....เหตุแห่งการกำเนิด เกิดมาเพื่อสร้างบารมี....

....เหตุแห่งการกำเนิด เกิดมาเพื่อสร้างบารมี....

คนที่เกิดมาสร้างบารมี จะไม่สนใจในการสร้างหลักฐาน แต่จะตั้งหน้าตั้งตาประกอบแต่การบุญ การกุศล

เมื่อมนุษย์โลกเกิดความระส่ำระสายเดือดร้อน เทพยเจ้าผู้ปกครองสวรรค์จะคัดเลือกเทพองค์หนึ่ง หรือเทพจำนวนหนึ่ง ลงมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อแก้สถานการณ์อันเลวร้ายนั้น เทพผู้เสียสละความสุขในแดนสวรรค์เพื่อสร้างบารมีเช่นนี้ ตลอดชีวิตจะมีการต่อสู้เพื่อสังคม เพื่อความดีงาม เพื่อเสรีภาพ ต่อสู้อย่างไม่หยุดหย่อน ครั้นภาวะแวดล้อมต่างๆ พ้นขีดอันตรายแล้วเทพในร่างมนุษย์นั้นก็จะละโลกนี้ไป

ปกติเทพสร้างบารมีจะไม่ยอมเสวยสุข รับความชื่นใจจากผลของงานของตนเอง พอกู้ชาติสำเร็จ ก็จะอำลาโลกทันที กลับไปเสวยสุขในโลกเบื้องสูงต่อไป

เครดิต เฟสบุ้ค แก้วดารา บารมีธรรม

 

เพื่อโชว์รูป สวยๆไงครับ..มั้งครับ อิอิ

ตรุษจีน ปีนี้ สวยรวยทรัพย์
นั่งนอนนับ เงินทอง คล่องสมหวัง
สุขภาพ แข็งแรง ด้วยพลัง
ร่ำรวยจัง ปีใหม่นี้ เฮงเฮงเฮง....

 

คุณบ้องแบ้ว เธอมีความฝัน อยากเป็น จอมยุทธหญิง....น่ะครับ
คู่กับ นักรบกล้า ท่องยุทธภพ....อิอิ

คงจะทำนองนี้ น่ะครับ

 

น่าสังเกตไหมว่า ทำไมถึงไม่ลงมาตัวเป็นๆทั้งที่เป็นเทพ แต่กลับต้องเกิดเป็นมนุษย์ก่อน
การที่เทพปรากฏตัวเป็นๆ ให้มนุษย์ได้เห็น อาจทำให้มนุษย์ส่วนใหญ่
มีความเชื่อมั่นในหลักการทำความดี
เชื่อเรื่องภพหน้ามีจริง
มากกว่าเทพมาเกิดเป็นมนุษย์แล้วค่อยสอนมนุษย์

 

ในเรื่อง...บารมี.....บารมี คืออะไร เพื่ออะไร ....
มันอาจขึ้นอยู่ ประกอบอยู่ ใน เป้าหมายอันเป็นที่สุดแห่งชีวิต..หรือไม่

เพราะ บารมี อาจหมายถึง....ที่พึ่งพาที่จะนำพาให้เรา ได้รับความสะดวกสบาย ในการเดินทางเพื่อบรรลุเป้าหมาย..ก็เป็นได้

ดังนั้นบารมี จึง เปรียบเสมือนสิ่งที่จะมาช่วยเราแก้ไขทุกปัญหาระหว่างการเดินทางนั่นเอง....หรือระหว่างการทำงาน ทำกิจ...เปรียบดั่งแสงสว่างส่องทางก็เป็นได้

ผมจึง เปรียบบารมีคือ ปัญญา...ที่ต้องสะสม ที่ต้องเรียนรู้ ที่ต้องนำมาใช้ ทั้งแก้ไขปัญหาของตนเอง และปัญหาของคนอื่น...มันเหมือนกระจกเงาที่ส่องสะท้อนให้เราได้เห็นถึงคุณค่าของชีวิตที่มีอยู่ ในตนเอง....ของเราเอง

เพราะบางคน..อาจยังไม่ได้รู้ซึ้งถึงคุณค่าของตนเอง ก็เป็นได้

 

ก็กลัวว่า....แทนที่มนุษย์จะศรัทธาในตัวเอง ในความเป็นมนุษย์ของตัวเองได้..กลัวมนุษย์จะหลงลืมตน พากัน ศรัทธาในความเป็นเทพ แทนน่ะสิ...เลยพากัน ไม่อยากเป็นมนุษย์ อยากเป็นเทพกันหมด จะเป็นไงล่ะทีนี้...

นี่คือกฏ ของภพภูมิ...ไงครับ อย่าไปสร้างความหลงผิด ให้กับสัตว์ที่มีขันธฺ5..เพราะ อวิชชา มัน แรงครับ สำหรับ สัตว์ที่มีขันธ์5ครบ

 

แต่ทุกวันนี้ ในโลก อินเตอร์เนต โลกดิจิตอล โลกจินตนาการ....หนัง...เรื่องความคิด เรื่องเทพ เรื่องมิติภพภูมิ มันได้พยายาม ทำลาย กรอบความคิดของมนุษย์ไปแล้ว...เช่นเกมส์ต่างๆ ที่ มันสามารถทำให้ผู้เล่นเกมส์ ใช้ชีวิต ความคิดอย่างอิสระ...ได้..เป็น ตัวอย่างได้ก่อนในเกมส์ ....หนัง เทพเจ้า ..ชีวิตจริงกับความคิด..ที่ สร้างที่ฝันเองได้ ในจินตนาการ....สิ่งเหล่านี้ คือ...การพบายามเปิด...มิติ เปิดจินตนาการ..ระหว่างโลกความจริง เข้าหาโลกความฝัน

มันจึงเป็นการ เชื่อมมิติ ปรับมิติ ซ้อนมิติ...อลเวงกันอยู่...

 

เปิดโลกจริง...ควบคู่ไปกับ เปิดโลกแห่งจินตนาการ...

มนุษย์คนใดที่ฝึกสติมาไม่ดี....ก็จะอิน หลง ไปกับ โลกแห่งจินตนาการแทน ได้ โดยง่ายดาย....ทำไมเด็กถึงติดเกมส์...ทำไมผู้ใหญ่ ถึงติดเกมส์....เป็นเพราะโลกของเกมส์ มันไม่ตีกรอบ ให้ความคิดนั่นไง..มันกลับชี้นำถึงการ กระทำนอกกรอบตามความคิดได้ นั่นเอง...เด็กทุกวันนี้ เลย ไม่สนใจโลกแห่งความจริง หรือชีวิตจริงกันมากนักไง....

มันมีผลตามมาแน่นอนครับ...เชื่อขนมกินได้

 

ต่อมา กฏระเบียบประเพณี ในโลกจริง หรือชีวิตจริง ก็จะถูก ละเลย..ไป
ก็จะถูก ความคิด ความเชื่อ จากโลกเกมส์...เข้ามาแทนที่..(โลกอวตาร)...ที่เอาตัวละครจากเกมส์ มาเป็น หลักของการใช้ชีวิต...คือทำอะไรก็ จะพ้นไปจากสามัญสำนึกความรับผิดชอบ ของตัวจริง...ไป จะพากันเป็น สวมหน้ากากต่อหน้า...ลับหลัง จะเป็น เกมส์ชีวิตของใครของมัน ไงครับ

มันคงเป็น กรรมรูปแบบใหม่นะครับ...ที่...ต้องรับมือ

 

ใครที่ติดตามโลกของเกมส์ จะเห็นว่า มันพัฒนา รูปภาพ 4k ภายสวยเสมือนจริง open world...สร้างความกว้างของเกมส์ เป็นดั่ง ภพภูมินึง ขึ้นมาเลย...เป็นเหมือนโลกอีกโลกนึง ...มันเลย...เป็นการสร้าง ชี้นำ ให้คน ใด้ สร้างโลกส่วนตัว เป็นของตนเอง...อวตารในเกมส์ออนไลน์ต่างๆ...กันไป

นี่คือ...การพยายาม..เชื่อมมิติครับ...เป็นไปแบบเนียนๆ...ที่ พยายามทำให้มันดูเหมือนเป็นปกติ..ทีละนิด...ครับ...จะเห็นได้ว่า คนสมัยนี้ มันอินกับเกมส์ มากเกินไป...เด็กและผู้ใหญ่ทุกวันนี้ มีโลกทางโทรศัพท์ เป็นของตนเองกันมากขึ้น....นี่คือ...การทำลาย กรอบความคิด ที่ ทำลายทั้ง ...กรอบที่ดี และกรอบที่ควรมี ก็จะ หมดความสำคัญไป เอง...โดยเนียนๆ

 

ผมไม่ไช่คนที่คิดมากนะครับ
แต่ผมเป็นคนที่ คิดเป็น...ตามที่ มันเป็นไป

 

อิอิ ผมก็มีความคิด พิสดารขึ้นมา ละ...ผมจะไปสร้างดอกบัว ไว้ในเกมส์ ดีกว่า....คนจะได้ เห็นดอกบัวแสงจากโลกอินเตอร์เนต ได้ด้วย..

อิอิ เข้าท่า

 

โลกเกมส์ ไม่ได้สอนถึงความอดทน หรือ ค่อยๆสะสม ค่อยๆเป็นไป...แต่มันคือ การสร้างทางลัด กลโกง ที่ฝึกให้ตนเองเป็นผู้ชนะ เท่านั้น แพ้ไม่เป็น..อะไรๆก็ต้อง โกงเอา ...โดยเร็วโดยไว...มันจึงเป็นการ สร้างนิสัยที่เป็นนิสัยที่ไม่ดี ให้กับเด็กกับคนยุคสมัยนี้ ในการที่จะไม่ใช้ความคิดหรือสติปัญญากันมากนัก เล่นเกมส์แล้วก็ไม่คิดอะไร...พอมาถึงชีวิตจริง ก็เลยไม่คิดอะไร ไงครับ....เอาเกมส์มาใช้ในชีวิตจริง เฉยเลย...

เนี่ยปัญหาที่ จะเกิดขึ้น ในสังคม ต่อไปครับ....เชื่อผมเถอะ

 

ตามปกติ ขนบธรรมเนียมประเพณี มีเอาไว้เพื่อ รักษา กรอบความคิดของคน ไม่ให้ มันออกนอกกรอบ จนไม่คิดถึงความเดือดร้อนของคนอื่น...แต่เมื่อโลกของเกมส์ โลกอินเตอร์เนต มันเป็นช่องทาง ในการทำลายกรอบความดี กรอบที่สมควร...เมื่อถูกทำลายกรอบความคิดนี้ไป ก็เหมือน เป็นการทำลายศีลธรรมไปด้วยนั่นเอง...สักวัน โบกความจริง ก็จะ...กลายเป็นโลกที่ไร้..กรอบ ไร้ขอบเขต ไร้ศีลธรรม...ไปเลย

น่า...ห่วงมั้ยครับ หรือ..เฉยๆ

 

ปัจจุบันนี้ จะเห็นภาพ ที่ ไปทางไหน ใครก็ถือโทรศัพท์มือถือ...ขนาดเวลากินข้าว มันยังไม่วาง ไม่พัก...เวลาทำงานยังไม่วางไม่พัก...เวลาจะนอนจริงๆ มันยังไม่สนใจที่จะหลับจะนอน....ดูเอาเองครับว่า ยุคนี้ มันกำลังมอมเมา คลืบคลาน เข้าไป ในจิตใจของมนุษย์ ได้...เหมือน..เงามืดของความชั่วร้าย...โดนกันทั่วหน้าครับ....เพื่อทำลายกรอบความดีงาม ความถูกต้อง ทำลายโลกจริง...แล้วนำพา ปลูกจิตใจให้คนหลงไป ในโลกแห่งความคิด ที่ไร้กรอบ ไร้ศีลธรรม

อิอิ..หรือนี่จะเป็น กรรมของ มนุษย์ โดยรวม...ซะล่ะมั้ง...

 

ทีนี้ ข้อดีของ โลกอินเตอร์เนต หรือโลกของความคิด

คนที่คิดเป็น คิดให้เรื่องในความคิดมันสามารถคิดจบลง ได้ในความคิด ก็ถือว่าเป็นคนมีปัญญา นะครับ...เพราะถ้าโลกในความคิดจบลง ความคิดนั้นก็จะไม่ออกมา ส่งผลให้ต้อง มากระทำกรรมต่อทางโลกความจริงไงล่ะครับ

แปลว่า ใคร...ที่สามารถ ระบาย ทิ้ง สลัด อารมณ์ ความคิดที่ไม่ดีทั้งหลาย สลัดทิ้งลงในโลกแห่งความคิดได้...หรือระบายทิ้งในโลกอินเตอร์เนตได้ ก็จะเป็นการลดกรรม กับโลกแห่งความเป็นจริงได้..ข้อสำคัญต้องรู้ให้มันจบลงได้ทุกความคิด ละมีสติ เมื่อกลับออกมาสู้โลกความเป็นจริง

นี่คือข้อดี ของคนมีปัญญา ครับ

 

ผม เคยแนะนำ คนคนนึง(ตำรวจ)...เขาบอก เขามีอารมณ์ร้อนมาก เวลาเห็นภาพอะไรที่ขัดตาขัดใจ ที่คนอื่นทำผิด วัยรุ่นที่มันกวนบาทา...เขาจะเอามาคิด แบบ ลืมไม่ลง ต้องเคลียร์ ๆๆๆๆ...ไม่เป็นอันสงบ ถ้า ไม่ทำอะไรสักอย่าง

ผมก็เลยแนะนำ ไป..เพราะผมเองก็ประเภทนี้ เหมือนกัน(ผมเนี่ยถ้าฆ่าได้ ผมฆ่าไปแล้วครับไม่ต้องพูดมาก)....ผมก็แนะนำไปว่า (อันนี้หลังจากที่เข้าใจในระบบความคิดของตนเองมาได้แล้วนะครับ)

ผมก็แนะนำว่า...ให้คิดให้มันจบให้ได้ครับ...เช่น สร้างเรื่องสร้างภาพขึ้นมาในหัวเลยครับ...ว่า เราเดินเข้าไป เพี๊ยะ ตุ๊บๆๆ พลั่กๆๆ ตั๊บๆๆๆ จนมันนอนจมกองเลือด ยกมือไหว้วิงวอน ขอชีวิต ในจินตนาการนั่นแหล่ะครับ เอาจนเห็นภาพว่ามันสำนึกผิดไปแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว....แล้วเมื่ออารมณ์เราสงบลง ก็คือ เราก็อภัยในความคิดนั้น เขาก็สำนึกในความคิดที่เราคิดนั้น...มันก็จบลงได้

ทีนี้ ถ้าอารมณ์ร้อนเรา มันยังลดไม่หมด เราก็คิดอีกรอบครับ..ระบายๆๆๆในใจในความคิดนั้น เอาจนตัวเรา เหนื่อยลงเองครับ...แล้วค่อยจบลงในความคิดนั้น....แบบนี้คือ การคิดให้มันจบครับ

เขาก็ถามต่อ เรื่องกาม...เช่นเวลาเห็นสาวๆที่นุ่งน้อยห่มน้อย..เห็นแล้วปรุงแต่งเกิดอารมณ์ จะทำไง...ก็ให้คิดแต่งเรื่อง ว่าเป็นผัวเมียกันเลยครับ เข้าห้อง ในความคิด จินตนาการ ให้เสร็จไปเลยครับ อาจ มีการ..ต้อง ช่วยตัวเองบ้าง..ก็ทำไปครับ ดีกว่าไปก่อคดี...ในโลกของความจริง..จะเป็นบาปมากได้

ดังนั้น โลกความคิด หรือโลกอินเตอร์เนต ถ้ารู้จักใช้เพื่อ ระบาย..ความคิดที่ไม่ดี อารมณ์ที่ไม่ดีได้ จบลง....ก็ย่อมสามารถรักษาไม่ให้ โลกทางความคิด ไปกระทำกรรมต่อ โลกแห่งชีวิตจริงครับ

น่าจะมีการแนะนำ แบบนี้ ด้วยนะครับ

บางเวลา จะเอาขันติๆๆๆๆมากดข่ม มันไม่ไหวครับ
ส่วนมากเวลามันขันแตก มันจะหนักกว่า...ทำลายโลกความจริงได้ม่กมายครับ

 

ดังนั้น ผู้ปฏิบัติธรรม...จึงควรมี สามีภรรยา เป็นของตัวเองครับ...จะได้มีที่ระบายอย่างถูกต้อง ตามทำนองคลองธรรม..และทางธรรม ขาเรียก เป็นการปรับสมดุลย์พลังงาน ระหว่าง ชายหญิงไปด้วย..เมื่อจิตใจสงบสุข จากการได้ระบาย ที่ถูกต้อง...การพัฒนาปัญญา ตาม ที่เรียกว่า หยินหยาง หรือสมดุลย์ตามธรรมชาติของรูปนาม...มันจึงเป็น ปัจจัย ในการ ปฏิบัติธรรมเพื่อรู้ความจริงตามธรรมชาติ ที่หลายคนเรียก...ฝ่ายหญิงว่า นางแก้วคู่บารมี ก็แล้วแต่จะเรียกครับ...เพราะความรักความเข้าใจ จากสามีหรือภรรยา จึงเป็นพื้นฐานสำคัญ ของชีวิตครับ...มันคือ ส่วนนึงของโลกวัฏะสงสาร ที่ต้อง เรียนรู้และสอบผ่านครับ...เพื่อเป็นผู้ชนะโลก....นั่นเอง

 

การอยู่ตัวคนเดียว...คุณตัดมานะสังโยชน์ ในตน...ได้ง่ายนะครับ
พอพ่อแม่เรา แก่ เราก็ไม่ค่อยห่วง ยิ่งถ้าพ่อแม่เราตาย หมด เหมือนผม ก็ยิ่งหมดห่วง

แต่ถ้ามีเมีย ตามกฏหมายเป็นคนเดียวกันนะครับ...ห่วงกันและกัน..
พอมีลูก จะแบ่งความห่วงออก ครึ่งต่อครึ่ง...แต่ไม่ห่วงตัวเองนะครับ ภรรยาจะห้ล่วงสามีและลูก สามีจะห่วงภรรย่และลูก...เพราะอะไรครับ เพราะตามสามัญสำนึกของพ่อแม่ที่ดี ก็ย่อมต้องการให้ลูกเติบโตเป็นคนดีในสังคมต่อไป ไงครับ..มานะสังโยชน์ ..มันจึงมีด้วยกันทั้งสองฝ่าย...คือ
ภรรยา....ห่วงสามีและลูก...อีกด้าน สามีแบะลูกห่วงคุณ
สามี......ห่วงภรรยาและลูก...อีกด้าน ภรรยาและลูกห่วงคุณ

ทีนี้ยังไม่พอ ถ้าเกิดสามีเบื่อภรรยา หรือภรรยาเบื่อสามี...แต่จะละทิ้งลูกอันนี้ ย่อมยากกว่า ดังนั้น...เรื่องห่วง แบบนี้ มันจึงต้องเรียนรู้ความจริงและก้าวผ่าน ทำข้อสอบให้ผ่านครับ...เพื่อชีวิตที่...ไม่ล่มสลาย ไม่พ่ายแพ้โลกครับ

มันจึงเป็นปัจจัยในการ เรียนรู้ความจริงของโลกวัฏะสงสารด้วยครับ

 

ดังนั้น...คำว่า...รูปธรรม...หรือโลกธรรม...มันจึงเป็นปัจจัย เป็นบททดสอบเบื้องต้นของทุกชีวิต ที่ต้องการบรรลุธรรม...นั่นแปลว่าเข้าใจในชีวิต เข้าใจในปัญหาของทุกชีวิต เข้าใจใน กายใจ ความคิดของทุกชีวิต ทุกวัย ทุกบทบาท ด้วย...เพราะถ้าท่านอ้างว่า ท่านบรรลุธรรม...ท่านต้องแก้ไข ปัญหาให้คนอื่นได้..หมดทุกวัย ทุกระดับ ประทับใจ..นั่นเอง

แล้วเมื่อ มาถึง อรูปธรรมหรือ โลกุตร...จึงแปลว่าท่าน..รู้เรื่องของชาวโลก..กาย ใจ จิต ความคิด...มาเป็นอย่างดี นั่นเอง

นี่สำคัญ..ของการ ที่ ว่า...เป็นผู้บรรลุธรรม