เหรียญพระอาจารย์ทูล วัดขามทอง

ในห้อง 'ห้องแสดงวัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย สหาย เมฆา, 20 ธันวาคม 2017.

?

-

  1. -

    0 vote(s)
    0.0%
  2. -

    0 vote(s)
    0.0%
Multiple votes are allowed.
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. สหาย เมฆา

    สหาย เมฆา สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2017
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +6
    ประวัติโดยย่อพระครูสารธรรมากร
    นามเดิม (ทูล นามสกุล เผ่าสอน) เกิดวันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม 2426 ณ. บ้านสะเดาว์ ตำบลโพธิ์ชัย อำเภออุทุมพรพิสัย จังหวัดศรีสะเกษ มรรดาชื่อ จันทร์ บิดาชื่อ ขัน มีพี่น้องร่วมมรรดาและบิดาด้วยกัน 5 ท่าน. เป็นผู้หญิง 3 คนและเป็นผู้ชาย 2 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 3 พี่ชายชื่อ บุญมา เป็นพระครูกันทรารมย์พิกษ์ นาม( พระปลัดบุญมา ) อดีตเจ้าคณะอำเภอกันทรารมย์ มรณภาพแล้ว.
    ด.ช.ทูล เผ่าสอนได้อายุ 14 ปี บรรพชาเป็นสามเณร ณ.วัดบ้านสะเดาว์ ได้ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมวินัย จนอายุได้ 21 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.2447 โดยมีพระอธิการทองดี วัดบ้านค้อ เป็นพระอุปัชฌาย์ ส่วน พระสีลาเป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระหนู เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ณ.วัดบ้านสะเดาว์ และได้ศึกษาพระธรรมวินัย ต่อมาได้14ปีในระยะนั้นได้ปฎิสังขรณ์พระอุโบสถ ศาลาการเปรียญพอสมควรแล้ว จึงได้ย้ายไปศึกษาพระกรรมมัฎฐานในสำนักอื่นๆ ได้จารึกไปในที่ต่างๆเพื่อแสวงบุญ เช่น พระพุทธบาท พระธาตุพนม จำพรรษาที่นครนายก ได้นำญาติโยมและพระสงฆ์และสามเณรสร้างศาลาการเปรียญที่วัดนั้นหนึ่งหลัง ทั้งได้ซ่อมแซมกุฎิที่ชำรุดให้คืนดีแล้ว จึงได้ย้ายกลับภูมิลำเนาเดิม คราวนี้ได้จำพรรษาอยู่ ณ.วัดบ้านหนองโน ตำบลน้ำคำ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ. ได้จัดสร้างพระพุทธรูปขึ้น 2 องค์ องค์หนึ่งตั้งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองโน และอีกองค์หนึ่งนำไปประดิษฐานที่ศาลาการเปรียญวัดขามทอง ในระยะที่อยู่วัดบ้านหนองโนได้นำญาติโยมสร้างอุโบสถหลังเก่าและสร้างกุฎิ สร้างศาลาการเปรียญที่นั่นด้วย
    ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดหนองโนเป็นเวลา11ปี ต่อจากนั้นได้ไปอยู่ที่วัดมหาพุทธาราม(วัดพระโต) อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ เพื่อช่วยกิจพระศาสนาและการคณะของพระครูกันทรารมย์พิทักษ์(หลวงพี่)ซึ่งขณะนั้นเป็นเจ้าคณะอำเภอกันทรารมย์ แต่สำนักอยู่ในจังหวัดได้ช่วยกิจการคณะเป็นเวลา 9 ปี เมื่อพระครูกันทรารมย์พิทักษ์มรณะภาพแล้ว ก็ได้เอาธุระภาระจัดการพระศพเสร็จแล้ว เมื่อพ.ศ.2482ได้ย้ายมาสร้างวัดขึ้นใหม่ ณ. ป่าหมู่ไม้มะขาม ในระหว่างบ้านใหม่และบ้านหนองปอ ห่างจากชุมชนเป็นที่เงียบสงัดสมควรเป็นที่อยู่ของผู้มุ่งสงบ ได้นำพระสงฆ์ สามเณร และญาติโยม สร้างกุฏิ สร้างศาลาการเปรียญจนเสร็จ ปกติท่านเป็นผู้ใฝ่ใจในการก่อสร้าง เป็นผู้ขยันไม่อยู่นิ่งๆทั้งชอบสงบ ชอบทำบุญไม่สะสมบริขารที่มีผู้บริจาคถวายก็ได้นำทำบุญต่อไปอีก ไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ผู้ปกครองขอแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์หลายครั้งก็ไม่ยอมรับ อนึ่งในระยะที่ท่านอยู่วัดมหาพุทธราม(หรือวัดพระโต)ได้ช่วยกิจการคณะเคยเป็นเจ้าคณะหมวดเมื่อออกไปอยู่วัดขามทองใน พ.ศ.2499
    เมื่อวันที่23สิงหาคม2510ท่านเริ่มป่วยด้วยโรคชรา พระเณร ชาวบ้านและศิษยานุศิษย์ช่วยกันรักษาได้นำท่านเข้าโรงพยาบาลให้หมอตรวจอาการมีทรุดกับทรงตัว ต่อมาถึงวันที่12กันยายนพ.ศ.2510ตรงกับขึ้น15ค่ำเดือน10ปีมะแม วันอังคารตอนเช้าท่านได้พูดกับพระเณรและญาติโยมว่า ความทุกข์ยากไม่ใช่ทุกข์ยากคนเดียว เจ็บป่วยก็ไม่ใช่เจ็บป่วยคนเดียว การตายก็ไม่ใช่ตายคนเดียวมันต้อง ทุกข์ยากและเจ็บป่วยตายไปตามๆกันทั้งหมด และผมก็จะไม่ได้อยู่แล้วขอให้พวกท่านดูแลกันเองเถิด และท่านก็บอกให้จัดที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออกเข้าสมาธิภาวนาถึงเวลา08โมง30นาทีก็สิ้นลม(มรณะภาพ) รวมสิริอายุ 84ปี ครองสมณะเพศ 63พรรษา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มิถุนายน 2018
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...