แม่ "น้องน้อด" แจงชุดทองธรรมกาย

ในห้อง 'ข่าวพุทธศาสนา' ตั้งกระทู้โดย ๙๙๙๙๙๙๙๙๙, 16 กรกฎาคม 2008.

  1. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    เรื่องว่าการสร้างวัดใหญ่โตใช้เงินมากนั้น
    สมัยนี้เทียบกันไม่ได้เลยกับสมัยครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังมีพระชนชีพอยู่หรอกจ้ะ
    อย่างวัดพระเชตวันที่ท่านอานาถบิณฑิกเศรษฐีสร้างให้พระศาสนานั้น
    มีมูลค่าถึง ๕๔ โกฏิกหาปณะ (๑ โกฏิ=๑๐ล้านจ้ะ)
    ซึ่งเมื่อการสร้างวัดนี้แล้วเสร็จ ท่านยังจัดงานเฉลิมฉลองอยู่ถึง ๙ เดือน
    หมดเงินไปอีก ๑๘๐ ล้าน (ซึ่งตรงนี้น่าจะดูเป็นการฟุ่มเฟือยมากกว่า)
    แต่พระบรมศาสดานอกจากจะไม่ตำหนิแล้ว
    พระองค์ยังได้อนุโมทนาคาถาว่าด้วยการถวายวิหารด้วยจ้ะ

    [*]
    <o></o>

    [*] อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก(มจร.แปล) เล่มที่ ๗ ข้อที่ ๓๑๕ หน้าที่ ๑๓๑.
    <o></o>

    ส่วนก่อนหน้าที่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีจะถวายอาหารเป็น ‘ปลายข้าว มีน้ำผักดองเป็นที่สอง’ นั้น
    <o>
    </o>
    ท่าน[FONT=&quot]เศรษฐีได้ถวายทานเป็นการใหญ่เป็นประจำทุกวัน คือ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]สลากภัต ๕๐๐ ที่[/FONT]​
    [FONT=&quot]ปักขิกภัต ๕๐๐ ที่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]สลากยาคู ๕๐๐ ที่ [/FONT]​
    [FONT=&quot]ปักขิกยาคู ๕๐๐ ที่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]ธุวภัต ๕๐๐ ที่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]คมิกภัต ๕๐๐ ที่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]คิลานภัต ๕๐๐ ที่[/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]คิลาโนปัฏฐากภัต ๕๐๐ ที่ [/FONT][FONT=&quot]<o></o>[/FONT]​
    [FONT=&quot]และได้ตบแต่งอาสนะไว้ ๕๐๐ อาสนะ เป็นประจำ [/FONT]​
    [FONT=&quot]ด้วยเหตุนี้ พระพุทธองค์จึงทรงแต่งตั้งท่านไว้ในตำแหน่ง[/FONT][FONT=&quot]“อัครทายก”[/FONT] (ผู้เป็นเลิศทางด้านการถวายทานจ้ะ)
    [*]
    <o>
    </o>

    [*] อ้างอิงจาก-
    [FONT=&quot]อง.อ. ๑/๔๑๔[/FONT][FONT=&quot]–๔๑๕, อง. ๒๐/๓๓[/FONT]
    <o></o>
    ตรงนี้แสดงให้เราเห็นว่า เมื่อยามท่านมีมากท่านก็ให้มาก
    แต่เมื่อยามท่านมีน้อยท่านก็ให้น้อยตามแต่ฐานะความสามารถจะเอื้ออำนวย
    นี้แหละจ้ะที่เรียกว่าสันโดษ คือพอดีตามมีตามได้เอาตามความสามารถที่ตนมี
    ถ้ามีมากแต่ให้น้อยเพราะตระหนี่นี่สิท่านไม่ถือว่าสันโดษจ้ะ


    ส่วนเรื่องที่ท่าน ‘เวลามพราหม’ ให้ทานนั้น แม้ทานของท่านจะเป็น ‘มหาทาน’ ก็จริง
    แต่ท่านไม่ได้ให้ในทักขิไณยบุคคลคือเนื้อนาบุญจ้ะ ทานของท่านจึงมีผลน้อย
    ดังข้อความในพระสูตรที่ท่านยกมาว่า
    “เราได้ให้ทานนั้นเป็นมหาทาน
    ก็ในทานนั้นไม่มีใครเป็นพระทักขิเณยยบุคคล ใครๆ ไม่ชำระทักขิณานั้นให้หมดจด”
    <o>
    </o>
    ส่วนอานิสงส์แห่งทานที่ท่านยกมาทั้ง ๑๙ ข้อนั้นแล ชื่อว่าทักขิไณยบุคคลจ้ะ
    อ่ะ อย่างนี้ล่ะ ถึงแม้ไทยธรรมคือของที่จะนำมาให้ แม้จะเป็นของน้อย ก็ชื่อว่ามีผลมากจ้ะ
    <o>
    </o>
    [FONT=&quot]เพราะการทำทานให้ได้บุญมาก พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่ามีองค์ประกอบ [/FONT][FONT=&quot]3 ประการ คือ
    1. วัตถุบริสุทธิ์ คือสิ่งที่ให้ทานได้มาด้วยความสุจริตถูกต้อง
    2. เจตนาบริสุทธิ์ คือมีความเลื่อมใสศรัทธาให้เพื่อหวังความเจริญในบุญในกุศล
    3. บุคคลบริสุทธิ์ คือผู้รับเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์มีคุณธรรม ยิ่งมีคุณธรรมมากเท่าใด บุญก็ ยิ่งได้มากไปตามส่วน
    และยิ่งฝ่ายผู้ให้มีศีลบริสุทธิ์หรือมีคุณธรรมสูงด้วยแล้ว บุญก็ยิ่งมากขึ้นไปอีกจ้ะ


    <!--[if !supportLineBreakNewLine]-->[/FONT]
    มีประโยชน์มากจ้ะ ขอให้ท่านได้บุญในเจตนาอันเป็นกุศลนี้มากๆ นะจ้ะ สาธุจ้ะ
    [FONT=&quot] <!--[endif]-->[/FONT]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2008
  2. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    อย่าไปขัดในกุศลเขา
    แต่บางทีการโน้มนำคนให้มาทำบุญนั้น ควรจะมีเจตนาอันบริสุทธิ์ และควรจะต้องดูว่าจะทำให้คนที่เราชวนมาร่วมบุญนั้น เขาเดือดร้อนหรือไม่ ก็คือควรเตือนให้เขาทำบุญแต่พอตัว อย่าหักโหม จนทำให้หมดเนื้อหมดตัว ทำให้ครอบครัวเขาเดือดร้อน นี่แหล่ะข้อควรคิดคือผู้ชักจูงเป็นผู้มีความโลภเพียงใด นี่คือสิ่งที่ต้องมาชี้แจง แถลงไข
    การทำอะไรใหญ่โต สวยงามสามารถนำพาจิตใจคนให้น้อมนำไปได้ ถ้าผู้ชักจูงมีเจตนาในทางดี จะได้อานิสงล์มากเพราะทำให้คนสามารถมีจิตใจใฝ่ไปทางความจรรโลง หลายครั้งที่ผู้ไปได้เห็นมหัศจรรย์ นั่นเป็นเพราะคนไปเขามีจิตใจบริสุทธ์ พอเขานึกถึงสิ่งศักดิ์สิทะธิ์ ท่านๆทั้งหลายเบื้องบนก็ต้องมาโทนา
    ดังนั้นทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับเจตนา ถามว่าถ้ามีคนเจตนาไม่ดี จะทำไง เราก็ทำแบบที่พวกเราทำอยู่ คือการตรวจสอบ ถึงเราจะไม่สามารถตรวจสอบเบื้องหลังต่างๆได้ แต่ที่สำนักพระยายมราช ท่านสามารถ ไม่ต้องห่วง ไม่มีใครใหญ่เกินกรรม
     
  3. พระยาเดโชชัยมือศึก

    พระยาเดโชชัยมือศึก สินธพอมรินทร์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2005
    โพสต์:
    2,742
    ค่าพลัง:
    +12,024
    เผยแพร่ธรรม เป็นกุศล ถ้าเจตนาบริสุทธิ์เพื่อการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ขอโมทนาอย่างสูง แต่ถ้ามีเจตนาแพร่ชื่อเสียงเพื่อให้คนอื่นรู้จัก เผื่อจะได้ผลประโยชน์ในทางเงิน มาเข้าตัวเอง ถ้าเป็นอย่างนี้ จักขออุทิศส่วนกุศลให้จ้า
     
  4. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    สิ่งปลูกสร้างต่างๆในวัด ก็ถือเป็นสมบัติของพระศาสนาจ้ะ
    เป็นของส่วนรวม ไม่ใช่ของผู้ใดผู้หนึ่ง ประชาชนทั่วไปมาใช้ประโยชน์ได้
    ไม่ใช่ของพระหรอกจ้ะ ไม่มีพระรูปไหนเอาไปจำนำ จำนอง หรือขายทอดตลาดได้จ้ะ
    พระท่านสร้างไว้ทำไว้ มรณภาพไปแล้ว ท่านก็ทิ้งไว้เป็นมรกดกสืบทอดพระศาสนาจ้ะ

    แล้วความเป็นจริงที่เราเห็นประจักษ์แล้ว ก็คือ
    ศาสนสถานที่ยังคงเหลือร่องรอยให้เราได้หวนรำลึกถึงพระรัตนตรัยอันเป็นที่พึงสูงสุดได้เสมอมา
    มักเป็นสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่ๆ ไม่ว่าจะเป็น วัดพระเชตวันมหาวิหารก็ดี
    สังเวชนียสถานทั้ง ๔ ก็ดี เสาอโศกก็ดี บุโรพุทโธในอินโดฯ ก็ดี
    พระพุทธรูปในอัฟกันฯก็ดี ในจีนก็ดี ต่างก็เป็นพยานหลักฐาน
    บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาให้แก่ชนรุ่นหลังได้ดี

    และสิ่งปลูกสร้างใหญ่ๆ ที่คงทนอยู่ได้นับพันๆ ปี นี้เอง
    ที่ทำให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานอย่างเราได้รับรู้ความรู้สึกถึงความเลื่อมใสอันบริสุทธิ์
    และความศรัทธาอันเปี่ยมล้น ของคนรุ่นปู่ย่าตาทวดของเรา
    ซึ่งจะยังให้เราเกิดแรงบันดาลใจในการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาจากท่านเหล่านั้น ได้จ้ะ

    ส่วนว่าเรื่องการทำบุญนั้นย่อมเป็นไปโดยสมัครใจทำเองจ้ะ
    เรื่องอย่างนี้ไม่มีใครบังคับใครได้หรอกจ้ะ
    ขนาดภาษีที่มีกฏหมายบังคับให้ต้องจ่าย ถ้าไม่จ่ายไม่ทำมีโทษ
    คนที่ไม่เต็มใจ เขายังหาทางหลบเลี่ยงได้เลยจ้ะ
    ประสาอะไรกับการทำบุญ ซึ่งไม่มีกฏหมายบังคับ
    แม้ในเรื่องกฏแห่งกรรมก็ไม่มีข้อไหนที่พระสัพพัญญูทรงกล่าวว่า ‘การไม่ทำบุญเป็นบาป’
    แต่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ชัดเจนว่า

    ปาณิมฺหิ เจ วโณ นาสฺส หเรยฺย ปาณินา วิส<o></o>
    นาพฺพณ วิสมเนฺวติ นตฺถิ ปาป อกุพฺพโต ฯ<o></o>
    หากที่ฝ่ามือไม่มีแผล บุคคลก็ใช้ฝ่ามือนำยาพิษไปได้
    เพราะยาพิษจะไม่ซึมเข้าไปยังฝ่ามือที่ไม่มีแผล
    เหมือนบาปไม่มีแก่ผู้ไม่ทำบาป* ฉะนั้น

    [* บาปใครทำใครก็รับไปเอง บาปไม่ได้สืบทอดกันโดยสายเลือด]
    ขุ.ธ. 25/19/30-32.<o></o>
    ------------------------------------------------------<o></o>
    หรือ

    อตฺตนา ว กต ปาป อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ<o></o>
    อตฺตนา อกต ปาป อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ<o></o>
    สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺต นาฺโ อฺ วิโสธเย ฯ<o></o>
    ตนทำบาปกรรมเอง ก็เศร้าหมองเอง ตนไม่ทำบาปกรรมเอง ก็บริสุทธิ์เอง<o></o>
    ความบริสุทธิ์และไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน คนอื่นจะทำคนอื่นให้บริสุทธิ์ไม่ได้*

    [* ไม่มีใครล้างบาปหรือไถ่บาปให้ใครได้ กรรมทั้งดีและชั่วใครทำใครก็รับไปเอง]<o></o>
    ขุ.ธ. 25/22/36-37.<o></o>


    <label for="rb_iconid_31">[​IMG] </label>ส๊าาธุ๊ ขอให้ท่านเจริญๆ ในกุศลให้ยิ่งๆ ขึ้นไปเถิดจ้า<o></o>​
     
  5. Jintasak

    Jintasak เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มกราคม 2008
    โพสต์:
    533
    ค่าพลัง:
    +1,920
    ผมไม่ได้ขัดเรื่องการทำบุญนะครับ ...ทำบุญก็ย่อมได้บุญ แต่ผมเพียงจะชี้ให้เห็นว่า พระพุทธพจน์ ได้ระบุแล้วว่า มีการกระทำทางใจ(ไม่ต้องใช้วัตถุ)ที่ให้ผลของทานมากกว่าการใช้วัตถุตั้งมากมาย ...ซึ่งก็คือที่ผมตั้งใจชวนให้มองกว้างกว่า มุมมองอุดมคติของวัดนี้ ที่เน้นสร้างบุญบารมีทางวัตถุ ทั้งๆ ที่มีบารมีอื่นที่ใช้ใจเท่านั้น และต้องไม่ลืมว่า ใจเป็นใหญ่ การบรรลุธรรมเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เรื่องทางวัตถุ

    เพียงการถือสรณคม คือจิตเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ก็สูงกว่าวิหารทาน ...ยังไม่นับการสมาทานศีล การเจริญเมตตาจิต และการเจริญอนิจจสัญญา (การปฏิบัติธรรมที่ลดการยึดถือในสิ่งต่างๆ แม้แต่วัดถุสวยงามที่ กำลังสร้างถวายพระพุทธเจ้า ก็ตาม)

    ...ย้ำว่า ผมเพียงอยากชวนให้ศึกษาธรรมะที่สูงกว่า นิทาน เรื่องเล่า ที่เน้นการทำบุญด้วยเงิน เพื่อสร้างบารมีเป็นหลัก ...อยากให้ลองไปค้นพระไตรปิฏกดู ว่ามีพระสูตรที่พระพุทธเจ้าแนะนำให้สร้างวัดใหญ่ๆ ให้มากๆ หรือท่านแนะนำให้ปฏิบัติธรรมเพื่อพ้นจากทุกข์

    14. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ มีผลมากกว่าทานที่บุคคลสร้างวิหารถวายสงฆ์อันมาจากจาตุรทิศ
    15. การที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ จากการดื่มน้ำเมาคือสุราและเมรัยอันเป็นฐานะแห่งความประมาท มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสถึงพระพุทธเจ้า พระธรรมและพระสงฆ์เป็นสรณะ
    16. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้นจากปาณาติบาต ฯลฯ

    17. ดูกรคฤหบดี ทานที่บุคคลเชื้อเชิญให้ท่านผู้ถึงพร้อมด้วยทิฐิผู้เดียวบริโภค มีผลมากกว่ามหาทานที่เวลามพราหมณ์ให้แล้ว ...
    18. การที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม มีผลมากกว่าการที่บุคคลมีจิตเลื่อมใสสมาทานสิกขาบท คือ งดเว้น
    จากปาณาติบาต ...
    19. และการที่บุคคลเจริญอนิจจสัญญาแม้เพียงเวลาลัดนิ้วมือ มีผลมากกว่าการที่บุคคลเจริญเมตตาจิตโดยที่สุดแม้เพียงเวลาสูดดมของหอม
     
  6. บัวใต้น้ำ

    บัวใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    895
    ค่าพลัง:
    +1,936
    พระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า

    ในภายภาคหน้าศาสนาของพระองค์ จะดำรงอยู่ไมได้ จะสูญหายไป
    ไม่ใช่เพราะบุคคลภายนอก แต่เป็นเพราะบุคคลภายใน
    อันได้แก่พุทธบริษัททั้งสี่
     
  7. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    จริงจ้ะที่ว่าการปฏิบัติ(ด้วยใจ)นั้น มีผลมากกว่า ทำบุญด้วยวัตถุ
    แต่ก็ต้องทำควบคู่กันไปจ้ะ
    โดยเฉพาะฆราวาสผู้ครองเรือนผู้ยังต้องทำการงานทางโลกด้วยแล้ว
    จะเอาแต่ปฏิบัติทางจิตอย่างพระท่านเลย ย่อมเป็นเรื่องยากลำบากของชาวบ้านส่วนใหญ่จ้ะ

    และฆารวาสส่วนใหญ่ ศีล ๕ ก็ยังกระพร่องกระแพร่ง

    การปฏิบัติทางใจให้ถึงอย่างที่ท่าน Jintasak ว่า
    ไม่ใช่ฐานะไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ง่ายๆ อย่างที่ท่านนึกคิดดอกจ้ะ
    มันต้องค่อยเป็นค่อยไปเป็นขั้นเป็นตอน ตามที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงวางลำดับไว้ให้ดีแล้ว

    คือ
    1. ต้องเริ่มจากทานก่อน เพราะมนุษย์โดยมากมีความเห็นแก่ตัวมีความตระหนี่ หวงแหนทรัพย์
    มักคิดจะเอาเข้า แต่นำออกได้ยาก อันนี้เป็นกิเลสอันหยาบใหญ่จ้ะ
    2. เมื่อสละของนอกกายได้แล้ว จึงจะสละนิสัยไม่ดีที่อยู่ใน กายกรรม และวจีกรรม ด้วยศีลจ้ะ
    3. เมื่อศีลมั่นคงดีแล้ว ก็จะเป็นบาทฐานให้มโนกรรมคือการกระทำทางใจ
    พร้อมที่จะได้รับการฝึกทางจิตภาวนาให้ยิ่งๆ ขึ้นไปจ้ะ

    หากฝึกปฏิบัติทำลัดขั้นตอนก็คงจะเก่งเกินพุทธองค์ละจ้ะ

    ส่วนที่ท่านว่าทางวัดฯเน้นแต่เรื่องทำทานด้วยเงินหรือด้วยวัตถุนั้น
    อันนี้ข้อมูลที่ท่านได้รับมาโดยด้านเดียวยังไม่สมบูรณ์จ้ะ
    ถ้าอยากได้ข้อมูลที่เป็นข้อจริงไม่เจือเท็จ ท่านก็ต้องไปพิสูจน์เองตามคำเชิญของท่าน < ๙ ตาล ๙ > จ้ะ
    -------------------------------------

    หากบุคคลทำบุญ ก็ควรทำบุญนั้นบ่อยๆ
    ควรทำความพอใจในบุญนั้น เพราะการสั่งสมบุญนำสุขมาให้
    ขุ.ธ. 25/19/30-32.<o></o>

    คนไขน้ำ ย่อมไขน้ำ<o></o>
    ช่างศร ย่อมดัดลูกศร<o></o>
    ช่างไม้ ย่อมถากไม้<o></o>
    บัณฑิต ย่อมฝึกตน<o></o>
    ขุ.ธ. 25/16/25-26.


    <label for="rb_iconid_31">[​IMG] </label>สาธุจ้ะ ขอให้ท่านจงเจริญๆ ในธรรมยิ่งๆ ขึ้นไปนะจ๊ะ
    <o>
    </o>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2008
  8. infinityboon

    infinityboon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    324
    ค่าพลัง:
    +188
    ใครสร้างวัดกันแน่ พระหรือคาระวาส คารวาสสร้างก็เป็นเงินของคาระวาส สร้างให้เกิดบุญและมีศรัทธา พระสร้างมีเงินมาจากไหน ก็คนมาบริจาค แล้วที่เป็นตัวบุญเนื้อนาบุญ ทำเพื่ออะไร เผยแพร่ศาสนาเหรอ เอาความคิดของตัวเองมาตัดสินมองแค่ด้านเดียว วัดใหญ่โตก็มาจากเงินคาระวาส ถ้าคาระวาสสร้างจะผิดตรงไหนล่ะ พระตอนบวชก็มีแต่ตัว และมีศิลให้ปฏิบัติ มาทำกิจของคาระวาสมากเกินไป จนคนที่ไม่เข้าใจในศาสนาหลงเชื่อ ลองไปวัดอื่นดูบ้าง เข้าวัดอื่นบ้าง มีใจให้เป็นกลาง ทำบุญหลายวัดจะเป็นไรไป
     
  9. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    ผมก็ทำบุญทุกวัดนะครับ
    ตอนนี้ถ้ามีเวลาว่างก็จะไปช่วยโครงการตักบาตรพระห้าแสนรูปทุกวัดทั่วไทยอยู่เสมอ ๆ
    ทีวัดนี้ก็สอนให้เคารพพระทุกรูปไม่มียกเว้นเหตุเพราะท่านเป็นผู้ประพฤติพรมจรรย์ควรแก่การบูชา
    พระจากวัดอื่น ๆ รวมถึงพระชาวต่างชาติ ยังชมเลยครับ ว่าบุคลากรของที่วัดพระธรรมกายให้ความเคาระพระสงฆ์มาก เวลาสนทนาจะนั่งพนมมือแสดงถึงการเคารพตลอดการสนทนา

    พระอาจารย์ของผมที่อ่างทองทีแรกท่านก้ห้ามผมไม่ให้เข้าวัดนี้ ภายหลัง พระอาจารย์ก็มาร่วมโมทนาในงานบวชครั้งที่สองของผมที่วัดพระธรรมกาย

    เสียดายนะครับ ผมอยากให้ทุกท่านเห็นกุฏิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเหลือเกินว่าท่านเป็นอยู่แบบไหน ผมคิดว่าถ้าพวกท่านเห็นภายในกุฏิท่านแล้วคงเลิกคิดไปเลยครับว่าท่านเอาปัจจัยมาใช้ส่วนตัว
     
  10. ๙๙๙๙๙๙๙๙๙

    ๙๙๙๙๙๙๙๙๙ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +2,808
    ผมก็ ทำบุญหลายวัด เหมือนกันครับ แต่อาทิตย์ต้นเดือนผมจะไปที่วัดธรรมกาย
    และหลวงพ่อ ชอบบอกเสมอในรายการ DMC ว่าวันพระ บ้านใครอยู่ใก้ลที่วัดไหนก็ ให้ไปทำที่วัดนั้นนะ ไปช้วยกันบำรุงรักษาวัดใก้ลบ้านให้ดี วัดไหนที่เป็นวัดล้าง ก็ชักชวนชาวบ้านเพื่อนบ้านไปทะนุบำรุงให้ดีแล้วนิมนพระท่านให้เขาไปอยู่ เพื่อให้วัดล้างกลายเป็นวัดรุ้ง
    /สมัยที่ผมบวช วัดที่ผมอยู่ อยู่ในเขาใหญ่ชาวบ้านแถวๆวัด ก็ลำบากยากจนเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงแค่ข้าวเปร่าที่ใส่ /กับข้าวอาหารแห้ง และเงินสนับสนุนส่วนใหญ่ก็ได้จากทางวัดธรรมกายที่ส่งให้ทุกต้นเดือน รวมไปถึงชาววัดธรรมกาย ที่มักจะเดินทางมาจากกรุงเทพเพื้อมาทำบุญ นอกจากทางวัดธรรมกายจะ ส่งข้าวของให้ทางวัดที่ผมอยู่แล้ว ก็ ยังส่งไปถึงวัดที่อยู่ใก้ลๆด้วย รวมไปถึงชาวบ้านแถวๆนั้นด้วยนะครับ ผมเองก็ยังเคยนำข้าวของที่ได้จากวัดธรรมกายใสถุง ไปมอบให้ชาวบ้านที่ลำบากกับเด็กแถวๆนั้นด้วยครับ
    ผมก็เห็นบ่อยนะครับเวลาที่วัดตามต่างจังหวัด มีงานบุญ ก็จะเห็นรถที่ติดสติกเกอร์ DMC ไปร่วมงานบุญแทบจะทุกที่นะครับ

    หากเราฟังจากสื่อ ภายนอกที่โจมตีแต่เพียงข้างเดียว ฟังคนอื่นบอกเล่าให้ฟัง แต่คนที่บอกเล่ากลับไม่เคยไปวัดหรือฟังคำสอนเลยแล้วมาบอกเราและไม่คยไปสัมผัสถึงที่ แล้วเรายังจะเชื่อ สิ่งนั้นอยู่อีกหรือครับ ทั้งๆที่ ไม่เคยได้ยินได้ฟังได้เห็น ด้วยตัวเอง มีแต่เพียงสื่อเท่านั้น ที่เราได้รับ ได้ฟังเรื่องไม่ดีเพียงแค่นี้ เราก็เชื่อเพราะ หลักฐานที่อ้างว่าวัดทำไม่ดีอย่างไร โดยที่ หลักฐานนั้น ถูกสร้างขึ้นมาประกอบข่าวให้คนเชื่อ ทั้งๆที่ความจริง ไม่ได้เป็นเช่นนั้นผมว่าไม่ยุติธรรมเลยนะครับ

    คนบางคนอาจถูกด่าว่าใส่ร้ายป้ายสีต่างๆนาๆ แต่ความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่ใครเค้าว่าเลย หากได้ สัมผัสและรับรู้ถึงความเป็นจริง ด้วยตัวของเราเอง หากมีสติ และมีความเป็นกลางอย่างแท้จริง ก็ลอง เปิดใจ รับรู้ถึงสิ่งดีๆที่ ทางวัดได้ทำและไม่เคยเปิดเผยให้คนภายนอกได้รับรู้ดูนะครับ [​IMG]
     
  11. virot05

    virot05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    830
    ค่าพลัง:
    +1,679
    อนุโมทนาบุญครับ ทำให้ทราบประวัติในพุทธศาสนาอีกประการหนึ่งขอรับ
     
  12. lokemesa

    lokemesa Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    158
    ค่าพลัง:
    +26
    สาธุชนของวัดพระธรรมกายนั้นใจเขากว้างจ้ะ (ท่าน theliger กับท่าน < ๙ ตาล ๙ > เป็นตัวอย่างพยานยืนยันได้จ้ะ)<o></o>
    คือพระวัดไหน เชื้อชาติไหน นิกายไหน ท่านเปิดใจรับฟังทั้งนั้นล่ะ่จ้ะ

    เห็นก็แต่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจมโนปณิธานของวัดพระธรรมกาย
    มักกล่าวประกาศให้ได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า
    ‘เราทำบุญทุกวัด ยกเว้นวัดพระธรรมกาย’
    อย่างนี้หรือจ๊ะที่ว่ามีใจเป็นกลาง

    ก็เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวว่าให้สาธุชนวัดพระธรรมกาย
    ‘ลองไปวัดอื่นดูบ้าง เข้าวัดอื่นบ้าง... ทำบุญหลายวัดจะเป็นไรไป’
    เป็นคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าท่านยังไม่ได้เข้ามาสัมผัสวัดฯอย่างจริงจังเลย

    เพราะถ้าท่านติดตามความเคลื่อนไหวของวัดพระธรรมกายอย่างจริงจังแล้ว
    ทุกวันพระ ‘ท่านเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย’ จะประกาศทางช่องโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม(DMC)ไปทั่วโลกว่า
    “วันนี้วันพระ ให้พวกเรา(สาธุชน)ไปเข้าวัด ฟังเทศน์ ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญบุญกัน ใครอยู่ไกล้วัดไหนก็ไปวัดนั้นจ้ะ”
    ย้ำว่าท่านกล่าวอย่างนี้ทุกวันพระเลยจ้ะ

    ส่วนเรื่องเนื้อนาบุญนั้น ท่านเคยสวดมนต์บทสังฆคุณหรือเปล่าจ๊ะ
    ตอนที่ว่า ‘อนุตฺตรํ ปุญฺญกฺเขตฺตํ โลกสฺสาติ’ ซึ่งเป็นคำที่กล่าวโดยพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
    มีความหมายว่า “พระสงฆ์เป็นเนื้อนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า”
    นี่ล่ะจ้ะ ที่ว่าทำไมพระสงฆ์จึงต้องทำตัวเป็นเนื้อนาบุญ

    ส่วนที่ว่าใครสร้างวัดกันแน่ ก็ช่วยๆ กันทุกฝ่ายล่ะจ้ะ
    ขาดฝ่ายพระหรือฝ่ายญาติโยมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็สร้างไม่ได้ดอกจ้ะ
    ส่วนคำกล่าวอื่นที่จะหมิ่นเหม่ต่อการเป็นวจีกรรมที่กล่าวปรามาสพระสงฆ์นั้น
    ขอให้ท่านงดเสียเถิดจ้ะ มันจะได้ไม่คุ้มเสีย
    พระท่านเปรียบเสมือนกองไฟกองหนึ่ง ถ้าทำดีไฟนี้ก็จะเป็นประโยชน์เป็นแสงสว่าง
    ส่องทางให้กับชีวิตเราได้ ถ้าไปทำไม่ดีเข้า มันจะกลายมาเป็นไฟนรกเผาไหม้เราจ้ะ

    ------------------------------------------------------
    ดังพุทธพจน์มีมาแล้วว่า<o></o>

    คนที่เกิดมาพร้อมกับมีขวานมาในปากด้วย

    <o></o>
    ผรุสวาจา เป็นเหมือนขวานเครื่องตัดตนของคนพาลผู้กล่าวคำชั่ว ย่อมเกิดที่ปากของคนพาล
    ผู้ใดสรรเสริญคนที่ควรติเตียน หรือติเตียนคนที่ควรสรรเสริญ
    ผู้นั้นชื่อว่าสั่งสมกาลี(ความจัญไร)ไว้ด้วยปาก
    ย่อมไม่ประสบความสุข เพราะความกาลีนั้น

    การปราชัยด้วยทรัพย์ ในการเล่นการพนันจนหมดตัวนี้ เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย
    แต่การที่บุคคลมีใจประทุษร้ายในบุคคลผู้ดำเนินไปดีแล้ว นี้เท่านั้น เป็นความผิดมากกว่า

    บุคคลผู้ตั้งวาจาและใจอันชั่วติเตียนผู้ประเสริฐ
    ย่อมเข้าถึงนรกสิ้น ๑๓๖,๐๐๐ นิรัพพุทกัป กับอีก ๕ อัพพุทกัป

    องฺ.ทสก. 24/89/185-186.<o></o>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2008
  13. ดาวแก้ว

    ดาวแก้ว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มกราคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +144
    อนุโมทนาบุญกับคุณตาลด้วยนะคะและก็ทุกๆกระทู้ที่ช่วยแก้ต่างให้วัดพระธรรมกายด้วย เพราะดิฉันก็เป็นคนนึงที่เคยไม่เข้าใจวัดพระธรรมกายเลยค่ะ เมื่อก่อนดิฉันก็เคยมีความคิดเดียวกันกับทุกๆคนที่ไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แต่หลังจากที่ดิฉันได้เข้าไปศึกษาหลักธรรมคำสั่งสอนของที่วัดแล้ว ทำให้ความคิดดิฉันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ที่นี่สอนให้ทุกคนเป็นคนดี ชีวิตดิฉันกลับมาเป็นผู้เป็นคนได้ดิฉันกล้าบอกได้เต็มปากเลยว่าเพราะวัดพระธรรมกายได้สั่งสอนดิฉันให้เป็นคนดี คุณต้องลองมาพิสูจน์ด้วยตัวของคุณเองค่ะ
     
  14. ju ju

    ju ju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    100
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอโทษน่ะค่ะ ที่จะกล่าวต่อไปนี้ เพราะ เกิดจากความไม่เข้าใจจริงๆๆ
    พระพุทธเจ้าสอนสั่งให้เราอย่ายึดตึด ใน อำนาจ เงินทอง แต่ทำไม ต้องมาให้ใส่ชุดทองแล้วต้องทำพิธี เยอะแยะ อะไรขนาดนี่ล่ะค่ะ เพียงแค่เรามีจิตใจสะอาดบริสุทธิ์ แค่นาง...(จำชือไม่ได้) ถวายแค่ดอกบวบให้กับพระพุทธเจ้าแค่นั้น ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว อ่านจากพระไตรปิฎก มา ยังไม่เห็นธรรมะของพระองค์ข้อไหน เลย ที่ให้ทำแบบนี้ หรือ ว่ามีแต่เรายังอ่านไม่เจอ ช่วยบอกด้วยน่ะค่ะ เรากำลังข้องใจกับเหตุการณ์นี้จิงๆ ธรรมะของพระพุทธเจ้า ท่านสอนอะไรกันแน่ หรือ เป็นเพียงเพราะกลุ่มคน
     
  15. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    สิ่งก่อสร้างนั้น..ความโอ่อ่าหรูหรานั้น
    ผิดกับปฏิปทาหลวงปู่มั่น..ผิดกับปฏิปทาหลวงปู่มหาบัว..ผิดกับปฏิปทาหลวงปู่ขาว..ผิดกับปฏิปทาหลวงปู่ชอบ ฐานสโม ผิดกับปฏิปทาหลวงปู่แหวน ...
     
  16. CJ 7

    CJ 7 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +6
    ชุด สีทอง ( สีทอง นะครับ ) ไม่ได้ทำจากทองคำตามที่เป็นข่าวครับ และ ผู้ที่ใส่ชุดนี้ ก็ เป็นตัวแทนเพียงแค่คนเดียวเท้านั้น ชุดที่ใส่ เป็นการจำลอง ให้เห็นถึงผลบุญที่ นาวิสาขา เคยทำมานับพบนับชาติไม่ถ้วน ในพิธี ก็มีแค่การเดินถือผ้าไตร แล้วก็จบครับไม่ได้มี อะไรมากมายอย่างที่ ข่าวกล้าวอ้างเลยครับ พิธีนี้ทำเพื่อให้คนที่เห็นเกิดความปีติใจ ดูแล้วสง่างาม น่าอนุโมทนาบุญ ทำบุญไม่ได้หวังผล แต่ทำแล้วก็ได้ย่อมได้ผล แต่จะดีกว่ามั้ย ที่เราทราบถึงผลบุญที่เราได้ทำ ให้เกิดความปีติใจยิ้งขึ้นไป เพื่อให้ผลบุญทับทวี ทำแล้วจิตใจหมองเศร้า ผลบุญก็ตกหล่นนะครับ การมาวัด มาทำบุญ บังคับกันไม่ได้หรอกครับ แต่ถ้าอยากรู้ความจริง ว่าวัดมีกิจกรรมอะไร ก็เข้าไปดูที่ www.dmc.tv นะครับ หรือไปถึงวัดเลยก็ได้ครับ ถ้าไม่อยากจะอ่านจากข่าว หรือฟังจากข่าว ฟังจากคนอื่นเล่าให้ฟัง
    พุธองค์ ท่านไม่ได้บอกให้จัด แต่เกิดจากความเลื่อมใส่ในพุทธศาสหนาจึงจัดขึ้นเอง ก็ไม่น่าจะผิดนนะเครับ เพราะไม่มีกฏข้อไหนห้าม

    งานนี้ก็จัดขึ้นแค่ ปีละ 1 ครั้งเท่านั้น ไม่ได้จัดทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ซะเมื่อไหร แต่ คน อยากได้เงินจากการขายข่าว ก็ สันหาภาพมาลงและใส่ เรื่องไม่ดีให้ได้เอ่านเพราะ มนุษย์ส่วนใหญ่ ชอบอ่านข่าวแต่เรื่องไม่ดีของผู้อื่น แถม ยังเชื่อข่าวง่ายซะอีกด้วยทั้งๆที่ไม่ได้ไปเห็นกับตาตัวเองเลย ข้อมูลและที่มาของงานก็ยังไม่ทราบ รับรู้ จากหนังสือพิมพ์แต่เพียงว่า งานนนี้ไม่ดีไม่ควร ด้วยอะไรต่างๆนาๆและด้วยการ ยกถึง อ้างถึง ล้วนแล้วเกิดจากความคิดของตนเองผู้เดียวเท่านั้น โดยที่ยังไม่ได้ศึกษาให้ดีเสียก่อนเลย /* เศร้า มนุษย์หนอมนุษย์
     
  17. แดนโลกธาตุ

    แดนโลกธาตุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2006
    โพสต์:
    3,464
    กระทู้เรื่องเด่น:
    7
    ค่าพลัง:
    +23,976
    วัดไหนเป็นไปเพื่อชำระกิเลสก็ขออนุโมทนา
    วัดไหนเป็นไปเพื่อเพิ่มพูนกิเลส ก็
    ไม่ขออนุโมทนาด้วย

    วัดไหนเป็นไปเพื่อภาวนา ชำระใจตนเองก็ขออนุโมทนาด้วย
    วัดไหนเป็นไปเพื่อความสงบก็ขออนุโมทนาด้วย
    วัดไหนดึงดูดคนเพื่อหวังปัจจัยสี่อันนี้ก็ไม่ขออนุโมทนา และไม่อยากเข้าไป
     
  18. theliger

    theliger เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    735
    ค่าพลัง:
    +219
    หลวงพ่อท่านป่วยครับ หมอสั่งว่าห้ามโดนลม ห้ามโดนแสงแรง ๆ ท่านก็เลยต้องใส่ถุงเท้า เสื้อ และแว่นตัดแสงเพราะปัญหาสุขภาพครับ

    วัดใหญ่โต ไม่เถียงครับ เพราะใหญ่จริง ๆ

    ถ้ามองแค่นี้ก็ได้แค่นี้ครับ

    ถ้ามองว่าวัดใหญ่ แล้วดูแลยังไง เพราะถาวรวัตถุอยู่ไม่ได้ด้วยตัวเองต้องมีคนดูแลครับ
    แล้วใหญ่โตขนาดนี้เขาดูแลยังไงไม่ให้มีขยะซักชิ้น ขี้หมาซักกอง ในพื้นที่สองพันกว่าไร่นี้ บุคลากรของวัดก็เยอะ ทำยังไงไม่ให้มีปัญหา ทำไงให้ดูเรียบร้อยแบบนี้ ทำไงให้เป็นคนดี ไม่กล่าวว่าร้ายคนอื่น ดูแล้วต้องคิดตามครับ

    หลวงพ่อท่านตอนนี้ป่วยมาก ก่อนจะลงจากรถทุกครั้งจะต้องมีการบีบนวดก่อนเสมอ แม้เวลาเทศน์สอนก็จะมีอุปถากมาคอยนอวให้เพราะถ้าไม่้นวดหลวงพ่อท่านจะเดินไม่ได้เลย เวลาเทศน์ท่านก็มีอาการไอตลอด มีอยู่ครั้งหนึ่งท่านอาเจียนออกมาเป็นเลือดอยู่ครึ่งกะโถน
    ขาท่านเป็นสีดำสนิท น่าสงสารมาก

    ตอนนี้ก็เหลือเพียงวิหารคตเท่านั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ อย่างอื่นก็สร้างไปใช้ไป หมดจากนี้ก็คงไม่มีอะไรสร้างแล้ว เมื่อบรรลุเป้าหมายหลวงพ่อก้จะเข้าอาคารทำวิชาไม่ออกมาอีก เว้นแต่ศาสนกิจที่ต้องใช้อุโบสถ แต่ก็ไม่ข้องเกี่ยวกับสาธุชนและโลกภายนอกอีก

    กุฏิของหลวงพ่อไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกใด ๆ เลย มีแค่เตียงไม้เตี้ย ๆ ไม่สูงเกินพระวินัยอนุญาติ กับชั้นวางของเหมือนชั้นหนังสือไว้วางหนังสือสัมภาระเล็ก ๆ น้อย ๆ แล้วก็มีมุ้งกรดแขวนอยู่เหนือเตียง และอาสนะรองนั่งสมาธิ เท่านั้น

    กุฏิของท่านเล็กมาก ๆ และก็มีอยู่หลังเดียว เล็กกว่าของหลวงปู่มั่นบางหลังเสียอีก
    [​IMG]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]กุฏิหลวงปู่มั่น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]วัดป่าโนนนิเวศน์ อ.เมือง จ.อุดรธานี[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]จำพรรษา พ.ศ. ๒๔๘๓ - ๒๔๘๔[/FONT]​
    [​IMG]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]กฏิหลวงปู่มั่น[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]วัดป่าบ้านโคก ( วัดป่าวิสุทธิธรรม )[/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกล[/FONT][FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]นคร[/FONT]​

    ผมก็เคารพนับถือหลวงปู่มั่นและพระอาจารย์สายวัดป่ามาตั้งแต่เด็ก ๆ
    เหรียญของหลวงปู่มั่นผมก็คล้องคอมาโดยตลอดเกือบ 20 ปีแล้ว
    แล้วก็ยังจำคำของหลวงปู่ที่ว่า

    " ....ท่านทั้งหลายจงอย่าทำตัวเป็นตัวบุ้งตัวหนอนคอยกัดแทะกระดาษแห่งคัมภีร์ใบลานเปล่าๆ
    โดยไม่สนใจพิจารณาสัจธรรมอันประเสริฐที่มีอยู่กับตัว แต่มัวไปยึดธรรมที่ศึกษามาถ่ายเดียว
    ซึ่งเป็นสมบัติของพระะพุทธเจ้า มาเป็นสมบัติของตน ด้วยความเข้าใจผิด
    ว่าตนเรียนรู้และฉลาดพอตัวแล้ว ทั้งที่กิเลสยังกองเต็มหัวใจยิ่งกว่าภูเขาไฟ มิได้ลดน้อยลงบ้างเลย จงพากันมีสติคอยระวังตัว อย่าให้เป็นคนประเภทใบลานเปล่าๆ เรียนเปล่าและตายทิ้งเปล่า
    ไม่มีธรรมอันเป็นสมบัติของตัวอย่างแท้จริงติดตัวบ้างเลย"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2008
  19. coolz

    coolz เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    1,594
    ค่าพลัง:
    +1,337
    นานาจิตตัง จะคิดหรือจะเชื่อในสิ่งใดขอให้เข้าใจสิ่งนั้นๆเสียก่อน
     
  20. siratsapon

    siratsapon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +641
    การบริจาคทาน เป็นสิ่งดี แต่จะทำแล้วได้อานิสงค์ดีจริงหรือไม่? หากใช่ดูที่มูลค่าหรือปริมาณสิ่งของอันนำมาบริจาค แต่สามารถดูได้จากปัจจัยประการหนึ่ง นั่นคือ "ตัวกิเลส" โดยหากทำทานแล้ว เรายิ่งมีกิเลส มีความโลภมากขึ้นเท่าใด เราก็จะได้อานิสงค์น้อย ผลบุญน้อยลงเท่านั้น แต่ตรงกันข้ามหากเราทำทานแล้วมีกิเลส มีความโลภลดลงเท่าใดเราจะได้อานิสงค์มากเท่านั้น

    แม้แต่ความดีอย่างอื่น ก็ขอให้ใช้หลักนี้พิจารณาดูเถิด แล้วจะรู้ว่าเหตุใด ทาน ศีล สมาธิ วิปัสสนา จึงมีอานิสงค์ผลแห่งบุญต่างกัน

    ขอให้เจริญในธรรม
     

แชร์หน้านี้

Loading...