หนุมานคชสาร เหรียญลพ.ณรงค์ วัดมะเกลือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ทองนพเก้า สายหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา, อีกหนึ่งสายวิชาที่แทบจะสูญหายไป
    กระทู้โดย : potigo
    เห็นคุงเขาได้เล่าเรื่องสายหลวงปู่ทอง วัดราชโยธาในสวนขลังผมเห็นว่าเป็นสายของหลวงปู่ทองที่ควรจะเพยแพร่เลยขออนุญาตคุงและwebmasterนะครับ
    หลวงปู่ทอง อายะนะ วัดราชโยธา (หรือวัดลาดบัวขาวในปัจจุบัน) ท่านที่เป็นนักเล่นพระ หรือ ถวิลหาความขลัง ย่อมเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดี ทั้งการสร้างพระเครื่อง วิชาอาคม สักยันต์ และอื่นๆอีกมากมาย ท่านเป็นศิษย์ร่วมสำนักวัดมณีชลขัณธ์ร่วมกับ "มหาโต" หรือสมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดระฆังโฆษิตาราม และยังเป็นพระเกจิที่เป็นครูบาอาจารย์ของบรรพชิตและฆราวาส อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว หลวงพ่อสด วัดปากน้ำภาษีเจริญ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ทางฆราวาสก็มี อาจารย์แก้ว คำวิบูลย์ ท่านพ่อเที่ยง น่วมมานา อาจารย์สักชื่อดังแห่งบางกอกน้อย อาจารย์เจ๊ก สามแยกไฟฉาย เป็นต้น

    แต่ลูกศิษย์หลวงปู่ท่านที่ผมจะกล่าวถึงอีกรูปหนึ่งคือ

    หลวงพ่อพระครูพิชัยณรงฤทธิ์ วัดสิตาราม หรือ วัดคอกหมู กรุงเทพ ผู้รับการถ่ายทอดวิชาการลงทองนพเก้า จากหลวงปู่เพียงรูปเดียว (เนื่องจากได้สืบเสาะดูแล้ว ไม่พบศิษย์หลวงปู่รูปใดหรือท่านใด ได้สืบต่อวิชานี้เลย)

    หากท่านอายุ 60 ปีขึ้นไป น่าจะเคยได้ยินชื่อหลวงพ่อพิชัยฯ เพราะท่านลงข่าวหน้าหนังสือพิมพ์บางกอกไทมส์ ในการลงทองแล้วใช้มีด( ด้ามใหญ่) ฟันหลังทันทีหลังจากลงทองเสร็จ

    หลวงพ่อพระครูพิชัยณรงฤทธิ์ ท่านเป็นลูกศิษย์หลวงปู่ทองตั้งแต่ยังเยาว์วัย เนื่องจากสมัยเด็กท่านเป็นศิษย์วัด วัดสามปลื้ม ซึ่งเป็นวัดที่หลวงปู่ทองได้เดินทางไปมาหาสู่เป็นประจำ หลวงพ่อท่านจึงรู้จักมักคุ้นจนได้ครอบครองตะกรุดใต้น้ำที่หลวงปู่ท่านจาร และไปศึกษาเล่าเรียนกับหลวงปู่เป็นเวลาถึง 3 ปี

    วิชาการที่หลวงปู่ถ่ายทอดให้หลวงพ่อมีมากมาย ทั้งทำตะกรุด รดน้ำมนต์ ถอดถอนคุณไสย แต่ที่สำคัญคือการลงทองนพเก้านั่นเอง

    การลงทองนพเก้านั้น จะเป็นการลงทอง 9 แผ่น ไว้บริเวณต่างๆของร่างกาย คือ หน้า หน้าอก และหลัง ซึ่งหากจะลงให้สมบูรณ์ต้องลง 3 ครั้ง จะคุ้มครองตลอดชีวิต หากลง 1 ครั้ง คุ้มครอง 3 เดือน 2 ครั้ง คุ้มครอง 3 ปี ถ้าจะให้ติดตัวตลอดไปต้อง 3 ครั้ง

    การลงทองนพเก้านี้มิใช่เพื่อทางเมตตามหานิยมดั่งลงนะหน้าทองเพียงอย่างเดียว แต่ครอบคลุมไปถึง คงกระพัน แคล้วคลาด เมตตา มหานิยม อำนาจ อีกทั้งยังป้องกันคุณและของที่เขากระทำมาอีกด้วย ดังคำที่อาจารย์ท่านให้ลูกศิษย์พูดกำกับเวลาลงทองทุกครั้งว่า "อยู่ คง เหนียว สวย งาม มีอำนาจ"

    สมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่นั้นเมื่อลงเสร็จก็จะฟันหลังทันที มีดที่ฟันนั้นผมเห็นมาแล้ว ไม่ใช่มีดแบบปัจจุบัน แต่เป็นดาบแบบโบราณที่มีความหนักและคมอยู่ในตัวเอง ซึ่งการลงดาบที่หลังนั้นนักวิทยาศาสตร์หลายคนออกมาพูดว่า เป็นเพราะหนังตึงจึงมีความยืดหยุ่นให้ไม่เข้า แต่เมื่อผมคุยกับวงสนทนารุ่นน้องที่เป็นเด็กช่าง ผ่านชีวิตนักบู๊โชกโชน มันก็ได้แต่บอกว่า "พี่ลองให้พวกที่ออกมาพูดว่าฟันแล้วหนังตึงเลยไม่เข้ามาหาผมสิ เดี๋ยวผมฟันให้ดูว่ามันเข้าไม่เข้า" หลักการทางวิทยาศาสตร์บางอย่างที่หาเหตุผลมาหักล้างเรื่องขลัง เราก็ควรฟังไว้แบบ ฟังหูไว้หูเหมือนกัน เพราะไสยศาสตร์เป็นสิ่งที่นอกเหนือธรรมชาติอันวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้

    การลงทองนพเก้านั้นเหนียวหรือไม่ ผมไม่อาจทำให้ผู้อื่นเชื่อตามความเห็นของผมได้ แต่เพราะความห่ามของผม เมื่อลงครบสามครั้งไม่รู้เกิดร้อนวิชาอะไรขึ้นมา ผมหยิบที่เปิดกระป๋องซึ่งข้างบนเป็นปลายแหลม (สำหรับเจาะกระป๋องนม) มาดู นึกถึงครูบาอาจารย์ที่ลงให้อันมีหลวงปู่ทองเป็นที่สุด แล้วเอาคมแหลมนั้นกรีดเข้าไปที่หนังตึงๆของผม แบบไม่คณามือ

    ผลออกมามีแค่รอยแดงปรากฎ ไม่มีแม้กระทั่งยางบอน ทั้งที่กรีดลงไปไม่ยั้งเหมือนกัน

    นี่เป็นแค่ประสบการณ์ที่ผมเจอะเจอมา แต่สำหรับลูกศิษย์หลวงพ่อพระครูพิชัยแล้ว หากจะให้เล่าประสบการณ์ก็คงไม่หมดแน่นอน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ทอง วัดราชโยธา หลังหลวงพ่อพิชัย ณรงค์ฤทธิ์ วัดคอกหมู

    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาท

    ลพ.ทอง.jpg ลพ.ทองหลัง.jpg
     
  2. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญหลวงปู่ศุข ออกวัดคีรีวงศ์ ปี 2515 พิธีพุทธาภิเษกใหญ่
    ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาท(ปิดรายการ)

    ลป.ศุข.jpg ลป.ศุข.jpg ลป.ศุขหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 มกราคม 2018
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญกันภัยหลวงพ่อปาน วัดคลองด่านสร้างโดย ลพ.ยางยุทธ วัดดอนเจีดย์กำ ปี 2507ฺศิษย์สายหลวงพ่อปานปลุกเสกครับ ตามข้อมุลในเวปไซท์ต่างๆ

    ให้บูชา 700 บาทค่าจัดส่งEMS50 บาท

    ลพ.ปาน.jpg ลพ.ปานหลัง.jpg
     
  4. ryuma9

    ryuma9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2017
    โพสต์:
    1,496
    ค่าพลัง:
    +1,263
    จองเหรียญหลวงพ่อทองอยู่
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล อรหันต์ร่างทอง
    เปิดดูไฟล์ 4179262
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล
    สังขาร ไม่เน่าไม่เปื่อย
    ชาติกำเนิด ท่านมีนามเดิมว่า คง นามสกุล บุญเอก ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๖ ตรงกับวันอังคาร ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีฉลู ณ หมู่บ้านโนนพุดซา ตำบลกระชอน อำเภอพิมาย จังหวัด ครราชสีมา โยมบิดา มีนามว่า ดี โยมมารดา มีนามว่า แจ้งอาชีพกสิกรรมทำนาทำไร่ เป็นบุตรคนที่ ๒ ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ๙ คน



    เปิดดูไฟล์ 4179263 การศึกษา
    ในปฐมวัยหลวงพ่อเคยเป็นเด็กวัด หัดเรียนเขียนอ่าน อักษรขอมอักษรไทย และต้องคอยรับภาระช่วยบิดามารดา ในการประกอบอาชีพกสิกรรมทำไร่ไถนา เมื่ออายุ ครบกำหนด ๒๐ ปี ได้รับการอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ได้ศึกษาเล่าเรียน พระปริยัติธรรมอยู่เป็นเวลา ๓ พรรษา จึงได้ขออนุญาต โยมบิดามารดา เพื่อเดินทางมาศึกษาต่อที่พระนคร แต่ท่านก็ไม่ได้รับอนุญาต

    ในปี พ.ศ. ๒๕๐๔
    ได้มีพระคุณเจ้า หลวงพ่อพระมหาธนิต ปญฺญาปสุโต ปธ. ๙ นักวิปัสสนาจารย์ชื่อดังได้เดินธุดงค์มาได้เข้าจำพรรษา สอนวิปัสสนากรรมฐาน แก่อุบาสกอุบาสิกาที่อยู่วัดบัวใหญ่ ท่านเป็นคนหนึ่งที่ได้น้อมกายใจ เข้ารับการปฏิบัติธรรม เจริญวิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงพ่อพระมหาธนิต อย่างเคร่งครัดอยู่เป็นเวลาถึง ๗ ปี เมื่อมีศรัทธาแก่กล้า ได้ตัดสินใจสละเหย้าเรือน เข้ารับการอุปสมบทในพระพุทธศาสนา อีกหน ณ พัทธสีมาวัด บัวใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา มื่อวันที่ ๑๒ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๑๑โดยมีหลวงพ่อเจ้าคุณพระปทุมญาณมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์

    เปิดดูไฟล์ 4179264 พ.ศ. ๒๕๑๖
    หลวงพ่อคง จตฺตมโล ได้ดำรงข้อวัตรปฏิบัติและ ปฏิปทาของพระป่า ออกธุดงค์ ไปตามป่าเขา ลำเนาไพร จนลุถึงซึ่งถิ่นป่าใหญ่ อันร่มรื่น ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ถูกกับจริยวัตร สำหรับนักปฏิบัติธรรม ในการเจริญภาวนากรรมฐาน หลวงพ่อ ท่านได้เข้าอาศัยอยู่ในถ้ำ พระอรหันต์ ตามนิมิต ทำความเพียรเจริญจิตภาวนา จำพรรษา ณ สถานที่วิเวกแห่งนั้น เพื่อกระทำที่สุดแห่งกองทุหข์นั้นให้สิ้นทุกข์...

    พรรษาที่ ๖

    ก็ได้นำพาศิษย์ยานุศิษย์ปฏิบัติธรรม อยู่จำพรรษาเรื่อยมา
    จนกลายมาเป็นวัดเขาสมโภชน์อยู่ทุกวันนี้

    เปิดดูไฟล์ 4179265 อย่าทรนงตน
    หลวงพ่อมักจะบอกเตือนศิษย์ ยานุศิษย์ เสมอว่า
    ให้เขาความขยันหมั่นเพียรของหลวงพ่อไว้
    ให้หัดลุกแต่ดื่น ตื่นแต่เช้า อย่าทรนงตน
    เดี๋ยวธรรมะจะหนี เมื่อธรรมะหนี หน่าจะดำปิ๊ดปี๋
    อย่าว่าแต่คนไม่แลดูเลย...! หมาก็ยังไม่แล...
    อย่าด่วนคุยว่าตนเองดี ว่าตนเองเก่ง เดียวจะเหริง
    ฟังแล้วก็เอาไปตรึกตรองด้วย หลวงพ่อก็จิตายไปแล้ว ลูกทั้งหลาย...!

    มรณภาพ
    ๑๓ ธันวาคม ปลายปี พ.ศ. ๒๕๓๖ หลวงพ่อได้ละสังขาร
    ณ โรงพยาบาลศิริราช อายุรวมกันได้ ๘๐ ปี ๙ เดือน ๓ วัน ๒๖ พรรษา

    ลูกทั้งหลาย
    เรายังเวียนว่ายตายเกิด ก็ให้สร้างคุณงามความดี สร้างบุญสร้างกุศล สร้างบารมี สร้างจิตใจ ให้เข้มแข็งให้เหนือกิเลส จึงจะไปนิพพานได้พระพุทธเจ้า ทำสะพาน ทอดสะพานให้เดินแล้ว คือศิลไปสวรรค์ไปเทวโลกได้ สมาธิ ไปพรหมโลกได้ ไปนิพพานได้ ถ้าปัญญาเกิด มาสร้างสมาธิ สร้างจิต สร้างใจ ให้มีเบญจศีล เบญจธรรม มาฝึกจิตฝึกใจ ให้ควบคู่กับการงาน ให้เอาทิฏฐิมานะออก นี่เรียกว่าพุทธบริษัท ซื่อสัตย์ต่อกัน มารักษา พรหมจรรย์ มารักษาชายแดนเกิด อย่าให้กิเลสมาเหยียบหัว เห็นอวิชชาอยู่ในตัวมั๊ย

    เห็นความโลภ ความโกรธ ความหลง ความอิจฉาริษยา อยู่ในตัวมั๊ย เห็นหรือยังละ....?
    ถ้าเห็นแล้ว ก็เอาออกเสียน่ะ ลูกๆทั้งหลาย พระอรหันต์ หันออกแล้วจากกิเลส ออกจากเบียดเบียน พระพุทธเจ้า หันหน้าไปทางทิศตะวันออก ท่านก็ออจากกิลเส หันหน้าไปทางทิศเหนือ ท่านก็เหนือแล้วจากกิเลส เข้าใจหรือยังจ๊ะ...!

    บทความจาก ที่พักสงฆ์สวนป่าพุทธธรรมบ้านดงใหญ่ ตำบลดงใหญ่ อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา
    https://www.facebook.com/warawanno

    พระกริ่งทศพลญาณ ประธาน พุทธมนต์
    พระกริ่งหลวงพ่อคง วัดเขาสมโภชน์ เนื้อนวะโลหะ ร.ศ.209

    ให้บูชา 1000 ครับ

    เปิดดูไฟล์ 4179270 เปิดดูไฟล์ 4179271 เปิดดูไฟล์ 4179272
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    โอนแล้วแจ้งบอกพร้อมจัดส่งตามที่อยู่ครับ ขอบคุณครับ
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติโดยย่อ
    หลวงพ่อพระครูสาธกธรรมคุณ (ลั้ง แซ่ตั้ง)
    ๑. ชื่อ พระครูสาธกธรรมคุณ ฉายา สุทสสฺโน อายุ ๗๕ ปี พรรษา ๕๐ น.ธ. เอก เจ้าอาวาสวัด
    อัมพาราม เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
    ๒. สถานะเดิม ชื่อ ลั้ง นามสกุล แซ่ตั้ง เกิด ปีเถาะ วันที่๓ เดือนตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๘ บิดาชื่อ
    นายฮก แซ่ตั้ง มารดาชื่อ นางพริ้ง แก้วแดง บ้านอำเภอ ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ
    จ.ชลบุรี
    -พ.ศ. ๒๔๘๙ เคยรับราชการเป็นทหารเรือ ได้เดินทางไปประเทศอิตาลี เพื่อรับเรือหลวงเข้า
    มาในประเทศไทย
    ๓. อุปสมบท วันที่ ๒๐ เดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๘๒ ณ วัดนาจอมเทียน ตำบลนาจอมเทียน
    อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี พระครูวรเวทมุนี (หลวงพ่ออี๋) วัดสัตหีบ เป็นพระอุปัชฌาย์ พระ
    ปลัดสันติพระสมุห์เข้ม เป็นกรรมวาจาจารย์ อุปสมบทแล้ว จำพรรษาอยู่วัดสันติธาราวาส
    (ทุ่งละหาน) ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี พร้อมกับเริ่มดำเนินการ
    ก่อสร้างวัดอัมพาราม (บ้านอำเภอ)
    ๔. วิทยฐานะ
    - พ.ศ. ๒๔๗๓ สำเร็จวิชาสามัญศึกษา ชั้นประถมปีที่๔ จากโรงเรียนประชาบาลนุกูล วัด
    สันติธาราวาส ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี
    - พ.ศ. ๒๔๘๓ สอบนักธรรมชั้นตรีได้ สำนักวัดสันติธาราวาส คณะจังหวัดชลบุรี
    - พ.ศ. ๒๔๘๕ สอบนักธรรมชั้นโทได้ สำนักวัดสันติธาราวาส คณะจังหวัดชลบุรี
    - พ.ศ. ๒๔๘๗ สอบนักธรรมชั้นเอกได้ สำนักวัดสันติธาราวาส คณะจังหวัดชลบุรี
    - ปกติเป็นผู้ที่ค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมอยู่ตลอดเวลาเป็นผู้รักการอ่านหนังสือ

    ๕. งานปกครอง
    - พ.ศ. ๒๔๘๕ เริ่มงานก่อสร้างวัดอัมพาราม
    - พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นผู้รักษาการเจ้าอาวาส วัดอัมพาราม
    - พ.ศ. ๒๔๙๐ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ สวดอุปสมบทกรรม
    - พ.ศ. ๒๔๙๑ เป็นเจ้าอาวาสวัดอัมพาราม
    - พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นเจ้าคณะตำบลนาจอมเทียน
    - พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นพระอุปัชฌาย์
    - พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นตรี
    - พ.ศ. ๒๕๐๒ เป็นเจ้าคณะอำเภอสัตหีบ เป็นสัญญาบัตรชั้นโท เป็นเจ้าคณะอำเภอ
    - พ.ศ. ๒๕๑๐ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก
    - พ.ศ. ๒๕๑๘ เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ
    - ความรู้พิเศษ เป็นช่างก่อสร้าง วางแผนผังการสร้างวัด ถนัดช่างไม้และช่างปูน สมัยนั้น
    ต้องก่อสร้างเองทั้งหมด (หลวงพ่อลั้ง)

    ระหว่างจำพรรษาอยู่ที่วัดทุ่งละหาน ศึกษาพระธรรมวินัยจนจบนักธรรมชั้นเอก และศึกษาวิชาโหราศาสตร์ พยากรณ์ชะตาชีวิต และศึกษาวิชาไสยศาสตร์จากหลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ เรียนวิชาคาถาอาคม เช่นลงปลัดขิก เสกปลัดขิก ที่โด่งดังอยู่ทุกวันนี้ และยังรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วย คาถาอาคมเสก เป่าน้ำมนต์ พ่นน้ำหมาก และยังรักษาผู้ป่วยเกี่ยวกับเส้น เดินไม่ได้ ด้วยการใช้ขวานคัด สามวันหาย เป็นที่รู้จักกันทั่วไป หลวงพ่อได้เรียนโดยตรง จากหลวงพ่ออี๋

    เริ่มสร้างวัด พ.ศ. ๒๔๘๕

    หลวงพ่อลั้ง บวชได้ ๓ พรรษา ดำริจะสร้างวัดที่หมู่บ้านอำเภอ เพราะเป็นบ้านเกิดของหลวงพ่อเอง อีกทั้งเห็นความลำบากของชาวบ้านอำเภอ ต้องไปทำบุญถึงวัดทุ่งละหาน ระยะทางประมาณ ๓.๕ กิโลเมตร จึงมาปรึกษากับนาย เริ่ม รัตนเหลี่ยม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ ๔ บ้าบอำเภอ ผู้ใหญ่บ้านได้ประชุมชาวบ้านขอบริจาคที่ดินผู้บริจากมีรายนามดันี้คือ
    ๑. นายทองใบ แซ่จึง
    ๒. นางเยื้อน บานชื่น
    ๓. นายวงษ์ แก้วแดง
    ๔. นายโหน แก้วมา (กำนันโหน)
    รวบรวมที่ดินได้ ๑๖ ไร่ ๑ งาน ๔๐ ตารางวา ตราจอง ๒๐๗
    พ.ศ. ๒๔๘๕ ได้สร้างกุฏิสงฆ์ ๓ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง หอฉัน ๑ หลัง ห้องสุขา ๑ หลัง ทำด้วยไม้หลังคามุงจาก ปีแรกมีพระจำพรรษา ๕ รูป

    หลวงพ่อเป็นพระนักพัฒนา พ.ศ. ๒๔๘๗ ได้สร้างกุฏิสงฆ์ถาวรขึ้น ๑ หลัง มุงด้วยกระเบื้อง ซีเมนต์ หลวงพ่อได้ทำกระเบื้องขึ้นเองเรียกว่ากระเบื้อง(ว่าว) สมัยนั้นต้องทำเองหมด มีกระเบื้อง ปากบ่อ หินนั้นต้องนำเรือไปเก็บที่เกาะเป็ด หน้าเกล็ดแก้ว ส่วนไม้นั้นต้องไปตัดที่เขาแม่ชีโอน ต้องใช้เกวียนบรรทุกมา ต้องถากเสา เลื่อยไม้เองทั้งหมด ต่อมา พ.ศ.ได้รับอนุญาตให้ตั้งวัดนามว่า วัดอัมพาราม

    พ.ศ.๒๔๙๑ - ๒๕๐๐ ได้สร้างกุฏิถาวร ด้วยไม้ทั้งหมด พร้อมทั้งสิ่งก่อสร้างอื่นๆ ดังนี้ กุฏิเจ้าอาวาส ๑ หลัง กุฏิสงฆ์ ๑๒ หลัง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง โรงครัว ๑ หลัง หอฉัน ๑หลัง อุโบสถชั่วคราว ๑ หลัง
    หลวงพ่อลั้ง พร้อมด้วยชาวบ้านช่วยกันสร้าง ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้ก่อสร้างอุโบสถ กว้าง ๑๒.๕๐ เมตร ยาว ๒๕.๕๐ เมตร ด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก ๑ หลัง
    ต่อมาได้ย้ายกุฏิสงฆ์ทั้งหมดด้านทิศใต้ของวัด มาตั้งด้านทิศเหนือ เพื่อที่จะสร้างศาลาการเปรียญ , หอฉัน , โรงครัว หลังใหม่ และที่ยังเหลืออยู่คือ บ่อน้ำ ขุดเมื่อ พ.ศ.๒๔๘๕ ทางทิศใต้
    - เสนาสนะ ที่ท่านสร้างขึ้นจัดเป็นหมวดหมู่ดังนี้
    ๑. กุฏิเจ้าอาวาส ๑ หลัง
    ๒. กุฏิสงฆ์ ๓๕ หลัง
    ๓. ห้องสุขา ๓๐ ห้อง
    ๔. หอระฆัง ๑ หลัง
    ๕. ศาลาเผาศพ ๑ หลัง
    ๖. ห้องสมุด ๑ หลัง
    - ผูกพัทสีมาเมื่อ วันที่ ๒๐ เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๑๕
    -ยกขึ้นเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง พ.ศ. ๒๕๑๙
    หลวงพ่อลั้ง ได้พัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรือง ที่เห็นอยู่ทุกวันนี้หลวงพ่อได้เป็นผู้ให้กำเนิด วัดอัมพาราม และเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก จึงนับว่าหลวงพ่อได้ทำคุณประโยชน์แก่พวกเรา แม้จะเป็นในอดีต ปัจจุบันแม้อนาคตต่อไปข้างหน้า
    เมื่อ พ.ศ. ๒๕๒๖ หลวงพ่อได้สร้าง ศาลาการเปรียญ ๑ หลัง กว้าง ๓๙ เมตร ยาว ๔๙ เมตร มูลค่า ๗๐๐๐๐๐๐ บาท สร้างศาลาการเปรียญเส็รจ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๐ และสร้างหอฉันโรงครัว หลวงพ่อได้สร้างเหรียญรูปหล่อร้อยองค์ของท่านจำนวนหนึ่ง และสั่งให้อาจารย์แก้ว (พระครูปิยกิจวิบูลย์) ทำปลัดขิกจำนวน ๒๕๓๓ อัน ต้องจ้างเขาใช้เครื่องทำ เมื่อทำเสร็จแล้ว ก็ลงอักขระ หลวงพ่อนิมนต์พระสวด อิติปิโส ๑๐๘ ทำพิธีปลุกเสก ตลอดพรรษา จากนั้นหลวงพ่อเริ่มอาพาธ ด้วยโรคภูมิแพ้ โรคเส้น เล็ก ๆ น้อย ๆ ตลอดมา เข้าออกโรงพยาบาลบ่อยครั้ง จนกระทั่ง พ.ศ. ๒๕๓๓ วันที่ ๑๓ เมษายน หลังจากลงไปให้บรรดาศิษยานุศิษย์สรงน้ำ ที่ศาลาการเปรียญ จากนั้นหลวงพ่อไม่ลงจากกุฏิอีกเลย อาตมา (อาจารย์แก้ว) พร้อมด้วยพระสงฆ์-สามเณรได้ช่วยกันปรนนิบัตรท่านอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสามเณรบรรจบ สามเณรลูกขวัญ (ปัจจุบันได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ) เมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๓๓ อาตมาเฝ้าหลวงพ่ออยู่ตลอดคืน เพราะหลวงพ่อนอนไม่หลับ หลวงพ่อคุตลอดคืน ส่วนมากเป็นประวัติความเป็นมาของวัด และประวัติส่วนตัวของท่าน จนสว่าง สุดท้ายหลวงพ่อบอกให้ดูแลวัด พัฒนาวัดให้ดีขึ้น ดูแลพระเณรและญาติโยมให้ดี และให้เพิ่มทุนที่ตั้งเอาไว้ บำรุง วัดพระ เณร มีทันอยู่ประมาณแสนห้า หลวงพ่อบอกว่าถ้าท่านมรณะแล้ว ให้ตั้งศพไว้บนกุฏิ เวลานั้นสว่างแล้ว เป็นวันที่ ๕ มิถุนายน ๒๕๓๓ อาตมา จึงบอกให้หลวงพ่อพักผ่อน และให้พระดูแลท่านแทน ขออนุญาตลงไปล้างหน้าข้างล่าง หลวงพ่อก็คุยกับพระวิโรจน์ (พระจั๊ม) ประมาณ ๖.๓๐ น. พระจั๊มลงไปเรียกอาตมา บอกว่าหลวงพ่อไม่พูดแล้ว อาตมาก็รีบขึ้นไป เอามือช้อนไหล่ให้ลุกนั่ง แล้งเรียกให้หลวงพ่อตื่น อยู่ประมาณ ๑ นาที หลวงพ่อ ก็ลืมตาจ้องหน้าอาตมา และพูดอ้อแอ้ไม่มีเสียง และหลวงพ่อก็หลับตา อาตมาจับชีพจรหยุดเต้น เวลา ๐๖.๔๕ น. หลวงพ่อได้มรณะภาพ ในอ้อมแขนของอาตมา ด้วยความสงบ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อลั้งปี๒๕๑๕ ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ลั้ง.JPG ลพ.ลั้งหลัง.JPG
     
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติ หลวงพ่อสุพจน์ วัดศรีทรงธรรม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ( พอสังเขป )นาม เดิมของท่าน คือ สุพจน์ จาริพิบูลย์ โยมบิดา-มารดาชื่อ นายมานิตย์-นางจำเนียร จาริพิบูลย์ ท่าน เกิดเมื่อ วันที่ 25 มกราคม 2488 ที่อ. พระประแดง จ.สมุทรปราการ มีพี่น้อง จำนวน 3 คน ท่านเป็นคน ที่ 2

    ท่านได้เข้าพิธีบรรพชาอุปสมบท เมื่อ วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2508 ณ.พัทธสีมา วัดโปรดเกศเชษฐาราม ต.บางผึ้ง อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ โดยมีท่าน เจ้าคุณพระศีลคุณาลังการ เมื่อครั้งยังเป็น พระครูนิทานธรรมวัตร เจ้าอาวาส วัดโปรดเกศเชษฐารามและ เจ้าคณะตำบลบางผึ้งเป็นพระอุปัชฌาย์ พระมหาแช่ม วัดโปรดเกศเชษฐาราม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหาภักดี วัดโปรดเกศเชษฐาราม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า จันทูปโม..

    พระอาจารย์ ที่หลวงพ่อสุพจน์ ได้ร่ำเรียน ทางธรรม และ

    พุทธาคม เท่าที่หลวงพ่อได้บอกเล่า ให้รับทราบมีดังนี้…

    1. พระมหาแช่ม วัดโปรดเกศเชษฐาราม

    2. หลวงปู่อินทร์เทวดา วัดบางกะบัว

    3. หลวงพ่อรอด วัดหนองกระทิง

    4. พ่อเฒ่ามืด สุดยอดมหาอุด

    หลวง พ่อสุพจน์ จนทูปโม วัดศรีทรงธรรม อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ขึ้นชื่อว่าเป็นพระเกจิอาจารย์เลื่องชื่อทั้งทางด้านคงกระพันและมหาเสน่ห์ โดยเฉพาะบรรดาศิษยานุศิษย์จากทั่วประเทศมักจะเรียกหาวัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อ เป็นอย่างมาก คือตะกรุด “พุทธคงอุดปืน” หรือวัตถุมงคลประเภทอื่นที่มีสัญลักษณ์ชัดเจน คือ…ดาบปืนไขว้…

    พระเกจิอาจารย์รูปนี้อาจจะแตกต่างจากพระเกจิฯ ชื่อดังทั้งหลาย เนื่องจากใครก็ตามที่เคยเข้าไปสัมผัสกับท่านด้วยตนเอง อาจจะรู้สึกในทันทีได้เลยว่า เป็นพระสงฆ์ที่พูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อม ไม่มีพิธีรีตองในการเข้าไปกราบนมัสการ และสิ่งสำคัญคือท่านอาจจะมีวัตรปฏิบัติที่ชื่นชอบแจกทานแก่ผู้ตกทุกข์ได้ยาก และเด็กๆ ทั่วไปอย่างสม่ำเสมอ

    หลวงพ่อสุพจน์
    หลวงพ่อสุพจน์
    ดังนั้น ทุกวันที่ 25 มกราคม ซึ่งเป็นวันฉลองเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของทุกปี บรรดาศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสในวัตรปฏิบัติดังกล่าว จึงมักแสดงความประสงค์บริจาคเงินหรือสิ่งของเข้าร่วมทำบุญและแจกทานจัด เลี้ยงแก่เด็กนักเรียนชนบทซึ่งส่วนใหญ่ยังยากไร้ในปัจจัยสี่กว่า 1,500 คนทุกปี

    หลวงพ่อสุพจน์ กล่าวว่า การสร้างทานบารมีต้องมาจาก “ใจ” อันบริสุทธิ์ จึงจะสามารถกระทำได้อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะการครองตนอยู่ในสมณเพศ ญาติโยมจะใส่บาตรให้แก่พระสงฆ์ที่ได้ค้ำจุนพระพุทธศาสนาอันเป็นการสร้างทาน บารมีของญาติโยม ส่วนพระก็รับศรัทธาของญาติโยมได้ฉันภัตตาหารฟรีไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ในช่วงครองสมณเพศ

    “เมื่อญาติโยมมีศรัทธาในการค้ำจุนพระพุทธศาสนามาเป็นอย่างดีมาตลอดสองพัน กว่าปี จึงไม่มีเหตุผลใดๆ ที่พระสงฆ์จะต้องสะสมทรัพย์และสิ่งของที่ญาติโยมบริจาคทำบุญมา ดังนั้นการแจกทานจัดเลี้ยง พร้อมอุปกรณ์การเรียนที่จำเป็นแก่เด็กนักเรียนชนบทที่ยังขาดโอกาส จึงเป็นการสนองทานบารมีของญาติโยมอีกต่อหนึ่ง ส่วนวัดศรีทรงธรรมจัดงานแจกทานจัดเลี้ยง ได้ทุกปีก็เพราะมีลูกศิษย์ที่ศรัทธาและบูชาวัตถุมงคลรุ่นพิเศษกันทุกปี อาตมาก็ได้รับปัจจัยจากความศรัทธานี่แหละมาเป็นทุนแจกทานปีละกว่าสี่แสนบาท”

    เหรียญเสาร์ห้า 2533ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.สุพจน์.JPG ลพ.สุพจน์หลัง.JPG
     
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติหลวงพ่อพา พระครูวิบูลย์ธรรมาภิรมย์(หลวงพ่อพา)เกิดเมื่อวันที่ ๑ เม.ย. ๒๔๔๕ ตรงกับวันพุธ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีเถาะ ณ บ้านคะนวน ต.กะเหลียง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรคนที่ ๓ ของคุณตาผิวกับคุณยายเทิ่ง เขตนิมิตร
    #ฐานะทางครอบครัว ครอบครัวของหลวงพ่อมีฐานะยากจน ประกอบกับในช่วงนั้นเป็นยุคข้าวยากหมากแพง ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ทำให้บิดามารดาของหลวงพ่อมีอันต้องแยกทางกัน ในขณะนั้นหลวงพ่อยังเยาวัยมาก มีอายุเพียง ๕ ขวบเท่านั้น คุณตาวิเศษ ซึ่งเป็นคนบ้านยางได้ไปพบเห็น จึงได้ขอหลวงพ่อกับคุณยายเทิ่งผู้เป็นแม่ มาอุปการะเลี้ยงดูโดยมีคุณแม่ดำเกิง กับคุณพ่อบิน สินศิริ เป็นคนเลี้ยงดูจนเติบใหญ่
    #บรรพชา เมื่อวันที่ ๗ พ.ค.๒๔๖๓ ณ วัดโพธิ์ทองบ้านยาง
    #อุปสมบท เมื่อวันที่ ๑๐ พ.ค. ๒๔๖๕ ณ วัดโพธิ์ทองบ้านยาง
    #วิทยฐานะ พ.ศ.๒๔๖๒ ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ ณ วัดกลาง อ.เมืองบุรีรัมย์
    พ.ศ.๒๔๗๑ นักธรรมตรี ณ วัดกลาง อ.เมืองบุรีรัมย์
    พ.ศ.๒๔๗๖ นักธรรมโท ณ วัดกลาง อ.เมืองบุรีรัมย์
    #งานปกครอง พ.ศ.๒๔๗๖ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดโพธิ์ทองบ้านยาง
    พ.ศ.๒๔๗๘ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะตำบลบ้านยาง
    พ.ศ.๒๔๘๙ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นองค์การสาธารณูปการจังหวัดบุรีรัมย์
    #มรณภาพ เมื่อวันที่ ๑๘ ก.พ.๒๕๒๔ ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว รวมสิริอายุ ๗๙ ปี พรรษา ๕๘
    หลวงพ่อพา วัดโพธิ์ทอง บ้านยาง องค์นี้เก่งน้ำมนต์ถอดของสะเดาะเคราะห์ อีกทั้งมีวิชาแคล้วคลาด คงกะพัน วัตรปฏิบัติของหลวงพ่อพาท่านก้อคล้ายกับหลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามนี คือใครที่ทำบุญกับท่าน ท่านจะเหน็บเงินไว้ที่ข้างฝากุฏิบ้าง สอดไว้ใต้ที่นอนท่านบ้าง เป็นเวลาหลายปี จนท่านมรณะภาพ กรรมการวัดค้นกุฏิ เจอเงินหลายยุค หลายสมัย มีทั้งโดนปลวกกิน เงินเหรียญก้อขึ้นสนิมบ้างก้อมี เอามาให้ธนาคารนับได้เงินหลายล้านบ้านเลยครับ ได้ใช้จ่ายทำนุบำรุงวัดให้เจริญในยุคต่อมา นับว่าท่านได้สร้างคุณประโยชน์ให้วัดโพธิ์ทอง บ้านยาง เป็นอย่างมาก เหรียญของท่านทุกรุ่นมีประสบการณ์มากครับ ส่วนใหญ่จะหนักไปทางแคล้วคลาด นับว่าน่ากราบไหว้บูชาอีกท่านหนึ่งครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงพ่อพา วัดโพธิ์ทองรุ่นประสพการณ์เขาเรียกว่ารุ่นสิบล้อ
    ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.พา.JPG ลพ.พา หลัง.JPG
     
  10. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติโดยสังเขป หลวงปู่คำพันธ์ จารุวัณโณ
    หรือ พระครูสุวรรณปทุมาภรณ์ (คำพันธ์)
    พระครูสุวรรณปทุมาภรณ์ (หลวงปู่คำพันธ์) วัดบ้านหนองบัวสร้าง ต.อุ่มจาน อ.กุสุมาลย์ จ.สกลนคร
    (เพื่อนสหธรรมิกของหลวงปู่ปาน วัดกุดไผท ที่ไปมาหาสู่กันเสมออย่างมิได้ขาด)
    เก่ง ดังเงียบๆ สร้างวัตถุมงคลออกมาน้อยมาก ผู้คนแทบจะไม่รู้จัก
    พ.ศ. ๒๔๘๔ ยกฐานะจากสำนักสงฆ์เป็นวัดหนองบัวสร้าง
    พ.ศ. ๒๔๙๑ สร้างอุโบสถ แล้วเสร็จในปี พ.ศ. ๒๔๙๔ ฝังลูกนิมิตในปีนั้น พระอธิการคำพัน
    จรุวณโณ เป็นเจ้าอาวาส จากนั้นก็มีพระภิกษุดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส ดังนี้
    พระภิกษุวง
    พระภิกษุมัย
    พระภิกษุรวย
    พระอธิการหนู ต่อมาย้ายไปอยู่วัดโพธิ์ชัยบ้านนางัว ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสิริมงคล
    พระอธิการไหล จนฺทปญโญ
    พ.ศ. ๒๔๙๙ พระอธิการคำพัน ย้ายไปปฏิบัติธรรมกัมมัฎฐานที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร ได้รับการอบรมวิปัสสนากรรมฐานจาก พระพิมลธรรม (อาจ อาสภมหาเถระ) และท่านเจ้าคุณโชดก แล้วย้ายไปจำพรรษาสอนวิปัสสนากัมมัฎฐานที่วัดโสธรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา และจำพรรษาที่วัดต่างๆหลายแห่ง สุดท้ายอยู่ที่วัดเวฬุวัน บ้านไผ่ใหญ่ ต.ไผ่ใหญ่ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี มีสามเณรยรรยง หลวงศรี และสามเณรสง่า บุญยู เป็นลูกศิษย์คอยอุปถัมภ์(ลูกศิษย์ก้นกุฎิ )
    พ.ศ. ๒๕๑๑ พระอธิการใหล จนทปญโญ มรณภาพด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ชาวบ้านจึงนิมนต์พระอธิการคำพัน จารุวณโณ มาเป็นเจ้าอาวาสอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านปฏิบัติตนสมกับได้ชื่อว่าเป็นสมณเพศ เป็นที่ยอมรับในหมู่คณะสงฆ์ จนได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอกุสุมาลย์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๒ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็น พระครูสุวรรณปทุมาภรณ์ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๔๒
    หลวงปู่คำพันธ์ ได้บรรพชาเป็นสามเณร ได้ ๔ พรรษา จึงได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ
    เมื่อวันที่ ๑๔ มิถุนายน ๒๕๕๔ หลวงปู่มีอายุครบ ๙๐ ปี ๗๐ พรรษา
    ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา หลวงปู่เป็นพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ แม้จะอยู่ในมหานิกายก็ตาม
    โดยถือวัตรปฏิบัติตามกิจของสงฆ์ทุกประการ ปฏิบัติสมาธิ และเดินจงกรมมิได้ขาด
    และตอนกลางวันจะเดินจงกรมในพระอุโบสถอย่างสม่ำเสมอ
    ปฏิบัติอยู่ในสมณสารูป ควรแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ
    ปัจจุบันหลวงปู่อายุ97พรรษาแล้วนะครับ เป็นครูบาอาจารย์อาวุโสสูงอีกท่านครับ
    เหรียญรุ่นแรกสร้างน้อยครับ สวยเดิมๆ

    ให้บูชา 1000 บาทบาทครับ

    ลป.คำพันธ์.jpg ลป.คำพันธ์หลัง.jpg
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เบอร์บัญชีผมครับ
    เบอร์บัญชีธ.กรุงไทย KTB125-0-08923-9 supachai thu
    โอนเงินแล้วช่วยแจ้งวันเวลาที่โอนในกระทู้เพื่อง่ายในการตรวจสอบหรือทางPMแล้วจะรีบดำเนินการจัดส่งEMSไปให้โดยด่วนนะครับ..หลายรายการก็ค่าจัดส่งEMS 50 บาทครับ

    ติดต่อได้ที่ 08..1.70..4..72..64
     
  12. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    2010-07-31_18-12-00_0.jpg

    ปาฏิหาริย์-สังขารไม่เน่า!!!
    "หลวงพ่อชม กสโร" เกจิฯดังแห่งวัดโป่ง

    หากได้มีโอกาสสัญจรผ่านไปมาแถวๆ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี หรือมุ่งหน้ามาทางภาคตะวันออกกันแล้ว ใคร่ขอพาท่านผู้อ่านทุกท่านไปสัมผัส " เนื้อนาบุญ " ผืนใหญ่อีกแห่งบนแผ่นดินถิ่นบูรพา ที่มีพุทธศาสนิกชน หลั่งไหลเข้าไปบูชา กราบไหว้ ร่างของพระเกจิชื่อดังองค์หนึ่ง ซึ่งได้ละสังขารไปนานกว่า 13 ปีก่อน แต่ทว่าร่างกาย กลับไม่เน่าเปื่อยอย่างเหลือเชื่อ ราวกับว่าเพื่อให้ลูกศิษย์ลูกหา ได้บูชา กราบไหว้ รำลึกถึงคุณงามความดีของท่านตลอดเวลา....
    พระครูวิสุทธิกิจจาทร หรือ หลวงพ่อชม กสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโป่ง
    2010-07-31_18-12-00_1.jpg
    2010-07-31_18-12-00_2.jpg

    วัด โป่ง หรือ วัดนพทองดี ศรีพฤฒาราม ตั้งอยู่ริมถนนชัยพรวิถี หมู่ที่ 2 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ.2389 ซึ่งมีนายสนั่น คงเมือง พื้นเพคนบ้านโป่ง เป็นผู้มอบที่ดินถวายสร้างวัด จำนวน 17 ไร่ 1 งาน 40 ตารางวา วัดโป่งจึงถือได้ว่าเป็นวัดที่เก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคตะวันออก มีอายุถึง 163 ปี วัดโป่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านโป่ง ซึ่งสมัยนั้น หมู่บ้านโป่งยังเป็นป่าหนาทึบ สัตว์น้อยใหญ่อาศัยอยู่ ที่ชื่อว่าบ้านโป่ง หรือวัดโป่ง เชื่อว่าดินบริเวณนี้คงจะเป็นดินโป่งที่มีรสเค็ม ชาวบ้านจึงได้ขนานนามว่าบ้านโป่ง และวัดโป่ง
    ปกติในสมัยนั้น ชาวบ้านแถวนี้ส่วนมากจะทำไร่ทำสวนเป็นอาชีพหลัก ถนนหนทางก็ยังเป็นทางเกวียน การไปมาก็ไม่สะดวกเหมือนปัจจุบัน ปกติธรรมดาของคนไทยเราไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ถ้าอยู่เป็นหมู่ก็มักจะจัดตั้งวัดขึ้นในถิ่นนั้นๆ ที่มีวัดโป่งเกิดขึ้นก็คงจะเป็นเพราะเหตุนี้
    ในหนังสือคณะสงฆ์ชลบุรี เขียนไว้ว่า วัดโป่งมีมาตั้งแต่ พ.ศ.2389 มีคนเฒ่าคนแก่เล่าให้ฟังว่า สมัยนั้นมีพระธุดงค์มาจากโคราชแล้วท่านก็ได้หยุดพักปักกลดที่นี่ ชาวบ้านได้มาทำบุญ เกิดความเลื่อมใสในตัวท่าน ชาวบ้านจึงนิมนต์อยู่จำพรรษา และได้ช่วยกันทำที่พักให้ ทราบชื่อท่านในภายหลังว่า หลวงพ่อดี ชื่อวัด นพทองดีศรีพฤฒาราม เข้าใจว่าคงตั้งตามชื่อของท่านเจ้าอาวาสองค์แรก ซึ่งคาดว่าเป็นท่านหลวงพ่อดี
    ภายในบริเวณวัด ท่านจะได้อิ่มเอมความงดงามของวิหารรวมใจบูรพาจารย์ รวมทั้งจุดธูปเทียน บูชาพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์นามว่า " หลวงพ่อดี " ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ประจำวัดโป่งมาเมื่อครั้งแต่โบราณกาล ชาวบ้านและผู้คนย่านใกล้เคียงให้ความนับถือกันมาก เพราะหลวงพ่อดี จะเป็นที่พึ่งทางใจของชาวบ้านได้เป็นอย่างดี ยามใดที่ชาวบ้านเดือดร้อนทุกข์ใจ ก็จะมาจุดธูปบอกกล่าวขอให้ช่วยปัดเป่า ส่วนมากมักจะสมความปรารถนา ชาวบ้านจึงให้ความเคารพศรัทธาสืบต่อกันมา
    ต่อจากหลวงพ่อดีแล้ว ไม่ปรากฏบันทึกชื่อเจ้าอาวาสเป็นลายลักษณ์อักษรไว้ จนกระทั่งมาถึงพระอาจารย์บัว ซึ่งเป็นคนบ้านโป่ง ได้เป็นเจ้าอาวาส ต่อมาท่านได้ลาสิกขาบท ทางคณะสงฆ์และชาวบ้านจึงได้แต่งตั้ง พระครูวิสุทธิกิจจาทร หรือ หลวงพ่อชม กสโร ให้ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบต่อมาจากพระอาจารย์บัว ในขณะนั้น พระครูวิสุทธกิจจาทรมีอายุพรรษา 12 พรรษา อายุ 34 ปี พ.ศ.2486 เมื่อท่านได้รับตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว ท่านก็ได้พัฒนาวัดเรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
    กล่าวกันว่า พระครูวิทสุทธิกิจจาทร หรือ หลวงพ่อชม กสโร เกิดที่บ้านโป่ง หมู่ที่ 2 ต.โป่ง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันอาทิตย์ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ปีวอก ตรงกับวันที่ 8 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2451 เป็นบุตรคนที่ 5 ของ คุณพ่อพงษ์ และคุณแม่พิมพ์ คงเมือง มีพี่น้องเกิดร่วมบิดามารดาเดียวกัน 10 คน
    เมื่อเยาว์วัย บิดามารดาได้พามาฝากวัดอยู่กับลูกของลุง เริ่มเรียน ก.ไก่ ก.กา กับพระที่วัดโป่ง จนสามารถอ่านออกเขียนได้ และอยู่วัดปรนนิบัติพระอาจารย์อยู่ระยะหนึ่ง แล้วก็ออกมาช่วยบิดามารดาทำมาหากิน ด้วยความขยันขันแข็ง เมื่ออายุครบ 21 ปี ก็ได้เข้ารับการเกณฑ์ทหารเป็นเวลา 2 ปี เมื่อออกจากทหารแล้ว ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ณ วัดนพทองดี ศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2474 ได้รับฉายาว่า พระชม กสโร โดยมี พระครูธรรมมาธรโลขณะเขต เป็นพระอุปัชฌาย์ เจ้าอธิการบัว วัดนพทองดี ศรีพฤฒาราม (วัดโป่ง) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และ พระอาจารย์ ไว เป็น พระอนุสาวนาจารย์
    เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้ว ท่านก็ได้ศึกษาท่องบ่นสาธยายมนต์ จนมีความคล่องแคล่วในพระสูตรต่างๆ และศึกษาในด้านพระปริยัติธรรม จนมีความรู้ความสามารถปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย
    ขณะตอนอุปสมบทใหม่ๆ ท่านได้ออกจากวัดโป่ง เพื่อธุดงค์ไปแสวงหาความรู้เพิ่มเติมในสำนักต่างๆ ทั้งทางด้านกัมมัฏฐาน และวิปัสสนา ตลอดจนทางด้านไสยศาสตร์ ส่วนเรื่องการเรียนคาถาอาคมนั้น ท่านได้ไปเรียนหลายสำหนัก หลายอาจารย์ เช่น หลวงพ่อวงค์ วัดบ้านค่าย หลวงพ่ออี๋ วัดสัตหีบ หลวงปู่เนือง หลวงปู่คง หลวงปู่แช่ม จังหวัดสมุทรสาคร หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า และท่านยังได้ไปศึกษาอีกหลายๆ แห่ง เช่น วัดระฆัง วัดเกตุไชโย วัดสุทัศน์ เมื่อท่านได้ศึกษาเล่าเรียนจากครูบาอาจารย์เหล่านั้นจนมีความแตกฉานแล้ว ท่านก็ได้กลับมาประจำอยู่ที่วัดโป่งเหมือนเดิม
    หลวงพ่อชม กสโร ท่านเป็นพระสายวิปัสสนากัมมัฏฐาน ที่มีอุปนิสัยสมถะ ไม่สะสมเงินทอง มีเงินเข้าวัดเท่าไหร่ ก็จะนำไปสร้างถาวรวัตถุหมด ไม่ว่าจะเป็นโบสถ์, กุฏิ และที่สำคัญ ท่านเป็นผู้ก่อตั้ง " โรงเรียนชมศิริอนุสรณ์ " ท่านมีพระอาจารย์รูปแรกคือ หลวงพ่อวง วัดบ้านค่าย จ.ระยอง และเป็นศิษย์รูปสุดท้ายของ หลวงปู่อี๋ วัดสัตหีบ นอกจากนี้ท่านยังไปฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์กับเกจิดังๆ ทั่วประเทศ สมัยอยู่กุฏิเก่าท่านมักจะเล่นแร่แปรธาตุ ฝึกฝนวิชาอาคมที่ได้ร่ำเรียนมา

    ประสบการณ์ด้านวัตถุมงคล เรื่องราวเหลือเชื่อมีมากมาย ทั้ง โดนแทง โดนยิง คงกระพัน แคล้วคลาด ฯ บางเรื่องก็เป็นข่าวดังลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ


    หลวงพ่อชม กสโร มรณภาพ เมื่อ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2539 อายุ 88 ปี นับพรรษาได้ 66 พรรษา เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความประหลาดใจ เมื่อ คณะแพทย์และพยาบาลที่ โรงพยาบาล ชลบุรี พยายามจะฉีดยากันศพเน่า ให้กับท่าน แต่เข็มฉีดยาไม่อาจแทงทะลุผิวหนังท่านได้ คณะแพทย์และพยาบาล จึงได้ปล่อยร่างสังขารท่านไว้อย่างนั้น โดยไม่ฉีดยากันศพเน่า ปรากฎ ต่อมาภายหลังว่าร่างสังขารท่านก็ไม่เน่าเปื่อย แต่อย่างใด ปัจจุบันร่างสังขารหลวงปู่ชม ยังคงเก็บรักษาไว้อยู่ในโลงแก้วที่วัด

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ ขออนุญาตเผยแพร่ต่อ
    เหรียญรุ่น๒ หลวงพ่อชม วัดโป่ง นาเกลือ อ.บางละมุง ชลบุรี สร้างน้อยครับรุ่นแรกหลักพันปลายๆถึงหมื่น


    ให้บูชา 900 บาทครับ

    ลพ.ชม.JPG ลพ.ชมหลัง.JPG
     
  13. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติและปฏิปทา
    หลวงปู่ทองบัว ตันติกโร 1881-a67c.jpg วัดป่าโรงธรรมสามัคคี
    อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

    ประวัติย่อหลวงปู่ทองบัว ตันติกโร

    หลวงปู่ทองบัว เกิดวันเสาร์ขึ้น 15 ค่ำเดือน 3 ปีระกา ตรงกับวันที่ 11 ก.พ. 2464 เป็นบุตรของ นายปราโมทย์ นางสีดา พุทธสี เกิดที่บ้านหนองผักแว่น อ.โคกสำโรง จ.ลพบุรี มีพี่น้องทั้งหมด 12 คน เป็นชาย 6 หญิง 6 หลวงปู่ เป็นคนที่ 9 เมื่อยังเล็กได้ย้ายตามครอบครัวไปอยู่ จ.ขอนแก่น พออายุได้ 18 ปีเข้าบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดสุวรรณคงคง อุปสมบท พ.ศ. 2485 มีพระครูพิศาลคณานุกิจ วัดมหาชัย เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายา “ตนฺติกโร” จำพรรษาที่วัดป่าบ้านหนองแวง อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี กระทั่งงานถวายเพลิงศพ หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต เสร็จแล้ว หลวงปู่ได้ร่วมกับกองทัพธรรมใน 108 รูป มุ่งขึ้นมาภาคเหนือ มาจำพรรษาที่วัดแท่นศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์



    ขณะนั้น คณะศรัทธา อ.สันกำแพงสร้างโรงธรรม ในปี พ.ศ. 2481 นิมนต์พระสายหลวงปู่มั่น มาพำนักและอบรมสมาธิภาวนา อาทิ หลวงปู่สิม พุทธาจาโร หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม หลวงปู่แหวน เมื่อว่างเว้นจากพระเถระ คณะศรัทธา จึงไปนิมนต์หลวงปู่ทองบัว มาจำพรรษาที่สำนักโรงธรรม แล้วได้ซื้อที่ขยายอาณาเขตของสำนัก กระทั่งยกฐานะเป็นวัดโรงธรรมสามัคคี ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ.2506 หลวงปู่ทองบัว ตันติกโร เป็นเจ้าอาวาสวัดโรงธรรมสามัคคีมาตั้งแต่ต้น โดยได้สร้างพระเจดีย์โพธิปักธิยธรรม เป็นเจดีย์ ที่มีรูปร่างแปลกไปจากที่อื่น มีความหมายถึงการนำไปสู่การตรัสรู้ 37 ประการ ได้แก่ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์ 5 พละ 5 โพชฌงค์ 7 มรรคมีองค์ 8 รวมเป็น โพธิปักขิยธรรม 37 ประการ ฐานเจดีย์เป็นทรงกลม ภายในประกอบห้องสมุด ห้องแสดงศิลปวัตถุ ประดิษฐานพระพุทธรูปประจำวันเกิดและพระพุทธรูปต่าง ๆ และชั้นสูงสุด ได้ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ

    https://www.thairath.co.th/content/175041

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสุงครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    เหรียญพระอาจารย์ทองบัว พูนทรัพย์

    ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    อ.ทองบัว.jpg อ.ทองบัวหลัง.jpg
     
  14. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระครูวรธรรมประยุต (หลวงพ่อทุเรียน วัดศรีคีรีสุวรรณาราม )
    พระครุวรธรรมประยุต นามเดิมชื่อว่า ทุเรียน นามสกุล กล่อมปาน หลวงพ่อทุเรียนเกิดวันพุธที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๗๖ ตรงกับขึ้น ๑ค่ำ เดือน๑๑ ปีระกา โดยมีบิดาชื่อ นายแสน กล่อมปาน มารดาชื่อ นาง ปลิว กล่อมปาน มีพี่น้อง ๕ คน อุปสมบท เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ ที่วัดศรีคีรีสุวรรณาราม โดยมี พระครูคีรีมาศ(ภุชงค์) วัดวารุการาม เป็นพระอุปัชญาย์ พระปลัดโถม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสะมุห์กัน วัดหนองกก เป็น พระนุสารนาจารย์ ได้รัยฉายาว่า วรธมโม หลังจากหวงพ่อทุเรียนอุปสทบทแล้ว ได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยจนแตกฉานและได้ศึกษาพระเวศ วิทยาคม ตลอดจนหลักการวิปัสสนา จากพระครูศีรีมาศธรรมคุณ(หลวงพ่อภุซงค์) และพระครูพิศาลธรรมคุณ(หลวงพ่อโถม)
    ปัจจุบัญท่านดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอคีรีมาศ และเจ้าอาวาสวัดศรีคีรีสุวรรณราม(วัดท่าดินแดง)หลวงพ่อทุเรียนเป็นพระสุปฎิปันโน ที่ตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติมี ศิลาจารวัดงดงาม เป็นที่เคารบนับถือ ของสงฆ์ และประชาชนทั่วไป และเป็นที่น่ากราบไหว้ เคารบนับถืออย่างสนิทใจพระครูวรธรรมประยุต นามเดิมชื่อว่า ทุเรียน นามสกุล กล่อมปาน
    หลวงพ่อทุเรียนเกิดวันที่ ๒๐ กันยายน ๒๔๗๖ ตรงกับขึ้น ๑ ค่ำ
    เดือน ๑๑ ปีระกา โดยมีบิดาชื่อ นายแสน กล่อมปาน มารดาชื่อ
    นาง ปลิว กล่อมปาน มีพี่น้อง ๕ คนหลวงพ่อทุเรียน เป็นคนที่ ๓
    อุปสมบท เมื่อ พ.ศ.๒๔๙๗ ณ พัทสีมาวัดศรีคีรีสุวรรณารามโดยมี
    พระครูคีรีมาศ ธรรมคุณ (ภุชงค์) วัดวารุการาม เป็นพระอุปัชญาย์
    พระปลัดโถม กัลยาโณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระสะมุห์กัน
    วัดหนองกก เป็น พระนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า วรธัมโม
    หลังจากหวงพ่อทุเรียนอุปสมบทแล้ว ได้ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัย
    จนแตกฉานและได้ศึกษาพระเวทย์ วิทยาคม ตลอดจนหลักวิปัสสนา
    จากพระครูศีรีมาศธรรมคุณ(หลวงพ่อภุชงค์) และพระครูพิลาศธรรมคุณ
    (หลวงพ่อโถม)ปัจจุบันท่านดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอคีรีมาศ
    และเจ้าอาวาสวัดศรีคีรีสุวรรณราม(วัดท่าดินแดง) ตำบล ศรีคีรีมาศอำเภอ
    คีรีมาศ จังหวัดสุโขทัยหลวงพ่อทุเรียนเป็นพระสุปฎิปันโน ที่ตั้งอยู่ใน
    สัมมาปฏิบัติ มีศิลาจารวัตรงดงาม เป็นที่เคารพนับถือ ของสงฆ์ และ
    ประชาชนทั่วไป ได้รับอาราธนาเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเษก น้อยใหญ่ทั้ง
    ของจังหวัดสุโขทัยและจังหวัดใกล้เคียงเสมอมาวัตถุมงคลของท่าน
    มีความขลังเป็นที่เลื่องลือโดยเฉพาะตะรุดโทนของท่าน เป็นที่
    ต้องการของบรรดาลูกศิษย์ จนสร้างไม่ทัน

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสุงครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    เหรียญปลอดภัยรุ่น๑ หลวงพ่อทุเรียน ให้บูชา 300 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ทุรียน.jpg ลพ.ทุรียนหลัง.jpg
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    1451-2b36.jpg



    สถานะเดิม

    ชื่อ ฑูรย์ นามสกุล รัตนวราภรณ์ เกิดวันที่ 31 ก.ค. 2453
    บิดา นายเกีย มารดา นางฉัตร บ้านหมู่ที่ 2 ตำบลตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี

    หลวงพ่อฑูรย์ มีนามเดิมว่า "ฑูรย์ รัตนวราภรณ์" เกิดเมื่อวันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๔๕๓ ณ หมู่ ๒ ต.ตลิ่งชัน อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี บิดาชื่อ "เกีย" มารดาชื่อ "ฉัตร" อายุ ๑๗ ปี ได้บรรพชา ณ วัดสุวรรณภูมิ โดยมีพระอาจารย์ขวด วัดสุวรรณภูมิ เป็นพระอุปัชฌาย์

    อีก ๓ ปีต่อมา ได้เข้าอุปสมบท เมื่อวันที่ ๒๗ มิถุนายน ๒๔๗๓ ณ วัดอนงคาราม อ.คลองสาน จ.ธนบุรี โดยมีพระโพธิวงศาจารย์ (นวม) วัดอนงคาราม เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้ฉายาว่า "อัตตทีโป"


    วิทยฐานะ พ.ศ.๒๔๖๘ สำเร็จวิชาสามัญ ม.๓ จากโรงเรียนประจำจังหวัดสุพรรณบุรี พ.ศ.๒๔๗๓ สอบได้นักธรรมชั้นโท ณ สำนักเรียนวัดอนงคาราม

    สมณศักดิ์ พ.ศ.๒๔๙๔ เป็นพระครูเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ที่ "พระครูไพโรจน์วุฒิคุณ" พ.ศ.๒๕๐๑ เป็นพระราชาคณะสามัญที่ "พระโพธิวรคุณ" พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นพระราชาคณะวิสามัญ ที่ "พระโพธิสังวรเถร"

    หลวงพ่อฑรูย์ มรณภาพ เมื่อวันที่ ๒๕ พฤษภาคม ๒๕๓๕ สิริอายุ ๘๒ ปี

    ด้านวัตถุมงคล หลวงพ่อฑูรย์ ได้สร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลไว้หลายชนิด ทั้งเนื้อผงและเนื้อโลหะประเภทเหรียญ ที่น่าสนใจและราคาเช่าหาไม่แพง คือ "พระสมเด็จเกศมงคล" รุ่นแรก

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสุงครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    เหรียญพระแก้วมรกรตหลวงพ่อฑูรย์ ให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50บาท
    ครับ

    ลพ.ฑูรย์.jpg ลพ.ฑูรย์หลัง.jpg
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติ พระมงคลธรรมภาณี (หลวงปู่มัง) วัดเทพกุญชรวราราม อ.เมือง จ.ลพบุรี ท่านเก่งเงียบ ๆ ท่านมีความเมตตาเป็นอย่างมาก มีคนมักนำเหรียญไปให้ท่านจาร ลูกศิษย์และพระลูกวัดก็คอยกันเพราะท่านเหนื่อยพยายามเอาเหล็กจารไปซ่อนบ้าง ถึงไม่มีเหล็กจารท่านก็หยิบกรรไกรปลายแหลมมาจารให้ด้วยความเมตตา โดยเฉพาะท่านจะไม่ใช้เงินด้วยครับ วัตถุมงคลของท่าน ถ้ายุคต้นก็จะเป็น สมเด็จ,หลวงพ่อโป้,นางและขุนแผน สร้างปี 2480 กว่าๆ ยุคหลังจะเป็นประเภพอุดผงยาใต้ฐาน ทั้งเนื้อ ทองคำ,เงิน ,ทองแดงและเนื้อผง หนังสือท่านเคยทำจำหน่าย 1 เล่มครับ ทางวัดจัดทำเองแต่น่าจะหมดไปจากวัดนานแล้ว หลวงปู่มัง มังคโล ( พระครูมงคลภาณี ) เกิด 11 เมย 2450 ท่านบวชเณรตั้งแต่อาย 17 ปี ที่วัดสิริจันทรนิมิต ต่อมาได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ ( จันทร สิริจันโท) และพระคณุศีลวรคุณ (อ่ำ ภทราวุโธ) ขณะเป็นสามเณรได้มีโอกาสฟังธรรมจาก หลาวงปู่มั่น ภูริทัตโต จึงมีความเชื่อมั่นในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้ามากยิ่งขึ้น จนได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในปี 2470 ฝ่ายธรรมยุตนิกาย ได้ศึกษาพระธรรม ตลอดจนออกธุดงค์เรื่อยมาจนในปี 2475 ได้มาอยู่วัดมณีชลขันธ์ ปี 2479 มาอยู่วัดเทพกุญชร เป็นเจ้าอาวาส และที่สุดเป็นเจ้าคณะจังหวัดลพบุรี-สระบุรี (ธรรมยุต ) ท่านเป็นพระที่บริสุทธิ์เป็นที่เคารพเลื่อมใสของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ท่านสร้างพระมากมาย เป็นที่นิยมในจังหวัดลพบุรีครับ

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสุงครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    เหรียญหลวงปู่มังให้บูชา 100 บาทค่าจัดส่งEMS50บาท
    ครับ


    ลป.มัง.jpg ลป.มังหลัง.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    4pw7..jpg
    พระสุปฎิบันโนผู้เป็นตนบุญแห่งเมืองเวียงกาหลง

    หลวงปู่ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร

    (อายุ ๙๒ ปี พรรษา ๗๑)

    อดีตเจ้าอาวาสวัดโป่งเหนือ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย




    ประวัติปฎิปทาของหลวงปู่ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร ที่นำเสนอต่อท่านผู้อ่านในขณะนี้ สืบเนื่องมาจากข่าวเหตุปาฏิหาริย์ในงานประชุมเพลิงท่านที่ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทำให้มีผู้สนใจใคร่ทราบประวัติของหลวงปู่ครูบาท่านอย่างละเอียด ผู้เขียนจึงได้สืบเสาะหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ โดยยึดข้อมูลที่หลวงปู่ครูบาท่านเคยเมตตาเล่าให้ฟังเมื่อครั้งอดีตเป็นหลัก พร้อมคำบอกเล่าของเหล่าศานุศิษย์ผู้ใกล้ชิด ดังที่จะได้นำเสนอแก่ผู้อ่านโดยลำดับต่อไป

    ตอนที่ ๑ พระสุปฏิปันโนผู้เป็นตนบุญแห่งเมืองเวียงกาหลง

    หากกล่าวถึงเมืองเวียงกาหลง ผู้อ่านที่สนใจศึกษาด้านประวัติศาสตร์ คงคุ้นเคยกับชื่อเมืองโบราณนี้ ในฐานะหนึ่งในหัวเมืองสำคัญของแว่นแคว้นโยนกนาคนครที่มีอายุร่วมพันปี และ หากย้อนมาในยุคอาณาจักรล้านนา ของพญามังรายมหาราช (๗๐๐ ปีกว่าปีที่ผ่านมา) เมืองเวียงกาหลงคือพันนาหนึ่งในหัวเมืองพันนาทั้งห้าสิบ ของอาณาจักรอันยิ่งใหญ่ในอดีต

    อาณาจักรล้านนาที่ได้ชื่อว่าเป็นแผ่นดินทองของพระพุทธศาสนา เป็นหนึ่งในสถานที่สังคายนาพระไตรปิฎกครั้งสำคัญของโลก รวมทั้งเป็นแหล่งสั่งสมศิลปวัฒนธรรมที่สืบเนื่องจากพระพุทธศาสนาที่ยังปรากฏร่องรอยความเจริญมาจนถึงปัจจุบัน

    และหากผู้อ่านเป็นนักสะสมของเก่า ท่านย่อมรู้จัก“เวียงกาหลง”ในฐานะเมืองโบราณที่เป็นแหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาชั้นเยี่ยม ซึ่งมีอายุอยู่ระหว่างศตวรรษที่ ๑๙-๒๑ หรือประมาณ ๕๐๐-๗๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเครื่องถ้วยเวียงกาหลงได้รับการยกย่องว่าเป็นเครื่องปั้นดินเผาที่มีคุณภาพดีที่สุดของไทย นั่นหมายความว่าเครื่องสังคโลกของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งผลิตขึ้นในยุคเดียวกันยังมีคุณภาพและเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นรอง ทั้งนี้เพราะเครื่องถ้วยเวียงกาหลงได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตจากจีน และเป็นสินค้าออกของอาณาจักรล้านนาในรัชสมัยของพระเจ้าติโลกราช (หากมีโอกาสผู้เขียนจะนำประวัติและตำนานที่น่าสนใจเกี่ยวกับเมืองเวียงกาหลงมานำเสนอแก่ผู้อ่านเป็นการเฉพาะ) ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ในงานแสดงสินค้า OTOP ที่ไบเทค เมืองทองธานี เขามีการจัดแสดง แจกันเวียงกาหลงใบละ 50 ล้านบาท และในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์ครบ 60 ปี ก็ได้มีการน้อมเกล้าฯถวายแจกันเวียงกาหลง ซึ่งเป็นใบเดียวในโลก ผลิตจากดินดำอายุกว่าล้านปี มีการเขียนลวดลายพญากาเผือกและปลาตะเพียนอันเป็นเอกลักษณ์พร้อมตำนานพระเจ้าห้าพระองค์

    สำหรับเซียนพระแล้ว พระยอดขุนพลกรุเวียงกาหลงเป็นหนึ่งในพระยอดขุนพลล้านนา กรุหนึ่งที่ถือได้ว่าเป็นพระยอดนิยม สืบเนื่องมาจากประสบการณ์ต่างๆ ของผู้ครอบครองและรูปทรงอลังการสมกับชื่อพระยอดขุนพล ซึ่งพระดังกล่าวมีต้นกำเนิดการค้นพบส่วนใหญ่ตามวัดร้างต่างๆในเขตตำบลเวียงกาหลง อำเภอเวียงป่าเป้า เชียงรายและพระพิมพ์ที่มีพุทธลักษณะศิลปะคล้ายกันยังพบแถบอำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง และบริเวณจังหวัดพะเยาซึ่งเป็นเขตติดต่อกัน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากในศตวรรษที่ ๑๗ บริเวณดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรภูกามยาว (พะเยา) ของพ่อขุนจอมธรรม ตามหลักฐานเป็นจารึกที่เก็บรักษไว้ ณ วัดพระเจ้าตนหลวง (วัดศรีโคมคำ)เมืองพะเยา

    ปัจจุบันเมื่อมีการแบ่งเขตการปกครองส่วนภูมิภาค“เวียงกาหลง”พื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตอำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ซึ่งหากกล่าวถึงเมืองเวียงกาหลงผู้คนส่วนใหญ่ย่อม เข้าใจหมายถึงเวียงป่าเป้าไปโดยปริยาย สำหรับผู้คนในพื้นที่แม้จะถูกแบ่งแยกโดยเขตการ ปกครองเป็นคนละจังหวัด( เชียงราย-ลำปาง ) แต่ผู้คนส่วนใหญ่ยังไปมาหาสู่และดำรงความเป็นเครือญาติกันสืบมา และบุคคลสำคัญ ผู้ที่เป็นเสาหลัก เป็นที่พึ่งของคนทั้งสองดินแดนที่ถูกแบ่งแยกโดยเขตการปกครองนั้นคือ หลวงปู่ครูบาคำอ้ายปัญญาธโร พระสุปฏิปันโน ผู้เป็นตนบุญแห่งเมืองเวียงกาหลงอดีตเจ้าอาวาสวัดโป่งเหนือ อ.เวียงป่าเป้าจ.เชียงราย


    ตอนที่ ๒ ชาติภูมิ และการก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัตร์

    เมื่อประมาณช่วงปลายเดือน มีนาคม ปี 2549 ข่าวเกี่ยวกับพระอริยสงฆ์ที่ได้รับการกล่าวขานถึงมากที่สุดในดินแดนล้านนา คือข่าวงานประชุมเพลิงหลวงปู่ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร อดีตเจ้าอาวาสวัดโป่งเหนือ อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย ทั้งนี้ด้วยเหตุที่หลวงปู่ครูบาได้แสดงเหตุอัศจรรย์ให้ปรากฏแก่ศรัทธาศานุศิษย์ เมื่อหลังพิธีการประชุมเพลิงไฟไม่สามารถไหม้สรีระสังขารหลวงปู่ครูบา แม้จีวรที่หลวงปู่ครูบาท่านนุ่งห่มก็ไม่ไหม้ไฟ

    หลวงปู่ครูบาคำอ้าย แห่งวัดโป่งเหนือ สำหรับคนในพื้นที่แล้วต่างทราบถึงกิตติศัพท์และบารมีธรรมของหลวงปู่ครูบามาช้านาน ผู้คนในเขตเชียงราย เชียงใหม่ พะเยา ลำปาง และบริเวณใกล้เคียงต่างแวะเวียนขึ้นไปกราบนมัสการท่านไม่เคยขาด รวมทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศทั่วไปที่ทราบถึงบารมีธรรมของท่าน ผู้เขียนเองปวารณาตนรับใช้หลวงปู่ครูบามา กว่า 19 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นเด็กนักเรียนมัธยม และได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับบารมีธรรมของหลวงปู่มาโดยตลอด และโดยวัตรปฏิบัติของหลวงปู่ครูบาเองที่มีความสมถะ มักน้อย สันโดษเป็นพระสุปฏิบันโนที่ผู้ที่ได้มีโอกาสไปกราบ ต่างเคารพศรัทธาและเลื่อมใสในวัตรปฏิบัติของท่าน และสิ่งสำคัญอีกประการที่เป็นสิ่งดึงดูดผู้คนให้แวะเวียนมากราบไหว้ของพึ่งบารมีหลวงปู่ครูบาไม่เคยขาด นั่นคือ ความศักดิ์สิทธิ์และประสบการณ์ที่ได้รับจากปาฎิหาริย์ของวัตถุมงคลของหลวงปู่ครูบาที่ท่านมอบแก่ลูกศิษย์ลูกหา และผู้เลื่อมใสศรัทธาไว้ปกปักรักษาตนเอง รวมทั้งเพื่อหนุนนำค้ำชีวิตให้เจริญก้าวหน้าประสบโชคลาภ ซึ่งในส่วนของอิทธิปาฏิหาริย์และประสบการณ์ด้านวัตถุมงคลผู้เขียนจะนำเสนอในตอนต่อๆไป

    ชาติภูมิ
    หลวงปู่ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร เดิมมีชื่อว่า คำอ้าย นามสกุล มีซอง เกิดเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๘ ค่ำ เดือน ๔ เหนือ ปีชวด (ปี๋ใจ้) ตรงกับเดือน มกราคม พุทธศักราช ๒๔๕๔ (บางตำราถือเป็นปลายปีพุทธศักราช ๒๔๕๓) ณ บ้านทุ่งฮี ต.วังใต้ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง โยมบิดาชื่อพ่อแจ้ โยมมารดาชื่อแม่ปา นามสกุลมีซอง โยมบิดามารดาประกอบอาชีพทำไร่ทำนา หลวงปู่ครูบามีพี่น้องร่วมมารดา ๒ คน โดยหลวงปู่เป็นพี่ชายคนโต และมีน้องสาว ๑ คน คือนางป้อ มีซอง ซึ่งน้องสาวของหลวงปู่ครูบาท่านนี้เป็นผู้มีส่วนสำคัญในการนิมนต์หลวงปู่จาก อ.วังเหนือ จ.ลำปาง มาอยู่ ณ อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย (ปัจจุบันน้องของท่านเสียชีวิตแล้ว) ซึ่งจะนำเสนอประวัติในส่วนที่เกี่ยวข้องในลำดับต่อไป

    ชีวิตในวัยเยาว์
    ในวัยเด็กหลวงปู่ครูบาท่านเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย มีความอ่อนน้อมถ่อมตนอีกทั้งฉลาดเฉลียวกว่าเด็กในวัยเดียวกัน จึงเป็นที่รักของโยมบิดามารดา และญาติพี่น้อง เมื่ออายุถึงเกณฑ์ หลวงปู่ครูบา จึงได้เข้าเรียนหนังสือที่โรงเรียนบ้านแม่สุก ต.วังใต้ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง และเมื่อหลวงปู่เรียนหนังสือจบชั้นประถมซึ่งเป็นภาคบังคับในสมัยนั้น ซึ่งหลวงปู่ครูบาอายุได้ ๑๒ ปีพอดี โยมบิดามารดาเห็นว่าท่านมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดอีกทั้งมีความสุภาพเรียบร้อยไม่ก้าวร้าวเกเร เหมือนเด็กทั่วไป จึงปรึกษากันว่าควรนำท่านไปฝากเป็น ขโยม (เด็กวัด) เพื่อจะได้มีโอกาสหาวิชาความรู้และเรียนรู้หลักพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะได้ขัดเกลาให้เป็นคนดีและหากมีวาสนาจะได้ค้ำจุนสืบทอดพระศาสนาในภายภาคหน้าก็นับเป็นมหากุศล เมื่อตกลงกันได้ตรงกันโยมบิดามารดาจึงนำท่านไปฝากกับพระอธิการผู้เป็นเจ้าอาวาสวัดทุ่งฮีในขณะนั้น

    พบตนบุญแห่งเมืองเจ้าพ่อพญาวัง การบรรพชาและอุปสมบทสู่ร่มกาสาวพัตร์
    หลวงปู่ครูบาคำอ้าย ปัญญาธโร หรือเด็กชายคำอ้ายในตอนนั้นได้อุปัฏฐากครูบาอาจารย์ด้วยความนอบน้อมและขยันขันแข็ง จนเมื่อท่านอายุย่างเข้า ๑๔ ปี(พุทธศักราช ๒๔๖๗)หลวงปู่ได้มีโอกาสพบกับพระครูบาเจ้าอภิยศ อภิวังโส (หรืออีกชื่อที่ชาวบ้านนิยมเรียกท่านคือครูบาเผือก) เจ้าอาวาสวัดปงถ้ำ ซึ่งเป็นพระเถระผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนผู้คนยกย่องท่านว่าเป็นตนบุญแห่งเมืองเจ้าพ่อพญาวังหรือเมืองวังเหนือในปัจจุบันนั่นเอง ซึ่งหลวงปู่ก็ได้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาและอยากจะฝากตัวเป็นศิษย์ท่าน หลวงปู่จึงได้กลับไปแจ้งความประสงค์แก่โยมบิดามารดา ซึ่งท่านทั้งสองก็ไม่ขัดข้องต่างปิติยินดีที่หลวงปู่มีนิสัยจริตฝักใฝ่ในทางศาสนา

    โดยสภาพบ้านเมืองในสมัยนั้นบ้านเมืองยังไม่เจริญ การทำมาหาเลี้ยงชีพยังอาศัยการเกษตรเป็นหลัก เครื่องมือเครื่องทุ่นแรงก็มีไม่มากเหมือนปัจจุบัน หากเป็นครอบครัวอื่นหลวงปู่ครูบาในฐานะลูกชายคนโตของบ้าน ต้องทำหน้าที่ช่วยทำงานเป็นหลักของครอบครัวอีกคนหนึ่ง อีกทั้งท่านยังมีน้องสาวคนเล็กของท่าน ที่โยมบิดามารดาต้องมีภาระเลี้ยงดู แต่ทั้งโยมบิดามารดาของท่าน ก็พร้อมใจกันเลือกให้ท่านได้บวชบรรพชาเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา ในวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๖๗ ณ วัดทุ่งฮี โดยมีพระครูบาเจ้าอภิยศ อภิวังโส (ครูบาเผือก) เป็นพระอุปัชฌาย์ ขณะอายุได้ ๑๔ ปี (บางข้อมูลบอก ๑๖ ปี) และหลวงปู่ครูบาได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนสอบได้นักธรรมในสำนักเรียนวัดทุ่งฮี และนอกจากนั้นแล้วหลวงปู่ครูบายังได้ศึกษาอักขระล้านนา ภาษาพื้นเมืองจนมีความเชี่ยวชาญแตกฉาน

    ผู้เขียนขอกล่าวแทรกถึงประวัติ พระครูบาเจ้าอภิยศ อภิวังโส (ครูบาเผือก) เจ้าอาวาสวัดปงถ้ำ ซึ่งเป็นพระเถระผู้มีชื่อเสียงในสมัยนั้น จนผู้คนยกย่องท่านว่าเป็นตนบุญแห่งเมืองเจ้าพ่อพญาวัง ในฐานะพระอุปัชฌาย์ของหลวงปู่ครูบาให้ทราบพอสังเขป ดังนี้

    พระครูบาเจ้าอภิยศ อภิวังโส (ครูบาเผือก) เจ้าอาวาสวัดปงถ้ำ เป็นพระปฏิบัติและพระนักพัฒนาสายครูบาเจ้าศรีวิชัยนักบุญแห่งล้านนาไท โดยท่านมีอายุน้อยกว่าครูบาเจ้าศรีวิชัย อยู่ ๑๐ ปี ครูบาเจ้าศรีวิชัยจึงเรียกท่านว่า ตุ๊น้อง โดยพระครูบาเจ้าอภิยศท่านเป็นกำลังหลักท่านหนึ่งในการร่วมกันบูรณะปฎิสังขรณ์วัดวาอารามใหญ่น้อยในเขตดินแดนล้านนาร่วมกับครูบาเจ้าศรีวิชัย ด้วยความที่ครูบาเจ้าอภิยศท่านเลื่อมใสในวัตรปฎิบัติของครูบาเจ้าศรีวิชัย ท่านได้ติดตามศึกษาและปฎิบัติตามแนวทางของครูบาเจ้าอย่างเคร่งขัด และในการบูรณะวัดในเขตจังหวัดลำปาง และพะเยาหลายแห่งท่านครูบาเจ้าอภิยศได้ร่วมงานอันเป็นมหากุศลกับครูบาเจ้าศรีวิชัยโดยตลอด และครูบาเจ้าศรีวิชัยได้มอบพระพุทธรูปแก้วมรกต(หยก)ทรงเครื่อง ที่ขุดค้นพบจากการบูรณะวัด ให้กับครูบาเจ้าอภิยศไว้องค์หนึ่ง (ปัจจุบันท่านพระครูเจ้าคณะตำบลวังทอง เจ้าอาวาสวัดปงถ้ำเป็นผู้เก็บรักษาไว้) นอกจากนั้นครูบาเจ้าอภิยศ ท่านยังได้บูรณะวัดวาอารามในเขตเมืองวังเหนือและเป็นเจ้าอาวาสดูแลอีกหลายวัด เช่นวัดเมืองตึง วัดปงวัง วัดทุ่งฮั้ว เป็นต้น ครูบาเจ้าอภิยศท่านมรณภาพลง เมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๙ ศิริอายุได้ ๕๗ ปี

    หลวงปู่ครูบาคำอ้าย ท่านได้เข้าอุปสมบท ณ อุโบสถวัดทุ่งฮี เมื่ออายุย่างเข้า ๒๒ ปี (วันที่ ๑๒มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๗๖)

    โดยมี พระครูบาเจ้าอภิยศ อภิวังโส(ครูบาเผือก) วัดปงถ้ำ เป็นพระอุปัชฌาย์

    พระครูบามูล อุตตมะ วัดฮ่องรี่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์

    พระอธิการแก้ว วัดทุ่งฮี เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    หลวงปู่ครูบาได้เล่าเรียนพระธรรมวินัยจนแตกฉาน รวมทั้งอักขระล้านนาภาษาพื้นเมือง วิชาอาคมต่างๆจากพระอุปัชฌาย์ครูบาอาจารย์ทั้งที่เป็นพระเถระและฆารวาสผู้มีวิชาอาคมเก่งกล้า ซึ่งนอกจากจะได้รับการอบรมสั่งสอนจากพระอุปัชฌาย์พระครูบาเจ้าอภิยศแล้ว ท่านยังได้ฝากตัวเป็นศิษย์กับครูบาก๋า วัดทุ่งเป้า และ ครูบานันตา วัดทุ่งม่านใต้ สองพระเถราจารย์ผู้มีชื่อเสียงของเมืองวังเหนือและลำปางในยุคนั้น และท่านยังได้รับการสักยันต์ อาบน้ำว่าน น้ำมันยา จากครูบาอาจารย์ เพื่อความอยู่ยงคงกระพันป้องกันเขี้ยวงาต่างๆ อันจะเกิดจากการจาริกสั่งสอนปฎิบัติธรรมในสถานที่วิเวกต่างๆ ซึ่งมีความลำบากทุระกันดารมากในสมัยนั้น

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสุงครับ ขออนุญาติเผยแพร่ต่อครับ

    เหรียญหลวงปู่ครฦูบาคำอ้ายรุ่นแระสพการณ์ ให้บูชา 400 บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ครูบาคำอ้าย.jpg ครูบาคำอ้ายหลัง.jpg
     
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    วันนี้จัดส่ง

    ET 9288 7909 3 TH ลาดชะโด

    ขอบคุณครับ
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    http://www.dharma-gateway.com/monk/monk_biography/lp-phun/lp-phun-hist-01-01.htm
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมุลที่มาอย่างสูงครับ

    พระปิดตา๙องค์หลังพระสิวลี ธุดงค์สถานน้ำตกกะอางค์ นครนายก เนื้อหามวลสารสายพระป่าปฎิบัติธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต โดยมีพระอาจารยฦ์ฝั้นอาจาโร อธิฐานจิต และครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆ เช่น พระอาจารย์ จันทร์ เขมปัตโต พระอาจารย์กว่า สุมโน พระอาจารย์วัน อุตโม พระอาจารย์หลวง กตปุญโญ พระอาจารย์สม พุทธจาโร พระอาจารย์พุธ ฐานิโย
    พิมพ์นี้หายากไม่ค่อยเจอสภาพสวยสมบูรณ์ๆ พระสร้างมาร่วม 40 กว่าปีครับ

    ให้บูชา 3500 บาทครับ

    อ.ฝั้น.jpg อ.ฝั้นหลัง.jpg
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,211
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญพระพุทะรูปหลวงพ่อปาน วัดเกริ่นกฐิน เป็นเหรียญพระพุทธรุ่นแรกของหลวงพ่อเพี้ยนวัดเกริ่นกฐิน ลพบุรีครับ ปลุกเสกไตรมาส ปี๒๕๓๘

    ให้บุชา1000 บาทครับ

    ลพ.ปาน วฐ..JPG ลพ.ปาน วฐ.หลัง.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...