แสงคล้ายๆสปอตไลท์จากกลางหน้าผาก คือ เอฟเฟคของตาที่สามหรือเปล่า เขาเรียกว่าอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย นทีบุญ, 9 กรกฎาคม 2017.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    เรามาสนทนา เรื่อง อดีต ปัจจุบัน อนาคต กันบ้างไหม:)

    อยู่กับปัจจุบันอยู่ยังไงครับ
     
  2. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ให้ดูอีกมุมหนึ่ง

    ขอสอบถามอาการของสมาธิค่ะ

    รบกวนผู้รู้ชี้แนะด้วย

    1. มีความรู้สึกมีอีกร่างอยู่ในตัวเรา แต่เราจะควบคุมอีกร่างไม่ได้ อีกร่างเหมือนกับจะพยายามออกมาจากร่างเรา รู้สึกว่าเค้าจะยืดออกทางหน้าซ้ายบ้าง สักพักก็มาทางขวา แต่ไม่เคยออกได้ ปกติเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นจะพยายามไม่สนใจค่ะ ถูกต้องรึเปล่าค่ะ หรือควรจะทำอย่างไรกรุณาชี้แนะด้วยค่ะ

    2. นั่งไปสักพัก จะไม่รู้สึกตัวเหมือนเราหายไป แต่รู้ว่าไม่ได้หลับ สักพักก็กลับมาเหมือนเดิม เหมือนหายไปแปล๊บเดียว แต่ค่อนข้างจะนานค่ะ ควรจะทำอย่างไรหรือปล่อยไปแบบนี้ค่ะรบกวนชี้แนะ ด้วย

    ทั้งสองเหตุการณ์ จะไม่เกิดพร้อมกัน ถ้าวันนี้เกิดเหตุการณ์ที่ 1 วันต่อมาก็จะเกิด เหตุการณ์ที่ 2 สลับกันค่ะ หรือบางวันก็ไม่เกิดอาการทั้ง 2 เลยค่ะ

    3. เคยนอนหลับตอนกลางวันที่บ้าน แล้วมีความรู้สึกว่าไม่ง่วงไม่นอนละ แล้วก็ลุกขึ้นมาทำอะไรตามปกติ เช่น กวาด บ้าน เดินอยู่ในบ้าน สักพักสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์แล้วก็งงว่า เมื่อกี้เราไม่ได้หลับนี่ ยังทำอะไรตามปกติอยู่เลย แล้วทำไมมาสะดุ้งตื่นนอนบนที่นอนอย่างนี้

    รบกวนผู้รู้ช่วยชี้แนะแนวทางที่ควรจะปฏิบัติต่อไปด้วย
    ปกตินั่งสมาธิแบบอานาปานสติอย่างเดียวเลยค่ะ
    ก่อนนอนก็จะนอนภาวนาตลอดเลยค่ะ
     
  3. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    555 ชอบตรง มจด. อักษรย่อ
    คือสำหรับบางคนมันต้องมีอะไรพีคๆสุดๆอ่ะคะ มันถึงจะแจ้งจางปาง เช่น นักรบสองคนไปทำสงคราม ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัสเท่าๆกัน คนหนึ่งรอดตายได้ เลยมาคิดวางแผนใหม่ว่าจะทำอย่างไรให้การรบชนะ เพราะเมื่อเขารบมาแล้ว เกือบตายมาแล้ว เขาย่อมรู้ทางหนีทีไล่ รู้จุดอ่อนจุดแข็งของทั้งตัวเขาเองและอีกฝ่าย ส่วนเพื่อนนักรบอีกคนที่สาหัสเท่าๆกัน คือ ไม่รอด ตายสถานเดียว มันจึงไม่มีโอกาสกลับมาวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้รบชนะ 5555 คือสิ่งที่พีคสุดๆอาจทำให้อีกคนรอด ส่วนอีกคนอาจไม่รอดก็ได้555 วัดใจๆ

    มาถึงนักรบอีกคน มีทางหนีทีไล่ที่ดี มีความระมัดระวังตัวมากกว่าสองคนข้างต้น หลบไหนได้เป็นหลบ หลีกได้เป็นหลีก ตามสเตปการฝึกฝนมาทุกๆอย่าง อาจบาดเจ็บบ้างนิดๆหน่อยพอเป็นกระไส ได้รับชัยชนะแบบไม่ยากเย็นนัก

    คิดๆไปมันก็คงอยู่ที่จริต วิทยายุทธ ความใจ และสไตล์ 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2017
  4. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ก็เป็นไปตามนั้น ถ้าไม่เป็นบ้าเสียสติไปเสียก่อนกลางสนามรบ ท่ามกลางดงระเบิดและควันปืน คิกๆๆ
    นั่นแหละครับ ถึงบอกว่า ต้องมีครูฝึกที่รู้เข้าใจการรบ
     
  5. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019

    ---->แสดงเป็นขี้เหล็กไหลจริง ตรงต้นแขนเราจะรู้สึกชัด

    อีกที่ก็ตรงหน่องถ้าเวลาปกตินะ เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง

    และก็เป็นระดับของชิ้นนั้น

    จริงๆนั่นหละ ถ้าอย่างเราเจอชายแก่นุ่งขาวออกจีนอย่างนั้น

    ถือว่าปกตินะไม่แปลกถ้าเคยคลุกคลีกับพวกนี้จะเข้าใจ

    แต่ต้องเข้าใจไว้ก่อนนะว่า กลุ่มจิตวิญญาน

    ที่อยู่ในวัตถุประเภทนี้ มีหลายกลุ่มมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น

    ขึ้นอยู่กับผู้ที่ครอบครองเป็นหลัก และก็มีการเปลี่ยนแปลง

    ได้เรื่อยๆ มีกลุ่มใหม่เข้าได้เรื่อยๆ บางกลุ่มก็เป็นที่สามารถ

    สอนเทคนิคการใช้งานกรรมฐานเราได้ด้วย(ย้ำว่าสอน

    เทคนิคการใช้งานนะไม่ใช่สอนสมาธิ)

    ปกติกลุ่มที่อยู่ เค้าจะไม่เรียกตัวเองว่าเหล็กไหลนะ

    จะเรียกว่า ภูตอากาศ. หรืออะไรนี่หละ

    และก็มาทางอากาศได้ และมีกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงมาก็มี

    คือ ตามชื่อและตัวเราเลย จะเป็นอีกแบบแต่จีนเหมือนกัน

    ส่วนกลุ่มที่ใช้พิธีกระทำมาจะเป็นอีกแบบ แรงแบบไม่น่าคบ

    ถ้าตัวเราพัฒนาขึ้นไปอีก จะเจอในแบบที่

    เห็นตัวเราอีกร่างนอนอยู่และเราออกไปแบบเห็นๆ

    เจอกันแบบเห็นๆ แต่นั้นหมายถึงว่าเราต้องมีพื้นฐาน

    กรรมฐานบางกองและนิสัยทางโลกนามธรรมเราต้องผ่านก่อน

    ถ้าประเภทยังใช้โน้นใช้นี่เพื่อป้องกันตัว ในส่วนภาคนามธรรม

    เค้าจะถือว่าเรายังสอบตกซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะสอบตกนะ



    ใช่ ทางปฏิบัติเรียกว่าสอบตกร้อยเปอร์เซนต์เต็มด้านจิตใต้สำนึก

    คนที่จะสามารถงานกรรมฐานได้จริง ที่ไม่ใช่มโนหรือหลับตาเอา

    หรือฝันเอา แบบคนอื่นรับรู้และสัมผัสได้ต้องผ่านตรงนี้ให้ได้ก่อนทุกคน

    หรือที่เรียกว่า ผลิกออกจากภายใน มาภายนอกได้

    และกว่าจะผ่านได้ต้องหลายสิบครั้งด้วย แม้ห่มเหลืองมีชื่อในอดีต

    หรือที่ยังอยู่ล้วนแล้วแต่เคยสอบตกมาแล้ว

    ถ้าเราไม่ผ่าน ก็จะเหมือนพวกญานทิพย์ทั้งหลาย ทั้งปวง

    รู้เองเห็นเอง แต่พิสูจน์และแสดงให้คนอื่นๆรับรู้เหมือนตนเองไม่ได้

    และนำกรรมฐานไปใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นๆเป็นรูปธรรมไม่ได้

    เอาไปเอามากลายมาเป็นหมดดูจบเลยชีวิตนี้

    หนักๆกลายเป็นผู้วิเศษซะงั้นยิ่งออกนอกโลกไปเลย


    พวกนี้เป็นเรื่องเบสิกพื้นฐานที่เกิดขึ้นได้ปกติระหว่างทาง

    แม้ไม่อยู่ในช่วงฝึกสมาธิก็เกิดขึ้นได้ปกติครับ

    เป็นเรื่องที่ไม่ควรให้ความสำคัญอะไรเลย

    เพราะลักษณะจิตแบบนี้มีเรื่องที่ยากจะต้องทำให้ได้ก่อน

    คือการผลิกจากภายในออกมาภายนอกให้ได้ก่อนจร้า

    เอาไว้แค่พอฮาๆขำๆพอ

    ถ้าใช้งานจะใช้ในเรื่องที่เป็นประโยชน์ทางธรรมเท่านั้น

    ทริคคือ

    '' ถ้ามันจะรู้อะไรก็ปล่อยมันรู้ไป ไม่ต้องไปอะไรกับมัน

    ถ้ามันรู้เรื่องคนอื่นๆก็ช่างมันไม่ต้องไปสนใจ

    แต่ถ้ารู้เรื่องตัวเองควร แต่ไม่ต้องไปยึดมัน

    และถ้ามันไม่รู้อะไรก็ช่างมัน

    และในเวลปกติต้องวาง

    ในอนาคตมันถึงจะเป็นอัตโนมัติของมันเองได้

    จะได้ไม่เป็นวิบากจิตที่จะส่งผลให้เกิดเวทนาทางกายได้ ''





    พอเข้าใจได้ ถ้าถามอีก อาจจะโดนจัดหลายชุดแน่ ๕๕๕

    จริงๆถ้าเป้นผู้ชายถามซ้ำๆแบบนี้

    ถ้าอยู่ใกล้ๆอาจจะโดนบ้องหูเอาง่ายๆนะ ๕๕

    หรือไม่ก็กระทืบแก้เซ๊งไปพลางๆ ๕๕

    ดีมาก หัดไปฝึกเพื่อรู้ให้ได้ด้วยตัวเองดีสุด

    และไปฝึกเมตตาจากภายในให้ออกไปภายนอกด้วย

    คือต้องไม่มีการแบ่งฝัก แบ่งฝ่าย เลือกข้างจริงๆ เสียสละจริงๆ

    เรื่องพลังงานและการรับรู้ปล่อยให้มันเป็นไปของมันเอง

    จำไว้เรื่องนามธรรมอะไรก็ตาม ถ้าไม่รู้ได้ ณ เวลานั้น

    ให้ลืมไปเลยไม่ต้องสนใจ ให้คิดว่ามันไม่เคยเกิดบนระบบสุรยะจักรวาลนี้

    ไม่งั้นมันจะช้า ไม่ใช่ผ่านมาเป็นปีสองปีแล้วยังไม่รู้เรื่องยังสงสัยแบบนี้

    มันเลยแทนที่จะทำให้ก้าวหน้า แต่ต้องมาติดอยู่กับ

    เรื่องนามธรรมแบบต๊องๆที่ควรจะเข้าใจได้เองนามแล้วแบบนี้


    และถ้าสอบผ่านในฝันได้ ตัวจิตถึงจะพอมีความสามารถทำอะไร

    ได้เป็นชิ้นเป็นอัน ระวังบางครั้งในฝันครั้งเดียว ถ้าด่านแรกเราผ่าน

    มันก็มีอีกด่านมาเรื่อยๆ เรียกว่าอาจจะถึง ๔ การทดสอบเรื่อง

    การกลัวความตาย(คือถ้ายังป้องกันตัว วิ่งหนี ใช้โน้นนี่นั้นคือ

    เรากลัวตาย นึกนะ ไม่มีใครตายหรอกในฝัน)ถ้าพอผ่านได้

    เด่วจะมีความสามารถทำอะไร พอเป็นรูปธรรมได้เอง

    แบบที่ไม่ใช่รู้เองเห็นเอง แล้วเอามาเล่าแบบที่คนอื่นๆ

    ไม่รู้ไม่เห็นเหมือนเรา ซึ่งจะกลายเป็นนิทานเท่านั้น...

    จำเอาไว้ว่า กว่าจะผ่าน หลายสิบครั้งนะ เรื่องธรรมดา

    เด่วก่อนจะผ่าน มันจะมีการทดสอบเรื่อง กึ๊น ในการ

    ใช้กรรมฐามเพื่อให้ผ่านด่านบางด่าน

    ถ้าเราผ่านได้ กรรมฐานกองนั้นจะผลิกจากนามธรรม

    ให้เราสามารถนำมาใช้งานเป็นรูปธรรมได้เอง

    ในเวลาปกติ

    ปล. สำหรับคุณน้อง เอาประมาณนี้พอแล้วหละช่วงนี้

    แค่นี้ก็มึนตึบแล้ว โน้นปฎิบัติให้ผ่านแต่ละสภาวะไปก่อน

    แล้วกลับมาย้อนอ่านมันถึงจะเข้าใจได้
     
  6. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    อาฮะ ตามนั้น ไม่มึนหรอกน่า 555 จริงๆแล้วตอนนี้ปัญหามีอยู่ที่เดียว คือการใช้ให้เกิดรูปธรรมและเกิดประโยชน์อย่างที่จับต้องได้ คือหาได้ยากมากนะปัจจุบัน อย่างที่ท่านได้กล่าวมา บทสรุป แล้วก็มันจะอยู่การจัดระบบของเราเองด้วย ว่าที่ผ่านมาคือยังมั่วๆอยู่และที่สำคัญคือใช้ไม่เป็น มันสื่อออกทางฝันเลยนะว่า "ฝันว่ามีรถคันหนึ่ง แต่ขับไม่เป็น"5555 พีคกับความฝัน ประหนึ่งว่า "มึงมีของนะ แต่มึงใช้ไม่เป็นว่ะ" ด๋อยๆขนาด

    เรื่องจิตใต้สำนึกในฝันเหมือนมันยังแข่งกันอยู่ระหว่างเมตตากับความโหดร้าย55 ตอนแรกเหมือนโหด สักพักจิตหนึ่งก็เหมือนจะข่มว่า อย่าๆให้ใช้เมตตา ความโหดก็จะเบาลงหน่อย และที่มัน555 อีกอย่างคือ ในฝันจะแบบทะลึ่ง คือไม่ใช่ก้าวร้าวนะ เช่นเห็นคนแก่ๆนุ่งขาวอยู่บนหิ้งก็ไปแซวว่า ปู่ๆลงมาได้ละ นั่งอยู่บนหิ้งอยู่ได้ พอท่านลงมาก็เอาไม้เท้าชี้หน้าเลย555 คือมันจะเป็นแบบนี้อ่ะคะ แต่ไม่เป็นกับพระกับเจ้า ถ้าฝันถึงพระจะนอบน้อมพอควร โดยเฉพาะหลวงปู่ทวดคือกลัวมาก

    เดี๋ยวนะเรื่องการทดสอบความตาย ไม่รู้ใช่ป่าว มีครั้งหนึ่งนอนกลางวันรู้สึกจิตกำลังจะออกจากร่าง ลุกขึ้นอย่างไว แต่ก็มีมือใครไม่รู้ใหญ่ๆผลักให้นอนลง ระหว่างนั้นแหละ รู้สึกเหมือนวาบไปกลางอากาศ แล้วร่างมันแตกสลายทันที ความคิดเร็วมากว่า เราคงจะต้องตายแล้วจริงๆ ต้องรีบนึกถึงพระพุทธเจ้า ก็นึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วคิดว่า เดี๋ยวไม่นานก็คงมีคนมาพบศพเรา มันวาบไปเลย และไม่คิดว่าจะตื่นขึ้นมาอีก แต่ปรากฎว่าเสี้ยวนาที มันลืมตาพรึบเลย555 อ่อยังไม่ตาย

    และมีอยู่ครั้งหนึ่ง ฝันว่าอยู่ในที่ๆหนึ่งเหมือนในบ้าน และมีผู้ชายใส่ขุดขาวไม่เห็นใบหน้ามารับ ตอนแรกเขาทำให้เห็นว่ามีก้อนหินก้อนหนึ่งแล้วหมุนๆจนกลายเป็นเพชร แล้วเขาถามว่า พร้อมจะไปหรือยัง? ในฝันคิดอย่างเดียวคือ คงจะต้องตายแล้ว เพราะเขามารับแล้ว ก็เลยเอาวะ พร้อมแล้ว.. เขาก็จูงมือไป แต่สักพัก ทะลุบ้านไปเป็นกลางอากาศ ชายคนนี้ก็ผลักหน้าอกเรา ร่างดิ่งลงไป ตอนร่างดิ่งคิดว่า ลงที่ต่ำแบบนี้ลงนรกแน่ๆกู 555 แต่เปล่า มันกลับกลายเป็นร่างเรามาตกลงบนที่นอนแล้วหมุนๆติ้วๆอยู่บนที่นอนแรกเกิดของเรา ... ตื่นมาคิดว่า เอ่อหรือนี่คือปรากฎการณ์ที่กูเกิดเหรอวะ... มันส์ในอารมณ์ พอละๆ

    ปิดคอร์ส


    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำมันส์ๆ :D:D:D เดี๋ยวไปหัดขับรถก่อน 555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2017
  7. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ใช่ค่ะ ถึงจุดๆหนึ่งก็ต้องมีครูบาอาจารย์ ทุกคนมีครู ไม่ใช่เฉพาะการปฏิบัติ อาชีพการงานต่างๆล้วนแต่มีครู ตามประวัติครูบาจารย์ในทุกๆสาย ล้วนแต่มีครูทั้งนั้น บางท่านถึงกับแสวงหาครูบาอาจารย์ เพื่อเรียนรู้วิชาต่างๆ เราก็มีครูหลายท่านแล้วเช่นกัน หลายครู 555 แม้แต่กิเลสก็เป็นครูได้ :D
    อาจารย์ที่รู้จักก็บอกว่า ถ้าถึงจุดหนึ่งแล้ว ไม่มีครู มันจะ "ตัน" "ไปบ่ถึก" "ไม่ก้าวหน้าในการปฏิบัติ"
    คุยกับคุณ มจด.แล้วรู้สึกเหมือนคุยกับสุภาพบุรุษจุฑาเทพ มีความละมุนๆ555
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2017
  8. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เหอะ เหอะ นี่ขนาดยังใช้อะไรไม่ได้ในนิมิตนะเนี่ย
    อาการยังขนาดนี้ ไปลองหัดขับรถดู
    ถ้าวันหนึ่งเกิดฟลุ๊กทำอะไรได้
    เด่วจะรูว่าตัวเองจริงๆอยู่ประมานไหนเอง
    โชคดีแล้วกัน
    ปล.การพิจารณา บุคคล
    ควรสืบพฤติกรรมย้อนหลังด้วย
    ระวังเจอพวกหน้าไหว้หลังหลอก
    จอมปลิ้นป้อนนะ :D:p bye
     
  9. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    มจด. ก็เช่นกัน ได้สนทนากับผู้ซึ่งเคยทำเคยปฏิบัติจริงๆมาบ้าง เหมือนเข้าใจภายในกันและกัน แต่ยังไม่ให้ถึงขั้นเทพธิดาจากแมนสรวงนะขอรับ อิอิ เดี๋ยวคน # 49 จะค้อนเอา นั่นเขาตั้งชื่อให้ว่า กระบือดิน คิกๆๆ
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,916
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,494
    ก็มีคนรู้จักอายุมากแล้ว ปฏิบัติแล้วก็ออกแนวเหมือนว่าพูดภาษาเทพอะไรงี้ พอเดินจงกรมเขาจะเป็นเลย

    ถ้ายังข้ามสภาวะนั้นไม่ได้ ก็จะติดตันอยู่ตรงนั้น แม้เราถอยออกมาแล้วทำใหม่ปฏิบัติอีก สมาธิจิตถึงระดับนั้นอีก ก็ติดตรงนั้นอีก ตย.

    ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

    วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

    เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

    จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

    จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

    คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

    ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

    คำถามครับ

    1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

    2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

    ........

    ถ้าข้ามพ้นไปได้ โยคีรู้เข้าใจต้นสายปลายเหตุเป็นวิปัสสนา ถ้าข้ามได้แต่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ก็เป็นสมถะ
     
  11. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ขอบคุณทุกความเห็น และคำแนะนำ จากคุณนพฯ คุณ มจด.และคุณ... ตลอดจนคนที่ผ่านไปมาด้วยค่ะ
    อ่อมีกระบือดินด้วยง่ะ
    อ่ะคะ ก็คุยๆกันไปค่ะ 555 ไม่รู้จะพูดอะไร
     
  12. นทีบุญ

    นทีบุญ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    939
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +795
    ---- ปิดคอร์ส--- ไม่ค่อยได้เข้ามาอ่าน ทำงานๆๆ ขอปิดไว้ก่อนเด้อ ขอบใจหลายๆ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...