัมมปาโล)ก็ได้ฝันอีกครั้ง ในความฝันท่านเห็นคนนุ่งผ้าถกเขมรมาหา มาบอกว่าเขาเป็นคนมัดหลวงพ่อเอง พูดแล้วเขาก็เอามือรีดที่ตัวหลวงพ่อเหมือนรีดเอาไขมันออก ทั้งขาและแขน จนหลวงพ่อพระปลัดบุญส่งสะดุ้งตื่นและพอตื่นขึ้นมาก็ยังเห็นผู้ชายคนนั้นอยู่ในห้องพอถามชื่อ เขาก็ถอยออกไปแล้วตอบกลับมาว่า "เขาเป็นเปรต" จากนั้นก็หายวับกลายเป็นแสงไฟ พร้อมเสียง "วี๊ด" ดังมาก ซึ่งพระในวัดก็ไดยินกันทั่ว เรื่องนี้ได้ทำให้ "พระครูโสภณพัฒนกิจ (บุญส่ง ธัมมปาโล)" เจ้าอาวาสวัดเขาบันไดอิฐรูปปัจจุบันยอมรับ ว่าอภินิหารของหลวงพ่อแดงนั้นมีจริงเพราะเจอแล้วด้วยตัวท่านเอง
    • ขอบพระคุณที่มา :- https://th.wikipedia.org/wiki/พระครูญาณวิลาศ_(แดง_รตฺโต)
     
  6. tharaphut

    tharaphut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,721
    ค่าพลัง:
    +5,211
    ขอน้อมกราบบูชาหลวงปู่ทวดเป็นพระโพธิสัตว์และหลวงปู่แดง ด้วยเศียรเกล้า ขอบารมีหลวงปู่ทวดเป็นพระโพธิสัตว์และหลวงปู่แดง ขอพรให้ลูกประสบความสำเร็จในชีวิต ร่ำรวยสุขภาพแข็งแรง เดินทางปลอดภัย มีโชคลาภสม่ำเสมอ อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ชีวิตราบรื่นร่มเย็น แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้วปวง
     
  7. wit

    wit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +3
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,256
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,018
    อะไรทำให้ศรัทธาในตัวหลวงพ่อ
    อย่างที่เล่ามาแล้วข้างต้น เพื่อนผมเขาจะสร้างพระ โดยจะขอให้หลวงพ่อฯปลุกเสก ซึ่งผมก็ไม่ขัดศรัทธา ระหว่างเดินทางพวกเราปรึกษากันเรื่องทำพระและได้ตกลงกันว่า จะให้ผมเป็นคนพูดขอกับหลวงพ่อฯ ผมก็เออๆ คะๆ ไปตามแกนนึกในใจว่าเขาให้พูดก็จะพูด ได้หรือไม่ได้ผมไม่สนใจมาก คิดแต่เพียงว่าเมื่อไรหนอเราจะได้พบพระดีๆ สอนให้เรารู้ว่าพระพุทธเจ้าท่านสอนอะไร

    เออหนอ..ถ้าท่านมีฤทธิ์มีเดช เราก็จะขอให้ท่านช่วยรักษาขาที่พิการของเรา..ก็แค่นั้น เพราะผมนั้นเคยขนข้าวขนของดีๆไปถวายวัดหนึ่ง (ขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อ) มากมายก่ายกอง พยายามดักพบท่านเจ้าสำนักท่านก็ไม่ให้พบ เขียนจดหมายถามท่านระบายความจริงใจว่า ผมอยากรู้ว่าพระพุทธเจ้าสอนอะไรจริงๆ ท่านก็ไม่ยอมตอบ ส่งเงินไปก็หลายครั้งก็ไม่ยอมพบไม่ยอมตอบ รับแต่เงิน เสียทั้งของหมดทั้งเงิน แต่ยังเป็น “ควาย” เหมียล..เดิม (ภายหลังมารู้ว่าท่านเข้าใจไปว่าผมเป็นพวกแกล้งถามเพื่อจะลองของ ฮ่วย! ผมไม่รู้จริงๆ)

    พวกเราสามคนมาถึงวัดเวลาอะไรจำไม่ได้ รู้แต่ว่าไม่ใช่เวลารับแขกจึงไปนั่งรออยู่ที่หอกรรมฐานขาว รอเวลาที่หลวงพ่อฯจะลงมารับแขก เผอิญวันนั้นไม่มีแขกพวกเราจึงถือโอกาสงีบหลับตามอัธยาศัย เพราะยังอีกนานโขกว่าจะได้เวลา และทั้งเหนื่อยและหิว แต่ก็ยอมอดข้าวด้วยเกรงว่าจะไม่ได้พบ ครั้นแล้วเราก็ได้พบหลวงพ่อฯ เมื่อผ่านพ้นระบบทักทายและรายงานตัวกันแล้ว พวกเราก็นั่งเลิ่กลั่กไม่ทราบว่าจะสานเรื่องต่อไปประการใดดี ไหนจะดีใจที่ได้พบ ไหนจะงัวเงียเพราะเพิ่งจะตื่น

    แต่ทั้งนี้ก่อนหน้าที่เราจะได้พบกับหลวงพ่อฯ ต่างก็อาราธนาบารมีของ “หลวงปู่ปาน” และ “หลวงพ่อแดง” วัดเขาบันไดอิฐแล้วว่า ขอให้การที่คิดเอาไว้สำเร็จ หลวงพ่อฯนั้นครั้นเมื่อเห็นพวกเราเงียบไปและอึกๆอักๆ จู่ๆท่านก็พูดขึ้นมาลอยๆว่า

    “เออ..หลวงพ่อแดงนี่..ท่านเป็นพระดีนะ !”
    พวกเราสะดุ้งโหยง เพราะว่าเมื่อเหยียบย่างเข้ามาในวัดท่าซุง ไม่มีใครพูดถึงหลวงพ่อแดงเลยสักคำ เราพูดกันในรถและปรึกษาหารือกันในรถเท่านั้น หลวงพ่อฯ รู้ความประสงค์ของพวกเราได้อย่างไร แล้วท่านก็ยังพูดต่อไปอีกด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า

    “พวกคุณจะสร้างพระผงกันหรือ..มีเจตนาดีนะ จะสร้างแบบไหน..ฉันอนุญาต ?”
    ความรู้สึกของผมในตอนนั้นบอกไม่ถูก เหมือนคนเป็นหูหนาตาเร่อรู้สึกตัวชาหน้าชาแบบเห่อๆ บรรยากาศรอบตัวมันหนาวๆร้อนๆวูบๆวาบๆบอกไม่ถูก (ก็คงจะตกใจน่ะซี๊) ปากปิดสนิทแต่ในใจร้องว่า
    “อัศจรรย์จริงๆ ท่านรู้ได้ไง! แถมยังรวบรัดตัดบทเข้าเรื่องเข้าราว ไม่ต้องเยิ่นเย้อให้ทันทีเสียด้วย เก่งจริงๆ”

    แล้วก็ต่างมองหน้ากัน เข้าใจว่าทุกคนคงมีความรู้สึกแบบเดียวกันและอัศจรรย์ใจว่าหลวงพ่อฯรู้จิตใจพวกเราได้ยังไงแฮะ“ไปทำตัวอย่างมาให้ดู มีเจตนาดีอย่างนี้ ฉันอนุญาต”
    หลวงพ่อฯ พูดย้ำอีก คนหนึ่งในจำนวนพวกเราจึงกราบเรียนรับคำว่าจะรีบไปทำตัวอย่างให้สวยให้ดีมาถวายภายหลัง เพราะเราเพียงแต่เคยปรึกษากันว่าจะสร้างพระผงกันเท่านั้น ครั้นแล้วเพื่อนผมอีกสองคนก็กราบลาจะรีบกลับ เพราะเขาสมประสงค์แล้ว ผมก็จำใจเข้าไปกราบลาด้วย หลวงพ่อฯท่านเอามือตบศีรษะของผมเบาๆ พูดว่า

    “เออ..ดีๆ คุณเสียสละเพื่อประเทศชาติ พระท่านสอนว่าการเกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นเป็นธรรมดาที่เราทุกคนจะต้องประสบและมันเป็นทุกข์ ร่างกายของเราก็ดี ทรัพย์สมบัติของเราก็ดี อะไรๆ ต่างๆ ในโลกนี้ล้วนเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยงเป็นทุกข์และบังคับไม่ได้ ถ้าไม่ต้องเกิดก็ไม่ต้องทุกข์
    ถ้าคุณปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า คุณก็จะไม่ต้องเกิดอีกไม่ต้องทุกข์อีก วิธีไม่เกิดมีอยู่หลายวิธี ไปหาหนังสืออ่านเอานะ ค่อยๆศึกษาไปนะ ถ้ามีโอกาสก็มาฝึกกรรมฐานกับฉัน ที่นี่ก็ได้ ที่บ้านสายลมก็ได้”

    เจ้าประคุณเอ๋ย.. ผมดีใจจนบอกไม่ถูก แม้ในขณะนั้นผมจะยังเข้าใจคำว่ากรรมฐานน้อยมาก แต่ในใจก็คิดว่า“เออ..เข้าเค้าๆ แล้ว มีหลัก มีเกณฑ์นี่ ไม่ใช่เอาแต่หลับหูหลับตาเป่าปู้ดๆ แล้วก็ขอตังค์ให้คนทำบุญ”
    ที่สำคัญคือท่านตอบตรงกับคำถามที่ผมสงสัยอยากจะรู้ และเป็นคำถามที่ยังอยู่ในใจยังไม่ได้พูดอะไรออกไปเลย แถมท่านยังพูดต่อไปอีกว่า

    “ที่คุณต้องพิการเท่านี้นั้นก็นับว่าดีแล้ว ที่ผ่านๆ มาคุณฆ่าเขามามาก หลวงพ่อปานฯ อาจารย์ฉันท่านเป็นพระหมอ แต่ฉันไม่ได้เรียนและไม่ได้เชี่ยวชาญในทางนี้ แต่เอาเถิดถ้ามีโอกาสฉันจะถามท่านให้ว่า ขาคุณจะรักษาหายไหม?”
    เอ้า..เอาเข้าไป ! นี่ผมถามในใจนะครับ ไม่ได้พูดอะไรออกไปซั๊กกะคำ ถ้าหลวงพ่อฯ ใช้วิธีเดาก็นับว่าเดาถูกได้อย่างน่านับถือ จากนั้นพวกเราจึงได้กราบลาพากันกลับทั้งๆ ที่ยังมึนๆ งงๆ อยู่
    สรุปว่า ผมเริ่มมีศรัทธาในตัวหลวงพ่อฯ เพราะเชื่อว่าหลวงพ่อฯท่านรู้วาระจิตนั่นเอง จากนั้นเป็นต้นมาผมก็พยายามหาโอกาสมารับการสอน มาฟังการเทศน์ของหลวงพ่อฯบ่อยๆ พยายามทำความเข้าใจจนผมหายสงสัย (จนได้เป็นบางส่วน)

    เดี๋ยวครับ..เดี๋ยว.! ขอทำความเข้าใจกับผู้อ่านต่อไปอีก ที่ผมว่าจนผมหายสงสัยนั้น ไม่ได้หมายความว่าผมรู้แจ้งแทงตลอดนะครับ หายสงสัยของผมนั้น อุปมาเหมือนกับผมเป็นกบตัวเล็กๆ (เขียดหรือคางคกก็ได้..เอ้า!) ถูกกะทะเหล็กครอบอยู่แถมบนกะลา..เอ๊ย..กะทะเหล็ก !
    ที่ว่านี้ยังมีไดโนเสาร์ตัวมหึมาเหยียบทับอยู่ข้างบน แล้วหลวงพ่อฯได้ช่วยหงายกะลานั้นขึ้น ผมจึงได้มองเห็นท้องฟ้า เห็นดวงดาว แต่แหม! จักรวาลมันกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกินครับหลวงพ่อฯ! หนทางไปยังดวงดาวก็ไกล...แสนไกล ไม่รู้ว่าจะไปถึงได้อย่างไรถ้าไม่มียานวิเศษ หรือเราจะโดนไดโนเสาร์เหยียบแบนเสียก่อนก็ไม่รู้เลยนิ!

    สมัยนั้นที่หลวงพ่อฯท่านสอนกรรมฐาน ท่านจะเน้นมากเรื่องอานาปานสติเพื่อโยงจิตให้เป็นสมาธิ คำภาวนาไม่จำกัด แต่นิยมคำว่า “พุทโธ” เพ่งอะไรไม่จำกัดแต่นิยมให้เพ่งพระพุทธรูป สอนเรื่องจิต สอนเรื่องอิริยาบถ สอนให้รู้ว่าเมื่อจิตเป็นสมาธิในระดับไหนแล้วมีอารมณ์ มีอาการเป็นอย่างไร จะใช้สมาธิทำอะไรได้บ้าง แต่ในตอนท้ายจะสรุปด้วยการพิจารณาทุกครั้ง บางครั้งว่ากรรมฐาน ๔๐ เป็นเดือนๆ ต่อด้วยมหาสติปัฎฐานอีกเป็นเดือนๆ แล้วมาสรุปด้วยอารมณ์ของพระอริยบุคคล วนเวียนอยู่เป็นปีๆไม่มีการเรียนลัด

    นี่ผมว่าโดยย่อนะครับ ความจริงท่านแจงละเอียดให้ความรู้ไม่มีปิดบัง ผมอยากรู้อะไรท่านก็ยินดีสอนให้ แล้วในที่สุดผมก็เลือกเอาไม่ต้องเกิดอีก และคำสอนนี้ผมเชื่อว่านั่นคือยานวิเศษที่จะนำเจ้ากบน้อยอย่างผมไปยังดวงดาวที่เฝ้ามองนั่นเอง (แต่จะไปถึงได้จริงหรือไม่จริงนั้นอยู่ที่ตัวของผมเองว่าจะเอาเท้าราอวกาศหรือจะชักใบให้ยานตก เท่านั้นเอง)

    และแม้คำสอนของหลวงพ่อฯจะทำให้ผมตาสว่างขึ้น เซ่อซ่าเดินชนกับเทวดาน้อยลงๆ แรกๆก็ยังมีที่แกล้งชนท่าน หรือท่านแกล้งชนผม จนในที่สุดไม่ว่าจะถูกแกล้งหรือไม่ ผมก็ไม่ยอมชนกับท่านและคอยหลบไม่ให้ขวางทางท่านเป็นอันขาด (จะเล่าภายหลังว่าที่ได้เคยลองชนแล้วผลเป็นอย่างไร) ระยะหลังผม (เฉพาะผมนะครับ..ขอย้ำ) ไม่กล้าเที่ยวสวรรค์ไม่กล้าที่จะลอบไปดูวิมานของใครต่อใคร กลัวว่าจะอดริษยาเขาไม่ได้ เพราะผมเป็นคนขี้อิจฉาครับ แถมขี้เบ่งติดจะแสดงอำนาจเผด็จการอีกต่างหาก

    ครูบาอาจารย์มี หลวงปู่บุญทืมฯ กับ หลวงปู่คำแสนใหญ่ฯ เป็นต้น ท่านเตือนผมเสมอๆ ว่า อย่าประมาทอย่าหลงระเริงว่ามีวิมานคอยเราอยู่บนสวรรค์ เพราะที่นรกก็มีตะแลงแกงคอยเราอยู่เหมือนกัน เหมือนกับเรามีคฤหาสน์อยู่ริมน้ำปิงที่เชียงใหม่

    แต่ระหว่างเดินทางไปยังที่นั้น เราประมาทก็อาจจะไม่ถึงที่หมายคือที่คฤหาสน์นั้น เพราะอาจจะต้องแวะไปติดคุกเสียก่อน พวกเราอย่าประมาทนะครับ นรกคอยพวกเราอยู่ด้วยใจที่จดจ่อ นรกอ้ากรงเล็บอยู่ห่างจากคอหอยของพวกเราที่ประมาทอยู่แค่องคุลีเดียว (อาจจะผ่าแปด) นรกไม่รู้เบื่อที่จะรอคอย พลาดเมื่อไร..ถูกงาบทันที !!!
    :- http://www.watthasung.com/wat/viewthread.php?tid=459
     

แชร์หน้านี้

Loading...