แด่ ผู้ที่ปราถนาในพุทธภูมิ

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย arun412, 9 กุมภาพันธ์ 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. arun412

    arun412 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขออภัยในวาจาที่ข้าพเจ้าจะกล่าวถัดจากนี้ ว่า อาจจะมีข้อที่ไม่ตรงบ้าง เพราะความที่ไม่รู้ของตน
    แต่ตนนั้นไม่ได้โกหก แสดงตามที่ตนรู้ เพื่อประโยชน์แก่ผู้อื่น อันจะพอเกื้อหนุนแก่บุคคลนั้นๆได้
    อันว่า อันใดที่พวกท่านรู้แล้วจักมีประโยชน์หากบอกกล่าว เชิญท่านบอกได้เลย
    หรือว่า อันใดที่ข้าพเจ้าผิด ก็ขอให้แก้ในความเห็นความรู้ผิด ด้วยเถอะ


    1.ในฐานะในความเป็น
    ท่านทั้งหลาย ที่ปราถนาพุทธภูมิ นั้น มีอยู่
    แต่บุคคลควรจะเข้าใจฐานะ ว่าเป็นอย่างไร
    บุคคลไม่ควรปราถนาที่จะเป็นเพราะหวังเอายศฐาบรรดาศักดิ์
    บุคคลไม่ควรปรารถนาที่จะเป็นเพราะเห็นแก่ลาภ เห็นแก่เงินทอง

    นั้นเป็นเพียงแค่ฐานะ
    แต่อันบุคคลที่จะได้ซึ่งฐานะ ไม่ควรปราถนาเพราะอยากจะเป็นในฐานะ
    แต่เพราะด้วยอำนาจแห่ง เมตตา กรุณา เอ็นดูต่อสัตว์ทั้งปวง
    และปราถนาที่จะรู้ได้ด้วยตน

    2.ในข้อที่ควรกระทำ
    ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิ ควรเจริญพรหมวิหาร 4 ให้มาก
    พรหมวิหาร 4 นั้นคุณมาก ต่อ ตนเอง และผู้อื่น
    -เพราะพรหมวิหาร 4 นั่นแล เป็นข้อหนึ่ง อันจะเป็นเหตุทำให้ทำบุญ ทำทาน ไม่เบียดเบียนผู้อื่น
    ได้ด้วยเพราะ พรหมวิหาร เพราะเมตตา กรุณา แม้ว่าบุคคลนั้นจะไม่รู้ซึ่งผลโทษของกรรมผลคุณของกรรม
    แต่กระทำด้วยอำนาจแห่งเมตตา กรุณา นั่นแล

    อันว่า เจริญ มิใช่เพราะด้วยอำนาจแห่งความคิดว่า เราจักเมตตาๆ อยู่อย่างนี้ หาใช่จะทำได้
    ให้เข้าใจเสียว่า เป็นไปด้วยเหตุ เพราะคิดอย่างไรนั่นแล จึงเป็นเหตุให้เมตตา เกิดขึ้น
    บุคคลที่เจริญให้มาก เพราะด้วยปัญญารู้จักคุณ และ เหตุ นั่นแล

    เพราะ กิจหน้าที่ไม่ใช่เพียงแค่ทำบารมี 10 ของตนให้มาก
    ต้องคอยแนะนำสั่งสอน ผู้อื่น ให้ทำบารมี 10 ในกาลก่อนๆด้วยเป็นอันมาก นั่นแล
    เพราะข้อนี้ เป็นข้อที่แตกต่างข้อหนึ่ง พระพุทธเจ้า กับ พระปัจเจกพุทธเจ้า
    เพราะหากตนทำเพียงผู้เดียว ก็จะรอดพ้นได้ด้วยเพียงบุคคลเดียวได้ แต่ไม่ได้ประกาศศาสนา
    เพราะเหตุไร ไม่ใช่เพราะเหตุว่า พระปัจเจกพุทธเจ้า แสดงธรรมไม่ได้ แต่เพราะ สัตว์ทั้งหลายไม่มีกำลังมากพอ
    แม้มีอยู่ ก็มีอยู่เพียงน้อย มีบุญบารมีไม่มากพอ

    เพราะคิดอย่างนั้น เพราะเห็นอย่างนั้นตามความจริง จึงเป็นเหตุให้ขวนขวายน้อย
    จริงอยู่ แม้ว่าตั้งต้นจะไม่มีทศพลญาณ
    แต่พระองค์นั้น มีธรรมใหญ่ จะทำให้เกิดในภายหลังก็ทำได้ แต่ไม่กระทำเพราะเห็นอย่างนั้นๆ ว่า จักเป็นการเหนื่อยเสียเปล่า เพราะสัตว์ทั้งหลาย มีกิเลสมาก ดังนี้

    และข้อหนึ่งคือ บุคคลควรจะรู้ข้อนี้ว่า ต้องรู้จักคุณ ของการตั้งความปราถนาไว้
    เพราะเหตุไร เพราะความปราถนานั้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย กาลใดมีกามราคะอยู่ เมื่อรู้เสียซึ่งความยากความลำบาก จึงถอนความปราถนาด้วย"อำนาจแห่งกามตัณหา"ได้
    เมื่อถอนความปราถนาเสียแล้ว ความสำเร็จความอันมีก็ไม่เกิด เพราะไม่ปราถนา


    3.ข้อที่ข้าพเจ้าคิดว่า ควรรู้
    ดังนั้น บุคคลควรจะรู้คุณอยู่อย่างนี้ว่า เมื่อใด เราตั้งความปราถนาอยู่ หากแม้จะสำเร็จด้วยยาก แต่เราจักไม่ถอนความปราถนานั้นๆ
    เพราะเหตุว่า
    -เรารู้เหตุรู้โทษของการถอนความปราถนาแล้ว หากเราถอนความปราถนา เราก็จะไม่มี ไม่ได้ซึ่งข้อนั้นๆ ไม่กระทำความเพียร ย่อมลุผลของความขี้เกียจ
    -แต่เมื่อกาลใด เราตั้งความปราถนาไว้อยู่ ก็จักแล่นไป ก็จักทำความเพียรให้สำเร็จ ให้สำเร็จซึ่งสิ่งที่ตนตั้งไว้ด้วยดี
    ด้วยเพียงการไม่ทิ้งความปราถนา ด้วยรู้คุณรู้โทษในในข้อนั้นๆนั่นแล ย่อมสำเร็จเป็นอันที่สุดได้
     
  2. arun412

    arun412 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +7
    ข้อนี้ก็เช่นกัน
    บุคคล ควรรู้ใน ธรรมอันใหญ่ ควรมีญานในข้อนี้ๆ
    คือ รู้ในเหตุแห่งปัญญา ทั้งหลาย ว่าอย่างไร รู้ในคุณของปัญญาทั้งหลาย
    จักทำให้ปัญญาเกิดได้ด้วย ความรู้ในข้อนั้นๆ

    หากผู้นั้น รู้แล้วเสีย ซึ่งเหตุการทำปัญญาให้เกิด รู้ว่า ปัญญานั้นเป็นทรัพย์อันใหญ่ จะยังกุศลธรรมข้ออื่นๆให้บังเกิดได้
    แม้จะปราถนาจะรู้ ก็ทำได้ เพราะรู้ในเหตุนั้นๆ

    ในข้อนี้จักเกื้อหนุน แก่ ผู้ที่ปราถนาพุทธภูมิ ย่อมทำให้สำเร็จได้โดยเร็ว
     
  3. ปทุมมุต

    ปทุมมุต ผมเป๋นใตร?

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +286
    สำนวนคล้ายแปลจากมคธ โดยยังมิได้กระชับเป็นไทยยังไงยังงั้น แหะๆ.. สาธุครับ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...