เศรฐกิจพอเพียง แนวคิด-ประสบการณ์การปฏิบัติ กับพลวัตแห่งสุขภาพกาย จิต ศาสนา สังคม

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Attawat_Rx, 2 เมษายน 2007.

  1. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ผมเองยอมรับว่าการดำเนินชีวิตของผมยังสับสนไม่พอเพียง (เกินกำลัง) เพราะผมเป็นประเภท 108 โครงการ ว่างไม่เป็น ทำโน่นนี่อยู่เสมอ และเป็นประเภท ต้องทำเองเบ็ดเสร็จ ใช้คนอื่นไม่เป็นเนื่องจากชอบเกรงใจ และไม่ไว้ใจคนอื่น ว่าจะทำได้ดี เท่าเรา (นิสัยเลวเช่นนี้ควรแก้ไข เพราะเราจะย่ำเท้า ทำอะไรไม่ได้มาก และไม่ดีต่อร่างกายและจิตใจ ในระยะยาว ก็แก้ ๆกันไปเรื่อย ๆ หัดถ่ายทอดงานให้คนอื่นบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น งานสร้างพระ เมื่อก่อนผม ทำเองทุกขั้นตอน จนกระถึงจนส่งพระ แย่ครับ ไม่ไหว พักหลังจึงตัดใจให้คนอื่นช่วยบ้าง แน่นอนเขาอาจไม่ละเอียดพิ๔พิถันเท่าเรา แต่เราก็เหนื่อยไม่มาก เก็บแรงไม่ทำอย่างอื่นที่ไม่มีใครทำแทนเราได้ดีกว่า ...... นี่คือการรู้จักพอเพียง เมื่อใดที่เครียด หยุดครับ เกินพอแล้ว)

    การที่จะทำให้คนอื่นมีความสุขได้ ตัวเราต้องสุขก่อน ขอโมทนาครับ....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 เมษายน 2007
  2. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว เตรียมเม็ดพืชพันธุ์ดี เตรียมปุ๋ยคอกปุ๋ยอินทรีย์ ปรับปรุงดินกันได้แล้วนะครับ ฤดูแห่งความอุดมสมบูรณ์กำลังมาแล้ว......
     
  3. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ฝนตกหนามาก หญ้าก็ขึ้นตาม ให้หมั่นถอนหญ้าบ่อย ๆ ต่อไปหญ้าจะขึ้นน้อยการดูแลพืชจะง่ายขึ้น

    บ้านเมืองตอนนี้ย่ำแย่ลงทุกวัน เศรษฐกิจก็ไม่ดี พอเพียงและพึ่งตนเองได้เข้าไว้ครับ.....
     
  4. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    กำลังสร้างพระรุ่นพอเพียงอยู่ครับ อาศัยบารมีท่าน ต่อกระแสตรงนี้ คนเราจะรวยก็ต้องรู้จักพอก่อน หากไม่พอเเล้วต่อให้รวยล้นฟ้าก็ยังคิดว่าตัวเองยังจนอยู่....
     
  5. crazy

    crazy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +1,238
    พี่ค่ะ เอาหญ้าที่ถอนแล้วมาไว้ห่มดินก็ได้นะค่ะ หรือไม่ก็นำใบพืชต่างๆมาปกคลุมดินเอาไว้ ความชื้นจากพื้นดินจะได้ไม่ระเหยไปค่ะ พวกจุลินทรีย์ในดิน หรือไส้เดือนจะได้มีซากพืชย่อยสลายเป็นปุ๋ยต่อค่ะ อิอิ
    (แต่ที่บ้านไม่มีที่ให้ปลูกผักเลยค่ะ ว่าจะเอากระถางมาปลูกผักกินจะได้ไม่ต้องซื้อ แต่คิดอยู่ว่าเมล็ดพันธุ์พืชนี่จะซื้อจากแหล่งไหนได้ค่ะในกรุงเทพนี่ เคยได้ยินว่าเมล็ดพืชบางที่เค้าจะทำให้เมล็ดพืชนี้เป็นหมัน เวลาพืชต้นนี้โตแล้วพอมีเมล็ดจะนำไปปลูกไม่ได้อ่ะค่ะ)

    กำลังคิดโครงการวางแผนชีวิตบนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียงอยู่ค่ะ แบ่งเป็นระยะเวลาชีวิตเลยแต่ยังคิดไม่ออกเสียที ตอนนี้เรียนเภสัช ปี 1อยู่ค่ะ อยากคิดตัวยาที่ใช้สมุนไพรมารักษาโรคแต่ยังไม่มีความรู้อะไรเลย T^T
     
  6. Attawat_Rx

    Attawat_Rx เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กันยายน 2005
    โพสต์:
    2,183
    ค่าพลัง:
    +18,400
    ขอบคุณครับ ได้ทำเช่นนั้นเหมือนกันครับ
    เรียนเภสัชหรือ สู้ ๆนะครับ พี่ก็จบเภสัช (Pharm D.) มาเหมือนกันยินดีที่ได้รู้จักครับ
     
  7. crazy

    crazy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    298
    ค่าพลัง:
    +1,238
    ว่าจะทำบัญชีรายรับรายจ่าย ยังไม่ได้เริ่มทำเสียทีค่ะ ติดความขี้เกียดนี่แหละค่ะ หาสมุดเล็กๆมาจดก็น่าจะดีเหมือนกันนะค่ะ พกพาสะดวกดี ซื้อของแล้วจดเลยดีไหมค่ะ หรือว่าค่อยจด แต่กลัวลืมจดบางอย่างจังค่ะ
     
  8. visa2505

    visa2505 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กันยายน 2007
    โพสต์:
    569
    ค่าพลัง:
    +1,095
    จะทำอย่างไรจึงจะมีพออยู่พอกินครับ พอเพียงจนใส้กิ่วหมดแล้ว การหามาเพิ่มให้มากขึ้นหรือการประหยัดให้มากขึ้นดีครับ
     
  9. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
     
  10. สะสาร

    สะสาร สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +8
    เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักทางสายกลาง เป็นหลักที่ยึดคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสตร์ที่มีความลึกซึ้งเป็นอย่างมาก โดยยึดหลัก ความพอประมาณ มีเหตุผล และมีภูมคุ้มกันที่ดี
    ส่วนตัว สะสารเองก็ทำได้บ้างไม่ได้บ้างแต่ก็มีความพยายามที่จะทำค่ะ
     
  11. มหาธาตุ

    มหาธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    147
    ค่าพลัง:
    +524
    สมุด (ไฟล์) บันทึกรายรับ-จ่ายประจำวันปี 2551

    เป็น ส.ค.ส. ปีใหม่ (แนบ) เพื่อร่วมสนับสนุนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. Mr.Kim

    Mr.Kim เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2007
    โพสต์:
    3,036
    ค่าพลัง:
    +7,028
    อนุโมทนาครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  13. poophe

    poophe สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +8
    เป็นสิ่งดีๆที่คนไทยทุกคนถ้าได้อ่านจะได้มีจิตสำนึก 'เศรฐกิจพอเพียง' และที่สำคัญมันได้ผลจริงๆ
     
  14. @^น้ำใส^@

    @^น้ำใส^@ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    2,330
    ค่าพลัง:
    +4,673
    **ภูมิคุ้มกันชีวิตบกพร่อง

    ภูมิคุ้มกันชีวิตบกพร่อง

    รากฐานที่เคยแข็งแรงของประเทศไทยกำลังถูกกัดกร่อน บั่นทอนอย่างรวดเร็วจากกระแสโลกาภิวัตน์ที่รานรุกคืบกลืนกินไปทั่วทุกมุมเมือง จากวิถีชีวิตที่เคยพออยู่พอกินของชาวบ้านผันแปรสู่หลักยึดที่เลื่อนลอยจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติฉบับแล้วฉบับเล่า ไม่เพียงนำประเทศชาติไปสู่ความล่มสลายทางเศรษฐกิจในเกือบทศวรรษที่แล้วเท่านั้น ทว่ายังสร้างค่านิยม "เงินคือพระเจ้า" ในหัวใจคนไทยทั่วไปด้วย

    กระนั้นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวคนไทย เมืองไทยไม่ให้ล้มครืนกลืนหายไปกับกระแสเชี่ยวกรากของโลกไร้พรมแดนก็คือพระราชดำรัสว่าด้วย "เศรษฐกิจพอเพียง" ซึ่งวันเวลาที่ผ่านมากว่า 25 ปีได้พิสูจน์แล้วว่ากรอบแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงที่มิได้บรรจุอยู่ในหนังสือเศรษฐศาสตร์เล่มใดในภาษาต่างประเทศนั้นบัดนี้กำลังถูกจับตามองจากสังคมระดับโลกมากมาย โดยเฉพาะแนวคิดเรื่อง "ประโยชน์สุขแทนที่ประโยชน์สูงสุดตามที่เศรษฐศาสตร์กระแสหลักยึดถือมาตลอด"

    การขานรับกระแสพระราชดำรัสเรื่องความพอเพียงแม้จะเห็นได้ชัดเจนจากภาคเกษตรกรรมผ่าน "เกษตรทฤษฎีใหม่" ทว่าภาคส่วนอื่นของสังคมก็ให้ความสนใจในฐานะภูมิคุ้มกันชีวิตและสังคมที่มากประสิทธิภาพ ดังที่ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ จัดสัมมนาวิชาการทางเศรษฐศาสตร์เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียงในกระแสโลกาภิวัตน์" ขึ้น เพื่อให้นักเศรษฐศาสตร์รุ่นใหม่ รุ่นใหญ่เข้าใจลึกซึ้งถูกต้องเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียงที่พ่อของแผ่นดินทรงพระราชทานให้

    ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา อธิบายว่าเศรษฐกิจพอเพียงประกอบด้วยหลักสำคัญ 3 ข้อคือ ทำอะไรด้วยเหตุด้วยผล อย่าทำอะไรตามกระแส ทำอะไรพอประมาณ สอดคล้องกับศักยภาพที่มี และให้มีภูมิคุ้มกัน ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ถ้าทำได้ตามนี้ประเทศชาติจะเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนได้

    ทว่าตั้งแต่อดีตยันปัจจุบันรัฐบาลไทยก็ให้ความสำคัญกับตัวเลขจีดีพีเท่านั้น โดยแกล้งหลงลืมว่าตัวเลขจีดีพีที่โตอย่างต่อเนื่องในแต่ละปีนั้นต้องแลกมาด้วยความหายนะของทรัพยากรธรรมชาติในประเทศ รัฐบาลพยายามสร้างความร่ำรวยจากภาคอุตสาหกรรมที่ปราศจากความยั่งยืน โดยไม่แก้ไข 3 ปัญหาสำคัญทั้งเงินทุน เทคโนโลยี และบุคลากรที่ต้องกู้หนี้หรือนำเข้ามาจากต่างประเทศเสียก่อน ส่งผลให้วันนี้ประเทศไทยไม่ต่างอะไรกับบ้านที่ต้องเอาเสาของคนอื่นมาใช้ ถ้าเขาถอนออกไปเมื่อใดก็ล้มเมื่อนั้น ดังที่เราจะต้องเผชิญเมื่อพวกเขาย้ายเงิน-คนไปเมืองจีน แต่ทิ้งขยะเทคโนโลยีไว้ให้เมืองไทย

    "การโตแบบไร้ฐานรากนี้ นำไปสู่การโตแล้วแตกครั้งแล้วครั้งเล่า ต่างจากการนำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ เพราะจะทำให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน รวยอย่างยั่งยืนและนำไปสู่ความสุข เมืองไทยเป็นที่หนึ่งได้ เพียงแต่ต้องรู้ว่าพละกำลังเราอยู่ที่ไหน ต้องรู้ศักยภาพของตนเองว่ามีขอบเขตตรงไหน ไม่ใช่วิ่งตามกระแส"

    นอกจากนั้นดร.สุเมธยังยกตัวอย่างการนำเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้จริงว่า ในระดับเล็กๆ อย่างเกษตรกรนั้น นับว่าโชคดีเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระราชทานเกษตรทฤษฎีใหม่มาให้เป็นแนวทาง ด้วยการบริหารจัดการแบบ 30:30:30:10 หรือขุดสระน้ำ 30% ปลูกผลไม้ยืนต้นและผักต่างๆ 30% ปลูกข้าว 30% และที่อยู่อาศัย 10% ของที่ดินทั้งหมด โดยหลังจากเกษตรกรพอยู่พอกินแล้วก็นำไปสู่การรวมกลุ่ม จัดตั้งสหกรณ์ต่อไป

    ส่วนระดับที่ใหญ่กว่านั้นบริษัทปูนซีเมนต์ไทยก็ได้นำแนวคิดเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้โดยไม่รู้ตัว หลังจากประสบภาวะเศรษฐกิจ ก็ลดภาคธุรกิจที่ไม่ถนัดออก คงเหลือไว้เพียงธุรกิจหลักของบริษัทเท่านั้น ซึ่งท้ายสุดแม้ธุรกิจจะเล็กลง ทว่าผลกำไรที่ได้กลับมากกว่าขณะที่ขยายธุรกิจจำนวนมากเสียอีก เนื่องจากทำธุรกิจแบบประมาณตัวจึงควบคุมได้ ขณะที่ในระดับโลกนั้นก็มีการพูดถึงธรรมาภิบาลกันมาก แทนที่จะพูดแต่จีดีพีดังแต่ก่อน

    "ยิ่งปัจจุบันประเทศชาติกำลังเผชิญวิกฤตด้านพลังงาน และตื่นตัวเรื่องไบโอดีเซลกันมากนั้น หารู้ไม่ว่าว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับสั่งให้ศึกษาเรื่องไบโอดีเซลตั้ง 20 กว่าปีมาแล้ว ด้วยพระองค์ท่านทรงมองเห็นการณ์ไกล ทั้งๆ ที่ขณะนั้นน้ำมันดีเซลราคาลิตรละไม่กี่บาท ซึ่งไบโอดีเซลจะช่วยชาวบ้านระดับรากหญ้าได้มาก เศรษฐกิจพอเพียงจึงใช้ปัญญานำไปสู่ความยั่งยืนในการเจริญเติบโต ขณะที่ทุนนิยม เสรีนิยม บริโภคนิยมนั้นล้วนแล้วแต่ใช้กิเลสนำ"

    From MGR Online

    http://www.bbznet.com/scripts2/view....order=numtopic
     
  15. ศิริพัฒน์

    ศิริพัฒน์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กันยายน 2008
    โพสต์:
    207
    ค่าพลัง:
    +47
    ต้องทำทั้งสองอย่างพร้อมกันอ่ะครับ หาเพิ่มให้มาขึ้นด้วยและก็ประหยัดเพราะถ้ารัดเข็มขัดอย่างเดียวเดี๋ยวเอวขาดเพราะมีรายจ่ายตั้งหลายอย่างทีเราไม่ได้เป็นกำหนด เช่น เกิดป่วยขึ้นมา อะไรประมาณนี้

     
  16. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +3,864
    <center>สมุด (ไฟล์) บันทึกรายรับ-จ่ายประจำวันปี 2552

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"> <!-- / icon and title --> <!-- message --> ร่วมสนับสนุนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงค่ะ

    [​IMG] Saving2552.xls (2.44 MB)

    [​IMG]



     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cover.jpg
      cover.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.6 KB
      เปิดดู:
      1,221
    • Saving2552.xls
      ขนาดไฟล์:
      2.4 MB
      เปิดดู:
      90
  17. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    <TABLE id=post1859129 class=tborder border=0 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center><TBODY><TR vAlign=top><TD style="BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" class=alt2 width=175><!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->MBNY<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1859129", true); </SCRIPT>
    Administrator

    [​IMG]

    วันที่สมัคร: Jul 2003
    ข้อความ: 5,007
    <IF condition="">
    </IF>พลังการให้คะแนน: 50000 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid" id=td_post_1859129 class=alt1><CENTER><!-- google_ad_section_start -->17
     
  18. เล่งอ๋อง

    เล่งอ๋อง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    236
    ค่าพลัง:
    +147
    อยากได้กลยุทธ์ของเศรษฐกิจพอเพียงอะค้าบบ อ่อ แล้วนำมาใช้กับการศึกษายังไง อะ จะสอบบอะ T_T
     
  19. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    อรหันต์ชาวนา ความพอเพียงในแบบของ แหลม พูนศักดิ์

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก dhammajak.net , pranippan.com , ทีวีบูรพา

    คำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" เป็นสิ่งที่คุ้นหูกันดีอยู่แล้ว แต่จะมีสักกี่คนที่สามารถนำกระแสพระราชดำรัสเกี่ยวกับ "เศรษฐกิจพอเพียง" ไปปรับใช้ในการดำเนินชีวิตอย่างจริงจังและสมบูรณ์แบบ เฉกเช่น "อรหันต์ชาวนา" หรือกลุ่มชาวบ้านแห่งบ้านโนนยาง อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ที่มีแหลม พูนศักดิ์ สมบูรณ์ เป็นผู้ริเริ่ม

    แหลม หรือ พูนศักดิ์ สมบูรณ์ เป็นลูกชาวนาธรรมดาๆ คนหนึ่งแห่งบ้านโนนยาง อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร เมื่อเรียนจบชั้น ป.6 แล้ว "แหลม" ก็ได้เดินตามกระแสสังคม ก้าวเดินออกจากบ้านเข้ามาหางานทำในเมือง และประกอบอาชีพ "ช่างซ่อม" ซึ่งเป็นสิ่งที่เขามองว่า ดูดี และทำเงินได้อย่างรวดเร็ว เขาได้เป็นช่างซ่อมประจำร้านในเมือง ก่อนจะเปิดร้านรับซ่อมเองที่บ้าน มีกำไรพอสมควร


    [​IMG]

    จนเมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง "แหลม" กลับมองว่า การเป็นลูกจ้างคนอื่น ไม่ใช่หนทางที่เขาอยากจะเลือกเป็น และเริ่มคิดว่า เขากำลังตกเป็นทาสของระบบทุนนิยม ตกอยู่ในวังวนของการเอารัดเอาเปรียบจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ทำให้เขาไม่สบายใจ และนั่นทำให้ "แหลม" เริ่มมองหาชีวิตใหม่ที่ดีกว่า

    หลังจากสับสนในชีวิตอยู่พักใหญ่ "แหลม" ก็ได้ไปดูงานของ "พ่อใหญ่เชียง น้อยไท" ชาวนาอาวุโสแห่งจังหวัดสุรินทร์ และเห็นแปลงเกษตรที่มีทั้งปลูกพืช สมุนไพร หลากหลายอย่าง ความประทับใจในครั้งนั้นทำให้ "แหลม" เริ่มมองเห็นความจุดมุ่งหมายของตัวเอง



    [​IMG] [​IMG]

    "การเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน" คือคำตอบสุดท้ายของ "แหลม" ทั้งที่เขาไม่เคยมีความคิดว่า จะทำนาเหมือนดังเช่นพ่อแม่ของเขามาก่อนเลย นั่นทำให้เขาเริ่มปรับเปลี่ยนชีวิตของตัวเองอีกครั้ง เขาตัดสินใจหันหลังให้กับการทำงานในเมือง ที่ใครๆ ต่างพากันยื้อแย่งเพื่อที่จะก้าวไปสู่ดินแดนศิวิไลซ์เช่นที่ "แหลม" มีโอกาส แต่สำหรับ "แหลม" เขามองว่า การพึ่งตัวเองได้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

    "แหลม" ตัดสินใจกลับบ้านมาใช้วิถีชีวิตดังเช่นชาวนาชาวสวน ทำนาโดยใช้ควาย แทนที่จะใช้เครื่องจักร เลี้ยงกบ เลี้ยงปลา และปลูกสมุนไพรไปในคราวเดียวกัน


    [​IMG]

    "ชาวนาที่ดูถูกควาย ผมไม่คิดว่าเค้าเป็นชาวนา ชาวนาจริงๆ จะคิดว่า ควายคือเพื่อนที่มีบุญคุณ สำหรับผมกลับยกย่องว่า ควายเป็นครู ผมต่างหากที่คิดว่าตัวเองเป็นศิษย์ของควาย" แหลมบอก

    แม้จะไม่มีใครเห็นด้วยกับความคิดของเขา และพากันเรียกเขาว่า "ผีบ้า" แต่ด้วยกำลังใจจาก "เรณู" ผู้เป็นภรรยา และลูกชายทั้งสองคน ก็ทำให้ "แหลม" ลุกขึ้นสู้ และฝ่าฟันจิตใจที่อยากจะกลับไปเป็นช่างซ่อมอีกครั้ง จนผ่านไปได้ด้วยดี

    "คนในหมู่บ้านมองว่าผมเป็นผีบ้า เพราะกลางคืนเดือนแจ้ง ผมจะลงไปขุดดินทำหลุมปลูกผัก บางวันก็ทำงานไม่หยุด เพราะต้องการที่จะให้มันเกิดผลเร็วๆ ให้พื้นที่แห้งแล้งกลายเป็นสีเขียวให้ได้ แล้วที่สำคัญผมต้องการพิสูจน์ให้ชาวบ้านที่เขาปรามาสไว้ว่า ไม่มีทางเป็นจริงได้ แต่ผมจะทำให้ได้..."


    [​IMG] [​IMG]

    สิ่งที่ "แหลม" ทำสอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจพอเพียงของแหลม คือเขาไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินเลย เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการ ก็สามารถหาได้จากไร่นาของเขา และความหลากหลายของการทำเกษตรก็ทำให้เขาสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างสบายๆ เพราะสามารถเก็บผลผลิตไว้ทานเอง ให้เพื่อนบ้าน หรือจะนำไปขายก็ได้

    "การทำอย่างนี้มันเหมือนกับเราฉีกสังคม แต่สังคมที่เราฉีกไปหาก็คือบรรพบุรุษของเรา มันคือรากเหง้าของเราเอง ถ้าทำเกษตรอินทรีย์แบบจริงๆ จังๆ นะ เราจะหลุดพ้นจากระบบนายทุนอย่างเต็มตัวเลย ทำนาง่ายนิดเดียว ลงแรงก็จริง เหนื่อยก็จริง แต่ก็แค่เดือนครึ่ง พอข้าวเต็มยุ้งฉาง เวลาที่เหลือจะนั่งเล่น นอนเล่นก็ได้"



    [​IMG]


    นอกจาก "แหลม" จะยึดแนวคิดพอเพียงมาใช้กับครอบครัวของตัวเองแล้ว เขาเล็งเห็นว่า สิ่งดีๆ เหล่านี้ควรจะถ่ายทอดให้ผู้อื่นได้รับรู้ด้วย "แหลม" จึงเริ่มถ่ายทอดประสบการณ์การทำนาของตัวเองผ่าน "โรงเรียนอรหันต์ชาวนา" ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ความรู้การเกษตรแบบผสมผสาน โดยเริ่มให้ความรู้จากคนในหมู่บ้านก่อน จนเมื่อแนวคิดของเขาได้บอกต่อปากต่อปากไปยังหมู่บ้านอื่นๆ ทำให้มีหลายคนหันมาสนใจการเกษตรแบบพอเพียงมากขึ้น โดยสิ่งที่ "แหลม" เน้นย้ำก็คือ "เศรษฐกิจพอเพียง" ที่จะทำให้คนอยู่รอดได้


    [​IMG]


    "ความรู้ในวิชาชีพอื่นๆ นั้นถูกเผยแพร่เยอะแล้ว แต่ชาวนามีโอกาสน้อยมากที่จะได้ขึ้นเวทีพูดให้คนอื่นฟัง ผมอยากให้คนอื่นได้รู้กรรมวิธีของชาวนา ให้รู้ว่าเป็นชาวนาแล้วไม่อดตาย" แหลมกล่าวอย่างมุ่งมั่นและภาคภูมิใจในอาชีพของตัวเขา

    ปัจจุบัน "แหลม พูนศักดิ์" เป็นหนึ่งในความภูมิใจของชาวยโสธร จนชาวบ้านขนานนามเขาว่า "แหลม ยโสธร" และนี่ก็คือชีวิตที่เรียบง่าย แต่สร้างความสุขได้บนพื้นฐานการดำเนินชีวิตในแบบของ "เศรษฐกิจพอเพียง" และสมดังคำว่า "อรหันต์ชาวนา" ที่เปรียบประดุจชาวนาผู้รู้ ผู้ตื่นแล้ว จนสามารถหลุดพ้นจากวัฎสงสารของระบบนายทุน หลุดพ้นจากวังวนแห่งการใช้สารเคมี และการหลุดพ้นจากความจน อันเป็นผลพลอยได้ที่ตามมานั่นเอง


    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    [​IMG]
    - sudipan.net
    - dhammajak.net
    - daratham.net
    -
    pranippan.com
     
  20. LEER

    LEER สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    7
    ค่าพลัง:
    +2
    เศรษฐกิจพอเพียงภูมิคุ้มกัน “โลกแตก”

    ถ้ามองอย่างเป็นระบบ อย่างใช้ความรู้ อาจกล่าวได้ว่า “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่เพียงแต่เป็นหนทางกู้ตำบล กู้ประเทศ ให้รอดพ้นจากวิกฤติเท่านั้น แต่ยังเป็นหนทาง “กู้โลก” กลมๆ ใบนี้อย่างแท้จริง
    [​IMG]

    แม้หัวข้อปาฐกถากำหนดไว้เพียง “แนวทางการทำงานภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงที่ต้องเข้าใจ” แต่เพราะได้สนองงานใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาเป็นเวลายาวนาน ทั้งในฐานะเลขานุธิการมูลนิธิชัยพัฒนา และบทบบาทอื่นอีกมากมาย ทำให้เนื้อหาที่ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล เลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา ในฐานะประธานคณะกรรมการโครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียง ตั้งใจถ่ายทอดด้วยลีลาง่ายๆ เป็นกันเอง แก่ ผู้บริหาร ปตท. และเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของโครงการฯ เกือบ 200 คน ณ สำนักงานใหญ่ ปตท. เมื่อปลายเดือนมีนาคม อุดมไปด้วยความรู้ และสามารถสร้างบรรยากาศของการตั้งใจติดตามเรื่องราวอย่างตื่นรู้ตลอดเวลาสอง ชั่วโมง


    คุณรู้หรือไม่ว่า “โลกกำลังป่วยหนัก”

    ปัญหาของโลกทุกวันนี้ไม่ว่าเป็นปัญหาอะไร เกิดที่ไหนในโลก มีสาเหตุอย่างเดียว คือการบริโภคที่เกินพอดีของมนุษย์ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่ามนุษย์ เพราะทุกวันนี้ไม่ว่ามนาย์จะอยู่ที่ไหนล้วนอยู่ภายใต้ระบบเดียว ที่เหมือนกัน คือ ระบบบริโภคนิยม คนทุกคนจะถูกกระตุ้นให้บริโภคสื่อต่างๆ ที่ผ่าหู ผ่านตา ล้วนชักจูง และหลอกล่อให้บริโภคเกินพอดี กินเกินพอ (กินของมันจนเกิดโรค) ใช้เกินพอดี (มีเสื้อผ้า เครื่องแต่งตัว มากเกินจนล้นตู้) สะดวกสบายเกินพอดีทำให้การใช้พลังงานของโลกพุ่งกระฉุด (ใช้รถยี่ห้อแพงๆ กินน้ำมันเยอะ มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่เกินจำเป็น)

    ทำไม คนที่เข้าใจ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของในหลวงจึงยอมรับว่า เป็นหนทางเดียวที่จะทำให้มนุษย์อยู่รอด เขาวิเคราะห์จากเหตุผลอะไร[​IMG]

    ความสับสน เรื่องแนวคิด “เศรษฐกิจพอเพียง”

    เริ่มต้นกล่าวถึงคำว่าเศรษฐกิจพอเพียง หลายคนรู้สึกว่ายากต่อการทำความเข้าใจ เป็นเช่นนี้เพราะที่ผ่านมาหลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน พยายามดึงเอาเศรษฐกิจพอเพียงเข้าไปสู่กิจกรรมที่ตนเองทำอยู่ ทำให้ภาพออกมาสับสน ไม่ครอบคลุมความหมายทั้งหมด วนเวียนอยู่ในเรื่องปลูกผัก ทำปุ๋ย ซึ่งเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

    “เศรษฐกิจพอเพียง” เป็นธรรมะ ที่ไม่ว่าจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน อาชีพอะไร ถ้าเข้าใจ และนำไปปรับใช้ทั้งในชีวิตส่วนตัวและการทำงาน ก็เกิดประโยชน์กับตนเอง เป็นหลักปรัชญาที่นำไปใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้ทุกระดับ ทั้งการบริหารประเทศในองค์กรขนาดใหญ่ ในครัวเรือน หรือแม้แต่ใช้กับชีวิตส่วนตัว ซึ่งถ้าใช้ให้ถึงแก่น ก็ไปถึงจุดหมาย คือ ความสุขที่ยั่งยืน แต่คนไม่ค่อยเชื่อ เพราะไม่เข้าใจ ไม่รู้จักฐานของปัญหา ซึ่งเป็นเรื่องที่จำเป็น เป็นเรื่องใกล้ชิดกับชีวิตของพวกเราทุกคน นั่นคือ ความเป็นมา และเป็นไปของโลกนี้ ทั้งๆ ที่เราต้องอาศัยและมีชีวิตอยู่บนโลก เราไม่เคยสนใจจะรู้จัก ไม่สนใจว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในโลกกลมๆ ใบนี้

    ปัญหาต่างๆ มีลำดับความเป็นมานับแต่วิวัฒนาการของโลก ถ้าเราศึกษา (ซึ่งเดี๋ยวนี้มมีนักวิทยาศาสตร์ช่วยศึกษา) จะพบว่าโลกใบนี้เกิดมา 4,600 ล้านปีแล้ว ในช่วงค่อนแรกคือ 4,000 กว่าล้านปี แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่หลังจากนั้นจนถึงปัจจุบัน มีการปรับตัวครั้งใหญ่ที่เรียกว่าโลกแตกมาแล้ว ถึง 5 ครั้ง แต่ละครั้ง สิ่งมีชีวิต (สัตว์ พืช) เหลืออยู่ไม่ถึง 10% ครั้งสุดดท้ายแตกเมื่อ 65 ล้านปีที่ผ่านมา ตัวเร่งให้เกิดการปรับตัวของธรรมชาติ คือคนเรานี่เอง นอกจากการเพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็วแล้ว (วันนี้ 6,700 ล้านคน) มนุษย์ยังบริโภคทรัพยากรทั้งหมดที่มีอยู่บนโลกนี้อย่างเกินพอดี ในขณะที่โลกยังเท่าเดิม ไม่ได้ใหญ่ขึ้นตามจำนวนคน ทุกวินาทีที่มนุษย์บริโภค (กิน ใช้ หายใจ ฯลฯ) เท่าไหร่ ก็คายขยะให้โลกเท่านั้นโดยไม่รู้ตัวแน่นอนว่าโลกจะแตกเป็นครั้งที่ 6 อีกเมื่อไหร่ ทุกวันนี้เราเห็นสัญญาณเตือนภัยทางธรรมชาติ ทั้งน้ำท่วน แผ่นดินไหวไฟป่า และพายุฝน ครบหมดแล้วทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ และแต่ละครั้งคนตายนับแสน

    ลัทธิเอาอย่างในเมืองไทยของเราบ้าง และคนไทย

    หันมาดูในเมืองไทยของเราบ้าง นับแต่เรามีแผนพัฒนาแห่งชาติฉบับที่ 1 เมื่อปี 2504 รายได้ประชาชนชาติของเราอยู่ที่ 8.4 ฝรั่งมาช่วยเราทำแผนก็ใส่ความคิดให้เราว่า ทำเศรษฐกิจมันโตขึ้นเรื่อยๆ โดยรายได้ส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมที่เราเร่งส่งเสริม
    พอถึงช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 5 เราก็อยากเป็นนิกส์ อยากเป็นเสือตัวที่ห้า ตอนนั้นรายได้ของเราโตด้วยตัวเลขสองตัวติดต่อกันถึงสามปีคือ 13.2, 12.2, และ 11.6 ในขณะที่ภาคเกษตรซึ่งเป็นวิถีชีวิตหลักของคนไทยลดลงจากประมาณ 50 เหลือเพียง 10% ของรายได้ของประเทศ ระหว่างที่เราชื่นชมตัวเลขทางเศรษฐกิจ เราก็มีปัญหาเรื่องการเมืองมีการปฏิวัติเป็นระยะ มีปัญหาเรื่องวกฤติน้ำมัน เราสูญเสียป่าไม้ไปจำนวนมาก การกระจายรายได้ไม่ดี เกิดเงินเฟ้อ ที่สำคัญคนยิ่งเป็นหนี้มากขึ้น

    ระหว่างนั้นเอง พระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็ออกมารับสั่งให้พยายามทำให้ประเทศของเราพอมีพอกิน ซึ่งไม่มีใครสนใจเลย
    หลังจากที่เศรษฐกิจโตต่อกันสามปี ฟองสบู่ก็แตก บทเรียนอันหนึ่งที่พบก็คือ เราอยากทำอย่างคนอื่นเขาอยากเป็นนิกส์ (NIC : Newly industrialized countries) อยากเป็นเสือตัวที่ห้า

    “นี่คือนิสัยอยากเอาออย่างคนอื่นเขา...ณ วันั้น ไม่เคยถามตัวเองเลยว่า โดยสภาพทุนทั้งหมดที่เรามีอยู่ สภาพสิ่งแวดล้อมสภาพวิถีชีวิตของคนเรา เราควรจะเป็นตัวอะไรดี ลองคิดดูว่า ถ้าวันนั้นเราดำรงความเป็นควายของเราไว้ วันนี้เราอาจรวยไม่รู้เรื่อง”


    [​IMG]

    หนทางสู่ความพอเพียง เพียงก้มดูตัวเองอย่างมีสติ

    เศรษกิจพอเพียง ต้องเริ่มต้นด้วยการเหลียวมองดูรอบๆ ตัว อย่างมีสติ เห็นสิ่งต่างๆ แล้วเอาปัญญาใส่เข้าไป แล้วเข้าสู่ธรรมมะสามประการของความพอเพียงนั่นคือ ประมาณตน มีเหตุผล และภูมิคุ้มกัน

    จะเห็นประมาณตนได้ ต้องมีการประเมินตนเองก่อนจึงจะรู้ว่าจะประมาณตนเองได้แค่ไหน

    “เห็น เอกสารของโครงการฯ ที่มีการทำบัญชีครัวเรือน ลงข้อมูลเรื่องรายรับรายจ่าย นั่นแหละการประเมินตนได้ทะลุปรุโปร่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีการประเทินก่อนจะรู้ได้อย่างไรว่าจะประมาณได้อย่างไร ว่าอะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ แค่ไหนอย่างไร”

    เมื่อรู้ตัวแล้ว ได้ตัวเลขข้อมูลในเอกสารแล้ว นั่นแหละคือเหตุคือผลที่จะให้เราเดินไปข้างหน้าอย่างไร ทุนนิยมใช้กิเลสตัณหาเป็นตำวนำทาง แต่เศรษฐกิจพอเพียงใช้เหตุใช้ผลและปัญญาเป็นตัวกำกับ เมื่อลงมือทำไปแล้วก็อย่างประมาณ ต้องสร้างภูมิคุ้มกัน ก็คือการจัดการความเสี่ยง แต่ทั้งหมดนี้ต้องทำอย่างมีความรู้ รอบคอบ และที่สำคัญต้องมีจิตใจที่มีคุณธรรม

    “เศรษฐกิจพอเพียง คือ เราเอาชนะกิเลสไหน...ไม่ใช่สอนให้ตัดกิเลส แต่ควบคุมกิเลสอย่าให้มันชนะเรา อย่างให้มันควบคุมเรา...”
    เห็นด้วยอย่างยิ่งที่โครงการรักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบลวิถีพอเพียง ที่มุ่งลดรายจ่ายมากกว่าหารายได้

    “... นักพัฒนาในอดีตส่วนใหญ่ ไปบอกให้เพิ่มรายได้ซิอย่าอยู่เฉยๆ ทำอะไรต่ออะไร ผมก็เริ่มโง่มาอย่างนั้นเหมือนกัน แต่มาถึงตอนนี้ ผมเห็นแล้วว่า ขั้นแรกต้องลดรายจ่ายก่อน มีสารพัดเลยที่เราจะลดได้...มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เราสามารถทำได้ทันที... ถ้าเรามีความคิดที่จะดำเนินชีวิตแบบพอเพียง”[​IMG]

    สถานการณ์ที่น่าเป็นห่วของโลก

    เศรษฐกิจที่โต หรือรวยขึ้น จะมีผลกระทบกับโลกทั้งสิ้น มีกการคำนวณว่าเศรษกิจโลกไม่โตขึ้น หรือเท่ากับ 0% อุณหภูมิโลกจะขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ตัวเลขเป็นจุดทศนิยม โลกจะร้อนขึ้นตามอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (ถ้าตัวเลขทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น 2-4% ต่อปี โลกจะร้อนขึ้น 2-4 องศา) ประเทศยิ่งพัฒนายิ่งมีความสะดวกสบายขึ้น บริโภคมากขึ้น โลกร้อนขึ้น ถ้าน้ำแข็งขั้วโลกละลายเร็วกว่ากำหนด ถามว่าพวกเราในประเทศไทยกระทบหรือไม่ ตอนนี้มีการศึกษาว่าอีก 10 ปี กรุงเทพฯ น้ำจะท่วม อีก 100 ปี ชายฝั่งทะเลจะยอู่ที่ จ.นครสวรรค์ แผ่นดินจะแห้งแล้งขึ้น อากาศจะร้อนขึ้น แหล่งผลิตอาหารจะน้อยลง ให้ถามตัวเองว่าสถานการณ์เป็นอย่างนี้ เราเดือดร้อนหรือไม่ ช่วยวิเคราะห์ว่า ธรรมะ หรือหลักคิด ของในหลวงจะเป็นทางออกได้หรือไม่

    ตัวบ่งชี้เรื่องการบริโภคทรัพยากรของมนุษย์อย่างเด่นชัดคือ ทรัพยากรที่เป็นเรื่องพลังงาน นับแต่ปี ค.ศ.1950 ที่เทคโนโลยีเริ่มพัฒนาก้าวหน้าอย่างมาก ทั้งโทรทัศน์ ยานยนต์ สิ่งประดิษฐ์ต่างๆ ของมนุษย์เกี่ยวข้องกับเรื่องของพลังงานทั้งสิ้น

    ดังนั้น ข้อมูลการใช้ถ่านหิน น้ำมันดิบ ก๊าซ เมื่อนำมาแสดงเป็นกราฟแล้วจะเห็นเส้นการใช้ทรัพยากรเหล่านี้ขึ้นสูว โดยเฉพาะไฟฟ้าขึ้นสูงสุด

    ระบบทุนนิยมรวมศูนย์ที่เศรษฐกิจต้องเติบโต พลังงานเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจ่ายไปเพื่อสร้างความมั่นคั่ง ผลคือโลกร้อนขึ้น




    ขอบคุณข้อมูลภายใต้ความร่วมมือของวารสารจดหมายข่าว รักษ์ป่า สร้างคน 84 ตำบล วิถีพอเพียงและ วิชาการ.คอม
    PTT


     

แชร์หน้านี้

Loading...