แนะนำผมด้วย นั่งสมาธิแล้วหลับคับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย บุตรเดียว, 1 สิงหาคม 2017.

  1. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    ผมฝึกนั่งสมาธิมาเกือบปีแล้วครับ ระยะหลังมานี้พอนั่งจนเริ่มสงบ คำภาวนาหายไป แล้วผมก้อวูบหลับด้วยเลยครับ หลับท่านั่งเลยนะครับ มักรู้สึกตัวอีกทีก้อตอนได้เวลา คือแต่ละครั้งผมจะนั่งประมาน 40 นาที จะมารู้สึกตัวประมาณนาทีที่ 37 38 ประมาณนี้ ขอคำแนะนำผู้รู้ด้วยครับ
     
  2. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    จริงๆ ถ้า สมาธิมันถอนได้ตรงเวลาเนี่ยะ ....

    อันนี้ต้อง เผื่อใจไว้นิดหนะคร้าบว่า นั่งสมาธิได้ ไม่ได้หลับ
    ถ้า หลับ มันจะเลยเวลาเสียส่วนใหญ่ หรือไม่ก็ ออกมาก่อนเวลามากๆ

    ดังนั้น ถ้า นั่งแล้วออกได้ตรงเวลา ก็ ฝึกแบบเดิมไปก่อน ไม่ต้องรีบร้อน


    แต่....

    แต่ถ้า จะนับหนึ่งใหม่ สอบสวนใหม่ ทบทวนใหม่

    ก็ลองฟัง แล้วพิจารณาดู

    ร้อยละร้อย นักสมาธิ จะ ฝัน วาดภาพการปฏิบัติเรื่อง จิตรวม
    ต้องอัปปนาอย่างนั้น อย่างนี้ จึงค่อย ใช้ปัญญา

    พระพุทธองค์ตรัสว่า ธรรมสองอย่าง ที่ควรใช้ " ปัญญาอันยิ่ง "
    ในการเพ่งพิจารณาคือ สมถะ และ วิปัสสนา

    งง ไหม

    พระพุทธองค์ ตรัสให้ ใช้ "ปัญญาอันยิ่ง" นำหน้า ทั้งการ
    ทำสมถะ และ การทำวิปัสสนา พระพุทธองค์ ซึ่งเป็นศาสดา
    เป็นสารถี เป็นผู้ฝึก คนที่ฝึกได้!! พระพุทธองค์ ตรัสไว้เอง
    ว่า ให้ใช้ปัญญาอันยิ่ง นำหน้า สมถะ และ วิปัสสนา

    แต่ สาวกชั้นหลัง ปฏิเสธคำสอนศาสดา จับยัดเข้าตู้
    แล้ว ห้าม !! ใช้ปัญญาเด็ดขาด ให้ เอาอัปปนาให้ได้
    ก่อน แล้วจึง ถอยมาใช้ ปัญญาอันยิ่ง

    มันจึง หลับ แทนที่จะ อัปปนา

    หลับแล้วก็ แช่แป้งอยู่แบบนั้น เพราะ อัปปนา นานๆ จะได้ที
    แล้วมันก็ไม่เที่ยง วันนี้ได้ พรุ่งนี้ไม่ได้ คนที่ ทำสมถะ เอา
    อัปปนา มันก็เลย ค้าง อยู่ตรงนั้น ไม่ไปไหน

    จับพลัดจับพลู ไปเอา ภวังค ของการหลับ เห็นนั้น เห็นนี่
    มาเป็น ภูมิธรรม การออกรู้ออกเห็น

    ซึ่งมันจะต่างกับ การฝึกด้วย ปัญญาอันยิ่ง ในการฝึก สมถะ
    และ วิปัสสนา ที่จะเข้าใจเหตุผล ของการ ออกรู้ออกเห็น
    เดินอยู่ นั่งอยู่ ถ้ามี เหตุจำเป็นต้องรู้ ก็หน่วงเหนี่ยว
    สมถะ วิปัสสนา ออกรู้ออกเห็นได้

    แต่ถ้าเป็น อัปปนา ก่อนค่อยใช้ปัญญา แล้ว สังขารมันเอา
    การหลับมา สับขาหลอก ให้เข้าใจว่า ถูกทางแล้ว ที่เรา
    ยังไม่ใช่ปัญญา มันจะ เห็นโน้นเห็นนี่ แบบว่า...ถ้ามี
    เหตุจำเป็นที่จะต้องเห็น ก็ไม่รู้วิธีว่า วางจิตยังไง มีแต่
    เออะๆ อะๆ เล่าให้ฟังขำๆ

    นะ

    เจ้าของกระทู้ ลอง ใช้ " ปัญญาอันยิ่ง " นำเข้ามาก่อน
    อย่ารีบร้อน เอา " อาการจิตรวม "

    ถ้าใช้ปัญญาอันยิ่งเนี่ยะ แนะนำว่า ตอนที่คุณ...

    เฉพาะเจ้าของกระทู้เท่านั้น

    ตอนที่คุณกำลัง วางจิตจะทำสมาธิ จิตที่มีการรำพึง ระยะเวลา
    จิตตรงนั้น มีความสว่างไสว ( ไม่ใช่สีขาว แสงแฟลช ซึ่งเป็นเรื่อง
    ของ ฌาณ )

    จิตที่มีความ สว่างไสว มีความร่าเริง บันเทิง รู้สึกเป็นอิสระ แล้ว
    จิตนั้นก็ รำพึง ระยะเวลาการฝึก ให้ ย้อนไปสังเกตุ จิตสว่างไสว
    ตรงนั้นให้ดีๆ แล้วอย่าให้หายไป ตลอดการฝึก

    แล้วจะพบว่า ไม่มีทางหลับ

    ถ้าจะหลับ ก็เพราะ จิตสว่างไสวนั้น อันเป็นเหตุ มันดับ ซึ่งก็
    ควรเฝ้น จิตบันเทิง นั้นใหม่ แล้วกำหนด ระยะเวลาใหม่ เอา
    ให้พอดีกับ อินทรีย์

    ไม่จำเป็นต้อง นั่งยาว

    สมมติว่า จิตเราสว่างไสว นั่งทำสมถะ ได้20นาที เป็นถอน
    ได้ตรงเวลา เราก็กำหนดแค่ 20นาที เอาให้คล่อง แล้ว
    ค่อยเพิ่ม ค่อยลด จนคล่องแคล้ว

    พอคล่องแคล้ว อย่าไปเสียเวลานั่งนับ คาบเวลา ให้ฝึก
    ระลึกให้ได้ใน หนึ่งคาบลมหายใจ เข้า แล้ว ก็อยู่ แล้วก็
    ออก ภายในเสี้ยววินาที

    อัปปนาหรือไม่ ขึ้นกับ จิตมันพรากออกจากขันธ์ แยกรูป แยกนาม
    เกิด เอโกธิภาวะ เป็น สุญญตาสมาธิ อนิมิตสมาธิ อัปณิหิตสมาธิ

    ถ้าอัปปนาแล้ว จิตยังแยกรูปแยกนามไม่เป็น จิตรวมแบบนั้น
    จะเสียหาย ได้ฌาณ แต่มันเหมือนเนื้อติดฟัน ( เน่า )
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2017
  3. pinit417

    pinit417 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2016
    โพสต์:
    189
    ค่าพลัง:
    +164
    ไม่รู้ว่ากรณีเดียวกับผมหรือเปล่า 55 แถมยังระยะเวลาในการนั่งก็พอๆกันด้วย
    กระทู้นี้ครับ ข้อความที่ 14
    http://palungjit.org/threads/เล่าประสบการณ์สมาธิ.614936/

    ขอถามหน่อยครับ ที่ว่าวูปหลับนิ มีสติรู้ไหมครับ แล้วระหว่างที่คิดว่าหลับนิมีฝันหรือนิมิตรไหมครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 สิงหาคม 2017
  4. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    เพิ่มเติมนะครับ คือหลับที่พูดถึงคือผมหลับในท่านั่งเลยนะครับ และขณะหลับนั้นไม่มีรูปภาพใดๆมีเพียงแสง แต่ไม่แสงสีขาวนะครับ เป็นสีน้ำเงินสว่างบ้าง แดงสว่างบ้าง บางครัง ก้อไม่มีแสงใดๆ เหมือนหลับ พอนาทีที่ 37 38 ก้อเรื่มรู้สึกตัว เพราะเวลานี้ของการปฎิบัติทุกครั้ง สังเกตุว่าขาจะมีอาการชาพอขามีอาการชา ความรู้สึกก้อกลับมา เหมือนกับตื่นครับ
     
  5. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อย่าไปเหนตอนเปนสี วรรณะต่างๆ สิ

    ถ้ามันผลิกเปน วรรณะ(ความแตกต่าง หมายรู้
    ได้ว่าคนละสี) ตรงนี้จิตมันตกจาก ฐาน ไปแล้ว
    ให้รู้ทัน

    รู้ทันจิตจะ พ้น พราก ถอยจากสัญญา รู้สี
    กลับมารู้ ความสว่าง ซึ่ง ผู้ภาวนาใหม่จะ งง
    ตรงที่พูดว่า ให้รู้ทัน

    การรู้ทัน ตรงนี้ จงใจไม่ได้ ถ้าจงใจ จะตก
    จากกรรมฐานไปรู้กาย รู้ชา รู้ท่านั่ง ดืน เดิน
    นอน กิน ดื่ม ทำ พูด คิด

    ถ้า ระลึกๆโดยไม่จงใจจะ รู้ทัน รู้ถอย
    จิตจะ จำสภาวะที่จิตเคลื่อน จากแสงขาว
    ไปเปนวรรณะ แล้วจิตจะพราก หรือถอย
    ของจิตเอง ถ้าสติอ่อน จะเกิดอาการ แสงกระพริบ ถ้าตัณหาแทรก จะสว่างว๊าบสุดลูกหูลูกตา
    กัมปนารถ บ้าบอกันไปนักต่อนัก

    แต่ถ้าพอดีๆ

    มันจะ ค้างอยู่กับความ นวลๆ ไม่สว่างจ้า
    จะทราบเลยว่า ไม่หลับ

    จะไม่ใช่ อัปปนาพุทโธ แล้วตกภวังค์ ให้
    ผีสางนางไม้ไร้สติ แทรกเช้ามาเสวนา มาให้เหน

    จะค้างอยู่ตรงความมีน้ำมีนวล จิตมันจะวิวัฏดี
    ขึ้นหรือ ตกลง จะมีรสเกิดเอง ปราศจากความ
    จงใจใดๆ

    สรุปสั้นๆ ไม่ให้งง ก้จะพูดว่า

    อย่าไปจับประเดน อาการหลับ

    ให้เฝ้นธรรม ที่เปนช่องเข้า มันแฉลบผ่าน
    ไปผ่านมาแถวๆนั้น กำหนดรู้ได้ ยกจิตได้

    จะไปเหน แสงขาวที่ชื่อ ปัณฑระ(อีกชื่อของ จิต)

    จะต่างจาก โอภาส สว่างไสว ที่มี นิกันติ
    ฌาณโลกีย์ เนื้อติดฟัน(แต่ร้อยละร้อย นักภาวนา
    จะแฉลบมาตัว โอภาสหมด จิตส่งใน แล้ว
    เอาไปเทียบ คำสอนสาวก เลยติดตาย
    แทนที่จะไข เอาคำศาสดามาอ่าน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2017
  6. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    ถ้า รู้จิต(ปัณฑระ) ได้ ให้รู้ที่จิต

    ถ้ารู้จิตไม่ได้ ค่อย ลงไปรู้ อริยาบทย่อย
    ซึ่งตอนเปน ท่านั่ง จะไม่รู้สึกว่า ตัวเรานั่ง
    จิตจะระลึกเพียง รูปนั่ง รูปสับปงก รูปชาเวทนา
    กาย ฉวยเอาว่าสุขทุกข์ จะเปนเวทนาจิต

    กายชา กายแตก กายตั้งอยู่ เรื่องของกาย

    เวทนายินดี ยินร้าย เรากำหนดรู้เพื่อการ รู้การพ้น ได้

    เดี๋ยวจิตรู้จิต เดี๋ยวจิตรู้กาย เดี๋ยวรู้เวทนา
    เพราะ มันไม่เที่ยง ยกขึ้นรู้ธรรม

    แล้วการภาวนา จะออกรู้ ออกเหน ท่าไหน
    วิเศษยังไง จะหลอกให้ผู้เพียรไม่ติดข้อง
    ความรู้รอบเหล่านั้น ตามวาสนา กำลังของจิต
    อินทรีย์ของจิต

    จะแหวกอาสวะหรือไม่ ไม่ใช่การนั่งเอา อัปปนา

    จะแหวกอาสวะ มีกำลังดุจ ปล่อยน้ำในท่อใต้
    เขื่อน จะเปนเรื่อง ตั้งจิตไว้ในธรรม การปรารภ
    ออกจากสังสารวัฏ

    ยกตัวอย่าง นางปฏิญจราเถรี ที่ผัวตาย
    ลูกตาย พ่อแม่ตาย วิ่งแก้ผ้าบ้าเข้ามา
    ท่ามกลางสงฆ์

    ขณะนั้น จิตท่านมี กำลังมหาศาล อินทรีย์
    มีเท่าไหร่ ขณะนั้น พละเท่านั้น

    พอสดับธรรม "ดูกร น้องหญิง....."

    ก้บรรลุธรรม ไม่ใช่ นั่งอึก เอาอัปปนาก่อน
    อย่างที่ สาวก ผู้ฉลาดแค่เอาตัวเองรอด สอน
    กันพร่ำเพรื่อ

    เราไปรับมา ก้เลย มุ่งจิตรวม ภวังคบาท ที่หากิน
    ของสัมภเวสีเลยลากเอาไปกิน จิตรวมแทบตาย
    แพ้ ผีเปรต อสุรกาย แปลงร่างเปนพระจ๊ะจ๋า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2017
  7. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    สาเหตุเพราะกำลังสมาธิสะสมไม่เพียงพอที่จะ
    ยกระดับกำลังสมาธิของเราให้สูงขึ้นครับ
    อาการที่มันฟ้องก็คือ ถ้าไม่หลับ ไม่สัปหงก
    ในบางคนก็จะไปเห็นโน้นนี่นั้นได้ ไม่ว่าภาพ
    หรือแสงก็ตาม นี่คือกิริยาที่ฟ้องว่ากำลังสมาธิสะสมไม่พอครับ
    แต่กิริยาแบบนี้ มักจะเป็นกันได้ทุกคน อย่างคาดไม่ถึงครับ....
    โดยเฉพาะบุคคลที่จะเน้น แต่วิธีการอย่างเดียว
    เช่น ไม่ได้เจริญสติในชีวิตประจำวัน และจะนั่งอย่างเดียวเป็นต้น
    ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้สมาธิไปได้ช้าอย่างคาดไม่ถึงครับ
    เพราะว่า มันไปเสียกำลัง จากการใช้ชีวิตประจำวันเรานั่นเองครับ

    วิธีแก้ก็คือก่อนจะนั่งสมาะิ ให้มาเดินจงกลมร่วมด้วยก่อน
    และเวลาที่รู้ตัวว่าหลับ หรือ สัปหงก อย่าลืมตาเป็นอันขาด
    ไม่งั้นมันจะหลุดจากสภาวะนั้นมาสู่สภาวะทั่วไปทันที
    ตรงนี้ทำให้เสียกำลังสมาธิสะสมอย่างไม่รู้ตัวครับ
    และให้จัดระเบียบท่าทางให้กลับมาอยู่ในท่าเดิม
    ทั้งๆที่ยังไม่ลืมตานั้นหละครับ

    และในระหว่างวันให้เพิ่มการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    ให้ต่อเนื่องเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะช่วงเอี่ยว
    (คือช่วงที่เราทำอะไรปกติจนชินที่เรามักจะลืม เช่น เดินไปทานข้าว
    เดินไปเข้าห้องน้ำ ฯลฯ) เราอาจจะนับก้าวเดิน
    หรืออยู่นิ่งๆก็นับนิ้วเล่น หรือ ระลึกลมหายใจเข้าและออก
    ที่ปลายจมูกในกรณีที่อยู่นิ่งๆ ส่วนเวลาทำงานก็ให้
    ทำงานให้เต็มที่เป็นการใช้สมาธิภายนอกไป...

    และก็ควรดันลมหายใจเข้าและออกให้ลึกถึงท้องด้วยนะครับ
    คือหายใจเข้าท้องพอง หายใจออกท้องยุบ
    แต่ไม่ต้องตามลม ระลึกรู้ว่า มีลมเข้าและออกที่ปลายจมูกก็พอครับ

    และอีกอย่างที่ควรจำคือ ถ้าเห็นหรือสัมผัสอะไรห้ามสนใจทุกๆกรณี
    อย่าพยายามไปทำให้เห็นนานขึ้นนะครับ ให้ระลึกรู้ตัวทันที
    แต่อย่าลืมตาและเข้าออก เข้าออกบ่อยๆครับ
    มันถึงจะได้กำลังสมาธิสะสม
    และจะไม่อยู่ในสภาวะแช่หรือจมที่ทำให้หลับแบบปัจจุบันนี้ครับ

    ทำแบบนี้ไม่นาน เด่วก็จะมีกำลังเพียงพอที่จะยกระดับสมาธิได้เอง
    แต่ว่า มันจะเป็นไปในลักษณะพรวดพลาดนะครับ
    คือสูงไปเลย และถ้าลืมตาก็จะตกทันทีครับ
    คือจะไต่จาก ๑ ไป ๔ และก็ตกจาก ๔ มา ๑ นะครับ
    ทำได้ถึง ๔ แล้วค่อยมาคุยกันภายหลังครับ
    ปล.ทางกิริยาคำภาวนามันไม่หายไปไหนหรอกครับ
    เพียงแต่ว่า จิตเรามันละเอียดขึ้น จนไม่สนใจ
    ลมหายใจเฉยๆครับ ทั่วไปเราเลยคิดว่ามันหายครับ
    เด่วถ้ากำลังสติมากขึ้น จะเข้าใจที่ส่วนตัวพูดได้เองครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 สิงหาคม 2017
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,055
    ค่าพลัง:
    +3,471
    อย่าลืม หน่าคร้าบ ว่า จิตมันไม่เที่ยง

    ถ้ามันจะพลิกไป วรรณะกสิณสิบ ก้ไม่ห้าม

    เว้นแต่ เจ้าของกระทู้ จะ ละการปรารภเพิกนิมิต
    ตอนนั้น ก้จะ ห้ามกันจนเหมือน มาดูถูก ลดเครดิต

    แต่จริงๆ ก้แค่ ใหระลึก หนทางที่ตนเดินผ่าน
    ปากคอกไป ให้กลับไปเพียรตรงของดี ที่ตน
    ทำได้ ยกขึ้นไป กาย เวทนา จิต ธรรม
     
  9. ชมทรัพย์

    ชมทรัพย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2015
    โพสต์:
    552
    ค่าพลัง:
    +248
    ลองทำดูจะเป็นไร

    นั่งหลังตรงในท่าพับเพียบ,นั่งขัดเพชร ให้ปรากฏเวทนาเด่น กำหนดบริกรรมช่วยจะตั้งตัวรู้ขึ้นได้เร็ว ตัวรู้เด่นก็ไม่หลับ ถ้าหลับก็คือไหลไปตามอารมณ์

    ตั้งตัวรู้ได้จับตัวรู้ได้ได้ฐานการปฏิบัติ เอาตัวรู้มากำหนดรู้กายไม่ใช่รู้ รู้ไม่ใช่กาย ทุกข์เวทนาไม่ใช่รู้ รู้ไม่ใช่ทุกข์เวทนา กำหนดรู้จนสักว่ารู้ กำหนดรู้จนมันแยกขาดออกจากกัน ต่างอันต่างจริงโดยหลักธรรมชาติ กายเป็นกาย ทุกข์เป็นทุกข์ รู้เป็นรู้

    ได้มีพุทโธ มีผู้รู้ กระเพื่อมออกจากรู้ เกิด มีสังขารปรุงแต่งเป็นภพชาติ ดับ ลงที่รู้ สติปัญญาความรู้เกิดสั่งสอนตน ดับลง ถ้าหลงก็เป็นวิปัสสนูกิเลส

    ถ้าถึงพุทโธ มีที่พึ่ง คงไม่ถอยหลัง ขึ้นอยู่กับหลักความเพียร
     
  10. tommie

    tommie สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +25
    ผมก็เป็นนะ นั่งสมาธิทุกวันวันละ 40 นาที - 1 ชั่วโมง แต่ก็มีบางครั้งนั่งแล้วเหมือนจะหลับไป แล้วจะมารู้สึกตัวอีกทีตอนไกล้ๆครบกำหนดเวลา ยิ่งถ้านอนน้อย แล้วมานั่งสมาธิ ก็จะเป็นอาการนี้ โดยผมจะใช้พุทโธ นับ 1 ไล่ไปถึง 10 แล้วก็ย้อนกลับมา 1 ถ้าเมื่อไหร่นับเดินหน้าเกิน 10 ก็คือจะรู้ว่าหลง แล้วก็จะเริ่มนับ 1 ไล่ขึ้นไปใหม่ วันที่สมาธิดีๆ มันจะรู้ถึงการนับเดินหน้าถอยหลังนี้ได้ตลอด และเวลามีความคิดแทรกเข้ามาก็จะรู้ แต่วันที่ง่วงๆ มันจะมีช่วงที่การนับหายไป จำอะไรไม่ได้ ไม่เห็นแสงเห็นสี รู้สึกตัวอีกที เวลาก็จะผ่านไป 30-40 นาทีแล้ว ผมพยายามไม่เพ่งไม่วาดภาพอะไรตอนหลับตา ระหว่างวัน ก็ใช้วิธีตามที่ อ.นพ แนะนำการฝึกสติระหว่างวันอยู่ ฝึกมาได้ประมาณครึ่งปีแล้ว แต่ก็ยังไม่ผ่านไปถึงขั้นที่จิตรวม ร่างกายหายไปซึ่งตอนแรกๆ ที่เริ่มนั่งสมาธิ ทำได้บ่อยๆ ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกันครับ ก็ได้แต่ก้มหน้านั่งสมาธิต่อไป อย่างน้อยช่วงเวลานั้น จิตก็ไม่ฟุ้งเท่าไหร่
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,428
    ค่าพลัง:
    +35,035
    อย่าง tommie ให้ระวังเรื่องความอยากเล็กๆน้อยๆ
    อย่าเผลอไปเปรียบเทียบกับที่ผ่านมา
    อย่าเผลอไปคาดหวังผลที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าว่าจะเป็นอย่างไร
    เพราะแค่มีเพียงเล็กน้อยจะช้าได้เป็นสัปดาห์เป็นอย่างน้อย

    มีความคิดผุดขึ้นมาแต่ไม่หลุดจากสภาวะแสดงว่า
    มีกำลังสติทางธรรมเพิ่มขึ้นที่จะเห็นได้ แต่กำลังสมาธิ
    สะสมไม่พอที่จะผ่านไปได้คือมันจะยังวางยากหน่อย
    ให้เฉยๆไม่ต้องไปสนใจ ทำตัวให้จิตเหมือนท้องฟ้า
    เฆขจะเคลื่อนไหวไปมาก็ช่างมัน ให้เรามาเดินจงกลมสลับกับ
    นั่งสมาธิก็จะแก้ได้เอง

    จิตรวมในที่นี้ หมายถึงกิริยาที่จิตมันตั้งมั่น
    จากกำลังของสมาธิที่มีเฉยๆ อย่าไปให้ความ
    สำคัญอะไรกับมั่น เพราะว่า มันยังไม่เกิดประโยชน์อะไร

    เด่วมันจะก้าวแบบพรวดพลาดไปได้เอง แบบขึ้นเร็วลงเร็ว
    จนกระทั่งเราจะรู้เอง ว่าเราจะคุมจิตเราไม่ได้
    ค่อยมาเจริญสติให้ต่อเนื่องอีก มันถึงจะควบคุมจิต
    ให้อยู่นิ่งๆในกายได้ และด้วยกำลังสมาธิที่สะสมมา
    และกำลังสติที่สะสมเรื่อยๆ จะทำให้เห็นขันธ์ ๕ ส่วนนาม
    ธรรมได้เอง ความเห็นชอบจะเปิดทางให้ เราจะเดินปัญญาได้
    และก็แล้วแต่ว่า จิตจะไปในกายหรือซ้อนเข้าไปในจิต
    ซึ่งสองกิริยาอย่างหลังนี้ จะเป็นไปอัตโนมัติโดยที่เรา
    จะไม่สามารถบังคับมันได้ เพราะว่ามันเป็นไปตามเนื้อหา
    เดิมแท้ของจิตเราเอง......

    ปล.ระหวังความอยากเล็กๆน้อยๆจากการเปรียบเทียบ
    และอย่าลืมดับความอยากเล็กๆในชีวิตประจำวันด้วย
    เช่น ดับความอยากทานข้าวก่อน ค่อยรับประทาน
    หรือดับความอยากไปโน้นไปนี่ก่อน แล้วค่อยใช้
    สติพากายไป พอมองภาพรวมออกเนาะ...
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,942
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,819
    หลับเพราะ ขาดสติ เผลอหลุดจากคำภาวนา ครับ

    วิธีแก้ ยืน เดิน ภาวนา อย่าให้ฟุ้งซ่าน ลืมภาวนา ครับ


    นิวรณ์ 5


    นิวรณ์ 5 หมายถึง สิ่งที่ขวางกั้นจิตทำให้สมาธิไม่อาจเกิดขึ้นได้ มี 5 อย่างคือ

    1.กามฉันทะ

    2. พยาบาท

    3. ถีนมิทธะ

    4. อุทธัจจกุกกุจจะ

    5. วิจิกิจฉา

    นิวรณ์ทั้ง 5 เป็นอุปสรรคสำคัญในการทำสมาธิ ถ้านิวรณ์เกิดขึ้น สมาธิก็ไม่อาจเกิดขึ้นได้เลย

    นิวรณ์ 5 ขวางผลการปฏิบัติ ครับ
     
  13. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
     
  14. บุตรเดียว

    บุตรเดียว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2016
    โพสต์:
    58
    ค่าพลัง:
    +17
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำครับ
     
  15. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ในเมื่อตามความง่วงเหงาหาวนอนไม่ทันก็หลับ มจด.ก็เคยนั่งหลับคาฝามาแล้ว
     
  16. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ศัตรูของสมาธิ

    สิ่งที่จะกล่าวต่อไปนี้ เป็นปฏิปักษ์ เป็นศัตรูของสมาธิ เป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสีย จึงจะเกิดสมาธิได้หรือจะพูดว่าเป็นสิ่งที่ต้องกำจัดเสียด้วยสมาธิก็ได้ สิ่งเหล่านี้ มีชื่อเฉพาะเรียกว่า นิวรณ์

    นิวรณ์
    แปลว่า เครื่องกีดกั้น เครื่องขัดขวาง แปลเอาความตามหลักวิชาว่า สิ่งที่กีดกั้นการทำงานของจิตไม่ให้ก้าวหน้าในกุศลธรรม ธรรมฝ่ายชั่วที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณความดี หรืออกุศลธรรมที่ทำจิตให้เศร้าหมองและทำปัญญาให้อ่อนกำลัง

    คำอธิบายลักษณะของนิวรณ์ ที่เป็นพุทธพจน์มีว่า

    "ภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๕ ประการเหล่านี้ เป็นเครื่องปิดกั้น (กุศลธรรม) เป็นเครื่องห้าม (ความเจริญงอกงาม) ขึ้นกดทับจิตไว้ ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง"

    "...เป็นอุปกิเลสแห่งจิต (สนิมใจ หรือสิ่งที่ทำให้ใจเศร้าหมอง) ทำปัญญาให้อ่อนกำลัง"

    "ธรรม ๕ ประการเหล่านี้ เป็นนิวรณ์ ทำให้มืดบอด ทำให้ไร้จักษุ ทำให้ไม่มีญาณ (สร้างความไม่รู้) ทำให้ปัญญาดับ ส่งเสริมความคับแค้น ไม่เป็นไปเพื่อนิพพาน"

    นิวรณ์ ๕ อย่าง
    คือ
    ๑. กามฉันท์ ความอยากได้ อยากเอา (แปลตามศัพท์ว่า ความพอใจในกาม) หรืออภิชฌา ความเพ่งเล็งอยากได้ หรือจ้องจะเอา หมายถึง ความอยากได้กามคุณทั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นกิเลสพวกโลภะ จิตที่ถูกล่อด้วยอารมณ์ต่างๆ คิดอยากได้โน่นอยากได้นี่ ติดใจโน่นติดใจนี่ คอยเขวออกไปหาอารมณ์อื่น ครุ่นข้องอยู่ ย่อมไม่ตั้งมั่น ไม่เดินเรียบไป ไม่อาจเป็นสมาธิได้

    ๒. พยาบาท ความขัดเคืองแค้นใจ ได้แก่ ความขัดใจ แค้นเคือง เกลียดชัง ความผูกใจเจ็บ การมองในแง่ร้าย การคิดร้าย มองเห็นคนอื่นเป็นศัตรู ตลอดจนความโกรธ ความหงุดหงิด ฉุนเฉียว ความรู้สึกขัดใจ ไม่พอใจต่างๆ จิตที่มัวกระทบนั่นกระทบนี่ สะดุดนั่นสะดุดนี่ เดินไม่เรียบ ไม่ไหลเนื่อง ย่อมไม่อาจเป็นสมาธิ

    ๓. ถีนมิทธะ ความหดหู่และเซื่องซึม หรือเซ็งและซึม แยกเป็นถีนะ ความหดหู่ ห่อเหี่ยว ถอดถอย ระย่อ ท้อแท้ ความซบเซา เหงาหงอย ละเหี่ย ที่เป็นอาการของจิตใจ กับ มิทธะ ความเซื่องซึม เฉื่อยเฉา ง่วงเหงา อืดอาด มึนมัว ตื้อตัน อาการซึมๆ เฉาๆ ที่เป็นไปทางกาย (ท่านหมายถึงนามกาย คือกองเจตสิก) จิตที่ถูกอาการอย่างนี้ครอบงำ ย่อมไม่เข็มแข็ง ไม่คล่องตัว ไม่เหมาะแก่การใช้งาน จึงไม่อาจเป็นสมาธิได้

    ๔. อุทธัจจกุกกุจจะ ความฟุ้งซ่านและเดือดร้อนใจ แยกเป็นอุทธัจจะ ความที่จิตฟุ้งซ่าน ไม่สงบ ส่ายพร่า พล่านไป กับ กุกกุจจะ ความวุ่นวายใจ รำคาญใจ ระแวง เดือดร้อนใจ ยุ่งใจ กลุ้มใจ กังวลใจ จิตที่ถูกอุทธัจจกุกกุจจะครอบงำ ย่อมพล่าน งุ่นง่าน ย่อมคว้างไป ไม่อาจสงบได้ จึงไม่เป็นสมาธิ

    ๕. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ได้แก่ ความเคลือบแคลง ไม่แน่ใจ เกี่ยวกับพระศาสดา พระธรรม พระสงฆ์ เกี่ยวกับสิกขา เป็นต้น พูดสั้นๆว่า คลางแคลงในกุศลธรรมทั้งหลาย ตกลงใจไม่ได้ เช่นว่า ธรรมนี้ สมาธิภาวนานี้ ฯลฯ มีคุณค่า มีประโยชน์ควรแก่การปฏิบัติหรือไม่ จะได้ผลจริงไหม คิดแยกไปสองทาง วางใจไม่ลง จิตที่ถูกวิจิกิจฉาขัดไว้ กวนไว้ ให้ค้าง ให้พร่า ให้ว้าวุ่น ลังเลอยู่ มีแต่จะเครียด ไม่อาจแน่วแน่เป็นสมาธิ
     
  17. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494


    ผู้ตั้งปัญหาถามควรบอกวิธีปฏิบัติให้ชัด เช่นว่า ข้าพเจ้าทำยังงี้ๆ แบบนี้ๆ

    แล้ววิธีปฏิบัติวิธีทำนั่นแหละ เรียกตามภาษาพระพุทธศาสนาสั้นๆว่า “มรรค” เรียกเต็ม “ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา” (สังเกตศัพท์) ที่ในอริยสัจ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) แปลว่า วิธีปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์


    บอกเพียงว่านั่งสมาธิ จึงไม่แน่ใจว่าทำปฏิบัติยังไง ถ้าให้เดานะ ส่วนใหญ่เมืองไทย ก็เห็นทำแบบดูลมหายใจเข้าว่า พุท ลมหายใจออกว่า โธ คือ พุทโธๆๆๆไปอย่างเดียว ขณะนั้นๆตนเองกำลังทำอะไรยังไงอยู่ ก็พุทโธๆๆๆ ไปอย่างเดียว ดังนี้


    ถ้าตามนั้น ก็บอกได้ว่า สมาธิ (สมาธินทรีย์) ล้ำวิริยะ (วิริยินทรีย์) วิธีปรับอินทรีย์ให้สม่ำเสมอกันใกล้เคียงกัน ก็คือเดินจงกรมระยะต่ำๆเดินเร็วหน่อย เพื่อกระตุ้นจิตให้ตื่นตัว ฯลฯ
     
  18. สมิง สมิง สมิง

    สมิง สมิง สมิง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มกราคม 2017
    โพสต์:
    1,135
    ค่าพลัง:
    +952
    ....ผมฝึกนั่งสมาธิมาเกือบปีแล้วครับ ระยะหลังมานี้พอนั่งจนเริ่มสงบ คำภาวนาหายไป แล้วผมก้อวูบหลับด้วยเลยครับ หลับท่านั่งเลยนะครับ มักรู้สึกตัวอีกทีก้อตอนได้เวลา คือแต่ละครั้งผมจะนั่งประมาน 40 นาที จะมารู้สึกตัวประมาณนาทีที่ 37 38 ประมาณนี้ ขอคำแนะนำผู้รู้ด้วยครับ....

    ตอบ อาการหลับในขณะทำสมาธิ
    1. อาการหลับ ในขณะทำสมาธิ แสดงอาการออกมา มีสัปหงก ตัวเอนหน้า เอนหลัง โงกเงก มีอาการง่วงนำแบบสุด ๆ อย่างนี้จะรู้สึกทรมานใจ ควรจะนอนซะ เพราะว่าเป็นอาการของคนง่วงมาก อาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น พักผ่อนไม่เพียงพอ เหนื่อยเพลียมาก ๆ ร่างกายต้องการพักผ่อน และเมื่อนอนในท่านอนแล้วก็หลับจริง ๆ ซะด้วย
    2. อาการหลับ ในขณะทำสมาธิ (จิตเข้าภวังค์) เนื่องจากสติอ่อน สมาธิมากขึ้น จิตตามไม่ทัน พอจิตเคลิ้ม ๆ เข้าไปในภวังค์ก็จะไม่รู้สึกตัว สติขาด มีอาการวูบหาย วูบหาย และบางคนอาจวูบนาน หรือวูบเป็นพัก ๆ แต่ว่าไม่ได้มีอาการเหมือนข้อ ๑ พอนึกว่าตัวเองง่วงนอนเลิกทำสมาธิ กับไม่มีอาการง่วงเลย หรือนอนกับนอนไม่หลับ
    3. อาการหลับ ในขณะทำสมาธิ นั่ง ๆ ไป อะไรมันก็หายไปลมหายใจก็หาย เหมือนอาการนอนหลับเหมือนกัน พอรู้สึกตัวอีกที หลับไปตั้งกะเมื่อไหร่ (ฌาน ๔) ไม่มีแสดงอาการ เหมือนข้อ ๑ และ ๒ เลย

    ...โปรดใช้วิจารณญาณ.....
    ...อาการที่คุณเป็นน่าจะเป็นอาการของข้อ ๒ วิธีแก้คือ....
    1. ภาวนาให้หนัก ๆ เน้น ๆทำให้มาก ๆ เดี๋ยวสติจะค่อย ๆ มากขึ้น มากขึ้น แล้วอาการ เหมือนนอนหลับจะหายไป
    2. อาการจิตเข้าภวังค์ (เหมือนจะหลับ) ใหม่ ๆจะไม่ค่อยชำนาญ พอเป็นบ่อย ๆ ทำมากเข้า มากเข้า มันจะชำนาญกลายเป็นสมาธิขึ้นมา และอาจเป็นฌานต่อไป

    ...อนุโมทนาบุญ...
     
  19. hastin

    hastin เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,115
    ค่าพลัง:
    +3,085
    ฝึกสติให้มากขึ้นครับ
    หรือเปลี่ยนท่านั่งครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...