แมวว่าผู้ที่ฝึกสมาธิพูดน้อยทำให้มากจะดีกว่ามานั้งนโนเรื่องสมาธิไปวันๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย แค่พลัง, 27 กุมภาพันธ์ 2017.

  1. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ก็แหงล่ะ...แกไม่รู้ไง....ลูก...นังช่างถาม
     
  2. จตุรอาชา

    จตุรอาชา สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2017
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +48
    คำๆนี้ไม่รู้ว่ามาจากสำนักไหนเหมือนกัน คุ้นๆแต่นึกไม่ออก

    เอาตรงๆเลยนะ ตั้งแต่เกิดมาจำความได้ ยังไม่เคยภาวนา สงสัยให้รู้ว่าสงสัย ซักครั้งเดียว

    ก็ยังงงๆอยู่เหมือนกันมันมีที่มาที่ไปยังไง หรือว่าเป็นการภาวนาในระดับพระอนาคามีก็ไม่รู้ได้แต่เดาเอา เพราะยังไปไม่ถึง อีกไกลคอดๆ(คือพยายามพูดในแง่ดีสุดๆแล้วนะ)
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    " สภาพธรรมอาการสงสัย " มันเป็น สภาพธรรม

    ต้องกำหนดรู้ให้ แยบคายลงมาก่อน

    "สภาพสงสัย" ถ้าไม่กำหนดรู้ให้ ห่างๆ ออกไปก่อน นักภาวนาจะไม่กล้า ยก พิจารณา

    เพราะ ร้อยละร้อย เราจะ คุ้นชินกับการ ทำเป็นไม่เห็น หรือ กล่าวบอกผู้อื่น
    ไปบ่อยๆว่า " การลงมือปฏิบัติตลอดมานั้น ปราศจากความลังเล "

    วจีกรรม ที่เราไป ยกบ่อยๆ บางครั้ง ก็ สำทับบอกตัวเอง ว่า ปราศจากความลังเล1000%

    กรรมอันเกิดจากการ ยกไว้อย่างนั้นในจิต ทำให้ พอถึงเวลา จะต้องกำหนดรู้ สงสัย

    นักภาวนาจะไม่กล้ามอง


    ทั้งๆที่ ลูบหน้าปะจมูก ทุกวัน

    ดังนั้น สงสัยให้รู้ว่าสงสัย ก็คือ คำสอนเดียวกับคำว่า
    " รู้อยู่ที่ไม่รู้ คือ สุดยอดการรู้ (หลวงพ่อพุธ ถวายคำเทศนาให้กับ ร.9 ในพระบรมโกศ) "

    ถ้าแปลกลับ จาก " สงสัยให้รู้ว่าสงสัย " กลับมาเป็น คำบาลี ก็ไม่มีอะไรมาก

    เป็น กำหนดรู้ อาสวะ4 ในหัวข้อ อวิชชาสวะ ให้รู้ว่ามี อวิชชาสวะ รู้ไปตรงๆ
    ยังไงก็ต้องมี ไม่ว่าอยู่ใน ลำดับบุคคลไหนๆ ใช้กำหนดรู้ทุกข์อย่างซื่อตรง
    ต่อธรรม ไม่ลูบหน้าปะจมูก ได้หมด

    **************


    จมูก มันมีอยู่บนหน้า แต่ส่วนใหญ่ มองข้ามกันเป็นหลัก

    พอคนทักว่า มีอวิชชา(ให้ดูจมูกว่ามี) คนที่ ต๊กกะใจเป็นหลัก จะ บอกว่า kuไม่มี

    ทั้งที่ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร จมูก ก็ต้องมี ทุกจิตก็ต้องอาศัยอวิชชา มาเกิด
    แต่ให้กำหนดรู้ว่ามี ไปซื่อๆ ก็ปล่อยมัน ตราหน้า ไปอย่างนั้น เพราะเรา
    จะเอา รสอุชุกตาธรรม ที่เป็น โสภณเจตสิก ( การซื่อตรงต่อธรรม)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  4. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    สำนักกะลาทองแดง ไง...มันแอดว้านนนน เอา ..มีราคะให้รู้ว่ามีราคะ มีโทสะให้รู้ว่ามีโทสะ...มา ...ใช้กับ มีสงสัยให้รู้ว่ามีสงสัย....ดีนะที่มันยังไม่ถึงขั้น มีหลงให้รู้ว่ามีหลง.....น่ะ

    มันจะพิสดารไปเรื่อยๆไง...สำนักกะลาทองแดง...มันจะแถ ไปเรื่อยๆ..จนมันจะแถไม่ได้ โน่นแหล่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  5. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เออ...ช่วย เรียบเรียงเสียงภาษาให้มัน..เข้าใจได้ง่ายๆ กว่านี้...จะได้มั้ย ฮะ..ท่านเจ้าสำนักฮะ...มันยัง..รกรุงรัง...อยู่ฮะ
     
  6. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    คือความจริง....แทนที่จะบอกว่า อะไรที่ตนเองไม่รู้....ก็ให้ยอมรับว่า ตนเองไม่รู้ พักเอาไว้ก่อน...คือข้ามไปก่อน ค่อย ยกมาพินาทีหลัง...มันไม่พูด

    มันดันพูดว่า มีสงสัยให้รู้ว่ามีสงสัย....
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  7. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ต้องทำใจนะฮะ....เพราะการอยากยกระดับ ปัญญาของตน เพื่อให้ก้าวพ้น ขึ้นไปสู่ การวิมุติ คือการแสดงว่าตนเองพ้นแล้วจากสมมุติ...มัน..เอาภาษามาใช้แทน วิมุติ ...แสดงสภาวะวิมุติ ได้ยาก...สำหรับคนที่ มโน ถึงวิมุติ

    แต่ความจริง ถึงจะวิมุติยังไง...ถ้ารู้จริง ก็จะรู้ว่า จะเอาสมมุติ แบบไหน มาแสดง วิมุติเพื่อให้คนอื่น เข้าใจ ได้...ด้วยปัญญา...ได้หมดแหล่ะ
     
  8. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ละม้ง ละมุด ติ่ง อะไรฮับ

    ยังเปนแค่ วิธีฝึก เอง

    จัดเข้าตำรา ก้ว่าด้วยเรื่อง

    สมถะนำปัญญา
    ปัญญานำสมถะ
    สมถะปัญญาควบคู่

    และสุดท้าย

    สงสัยให้รู้ว่าสงสัย อุธธัจจะมันขวาง ก้รู้ไปซื่อๆ

    ยกตัวอย่าง น้าจรไปถามพระสารีบุตร เหมือน
    พระอนุรุธไปถาม น้าจรเหนสรรพสัตวนับพันรก ธาตุ เกิดดับแถวดอกบัวแสง แล้วป๋มก้กลับเปน
    คนธรรมดา แต่สำคัญว่ายิ่งกว่าต้นธาตุ แล องค์ปฐม

    พระสารีบุตรก้จะตอบว่า ที่เหนสรรพสัตวรกธาตุ
    เดินเข้าออกดอกบัวแสง เปน อุธธัจจะ เที่ยวสงสัย
    จึงสอดเปนสอดตายสู่รู้

    ที่กลับมาเปนคนธรรมดาแต่ใหญ่กว่านั่นนี้ เปน
    กุกกุจจะ อาการรำคาญใจ ไม่มีอะไรทำ
     
  9. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    แก เอาประเด็นนี้มาพูด....คนอื่น จะได้อะไร

    คนธรรมดา มันยากเกินไป...ยากกว่านิพพานเสียอีก...เอาตามขั้นตอน จะดีกว่ามั้ย...
     
  10. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เอาให้รู้ถึงนิพพาน ให้ได้กันก่อน...จะดีกว่านะ...เพราะ คนธรรมดา มันยากเกินไป น่ะ....สำหรับตอนนี้

    ปูพื้นๆ เฉยๆ สำหรับจิตวิญญาณ...แต่มนุษย์..ตอนนี้ เอานิพพานให้แจ้ง.. ก่อนดีกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2017
  11. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เอางี้ นิวรณ์....ทำนิพพานให้แจ้ง...ง่ายๆ ชัดเจน รวบรัด....มีวิธีไหน...แสดงมาซิ....แสดงมา
     
  12. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    เคล็ดวิชา....แกจะเอา รูปธรรมแบบไหน อย่างไร..มาแสดงให้คนอื่น สัมผัสรับรู้ ถึง นามธรรมที่เป็น นิพพาน ได้บ้าง...

    แสดงธรรมนั้น มา....
     
  13. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ขอยืม สหธรรมิก เลคฟรีท ละกัน
    คาถาของเขา แนวพระป่า สั้นดี

    "แล้วไงต่อ"


    ติ๊ง จบ
     
  14. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ง่ายๆเลย.....เรื่องของแกไง...จบมั้ย
     
  15. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    แล้วใครเป็นเงากันเล่าแล้วใครกำลังงับเงาอยู่ดูแล้วสงสัยนิดนึงเพราะจะเลือกเป็นเงาก็คงไม่เห็นได้อะไรหรือเลือกเป็นผู้งับเงาก็คงไม่ต่างกันเลย...
     
  16. โอมมณีปัทเมฮุม

    โอมมณีปัทเมฮุม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +12
    แมวมีสติ แมวจึงเห็นพลังงานของแมว พระพุทะเจ้าเรียกว่า ขันธ์
    ขันธ์ แปลว่า กอง, หมวด, หมู่, ส่วน
    เพราะภาษาสมัยก่อนกับภาษาสมัยนี้อาจแตกต่างกันเราจะเรียกอย่างไรก้ได้เพียงแต่ให้รู้ว่าสิ่งเหล่านั้น มีขึ้นเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอย่างนั้น มีอาการอย่างนั้น


    สติแมวรู้ละลึกขันธ์ ด้วยรุป ด้วยอาการก้คือรูปของอาการ มันจึงมีรูป เกิด ตั้งอยู่ เละดับ
    สติแมวต้องรับรู้ละลึกขันธ์ด้วย สิ่งอื่นอีก ทั้ง ภาพ เสียง สัมผัส รส ของ นามขันธ์
    แมวจะรู้ถึงผู้รู้ที่เป็นวิญญาน ผู้ที่รับรู้ ภาพ เสียง สัมผัส รส ของนามขันธ์ ที่ไม่ใช่ รูป รส กลิ่น เสียง นะ

    แมวก้จะพ้นจาก ปฏิสนธิ ภวังคะ อาวัชชนะ ทัสสนะ สวนะ ฆายนะ สายนะ ผุสนะ สัมปฏิจฉนะ สันตีรณะ โวฏฐัพพนะ ชวนะ ตทาลัมพณะ เละ จุติ แมวก้จะหลุดจาดวงจรตรงนี้
    ซึ่งอารมจะไปคล้ายกับการทำ อรูปณาน แต่ไม่ใช่ แมวก้จะเข้าใจความต่างของ โลกียะณาน กับโลกุตระณาน

     
  17. แค่พลัง

    แค่พลัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    2,792
    ค่าพลัง:
    +1,565
    อย่างเมื่อคืนแมวจะทำกรรมฐานสมาธิทุก 3 ชั่วโมง ไม่เคยนอนยาวมาเกือบ 2 ปีแล้ว ในหัวมันผุดขึ้นว่าพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้อะไร????
    แล้วแมวก็ล้มตัวลงนอนหลับไหลอีกตามเลย แต่ว่าพอตื่นมาคำถามก็มาทวงอีก
    เห็นร่างตัวเองเดินเข้าห้องน้ำไปทำธุระต่างๆ ได้แต่แมวเฝ้ามองร่างเหมือนเรามองผู้อื่น เออแปลกดี สักพักท้องร้องนึกอยากกินข้าวก็ไปนึกถึงปลาทู เออกิเลสยังมีอยู่ครบเลยนี่ อะไรก็ช่างเถอะ แมวเอาใจแมวเป็นใหญ่ ไม่รู้ว่าแมวสื่อรู้เรื่องไหม
     
  18. วรณ์นิ

    วรณ์นิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 เมษายน 2016
    โพสต์:
    6,083
    ค่าพลัง:
    +3,024
    ทำกรรมฐายสมาธิ ทุกสามชั่วโมง.....ได้อะไรมั่งล่ะ...ถึงต้องคอยถามว่า..พระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้...อะไร.?

    การมองเห็นร่างตนเอง...ทำธุระ...เรียก กายคตาสติ....สติดูกายรู้กาย
    เห็นท้องร้อง เห็นความหิว .....เรียก เห็นเวทนาในกาย

    อีกอย่าง การเห็นกาย แบบนี้ เห็นเวทนา ในกายแบบนี้...แปลว่าสติไม่ได้หลงไปกับ ผัสสะทั้งหลายของกาย สติไม่ได้หลงไปกับ เวทนาทั้งหลาย(อารมณ์ความรู้สึก) ของกาย....เรียกว่า แยกจิตแยกกาย....เป็นแบบนี้ เมื่อสติรู้ทันกาย รู้ทันเวทนาต่างๆ ...สิ่งที่สติรู้สติเห็น เขาไม่เรียก ว่า เป็นกิเลสหรอก..ต่อไป ก็จะรู้ทันความคิด เห็นความคิดต่างๆ...แบบนี้ก็ไม่ไช่การเห็นกิเลส....

    สิ่งที่เป็นกิเลสคือสิ่งที่ สติรู้ไม่ทัน แล้วสติหลงเข้าไปร่วมปรุง ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมัน ไม่รู้ตัว ถึงจะเรียก ว่าเป็นกิเลส

    ดังคำว่า มีราคะก็รู้ว่ามีราคะ ราคะเกิดก็รู้ว่ามีราคะเกิด ราคะตั้งอยู่ก็รู้ว่ามีราคะตั้งอยู่ ราคะดับไปก็รู้ว่ามีราคะดับไป ไม่มีอะไรเกิดก็รู้ว่าไม่มีอะไรเกิด...

    สติรู้ทันแบบนี้ แปลว่า เรามีความสงบที่สติรู้ตัว ว่า เป็นคนละส่วนกับ กาย เวทนากาย ความคิด ทั้งหลาย..

    ผมเรียกมันว่าสติ ไว้ก่อน ในตอนนี้...แต่มันอาจจะเป็น...ใจ คุณก็ได้..ที่รู้..(สติกับใจ คนละบริบทกัน สติคือ สิ่งที่เรายังเผลอ หลง ไปกับมันได้ ทุกข์กับมันได้...แต่ใจ เราจะไม่ทุกข์ไปกับมัน)...
     
  19. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    สื่อใช้ได้แล้ว

    ตรงเหน ท่อนๆ ทำรูปเดิน ตรงนี้ เกิดการแยกรูป
    แยกนาม นามเปนคนเฝ้าสังเกต
    พลังงาน(มหาภูตรูป e=mc2 ทำอาการวิญญติรูป
    ให้ดูแทนรูปแท้ ถ้ารูปแท้ จะรับรู้ ความอ่อน แข็ง
    ตึง ไหว ร้อน เย็น สลาย รวม)

    ทีนี้ จะขาดสองตัว ที่ต้อง ยกทำการเหน หรือ
    ยกเปนสิกขา คือ อธิจิต กับ อธิปัญญา

    อธิจิต จะเปนการ ทวนไปหาเหตุ ว่า จิตแยก
    ได้แบบนี้ เพราะอะไรเปน ปัจจัย ก้จะไปเหน
    กริยาโยคะกรรมที่ร้อยรัดไว้ทั้งคืน

    ส่วน อธิปัญญา จะต้อง เหน รูปเดินแปรปรวน
    ทุกอากับกริยาเปน รูปเดิน ซึ่งจะมีรูปคู้แขน
    เหยียดขา ชำเลืองตา สัดส่าย กระทบกามคุณ
    อันเปนผัสสะภายนอก ทำให้เดินจนเสร็จธุระ
    ปลดเปลื้องภพย่อยต่างๆ ที่กักตัวไว้

    ส่อนอธิปัญญา ตามเหนความพอใจ ที่ตอบ
    สรองภพ(เลือเฉพาะอัพยากฤติ ทำตามหน้าที่
    วัตร) พอทำจบภพย่อย ภพก้ดับ อุปทายรูป
    ก้รำงับ วิญญติรูปรำงับ จะเกิด กตกากรรม
    กรรมเล็กน้อยให้ผล แคะโน้น เกานี้ บี้นี้ ดมนั่น ฯลฯ

    ฯลฯ อธิปัญญาจะเปนเรื่อง ตามเหนความเกิด
    ความดับ ใน กาย เวทนา จิต ธรรม


    การยก อธิจิตได้ เหนเหตที่ดับไปปีมะโว้
    จะไม่มีอาการ สำคัญตน ตอนนี้ตนเองบรรลุ
    หรือ ทะลุอะไร เพราะเหตุของการเปนอย่างนี้
    มันดับไปปีมะโว้แล้ว พอผลาริสงค์หมด
    จิตจะรวบขันธ์กลับเข้ามาดังเดิม

    ใหกำหนดรู้ปฏิปทา ก้เปนของไม่เที่ยง

    เพราะ จิต ไม่เที่ยง เกิดดับ แสวงหา พาดวัตถุ
    ปักใจพอใจ ไม่พอใจ ไปตามวิบากก่อนเก่า
    อันหาต้น หาปลายไม่ได้ ยิ่งแก้กรรม บูชายัญ
    เข้าหาผู้มีวาสนาเหนือ ก้ไม่ต่าง จากลิงโง่
    ที่อวดประกาสการแก้แหได้ในหนึ่งวินาที สันติ
    แต่ก้ยกให้เปน อาการของจิตที่เรียกว่า วาสนา
    ของจิตนั้นๆไป ห้ามวิบากเกิดไม่ได้
     
  20. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    ตอนเหนกิเลส ตรงนี้ ดีสุดๆ

    จะเหนว่า จิตขณะนั้นไม่ได้ถุกกดข่มด้วย สมถะ(วิปัสสนาบางขณะจะผลิกเปนสมถะด้วยตลอด)

    ตามเหนกิเลสเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป

    ต่างจาก ปุถุชน ที่ไม่มีการ ยกสิกขา เหน
    กระบวนการของจิต รับรู้ธรรมมะแต่ทรง
    เปนธรรมวินัย ยกสิกขาไม่ได้ แต่พยักหน้า
    รับความได้ สำคัญว่า ยกสิกขาเหมือนเสขะบุคคล

    สรุป

    เหนกายเดินเอง ยังงั้นๆ

    เหนอธิจิต อธิปัญญา มีญาณสัมปยุต ก้ยังมี
    เหน สลับไม่เหน ไม่เที่ยง ไม่ต้องไปรักษาให้
    มันเที่ยง เพราะเราจะอาสัยเหนความไม่เที่ยง
    ของปฏิปทาทุกชนิด เพือ.....

    เพื้อให้รู้ จิต ที่ปราสจากการกดข่มด้วยโยคะกรรม
    นานาชนิด

    แล้วเหน กิเลส หยาบ กลาง ละเอียด แสดง
    ความไม่เที่ยง แบบช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น
    มีคุณกว่า นั่งสมถะวิปัสสนามาแสนกัปป(สาวกภูมิ
    มักจะลูบคลำสติปัฏฐานแสนกัปป แทนที่จะ
    โน้มน้อม นั่น...สงบ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2017

แชร์หน้านี้

Loading...