เวียนว่ายตายเกิด

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สรวงพิมาน, 22 เมษายน 2017.

  1. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  2. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    " ความเชื่อเรื่องการเกิดใหม่ "

    .................................................................................................................

    1425708879professional-newborn-photography.jpg

    เหตุการณ์เชิงประจักษ์เกี่ยวกับ จิต วิญญาณ ชีวิตหลังความตาย และการเกิดใหม่นั้น มีปรากฏให้ได้พบเห็น และได้สัมผัสรับรู้กันอยู่ทั่วโลก มาตั้งแต่ครั้งโบราณกาลแล้ว โดยไม่จำกัดเชื้อชาติและศาสนา

    เพียงแต่เมื่อได้พบ ได้เห็น ได้สัมผัส หรือได้รับรู้แล้ว แต่ละบุคคล ซึ่งมีความรู้มีความคิดและมีความเชื่อที่แตกต่างกัน จะตีความหมาย จะเข้าใจ จะอธิบาย หรือจะปฏิบัติต่อสิ่งที่ได้ประจักษ์ด้วยตัวเองนั้นอย่างไร ?

    ซึ่งการตีความหมาย ความเข้าใจ การอธิบาย หรือการปฏิบัติต่อสิ่งที่ได้ประจักษ์เกี่ยวกับ จิต วิญญาณ ชีวิตหลังความตาย และการเกิดใหม่ที่แตกต่างกันนี้เอง ทำให้เกิดประเพณีทางความเชื่อต่างๆขึ้นมากมาย ของคนทั่วโลก เช่น.....

    มีผู้สงสัยว่าทำไม มนุษย์ปักกิ่ง (Peking Man) ที่เคยมีชีวิตอยู่ในราว 750,000-200,000 ปี ก่อนหน้านี้ จึงต้องทำลายหัวกะโหลกของคนตาย บ้างก็สันนิษฐานว่า อาจทำลายเพื่อกินสมองของคนตาย หรือเพื่อให้วิญญาณออกจากร่าง ยังเป็นเรื่องที่ยังหาข้อสรุปกันไม่

    มีหลักฐานที่นักโบราณคดี ขุดค้นพบเมื่อหลายพันปีที่แล้วว่า มีมนุษย์บางพวก มีการฝังศพในลักษณะคุดคู้ คล้ายกับเด็กทารกในครรภ์มารดา และวางตามแนวดวงอาทิตย์ขึ้นและตก คล้ายกับการเตรียมพร้อมที่จะเกิดใหม่ได้อีก

    ยกตัวอย่างเช่น.....

    ชาวฮินดูโบราณ (Hinduism) เชื่อว่า มนุษย์เราเกิดมาในลักษณะรูปแบบต่างๆ ทั้งพืช สัตว์ มนุษย์ และแร่ธาตุต่างๆกว่า 8,400,000 ชนิด ผลแห่งกรรมที่ต่อเนื่องกันมาจากอดีต จะมีผลต่อการเกิดใหม่ของแต่ละบุคคลเป็นอย่างยิ่ง

    .................................................................................................................

    ในสมัย อียิปต์โบราณ (Ancient Egypt) เวลาฝังคนตาย เขามักจะจารึกอักขระที่ถือว่าเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ จากคัมภีร์มรณะลงบนผ้า ภาชนะ หรือโลงศพ ฝังพร้อมกับคนตายด้วย ซึ่งเชื่อว่า มีอำนาจเปลี่ยนแปลงไปเกิดในชาติใหม่ที่ดีกว่า

    ชาวอียิปต์บางกลุ่มยังเชื่อว่า ชีวิตมนุษย์จะเกิดใหม่จากสัตว์ชนิดหนึ่ง ตลอดชั่วระยะเวลาสามพันปี จนกระทั่ง กลับมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์อีกครั้งหนึ่ง

    .................................................................................................................


    ** ความคิดเห็นของนักปราชญ์โบราณ **

    ในสมัยกรีกโบราณ นักปราชญ์ที่มีชื่อเสียงของโลกชาวกรีก อย่าง ไพทากอรัส หรือ พีธาคอรัส (Pythagorus) โซเครติส (Socrates) และ เพลโต (Plato) จัดว่าเป็นบุคคลสำคัญชั้นครูที่นำเรื่องราวความคิดเกี่ยวกับการเกิดใหม่และการระลึกชาติได้ ถ่ายทอดและเผยแพร่ให้กับบรรดาศิษย์และสาวกทั้งหลาย



    .................................................................................................................


    ** พีทากอรัส **

    ไพทากอรัส หรือ พีทากอรัส (Pythagorus) นักปรัชญาและนักคณิตศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ชาวกรีก ที่เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงประมาณ 582-507 ปีก่อน คริสต์ศักราช เคยกล่าวกับหลายๆ คนว่า เขาสามารถระลึกอดีตชาติได้

    มีเรื่องเล่ากันว่า มีอยู่วันวันหนึ่ง พีทากอรัส ได้ไปพบชายชราคนหนึ่งกำลังตีลูกสุนัขอยู่ ทันทีที่เขาได้ยินเสียงสุนัขร้อง เขาก็ตะโกนลั่นว่า.....

    “อย่า อย่าตีมัน มันเป็นวิญญาณของเพื่อนข้ากลับชาติมาเกิด ข้าระลึกถึงเพื่อนข้าได้ชัดเจนทีเดียว”

    ในช่วงบั้นปลายชีวิต พีทากอรัส เคยกล่าวไว้ว่า.....

    “ข้ามั่นใจเหลือเกินว่า สิ่งทั้งหลายจะกลับมาเกิดใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิต ที่เกิดใหม่ได้อีก หลังจากตายไปแล้ว”

    .................................................................................................................

    ** เพลโต **

    เพลโต (Plato) นักปรัชญาชาวกรีกโบราณ ที่มีอิทธิพลอย่างสูงต่อแนวคิดของชาวตะวันตกคนหนึ่ง ซึ่งเคยมีชีวิตอยู่ในช่วง 347 - 427 ปีก่อน คริสต์ศักราช เขาเป็นลูกศิษย์ของ โซเครติส (Socrates) เป็นอาจารย์ของ อริสโตเติล (Aristotle)

    เพลโต เคยนำเสนอผลงานการค้นคว้าเกี่ยวกับการระลึกชาติอย่างละเอียดไว้ ซึ่งสรุปความได้ว่า.....

    วิญญาณบริสุทธิ์ตกมาจากโลกแห่งสัจธรรมอันสูงส่ง ลงมาเกิดเป็นมนุษย์ในโลกปัจจุบัน และในบรรดามนุษย์ด้วยกัน จะมีกลุ่มบุคคลที่ฉลาด สนใจใฝ่หาธรรมที่สูงกว่า เมื่อศึกษาจนสำเร็จสมบูรณ์แล้ว ก็จะกลับไปสู่โลกอันอมตะ

    หากวิญญาณของบุคคลใดไม่บริสุทธิ์ มุ่งแต่กิเลสทางรูปธรรม ก็จะลงมาเกิดเป็นสัตว์

    เพลโตยังเชื่อว่า บุคคลใดที่หมกมุ่นกับการกิน และดื่มอย่างตะกละด้วยความโลภ ในชาติหน้าจะเกิดเป็นลา

    บุคคลที่ชอบใช้ความรุนแรง จะเกิดเป็นสุนัขป่า หรือเหยี่ยว

    ผู้ไม่ปฏิบัติตนตามแบบแผนสังคม ราวกับคนตาบอด ชาติหน้า อาจจะเกิดเป็นหมีหรือมด หลังจากนั้น หากหมั่นปฏิบัติกรรมดี บางทีวิญญาณเหล่านี้ อาจไปเกิดเป็นมนุษย์อีก และมีโอกาสที่จะปฏิบัติธรรม ใฝ่หาทางหลุดพ้นจากบ่วงกรรมต่อไป

    .................................................................................................................

    นอกจากนั้น ศาสตราจารย์ ดูคัสเซ (Curt John Ducasse) กล่าวว่า เพลโตเคยมีแนวคิดเกี่ยวกับการระลึกชาติว่า วิญญาณของบุคคล ที่สามารถค้นพบแนวทางปฏิบัติตน จนบรรลุสัจธรรมขั้นสูงสุด อาจกลับชาติมาเกิดเป็นกษัตริย์ นักปราชญ์ จิตรกร นักดนตรี จินตกวี

    วิญญาณบุคคลที่บรรลุสัจธรรมชั้นที่สอง ก็จะเกิดมาเป็นนักรบหรือขุนนาง

    วิญญาณของบุคคลที่บรรลุสัจธรรมชั้นที่สาม ก็จะกลับชาติมาเกิดเป็นนักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ พ่อค้าคหบดี

    วิญญาณของบุคคลที่บรรลุสัจธรรมในชั้นที่สี่ จะกลับชาติมาเกิดเป็นแพทย์

    ส่วนวิญญาณของบุคคลที่บรรลุสัจธรรมในขั้นที่เก้า จะกลับชาติมาเกิดเป็นชนชั้นนักปกครอง ฯ

    นักค้นคว้าบางคนกล่าวว่า บางทีเพลโตและนักปราชญ์คนอื่นๆ อาจได้รับความรู้เกี่ยวกับการระลึกชาติจากศาสนาลึกลับ เช่น ศาสนาออร์เฟอุส หรือจากอินเดียก็เป็นได้

    .................................................................................................................


    ความเชื่อเกี่ยวกับการระลึกชาติ ของศาสนายูดาห์ (ยิว) คริสต์ และอิสลาม

    เรื่องราวเกี่ยวกับการระลึกชาติได้เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง ในกลุ่มของผู้นับถือ ศาสนายูดาห์ (ยิว,ฮีบรู) และ ศาสนาคริสต์ในช่วงสมัยแรกๆ ทางประวัติศาสตร์ มีเรื่องเล่าเกี่ยวกับอดีตชาติและอนาคตชาติ ทั่วไปใน แคว้นคาบาลา และมีหลักฐานปรากฏอยู่ในคัมภีร์ที่นักปราชญ์ชาวยิวได้เก็บรักษาไว้ ตอนหนึ่งในคัมภีร์โซฮาร์กล่าวไว้ว่า.....

    “วิญญาณทั้งหลาย จะกลับเข้าสู่ร่างใหม่ได้อีก หากพวกเขารู้จักพัฒนาพื้นฐานคุณธรรมของตนเอง ในขณะที่มีชีวิตอยู่ให้สมบูรณ์ ในทุกๆ ด้าน

    หากไม่ประสบผลสำเร็จในชีวิตหนึ่ง (ชาติหนึ่ง) พวกเขาก็ต้องเริ่มต้นใหม่ในชาติที่สาม หรือชาติที่สี่ต่อไป จนกว่าจะบรรลุผล ที่จะทำให้พวกเขาเหมาะสม และพร้อมที่จะเข้าไปถึงพระผู้เป็นเจ้า”

    จากแนวคิดดังกล่าวนี้ พวกชาวยิวฮาซิดิก ก็มีความเชื่อคล้ายๆกันในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 3 โอริเจน นักค้นคว้าศาสนาหนึ่ง ในบิดาแห่งการรวบรวมธรรมของศาสนาคริสต์ในยุคแรกๆ ได้รวบรวมเรื่องต่างๆ ไว้เป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งได้สำเร็จ ตอนหนึ่งในคัมภีร์เล่มนี้กล่าวไว้ว่า.....

    “วิญญาณที่ล่องลอยจะกลับมาสู่ร่างเป็นมนุษย์เป็นอันดับแรก แล้วผ่านเข้าสู่สังคมมนุษย์ ที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา และความทุกข์ยากทั้งปวง หลังจาก ผ่านชีวิตมนุษย์แล้ว วิญญาณทั้งหลาย ก็จะเปลี่ยนเข้าไปสู่ร่างของสัตว์

    จากนั้น ก็จะจมลงสู่ชีวิตระดับต่ำ เช่นพวก พืช หรือแร่ธาตุ จากสภาวะนี้ วิญญาณก็จะพัฒนาการเกิดใหม่ขึ้นมาอีกตามลำดับขั้น จนถึงขั้นสูงสุดที่ถือว่าเป็นสวรรค์”

    .................................................................................................................

    ตอนหนึ่งใน คัมภีร์อัลกุรอ่าน ของ ศาสนาอิสลาม กล่าวว่า.....

    “เมื่อท่านตาย มันจะนำท่านกลับมามีชีวิตอีก จากนั้นมันจะทำให้ท่านถึงแก่ความตาย แล้วจะนำท่านกลับมามีชีวิตอีก และในที่สุด ท่านก็จะถูกนำไปพร้อมกับตัวของมันเอง”

    ในบรรดานิกายต่างๆที่มีชื่อเสียงของศาสนาอิสลาม โดยเฉพาะนิกายซูฟี เชื่อว่า คนที่ตายแล้ว ไม่มีการดับสูญ ยังมีวิญญาณอันอมตะผ่านร่างต่างๆ ต่อเนื่องกันไปโดยตลอด

    จาลาลู ดี-ดิน มีจินตกวีที่มีชื่อเสียงแห่งนิกายซูฟี ได้ประพันธ์ข้อความสั้นๆ ไว้เกี่ยวกับการเวียนว่ายตายเกิดว่า.....

    “ข้าตายขณะเป็นแร่ธาตุ แล้วได้เกิดเป็นพืช...ข้าตายขณะเป็นพืช แล้วได้เกิดเป็นสัตว์...ข้าตายขณะเป็นสัตว์ แล้วข้าได้เกิดเป็นมนุษย์...ด้วยเหตุนี้ ข้าจะไปกลัวความตายทำไมกัน”

    .................................................................................................................


    ความเชื่อของชาวฮินดู ในอินเดีย

    ความเชื่อในเรื่องราวเกี่ยวกับการระลึกชาติของ ชาวฮินดู ในประเทศอินเดีย คงเริ่มขึ้นราวๆ ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสตกาล เมื่อมีการยึดมั่นห รือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียม ประเพณีแบบเดิมอย่างเคร่งครัด

    พวกเขาเชื่อในเรื่องกรรมของมนุษย์ โดยถือว่ามนุษย์ที่เกิดมา อาจถูกลงโทษหรือได้รับผลตอบแทนที่ดีงาม เนื่องจาก ผลกรรมที่ทำไว้ในชาติก่อน

    ชาวฮินดูยังเชื่ออีกว่า วิญญาณของคนเราอาจเพิ่มความบริสุทธิ์ ในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งไปถึงโลกของพระผู้เป็นเจ้าได้

    .................................................................................................................


    ศาสนาพราหมณ์ (ฮินดู) เชื่อว่า มนุษย์ตายแล้วเกิดใหม่ โดยการเวียนว่ายตายเกิด
    เป็นได้ทั้ง มนุษย์ สัตว์ พืช และแร่ธาตุต่างๆ รวม 8,4000,000 รูปแบบ

    คัมภีร์เวทต่างๆ ของอินเดีย ต่างยืนยันว่า วิญญาณของมนุษย์มีจริง ลักษณะของมันเปลี่ยนรูปไปได้ถึง 8,4000,000 รูปแบบ ปรากฏอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตตระกูลต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปโดยอัตโนมัติ จากรูปแบบชั้นต่ำไปยังชั้นสูงกว่า จนกระทั่ง กลายเป็นร่างของมนุษย์ได้อีก

    .................................................................................................................


    ** เรื่องของการกลับชาติมาเกิดใหม่ ในยุคกลางและยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา **

    เรื่องของการกลับชาติมาเกิดใหม่ในสมัยยุคกลางนั้น ถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม ดังจะเห็นได้ว่าในปี ค.ศ.553 กษัตริย์จัสติเนี่ยน (Justinian) แห่งอาณาจักรโรมันตะวันออก ได้สั่งยกเลิกการสอน เกี่ยวกับเรื่องของวิญญาณ และการกลับชาติมาเกิดใหม่ ในศาสนาคริสต์ นิกายคาทอลิก

    และปรากฏว่า มีเอกสารเกี่ยวกับบทความทางศาสนาเป็นจำนวนมากถูกทำลาย ในบรรดาบทความทั้งหลายที่ถูกเผานั้น ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ การระลึกชาติได้แทบทั้งสิ้น



    .................................................................................................................


    ในช่วงสมัยฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ ผู้คนทั่วไป เริ่มสนใจเกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติอย่างกว้างขวาง เพราะเป็นเรื่องแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน ผู้นำในการเผยแพร่คือจิออร์ดาโน บรูโน จินตกวีและนักปรัชญาชั้นนำ

    เชาได้กล่าวถึงวิญญาณว่า.....

    “วิญญาณของมนุษย์อยู่ในรูปแบบต่างๆ โดยผ่านจากร่างหนึ่งไปยังอีกร่างหนึ่งต่อเนื่องกันไปโดยตลอด”

    .................................................................................................................


    ** ยุคพัฒนาความรู้เกี่ยวกับศิลปะวิทยาการ หลังศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา **

    ในยุคนี้ บรรดานักปราชญ์นักค้นคว้าต่างได้รับอิสระในการค้นคว้าวิทยาการต่างๆทั้งทางโลกและทางศาสนามากขึ้นตามลำดับ ดังนั้น ความรู้เรื่องการระลึกชาติจึงได้รับการพัฒนาค้นคว้าและได้รับการเผยแพร่อย่างกว้างขวาง เช่น

    วอลแตร์ (Voltaire) นักปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ ได้เขียนข้อความตอนหนึ่ง เกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิดใหม่ไว้ว่า.....

    “ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่คนเราเกิดใหม่ได้หลายครั้ง”

    เบนจามิน แฟรงคลิน (Benjamin Franklin) ได้บันทึกไว้ว่า.....

    “การค้นพบตัวเองซึ่งมีชีวิตอยู่ในโลก ผมเชื่อว่าผมคงจะเกิดอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเปลี่ยนรูปร่างไปอย่างไรก็ตาม”

    ในปี 2357 (1814) จอห์น อดัมส์ (John Adams) อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อ่านหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับศาสนาฮินดู และได้เขียนเรื่องราวเกี่ยวกับการระลึกชาติไว้ในหนังสือชื่อ “The sage of Monticello” ตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า.....

    “วิญญาณทั้งหลาย อาจหมุนเวียนเปลี่ยนไปยังร่างต่างๆ จากมนุษย์ไปสู่ร่างสัตว์ต่างๆ แทบทุกชนิด ทั้งสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์บก สัตว์น้ำ สัตว์ป่า แล้วกลับไปสู่ร่างมนุษย์อีก หากคนเราประพฤติดี อาจทำให้วิญญาณของเรา ประสบกับความสุขบนสวรรค์”

    .................................................................................................................



    พุทธคัมภีร์พระสูตรฉบับหนึ่ง ที่เก่าแก่ที่สุด (วัชรสูตร) ของจีน ที่แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการระลึกชาติไว้มากที่สุด พิมพ์เมื่อ 868 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ในสมัยของพระเจ้าหวั่งชี ผู้ค้นพบคือ เซอร์ ออเรียล สไตน์ ชาวอังกฤษ

    ซึ่งค้นพบที่ถ้ำพระพุทธรูปที่เมืองตันฮวง ในประเทศจีน ปัจจุบันเก็บรักษาไว้ที่ หอสมุดบริติซมิวเซี่ยม ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ คัมภีร์ฉบับนี้เป็นบทเจรจาโต้ตอบระหว่างพระพุทธเจ้ากับเหล่าสาวก

    .................................................................................................................

    นับตั้งแต่ช่วงเริ่มศตวรรษที่ 20 เป็นต้นมา แนวความคิดเกี่ยวกับการระลึกชาติได้แพร่สะพัดกว้างขวางมากขึ้น หนึ่งในบรรดากลุ่มนักปราชญ์ตะวันตกที่ให้ความสนใจมากที่สุดก็คือ พอล กอกวิน (Paul Gauguin)

    เมื่อครั้งที่เขาอาศัยอยู่ในตาฮิตี เขาได้เขียนบทความเกี่ยวกับการระลึกชาติไว้มาก มีอยู่เรื่องหนึ่งเขาเขียนไว้ว่า.....

    “เมื่อสังขารคนเราแตกดับแล้ว วิญญาณก็จะออกจากร่างเดิมไปสู่ร่างใหม่ ส่วนจะไปแฝงอยู่ในร่างของสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำหรือชั้นสูงนั้น ขึ้นอยู่กับกรรมดีหรือกรรมชั่วของแต่ละบุคคล”

    พอลกล่าวว่า แนวความคิดเกี่ยวกับการเกิดใหม่ของคนเรานั้น ได้มาจากคำสอนของ ไพทากอรัส นักปราชญ์กรีก ซึ่งเชื่อกันว่า ได้รับการเรียนรู้มาจากเรื่องราวของอินเดียโบราณนั่นเอง

    .................................................................................................................

    เฮนรี่ ฟอร์ด (Henry Ford) นักบริหารธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตรถยนต์ที่มีชื่อเสียงของสหรัฐอเมริกา ได้เคยให้สัมภาษณ์นักข่าวหนังสือพิมพ์ว่า.....

    “ผมได้รับความรู้เกี่ยวกับการระลึกชาติเมื่ออายุ 16 ปี ความสามารถพิเศษในทางสร้างสรรค์ของบุคคลนั้น เป็นประสบการณ์ที่น่าสนใจมาก บางคนคิดว่า มันเป็นพรสวรรค์ แต่ที่จริงแล้วมันเป็นผลที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์อันยาวนานที่ผ่านมาหลายชาติ”

    .................................................................................................................

    ไบรอัน เจมีสัน นักค้นคว้าเกี่ยวกับการระลึกชาติ ได้กล่าวว่า.....

    “ประสบการณ์ในการระลึกชาติย้อนหลังไปในอดีตชาติ เป็นการยืนยันแนวคิดของกลุ่มบุคคลที่เชื่อว่า การระลึกชาติมีจริง การกลับชาติมาเกิดใหม่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ดูราวกับว่าเป็นการสวมบทบาทการแสดงใหม่ ซึ่งเป็นการแสดงโดยดาราละครคนเดียวกัน”

    .................................................................................................................

    ศาสตราจารย์ ดร.เอียน สตีเวนสัน (Ian Stevenson) ผู้เชี่ยวชาญพิเศษคณะพาราไซโคโลยี (ปรจิตวิทยา)แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียในสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวสรุปไว้ว่า.....

    “หลักฐานสำคัญเกี่ยวกับการระลึกชาติมักจะพบว่ามันเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กๆ โดยทั่วไปเด็กๆ มักจะเริ่มระลึกชาติได้เมื่ออายุประมาณสองถึงสามขวบ”

    NewbornSlide31_before.jpg

    .................................................................................................................

    ปัจจุบัน มีนักวิทยาศาสตร์และนักจิตวิทยาจำนวนมาก ที่ยอมรับและเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติ หนึ่งในบรรดานักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลกคือ คาร์ล กุสตาฟ จุง (Carl Gustav Jung) เขาเคยกล่าวว่า.....

    “ผมสามารถจะระลึกภาพในอดีตที่ผ่านมาแล้วหลายศตวรรษ ซึ่งมีคำถามเป็นจำนวนมาก ที่ผมยังไม่สามารถหาคำตอบได้ ผมคงต้องเกิดใหม่อีก เนื่องจากว่า ยังค้นคว้างานต่างๆ ยังไม่สำเร็จ”

    ..................................................................................................................

    ดร.มอร์ริส เนเธอร์ตัน (Morris netherton) ได้สรุปผลจากการสะกดจิตคนไข้หลายร้อยรายว่า ผู้ถูกสะกดจิตสามารถระลึกชาติในอดีตได้ว่า เคยเกิดเป็นสัตว์มาก่อน เช่น เคยเป็น หนู มด ปลวก แมลง รวมทั้ง สัตว์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ด้วย

    .................................................................................................................

    ดร.ฮาร์ทลีย์ บี. อเล็กซานเดอร์ (Dr.Hartley B. Alexander) ได้เขียนไว้ในหนังสือชื่อ “นอร์ธ อเมริกัน มีทโธโลยี ออฟ อาร์กติก” โดยได้เล่าถึงวิธีที่วิญญาณต่างๆ กลับมาเกิดใหม่เป็นทั้งมนุษย์และสัตว์

    .................................................................................................................

    นักค้นคว้าชาวอังกฤษบางกลุ่ม ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า ภาพที่เราเห็นชายหรือหญิงเดินจูงสุนัขไปตามถนนนั้น แท้จริงแล้ว บางทีสุนัขที่พวกเขาจูงมานั้น อาจเป็นวิญญาณของบิดามารดา หรือญาติมิตรของตนเอง สืบชาติมาเกิดใหม่

    นอกจากนี้ สตรีที่ขี่ม้าตัวโปรด บางทีม้าตัวโปรด อาจเป็นวิญญาณของบิดามารดาของเธอในอดีตกลับชาติมาเกิด ก็เป็นได้

    .................................................................................................................

    นักบวชลัทธิเชนของอินเดีย ได้สอนว่า คนเราทุกคน ผ่านชีวิตในโลกมาแล้วหลายล้านแบบ เช่น เป็นทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ พืช แมลง สัตว์เล็ก สัตว์ใหญ่ รวมทั้ง เป็นมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเกิดใหม่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา

    .................................................................................................................

    โยคี ศรี สวามี ศิวะนันทะ (Swami Sivananda) แห่งเทือกเขาหิมาลัย(1887-1963) กล่าวว่า ประสบการณ์ของวิญญาณในชาติปัจจุบัน จะสะท้อนให้เห็นชีวิตในอดีตชาติของคนและสัตว์คล้ายกัน

    โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยง มักจะกลับชาติจากชีวิตมนุษย์ในชาติก่อน เช่น สุนัข กระต่าย เป็ด ไก่ ลิง ชะนี ซึ่งเข้ากับคนได้ดี สัตว์เลี้ยงบางชนิด สามารถแสดงออกถึงความรัก ความซื่อสัตย์ หรือความจงรักภักดี และมีความฉลาดเด่นชัดทีเดียว เช่น สุนัข เป็นต้น

    .................................................................................................................

    ** การสำรวจความเชื่อเกี่ยวกับการระลึกชาติ **

    เมื่อปี ค.ศ.1980 (พ.ศ.2523) ประชาชนชาวอังกฤษ 29 % จากจำนวน 1,314 คน ได้ตอบแบบสอบถามของ นิตยสารลอนดอน ไทมส์ โดยยืนยันและเชื่อถือเกี่ยวกับเรื่องการระลึกชาติอย่างแท้จริง

    ในปี ค.ศ.1982 (พ.ศ.2525) หน่วยงานสำรวจความคิดเห็นของประชาชนชาวอเมริกันโดยทั่วไป ได้ประกาศว่า ชาวอเมริกันเกือบทุกๆ 1 ใน 4 คนเชื่อว่าการระลึกชาติ ของคนเรามีจริง

    และในปีเดียวกันนี้ ดร.ยอร์จ แกลลัป จูเนียร์ (George Gallup,Jr.) ได้สรุปผลจากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชาชนชาวอเมริกันทั่วไป เกี่ยวกับความเชื่อในเรื่องการระลึกชาติว่า

    ประชากรที่เป็นผู้ใหญ่กว่า 53 % เชื่อว่า การระลึกชาติมีจริง กลุ่มบุคคลที่เชื่อถือดังกล่าวนี้ ปรากฏว่ าเป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์ แบบเมทโธไดซ์ 26 % เป็นคริสต์ศาสนิกชนนิกายคาทอลิก 25 % และเป็นคริสต์ศาสนิกชนนิกายโปรเตสแตนต์ 21 % ที่เหลือนอกนั้น ก็เป็นพวกที่นับถือศาสนาอื่นๆ

    ที่น่าสนใจก็คือว่า ผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นแพทย์จำนวน 9 % และเป็นนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำจำนวน 8 % ยอมรับว่า.....

    “การระลึกชาติได้มีจริง”

    โดยกล้ายืนยัน และพร้อมที่จะพิสูจน์โดยการทดลองในเชิงวิทยาศาสตร์ใ ห้เห็นอย่างชัดเจน




    .................................................................................................................

    ** ที่มาของข้อมูล **

    จากหนังสือ ศาสตร์ลับระลึกชาติ ตายแล้วไปไหน
    แปลและเรียบเรียงโดย : บรรยง บุญฤทธิ์
    ภาพและข้อมูลเพิ่มเติม โดย : ธวัชชัย ขำชะยันจะ เว็บมาสเตอร์
    แปลความจากหนังสือและนิตยสารภาษาอังกฤษ ดังต่อไปนี้

    1. AC Bhaktivedanta Swami Prabhupada,”The Science of Reincarnation” Bhaktivedanta Book 1982,USA,Page x111,xv,2-4,6-10 and 12

    2. Bradbury Will “Into the Unknown” Reader’s Digest Association Inc,1981:151-155,160-161

    3. Fairley John and Welfare Simon “Arthur C. Clark’s World of Strange Powers” William Collims Sons Co., Ltd,London 1984, Page 220-236

    4. Fisher Joe “The Case for Reincarnation” Granada Publishing Ltd,1985:page x11-x111,5-11,14,16-18,29-32,40-41,47-50,57,103-112,116-117,132-133,115-170

    5. Pro.Dr.Thelma Moss “The Prabobility of The Impossible” Granada Publishing Ltd,1979 page 306,308-312.

    6. The Unexplained : “Mystries of Mind Space and Time” Obis Publishing Ltd,1983.Volume 1,2,5

    .................................................................................................................

    https://sites.google.com/site/thaireincarnation/Home/Beliefs

    .................................................................................................................
     
  3. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    ** เด็กระลึกชาติ บอก...เป็นดาราฮอลลีวูด กลับมาเกิดใหม่ **

    18664228_131993317353277_2494622701270102690_n.jpg


    เมื่อวันที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2558 เว็บไซต์มิเรอร์ ได้นำเสนอข่าวเกี่ยวกับ เด็กชายไรอัน แฮมมอส จากเมืองมัสโคกี รัฐโอกลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นลูกชายของนางซินดี้ แฮมมอส

    โดยคุณแม่ของน้องไรอัน ได้ให้ข้อมูลว่า ลูกชายเริ่มฝันร้ายบ่อยๆ ตั้งแต่อายุ 4 ขวบ และพออายุครบ 5 ขวบ ก็ได้บอกกับแม่ว่า ตัวเองเคยเป็นชายที่มีชื่อว่า มาร์ตี้ มาร์ติน นักแสดงฮอลลีวูด ในยุค 1930 ก่อนจะมาเกิดเป็นตนเองในชาตินี้ แต่ด้วยความที่นางเป็นคริสเตียน จึงไม่เชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิด

    15819-0-c9074ebbb58cbba2a5f022df8060cbbc.jpg

    แต่ต่อมา ลูกชายเริ่มพรรณาเกี่ยวกับอดีต มากขึ้นและบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเอะใจว่า มันเป็นความคิดที่ซับซ้อนเกินกว่า เด็ก 5 ขวบจะคิดนึกขึ้นมาเองได้ จึงตัดสินใจ พาไรอันไปพบ ดร.จิม ทักเกอร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตเวช ประสาท และพฤติกรรม แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย

    หลังจาก ดร.จิม ได้พูดคุยกับเด็กชาย พร้อมตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับ ‘มาร์ตี้ มาร์ติน’ นักแสดงชายของฮอลลีวูด ก็ปรากฏว่า เจ้าหนูตอบคำถามถูกต้องถึง 55 ข้อ

    18740134_131993380686604_1683832773652621882_n.jpg

    แถมบางเรื่อง ที่เป็นข้อมูลเชิงลึก แม้ในระดับญาติสนิท ของนักแสดงคนดังกล่าว ยังไม่เคยรู้มาก่อน ซึ่งเมื่อตามไปพิสูจน์ ก็พบว่า เป็นเรื่องจริง

    ทางด้าน ดร. จิม ระบุว่าเขา เคยศึกษาเคสเด็กระลึกชาติ มาแล้วหลายราย ซึ่งเด็กๆ สามารถบอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีตชาติได้อย่างแม่นยำ มันจึงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    สำหรับเด็กชายไรอัน เรื่องราวที่กระทบความทรงจำในอดีตชาติของเขา เริ่มตั้งแต่ เค้าเปิดดูหนังสือภาพยนตร์เก่าของฮอลลีวูด เรื่อง NIGHT AFTER NIGHT

    15819-4-c9074ebbb58cbba2a5f022df8060cbbc.jpg

    มันก็ทำให้เค้าโพล่งออกมาทันทีว่า “ นั่นผม...ผมเคยเป็นเขามาก่อน” โดยเมื่อได้เห็นหน้า ‘มาร์ตี้ มาติน’ ตัวประกอบในหนังเรื่องนั้น ก่อนที่จะประสบความสำเร็จ จนมีชื่อเสียงในฮอลลีวูด ในเวลาต่อมา

    นอกจากนี้ ไรอันยังสามารถเล่าประสบการณ์ การทำงานในบรอดเวย์ รวมถึง การเดินทางไปปารีส การร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นๆ

    15819-6-c9074ebbb58cbba2a5f022df8060cbbc.jpg

    แม้แต่ชีวิตส่วนตัว ว่าแต่งงานมากี่ครั้ง มีลูกกี่คน และบอกได้ว่า ตัวเองมีน้องสาว 2 คน ซึ่งญาติๆ รุ่นลูกหลานเอง ก็ไม่เคยรู้มาก่อน ต่อเมื่อกลับไปตรวจสอบ จึงพบว่า เขามีน้องสาว 2 คนจริงๆ

    แม้กระทั่ง เรื่องที่เกือบจะกลายเป็นจุดจับผิด ก็เป็นเรื่องจริงขึ้นมา เพราะเมื่อไรอันบอกว่า เขาไม่เข้าใจว่า ทำไมพระเจ้าถึงเรียกเขากลับ ตอนอายุ 61 แล้วทำให้กลายเป็นเด็กอีกครั้ง

    ซึ่งในประวัติของมาร์ตี้ ระบุไว้ว่า เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1964 ด้วยวัย 59 ปี แต่พอย้อนไปตรวจสอบโดยละเอียด ก็พบว่า มาร์ตี้เกิดในปี ค.ศ. 1903 ไม่ใช่ 1905 ตามใบเกิด ดังนั้น ตอนที่เสียชีวิตจึงมีอายุ 61 ปีจริงๆ

    18670952_131993417353267_8937762161484977161_n.jpg

    ประเด็นนี้ ทำให้ทั้ง ซินดี้ รวมถึง ดร. จิม และผู้คนจำนวนหนึ่งในอเมริกา เกิดความเชื่อ เรื่องการกลับมาเกิดใหม่ ของเด็กคนนี้ว่าเป็นเรื่องจริง มนุษย์ไม่ได้ตายแล้วสูญ

    ..............................................................................

    http://www.winnews.tv/news/15819

    http://www.odditycentral.com/pics/1...reincarnation-of-a-1930s-hollywood-actor.html




     
  4. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267



    ถ่ายทอดโดย.....อาจารย์ปรีชา เรืองเดช

    .........................................................................................................................

    อาจารย์ยอด
     
  5. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
     
  6. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267

แชร์หน้านี้

Loading...