แด่ดวงวิญญาณอันสูงศักดิ์ ตำนานการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม วัดมหาธาตุ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 10 มกราคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    แด่ดวงวิญญาณอันสูงศักดิ์ ตำนานการสร้างอาคารปฏิบัติธรรม วัดมหาธาตุ

    win-696x365.jpg


    watmahatard.jpg
    (จากอินเตอร์เน็ต)


    ในคืนที่พระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์สว่างนวลจะสาดส่องลงมายังพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช
    เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร ทำให้พระราชานุสาวรีย์ซึ่งประดิษฐานอยู่หน้าอาคารปฏิบัติธรรม
    “เบญจมราชวรานุสรณ์” ดูราวกับมีชีวิตและมีความงามสง่าดุจดังเทพเทวาลงมาจุติ วัดมหาธาตุ


    ทว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่า กว่าจะมีอาคารปฏิบัติธรรม “เบญจมราชวรานุสรณ์” ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์แห่งนี้ ได้มีเหตุการณ์เหนือธรรมชาติเกิดขึ้นมากมาย…

    11230500_1448903322075300_1779373671_n.jpg
    (จากอินเตอร์เน็ต ::อินสตาแกรมคุณหญิงต้น @piyapas)

    ช่วงปลายปี 2550 คุณวิฑูร มิ่งขวัญ อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้รับการบอกเล่าจากแม่บ้านประจำโรงยิมของมหาวิทยาลัยว่า วันหนึ่งขณะที่เธอกำลังทำความสะอาดเก็บกวาดบริเวณโรงยิมในตอนย่ำรุ่ง เธอเกิดความรู้สึกว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่จากบนอัฒจันทร์ เมื่อเธอเงยหน้ามองขึ้นไปที่บันไดอัฒจันทร์ก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาดี ดูมีสง่าราศี แต่สีหน้าเศร้าหมอง ชายผู้นั้นไว้ผมรองทรง ใส่เสื้อและกางเกงสีขาว สวมรองเท้าสีดำ อีกทั้งยังปรากฏแสงรัศมีเรืองรองโดยรอบ เธอจ้องมองด้วยความตื่นตะลึง พลันนึกเอะใจว่าใครจะเข้ามาในโรงยิมนี้ได้อย่างไร เพราะประตูล็อกหมดทุกด้าน เมื่อเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้ง ภาพของชายลึกลับก็อันตรธานไป!

    ต่อมาไม่นานก็ถึงวันครบรอบวันคล้ายวันเกิดของคุณวิฑูรเขาจึงจัดแจงทำบุญวันเกิดและทำสังฆทานเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณดวงนั้น หลังจากทำบุญเสร็จแล้ว ปริศนาเรื่องชายหนุ่มผู้นั้นก็ยังค้างคาใจ จนที่สุดจึงนำเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนรักสองพี่น้องคือคุณจุฬาวัลย์ พงษ์สุทธิมนัส และ คุณรัตติญา นำเจริญกุล ฟัง เพราะทราบว่าคุณจุฬาวัลย์เป็นผู้มีความสามารถพิเศษในการสื่อความจากไพ่ ปรากฏว่าชายผู้นั้นคือผู้สูงศักดิ์ที่มีบุญญาธิการสูง ทั้งสามคนจึงช่วยกันค้นหาข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และพบว่าสถานที่ตั้งมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตนั้น ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระราชวังดุสิตฯ ทำให้ทั้งสามท่านเดาว่า ชายปริศนาผู้นั้นน่าจะเกี่ยวข้องกับพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวอย่างแน่นอน

    หลังจากนั้นคุณจุฬาวัลย์ได้ไปค้นดูรูปเก่า ๆ จากหนังสือประวัติศาสตร์ โดยพยายามเลือกเฟ้นหารูปชายวัยรุ่นรูปงาม สุดท้ายไปติดใจพระฉายาลักษณ์ของพระราชโอรสพระองค์หนึ่งของรัชกาลที่ 5 จึงนำไปถ่ายสำเนา และมอบหมายให้คุณวิฑูรไปหาสำเนาภาพถ่ายของนักศึกษาที่จัดว่าหน้าตาดีในปัจจุบัน ซึ่งมีอายุไล่เลี่ยกับหนุ่มน้อยในภาพและไว้ผมรองทรงเหมือนกัน ประมาณ 10 ภาพ แล้วนำไปให้แม่บ้านดู ปรากฏว่าแม่บ้านชี้ไปที่พระฉายาลักษณ์ของพระราชโอรสพระองค์นั้นด้วยความมั่นใจ ซึ่งก็คือภาพของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร นั่นเอง!

    1419342066.jpg
    (จากอินเตอร์เน็ต)

    หลังจากนั้นคุณจุฬาวัลย์จึงสื่อความจากไพ่อีกครั้ง คราวนี้ได้สื่อสารกับสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร โดยตรง พระองค์ตรัสว่า ที่มาปรากฏพระองค์ในวันนั้น เพราะมีพระราชกิจที่จะต้องดูแลทรัพย์สินของแผ่นดินสืบต่อจากพระราชบิดา ซึ่งการนี้จะบรรลุผลก็ต่อเมื่อลูกหลานสายตรงของพระองค์ที่ทรงไว้ซึ่งพระบุญญาธิการและพระบารมีเสมอกับพระองค์อีกทั้งดำรงไว้ซึ่งทศพิธราชธรรม ได้รำลึกถึงพระองค์และทำบุญอุทิศถวายเป็นพระราชกุศล

    ประการสำคัญที่สุด พระองค์มีพระราชประสงค์ที่จะให้มีการจัดสร้างอนุสาวรีย์ของพระองค์อย่างสมบูรณ์ถูกต้องตามหลักโบราณราชประเพณี เพื่อให้ลูกหลานและประชาชนได้สักการะบูชาเมื่อการดังกล่าวสัมฤทธิ์ผล จะถือว่าพระองค์ทรงสามารถปฏิบัติพระราชกิจได้อย่างครบถ้วนในการปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ส่วนสถานที่ตั้งอนุสาวรีย์ของพระองค์นั้น ทรงระบุว่าจะต้องอยู่ ณ บริเวณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และมีความสำคัญเสมอคู่กรุงรัตนโกสินทร์ โดยจะต้องตั้งอยู่ในเขตชุมชน ณ บริเวณศูนย์กลาง ซึ่งสามารถดึงดูดให้ชาวต่างชาติที่สัญจรไปมาสังเกตเห็นได้ ซึ่งความที่สื่อออกมาสร้างความหนักใจให้คุณวิฑูรและเพื่อนทั้งสองคนเป็นอย่างมากต่างท้อแท้ว่าการนี้ใหญ่หลวงเกินกำลังความสามารถ

    จนวันหนึ่งเมื่อสบโอกาส ทั้งสามท่านจึงได้นำเรื่องนี้ไปปรึกษาคุณยศ เอื้อชูเกียรติ ผู้ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ ดร.นฎาประไพ สุจริตกุล บังเอิญ หลังจากนั้นบุตรชายคนโตของทั้งคู่ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดมหาธาตุฯ และในวันลาสิกขา พระมหาไสว ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุฯและผู้อำนวยการศูนย์วิปัสสนานานาชาติ กล่าวว่า ทางวัดมีโครงการที่จะจัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวาระครบรอบ 84 พรรษา แต่ยังติดขัดปัญหาด้านแบบและทุนทรัพย์ในการดำเนินการ คุณยศจึงรับปากว่าจะช่วยสนับสนุนด้านการประสานงานและเรื่องแบบกับกรมศิลปากร รวมทั้งเรื่องอื่น ๆ เท่าที่จะทำได้ ในที่สุดโครงการจัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรมเฉลิมพระเกียรติฯจึงเสร็จสมบูรณ์ โดยได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์

    ยิ่งกว่านั้น เมื่อคุณยศและคุณนฎาประไพได้ทราบว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯทรงมีจิตศรัทธาบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ เพื่อปฏิสังขรณ์พระอารามแห่งนี้ พร้อมกับพระราชทานนามต่อท้ายเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติแด่พระโอรสว่า “วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ ทั้งคู่ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นศรัทธาที่จะให้มีการจัดสร้างอนุสาวรีย์ของเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศขึ้นที่นี่

    และเป็นที่น่ายินดี ที่ในที่สุดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯรับโครงการวัดมหาธาตุฯไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์พร้อมทั้งพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้สร้างพระรูปหล่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมารเนื้อสำริด ขนาดหนึ่งเท่าครึ่งของพระองค์จริง เพื่อประดิษฐานหน้าอาคารปฏิบัติธรรม “เบญจมราชวรานุสรณ์” โดยการก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2554 และกลายเป็นที่สักการะบูชาของประชาชนทั่วไปนับแต่นั้นเป็นต้นมา

    *จากหนังสือวัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร ในเส้นทางสู่การจัดสร้างอาคารปฏิบัติธรรมเบญจมราชวรานุสรณ์ และพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศสยามมกุฎราชกุมาร ณ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์



    เรื่อง ดร.นฎาประไพ สุจริตกุล  เรียบเรียง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ ภาพประกอบ ตั๋ง ตั๋ง



    -----------------------
    ที่มา
    http://www.goodlifeupdate.com/3783/healthy-mind/watmahathat/2/
     
  2. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    สมเด็จพระบรมโอสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฏราชกุมาร



    K11961660-7.jpg
     
  3. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    สมเด็จเจ้าฟ้าชายมหาวชิรุณหิศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรกของไทย





    200px-Maha_Vajirunhis.jpg



    เจ้าฟ้าชายมหาวชิรุณหิศ ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ ที่ 20 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์แรกในพระนางเจ้าสว่างวัฒนา ประสูติเมื่อปีขาล วันพฤหัสบดี ตรงกับวันที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2421 เมื่อประสูติกาลทรงเป็นที่ชื่นชมโสมนัสของพระบรมราชบิดาและพระบรมวงศานุวงศ์ยิ่งนัก เมื่อพระชันษาได้ 6 ขวบ กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญทิวงคต พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนาเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อ พ.ศ. 2429 ขณะนั้นพระชันษาได้ 8 ชันษา เป็นพระราชโอรสในพระมหากษัตริย์ไทยพระองค์แรกที่ทรงดำรงพระอิสริยยศมกุฎราชกุมาร
    ss043.jpg

    เมื่อทรงพระเยาว์ทรงคล่องแคล่วว่องไวอย่างเด็กผู้ชายซนๆ และเมื่อทรงย่างเข้าสู่วัยหนุ่ม ก็ทรงมีพระรูปโฉมสง่างามผึ่งผาย และด้วยพระรูปลักษณ์และพระอัจฉริยภาพของพระองค์นั้นคล้ายคลึงพระราชบิดาเมื่องทรงพระเยาว์ยิ่งนัก จึงเป็นที่ทรงโปรดปรานในพระราชบิดาและทรงมีพระราชประสงค์เต็มเปี่ยมที่จะให้สืบราชสมบัติสนองพระองค์ อีกทั้งยังทรงตั้งพระราชหฤทัยจะพระราชทานอบรมสั่งสอนวิชาความรู้สำหรับขัตติยะด้วยพระองค์เอง จึงไม่โปรดให้เสด็จไปทรงเล่าเรียนต่างประเทศ โปรดฯให้รับทรงรับฎีกาแทนพระองค์ตั้งแต่พระชนมายุได้เพียง 5-6 พรรษา และโปรดฯให้รับราชการใกล้เบื้องพระยุคลบาทชิดติดเหมือนคราวที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯให้พระองค์ร่วมในการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ก็ทรงสวรรคตด้วยอาการประชวรเสียก่อนเมื่อวันที่ศุกร์ 4 มกราคม พ.ศ. 2437 พระชนมายุได้ 16 พรรษา 6 เดือน 7 วัน ด้วยพระโรคไข้รากสาดน้อย นำมาซึ่งความเศร้าโสกเสียใจของเหล่าพสกนิกร และพระราชบิดา-พระราชมารดายิ่ง (ก่อนหน้านั้น พระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงเศร้าโศกในการสูญเสีย เจ้าฟ้าหญิงพาหุรัดมณีมัย และ เจ้าฟ้าหญิงกรรณาภรณ์เพชรรัตน์ อยู่ก่อนแล้ว และทรงกอดเจ้าฟ้าวชิ-รุณหิศพลางกรรแสง และตรัสว่า ‘เหลือเจ้าคนเดียวแล้ว’ ด้วยพระธิดาทั้ง 2 พระองค์เกิดร่วมปีเดียวกับพระองค์)



    %B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%8E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3.jpg


    K5042273-15.jpg




    %B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A1.jpg



    --------------
    ที่มา
    http://oknation.nationtv.tv/blog/bongbongstory/2009/09/17/entry-1
     

แชร์หน้านี้

Loading...