เรื่องเด่น เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน มีดหมอ (มีดอาคมประจำกาย)

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย joni_buddhist, 22 พฤษภาคม 2017.

  1. joni_buddhist

    joni_buddhist Legal returns ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2005
    โพสต์:
    13,552
    กระทู้เรื่องเด่น:
    203
    ค่าพลัง:
    +63,439
    เล่าขานตำนานไสยเวทย์ไทย ตอน มีดหมอ (มีดอาคมประจำกาย)
    18527761_10213124113687151_867504716505900753_n.jpg
    จากพจนานุกรม มีดหมอ น. มีดลงคาถาอาคมใช้ไล่ผี. มีดขนาดกลาง ใบมีดรูปร่างคล้ายมีดเหน็บ แต่โคนมีดมีชายแหลมโค้งออจากคมเล็กน้อย ใช้สำหรับประกอบในพิธีทางไสยศาสตร์.
    จากข้อสันนิษฐาน คำว่า “มีดหมอ” คำว่า หมอ ในที่นี้อาจจะมาจากคำว่า “หมอผี” ซึ่งในบรรดาหมอไสยศาสตร์ ทั้งหมอผีจะมีมีดที่ใช้ในการประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ แต่เดิมคงจะเรียกกันว่า “มีดหมอผี” แต่เกิดการตัดเอาคำว่าผี หรือคำอื่นเพื่อให้สะดวกแก่การเรียกขานจากคำว่า “มีดหมอผี” จึงกลายมาเป็น “มีดหมอ” หรืออีกในหนึ่งที่มีดหมอหมายถึงตัวแทนครู “มีดครูหมอ” แต่คำว่าครูเป็นอุปสรรคในการออกเสียง จึงถูกลดลงเหลือสองพยางค์ว่า “มีดหมอ” ส่วนอีกคำสันนิษฐานหนึ่งมากจากคำว่า “มีดพระพุทธคีเนศร์” หรือที่รู้กันในนาม “มีดพระ” ที่พระเกจิอาจารย์ท่านต่างๆได้เมตตาสร้างไว้ เพื่อใช้ในการป้องกันตัวจากอันตราย ขับไล่ภูตผี ขับไล่เสนียดจัญไร เมื่อมีคนป่วยไข้จากภูตผีและเสนียดจัญไร หมอผีจะใช้มีดในการรักษาขับไล่ผี ดังนั้นจึงถูกเรียกว่า “มีดหมอ” เพราะใช้รักษานั้นเอง
    ส่วนทางล้านนา มีดหมอ จะถูกเรียกว่า “มีดครู” เพราะใช้เป็นตัวแทนของครู และยังถูกเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “มีดแหก” อ่านว่า มีดแฮก คำว่าแฮก เป็นคำเมืองเหนือง คำนี้หมายถึงการกรีดลาก มีดแหกจึงเป็นมีดที่ใช้กรีดลากนั้นเอง ซึ่งมีชนิดนี้มักทำมาจากงาช้างกำจัด คืองาช้างที่หักคาติดอยู่กับต้นไม้ อีกนัยหนึ่งมีดหมอล้านนา อาจหมายถึง “มีดดาบสรีกัญไชย” ซึ่งมีลักษณะที่แบ่งมีดดาบสรีกัญไชยตามขนาดดังนี้
    ดาบขนาด ๑ กำมือ แทนคุณครูบาอาจารย์ ซึ่งมีขนาดเท่ากับ “มีดครู”
    ดาบขนาด ๓ กำมือ แทนคุณพระรัตนตรัยทั้งสามประการ
    ดาบขนาด ๕ กำมือ แทนคุณพระพุทธเจ้าห้าพระองค์
    ดาบขนาด ๙ กำมือ แทนคุณพระเจ้าทั้งหลาย คุณเทพ คุณอินทร์ คุณพรหมทุกๆ องค์ ทั่วทั้งจักรวาล มีดหมอ ก็มีอยู่หลายชนิดและหลายวัสดุที่ทำมาทำ มักมีการตั้งชื่อให้ตามส่วนประกอบ เช่น มีดดาบสรีกัญไชยทำตามตำราดาบสรีกัญไชย มีดหมอโสฬสทำตามตำราโสฬสหรือ โสฬสสะระตะ ดาบฟ้าฟื้นตามตำรามหาศาตราคม เป็นต้น มีดหมอเป็นมีดที่มีไว้ปราบภูตผีปิศาจ ทำด้วยเหล็ก กว้างประมาณ ๕ เซนติเมตร ยาวประมาณ ๑๐ เซนติเมตร มีดหมอเป็นของใช้ประจำตัวของหมอพื้นบ้านแต่ละคนเชื่อกันว่า เมื่อคนถูกผีเข้าหมอผีจะใช้มีดหมอในการทำพิธีขับไล่ผีที่สิงอยู่ในตัวคน โดยการเสกเป่าคาถาเป่าเสก แล้วใช้มีดกรีดตามตัวคนที่ถูกผีเข้าสิง จะทำให้ผีร้ายที่สิงอยู่ออกไปจากตัวผู้เคราะห์ร้าย ในกรณีที่หมอผู้ทำพิธีไม่มีมีดหมอแล้ว ก็อาจใช้งาช้างกำจัด คืองาช้างที่หักคาติดอยู่กับต้นไม้ เป็นต้น หรือ งาช้างที่ทำพิธีแล้วมาแทนมีดหมอ ยิ่งไปกว่านั้นหมอที่ไม่ใช้มีดหมอหรืองาช้าง ก็จะใช้ไพลที่ชาวล้านนาเรียกว่า พูเลย แทน และว่ากันว่าหมอบางคนเห็นว่าผู้ป่วยหรือผู้เข้ารับการทำพิธีเป็นหญิงที่มีลักษณะถูกใจ ก็จะใช้พูเลยสั้นคือแง่งไพลที่มีขนาดเล็กสั้นกรีดไปตามตำแหน่งที่หมายตา พร้อมกันนั้นก็ถือโอกาสลูบคลำตัวผู้หญิงนั้นไปด้วย หมอดังกล่าวจะถูกเรียกว่า พ่อเลี้ยงพูเลยสั้น มีดหมอ หรือ มีดพระพุทธคีเนศร์ ก็ว่า เป็นมีดของหมอไสยาศาสตร์ผู้ประกอบพิธี หมอถือว่าเป็นตัวแทนของครูหมอ และใช้งานในการประกอบพิธีต่างๆ เช่น พิธีชาเรือน พิธีสะเดาะเคราะห์ เป็นต้น ลักษณะเป็ฯมีดเหน็บปลายแหลมยาวประมาณ 1 ฟุต (รวมทั้งด้าม) มีฝักทำด้วยไม้สำหรับสวมเพื่อสะดวกในการใช้เหน็บที่สะเอวแล้วนำไปใช้ต่างสถานที่และป้องกันไม่ให้บาดผู้ใช้ได้ง่ายด้วย ด้ามของมืดทำด้วยไม้และแกะสลักเป็นรูปพระพิฆเนศวรนั่งคุกเข่าหันหน้าไปทางคมของมีดและมีรูปเทพนมที่บางคนเรียกว่า พุทธคีนา ยืนหันหลังติดอยู่กับพระพิฆเนศวร โลหะที่ใช้ตีมีดชนิดนี้ นิยมใช้โลหะตามตำราสร้างพระพุทธรูปผสมกัน คือ เหล็ก ปรอท ทองแดง เงิน และทองคำ เรียกว่า เบญจโลหะ หรือถ้าเพิ่มเติมเข้าไปอีกสองชนิด คือ จ้าว (ย่อมาจาก “จ้าวน้ำเงิน” ซึ่งเป็นแร่ชนิดหนึ่งที่มีสีเขียวสีน้ำเงิน) และ สังกะสีเรียกว่า “สัตตโลหะ” หรือภ้าเพิ่มเข้าไปอีก 2 ชนิด คือ ชิน และ บริสุทธิ์ (ทองแดงบริสุทธิ์) เรียกว่า “นวโลหะ” ทั้งนี้ถือว่าถ้ายิ่งโลหะผสมมาก มีดหมอก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มาก หรือถ้าหารโลหะอื่นมาไม่ครบตามตำราก็อาจจะใช้เหล็กที่มีอาถรรพ์เช่น เหล็กจากยอดเจดีย์หัก สันมีดหร้าหัก และตะปูที่ใช่ตอกโลงศพมาแล้ว เป็นต้น ประโยชน์ของมีดหมอ ใช้วางเป็นเครื่องบูชาคล้ายเป็นตัวแทนของพ่อครู และใช้ในการตัดสายสิญจน์ใบคา ตัดใบมะพร้าวเป็นรูปฉัตร ๕ ชั้น ใช้ในพิธีชาเรือน และอาจใช้พกเป็นอาวุธได้ด้วย

    คัมภีร์มหาศาสตราคม
    จากเรื่องขุนช้างขุนแผน บอกถึงส่วนประกอบต่างๆที่ใช้ทำดาบฟ้าฟื้น ดังกลอนที่จะกล่าวต่อไปนี้
    ครานั้นขุนแผนแสนสนิท เรืองฤทธิ์รังสีไม่มีสอง
    ได้ลูกชายเชี่ยวชาญกุมารทอง ก็สมปองคิดไว้แต่ไรมา
    จะจัดแจงตีดาบไว้ปราบศึก ตรองตรึกหาเหล็กไว้หนักหนา
    ได้เสร็จสมอารมณ์ตามตำรา ท่านวางไว้ในมหาศาสตราคม
    เอาเหล็กยอดเจดีย์มหาธาตุ ยอดปราสาททวารามาประสม
    เหล็กขนันผีพลายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
    หอกสัมฤทธิกริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตะปูเห็ด
    พร้อมเหล็กเบญจพรรณกลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
    เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกำแพงน้ำพี้ทั้งเหล็กแร่
    ทองคำสัมฤทธิ์นาคอแจ เงินที่แท้ชาติเหล็กทองแดงดง
    เอามาสุมคุมคอยเข้าเป็นแท่ง เผาให้แดงตีแผ่แช่ยาผง
    ไว้สามวันซัดเหล็กนั้นเล็กลง ยังคงแต่พอลามตามตำรา
    ซัดเหล็กครบเสร็จถึงเจ็ดครั้ง พอกระทั่งฤกษ์เข้าเสาร์สิบห้า
    ก็ตัดไม้ปลูกศาลขึ้นเพียงตา แล้วจัดหาสารพัดเครื่องบัตรพลี
    เทียนทองติดตั้งเข้าทั้งคู่ ศีรษะหมูเป็ดไก่ทั้งบายศรี
    เอาสูบทั้งตั้งไว้ในพิธี เอาถ่านที่ต้องอย่างวางในนั้น
    ช่างเหล็กดีฝีมือลือทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน
    วางสายสิญจน์เสกลงเลขยันต์ คนสำคัญคอยดูที่ฤกษ์ราชสีห์
    ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย
    ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวถึงศอกกำมาหน้าลูกไก่
    เผาซุบสานแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับ
    งามดีมิได้มีขนแมวพาด เลื่อมปราดเนื้อเขียวดูคมหนับ
    เลื่อมพรายคล้ายแสงแมลงทับ เปล่งปลาบวาบวับคล้ายแสงตะวัน
    ด้ามนั้นทำด้วยไม้ชัยพฤกษ์ จารึกยันต์พุทธจักรที่เหล็กกั่น
    เอาผมพรายร้ายดุประจุพลัน แล้วเอาชันกรอกด้ามเสียบัดดล
    ครั้นเสร็จสรรพจับแกว่งแสงวะวับ เกิดโกลาฟ้าพยับโพยมหน
    เสียงอื้ออึงเอิกเกริกได้ฤกษ์บน ฟ้าคำรณฝนพยับอยู่ครั่นครื้น
    ฟ้าผ่าเปรี้ยงเปรี้ยงเสียงโด่งดัง ขุนแผนจิตฟูให้ชูชื่น
    ได้นิมิตฟ้าเปรี้ยงดังเสียงปืน ให้ชื่อว่าฟ้าฟื้นอันเกรียงไกร
    ยกขึ้นวางกลางศาลอ่านพระเวท โดยเดชดาบดิ้นกระเดื่องไหว
    เห็นประจักษ์ศักดิ์สิทธิ์ฤทธิไกร ดีใจได้สมอารมณ์ปอง
    เอาไม้ระงับสรรพยามาทำฝัก ประสมผงลงรักให้ผิวผ่อง
    กาบหุ้มต้นปลายลายจำลอง ทำด้วยทองถ้วนบาทชาติบางตะพาน
    คัมภีร์มหาศาสตราคม หาเหล็กสําหรับทํามีดตามที่ระบุไว้ ในคัมภีร์มหาศาสตราคมมาจนครบถ้วนคือ
    เอาเหล็กยอดพระเจดีย์มหาธาตุ ยอดประสาททวารามาประสม
    เหล็กขนันผีพรายตายทั้งกลม เหล็กตรึงโลงตรึงปั้นลมสลักเพชร
    หอกสําฤทธิ์กริชทองแดงพระแสงหัก เหล็กปฏักสลักประตูตาปูเห็ด
    พร้อมเหล็กเบญจพรรณกัลเม็ด เหล็กบ้านพร้อมเสร็จทุกสิ่งแท้
    เอาเหล็กไหลเหล็กหล่อบ่อพระแสง เหล็กกําแพงนําพี้ทั้งเหล็กแร่
    ทองคําสําฤทธิ์นากอะแจ เงินที่แท้ธาตุเหล็กทองแดงคง
    ยังได้รวมด้วยเหล็กสารพัดบิ่น สารพัดหักอีกร้อยแปดชนิดมาร่วมด้วย เมื่อได้เหล็กมาพร้อมแล้ว จึงตั้งมณฑลพิธีล้อมด้วยราชวัฏฉัตรธงทั้ง๔ มุม ตรงกลางตั้งพิธีดาดด้วยผ้าขาว ลงยันต์เพดานทั้งหน้าหลัง แล้วหาเครื่องกระยาสังเวย สําหรับบูชาเทพยดาอารักษ์และครูบาอาจารย์ผู้ประสิทธิ์ประสาท อันประกอบด้วยมัจฉะมังษาหาร ๖ ประการ พร้อมเครื่องกระยาบวช ขนมแห้ง ขนมหวานอีกผลไม้ ๙ อย่าง เทียนเงินเทียนทองหนัก ๔ บาท ๑ คู่ เมื่อได้วันดีคือวันเสาร์ขึ้น ๑๕ คํา จึงบูชาครูบาอาจารย์และเทพยดาฟ้าดิน จึงเริ่มพิธีตีดาบขึ้นทันที
    เอาสูบทั่งตั้งไว้ในพิธี เอาถ่านที่ต้องย่างวางในนั้น ช่างเหล็กมีฝีมือลือทั้งกรุง ผ้าขาวนุ่งผ้าขาวห่มดูคมสัน วงสายสิญจ์เศกลงเลขยันต์ คนสําคัญคอยดูซึ่งฤกษ์ดี ครั้นได้พิชัยฤกษ์ราชฤทธิ์ พระอาทิตย์เที่ยงฤกษ์ราชสีห์ ขุนแผนสูบเหล็กให้แดงดี นายช่างตีรีดรูปให้เรียวปลาย ที่ตรงกลางกว้างงามสามนิ้วกึ่ง ยาวหนึ่งศอกกํามาหน้าลูกไก่ เผาชุบสามแดงแทงตะไบ บัดเดี๋ยวใจเกลี้ยงพลันเป็นมันยับแล้ว
    ลงกั่นดาบข้างแบน ด้วยคาถาบารมีพระพุทธเจ้าคือ
    อายันตุโภนโต อิธะทานะ สีละเนกขัมมะ ปัญญา สะหะวิริยะขันติ
    สัจจาธิฎฐานะเมตตุเปกขา ยุทธายะโว คัณหะถะอาวุธานิ
    ลงกั่นดาบด้านสัน ด้วยพระคาถาหัวใจพระยาสมาสดังนี้
    นานามุสะระ หะระ บัพพะตะคะรุ กะลิงคะระ
    สะระธนู คะทาสิโต มาระหัตถา มาระคะนา
    เอาทองแดงที่ใช้สําหรับห่อหุ้มกั่นดาบมาลงถมด้วยพระคาถา นวหรคุณ ๑๐๘ คาบ
    อะสังวิสุโลปุสะพุภะ
    แล้วลงถมด้วยพระคาถาต่างอีก พระคาถาพุทธนิมิตร์ ลงถม ๙ คาบ
    พุทธัสสะ อิธิพุทธัสสะ พุทธะนิมิตตัง ปฏิมานะพุทโธ
    ธาตุพุทโธ นิมิตตะพุทโธ กายะพุทโธ สูญญะพุทโธ
    เอคะตานัง กายะรูปะสูญยัง พุทธะนิมิตตัง อิทธิฤทธิ์พุทธะ
    นิมิตตังลงถมอีก ๙ คาบด้วยคาถา
    อะสิ สัตติ ธนูเจวะ สัพเพ เต อาวุทธานิ จะ
    ภัคคะภัคคา วิจุณณานิ โลมังมาเมนะผุสสันติ
    ตามด้วยคาถาพรหมสี่หน้าลงถมอีก ๙ คาบ ว่า
    สหัสสะสีเส ปิเจโปโส สีเสสีเส สะตังมุกขา มุกเข มุกเข
    สะตังชิวหา ชีวะกัปโป มหิทธิโก นะสักโกติ จะวัณเณตุง
    ตามด้วยคาถาลงถมอีก ๙ คาบ บารมี ๓๐ ทัศน์ ว่า
    อิติปารมิตาติงสา อิติสัพพัญญูมาคะตา
    อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
    ลงถมด้วยคาถามงกุฏพระพุทธเจ้า ๙ คาบ ว่า
    อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ
    อิเมนาพุทธะตังโสอิอิโสตังพุทธะปิติอิ
    และตามด้วยอรหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบ ว่า
    อิระชาคะตะระสา ติหังจะโตโรถินัง
    ปิสัมระโลปุสัตพุท โสมาณะกะริถาโธ
    ภะสัมสัมวิสะเทภะ คะพุทปันทูทัมวะคะ
    วาโธโนอะมะมะวา อะวิสุนุสานุติ
    แล้วตามด้วย คาถา ๙ คาบ
    พุทธังกันตัง ธัมมังกันตัง สังฆังกันตัง
    พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
    แล้วลงถมตามด้วยคาถา ๙ คาบ
    นะผุด ผัดผิด ปฏิเสวามิ
    แล้วจึงลงประทับด้วยคาถานี้อีกครั้งหนึ่งว่า
    สัตถาธะนุง อากัตถิตุง ทัตวา วิสัชเชตุง นาทาสิ
    ( บทนี้เมื่อลงให้ผ่อนลมหายใจออกลงจบเดียว )
    กัณหะเนหะ หายใจเข้าพุทธังปัจจุขาด
    ธัมมังปัจจุขาด สังฆังปัจจุขาด
    ( หายใจเข้าออก สลับกันไปทีละบท )
    สําหรับแผ่นทองแดงด้านหลังนั้นลงประทับด้วยพระคาถานี้
    อะระหัง สุคะโต ภะคะวา
    ลงถม ๙ คาบแล้วตามด้วย
    นะโมพุทธายะ อิติปาระมิตาติงสา โนวะปะตานุภาเวนะ
    มาระเสนา อะติกกันตา มาระนิทรา ทัสสะปาระมิตา
    ทะมาระนิทรา ปาระชังฆานิทรา ทัสสะปาระมิตา โลหะกันตา
    นามะเตนะโม มาตาปิตุพุทธะคุณัง สัพพะสัตรูวิธังเสนตุ
    อะเสสะโต เอวังทัสสะวัณโณ ปฏิฐิตัง จักรวาฬะ
    สัพพะสัตตานุภาเวนะ มาราโมระอะติกกันตา
    ทัสสะพรหมมานุภาเวนะ สัพพะสัตรูวินาสสันติ
    เมื่อลงทองแดงห่อกั่นดาบแล้ว จึงเอาเกสร ๑๐๘ และยามุกใหญ่มาบดให้ละเอียด เพื่อบรรจุในด้าม (ยามุกใหญ่คือยาสารพะดอย่าง ) หินซึ่งใช้บดยานั้นลงด้วยพระคาถา มหาโสฬสมงคล ลงถม๙ คาบ ตามด้วยคาถาหัวใจพระธรรมเจ็ดคําภีร์๙ คาบ คาถาพรหมสี่หน้า ๙ คาบ คาถาพุทธนิมิต ๙ คาบคาถาพระเจ้า ๑๖ พระองค์ ๙ คาบคาถาอะระหันต์ ๘ ทิศ ๙ คาบคาถาบารมี ๓๐ ทัศน์ ๙ คาบ คาถาหัวใจสนธิ งะญะนะมะ ๙ คาบ คาถาพระกรณีย์ จะภะกะ๙ คาบ ขณะบดยาให้ภาวนาพระคาถานี้
    งะญะนะมะ จะภะกะสะ นะมะพะทะ
    อะระหังสุคะโตภะคะวา อิกะวิติ
    อิสวาสุ สุสวาอิ นะโมพุทธายะ
    อะสังวิสุโลปุสะพุภะ ปะติลิยะติ
    พุทธังสิทธิ ธัมมังสิทธิ สังฆังสิทธิ
    จนกว่าจะบดยาเสร็จด้ามมีดให้ใช้ไม้ ชัยพฤกษ์ แกะเป็นรูปท้าวเวสสุวรรณ เขียนคาถาเป็นตัวเลข ลงที่องค์ท่าน
    ลงเลข ๓ ตรีนิสิงเหที่ปากท้าวเวสสุวรรณ ว่าด้วยสูตรคือ
    มะอะอุตรีนิสิงเห
    ลงเลข ๗ ที่ตาทั้งสองของท่านว่าสูตร
    สะธะวิปิปะสะอุสัตตะนาเค
    ลงเลข ๕ ที่อกของท่านว่า
    อาปามะจุปะปัญจะเพชรฉลูกัญเจวะ
    ลงเลข ๔ ที่หัวไหล่ทั้งสองของท่านว่า
    นะมะพะทะจัตตุเทวา
    ลงเลข ๖ ที่ขาทั้งสองของท่านว่า
    อิสวาสุฉอวัชชะราชา
    ลงเลข ๕ ที่ด้านหลังท่านว่า
    ทีมะสังอังขุปัญจะ อินทรานะเมวะจะ
    ลงเลข ๑ ที่ตาตุ่มทั้งสองข้างว่า
    มิเอกะยักขา
    ลงเลข ๙ ที่ศรีษะท่านว่า
    อะสังวิสุโลปุสะพุภะนวะเทวา
    ลงเลข ๕ ที่แขนซ้ายว่า
    สหะชะตะตรีปัญจะพรหมาสะหะบดี
    ลงเลข ๕ ที่แขนขวาว่า
    นะโมพุทธายะ ปัญจะพุทธานะมามิหัง
    ลงเลข ๒ ที่ศอกทั้งสองข้างว่า
    พุทโธทะเวราชา
    ลงเลข ๘ ที่สะโพกทั้งสองข้างว่า
    เสพุเสวะเสตะอะเส อัฏฐะอะระหันตา
    ใช้พระคาถาท้าวเวสสุวรรณลงด้ามมีดให้ทั่วว่า
    เวสสุวรรโณมหาราชา สัพเพเทวาเสเจวะ
    อาฬะวะกาทะโย ปิจะขัคคัง ตาละปัตตัง
    ทิสวา สัพเพยักขา ปะลายันติ
    เวสสุวรรโณมหาราชา จัตตุโลกะปาลายัสสะสิโน
    อิติภูตา มหาภูตา สัพเพยักขาปะลายันติ
    ลงกระบองท้าวเวสสุวรรณด้วย
    นะโมพุทธายะ
    จบคัมภีร์มหาศาสตราคม

    ถ้าไม่สร้างมีดหมอขึ้นมาเอง ก็เลือกหาบูชาเอาจากเกจิอาจารย์ท่านต่างๆ ซึ่งเมื่อเลือกมีดที่ถูกใจได้แล้วให้หันปลายมีดออกจากตัว แล้วใช้หัวแม่โป้งข้างขวาวางลงที่คมมีด “ศรีวิชัย ภัยนิรันดร์ สุพรรณลาภ ปราบนคร จรประสิทธิ์ ฤทธิเดช วิเศษสมบัติ พลัดบ้านเมือง เลื่องลือยศ” หนึ่งนิ้วหัวแม่มือให้ท่องคาถาหนึ่งคำ จากคาถา ๙ คำนี้ แล้วนิ้วหัวแม่มือสุดปลายมีดในคำไหนให้พิจารณาตามความหมายถึงความหมายดีก็เก็บไว้ แต่คถ้าวามหมายไม่ดี แม้มีดจะสวยงามเพียงใดไม่ควรจะเก็บไว้ ความหมายของคำในคาถาทั้งหมดว่าดังนี้
    ๑. ศรีวิชัย เป็นอาวุธคู่บารมี ชนะในทุกที่
    ๒. ภัยนิรันดร์ พาเจ้าของเดือดร้อนตลอดเวลา
    ๓. สุพรรณลาภ จะได้แก้วแหวนเงินทอง
    ๔. ปราบนคร จะได้บ้านเมืองมาเป็นข้าขอบขัณฑสีมา
    ๕. จรประสิทธิ์ ไปไหนก็พบกับความสำเร็จทุกที่
    ๖. ฤทธิเดช เป็นมหาอำนาจ ศัตรูคร้ามเกรง
    ๗. วิเศษสมบัติ จะร่ำรวยมหาศาล
    ๘. พลัดบ้านเมือง จะตกระกำลำบาก พลัดบ้านพลัดเมือง
    ๙. เลื่องลือยศ จะมีชื่อเสียงเกียรติคุณขจรขจาย
    บางตำราก็จะนับว่า คุก ตาราง ขุนนาง พระยาหากปลายตกที่พระยาถือว่าเป็นยอดศาสตราคมหรือปลายตกขุนนางก็ดี หากตกคุกหรือตารางจะไม่นำมีดเล่มนั้นไปใช้เลย

    ปล. มีดหมอของดีจริงไม่จริง ดูจากตรงไหน ถ้าหากว่ามีดหมอด้ามนั้นดีจริง ใครที่มีไว้ครอบครองคงไม่ปล่อยให้หลุดมือไปเป็นของคนอื่นหรอกนะครับ ใครเขาคงอยากเก็บไว้มากว่า
    ข้อมูลจาก๙มนตรา
     
  2. กิ่งสน

    กิ่งสน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +2,327
    ตามมาอ่านเรื่องนี้เพราะสมัยเป็นนักศึกษาเคยช่วยอาจารย์ท่านหนึ่งทำวิจัยเกี่ยวกับเรื่องขุนช้างขุนแผนรวมถึงเรื่องของดีของวิเศษของขุนแผนด้วย คือ กุมารทอง ดาบฟ้าฟื้น ม้าสีหมอก รวมถึงพรายกระซิบ เมื่อมีข่าวผู้แอบอ้างว่าทำตามตำราขุนแผนจึงเชื่อถือมิได้เพราะสามารถเทียบเคียงเมื่อถอดคำประพันธ์แล้วจะได้วิธีการของขุนแผน ซึ่งวรรณคดีเรื่องนี้ตกถอดมาจากสมัยอยุธยาแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...