หนุมานคชสาร เหรียญลพ.ณรงค์ วัดมะเกลือ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Jumbo A, 17 กุมภาพันธ์ 2016.

  1. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,144
    ค่าพลัง:
    +5,421
  2. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,144
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ได้โอนเงิน ๓๕๐บาท เมื่อ๑กย.เวลา๑๐.๕๑น.เป็นค่าบูชาพระ ๑.รูปลพ.อ่อนวัดเขียน ที่อยู่ ดูในกล่องข้อความครับ
     
  3. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    วันนี้จัดส่ง
    ET4688 3517 1 TH ลาดกระบัง
    ชอบคุณครับ
     
  4. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    หลวงปู่ผาด อภินนฺโท หรือพระครูมงคลสาธุวัตร แห่งวัดไร่ ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง อายุ ๙๔ ปี ๗๓ พรรษา ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ แรม ๑๓ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๒๔ กันยายน ๒๔๕๙ บิดาชื่อนายเหนี่ยง ทองฟู มารดาชื่อนางแจ๋ว ทองฟู ท่านมีพี่น้องร่วมบิดา-มารดากันเป็นชายทั้งหมด โดยท่านเป็นคนกลาง
    ในวัยเด็กท่านศึกษาชั้นประถมที่โรงเรียนประชาบาลวัดยางมณี จนจบชั้น ป.๔ ท่านได้รับเมตตาจากท่านเจ้าคุณรัตนมุนี อัตทัสสีมหาเถระ วัดชีโพน ซึ่งเป็นเจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในสมัยนั้น และเป็นศิษย์ของหลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ รับท่านเข้าไว้เป็นศิษย์ในสำนักเรียนของวัดชีโพน โดยได้ศึกษาพระปริยัติธรรมและกรรมฐานจากพระอาจารย์โดยละเอียดชัดแจ้ง
    ต่อมาเมื่อท่านอายุครบบวช จึงได้เข้ารับการอุปสมบท ณ วัดยางมณี เมื่อวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๔๘๑ โดยมีหลวงพ่อปลื้ม วัดช้าง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อชวน วัดยางมณี เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และหลวงพ่อแทน วัดกำแพง เป็นพระอนุสาวนาจารย์
    หลังจากท่านอุปสมบทแล้ว ท่านได้เดินทางมาศึกษาพระปริยัติธรรมที่วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ และศึกษาวิชาธรรมกายจากหลวงพ่อสด หรือ ท่านเจ้าคุณพระมงคลเทพมุนี วัดปากน้ำภาษีเจริญ ธนบุรี จนท่านบรรลุวิชาเข้าถึงดวงธรรมกาย และได้รับการยืนยันรับรองจากปากหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ ว่า “แสงแห่งพระธรรมกายนั้น ถ้าหยุดถูกที่แล้วจะสว่างไสวยิ่งกว่าพระอาทิตย์สักร้อยดวงมารวมกัน ถ้าใครยังไม่เชื่อให้ถามพระจากอ่างทององค์นี้ดู เพราะท่านสำเร็จธรรมกายขั้นสูงสุดแล้ว” พูดพลางหลวงพ่อสดก็ชี้มือมาที่หลวงปู่ผาด ซึ่งขณะนั้นยังเป็นพระหนุ่มอยู่
    นอกจากนี้หลวงปู่ผาด ยังเรียนวิชาสำคัญจากพระเกจิสายอ่างทอง เช่น เรียนทำผงวิเศษจากหลวงพ่อภู วัดดอนรัก เรียนทำเบี้ยแก้ เสกปรอท จากหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ เรียนทำตะกรุดโบสถ์ลั่นจากหลวงปู่คำ วัดโพธิ์แก้ว
    ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕ ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ และตั้งสำนักอบรมวิปัสสนากรรมฐานตามแนวทางวิชาธรรมกายของหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
    อย่างไรก็ตาม แม้ทุกวันนี้หลวงปู่จะมีอายุกาลเข้าวัยชราภาพมากแล้ว แต่ท่านก็ยังคงอารมณ์อยู่ในวิปัสสนาญาณชั้นสูงอยู่ทุกขณะจิต ฉันอาหารได้มาก และดี ยังแข็งแรง มีความจำดีเลิศ ไม่หลงลืม ไม่ยินดียินร้ายในสมบัติของโลกทุกชนิด ไม่ยึดติด ไม่สะสม จำวัดกลางศาลาใหญ่ใกล้เมรุเผาศพ เมื่อคราวน้ำท่วมอ่างทองครั้งใหญ่ น้ำเอ่อล้นท่วมทุกที่ แต่ที่ศาลาใหญ่ที่ท่านจำวัดซึ่งสูงกว่าพื้นถนนไม่ถึงฟุต สายน้ำกลับวกไปไม่ท่วมถึง เคยมีพระสงฆ์ผู้รู้ทางในบอกไว้ในหมู่นักปฏิบัติหลังจากมากราบหลวงปู่ผาดว่า “พระอรหันต์นั้นหาไม่ยาก ในยุคนี้หากอยากกราบพระอรหันต์ก็ต้องรีบไปกราบหลวงปู่ผาด ที่วัดไร่ อ่างทองให้ได้เชียว”

    เหรียญหลวงพ่อผาด วัดไร่ อ่างทอง ร่น 1

    ให้บูชา900บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%94-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9E-%E0%B8%9C%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  5. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    วัดรางฉนวน
    ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง




    ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ มีวิชาไสยเวทย์แก่กล้า มีวาจาสิทธิ์ บรรลุญาณสมาบัติชั้นสูง บริสุทธิ์ ผ่องแผ้วทั้งทางโลกและทางธรรมปฏิปทาน่าเลื่อมใส ถือมักน้อยสันโดด และเคร่งครัดในพระธรรมวินัย มีเมตตาเอื้ออาทรปฏิบัติต่อพุทธศาสนิกชน ที่มานมัสการอย่างเสมอกัน ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นที่ศรัทธาเลื่อมใสของพุทธศาสนิกชนหลายจังหวัด เช่น อ่างทอง สิงห์บุรี ลพบุรี อยุธยา สุพรรณบุรี นครปฐม กาญจนบุรี และราชบุรี เป็นพระสุปฏิปัณโนรูปหนึ่งที่กราบได้อย่างสนิทใจ ด้านไสยเวทย์พุทธาคมได้รับการถ่ายทอดและสืบสายจากหลวงพ่อบัว วัดแสวงหา จ.อ่างทอง หลวงพ่อชั้น เกสโร วัดบางละแก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี หลวงพ่อคำ วัดหน่อพุทธางกูร จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อแต้ม วัดพระลอย จ.สุพรรณบุรี ล้วนเป็นเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์และมีชื่อเสียงวัตถุมงคลได้รับความนิยมสูง

    ชาติภูมิ หลวงพ่อเกลื่อนมีนามเดิมว่า เกลื่อน ประสารทรัพย์ ถือกำเนิดเมื่อวันจันทร์ที่ 17 มีนาคม พ.ศ.2467 (ปีกุน) เป็นบุตรคนโตในจำนวนทั้งหมด 2 คน คือ 1.หลวงพ่อเกลื่อน 2.นางบุญมา ของโยมพ่อกลั่น โยมแม่ง้อ ณ บ้าน รางฉนวน ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง การศึกษาจบ ป.4 ที่โรงเรียนวัดข่อย อ.โพธิ์ทอง จ.อ่างทอง เมื่อจบแล้วได้มาช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพในด้านเกษตรกรรม

    อุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดแสวงหา เมื่อปี พ.ศ.2491 โดยมีพระครูปัญญาสารคณี (หลวงพ่อบัว) เป็นพระอุปัชฌาย์ ได้รับฉายาว่า คุตธมฺโม ศึกษาพุทธาคม เมื่ออุปสมบทแล้ว ได้อยู่รับใช้หลวงพ่อบัวอยู่ 2 พรรษา ก็ได้ลาท่านมาจำพรรษาอยู่วัดรางฉนวน ได้เรียนนักธรรม สอบได้นักธรรมเอก ในพรรษาที่ 5 หลวงพ่อเกลื่อนได้เริ่มเดินทางไปกลับวัดแสวงหา ได้ไปศึกษาวิชาไสยเวทย์วิปัสสนากรรมฐาน ทำสมาธิบรรจุพลังบรรจุอาคมการหนุนธาตุจากหลวงพ่อบัว ตามตำราวิชาสายหลวงปู่ศรี วัดพระปรางค์ อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ซึ่งท่านเป็นสุดยอดปรมาจารย์ที่เข้มขลังที่สุดและโด่งดังมากในยุคนั้น ตะกรุดดอกละหลายหมื่น ได้ชื่อว่าเทพเจ้าไสยเวทย์แห่งลุ่มแม่น้ำน้อย หลวงพ่อแพร วัดพิกุลทอง จ.สิงห์บุรี ก็ได้รับการถ่ายทอดวิชาจากหลวงปู่ศรีเช่นกัน ที่จริงแล้วหลวงพ่อบัว ท่านเป็นหลานแท้ ๆ ของหลวงปู่ศรีได้รับการถ่ายทอดวิชามาครบถ้วนภายหลังหลวงพ่อบัว ถูกนิมนต์มาเป็นเจ้าอาวาสวัดแสวงหา จ.อ่างทอง หลวงพ่อบัวก็ได้ถ่ายทอดวิชาให้หลวงพ่อเกลื่อนทั้งหมดเช่นกัน
    เมื่อได้เรียนวิชาจาก หลวงพ่อบัว แล้วได้เดินทางไปขอศึกษาไสยเวทย์จาก หลวงพ่อคำ จนฺทโชโต วัดหน่อพุทธางกูร อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี หลวงพ่อคำเป็นอาจารย์เข้มขลังในไสยเวทย์ที่นับว่าเก่งมากองค์หนึ่งของสุพรรณบุรี เหรียญรุ่นแรกของท่านถูกยกย่องว่าเหนียวอยู่ยงคงกระพันที่สุดเหรียญหนึ่ง ยอดเกจิอาจารย์ต้นถึงพุทธกาลจากนั้นประมาณพรรษาที่ 14 ได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดพระลอย ต.ลั้วใหญ่ อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้ขอศึกษาพุทธาคมจากพระครูประภัตรธรรมาภรณ์ (หลวงพ่อแต้ม) ซึ่งหลวงพ่อแต้มได้สืบทอดวิชาสายหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.อยุธยา มีความเชี่ยวชาญด้านยันต์เกาะเพชร เหรียญรุ่น ๑ เป็นเหรียญดังของจังหวัดสุพรรณบุรีเช่นกัน ประสบการณ์มากมาย ค่านิยมเหรียญละหลายพันบาท เมื่อได้เรียนจากหลวงพ่อแต้ม แล้วก็ได้ไปเรียนวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อชื้น วัดบางสะแก อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี

    ธุดงค์วัตร เมื่อเล่าเรียนไสยเวทย์จากพระคณาจารย์ที่เลื่องเวทย์จบสิ้นแล้ว ก็ได้เดินธุดงค์เพื่อหาความวิเวก ได้เดินธุดงค์ผ่านเพชรบูรณ์ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ จ.นครราชสีมา ผ่านเขาใหญ่กลับเข้าสู่จังหวัดสระบุรีแล้ว กลับสู่วัดรางฉนวน

    ปฏิปทาศีลวัตร ชาวบ้าน พุทธศาสนิกชนใน อ.แสวงหา และ อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี จะกล่าวว่าหลวงพ่อเกลื่อนไม่ใช่ธรรมดา ท่านบรรลุญาณทิพย์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ มีวิชาดงกระพัน เหรียญยิงไม่ออก และกำบังกายได้ (หายตัว) ผู้เขียนได้พบกับนางสมควร แซ่ตั้ง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 7 ต.ท่าข้าม อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี เล่าให้ฟังว่า ตั้งแต่ตอนอายุยังน้อยได้ติดตามคุณพ่อไปนมัสการหลวงพ่อเกลื่อนเสมอมาปีละหลาย ๆ ครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่ง ตนและคุณพ่อได้นั่งคุยกับหลวงพ่อที่ชานไม้นอกกุฏิ ได้มีผู้ชายอายุประมาณ 30 ปี วิ่งขึ้นบันไดกุฏิมหาหลวงพ่อ แล้วบอกกับหลวงพ่อเกลื่อนว่า ตนมาเลี้ยงวัวอยู่ข้างวัด ได้ถูกคู่อริไล่ยิง จะมาขอกุฏิหลวงพ่อหลบภัย พอหลวงพ่อได้ยินดังนั้นก็บอกว่าให้นั่งอยู่เฉย ๆ อย่าพูดอะไร แล้วก็เอามือ 2 มือกดลงบนศีรษะ จากนั้นสัก 2 นาทีก็มีคนถือปืนวิ่งขึ้นมาหาหลวงพ่อ แล้วถามว่าหลวงพ่อคนที่วิ่งขึ้นมาบนนี้หลบอยู่ไหน หลวงพ่อตอบว่าหาเอาเอง หาเท่าไรก็มองไม่เห็น ทั้ง ๆ ที่นั่งนิ่งอยู่กลางแจ้งข้างตัวหลวงพ่อ แล้วคนร้ายก็ถอยกลับไปด้วยความงงงวย เรื่องแบบนี้แสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อมีวิชากำบังตัว
    อีกเรื่อง นายวน รัตการ บ้านอยู่หมู่ 2 ต.ปลายนา อ.ศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี รถจักรยานหาย ได้รับคำแนะนำจากคนข้างบ้านชื่อนางกุหลาบ สิริเมือง พากันไปหาหลวงพ่อเกลื่อนดู หลวงพ่อบอกว่ารถอยู่ในสระน้ำข้างทาง เลยบ้านไปทางทิศเหนือประมาณ 7 เส้น มีสระน้ำอยู่ข้างทาง นายวน ได้กลับไปหาพร้อมกับนางกุหลาบ ปรากฏว่ามีสระน้ำจริงและได้ลงไปงมหา ได้พบจักรยานคืนกลับมา นางกุหลาบ ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 159 หมู่ที่ 6 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พระสงฆ์พระลูกวัดเวลาจะลาสิกขา จะไปให้หลวงพ่อดูวันสึก มีอยู่รูปหนึ่งไม่เชื่อฟัง ไปให้ที่อื่นดูมา หลวงพ่อตรวจแล้วบอกว่าวันนั้นไม่ดี สึกแล้วจะอายุสั้น ก็ไม่เชื่อฟังพอสึกออกไป วันรุ่นขึ้นก็ถูกรถชนตาย

    วัตถุมงคลและประสบการณ์
    เหรียญรุ่นแรก ปีพ.ศ.2505 มีประสบการณ์ ปืนยิงไม่ออก เมื่อปีพ.ศ.2509 โจรเข้าปล้นบ้านนายเลียบ แซ่เล้า อยู่บ้านเลขที่ 7 หมู่ที่8 ต.วังน้ำเย็น อ.แสวงหา จ.อ่างทอง คนร้ายได้เข้าจับตัวเอาปืนจี้ตัวนายเลียบ และนายจอด 2 พ่อลูกให้อยู่ในความสงบ แต่นายเลียบได้ตะโกนร้องเรียกชาวบ้านให้ช่วยหลายครั้ง ชาวบ้านรวมตัวส่งเสียงมาช่วยนายเลียบ ทำให้โจรโกรธมาก ได้เหนี่ยวปืนยิงนายเลียบและนายจอดหมายฆ่าให้ตาย ปรากฏว่ากระสุนด้านทั้ง 2 กระบอก นายเลียบและลูกตัดสินใจต่อสู้โจรเห็นท่าไม่ดีวิ่งหนีกระเจิง นายเลียบและนายจอดต่างก็ห้อยเหรียญรุ่นแรกอยู่ในคอคนละเหรียญ นายจอด แซ่เล้า กล่าวว่าเขาและคุณพ่อรอดตายได้ก็เพราะเหรียญรุ่นแรกหลวงพ่อเกลื่อนเรื่องนี้ตำบลวังน้ำเย็นรู้กันทั่ว เหรียญรุ่นแรกหายากมากเพราะสร้างจำนวนประมาณ 1,800 เหรียญเท่านั้น พุทธคุณสูงชาวบ้านหวงแหนมาก ตามตลาดพระก็ไม่มีให้เห็น เสียงจากผู้ใหญ่บ้านท่านหนึ่งในอำเภอแสวงหาว่าได้มีคนมาขอเช่าไปจากชาวบ้านมีอยู่เหรียญราคาตั้ง 5,000 บาท หายากจริง ๆ ผู้เขียนพยายามติดตามจะหามาถ่ายรูปประกอบเรื่องก็หาไม่ได้

    เรื่องบุญฤทธิ์และพลังแห่งจิตที่ปรากฏ
    เรื่องอบายมุข และเรื่องดื่มสุราของเมาในเขตศาสนาสถานภายในวัดท่านจะห้ามเด็ดขาดในขั้นแรกท่านจะสอนว่ากล่าวตักเตือน ถ้าไม่เชื่อฟังท่านจะไล่ให้ออกไปจากเขตวัด หายปีที่ผ่านมาจังหวัดอ่างทองและอำเภอต่าง ๆ ในยุคนั้นโจรผู้ร้ายชุกชุม ตำรวจได้มาตั้งหน่วยปราบปรามอยู่ในพื้นที่วัดรางฉนวน ได้มีตำรวจปราบปรามท่านหนึ่งชื่อ จ่าทร แสงรุ่ง บ้านอยู่หมู่3 ต.ศรีบัวทอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง ได้มาสังกัดอยู่ที่สถานีปราบปรามภายในวัด พอตกเย็นก็ดื่มสุราจนเมามาย หลวงพ่อเกลื่อนทราบเข้าก็ไปว่ากล่าวตักเตือน แต่จ่าทร เป็นคนดื้อไม่เคยยอมใคร กลับนำเอาสุรามาเลี้ยงกันภายในวัดหนักยิ่งขึ้น มีเรื่องทะเลาะกับชาวบ้านและลูกเมียชาวบ้าน หลวงพ่อเกลื่อนได้ขับไล่ให้ออกไปจากวัด จ่าทรโกรธมากและกำลังเมาได้แบกปืนเล็กยาววิ่งมายังกุฏิหลวงพ่อจะยิงหลวงพ่อ หลวงพ่อกลัวว่า ถ้าจะยิงอาตมา ให้ยิงต้นสะเดาต้นนี้ก่อนพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ต้นสะเดาข้างกุฏิ จ่าทรหันปืนแล้วยิงไปที่ต้นสะเดาจริง ๆ ปรากฏว่าปากกระบอกปืนแตกเป็น 2 ซีก จ่าทรตกตลึงถึงกับเข่าอ่อน ทิ้งปืน ทรุดตัวลงคุกเข่าแล้วค่อย ๆ คลายเข้าไปกราบขอขมาหลวงพ่อ เรื่องนี้ชาวบ้านที่อยู่ข้างวัดทราบรายละเอียดดี

    น้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์
    ท่านใดดวงชะตาตกทำมาหากินไม่ราบรื่น เคราะห์ไม่ดี มีศัตรู อาบน้ำมนต์แล้วส่วนมากจะโชคดี ศัตรูจะกลับเป็นมิตร ที่ขัดสนจะกลับมั่งมี ซื้อง่ายขายคล่อง บางรายโชคดีถูกหวยใต้ดินมาก ๆ เมื่อปี 2543 ได้มีเถ้าแก่โรงสีในจังหวัดสุพรรณบุรีท่านหนึ่งได้มาขออาบน้ำมนต์ บนให้หลวงพ่อฟังว่า ภาวะตลาดข้าวไม่ดี ทำโรงสีขาดทุน เป็นหนี้ธนาคาร 10 กว่าล้าน มาให้หลวงพ่อช่วยอาบน้ำมนต์ชำระล้างสิ่งที่ไม่ดีทั้งหลายให้หมดไป และว่าถ้าโชคดีหลุดหนี้จะมาทำบุญช่วย หลวงพ่อสร้างศาลา หลวงพ่อได้นั่งหลับตาสักครู่ แล้วก็ทำน้ำมนต์อาบให้ พอหลวงพ่อรดน้ำมนต์เสร็จทานก็กล่าวว่า ต้นเดือนหน้าเอ็งจะมีลาภได้เงินก้อนใหญ่ อยู่ที่กล้าแค่ไหน เถ้าแก่โรงสีผู้นั้นคุยว่า กลับไปนอนคิดพิจารณาว่าภาวะอย่างนี้ข้าวก็ตุนไม่ได้ จะมีลาภจริงก็ต้องเสี่ยงซื้อสลากกินแบ่งและหวยใต้ดิน ด้วยแรงศรัทธาหลวงพ่อเกิดความมั่นใจได้ซื้อสลากทั้ง 2 อย่างได้ถูกเป็นเงินถึง 30 ล้านบาท และได้นำเงินทำบุญถวายหลวงพ่อสร้างศาลาหลังใหญ่จำนวนเงิน 3 ล้านบาท
    หลวงพ่อเกลื่อน วัดรางฉนวนพบง่าย ใจดี เชิญท่านเดินทางไปกราบนมัสการที่วัดรางฉนวน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง โดยมีเส้นทางอยู่ 2 เส้นทางคือ 1.มุ่งหน้าเดินทางไปที่ตลาดอำเภอแสวงหา แล้วสองถามทาง เป็นทางลาดยางตลอด จากอำเภอแสวงหาขับรถวิ่งตรงถึงวัดรางฉนวนระยะทาง 13 ก.ม. เส้นที่ 2 เดินทางมุ่งหน้าถึงตลาดอำเภอศรีประจัน จ.สุพรรณบุรี ขับตรงเลยตลาดตรงไปเส้นจะไปชัยนาท 2 ก.ม. เลี้ยวขาเข้าบ้านควาย ตรงลูกเดียว เข้าไปอีก 12 ก.ม.พอดี จะถึงทางแยกถนนเลียบคลองแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนตรงเข้าไปอีก 7 ก.ม.จะถึงวัดพอดีวัดอยู่ติดกับถนน เข้าพบกราบนมัสการขอพรเป็นสิริมงคล

    โดย สุข แสวงหา

    ขอขอบคณท่านเจ้าของข้อมลที่มาอย่างยิ่งครับ

    พระสมเด็จร่นแรกหลวงพ่อเกลื่อน แตกต่อกาวไว้ ประสพการณ์มากครับ

    ให้บูชา300บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.เกลื่อน.JPG ลพ.เกลื่อนหลัง.JPG
     
  6. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติ พระราชวิสุทธิคุณ หรือ หลวงพ่อเกตุ จิตฺตสาโร วัดเกาะหลัก ตำบลประจวบ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    พระวิสุทธาจารคุณ เดิมชื่อ เกตุ วงษ์แหวน เกิดวันอังคาร แรม 15 ค่ำ เดือน 10 ปีกุน วันที่ 9 ตุลาคม พ.ศ.2466 บิดาชื่อนายเหลือ วงษ์แหวน มารดาชื่อนางเสริม วงษ์แหวน อุปสมบทเมื่อวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2486 ณ วัดวังยาว ตำบลกุยบุรี อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ประชาชนทั่วไปเรียกท่านว่า “หลวงพ่อเกตุ” วิทยฐานะ ที่สำคัญ มีดังนี้
    1. จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดโตนดหลวง ตำบลบางเก่า อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรี พ.ศ.2478
    2. สอบได้นักธรรมชั้นเอกในสำนักเรียน วัดเกาะหลัก อำเภอเมืองฯ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    3. การศึกษาพิเศษ และชำนาญวิชาช่างไม้ ช่างปูน ช่างศิลป์ วิชาโหราศาสตร์ และการแพทย์แผนโบราณ
    4. มีความชำนาญด้านการเทศน์ทำนอง (แหล่) ในเรื่องชาดกต่างๆ และการสวดทำนองสังคะหะ ผลงาน งานด้านการปกครอง เมื่อได้อุปสมบทแล้ว ได้ช่วยเหลือ งานของคณะสงฆ์ด้วยความอุตสาหะ ได้รับการแต่งตั้งให้มีตำแหน่งสำคัญเรียงตามลำดับดังนี้
    - พระฐานานุกรม ที่พระปลัด
    - พระกรรมวาจาจารย์
    - รองเจ้าอาวาสวัดเกาะหลัก
    - เจ้าอาวาสวัดกุยบุรี
    - เจ้าอาวาสวัดเกาะหลัก ปี 2511
    - เจ้าคณะอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์
    - เจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2529
    หลวงพ่อเกตุ นับได้ว่าเป็นศิษย์เอกสายตรงของหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก หนึ่งในพระเกจิสมัยสงครามอินโดจีนและสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งทหารไทยที่ออกรบในสมัยนั้นในพื้นที่ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งญี่ปุ่นได้ยกพลขึ้นบกมีการปะทะกับทหารไทยอย่างดุเดือด ทหารสมัยนั้นที่มีของดีจากหลวงพ่อเปี่ยม วัดเกาะหลัก ได้รับฉายาว่าทหารผี เพราะญี่ปุ่นทั้งยิงทั้งฟันไม่เข้า เป็นเรื่องที่เล่าขานกันมาแต่อดีต สำหรับหลวงพ่อเปี่ยม นับเป็นปรมาจารย์องค์หนึ่งของเมืองนี้และมีชื่อเสียงที่สุด เป็นหนึ่งในเกจิ 108 รูปที่ได้เข้ามาปลุกเสกพระที่วัดราชบพิธในช่วงประมาณปี 2481 หลวงพ่อเปี่ยม เลื่องลือด้านวิชาอาคมและด้านโหราศาสตร์ยากที่ใครจะเทียบ แม้แต่สมเด็จสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศ ผู้ที่มีชื่อเสียงด้านโหราศาสตร์ (หลวงปู่เริ่ม วัดจุกกระเชอ เคยเรียนวิชาโหราศาสตร์) ยังขอเรียนวิชาด้านโหราศาตร์บางอย่างจากหลวงพ่อเปี่ยม
    หลวงพ่อเกตุ ได้จำพรรษาอยู่วัดวังยาวในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ต่อมาได้ย้ายมาอยู่จำพรรษาที่วัดเกาะหลักเพื่อเรียนวิชากับหลวงพ่อเปี่ยม หลวงพ่อเกตุ เป็นพระที่ความสามารถทั้งการปกครองและพัฒนา จนได้รับความไว้วางใจจากคณะสงฆ์ เป็นเจ้าอาวาสวัดเกาะหลัก และเป็นเจ้าคณะจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
    ประวัติ พระราชวิสุทธิคุณ หรือ หลวงพ่อเกตุ จิตฺตสาโร วัดเกาะหลัก

    นอกจากนี้หลวงพ่อเกตุ ยังเป็นอาจารย์ท่านหนึ่งของหลวงพ่อยิด วัดหนองจอก เพราะเป็นพระอุปัชฌาย์ ในตอนที่หลวงพ่อยิด กลับมาบวชครั้งที่สอง

    หลวงพ่อเกตุ ได้มรณภาพลงด้วยอาการสงบ ด้วยโรคไตวาย เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 ณ โรงพยาบาลราชวิถี สิริอายุ 76 ปี เป็นเถราจารย์อีกรูปหนึ่งที่ร่างกายไม่เน่าเปื่อยหลังจากมรณภาพแล้ว
    วัตถุมงคลหลวงพ่อเกตุ ที่นิยมและมีชื่อเสียงมากๆคือ เหรียญรุ่นแรก ปี 2519 พระปิดตามหาอุด ตะกรุดที่ทำจากตะกั่วอวน เป็นต้น ซึ่งเป็นที่นิยมมากในหมู่นักนิยมพระเครื่อง และในหมู่ข้าราชการทหาร ตำรวจและประชาชนทั่วไป มีประสบการณ์เรื่องเมตตา แคล้วคลาด และคงกระพัน
    download%2B%25281%2529.jpg

    ขอขอบคณท่านเจ้าของข้อมลที่มาอย่างยิ่งครับ

    ให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.เกต.JPG ลพ.เกตหลัง.JPG
     
  7. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
  8. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    อริยะโลกที่6



    "หลวงปู่สิม ญาณวโร" หรือ "พระครูสังวรกัลยาณวัตร" เจ้าอาวาสวัดศรีชมภูองค์ตื้อ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย และที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ



    อัตโนประวัติ หลวงปู่สิม มีนามเดิม สิม พัดพรม เกิดเมื่อวันอังคารที่ 28 เม.ย.2468 ที่บ้านเลขที่ 52 หมู่ 8 ต.น้ำโมง อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย บิดา-มารดา ชื่อ นายวัน และนางแดง พัดพรม



    พ.ศ.2480 เรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนประชาบาลบ้านน้ำโมง ก่อนลาออกมาช่วยครอบครัวทำงาน



    บรรพชา เมื่อปี พ.ศ.2483 ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ โดยมีเจ้าคณะหมวด พระคำผา ปัญญาวุฑโฒ เป็นพระอุปัชฌาย์ และอุปสมบท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2489 ที่วัดศรีชมภูองค์ตื้อ โดยมีพระเจ้าคณะหมวดคำผา ปัญญาวุฑโฒ เป็นพระอุปัชฌาย์



    ภายหลังอุปสมบท มุ่งมั่นศึกษาพระปริยัติธรรม พ.ศ.2505 สอบได้นักธรรมชั้นตรี-โท ตามลำดับ ที่สำนักเรียนวัดศรีชมภูองค์ตื้อ



    วัตรปฏิบัติของหลวงปู่สิม สมัยเป็นพระหนุ่มนั้น เช้า-เย็น ต้องทำความเพียรตลอด ตื่นแต่เช้ากวาดวัดเสนาสนะ ตอนเย็นก็ช่วยกันกวาดวัด บริเวณวัดและกุฏิที่พัก พระภิกษุ-สามเณรต้องปฏิบัติตามข้อวัตร



    ต่อมา ท่านได้รับมอบหมายให้เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดศรีชมภูองค์ตื้อ



    ลำดับงานปกครอง พ.ศ.2496 เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีชมภูองค์ตื้อ พ.ศ.2536 เป็นพระอุปัชฌาย์ประเภทสามัญ พ.ศ.2542 เป็นรองเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ พ.ศ.2548 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อ



    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2528 เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสชั้นโทที่ พระครูสังวรกัลยาณวัตร พ.ศ.2542 เป็นพระครูสัญญาบัตรรองเจ้าคณะอำเภอท่าบ่อชั้นโท ในราชทินนามเดิม



    พ.ศ.2546 เป็นพระครูสัญญาบัตรรองเจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในราชทินนามเดิม



    หลวงปู่สิม ท่านเป็นพระที่มีความเมตตา สุขุม สงบเยือกเย็น สันโดษ มักน้อย อยู่แบบสมถะเรียบง่ายไม่หรูหรา เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ กอปรด้วยศีลและธรรม มีศีลาจาริยวัตรที่งดงาม ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจโดยแท้



    ท่านเผยแผ่ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา อบรมสั่งสอนประชาชน สนับสนุนการศึกษาพระภิกษุ-สามเณร เด็กนักเรียน นักศึกษา และเยาวชนทั่วไป อีกทั้งมุ่งมั่นฟื้นฟูบูรณปฏิสังขรณ์วัดทั้งในประเทศและต่างประเทศ ให้เป็นวัดมีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ตลอด หลวงปู่สิมยังมีวัตรปฏิบัติอันงดงาม จึงมีประชาชนเลื่อมใสศรัทธา เมื่อจัดกิจกรรมใด มักจะได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งคณะสงฆ์ ตลอดไปถึงหน่วยงานราชการต่างๆ



    แม้ท่านจะเป็นพระเถระสังกัดคณะธรรมยุต ที่มีความเคร่งครัดในการปฏิบัติ แต่หลวงปู่สิม ยังได้ส่งเสริมและสนับสนุนการศึกษาพระปริยัติธรรมแผนกธรรม-บาลี ทำให้การศึกษาสงฆ์เจริญรุดหน้ามาโดยตลอด สร้างคุณูปการอันประเสริฐแก่วงการสงฆ์อย่างมากมาย จนได้ประจักษ์ถึงผลงานและคุณสมบัติต่างๆ เป็นที่ยกย่องเชิดชูมากมาย



    ด้านการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ท่านมีความสามารถด้านการแสดงธรรมเทศนา ท่านมักจะใช้ภาษาที่ง่าย สามารถสื่อให้ชาวบ้านเข้าใจง่าย มีตัวอย่างประกอบหลักธรรมเชิงบุคลาธิษฐาน



    ขณะเดียวกัน ยังให้ความเมตตาแก่ประชาชนทุกระดับ เมื่อได้รับนิมนต์ให้ไปแสดงธรรมตามงานบุญทั่วไป หรืองานฌาปนกิจศพไร้ญาติ โดยเฉพาะวันธรรมสวนะ จึงทำให้พุทธศาสนิกชนเกิดความศรัทธาน้อมนำคำสอนไปปฏิบัติในชีวิตประจำวัน



    ตลอดชีวิต หลวงปู่สิม ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กิจการคณะสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง



    แต่ด้วยอายุขัยที่ล่วงเลยเข้าสู่วัยชราภาพ บ่อยครั้งทำให้ท่านอ่อนแรง สุขภาพไม่แข็งแรงดังเดิม



    อาการอาพาธของท่านก็เช่นเดียวกัน พ.ศ.2556 ประสบอุบัติเหตุลื่นล้มบนศาลาการเปรียญชั้นบน จนเป็นเหตุให้ขาหัก และกระดูกเชิงกรานแตก เข้ารับการผ่าตัดรักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชท่าบ่อ จนอาการค่อยดีขึ้นตามลำดับ แต่เมื่อมีอาการไม่สบายก็จะรีบแจ้งศิษยานุศิษย์เพื่อนำเข้ารักษาที่โรงพยาบาลทันที



    ครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2558 ตรงกับวันออกพรรษา ช่วงเช้าท่านออกรับบิณฑบาตจากพุทธศาสนิกชนที่มาทำบุญตักบาตรเป็นจำนวนมาก และฉันภัตตาหารเช้าตามปกติ



    ตกเย็นท่านมีอาการไม่สบาย หายใจติดขัด เหนื่อยเพลียมาก จึงให้ลูกศิษย์นำส่งโรงพยาบาลรักษาตามอาการ



    วันที่ 31 ต.ค.2558 ท่านมีอาการเหนื่อยมาก หายใจติดขัดจนต้องใช้เครื่องหายใจช่วย



    จนถึงวันที่ 1 พ.ย.2558 หลวงปู่สิม มีอาการหยุดหายใจ แพทย์และพยาบาลพยายามช่วยโดยการปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือได้



    หลวงปู่สิม ละสังขารอย่างสงบ ด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด เมื่อเวลา 09.14 น. สิริอายุ 90 ปี 6 เดือน พรรษา 69



    สร้างความเศร้าสลดอาลัยเป็นอย่างยิ่ง



    14595262251459526244l.jpg

    ขอขอบคณท่านเจ้าของข้อมลที่มาอย่างยิ่งครับ

    เหรียญหลวงปู่สิม ญาณวโร วัดศรีชมภูองค์ตื้อ รุ่นแรก



    ให้บูชา300บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ ปิดรายการ)

    ลพ.สิม.JPG ลพ.สิมหลัง.JPG
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2017
  9. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ประวัติโดยย่อ วัดยางมณี ผู้คนมักจะเรียกสั้นๆว่า “วัดยาง”

    ภูมิลำเนาอยู่ เลขที่ 1 หมู่ 9 ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย สร้างขึ้นเป็นวัดประมาณปี พ.ศ.2420 มีปูบชนีย์วัตถุที่สำคัญคือพระประธานภายในอุโบสถ เป็นพระพุทธรูปสมัยอยุธยา

    โดยมีเจ้าอาวาส ตามลำดับดังนี้

    1. พระอาจารย์จอน ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2420 - 2433

    2. พระอาจารย์ยา ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2434 – 2449

    3. พระอาจารย์คำ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2450 – 2465

    4. พระอาจารย์เฉลียว ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2465 – 2475

    5. พระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2475 – 2524

    6. พระครูเฉลียวปิยธมฺโม ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2525 – 2529

    7. พระมหาประเสริฐ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2530 – 2536

    8. พระอาจารย์จั่น ดำรงตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาส พ.ศ. 2537 – 2541 และ ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส พ.ศ. 2542 เป็นต้นมา



    พระครูสุกิจวิชาญ (หลวงพ่อชวน) ถือได้ว่าเป็นผู้ที่ชาวบ้านม่วงเตี้ยให้ความเคารพ นับถือมากที่สุด เพราะท่านได้พัฒนา วัดยางขึ้นมาเป็นอย่างมาก อีกทั้งได้สนับสนุนการศึกษาในทุกๆด้าน ซึ่งมีโรงเรียนอยู่ติดกับวัดท่านก็ให้ความอนุเคราะห์เป็นอย่างดีจึงมีชื่อของท่านอยู่ในชื่อของโรงเรียนด้วย (โรงเรียนวัดยางมณี “ชวนประชาสรรค์”) อีกทั้งยังเป็นผู้เรื่องเวทย์ โดยวัตถุมงคลของท่าน ไม่ว่าจะเป็น 1.เชือกกลีบ 2.เหรียญปี 2516(รุ่น1) 3.พระพิมพ์สมเด็จซึ่งล้อพิมพ์วัดเกศไชโย 4.ผ้ายันต์ธงปี 2516 (โดดร่ม) 5.รูปถ่ายสมเด็จวัดเกศไชโยเลี่ยมพลาสติกปี 2516 6.ปลัดขลิก (สร้างน้อยมาก) และ7.ยังมีพระเนื้อดินอีก ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อชวนมีเล่าขานกันมามากเช่นเหตุการณ์เกิดไฟไหม้วัด 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ที่หอสวดมนต์ไฟได้ลุกลามพอไปถึงหน้ารูปเหมือนของหลวงพ่อชวนไฟก็ดับเองโดยที่ผู้ที่ไปช่วยกันดับไฟต่างทึ่งไปตามๆกัน ครั้งที่ 2 กุฏิพระเกิดเหตุไฟฟ้าลัดวงจรไฟไหม้กุฏิพระหนึ่งหลังแต่ไฟไม่ไหม้โต๊ะหมู่บูชาซึ่งมีวัตถุมงคลของท่านอยู่ที่โต๊ะหมู่บูชา เป็นที่น่าแปลกใจกับผู้ไปช่วยกันดับไฟในครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง และชาวบ้านละแวกนั้นต่างรู้กันดีว่าเชือกกลีบและวัตถุมงคลที่ท่านได้แจกให้นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ป้องกันเขี้ยว เล็บ ของสัตว์มีพิษ ได้เป็นอย่างดียิ่ง
    ขอขอบคณท่านเจ้าของบทความข้อมลที่มาอย่างสง

    เหรียญสมเด็จพิมพ์วัดเกษไชโย หลวงพ่อชวนวัดยางมณี อ่างทอง

    ให้บูชา300บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99-jpg.jpg %E0%B8%A5%E0%B8%9B-%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg
     
  10. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,144
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ขอจองครับ
     
  11. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    พระชัยวัฒน์สมเด็จย่า ๙๐ พรรษา

    พระชัยวัฒน์ สมเด็จย่า จัดสร้างในคราวฉลองพระชนมายุ 90 ปี สร้างเมื่อปี 2533 ปลุกเสกในวัดพระแก้วฯ พิธีใหญ่ มวลสารที่นำมาจัดสร้างนั้นมีทั้ง แผ่นยันต์ที่คณาจารย์ลงอักขระถวายมาหล่อหลอมจำนวนมาก องค์พระจะเป็นเนื้อโลหะผสม เทหล่อสภาพสวยสมบูรณ์ ใต้ฐานตอกโค๊ต จัดเป็นของดีที่ไม่ค่อยได้เห็นกันแล้วครับ มวลสารที่ใช้จัดสร้างพระฉลอง90พรรษาสมเด็จย่ามีดังนี้


    1.เนื้อโลหะ มีเนื้อนวโลหะที่ได้จาก โลหะเดิมของ สมเด็จสังฆราช(แพ), โลหะเดิมของพระครูขันติยาภิราม(หลวงพ่อวงษ์)วัดปริวาศ และของพระอาจารย์อรรถพล กิตติโก วัดปริวาศ รามเป็นน้ำหนัก90กิโลกรัม

    2.แผ่นพระยันต์ พระคณาจารย์ทั่วประเทศรามทั้งสิ้น799รูป มีเมตตาลงแผ่นทองแดงให้รวมทั้งสิ้นถึง 5,999 แผ่น น้ำหนักแผ่นทองแดง52กิโลกรัม

    3.แผ่นทองคำ ได้มีพิธีลงทองโดยพระอาจารย์อรรถพล กิตติโก ในพิธีลงทองและพุทธาภิเษกแผ่นพระยันต์ที่วัดปริวาศ เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2533 โดยลงแผ่นพระยันต์108นะปะถะมัง 14ดวงพระประสูติและตรัสรู้ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    4.เนื้อโลหะทองคำ ส่วนหนึ่งจากทองคำบางสะพาน ซึ่งถือเป็นโลหะธาตุทองคำศักดิ์สิทธิ์ใช้ในการสร้างสิ่งมงคลแต่โบราณ รวมถึงทองแดงเถื่อนและทองแดงจันทึก จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับความกรุณาจากกรมทรัพยากรธรณี จัดหาและประสานในการปฏิบัติ ได้โลหะทองคำบางสะพานมา1,998.7กรัม ทองแดงเถื่อน6.5กิโลกรัม

    5.เนื้อโลหะชนวน ชนวนในการสร้างพระพุทธรูป ภปร. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เททองเมื่อปี2508 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร, ชนวนในการสร้างพระชัยวัฒน์ พระกริ่งปวเรศร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ เททองเมื่อปี2528 ณ วัดบวรนิเวศวิหาร, ชนวนเททองหล่อหลวงพ่อเงิน บางคลานพิจิตร ซึ่งนายประเสริฐ นรัตถรักษา คหบดีจังหวัดพิจิตรมอบให้, ชนวนเททองหล่อสมเด็จพุฒาจารย์โต วัดไชโยวรวิหาร จังหวัดอ่างทอง ซึ่งนายทวีป ทวีพาณิชย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองมอบให้

    พิธีการในการสร้างได้กำหนด 3 พิธีด้วยกัน

    161797-10cf6-jpg.jpg

    1.พิธีลงทองและพุทธาภิเษกแผ่นพระยันต์ ประกอบพิธีวันที่19 มิถุนายน 2533 ณ อุโบสถวัดปริวาส โดยพระญาณโพธิ(เข็ม) ลงทองแผ่นยันต์108 นะปะถะมัง14นะ ดวงประสูติและตรัสรู้สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

    2.พิธีเททองและพุทธาภิเษก ประกอบพิธีวันที่ 18 สิงหาคม 2533 ณ วัดสุทัศน์เทพวราราม โดยมีสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช เสด็จเป็นองค์ประธานและทรงนั่งปรกพร้อมพระคณาจารย์อื่นๆผู้ทรงคุณนั่งปรกบริกรรมภาวนารวม28รูป จำนวนเท่ากับพระพุทธเจ้า 28พระองค์ ตั้งแต่เวลา6.00น.ถึง6.09น.วันรุ่นขึ้น และก่อนหน้าพิธีได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด้จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระสุหร่าย แผ่นพระยันต์ทั้งหมด ตลอดจนเจิมแผ่นทองคำอีกด้วย

    3.พิธีพุทธาภิเษก ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้กราบบังคมทูลเชิญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นองค์ประธาน เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2533

    ขอบขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสุงครับ

    พระชัยวัฒน์สมเด็จย่า ๙๐ พรรษาไม่มีกล่องนะครับรุ่นนี้มากประสบการณ์พิธีหลวงและราษฎเจตนาบริสุทธิ์ พระยามสมเด้จพระเจ้าอยุ่หัวเสด็จมาเป็นประธาน
    ให้บูชา500บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับปิดรายการ

    %E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%A7-jpg.jpg %E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%A7-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-jpg.jpg %E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%A2-%E0%B8%AA%E0%B8%A7-%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99-jpg.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 กันยายน 2017
  12. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,279
    ค่าพลัง:
    +6,443
    ปิดรายการนี้ครับ
     
  13. j999

    j999 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    5,144
    ค่าพลัง:
    +5,421
    ได้โอนเงิน ๓๕๐บาท เมื่อ๑๑กย.เวลา๑๑.๐๒น.เป็นค่าบูชาพระ ๑.รายการ ที่อยู่ดูในกล่องข้อความครับ
     
  14. shaj

    shaj เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    8,279
    ค่าพลัง:
    +6,443
    แจ้งโอน 550.25บาทครับ โอนวันนี้ เวลา 15.59น.
    ที่อยู่ในPM ครับ
     
  15. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยานั้น มีพระเกจิอาจารย์ในยุคกลางๆ ที่เก่งๆ อยู่หลายรูป วันนี้เรามาคุยกันถึงหลวงพ่อปลอด วัดพระนอน อำเภอนครหลวงกัน ซึ่งวัตถุมงคลของท่านนั้น เด่นทางด้านแคล้วคลาดปลอดภัย สมชื่อหลวงพ่อปลอดครับ อีกทั้งสนนราคาก็ยังไม่แพงนัก และยังพอหาเช่ากันได้อยู่ครับ

    วัดพระนอนตั้งอยู่ที่ตำบลพระนอน อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่สร้างมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ในแผ่นดินสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สันนิษฐานว่าชาวรามัญครั้งที่อพยพมาในครั้งนั้นได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้น

    หลวงพ่อปลอดท่านเป็นชาวนครหลวงโดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2424 ที่บ้านท้องคุ้ง ต.ปากจั่น อ.นครหลวง โยมบิดาชื่อ แช่ม โยมมารดาชื่อ แก้ว หลวงพ่อปลอดกำพร้าบิดามารดาตั้งแต่เยาว์วัย อาของท่านชื่อสังวรณ์ได้ให้การอุปการะท่านต่อจากบิดามารดา พออายุได้ 7 ขวบ ก็ได้นำไปฝากเรียนอักษรสมัยที่วัดสะแก กับพระอาจารย์รอด ต่อมาท่านก็ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุได้ 11 ขวบ โดยมีพระอาจารย์รอด เป็นพระอุปัชฌาย์ นอกจากท่านจะได้ศึกษาอักขรวิธีแล้ว ท่านยังได้ศึกษาวิทยาคมกับพระอาจารย์อีกหลายสำนัก เช่น สำนักวัดบันไดและสำนักวัดละมุด เป็นต้น นอกจากนี้ท่านยังได้เรียนกับอาจารย์ฆราวาส ซึ่งเป็นผู้เข้มขลังอีกท่านหนึ่ง


    พออายุครบบวช ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดสะแก โดยมีพระอาจารย์แหยม เจ้าอาวาส วัดบันไดเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการดำ เจ้าอาวาสวัดละมุด เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจรย์รอด เจ้าอาวาสวัดสะแก เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า "พรหมโชติ" หลังจากอุปสมบทแล้วท่านก็อยู่จำพรรษาที่วัดสะแก ได้ศึกษาพระธรรมวินัยกับพระอาจารย์รอด ศึกษาวิปัสสนากรรมฐานกับพระอธิการดำ และพระอุปัชฌาย์แหยม ภายหลังได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดสระเกศ ได้ศึกษามูล กัจจายน์ที่วัดปรีดาราม โดยมีพระครูนครวิหารคุณ (โต) เจ้าคณะแขวงเป็นผู้สอน ต่อมาในปี พ.ศ.2457 วัดพระนอนว่างเจ้าอาวาสลง ชาวบ้านวัดพระนอนจึงขอนิมนต์ให้ท่านมาเป็นเจ้าอาวาส และคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองจึงส่งท่านมาดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาส เมื่อท่านได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดพระนอน ท่านก็ได้อบรมสั่งสอนพระเณรและเผยแผ่พระธรรม คำสอนแก่ชาวบ้าน อีกทั้งได้พัฒนาวัด พระนอนโดยลำดับ

    หลวงพ่อปลอดท่านมีวัตรปฏิบัติเป็นที่น่าเคารพกราบไหว้แก่ผู้พบเห็น ท่านพูดน้อย มีความเป็นอยู่อย่างสมถะ มักน้อย ถือสันโดษ ถือการบำเพ็ญภาวนาเป็นธุระ ท่านให้ทานเป็นอาจิณ ใครมาขออะไรท่านก็อนุญาตให้ทั้งสิ้น หลวงพ่อปลอดเป็นที่รักเคารพของชาวบ้านพระนอนมาก
    เหรียญรุ่นนี้มีประสบการณ์ในด้านแคล้วคลาดสูงมาก จึงเป็นที่นิยมของชาวนครหลวง ปัจจุบันยังพอหาได้อยู่ และสนนราคาก็ยังไม่สูงนักครับ ในวันนี้ผมจึงได้นำรูปเหรียญหลวงพ่อปลอดรุ่นแรกมาให้ชมกันครับ

    ชมรมพระเครื่อง
    แทน ท่าพระจันทร์
    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ
    รูปถ่ายหลวงปู่ปลอด วัดพระนอน
    ให้บูชา500บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ปลอด.JPG ลพ.ปลอดหลัง.JPG
     
  16. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    ...พระญาณวิเศษ (ศรี ฐิตธมฺโม) หลวงปู่ศรี ผีย่าน อดีตเจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม และอดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ฝ่ายธรรมยุติกนิกาย ท่านได้รับสมณศักดิ์สูงสุด เป็นพระราชาคณะที่ พระญาณวิเศษ ได้สร้างผลงานไว้ที่วัดหลวงสุมังคลารามเป็นอันมาก และทั้งเป็นพระสงฆ์รุ่นบุกเบิก สร้างและวางรากฐานความมั่นคงให้แก่คณะธรรมยุตจังหวัดศรีสะเกษ

    ท่านเกิดเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2431 ตรงกับวันพุธ ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 6 ปีชวด ที่บ้านหนองโน ม.5 ต.น้ำคำ อ.เมืองศรีสะเกษ จ.ศรีสะเกษ เป็นบุตรของ นายธรรมา(จารย์ครูธรรมา) สุมงคล และนางบุญมา ท่านเกิดในตระกูลชาวนา มีพี่น้อง 8 คน ท่านเป็นบุตรคนที่ 4 ต่อมามารดาเสียชีวิต บิดาได้ภรรยาใหม่ จึงมีพี่น้องร่วมบิดาแต่ต่างมารดาอีก 4 คน

    การศึกษา...และการจาริกไปต่างถิ่น เมื่ออายุ 13 ปี ได้เรียนหนังสือไทยที่โรงเรียนวัดพระโต (วัดมหาพุทธาราม) ต่อมาเมื่ออายุ 15 ปี บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดพระโต มีพระครูเกษตรศีลาจารย์ (นาม) เจ้าคณะจังหวัดขุขันธ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ จำพรรษาอยู่วัดพระโต ได้เล่าเรียนหนังสือภาษาไทยต่อในโรงเรียนวัดพระโตนั้น จนสอบได้ชั้นมูล 3 (ประถม 3) ในปีต่อมา ด้วยความรู้ความสามารถเป็นที่พอใจของพระอุปัชฌาย์ จึงขอแต่งตั้งให้เป็นครูสอนภาษาไทยที่โรงเรียนวัดพระโต ได้รับอนุมัติจากกระทรวงธรรมการ รับนิตยภัตเดือนละ 6 บาท เป็นครูสอนอยู่ 2 ปี ได้ย้ายไปจำพรรษาอยู่วัดใหม่ บริเวณที่ตั้งโรงเรียนวัดพระโตปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินวัดมหาพุทธาราม (วัดพระโต) อยู่ฝั่งตะวันออกของถนนขุขันธ์ ตรงข้ามกับวัดมหาพุทธารามนั่นเอง (วัดใหม่เป็นวัดธรรมยุตแห่งแรกในจังหวัดศรีสะเกษ แต่ร้างไปในภายหลัง มีพระมหารัตน์ จากจังหวัดอุบลราชธานีเป็นเจ้าอาวาส) ได้เรียนพระปริยัติธรรมไปด้วย 2 ปี

    พ.ศ.2448 ติดตามอาจารย์มหารัตน์ไปอยู่วัดสุปัฏนาราม จังหวัดอุบลราชธานี เรียนวิชาฝึกหัดครูที่วัดนั้น 2 ปี จบหลักสูตรชั้นสูงของโรงเรียน

    พ.ศ.2450 ติดตามอาจารย์พระมหารัตน์ไปจำพรรษาที่วัดสระแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี ช่วยสอนหนังสือภาษาไทยให้สามเณรและศิษย์วัดนั้น 1 ปี

    พ.ศ.2451 อายุย่างเข้า 21 ปี ย้ายจากวัดสระแก้ว อำเภอพิบูลมังสาหาร เข้ามาอยู่วัดสุปัฏนาราม ได้รับการอุปสมบทที่วัดสุปัฏนาราม ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2451 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์ที่พระศาสนดิลก เป็นพระอุปัชฌาย์ ระหว่างนี้ได้ศึกษาธรรม สอบไล่ได้นักธรรมตรี นักธรรมโท และสอบบาลีไวยากรณ์ สนามวัดได้

    พ.ศ.2453 - 2454 ไปสอนหนังสือภาษาไทยแก่พระภิกษุสามเณรและศิษย์วัดต่าง ๆ ในเขตอำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี

    พ.ศ.2455 พระอุปัชฌาย์ให้ไปเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านค้อหวาง อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี บริหารวัด สอนภาษาไทยแก่ศิษย์ สร้างเสนาสนะที่สำคัญ คือ อุโบสถและศาลาการเปรียญ อย่างละ 1 หลัง.....อยู่ 2 ปี จึงย้ายจากวัดค้อหวางเข้าพรรษาที่วัดศรีทอง (วัดศรีอุบลฯ) ตำบลในเมือง อำเภอเมือง โดยพระมหาเสน ชิตสโน เป็นเจ้าอาวาส ช่วยสอนและบูรณะปรับปรุงวัดอยู่ 2 ปี จึงย้ายจากวัดศรีทองไปวัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ เจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (สิริจนฺโท จันทร์) เมื่อครั้งดำรงสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นราช เป็นเจ้าอาวาส ได้ศึกษาบาลี และช่วยภาระเจ้าอาวาสประการต่าง ๆ อยู่ 2 ปี....ย้ายไปจำพรรษาที่วัดพิชัยญาติการาม อำเภอคลองสาน จังหวัดธนบุรี เจ้าคุณพระเขมาพิมุขธรรม เป็นเจ้าอาวาส ศึกษาพระปริยัติธรรมอยู่ 2 ปี

    พ.ศ.2463 ลาเจ้าอาวาสวัดพิชัยญาติการาม กลับภูมิลำเนาเดิมที่ จังหวัดขุขันธ์ (ศรีสะเกษ) ได้ไปจำพรรษาที่วัดโพนข่า ตำบลโพนข่า อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ มีพระทอง เป็นเจ้าอาวาสวัดโพนข่า....ในปีต่อมา พ.ศ.2464 พระทองลาสิกขา ได้รับบริหารงานในตำแหน่งเจ้าอาวาสต่อมาเป็นเวลา 5 ปี ....ในระหว่างนี้..มีผลงานด้านต่าง ๆ มากมาย เป็นต้นว่า...เปิดการศึกษาพระปริยัติธรรม และบาลีขึ้นที่วัด ปลูกสร้างศาลาการเปรียญ 1 หลัง ปลูกสร้างกุฏิไม้เนื้อแข็งทรงมลิลา 1 หลัง ก่อสร้างอุโบสถตามแบบกรมศิลปากร 1 หลัง และขุดสระน้ำเพื่อใช้ในฤดูแล้ง 1 แห่งในบริเวณวัด เป็นต้น

    .....มูลเหตุการได้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงสุมังคลาราม คือ พ.ศ.2469 ขุนอำไพ พร้อมด้วยนายเปลี่ยน ศีลวาณิช และนายผึ้ง มหาผล ผู้นำหมู่พุทธบริษัท ได้นิมนต์ไปจำพรรษาอยู่วัดหลวงสุมังคลาราม มีพระครูเกษตรศีลาจารย์ (ทอง) เป็นเจ้าอาวาส ได้ช่วยภาระเจ้าอาวาสในด้านก่อสร้างพระอุโบสถ วัดหลวงสุมังคลาราม และยังคงไปดูแลควบคุมการก่อสร้างอุโบสถวัดโพนข่าพร้อมกันไปทั้งสองวัด โดยใช้วิธีการเหมือนกัน คือ จ้างช่างคนญวนเป็นหัวหน้า และระดมภิกษุ สามเณรในวัดเป็นคนงาน จนวัดโพนข่าเสร็จลง สามารถทำพิธีผูกพัทธสีมา เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2473 ส่วนอุโบสถวัดหลวงสุมังคลาราม เสร็จลงเมื่อ พ.ศ.2485

    พ.ศ.2476 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (ติสฺโส อ้วน) ขอวัดหลวงสุมังคลารามจากเจ้าคณะจังหวัดขุขันธ์ (ศรีสะเกษ) เพื่อตั้งเป็นวัดธรรมยุติ โดยนิมนต์ท่านพระครูเกษตรศีลาจารย์ เจ้าอาวาสรูปเดิม และเจ้าคณะแขวงขณะนั้น ย้ายไปอยู่วัดเจียงอีศรีมงคลวราราม และแต่งตั้งให้ท่านพระญาณวิเศษ (ศรี ฐิตธมฺโม) ซึ่งขณะนั้นดำรงสมณศักดิ์ที่พระครูสิริสารคุณ เป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงฯ เมื่ออายุ 46 พรรษา 26

    พ.ศ.2481 รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะอำเภอน้ำอ้อม (อำเภอกันทรลักษ์) จังหวัดขุขันธ์ (ศรีสะเกษ) จากนี้ไปก็จำเริญตำแหน่งงานเรื่อยไปจนถึงปี พ.ศ.2514 เป็นเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ ธรรมยุต

    .....ด้านสมณศักดิ์...ท่านได้สมณศักดิ์ครั้งแรกเมื่ออายุ 49 พรรษา 29 พ.ศ.2479 รับสัญญาบัตร (พระครูชั้นตรี) ที่พระครูสิริสารคุณ แล้วเลื่อนไปตามลำดับชั้นโท เอก พิเศษ จนได้เป็นพระราชาคณะที่ พระญาณวิเศษ ในปี พ.ศ.2514

    ...ผลงานสำคัญของท่าน...คือได้ตั้งรากฐานคณะธรรมยุตขึ้นอย่างมั่นคงในจังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ขยายวัดคณะธรรมยุตออกไป 17 วัด.....นอกจากนี้...ยังมีที่พักสงฆ์อยู่อีก 22 แห่ง วัดธรรมยุตในเขตปกครองจังหวัดศรีสะเกษเกิดขึ้นได้...ถือว่าด้วยบารมีของพระญาณวิเศษ (ศรี ฐิตธมฺโม) เป็นมูลเหตุ

    ....พระญาณวิเศษ (ศรี ฐิตธมฺโม) มรณภาพ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ.2529 ตรงกับวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือน 7 ปีขาล สิริรวมอายุ 89 ปี 2 เดือนเศษ...

    ขอขอบคุณท่านเจ้าของบทความข้อมูลที่มาอย่างสูงครับ

    เหรียญหลวงปู่ศรี วัดหลวง


    ให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลป.ศรี.jpg ลป.ศรีหลัง.jpg
     
  17. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญหลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอกปี 2524 ศิษย์สายหลวงพ่อจงในจังหวัดอยุธยาปทุมธานีร่วมอธิฐานจิต เป้นวัตถุมงคลยุคแรกๆที่ลพ.แม้น วัดหน้าต่างนอกสร้าง
    (ปิดรายการ)

    ลพ.จง.jpg ลพ.จงหลัง.jpg
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กันยายน 2017
  18. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญหลวงพ่อประเทือง วัดหนองโพ นครสวรค์ วัดหลวงพ่อเดิม เหรียญนี้ไปออกวัดอื่นครับ มีรอยท่านลงเหล็กจารเหรียญ ครับ
    ให้บูชา200บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ
    ลพ.ประเทือง.JPG ลพ.ประเทืองหลัง.JPG
     
  19. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    เหรียญหลวงปู่ต่อ วัดเขาแก้ว นครสวรรค์ สายหลวงพ่อเดิมหลวงพ่อกัน

    ให้บูชา100บาทค่าจัดส่งEMS50บาทครับ

    ลพ.ต่อ.JPG

    ลพ.ต่อหลัง.JPG
     
  20. Jumbo A

    Jumbo A เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    12,190
    ค่าพลัง:
    +21,324
    วันนี้จัดส่ง

    ET 6209 0875 4 TH บางไทร

    ET 6209 0876 8 TH บางบัวทอง

    ET 6209 0877 1 TH ลาดกระบัง

    ET 6209 0878 5 TH คลองจั่น

    ขอบคุณครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...