เล่าประสบการณ์สมาธิ

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย pinit417, 26 กรกฎาคม 2017.

  1. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    เห็นบอร์ดช่วงนี้เงียบๆ เลยขอเล่าประสบการณ์สมาธิที่พึ่งประสพ..เพื่อความเพลิดเพลิน อ่านสนุกๆ..

    คือปกติแล้วเวลาผมนอน ผมก็จะกำหนดสมาธิไปด้วย พุทโธ พุทโธ จนหลับไปเลย ซึ่งผมสังเกตุเห็นมาหลายครั้งแล้วว่า เวลาตอนจะหลับจริงๆนั้น พุทโธจะขาดไป แล้วภาพจะขึ้นมาแทน ภาพในที่นี้ผมขอเรียกว่าฝันนั่นเอง.. ก่อนที่ภาพจะขึ้นมานั้น ย่อมมีแสงเกิดขึ้นก่อนเสมอ.. เหมือนเวลาเราเปิดทีวี แสงมาก่อนแล้วภาพค่อยตามมา... พอภาพมา ผมก็หลับโดยสมบูรณ์ 55.. ซึ่งในระหว่างที่ฝันก็มีบ้างที่ พุทโธจะผุดขึ้นมา ทำให้รู้สึกตัวในขณะนึงสั้นๆ แต่เนื่องจากง่วง กำลังสติน้อย ก็จะหลับต่อไปอย่างรวดเร็ว..

    แต่หลังๆมานี่เจอประสบการณ์ใหม่คือ.. ระหว่างนอนทำสมาธิ ในช่วงที่พุทโธจะขาดไป ภาพจะโผล่ขึ้นมา... ในขณะที่แสงมาก่อนภาพนั้น.. พุทโธที่กำลังจะขาดไป กลับเด่นชัดขึ้นมา ทำให้แสงก็มา พุทโธที่มีสติกำกับก็ยังอยู่ พอเป็นอย่างนี้ปุ๊บ ภาพ(ฝัน)ที่ควรจะตามมาหลังแสงนั้นก็ไม่ปรากฏ...และแสงก็ยังค้างเติ่งอยู่แบบนั้น แต่ความสว่างลดลง.. ความรู้สึกนอกเหนือจากนั้นผมก็อธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก เรียกไม่ถูก มันเหมือนมีพลังงานคั่นค้างอยู่กับแสงนั้น และก็ไม่ยอมหายไปคือมันอยู่กับแสงนั้น... ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น ผมก็ยังกำหนดพุทโธอยู่ตลอด.. ไม่รู้ว่านานขนาดไหน แต่พอแสงหายไปสภาพกลับมาเหมือนเดิม ผมก็มาสำรวจตัวเองว่ามีกำลังสติอยู่ไหม รู้สึกตัวดีอยู่ไหม...ซึ่งก็มีอยู่ จึงสรุปได้ว่า ผมไม่ได้ฝันไป
     
  2. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    ผมเคยเพลิดเพลินกับพลังงานครับ บ้าไปพักนึง ตอนนี้กำลังสนุกกับคลื่นอารมณ์ที่มากระทบครับ
     
  3. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    เล่นเวปไปด้วย ภาวนาไปด้วย หาข้อมูลไปด้วย
    ยุคนี้สะดวกครับ

    ก็ไม่ได้ใช้คำภาวนา พุทโธนะครับ เรากำหนดภาวนาดูลมเข้าออก
    แต่ผลก็คล้ายกัน คือ มันจะสว่างในเวลาหลับ(เคยเป็นบ่อยตอนเริ่มภาวนาใหม่ๆ)
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ดีเหมือนกันครับ ช่วงนี้เงียบๆอยู่
    แล้วต่อจากนั้นหละครับ
    ผ่านตรงนี้ไปอย่างไร
    แล้วมันส่งผลอะไรกับเราบ้าง
    ในชีวิตประจำวัน
    หรือส่งผลอะไรกับตัวจิตเราบ้างไหม
    หรือว่า ยังอยู่ในช่วงนักปฏิบัต
    สายฮาเน้นบันเทิงอยู่ครับ
     
  5. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    โทษทีครับไม่ได้ตอบเลย ช่วงที่ผ่านมาไม่ค่อยได้มีโอกาสเข้าบอร์ด..
    คือจริงๆพอเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผมก็ไม่ได้ทำอะไรต่างไปจากปกตินะครับ คือ สติกำกับจิตให้อยู่กับคำภาวนา จนสภาวะนั้นผ่านพ้นไปเอง ไม่ได้พยายามให้มันมีต่อ หรือ พยายามให้มันหมดไป...

    ส่วนในชีวิตประจำวัน ผมก็ยังคงต้องระแวดระวัง จิตผมอยู่สม่ำเสมอ ผมรู้สึกว่า ตากับจิตนี่มันทำงานสัมพันธ์กันจริง... ตาเห็นรูปปุ๊บ จิตก็ทำงานทันที เร็วกว่าสมองอีก
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ประสบการณ์ในความหมายของส่วนตัวนะครับ
    จะเข้าใจว่า ๑.ผลที่ได้หรือผลที่เกิดจากการทำสมาธิระดับนั้นๆครับ
    เช่น จิตเราการรับรู้นามธรรมดีขึ้นไหม เห็นกิเลสชัดขึ้นไหม
    เดินปัญญาได้ง่ายๆขึ้นไหม ช่วยให้เดินปัญญาต่อยอดได้ไหม
    ช่วยหนุนยกระดับกำลังกรรมฐานกองนั้นได้ไหม ฯลฯ
    พูดง่ายๆ มันส่งผลทางด้านนามธรรมอะไรกับตัวจิตบ้าง พอเข้าใจนะครับ

    แต่ถ้าเป็น ๒.กิริยาระหว่างทางที่เกิด ก่อนจะสำเร็จกรรมฐาน
    กองนั้นๆในระดับใช้งานได้แล้วในชีวิตประจำวัน จะมองว่า
    เป็นประสบการณ์ในระหว่างการฝึกกรรมฐานกองนั้นๆ
    ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร เพราะส่วนมากผู้นำมาเล่า(ไม่ได้ว่าคุณนะ)
    มักจะยึดติด คิดว่าเป็นเรื่องพิเศษต่างๆนั้น แต่นำมาเล่าได้เพื่อเป็น
    แนวทางเพื่อมีผู้ปฏิบัติได้พบเจอ หรือท่านที่ติดขัดอยู่ จะได้ไม่มัวไปยึด
    ไปติตและเดินหน้าต่อถึงระดับผลสำเร็จที่ใช้งานได้จริง
    จากกรรมฐานกองที่กำลังฝึกอยู่ได้ครับ

    ของคุณ คือ ประสบการณ์ในการฝึกที่ส่งผลให้เกิดการพัฒนากับตัวจิต(จากที่คุณเขียนนะ)
    แต่ถ้าปัจจุบัน เราไม่มีการต่อยอดอะไร หรือไม่ได้สนใจว่า มันจะไปอะไรยังต่อได้
    ส่วนตัวก็จะใช้คำว่า สายฮาสายบันเทิงอยู่นั่นหละครับ พอเข้าใจเนาะ...(^_^)
    สรุปคือ ส่งผลกับตัวจิตทางด้านนามธรรมบ้างในเรื่องการรับรู้ การทำงานที่เร็วขึ้น
    และก็ยังสายฮาสายบันเทิงอยู่นั่นหละครับ
     
  7. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    หนทางข้างหน้าอีกยาวครับ

    ประโยชน์ของคำบริกรรมมีมาก

    มันช่วยคุ้มครองจิต

    เพราะจิตมันชอบปรุงแต่ง ทั้งภาพ และเสียง หลอกเจ้าของเอง
     
  8. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    เป็นความเห็นที่น่าสนใจมากเลยครับ
    ถ้าผมอยากจะต่อยอดนิผมควรปฏิบัติยังไงครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    จริงๆบอกไปแล้วก่อนหน้านี้แล้วครับ
    ลองย้อนดูข้อความที่ผมเคยคุยกับคุณ
    ที่ใช้คำว่าสมมุติถ้าอยากพัฒนาต่อ
    เพียงแต่ตอนนั้นคุณอ่านแล้วยัง
    ไม่นึกสกิดใจเฉยๆครับ
     
  10. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับ จำได้คร่าวๆถ้าจำไม่ผิด คุณนพเคยบอกว่าควรฝึกสติ+สมาธิ ระหว่างวันให้มากขึ้น ครั้งละไม่ต้องนาน แต่ทำให้บ่อย ประมาณนั้นใช่ไหมครับ

    แต่กระทู้ไหนผมจำไม่ได้แล้วล่ะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 กรกฎาคม 2017
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ประมาณนั้นครับ แต่ยังไม่หมดครับ
    ที่บอกไปประมาณนี้นะครับ

    สติให้ต่อเนื่องขึ้น โดยเฉพาะช่วงที่เรา
    ทำอะไรบ่อยๆเป็นปกติที่เรามักจะลืม
    เช่น เดินไปเข้าห้องน้ำ ไปทานข้าว ที่ส่วนตัวเรียก
    ช่วงเอี่ยว ส่วนสมาธิสะสมเล็กๆน้อยๆมันจะได้
    มาของมันเอง จากความต่อเนื่องของการเจริญสติ
    ในชีวิตประจำวันนั่นหละครับ
    ถ้าเคลื่อนไหวให้นับก้าวเดิน ถ้านิ่งๆให้ระลึกรู้ลม
    เข้าและออกที่ปลายจมูก หายใจให้ลึกถึงท้องแต่
    ไม่ต้องตามลม แต่ถ้าช่วงไหนที่เริ่มมีความคิดผุด
    ก็ให้นับนิ้วแทน หรือเปลี่ยนมานับการเคลื่อนไหว
    ร่างกายแทน ซึ่งความคิดผุดต่อไปต้องเจอแน่นอน
    ครับ.. 99 % ครับ
    ส่วนสมาธินั้น ห้ามไปแช่ ไปอยากทำให้อยู่
    ในสภาวะนั้นๆให้มันนานครับ
    คือถ้าเข้าได้แล้ว ให้ระลึกสติออกมา
    แต่อย่าลืมตา แล้วก็กลับเข้าไปใหม่
    และก็กลับเข้าไปใหม่ และเข้าๆออกๆอย่างนี้
    ให้บ่อยๆที่สุดเท่าที่จะบ่อยได้
    เอาปุ๊บออกปั๊บแบบไม่ต้องลืมตาได้ยิ่งบ่อยยิ่งดี...
    เพื่อป้องกันการจมการแช่อย่างที่เป็น ณ ปัจจุบันครับ

    เด่วระดับสมาธิมันจะกระโดดไปในระดับสูง
    ได้แบบที่เราไม่รู้ตัว ได้ของมันเองครับ
    ถ้ากำลังสมาธิเรามันพอครับ

    นึกออกไหมการเข้าๆออกๆบ่อยๆ
    เหมือนการเพิ่มกำลังเครื่องยนต์
    ให้ขึ้นเขาไปได้อีก
    เมื่อก่อนเรามีกำลังอยู่ เพื่อที่จะไต่เขา
    แต่มันไปต่อไม่ได้ และเราก็เห็นเอง
    ว่าเราก็ไต่มาสูงพอสมควรแล้ว
    วิวที่เห็นก็สวยงามแล้ว แต่ว่ามันยังไม่ถึงยอดครับ
    เราก็เลยพักอยู่ระหว่าง
    ทางที่กำลังขึ้นเขานั่นเองครับ....

    ต้องทำประมาณนี้ก่อน
    ต่อไปสติมันถึงจะอัตโนมัติของมันเองครับ
    เราค่อยมาสังเกตุว่า เหตุเกิดตอนไหน
    ดับตอนไหน เกิดเพราะอะไร ดับเพราะอะไร
    มันถึงจะได้ไปทางปัญญาญานที่จะตัด
    สิ่งต่างๆภายนอกจากได้จริงครับ

    เพราะปัจจุบันผลที่ได้จากการที่เคยฝึกมา
    มันเป็นแค่เกิดเหตุปุ๊บมันตัดปั๊บ ซึ่งถือว่าดีหละครับ
    ซึ่งมันเป็นผลจากกำลังสติเดิมและปัญญาทางธรรม
    ซึ่งถ้าสังเกตุในเรื่องๆนั้นๆ อีกไม่นานเด่วมันก็กลับมาอีกครับ
    เพราะเราจะทันแต่ตอนมันเกิดและก็ดับเลย
    แต่อีกฝ่ายเรามักไม่ทันว่า มันดับตอนไหน ดับเพราะอะไร
    เกิดเพราะอะไร พอนึกภาพออกนะครับ
    ทำให้ไม่ได้ทางด้านปัญญาญาน
    ที่จะไปรู้เหตุหรือต้นตอแห่งการเกิดได้
    ซึ่งจะทำให้จิตสามารถตัดเรื่องนั้นๆ
    ได้และไม่มาเกาะที่ตัวจิตได้จริงๆครับ
    ซึ่งตรงนี้ สำคัญมากต่อการคลายตัวเองได้
    ของจิตเราในสภาวะลืมตาปกติและเป็นไป
    ตามธรรมชาติครับ

    จนกว่าเมื่อกำลังสติทางธรรมมากขึ้น
    มันถึงจะเริ่มมาสังเกตุว่า ดับตอนไหน(ปกติเกิดปุ๊บตัดปั๊บ)
    แต่ไม่ทันว่า เกิดเพราะอะไร ดับเพราะอะไร
    ไอ้ช่วง ที่นิ่งๆ แล้วมันดับไป ช่วงนี้ถ้าเราสังเกตุ
    ทันได้บ่อยๆ สติทางธรรมจะเพิ่มได้ของมันเอง
    และจะกลายเป็นสติอัตโนมัติได้ของมันเองครับ
    และการรู้ว่าเกิดเพราะอะไร ดับเพราะอะไร
    ก็จะได้ปัญญาญานที่จะเข้าเหตุและผลของการเกิด
    ได้ของมันเอง ตามลำดับในอนาคตของมันเองครับ

    ปล.ค่อยๆเป็นค่อยๆไปครับ
    ส่วนเรื่องความเข้าใจทางด้านนามธรรมต่างๆ
    (รวมทั้งสัมผัส การรับรู้อะไรทุกอย่างทางนามธรรม)
    มันก็จะดีขึ้นของมันได้ของมันเอง.....
    และผลของการที่จิตคลายตัวเองในชีวิประจำวัน
    ได้ของมันโดยธรรมเองนั้น ก็จะส่งผลต่อ
    การรับรู้และความสามารถทำอะไรๆพิเศษ
    ได้ของมันเอง ตามแต่เนื้อหาเดิมแท้ของจิตเราครับ
    พูดง่ายๆว่า มันจะค่อยๆขึ้นมาเองตามแต่ที่จิต
    เรามันเคยสร้างสะสมมา โดยที่ไม่ต้องไปเกงกล้าม
    ฝึกอะไรให้เมื่อยตุ้ม ประกันได้ครับ

    ปล. แค่เพียงแต่เล่าให้ฟังครับ
     
  12. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    อยากก้าวหน้าต่อ ลองอ่านประวัติการภาวนาครูอาจารย์
    สายพุทโธดูครับ เช่นประวัติหลวงปู่มั่น หลวงตา สายพุทโธท่านอื่นที่เราชอบ

    จะได้เห็นแนวทางการภาวนา จะได้นำมาประยุกต์เข้ากับจริตตัวเอง
    (คนเราจริตนิสัยไม่เหมือนกัน เรียนแบบกันไม่ได้)
    ขึ้นอยู่วาสนาบารมีของเจ้าของด้วย

    งานภาวนาก๊เหมือนงานทางโลก ต้องอาศัยความเพียร อดทน เรียนรู้ไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 กรกฎาคม 2017
  13. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    มีที่น่าสนใจจะแนะนำบ้างไหมครับ
     
  14. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับวิธีระลึกสติระหว่างวันเป็นคำแนะนำที่ดีครับ..
    แต่การที่ไม่แช่อยู่ในสมาธินิ ผมยังไม่ค่อยเข้าใจว่าผมจะทำยังไงและจะทำได้ไหม ซึ่งผมก็เข้าใจนะครับว่าการจะให้อธิบายวิธีมาเป็นคำพูดนี้ยาก แต่ก็อยากให้อธิบายนะ...
    อย่างในกรณีที่เกิดไม่นานนี้ ผมนั่งแล้วสภาพภายนอกเหมือนคนหลับ คือหัวเหมือนมีการผงกลงมาเบาๆ ไม่ใช่สัปหงกลงมาแรงๆนะ แต่ตอนที่เป็นเป็นนี่รู้ตัวดีอยู่ รู้ก่อนที่จะเป็น รู้ว่ากำลังเป็น และรู้หลังจากที่เป็นแล้ว... แฟนเห็นก็ว่าผมหลับ 55 แถมถ่ายคลิปมาเป็นหลักฐานอีก 55 กำเลยไม่เถียง ปล่อยเป็นเรื่องฮาไป 55

    ตอนหลังมานั่ง...ก็เลยมาสังเกตุตัวเองว่าหลับหรือไม่ในตอนที่เป็น ซึ่งการรับรู้ดีอยู่ รู้ว่าจะเป็น รู้ว่ากำลังเป็น และรู้ว่าเป็นแล้ว พอเสร็จก็แถมถามตัวเองอีกว่า หลับหรือเปล่า ก็รู้ตัวดีว่าไม่หลับ.. แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอาการภายนอกทำไมเหมือนคนหลับอยู่
     
  15. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    แสดงว่าอ่านเยอะแล้ว นั้นก็ดูสภาวะของจริงในจิตของตน



    ก็แค่แวะมาคุยเล่นนะครับ ทักทายกัน
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    ก็อาการที่เล่ามามันเกิดจากผลของการไปแช่อยู่ในสมาธินั่นหละครับ
    แช่คืออยู่นานๆ ไม่ไปไหนต่อ ไปพัฒนาต่อ ซึ่ง
    ทำให้มันไปต่อไม่ได้นั่นหละครับ ไม่แช่ ไม่จมมันจะสัปหงกได้ยังไงหละครับ

    เพราะไอ้สมาธิระดับปฐมฌานเนี่ย
    คลื่นสมองมันจะอยู่ในช่วงคลื่นที่เรานอนหลับครับ
    ซึ่งปกติเราไม่ได้มีกำลังสมาธิสะสมที่จะยกระดับสมาธิต่อจากนี้ได้
    ถ้าต่อได้ ก็คือ จะต้องเห็นตัวเอง ค่อยๆลุกออกมา และเห็นอีกตัวนั่ง
    สมาธิหรือนอนอยู่ ในสภาพแวดล้อมปัจจุบันนั่นหละครับ

    อาการจมหรือแช่ มันมีแต่จะตก มันเหมือนเครื่องยนต์
    ที่ทำงานตลอดเวลา หรือเหมือนเราวิ่งอยู่ตลอดเวลานั่นหละครับ
    พอตกจากปฐมฌาน
    มันก็มีอุปจาสมาธิ ซึ่งสภาวะนี้ การรับรู้ทางนามธรรม
    มันก็มีของมันเป็นปกติอยู่แล้ว
    ซึ่งแม้คนไม่ฝึกสมาธิมา ถ้านอนหลับไป
    มันก็จะมีอาการแบบนี้ได้เป็นปกติ
    และสัมผัสนามธรรมได้ปกติเหมือนกับ
    ที่คุณเป็นเหมือนกันนี่หละครับ
    ถึงได้บอกว่า อย่าไปพยายาม
    หรือรักษาสภาวะนี้ไว้ เพราะมันจะขวางการยกพัฒนาสมาธิเรา
    อย่างไม่รู้ตัวไงครับ


    ถึงบอกว่า ให้ระลึกรู้ตัวแล้วออกมาแต่อย่าลืมตา
    และให้กลับเข้าไปอีก พอเป็นอีก ก็ระลึกรู้ตัวและออกมา
    แต่อย่าลืมตา มันถึงจะผ่านไปได้ ยังไงหละครับ
    พอจะเข้าใจที่พูดบ้างหรือยังครับ

    และความเข้าใจ ทางด้านนามธรรม ดังคำพูดคุณข้างล่างนี้

    '' ก็รู้ตัวดีว่าไม่หลับ.. แต่ก็ไม่เข้าใจว่าอาการภายนอกทำไมเหมือนคนหลับอยู่''
    มันขึ้นอยู่กับกำลังสติทางธรรม ถึงได้บอกว่า ให้ไปเจริญสติ
    ให้มันต่อเนื่องเพิ่มขึ้น เพราะว่า เราจะเข้าใจได้ของเราเอง
    ด้วยตัวเราเองครับ

    ปล.พอจะเกทเพิ่มขึ้นบ้างหรือยังครับ
    ตรงๆ เราควรเสริมสิ่งที่เราขาดครับ

    และจำเอาไว้ว่า ถ้าจิตเราในเวลาลืมตาปกติ
    ยังไม่มีความสามารถ ทำอะไรพิเศษได้เป็นปกติ(คงเข้าใจนัยยะนี้นะ)
    อย่าคิดว่า สิ่งที่จิตตนรับรู้ได้ตอนนี้มันเป็นผลวิเศษอะไร
    เพราะมันจะทำให้เราติดขัดอยู่แค่นั้น
    และจิตมันจะสร้างให้เราอยู่ในสัมผัสเล๊กๆน้อยตรงนี้
    ทำให้ไม่สนเรื่องการต่อยอด
    เรื่องสติและเรื่องปัญญาเพื่อลดละกิเลสต่อครับ


    การที่มาแนะ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่คุณจะเข้าใจได้เลย
    เพราะการสร้างสติทางธรรมและสมาธิสะสมคุณยังไม่พอ
    นอกจากคุณจะผ่านสภาวะนี้มาก่อนแล้ว
    คุณมาอ่านคุณถึงจะเข้าใจได้

    ดังนั้น ควรอ่านๆดีๆ และลองไปปฏิบัติดูก่อน
    ถ้ามีเพียงพอแล้ว มันจะอ๋ออออออออออ ได้เอง
    และก็จะได้ไม่ต้อง มาบ่นอะไร ที่เป็นการ
    ประจานถึงผลการปฏิบัติตัวเองแบบนี้ครับ...
    พอเข้าใจเนาะ
    ที่พูดมาเนี่ย ไม่ได้ว่านะ แต่พูดแบบตรงๆ
     
  17. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ขอบคุณที่อธิบายเพิ่มเติมนะครับ
    ส่วนที่มาเล่าประสบการณ์ให้คนอื่นอ่านนิ ผมมองว่าไม่ได้เป็นการประจานตัวเองหรอก เพราะผมไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องน่าอับอายอะไร 55 ผมกลับมองเป็นเรื่องขำๆ
     
  18. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับ คุยทักทาย แลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจก็ดีครับ

    จริงๆแล้วผมมีความศรัทธาการปฏิบัติตามแนวหลวงปู่มั่นอยู่ ถ้าคุณกล่องไม้ขีดไฟมีความรู้ความเข้าใจการปฏิบัติตามแนวของหลวงปู่มั่นก็ดีนะครับ จะได้ขอความรู้จากคุณด้วย เพื่อเป็นการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ผมเข้าใจอยู่ เผื่อมีอะไรที่ผมอาจจะเข้าใจผิดหรือขาดหายไป เพราะจากที่ศึกษามา บางคนก็ว่าอย่างนี้ บางคนก็ว่าอย่างนั้น เลยขาดความชัดเจนว่า จริงๆแนวทางเป็นเช่นไรกันแน่...
    ส่วนตัวมีความเชื่อคร่าวๆว่า ตามแนวทางสมาธิของหลวงปู่มั่นจริงๆแล้ว จะต้องทำสมาธิให้ได้ถึงระดับลมดับ จิตรวมเป็นสมาธิก่อน ซึ่งอันนี้น่าจะหมายถึง เข้าถึงฌาน 4นั่นเอง ถึงจะไปต่อด้านวิปัสสนากรรมฐาน ซึ่งคร่าวๆอีกการจะเข้าถึงฌาน 4 ได้ถ้าเราเอาคำภาวนาพุทโธเป็นหลัก ก็ต้องใช้สติกำกับจิตอยู่ที่พุทโธอย่างเดียว ไม่ว่าจะเกิดสภาวะใดขึ้นก็ปล่อยวาง เอาสติกำกับจิตอยู่ที่พุทโธให้ตลอดอย่าขาด... นี่คือคร่าวๆที่ผมเข้าใจเกี่ยวกับแนวปฏิบัติของหลวงปู่มั่น ขอเชิญคุณกล่องไม้ขีดไฟชี้แนะด้วยครับว่ามีความเข้าใจตรงกันหรือไม่ตรงกันอย่างไร
     
  19. กล่องไม้ขีดไฟ

    กล่องไม้ขีดไฟ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2015
    โพสต์:
    2,860
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,815
    ยุคนี้สะดวกครับ ในการหาข้อมูล เพื่อความเข้าใจในหลักการภาวนา และความรู้ทั่วไป

    ผมเริ่มภาวนาปี38 ตอนนั้นยังไม่มีเน็ต ตำราสายปฏิบัติก็มีน้อยมาก ไม่เหมือนยุคนี้
    ก็ภาวนากำหนดลมหายใจเข้าออก มันสะดวกดี ทำได้ทุกอิริยาบท เดิน ยืน นั้ง นอน


    มาเจอตำราประวัติหลวงปู่มั่น ตอนปี40 อ่านไป..
    ท่านเน้นไปที่ พละห้า(ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา)
    คือเน้นความเพียรสั่งสมกำลัง เดินจงกรมไปมา ทำให้มาก เจริญให้มาก

    จากนั้นก็ขยันเดินจงกรมภาวนาดูลมไป
    ชอบตื่นตอนเที่ยงคืน มาเดินจงกรม

    เดินไป นิวรณ์ห้ามันก็ทำงาน กำหนดลมเอาชนะนิวรณ์ห้า
    เดินไป นิวรณ์ห้าหาย รู้สึกเบา สะบาย โล่ง
    เดินไป ปิติมันก็ทำงาน กำหนดลมเอาชนะปิติ
    เดินไป ปิติระงับ เกิดความว่างขึ้นมาในความรู้สึก
    เดินไป กำหนดลมเอาชนะความว่าง ความว่างหายไป
    เดินไป จิตตั้งมั่นขึ้นมา (จิตเหมาะแก่งานเจริญกรรมฐาน)

    ฝึกอย่างนี้สามสี่ปี จนชำนาญ

    จากนั้นเจอหลวงตาบัวปี44 ท่านสอนกรรมฐานต่อยอดให้
     
  20. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ครับอยากให้เล่าต่อครับ หลวงตาสอนอะไรบ้างครับ..
    คืออ่านจากหนังสือก็ดีครับ แต่ฟังจากผู้มีประสบการณ์ตรงนี่ยิ่งดีใหญ่
     

แชร์หน้านี้

Loading...