แนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรมที่สัปปายะ (วัดป่าโสมพนัส)

ในห้อง 'วัดและศาสนสถาน' ตั้งกระทู้โดย คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ, 29 กรกฎาคม 2013.

  1. คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ

    คนชอบใส่ร้ายโดนธรณีสูบ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1,002
    ค่าพลัง:
    +908
    วัดป่าโสมพนัส จัดอบรมปฏิบัติธรรมแบบการเจริญสติรู้การเคลื่อนไหวของกาย ตามหลักสติปัฏฐาน 4 แนวของหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ โดยเน้นสติสัมปชัญญะในอิริยาบถต่างๆ มีการเดินจงกรม การทำจังหวะมือ ต้องทำความรู้สึกตัวให้ต่อเนื่อง ไม่เผลอหลับ และการทำวัตรสวดมนต์ เป็นต้น

    พระอาจารย์สุริยา มหาปญฺโญ เจ้าอาวาสวัดป่าโสมพนัส ได้ดำเนินการเผยแพร่พุทธธรรมด้วยการเจริญสติแบบเคลื่อนไหวตามแนวหลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2538 โดยมีผู้ที่เข้ามารับการฝึกปฏิบัติเป็นจำนวนมาก ประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษา บุคลากรทั้งในหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ทั้งที่มาจากจังหวัดสกลนคร จังหวัดใกล้เคียงในภาคอีสาน



    เบื้องหลังการถ่ายทำรายการพื้นที่ชีวิต ณ. วัดป่าโสมพนัส



    รายการพื้นที่ชีวิต ได้ปักหลักถ่ายรายการในช่วงเวลาการปฎิบัติธรรมประจำปีของวัด ระหว่างวันที่ 4-11 เมษายน 2555 โดยมีพิธีกรของรายการ คือ คุณนุ่น (ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) เข้าร่วมปฎิบัติธรรมด้วย

    ขอนำเบื้องหลังการถ่ายทำมาให้ดูกันก่อนรายการออกอากาศ อย่าลืมติดตามรายการพื้นที่ชีวิต ทุกวันพุธ เวลา 22.00 น. ช่อง ThaiPBS

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=mNVbjRAx3wY]นุ่น@วัดป่าโสมพนัส - YouTube[/ame]


    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=XagnsYQdv44]วิจัยชีวิต@วัดป่าโสมพนัส - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=H_uZqhD53H8]โยมนุ่น ศิรพันธ์ - YouTube[/ame]

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=VRf07X7Lbqw]ยุทธเลิศ สิปปภาค - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=B9s3pHzajxg"]??????? ??????????? - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=_P-fx0hi3iI"]??????????? ??? 1 - YouTube[/ame]


    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=oYv2gZ4d-TA"]??????? 2 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=SrwxOD-J7iw"]?????????? 3.1 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=-EIpYUmE4y0"]??????? ??? 3.2 - YouTube[/ame]




    ผู้ปฏิบัติใหม่ เมื่อเข้าปฏิบัติครั้งแรกควรอยู่ให้ครบ 7 วัน 7 คืน เช่น เข้าปฏิบัติตอนเช้าวันจันทร์ ก็ควรกลับตอนเช้าวันจันทร์สัปดาห์ถัดไป ส่วนผู้ปฏิบัติเก่า เข้าปฏิบัติได้ตามเวลาที่สะดวก ครั้งละไม่ต่ำกว่า 3 วัน

    ผู้ปฏิบัติควรประพฤติตามระเบียบข้อวัตรและเอาใจใส่ในการศึกษาปฏิบัติธรรม ตามคำแนะนำสั่งสอนของพระอาจารย์อย่างเคร่งครัด ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของผู้ปฏิบัติเอง หากพระอาจารย์ไม่ได้กำหนดให้ เก็บอารมณ์ ผู้ปฏิบัติต้องเข้าร่วมทำวัตรสวดมนต์ทุกวัน

    การแต่งกาย
    ผู้ชาย - เสื้อสีขาว, กางเกงสีขาว/สีสุภาพ ทรงสุภาพ , ห้ามสวมกางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์
    ผู้หญิง - เสื้อสีขาว,กางเกง/กระโปรงยาว/ผ้าถุง สีขาว/สีสุภาพ ทรงสุภาพ ไม่บาง ไม่รัดรูป, ห้ามสวมกางเกงขาสั้น กางเกงยีนส์ (ผู้ที่สวมกางเกง ควรมีผ้าวางปิดหน้าตัก, หากผมยาว ควรมัดรวบผม)

    การเตรียมตัว
    ควรเตรียมของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นมาด้วย เช่น ไฟฉาย รองเท้าแตะ ยาทากันยุง กระบอกน้ำดื่ม ฯลฯ (เสื่อ หมอน ผ้าห่ม ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้)

    อาหาร
    ทางวัดไม่สามารถเตรียมอาหารพิเศษให้นอกเหนือจากอาหารบิณฑบาตและญาติธรรมนำมาถวาย จึงไม่มีการจัดอาหารมังสวิรัติให้

    ระเบียบปฏิบัติ

    ห้ามคลุกคลีพูดคุยกันโดยไม่จำเป็น หากพบปัญหาในการปฏิบัติให้สอบถามพระอาจารย์หรือพระพี่เลี้ยงเท่านั้น
    ห้ามใช้โทรศัพท์ โดยเด็ดขาด
    โทรศัพท์มือถือ กุญแจรถ กระเป๋าเงิน และของมีค่าอื่นๆให้ฝากไว้ที่ส่วนกลาง
    ห้ามใส่เครื่องประดับหรือใช้เครื่องสำอาง น้ำหอม
    ห้ามเสพสิ่งเสพติด เช่น หมาก บุหรี่ กาแฟ ฯลฯ
    ห้ามเก็บอาหาร/เครื่องดื่ม ไว้ในที่พักหรือรับประทานส่วนตัว
    ห้ามอ่านหนังสือทุกประเภทหรือจดบันทึก
    ห้ามใช้เครื่องเล่นอิเลคทรอนิคส์ เช่น MP3, CD ฯลฯ
    ห้ามบันทึกเสียงเทศนาหรือถ่ายภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต
    ก่อนเดินทางกลับควรทำความสะอาดที่พัก/ห้องน้ำและเก็บเครื่องใช้เข้าที่ให้เรียบร้อย

    ค่าใช้จ่าย
    ผู้ปฏิบัติไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ แต่หากมีจิตศรัทธาสามารถร่วมบริจาคค่าน้ำ ค่าไฟ เพื่อชำระหนี้สงฆ์ได้


    ที่อยู่-การติดต่อ
    เลขที่-ซอย-ถนน: บ้านภูเพ็ก ม.12 ตำบล: นาหัวบ่อ อำเภอ: พรรณานิคม จังหวัด: สกลนคร รหัสไปรษณีย์: 47220
    โทร.: 04-298-1000
    เว็บไซต์: http://www.watsomphanas.com/
    อีเมล: info@watsomphanas.com


    หากใครมีเวลาว่าง ต้องการอยู่ปฏิบัติธรรมที่วัดนานๆ ก็ได้นะคะเพราะบางคนก็มาอยู่ปฏิบัติเป็ฯปีๆก็มีค่ะ

    อ่านข้อความเพิ่มเติมได้ตามลิ้งค์ด้านล่างค่ะ

    http://larndham.org/index.php?/topic/42935-ปฎิบัติธรรม-ที่วัดป่าโสมพนัส/



    ก่อนเข้าไปปฏิบัติ

    หลังจากกรำงานหนักแทบไม่มีวันหยุดมาตลอดทั้งปี มีชีวิตอยู่กับปัญหามากมายที่ต้องแบกรับทุกวีวัน
    งานบ้านราคา 20 ล้าน ที่ผมรับเหมาปลูกสร้างก็เสร็จสิ้น ส่งงานให้ลูกค้า พร้อมด้วยความโล่งใจ
    ที่เสร็จได้สักที หลังจากทำมานาน 1 ปี กับ 8 เดือน

    ได้พักผ่อน ในช่วงปลายธันวา 53 ก่อนปีใหม่ สิบกว่าวัน
    ได้ลิ้มรส อิสระที่ไม่ต้องแบกงาน แบกความต้องการลูกค้า แบกปัญหากับลูกน้อง ไว้อีกแล้ว
    การปล่อยวางภาระ เป็นอิสระและสุขอย่างยิ่ง

    ตั้งใจไว้นานแล้ว ว่าจบงานบ้านหลังนี้ จะไปอยู่วัดปฏิบัติธรรม ให้หายเหนือย
    และหมายตาวัดป่าโสมพนัส จ.สกลนคร ไว้ตั้งแต่กลางปี เพราะได้มีโอกาสไปกราบหลวงตาสุริยาที่วัด
    เห็นเขาขยับมือสร้างจังหวะ ผมก็นั่งหลบมุม อยู่ท้ายๆ ศาลา ขยับมือสร้างจังหวะไปกับเขาด้วย

    หลวงตาท่านก็รับแขกอยู่ พอแขกลากลับ จังหวะท่านว่าง ท่านก็เดินเข้ามาหา
    แล้วท่านก็เดินจงกลมกลับไปกลับมา แถวๆ ผมนั้ง
    แล้วท่านก็ถามผมว่า "เป็นคนอุบล บ่"
    ไม่รู้ท่านทราบได้ไง แต่ก็กึกๆ กักๆ ตอบท่านไปว่า "ครับ"
    ท่านก็ถามต่อไปว่า "คือ สร้างจังหวะเป็น"
    ก็ตอบท่านไปว่า "แฟนสอนครับ แฟนเขามาอยู่ปฏิบัติที่วัดหลายรอบแล้ว"
    ท่านก็ถามอีกว่า "รู้จักวัดได้อย่างไง" ก็ตอบท่านไปว่า "รู้จักจากเว็บไซค์ครับ"
    ท่านคุยด้วยอยู่พักหนึ่ง ท่านก็ไปรับแขกที่มาหาท่านอีกคณะหนึ่ง
    ผมก็นั่งสร้างจังหวะอยู่พักหนึ่ง ก็เลยเกิดความคิดอย่างถามขึ้นมา เลยลุกไปนั่งข้างๆ คณะที่มาหาหลวงตา
    และพอได้โอกาศเหมาะก็ได้เรียนถามท่านไปว่า "ผมอยากปฏิบัติธรรม ขอหลวงตาสอนวีธีปฏิบัติให้หน่อย"
    ท่านบอกว่า "ไม่ได้สอนแล้ว ไปให้พระเพิ่นสอนไป " ท่านก็ชี้ไปทางพระที่นั่งสร้างจังหวะอยู่ในศาลา

    ผมก็ลุกไปกราบพระองค์ที่ท่านชี้ พระท่านก็ถามว่า "ใหนกระเป๋า"
    ผมก็ เหร๋อๆหร๋าๆ เพราะไม่ได้เตรียมกระเป๋ามาอยู่วัด และก็ไม่มีเวลามากพอที่จะอยู่วัดปฏิบัติ
    เพราะงานยังยุ่งอยู่ คนที่เข้าไปเรียนที่วัด ครั้งแรก ต้องอยู่ปฏิบัติ อย่างน้อย 7 วัน ท่านถึงจะสอนให้
    ตั้งแต่วันนั้นก็ตั้งใจไว้แล้วว่า หากปิดงานบ้านหลังที่ทำอยู่ได้เมื่อใหร่ จะกลับมาปฏิบัติที่วัดนี้ให้จงได้



    อยู่วัดวันแรก 31 ธันวาคม 2553

    เวลาประมาณ 08.30 น.
    ญาติธรรมมิตรจิต กับน้องสาว พาไปกราบหลวงตาที่วัด พร้อมกับถวายขนม กับซองปัจจัยช่วยค่าอาหารหลวงตา
    พอยื่นซองปัจจัยถวาย ปรากฏว่าหลวงตาท่านไม่รับ ก็เลยว่างซองไว้ข้างๆ บาตร
    แล้วก็เรียนท่านว่า จะขอมาอยู่วัดปฏิบัติ แล้วก็นั่งพนมมือฟังท่าน
    ท่านถามว่า "เคยมาปฏิบัติหรือป่าว"
    ก็บอกท่านว่า "นี้เป็นครั้งแรกครับ"
    ท่านก็พูดว่า " การปฏิบัติ ไม่ได้มีปัญหาอะไรหรอก ปัญหามันก็อยู่ที่ ยังไม่เคยทำนี้แหล๊ะ "
    ท่านว่า "ลงมือปฏิบัติแล้วถึงจะ รู้ปัญหา 7วันอยู่ได้อยู่หรอก"
    ท่านก็ใต่ถามว่าเตรียมกระเป๋า เตรียมชุดขาวมาพร้อมหรือยัง แล้วก็บอกว่า มาใหม่ ให้ไปพักรวมกับเพื่อน
    จะได้รู้เวลาลุก เวลาตื่น ท่านว่าจบ ก็บอกอีกว่า "ไม่เคยทำ ให้เดินจงกลมอยู่ข้างบนก่อนน่ะ"
    เสร็จแล้วท่านก็ไล่ให้ไปเดินจงกลม ที่ป่าไผ่ ใกล้ๆ ศาลา

    เวลาประมาณ 09.30 น.
    กราบท่านเสร็จลุกออกจากศาลา ไปรับเสื่อหมอน ผ้าห่มกับแม่ชี แล้วเอาข้าวของไปเก็บที่เรือนนอนรวม
    ก็ไปเดินจงกลม แถวๆป่าใผ่หลังเรือนนอน
    พอเข้าทางจงกลม เท่านั้นแหล๊ะครับ เอ้าซวยแหลีะ คราวนี้เดินไงหว้า เดินจงกลมไม่เป็นครับ
    ไม่ได้ถามหลวงตามาด้วย ว่าตอนเดินเขารู้ อยู่ตรงใหน รู้ตรงเท้า หรือรู้ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง หรือรู้กายเคลื่อนไหว
    จะรู้ตรงใหนดีหว้า เดินจงกลมเนี๊ยะ เขาวางตัวรู้ไว้ตรงใหน งงเป็นไก่ตาแตกครับ
    ตายหล่ะกู อยู่วัดเกาะ สอนคนนั้นคนนี้ปฏิบัติอย่างไงมาก็เยอะ หากคนเหล่านั้นรู้ว่าเราแม้แต่เดินจงกลม
    ก็ยังเดินไม่เป็น แล้วอุตริไปสอนเขา ไม่รู้จะเอาหน้า ไปซุกไว้ตรงใหนดี เฮ้ยย..โดดเอ๋ย

    ปกติปฏิบัติ ดูจิต ตามแนวทาง หลวงพ่อปราโมทย์ มา ก็เลยตัดสินใจ เดินจงกลมไป ก็ดูจิตไปเลย
    เอาว่ะ คิดในใจ ทางใครทางมัน ลงท้ายด้วย เดินไปดูจิตที่มันเผลอคิดไป จนถึงประมาณ 10.30 น.
    เกิดความรู้สึกรำคาญกิ่งใผ่ ที่มันยื่นมาเกะกะทางจงกลมขึ้นมาตะหงิดๆ ไม่รู้เพราะเหตุใด เดินมาเป็นชั่วโมง
    เผิ่งจะมารำคาญเอาตอนเนี๊ย เดินวนไป อีกรอบ คิดอีกแล้ว กูจะเอามันออกดีป่าวหว้า
    พอเดินถึงรอบที่สาม ไม่คิดมากแล้วที่นี้ หยุดเดินไปจับกิ่งใผ่ หลบทางจงกลมเลย
    หลวงตาโผล่ มาจากใหนก็ไม่รู้ ท่านเดินลัดเลาะบุป่าไผ่เดินผ่านมา จังหวะเราหลุดเดินจงกลมไปจับกิ่งไผ่พอดี
    อ้าวว ซวยอีกแล้ว คิดในใจ "หลวงตาจะว่าเราขี้เกี้ยจหรือป่าวหว้า "
    อยากแก้ตัวอยู่เหมือนกันว่า "ผมเดินตลอดหน่ะคับ เผิ่งมาราวีกะกิ่งไผ่ ตอนจังหวะหลวงตาโผล่มานี้แหล๊ะคับ"
    หลวงตาก็เดินผ่านไป โดยไม่พูดอะไรกับเราเลย เราก็เลยไม่ได้ถามเลยว่า เดินจงกลมเดินอย่างไง
    โง่หรือป่าวคับ ผมเนี้ยะ
    สรุป ครึ่งวันแรก เดินไปคิดไป จนถึง 11.00 น. พระท่านก็ตีระฆัง ให้ขึ้นไปรับประทานอาหาร
    ผมก็ล้างแขน ขา หน้าตา ที่ห้องน้ำ แล้วก็เดินขึ้น ศาลากับเพื่อนๆ ที่มาปฏิบัติด้วยกัน

    วันนี้ชักจะดึกแล้ว ช่วงบ่ายของวันแรก เอาไว้เล่าวันพรุ่งนี้ดีกว่าครับ
    อ่านไปเล่นๆ ครับ กับประสบการณ์จริงๆ




    ช่วงบ่ายวันแรก คลำหาวิธีภาวนา

    เข้าไปนั่งในศาลาสร้างจังหวะ ฟังหลวงตาเทศน์ และรอตักอาหาร โดยธรรมเนียมของวัด
    หลวงตาท่าน จะครองบาตร ไปตักอาหารเป็นองค์แรก ตามด้วย พระสงฆ์ แม่ชี
    และก็ผู้ที่เข้าไปอยู่วัดปฏิบัติธรรม โดยลำดับ ทางวัดจะเตรียมชามสังกะสีใบใหญ่ๆ
    ไว้สำหรับให้ตักอาหาร รวมๆ กันลงไปในชาม เหมือนตักใส่บาตรหน่ะแหล๊ะครับ

    ผมมาครั้งแรก ยังไม่รู้ว่าต้องทำอะไรอย่างไง ก็อาศัยสังเกตุเพื่อนๆเอา ก่อนรับ
    ช้อนและชาม ก็เห็นเขาไหว้ อย่างอ่อนน้อม ผมก็ไหว้ด้วยเหมือนกัน รู้สึกดีจังครับ
    ไม่เคยไหว้ ช้อน ไหว้จาน ที่บ้านเลย อืมม เข้าท่าครับ
    จากนั้นก็ ตักอาหารโดยสำรวม ตักมากตักน้อย ท่านไม่จำกัดครับ เอาตามสะบาย
    ผมก็สังเกตุคนที่มาอยู่ก่อน เห็นเขาตักอาหารกัน นิดเดียว กะๆดู คงทานได้แค่ครึ่งอิ่มนะครับ
    คงไม่เต็มอิ่มดี แต่บางคนก็ตักจนจะล้นชามเลยก็มีครับ นานาจิตตัง
    ผมก็ตักข้าว สองช้อน กับสองอย่าง ผัก ขนมสองชิ้น และนมหนึ่งกล่อง กะเอาว่าคงพอดีอิ่ม

    จากนั้นก็กลับไปนั่งที่ สร้างจังหวะและฟังหลวงตาเทศน์ต่อ หลวงตาท่านจะรอจนกว่าคนสุดท้ายจะตักเสร็จ
    แล้วมานั่ง เรียบร้อยเป็นระเบียบดีแล้ว ท่านถึงจะเริ่ม สวดพิจารณา อาหารในบาตร
    ว่าเป็นเพียงสิ่งปฏิกูล ไม่ทานเพื่อเล่น ไม่ทานเพื่อความเพลิดเพลิน ทานเพื่ออนุเคาห์แก่การปฏิบัติ
    ประมาณนี้ครับ ผมก็จำไม่ได้ทั้งหมด จากนั้นท่านก็จะเริ่มฉัน ตามมาด้วยพระสงฆ์
    และก็ท่านแม่ชี เราก็นั่งสร้างจังหวะไปเรื่อยๆ ครับ
    จนกว่าจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาว่า " ทุกคนไหว้พร้อมกัน" นั้นแหล๊ะครับ
    เราถึงจะได้ ไหว้อาหารที่ตักมา แล้วก็เริ่มทานได้ อืมม..
    ผมก็รอดูอยู่ครับว่า ทานเสร็จ จะพาไหว้ชามอีกรอบปะคับ อิอิ

    พอทานเสร็จก็ไม่ได้ไหว้ครับ ก็นั่งสร้างจังหวะ รอจนคนสุดท้ายทานเสร็จ หลวงตาท่านฉันเสร็จ
    ท่านก็จะเทศน์ต่อ จนทุกคนทานเรียบร้อย ท่านก็จะบอกให้ลุก ไปล้างชามช้อน ให้เรียบร้อย
    แล้วก็ เข้าทางจงกรม ปฏิบัติต่อเลย

    เวลาประมาณ 12.00 น.

    ผมก็เดินตามเพื่อนๆ ไปเรื่อยๆ เพราะมาใหม่ยังไม่รู้ว่า เขาเดินจงกรมกันที่ใหน
    เหร๋อๆ หร๋าๆ จนคนที่มาอยู่ก่อนเขาถาม "มาครั้งแรกเหรอ"
    ก็บอกเขาว่า "ครับ" เขาก็ว่า "งั้นตามผมมา เดียวจะพาไปที่เดินจงกรม"
    เป็นอันว่าผมก็เดินตามเขาไปครับ ประมาณครึ่งกิโล ก็มาถึงกุฏิน้อยริมสระ
    เขาก็ชี้บอก โน้นห้องน้ำ นั่นทางจงกลม เลือกเอาได้ตามสะบาย
    เขาก็อธิบาย วิธีสร้างจังหวะ และวิธีเดินจงกรมให้ ด้วยความหวังดี
    มองดูเขา ขยันเดินมากเลยครับ เขาเดินจนเท้าแตก อืมม ..ใจสู้จริงๆ

    ผมก็เลือกทางจงกลมแถวๆ เขาเดิน พอเข้าทางจงกรม ยกมือไหว้ทางจงกรมสวยๆ
    แล้วก็เริ่มเดิน เอาหล่ะหว้า เดินไม่เป็นอีกแหล๊ะ
    เกิดคำถามกวนใจขึ้นมาอีกแล้ว ว่าเวลาเดิน จะรู้อยู่ที่ตรงใหน ?
    ระลึกถึงพี่เดฟ ขึ้นมาว่า เคยเห็นพี่เดฟ บอกว่า สิ่งที่กายสัมผัสได้
    คือ เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ตึง ไหว ก็เลยสังเกตุดูตรงความรู้สึก
    เวลาเท้ากระทบ บางก้าวก็รู้สึกเย็น บางก้าวก็รู้สึกร้อน อืมม
    ลองเดินแล้วดู เย็น ร้อน นี้แล้วกันว่ะ บอกกับตัวเอง
    เวลาปฏิบัติจริงๆ จิต เขาก็จะไม่อยู่กับสิ่งที่เรา ตั้งไว้ให้รู้หรอกคับ
    เท่าที่ผมสังเกตุ ก็จะรู้บ้างแล้วก็เผลอไปคิด เสียเป็นส่วนมาก
    แต่ความคิด ก็จะสั้นลง โดยมีสิ่งที่เราระลึกรู้ไว้ ให้รู้คั่นความคิดที่มันหนีไปคิด
    มันก็เหมือนเล่น ชักคะเย่อ ความคิดมันดึงหนีไป เราก็ดึงกลับมาระลึกรู้
    เย่อ กันไปมาอยู่อย่างนั้น

    เวลาประมาณ 14.00 น.

    พระอาจารย์ ลูกศิษย์ หลวงตาก็เดินมาสอบอารมณ์ ท่านถามว่า" มาใหม่ บ่ "
    ก็ตอบท่านไปว่า "ครับ" ท่านก็ถามว่า "ภาวนาเป็นอย่างไงบ้าง"
    ก็ตอบท่านไปว่า "ยังเดินจงกรมไม่เป็นเลยครับ"
    ท่านก็ยกเท้ากระทบพื้นแรงๆ ให้เราดู แล้วก็บอกว่า "ลองทำดูซิ"
    เราก็ทำตาม ยกเท้ากระทบพื้นแรงๆ
    พระท่านก็ถามว่า "เวลาเท้ากระทบพื้น รู้สึกอย่างไง"
    ก็บอกท่านว่า " รู้สึกเย็นๆ ครับ "
    ท่านบอกว่า " วางความรู้สึกไว้ลึกไป มันดูไม่ได้ตลอด ท่านว่า บางที่เดินมันก็เย็น
    บางทีมันก็ไม่เย็น เอาใหม่ๆ "
    ท่านก็ยกเท้ากระทบพื้นให้ดูอีก ให้เราทำตาม ท่านว่า " รู้สึกไหม ว่าเวลาเท้ากระทบ
    มันมีแรงประทะ ให้รู้สึก" ให้ดูตรงนี้น่ะท่านสอน มันจะดูได้ตลอด รู้สึกได้ทุกก้าว
    เอาๆ รองทำดูท่านว่า แล้วท่านก็เดินไปสอบอารมณ์ คนอื่นต่อ

    เอาหล่ะ ผมก็เริ่มใจชื้นขึ้นมาแล้วคราวนี้ เราได้แนวทางแล้ว ก็เดินรู้สึก อย่างพระท่านสอน
    ไม่กังวล ว่าทำผิดทำถูกแล้ว ทำตามท่านว่าไปเลยแล้วกัน
    รู้สึกเดินสะบายขึ้น ดูง่ายขึ้น มีความสุขมากขึ้น

    เดียวว่างๆ จะมาเล่าต่อครับ ทุกท่าน ได้เวลาทานข้าวเช้าแล้ววันนี้
    ผมอ่านฟัง ศึกษามามากครับ วิธีปฏิบัติ จนใครโกหกไม่ได้โน้นแหล๊ะ
    ว่าอย่างไงถูก อย่างไง ผิด
    แต่พอเวลาลงมือทำจริง ๆ ก็ยังเอาตัวไม่รอดคับ อิอิ

    ช่วงเย็นของวันแรก

    เวลาประมาณ 5 โมงเย็น

    ช่วงบ่าย ผมก็เดินจงกรม ดูความรู้สึกไป แบบพระท่านสอน
    มีนั่งสร้างจังหวะ สลับบ้าง คราวละ 4 - 5 นาทีต่อครั้ง แต่เดินเป็นส่วนใหญ่
    เดินจนถึง 5 โมงเย็นได้ยินเสียงระฆัง ต่างคนก็ต่าง ไหว้ทางจงกรมสวยๆ อีกครั้ง
    ล้างเท้า ล้างหน้าตา แล้วก็ไปช่วยกันปัดกวาดลานวัด ศาลา ก่อนไปอาบน้ำ ทำธุระส่วนตัว

    เวลาประมาณ 6 โมงเย็น

    พระท่านก็จะตีระฆัง ให้มารวมกันที่หน้าศาลา แล้วท่านก็จะพาเดินจงกรม ไปตามถนนลาดยาง หน้าวัด
    ประมาณ 2 กิโลเมตร ค่อยเดินวกกลับมานั่งในศาลา ก็มืดพอดี

    เวลาประมาณ 1 ทุ่ม

    พอเข้าถึงศาลา ก็จะเดินไปรับน้ำ ปานะ คนละแก้วเอามาวางไว้ ข้างที่นั่งแล้ว นั้งสร้างจังหวะไปเรื่อย
    พอทุกคนรับ น้ำปานะ และนั่งเรียบร้อย ถึงได้กล่าวคำถวายทานพร้อมกัน
    " สุทินนัง วะตะเม ทานัง อาสวักขยวะหัง โหตุ"
    " ทานอันเรา ถวายดีแล้วหรอ ขอผลทานนี้ จงเป็นเหตุนำมา ซึ่งความสิ้นอาสวะด้วยเทอญ"
    พอกล่าวคำถวายเสร็จ ก็นั่งสร้างจังหวะ ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะมีเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า
    "ทุกคนไหว้พร้อมกัน " โน้นแหล๊ะ ถึงจะได้ดืมน้ำปานะ เฮ้ยยย เหนื่อย อิอิ

    จากนั้นพระท่านจะพาสวดมนต์ทำวัตรเย็น เป็นการสวดและแปลด้วย แต่ละวันไม่ซ้ำกันเลย
    เนื้อหาบทสวด ส่วนใหญ่จะเป็นหลักการภาวนาสำคัญๆ พอทำวัตรเย็นเสร็จ
    ก็นั่งสร้างจังหวะ ฟังหลวงตาท่านเทศน์ จนถึง 3 ทุ่ม
    ท่านก็จะปล่อยไปพักผ่อน

    เวลาประมาณ 3 ทุ่ม

    มาถึงที่นอน ปูเสื่อ ห่มผ้าหม 3 ผืน นอนด้วยความเหนื่อนอ่อน
    และความหนาวของอากาศ ช่วงปลายธันวา
    หลับไปด้วยความรวดเร็ว ดูลมหายใจก่อนนอน เข้าออก นับที่จำได้ก่อนหลับ
    ก็ประมาณ 40 กว่าครั้ง

    วันแรกของการภาวนา ผ่านไปครับ
    ถึงแม้จะยังไม่ได้ปัญญาอะไร แต่ก็ได้การลงมือทำจริงๆ ปฏิบัติจริงๆ
    วันที่สองของการภาวนา เอาไว้จะมาเล่าให้ฟังในโอกาศต่อๆ ไปครับ


    สวัสดีครับ ท่าน 8 คิว

    อยากเห็นภาพจริงๆ ก็ต้องช่วงต้นเดือนพฤษภา ทำตัวให้ว่างนะครับ
    ผมกับ คุณมิตรจิต และคณะเทศบาลสกลนคร จะไปอยู่วัดปฏิบัติ 7 วันครับ

    ไปวัดก็ไปแต่ตัวครับ พอเข้าวัด มือถือ กระเป๋าสะตังค์ กุญแจรถ ก็ต้องฝากกับหลวงตาไว้ครับ
    ขืนไปเดินจงกรม ถ่ายรูป เอิ๊กๆๆ โดนหลวงตาไล่ออกจากวัดกันพอดีครับ

    หลวงตาเล่าให้ฟัง เคยมีหมอ พาลูกชายมาบวชจำพรรษาที่วัดหลวงตา
    พ่อแม่ที่เป็นหมอมาเยียมพระลูกชาย แล้วพากันไปถ่ายรูป ที่กุฏิที่พระจำวัด
    หลวงตาท่านให้ พาพระลูกชายกลับวันนั้นเลย
    เก็บของ แล้วให้พากับไปเลย อิอิ

    ท่านว่า มาปฏิบัติ ก็ต้องปฏิบัติ ฝากไว้กับท่านก็คือฝาก ไม่ต้องมาตามโอ๋ ตามดูแล
    เรื่องทางโลก อย่าเอามายุ่งกับการปฏิบัติ
    อยากเห็นภาพจริงๆ ก็ต้องมาปฏิบัติที่วัด ด้วยกันครับ ท่าน 8 คิว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 กรกฎาคม 2013
  2. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,286
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,002

    ดู vdo ข้างบนนี้ได้เช่นกันครับ อนุโมทนาครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...