เวลาเราคิดถึงใคร คนนั้นเขาจะรู้ได้หรือเปล่าคะ ? (อภิญญาหกและปฏิสัมภิทาญาณ)

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย WebSnow, 8 สิงหาคม 2005.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,687
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    ถาม : เวลาเราคิดถึงใคร คนนั้นเขาจะรู้ได้หรือเปล่าคะ ?
    ตอบ : การที่เราตั้งใจคิดถึงใคร ถ้าบุคคลนั้นได้เจโตปริยญาณ เขารู้แน่นอน เพียงแต่ว่าจะให้ความสนใจในสิ่งนั้นไหม จำไว้ให้ขึ้นใจว่า เรื่องของอภิญญา เรื่องของสมาบัติ ไม่ใช่เรื่องที่เราจะมาแสดงเพื่อเรียกร้องความสนใจของใคร การทำงาน วาระและเวลาต่าง ๆ ของท่าน จะใช้ไปเฉพาะหน้าตลอดเวลา อาจะต้องสงเคราะห์ใครบางคนอยู่ขณะที่เราคิดถึงท่าน แล้วท่านจะไม่มีเวลามาสนใจกับเราหรอก เอาเวลาไปสงเคราะห์คนที่เข้าถึงธรรมดีกว่าไอ้ที่จะมาอวดว่า เฮ้ย... ข้ารู้นะเว้ยว่าเอ็งคิดอะไร มันเสียเวลาเปล่า
    ประคับประคองมันเอาไว้โดยเฉพาะการอยู่กับลมหายใจเข้าออก ถ้าตราบใดที่สติมันยังอยู่กับลมหายใจเข้าออก สมาธิมันคลายตัวอารมณ์นันก็จะทรงตัวอยู่ เมื่อใดที่เราเผลอสติหลุดจากลมหายใจเข้าออก เมื่อไหร่มันก็สลายไป ยกเว้นว่าเรามีความคล่องตัวในการทรงฌาน ถึงขนาดที่เรียกว่า จะเข้าฌานระดับใดก็ได้เมื่อใดก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็พอที่จะอาศัยได้ แต่ก็ยังประมาทไม่ได้อยู่ดี เพราะเราประมาทเมื่อไหร่บางทีอารมณ์ฝ่ายไม่ดี มันแทรกเข้ามาเราอาจจะตีคืนไม่ได้ก็ได้ ปกติถ้ามันทรงตัวไม่ภาวนามันก็รู้ของมัน แต่ว่า...เอากำไรหน่อยสิ
    ถาม : ต้องเริ่มใหม่ไหมครับ ?
    ตอบ : ไม่ต้องทำใหม่หรอก ยอ้นเก่าก็ได้ การพิสูจน์น่ะ พระพุทธเจ้าท่านสอนวิธีการให้แล้ว เพียงแต่ว่า ความสามารถของเราไม่พอ หรือว่าขาดความมั่นใจเท่านั้นเอง ใช่มั้ยล่ะ ? ฝึกทิพจักขุญาณไม่เห็นจะยากตรงไหน ? ฮึ หรือไม่ก็ไม่ดู ลักษณะการหมุนเวียนโคจรของดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ของอะไรน่ะ ลักษณะเดียวกัน มีขึ้นมีตก แต่ว่าอันนี้มันไม่ใช่ของแปลกสำหรับเรา แต่ว่าการเวียนตายเวียนเกิดนี่ จะต้องใช้ความเป็นทิพย์ในการพิสูจน์
    ขนาดปู่ย่าตาทวดของเราลงมาถึงเรายังมีอยู่แล้ว ก็ลูกหลานเหลนโหลนของเราก็มีอยู่ ถ้าหากว่าไม่ใช่คนขี้สงสัยจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ปัญญามากมายอะไร ก็เห็นอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าขี้สงสัยจริง ๆ ต้องเอาให้ได้อย่างน้อยวิชชาสองนะ ถ้าหากอย่างกลางก็อภิญญาห้า หนัก ๆ หน่อยก็เล่นปฏิสัมภิทาญาณไปเลย ปฏิสัมภิทาญาณทำง่ายกว่าอภิญญา เพราะว่าใช้พื้นฐานของกสิน ๙ กอง แต่ปฏิสัมภิทาญาณได้ยากกว่าอภิญญามหาศาลเลย เพราะว่าปฏิสัมภิทาญาณกำลังคลุมได้ทั้งอภิญญาหก ทั้งวิชชาสาม ทั้งสุกขวิปัสสะโก เมื่อความสามารถสูงขนาดนั้นต้องระมัดระวังในการใช้เป็นพิเศษ
    ดังนั้น ผู้ที่ได้ปฏิสัมภิทาญาณ จะใช้ได้ก็ต่อเมื่อกำลังใจเข้าถึงพระอนาคามีแล้วเท่านั้น เพราะว่าเข้าถึงพระอนาคามีนี่ตัวโลภ ตัวโกรธ ตัวรักหมดแน่ ๆ หลงน่ะยังหลงอยู่นิดเดียวคือคิดว่าความเป็นพระอนาคมีแค่นี้ก็พอแล้ว นอนพักมั่งก็ได้ อะไรอย่างนั้น ใช่มั้ย ? แต่ความจริงถ้าท่านทำต่ออีกก็หน่อยเดียวเท่านั้นเอง
    ดังนั้น ปฏิสัมภิทาญาณจะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อกำลังใจเข้าถึงความเป็นพระอนาคามี ไม่อย่างนั้นแล้วจะฝืนกฎของกรรม โดยเฉพาะนิสัยอย่างพวกเราเห็นคนลำบาก เดี๋ยวก็ไปช่วยเขาเห็นมันเดินมาประเภทขาลีบ มือหงิก แค่เราคิดให้หาย มันหายเลยนะ เพราะความคล่องตัวในตัวกสิณ ตัวอภิญญาแค่ตั้งใจให้ธาตุสี่ประสานเสมอกัน อาการเจ็บป่วยของเขาจะหายหมด แต่เราไม่ได้ดูไปว่าเขาเจ็บไข้ได้ป่วยเพราะในอดีตทำกรรมอะไรมา เราเป็นผู้ฝืนกฎของกรรม ทำให้ระเบียบของโลกของจักรวาลบรรลัยหมด ภพภูมิไหน ๆ เราก็ไม่สนใจ ความสามารถมันถึงใช่มั้ย ? ก็เลยจำกัดเอาไว้ว่า ถ้าหากว่าจะทำ จะใช้ความสามารถปฏิสัมภิทาญาณได้ ต่อเมื่อเป็นพระอนาคามีขึ้น
    แล้วอีกข้อหนึ่ง อย่างอภิญญาหก ก็ไม่ใช่ว่าจะใช้ได้ทั่วไป ถ้าเป็นอภิญญาหกจริง ๆ ท่านรู้ว่าสมควรจะใช้อย่างไร ? เพราะว่าจะเป็นอภิญญาหกได้ ต่อเมื่อเป็นพระโสดาบันขึ้นไป คืตัวสุดท้ายอาสวักขยญาน ทำกิเลสให้สิ้นไปได้ ถ้าไม่ใช่พระโสดาบันขึ้นไปนี่ไม่สามารถทำกิเลสให้สิ้นไปได้ ถ้าเป็นพระโสดาบันขึ้นไปก็สิ้นได้ส่วนหนึ่ง สกิทาคามีได้อีกส่วนหนึ่ง อนาคามีได้อีกส่วนหนึ่ง อรหันต์นี่สิ้นกิเลสได้ทั้งหมด
    คราวนี้ก็ได้แค่อภิญญาห้า กำลังอภิญญาห้า ถ้าหากว่าคุณฝืนกฎของกรรม หรือว่าทำผิดศีล ผิดธรรมอภิญญาจะเสื่อมเลย ต้องไปตั้งหน้าตั้งตา รวบรวมกำลังใจกันอีกขนานใหญ่กว่าจะฟื้น กลับมาใหม่ได้ ถ้าผิดอีกก็เสื่อมอีก ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะใช้กันได้ง่า ยๆ สำคัญตรงที่ว่าถ้าหากเราอยากรู้ เราอยากพิสูจน์ เราต้องทุ่มเทฝึกไปเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 กันยายน 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...