เวลาไปบวชชีพราหมณ์ ควรเตรียมตัวยังไง และทำอะไรบ้าง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย alkuwaiti, 12 มกราคม 2015.

  1. alkuwaiti

    alkuwaiti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,257
    ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจกันก่อนว่าการบวชชีพราหมณ์นั้น เป็นเหมือนการเข้าคอร์สอบรมจิตในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ที่นิยมกันคือ 7 วัน ซึ่งสิ่งที่เราควรคำนึงต่างๆมีดังนี้ เริ่มตั้งแต่เรื่องพื้นฐาน ไปถึงระดับสูงเลยละกัน

    1.ถ้าสถานที่ที่คุณเลือกไปบวชชีพราหมณ์คือวัดป่าหรือสำนักสงฆ์ที่อยู่ในป่า อยู่ในถิ่นกันดาร คุณต้องดูแลตัวเองในระดับหนึ่งนั่นก็คือเรื่องของแมลงสัตว์กัดต่อย สัตว์มีพิษ คุณควรนำของบางอย่างที่สามารถป้องกันหรือขับไล่แมลงร้ายเหล่านี้ติดตัวไปด้วย เช่น ครีม ยาทา แป้ง ฯลฯ หรือถ้าจะให้ดีอาจลงทุนซื้อ กลดสีขาว หรือถ้าให้หรูขึ้นมาหน่อยสะดวกขึ้นมาอีกนิดก็จะเป็น มุ้งคิมหันต์สีขาว ติดตัวไปด้วยเผื่อว่าอยากจะนั่งสมาธิในตอนกลางคืน ราคาจะอยู่ที่หลักร้อยถึงพัน แต่ใช้แล้วคุ้มค่า(อย่าไปหวังพึ่งวัด เตรียมของตัวเองไปดีที่สุด) อีกอย่างคือ ไฟฉาย เพราะตามวัดป่าหรือสำนักสงฆ์มักจะไม่มีการเปิดไฟตลอดคืน หรืออาจมีแค่ในบางจุดเท่านั้น ซึ่งเวลาเราอยากจะเข้าห้องน้ำตอนกลางคืน ไฟฉายช่วยได้

    2.สิ่งของหรือไอเทมต่อมาที่ควรนำติดตัวไปด้วยนั่นก็คือ เบาะรองนั่ง เลือกเอาแบบที่พับเก็บได้หรือไม่หนาจนเกินไปเพื่อประหยัดเนื้อที่กระเป๋าด้วย ซึ่งถ้าหนาเกินไปก็อาจทำให้ปวดหลังได้ อีกทั้งผู้ปฏิบัติธรรมบางคนอนามัยพอสมควรอาจเลือกที่จะไม่ใช้ของทางวัดก็ได้ และเบาะรองนั่งของทางวัดอาจมีไม่เพียงพอแก่ผู้ปฏิบัติธรรม ดังนั้นเตรียมของเราไปเองดีที่สุด

    3.ยาหม่อง ยาดมแก้เป็นลม ยาแก้ท้องเสีย ผู้ปฏิบัติธรรมบางคนอาจไม่คุ้นเคยกับการปฏิบัติธรรมในสภาพอากาศต่างๆ ยิ่งถ้าเป็นฤดูร้อนอาจทำให้หน้ามืดเป็นลมได้ และอาหารที่อาจไม่คุ้นเคยกับการกินในช่วงเวลาชีวิตปกติ ก็อาจทำให้มีการถ่ายท้องของระบบทางเดินอาหาร นั่นคือการปรับสภาพของร่างกายตามปกติ แต่ถ้ามันเป็นมากรุนแรงก็ควรจะกินยาช่วย

    4. เงิน อย่าลืมเอาเงินไปด้วย บางคนเข้าใจว่าบวชชีพราหมณ์จับต้องเงินไม่ได้ เลยเอาเงินติดตัวไปน้อย พอถึงเวลาที่จะต้องใช้กลับไม่มี อีกอย่างคือเอาเงินไปทำบุญให้กับวัดด้วยนั่นแหละเป็นค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าอาหาร ของทางวัด วัดนั้นจะได้มีทุนรอนในการจัดอบรมปฏิบัติธรรมต่อไปได้ และได้เป็นบุญกุศลแก่เราด้วยทั้งขาขึ้นและขาล่องคือ มาปฏิบัติธรรม และขากลับก็ได้บุญจากการทำทานอีก

    เรื่องพื้นฐานก็น่าจะมีเพียงแค่นี้ ต่อไปจะเป็นในส่วนของการปฏิบัติกันบ้าง

    เรารู้ดีอยู่แล้วว่าการ เดินจงกรม นั่งสมาธิ จะต้องทำแน่นอนแต่ยังมีสิ่งอื่นที่สำคัญ และควรตระหนักไว้ดังนี้
    1. การสวดมนต์ - การสวดมนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้เลย ถ้าคุณไม่สนใจไม่ใส่ใจการสวดมนต์ ไปเน้นแต่เดินจงกรม นั่งสมาธิ มันก็คล้ายกับว่าถ้าไม่ไปกินอาหารร้านนี้เหมือนมาไม่ถึงนั่นแหละ ยิ่งเวลาสวดสมาทานศีลด้วย ยิ่งต้องใส่ใจให้มาก อีกทั้งเวลาสวดมนต์จะมีเทวดามาฟังธรรมกันด้วย(มักจะเป็นเทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาและดาวดึงส์) ใครปฏิบัติดีไม่ดีพวกท่านเห็นหมด

    2.การปฏิบัติธรรมไม่ใช่แค่เดินจงกรม นั่งสมาธิ แต่มันคือการฝึกจิตถือศีลด้วย ควรพูดให้น้อย พูดเท่าที่จำเป็น คิดก่อนพูด บางคนถึงขั้นถือศีลปิดวาจาไปเลยก็มี คิดแต่เรื่องธรรมะ คิดแต่เรื่องกุศล ไม่ใช่พอเห็นผู้หญิงผู้ชายคนนี้หน้าตาดี จิตใจก็ปั่นป่วนไม่มีสติ ในใจคิดว่าพอถึงวันสุดท้ายก่อนกลับบ้านจะไปขอเบอร์โทร ควรระวัง!!!

    3.การพิจารณาธรรมขณะปฏิบัติธรรม เนื่องจากเวลาที่มีจำกัด การพิจารณาธรรมที่ละเอียดลึกซึ้งเกินไปก็อาจไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวเราเท่าใดนัก บางคนไปสนใจเรื่องฌานซึ่งเป็นเรื่องของสมถกรรมฐาน จึงละเลยการพิจารณาธรรมซึ่งเป็นเรื่องของวิปัสสนากรรมฐาน จึงอาจทำให้เสียเวลาโดยใช่เหตุ ดังนั้นจึงควรพิจารณาธรรมอะไรก็ได้ที่คุณพอรู้ พอเข้าใจ เมื่อพิจารณาวนหลายๆรอบปัญญาจะเกิด ปัญญาของเรามันจะตั้งคำถามและหาคำตอบให้เราเอง แล้วเราก็จะพบทางออก และหนทางแก้ปัญหาในที่สุด

    4.คำว่าพิจารณาธรรมนี้ ไม่ใช่การไปหยิบยกเอาธรรมะคำสอนของพระพุทธเจ้ามาพิจารณาแบบดื้อๆนะครับ แต่มันคือการพิจารณาความทุกข์ต่างๆที่เกิดขึ้นแก่ตัวเราโดยเอาคำสอนของพระพุทธเจ้ามากำกับ

    หวังว่าข้อมูลที่ผมได้มาบอกกล่าวนี้จะเป็นประโยชน์แก่ท่านผู้อ่าน และผู้ที่คิดกำลังจะไปบวชชีพราหมณ์ ไม่มากก็น้อย
     

แชร์หน้านี้

Loading...