เรื่องเด่น เหนียวสมชื่อ!! "หลวงพ่อทบ" แม้จะอาพาธ ยังฉีดยาไม่เข้า!! เข็มหักถึงสองครั้ง ต้องให้ท่านอนุญาต ถึงจะสำเร็จ!!

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 9 มิถุนายน 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    เหนียวสมชื่อ!! "หลวงพ่อทบ" แม้จะอาพาธ ยังฉีดยาไม่เข้า!! เข็มหักถึงสองครั้ง ต้องให้ท่านอนุญาต ถึงจะสำเร็จ!!

    04553_1295.jpg


    หลวงพ่อทบ กับ เข็มหัก

    เรื่องนี้มีด้วยกันสองตอน ตอนแรกเหตุเกิดกับหลวงพ่อทบ ตอนที่สองเหตุเกิดกับตัวผมเอง

    ตอนแรก เรื่องมีอยู่ว่าน้องสาวของคุณพ่อผมคนหนึ่งปัจจุบันอายุ74ปีเรียนจบสาธารณสุขศาสตร์จาก ม.เชียงใหม่กลับมารับราชการที่บ้านเกิดในตำแหน่ง อนามัยตำบล ประจำตำบลนายม (ที่ชาวบ้านเรียกหมอ) เริ่มรับราชการประมาณปีพ.ศ.2504เป็นต้นมาท่านเล่าให้ผมฟังว่า ในปีก่อนที่หลวงพ่อทบจะมรณภาพนั้นท่านป่วยเป็นไข้นอนซมอยู่บนกุฏิ ตาแฉล้มลูกศิษย์ท่านมาตามอาผมให้ไปช่วยฉีดยาแก้ไข้ให้หลวงพ่อทบที่วัดช้างเผีอก อาผมไปที่กุฏิ ภาพที่ท่านเห็นหลวงพ่อนอนเป็นไข้ตัวสั่นบ่นพึมพำอยู่ก้อเลยจัดแจงเตรียมยาลดไข้ฉีดให้หลวงพ่อทบ พอปักเข็มแรกเข็มก้อหัก ก้อเปลี่ยนเข็มใหม่ พอปักเข็มที่สองเข็มก้อหักอีกเหมีอนเดิมจึงปรึกษากันว่าจะทำยังไงกันดี ในที่สุดก้อตกลงกันว่าจะต้องปลุกหลวงพ่อทบบอกขออนุญาตท่านจะฉีดยาแก้ไข้ให้ท่าน

    18839363_1736683876629963_8641272734605353659_n.jpg



    ตาแฉล้มก้อปลุกท่านตื่นขึ้นมา อาผมก้อพูดกับหลวงพ่อทบว่า "หลวงพ่อ นม จะฉีดยาแก้ไข้ให้แต่เข็มหักไปแล้วสองเล่ม ให้นมฉีดยาให้นะจะได้หายไข้นะหลวงพ่อ" ท่านรับรู้แล้วก้อพูดกับอาผมว่า "เอ้า ฉีดเลยนม" (คำว่า นม ตามภาษาบ้านนายมหมายความว่าลูกสาวหรือหลานสาว ส่วนคำที่เรียกลูกชายหรือหลานชายคึอ เณร เป็นคำที่ผู้ใหญ่ใช้เรียกเด็กๆ) อาผมยังเล่าให้ฟักอีกว่า ที่หลวงพ่อนอนเป็นไข้ตัวสั่นบ่นพึมพำอยู่นั้น ท่านไม่ได้บ่นอะไรแต่ท่านกำลังท่องคาถาอยู่นะขนาดเป็นไข้ นึกถึงตอนเป็นเด็กๆถ้าไปหาหลวงพ่อพวกเราเด็กๆจะตั้งใจดูว่าหลวงพ่อจะคายชานหมากเมี่อไหร่ ท่านจะเอามึอไปจับกระโถนมารองแต่พวกเราเอามึอไปรองก่อนกระโถนเพี่อนำชานหมากไปขายให้กับญาติๆในราคาหนึ่งบาทเป็นที่สนุกสนานของเด็กๆ

    305111-11b46.jpg


    ตอนที่สอง เรื่องนี้เกิดขี้นกับตัวผมเองประมาณปีพ.ศ.2535 ไปธุระอ่างทองจะกลับเข้าก.ท.ม.เวลาประมาณตีสี่ที่ถนนสายเอเชียช่วงคลองจรเข้จังหวัดพระนครศรีอยุธยาตอนนั้นขาเข้าและขาออกจะมีข้างละสองเลนแล้วจะมีร่องตรงกลางระหว่างกันยังไม่มีต้นไม้ในร่องกลางถนน ตัวผมนั่งอยู่ตอนหน้าคาดเข็มขัดนิรภัยของรถปิคอัพที่มีแค๊ปนั่งในแค๊ปมาสี่คนนอนท้ายรถมาอีกหนึ่งคนด้วยความเร็วประมาณ120ก.ม./ช.ม. ด้านหน้ารถของเรามีรถปิคอัพผัวเมียนั่งมาต้วยกันบรรทุกรถจักรยานยนต์ที่กระบะหนึ่งคัน เหตุเกิดจากแท๊กซี่ฝั่งตรงข้ามหลับในมาด้วยความเร็วประมาณ160ก.ม./ช.ม.ลงร่องกลางถนนแล้วบินขึ้นมาตัดตรงเก๋งของรถปิคอัพด้านหน้าทำให้ศีรษะของสองผัวเมียขาดตายคาที่พร้อมรถจักรยานยนต์ลอยลงมาชนกับรถปิคอัพของเราด้านหน้าตรงที่ผมนั่งอยู่ คนที่มากับเราท้ายรถคอหักตายคนที่นั่งในแค๊ปปากแตก, หัวโนไปตามกัน ผมเห็นมีควันสีขาวรอบตัวผมไปหมดมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก้อนึกถึงพระที่ห้อยอยู่ในคอองค์เดียวที่คุ้มครอง ปกป้องรักษาชีวิตเราคือพระสมเด็จเข็มหักลงกรุ หลวงพ่อทบ ที่ติดต้วไปตลอดทุกที่ ปัจจุบันนี้ตรงที่เกิดอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นที่เก็บซากรถชนของตำรวจแล้ว

    222b8d82716a17ab23710678cd22b9fc.jpg

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ และที่มาข้อมูลhttp://www.luangporthob.com/forum/index.php…

    ศิษย์มีครู


    เรียบเรียงโดย

    ศักดิ์ศรี บุญรังศรี : สำนักข่าวทีนิวส์


    -----------------------
    http://www.tnews.co.th/contents/326309
     
  2. นายธนาคาร

    นายธนาคาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2017
    โพสต์:
    129
    ค่าพลัง:
    +111
    สาธุครับผม
     
  3. ra_15

    ra_15 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    155
    ค่าพลัง:
    +116
    สาธุ 1f64f_1f3fd.png สาธุ 1f64f_1f3fd.png สาธุ 1f64f_1f3fd.png
     

แชร์หน้านี้

Loading...