แสงสีต่างๆ ขณะนั่งสมาธิ บ่งบอกอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย odanhi, 7 กรกฎาคม 2012.

  1. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398
    สำหรับผู้ปฏิบัติธรรมที่เห็นแสงสีต่างๆ ปรากฏขึ้นในจอภาพหลังม่านตาที่ปิดสนิทอยู่ภายในสมาธินั้น พึงรู้ว่ากำลังก้าวหน้าขึ้นสู่สมาธิขั้นสูง (อัปปนาสมาธิ) แล้ว และรู้จัก สัญลักษณ์ที่แสดงออกมาทางอุคคหนิมิตและปฏินิมิตดังนี้คือ

    1. แสงสว่างที่เริ่มปรากฏขึ้นรางๆ เหมือนท้องฟ้าใกล้รุ่ง (สังเกตให้ดีโดยเปรียบเทียบกับความมืดที่มองเห็นเมื่อหลับตาลงโดยไม่มีสมาธิ) แล้วพัฒนาสมาธิไปจนเห็นความสว่างมากขึ้นทุกทีๆ จนเจิดจ้าเต็มม่านตาแม้จะอยู่ในความมืดยามค่ำคืน ซึ่งนั่นก็คือการที่ผู้ปฏิบัติธรรมเริ่มพัฒนา ทิพพจักขุ อันเป็นหนึ่งในวิชา 3 ที่มีฌายีขึ้นในตนได้แล้ว ดังที่ตรัสเล่าว่า ทรงได้วิชชาและแสงสว่าง

    2. เห็นสีน้ำเงินเต็มม่านตาหรือเป็นรูปร่างต่างๆ แสดงว่าอมตธาตุในพระพุทธศาสนา (รูปธาตุ อรูปธาตุ นิโรธาตุ) พร้อมที่จะเข้าสู่จิตธาตุของผู้ปฏิบัติธรรมแล้ว

    3. เห็นสีน้ำเงินดวงใหญ่ นั่นคือการปรากฏขึ้นของพระจิตแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือแม้แต่อดีตพระพุทธเจ้านับไม่ถ้วนพระองค์ (อมิตตพุทธ)

    4. เห็นจุดสีน้ำเงินเป็นจำนวนมาก คือสัญลักษณ์แห่งจิตพระอรหันต์ทั้งปวง ซึ่งบางครั้งก็รายล้อมพระจิตแห่งพระพุทธเจ้ามาโปรดผู้ปฏิบัติธรรมให้เห็นทางสมาธิ

    5. เห็นสีน้ำเงินมีเพชรอยู่ตรงกลาง หรือเป็นดวงเพชรสุกสกาวคือพระจิตแห่งองค์พระศิวะปฐมเทพ มาสำแดงให้เห็นพระมหากรุณาแห่งพระองค์

    6. เห็นสีแดงสด คือพระจิตแห่งพระอุมาเทวี

    7. เห็นสีอิฐหรือสีศิลาแดง คือพระจิตแห่งพระนารายณ์

    8. เห็นสีชมพู คือพระจิตแห่งพระลักษมีเทวี เทพเจ้าแห่งสายน้ำหรือจิตแห่งพระพิฆเนศวร

    9. เห็นสีทอง คือพระจิตแห่งท้าวมหาพรหม หรือพระจิตแห่งพระสุริยเทพ หรือพระจิตแห่งพระโมคคัลลาน์ (ผู้มีปฐมจุติจากพระสุริยะ) หากเห็นเป็นจุดสีทองเป็นอันมาก แสดงให้เห็นการลงมาโปรดของเทพยดาทั้งปวงอันเป็นมงคลอย่างยิ่งแก่ผู้ปฏิบัติธรรม

    10. เห็นสีม่วงแดง คือพระจิตแห่งพระโพธิสัตว์กวนอิม

    11. เห็นสีม่วงอมฟ้า คือพระจิตแห่งพระศรีอาริยเมตไตรยพุทธเจ้า

    12. เห็นสีฟ้าขาว คือพระจิตแห่งสมเด็จพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เทพเจ้าผู้คุ้มครองพระราชอาณาจักรสยาม

    13. เห็นสีเงินยวง คือพระจิตแห่งพระสารีบุตรมหาเถระ (ผู้มีปฐมจุติจากพระจันทรา)

    14. เห็นสีเทาดำ คือเห็นพระจิตแห่งพระแม่ธรณี (พระปฐมวี)

    15. เห็นจุดหรือเมฆดำๆ คือจิตสัมภเวสีผู้มาขอรับการแผ่เมตตาหรือจิตเจ้ากรรมนายเวร

    16. เห็นดวงสีเหลือง คือจิตของตนเอง (ฌาณขั้นต้นดวงจะค่อนข้างใหญ่ แต่ไม่ค่อยชัดเจน ต่อเมื่อพัฒนาสมาธิสูงขึ้น ดวงฌาณจะยิ่งเล็งลงทุกที แต่มีแสงสุกสกาวมากขึ้น )

    17. เห็นดวงสีเหลืองมีขอบสีำน้ำเงินหรือสีอื่นๆ อันเป็นมงคลล้อมรอบ แสดงว่าจิตผู้ปฏิบัติธรรมได้รับพระพุทธคุณและ/หรือพระเมตตาแห่งเทพยาดา พระโพธิสัตว์ พระมหาเถระเข้ามาคุ้มครองแล้ว คือได้ สมาธิวิปผารา แล้ว ย่อมแคล้วคลาดจากภยันตรายทั้งปวง (ได้สมสสี 4 ) คือได้ชีวิตสมสสี โรคสมสสี เวทนาสมสสี และอิริยาบถสมสสี และปราศจากการครอบงำแทรกแซงจากจิตอื่นๆ ที่มิใช่ อาจารย์หรือพุทธอรหันต์ เทพยดา และเทวดาผู้สูงส่งทั้งหลาย

    18. เห็นดวงสีเขียว แสดงว่าจิตของผู้ปฏิบัติธรรมอันมีสีเหลือได้รับการผสมจาก อมตธาตุอันมีสีน้ำเงินจนกลายเป็นสีเขียว อย่างไรก็ตามในการสำรวมสภาวะจิตของตนเองว่าได้ชำระ อาสวะ ออกไปในแต่ละครั้งที่เข้าสมาธินั้นย่อมเห็นจิตเดิมสีเหลืองของตนเอง ปราศจากสิ่งปนเปื้อนสีดำนี้ เรียกว่า ปัคคาหนิมิต (แปลว่าดีขึ้น)

    19 ไม่เห็นดวงฌาณของตนแล้ว (อนิมิตฌาณ) แสดงว่าพัฒนาสมาธิสูงไปสู่จุดสูงสุดตามหลักสูตรแห่ง โพธิปักขิยธรรม แล้วดวงจิตของผู้ปฏิบัติธรรมนั้นก็จะใสบริสุทธิ์ (วิโมกข์ 3 ) จนมองทะลุผ่านไปได้ไกลโดยไม่มีขีดจำกัดด้วยความเร็วยิ่ง (อัปปนิหิตฌาณ)

    และภายในกระบวนการความคิดนี้ย่อมมีแต่ความว่างเปล่า (สุญญตฌาณ) พ้นจากความคิดทั้งปวง (นิพพน แปลว่า พ้นป่าออกสู่ที่โล่งแจ้ง ซึ่งเรียกตามภาษาสันสฤตว่า นฤวนา ซึ่งแปลว่าพ้นจากความคิด เช่นกัน) สภาวะเช่นนี้อาจจะเรียกว่า เข้านิโรธ หรือได้สัญญาเวทยิตนิโรธแ้ว ซึ่งในครั้งแรกจะหน่วงเข้าสู่สภาวะเช่นนั้น 3 ครั้ง แต่ต่อไปก็สามารถฝึกฝนจนเข้าสุญญตะได้ตามปรารถนาทุกครั้ง

    การเข้าสมาธิลึกจนถึง สุญญตฌาณ ก็คือการได้ประสบการณณืในการดับทุกข์ทั้งมวลของตน(ในสมาธิ) นั่นเอง เมื่อดวงฌาณอันเคยปรากฎอยู่ในขั้นรูปฌาณ 4 และอรูปฌาณ 4 นั้นดับไป มองเห็นแต่สีน้ำเงินหม่นครึ่งมืดครึ่งสว่างเย็นตาเย็นในจิตใจ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงทรงให้นิยามสภาวะแห่งนิพพานนี้ว่า ดับเย็น





    **** สำหรับผู้มีปัญหาเกี่ยวกับนัยน์ตา ประสาทตา อันมีความสัมพันธ์กับส่วนสมองที่อาจเรียกวา่ตาในไม่สมบูรณ์ ทำให้มองเห็นไม่ชัดเจน หรือมองดวงฌาณซ้อนเหลื่อมกันเป็นสองดวง จะต้องแก้ไขด้วยการเพ่งกสิณเป็นอันมาก พร้อมๆ กับบริหารลูกตาด้วยการบีบม่านตาทั้งสองข้าง หรือข้างใดเป็นข้างหนึ่งเป็นระยะๆ จนหายจากอาการตาในเอียง

    เมื่อฝึกฝนมากขึ้นปฏิภาคนิมิตจะเห็นนานขึ้นทุกที จนตั้งอยู่ได้ตลอดเวลาที่หลับตาอยู่ในสมาธิ หรือแม่กระทั่งลืมตาอยู่ก็สามารถเพ่งมองเห็นจิตตนเองลอยอยู่ตรงหน้าได้ตลอดเวลา (เฉพาะบางคน) แสดงว่าเข้าสมาธิได้ดี
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  2. porntips

    porntips เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มกราคม 2012
    โพสต์:
    955
    ค่าพลัง:
    +2,410
    ขอบคุณครับ แต่ผมอยากทราบว่าเมื่อเราเห็นแสงสีและรู้ความหมายแล้ว ควรทำอย่างไรต่อครับ เช่นเห็นแสงสีแดง หมายถึงดวงจิตพระแม่อุมาน่ะครับ
     
  3. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    เอ้ามาไงหละนี่

    ถ้าไม่ว่ากระไร ผมขอปรับ เล่นละกันนะ

    6. เห็นสีแดงสด คือ พระพุทธจริตโตเตวิชชะ

    7. เห็นสีอิฐหรือสีศิลาแดง คือ พระกายสักขี สุตสะ ฉฬภิญโญญะ

    8. เห็นสีชมพู คือ พระจิตแห่งทิฏฐิปุตโต จะโก ปฏิสัมภิทายี
     
  4. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398
    ^-^ ไม่ว่ากระไรคะ เพราะคัดลอกมาจากหนังสือที่ซื้อมาอ่านเหมือนกัน เพื่อมาให้กำลังใจผู้ฝึกสมาธิเหมือนๆ กัน จะได้มีกำลังใจ
     
  5. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    ช่วยแจ้งชื่อหนังสือหน่อยครับ....
     
  6. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398



    ทุกครั้งที่เข้าสู่สมาธิ ฌายีจะเฝ้าเพ่งดวงจิตที่ยังมีอาสวะให้อานุภาพแห่ง อาสวักขยญาณ ชำระล้างขัดฟอกดวงจิตของตตนให้ค่อยๆ สดใสบริสุทธิ์ขึ้นทุกครั้ง จนมองเห็นภาวะเช่นนั้นได้ด้วย เมื่อสิ่งสกปรกที่ฝังค่อยๆหลุดออกจากจิตเรื่อยๆ ด้วยความเพียรพยายาม ดวงฌาณจะค่อยๆ เล็กลงทุกทีและสุกสกาวดุจดาวฤกษ์ จนกระทั้งพัฒนาฌาณและสมาบัติสมบูรณ์ตามหลักสูตร คือ รูปฌาณ 4 อรูปฌาณ 4 และสัญญาเวทยิตนิโรธ ดวงฌาณหรือดวงจิตจะใสประดุจเพชร ใสจนมองไม่เห็น จึงเรียกว่า อนิมฌาณ อันหมายถึง จิตที่เคลื่อนไปได้ไกลมากทุกทิศทาง และจิตที่บริสุทธิ์ไร้สิ่งปนเปื้อนทั้งมวลจนใส


    ผู้ปฏิบัติธรรมที่ก้าวหน้าขึ้นสู่ อรูปฌาณ จะเห็นอุคหนิมิตน้อยลงทุกที แต่จะได้รับรู้ทางมโนทวาร สัมผัสสชาสัญญา


    ผู้ปฏิบัตธรรมไม่จำเป็นจะต้องเห็นนิมิตเหล่านั้นทั้งหมด หรือเห็นเหมือนคนอื่น จึงไม่ควรหมกมุ่นหรือใฝ่ในที่จะเห็นจนเกินไป เพราะจะทำให้ไม่ก้าวหน้า...พึงระวังหย่าพยายามให้เห็นนิมิตตามตำีรา เพราะจะยิิ่่งไม่เห็น เนื่องจากความกังวลที่จะเห็นจะกลายเป็นตัวทำลายสมาธิขั้นสูงไม่ให้เกิดขึ้น อุคคหนิมิต นั้นจะเกิดขึ้นเอง
     
  7. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398
    ชื่อหนังสือ คือนิพพานอยู่ไม่ไกล หากใจถึงซึ่งโพธิปักขยธรรม

    ทั้งนี้คือ คัดลอกมาจากหนังสือ ผิดถูกอย่างไร น้อมรับคะ ^-^
     
  8. Pra_THoNG

    Pra_THoNG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +739
    หนังสือไหนอ่ะ เคย ฟัง ดร.สนอง ท่านบอกว่า อย่าไปสนใจ
    เอามาสนใจได้แค่แก้ง่วง ให้เราเท่านั้นเอง ให้กลับมารู้ลมหายใจ มีสติ ไม่ใช่รึ

    ผมว่าฟังประสบการณ์จากผู้ปฎิบัติ จริงๆ ดีกว่านะครับ
     
  9. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    อ๋อ หนังสือของ "สัญชัย บุณฑริกสวัสดิ์, พล.ต."

    แนว "มีอาจารย์คอยชี้ คอยสอน คอยสั่ง คอยบัญชา จากเบื้องบน"

    ก็เข้ากันกับแนว คุงภาณุเดช อย่างกับ "แพะ" ......รับเอาไปเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  10. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398

    ชอบฟัง ดร. สนองท่านบรรยายเหมือนกันคะ ทุกวันนี้ก็หมั่นมีสติ กำหนดรู้หายใจเข้าออกทุกวัน ทั้งนี้ชอบอ่านหนังสือและชอบฟังจากพระ จากท่านผู้บรรยายธรรม รู้บ้างไม่รู้บ้างแต่ก็ทำให้เรามีสติไม่หลง ก็ขอบคุณที่ชี้แนะคะ
     
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,053
    ค่าพลัง:
    +3,465
    "มีสติไม่หลง" ก็ดีเนาะ

    แต่ ทราบไหมว่า จะต้อง "ไม่หลงลืมสติ" ด้วย

    คือ จะต้องตามเห็นด้วยว่า ขณะที่ไม่หลง หรือ ขณะที่เกิดสติ เนี่ยะ

    ต้อง ไม่หลงลืมสติด้วย คือ..............

    ต้อง ตามเห็นว่า สติดับไปแล้วด้วย เนืองๆ เพื่อให้เราไม่หลงลืม
    สติว่ามันดับไปแล้ว

    ถ้าลืมพิจารณาว่า สติมันเกิดแล้วก็ดับไปแล้ว เราจะเอาความรู้สึก
    ขันธ์5เป็นเรา เป็นของๆเรา มาทับถม ปิดบังการเห็นว่า สติดับไปแล้ว

    แล้วไปสำคัญแบบปุถุชนว่า สติ เราเกิด และ ยังอยู่

    เนี่ยะ ต้องซ้อนขึ้นอีกชั้นนึงว่า "ไม่หลงลืมสติ" ถ้าเราสามารถยก
    เห็นว่า สติดับไปแล้วได้ อันนี้เรียกว่า มีสัมปชัญญะ ไม่ทิ้งงาน ทิ้ง
    การภาวนากลางคัน

    ลองเอาไปพิจารณา โยนิโสมนสิการ ใคร่ครวญให้แยบคายดู

    แล้ว "พระแม่ศรีฯ ทั้งสาม" อาจจะ ออกมาสั่ง สอน ผู้มีจิตใสประกายพฤกติบ้าง

    ( คือ หาก เราเพิ่ม ความแพรวพราวในการภาวนา ช่วง ไม่หลงลืมสติ
    ต่อท่าย มีสติไม่หลงลืม ได้ จิตเราจะใส แพรวพราวประกายพฤกติ เลยนะ )

    ************

    เพิ่มเลยเนาะ

    20. สีใสประกายพฤกติ คือ พระจิตผัสสชาไตรสรณะคมณ์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 กรกฎาคม 2012
  12. toseal

    toseal เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +618
    ผมเห็นเป็นดวงที่รูปพระพุทธเจ้า เผอิญหันไปดูตอนดับไป ครับ เป็นดวงสีน้ำเงิน
    เพราะผมแปะรุปพระพุทธเจ้าไว้
     
  13. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    โอ ขนาดนั้นเลยนะครับ.....ว่าแต่ผมไม่รู้จักท่านผู้เขียนเลย...บทความนี้เพิ่มมาอ่านที่นี่เป็นครั้งแรก........เข้าใจว่าเขาเขียนได้แปลกดี...เลยถามว่าเป็นของท่านใด......

    ว่าแต่คุณนี่ไม่ต้องตามรักผมขนาดนั้นก็ได้นะ....
     
  14. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ความหมายไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกครับ

    ทีนี้ เมื่อถามว่า ควรทำอย่างไร

    ลองถามตัวเองก่อนนิดนึง ว่าจุดมุ่งเราฝึกอะไรเป็นจุดหมาย
    มีหมายอะไรในการอธิฐาน เช่น เมื่อมีหมายอธิฐานที่นิพพาน

    ควรทำอย่างนี้ต่อ เมื่อประสบพบเจอ แสง สี เสียง ภาพ ในเมื่อเราหลับตา
    ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างหน้าตาพระสงฆ์องค์เจ้าที่ล่วงลับไปแล้วหรือผู้วิเศษ อะไรต่างๆก็ตาม

    ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ให้มั่นคงในกรรมฐาน ที่อุปัชฌาครูอาจารย์ให้มา เช่น
    พุทโธ ก็พุทโธ ให้อยู่กับพุทโธ เห็นแล้วก็พุทโธ ไม่เห็นก็พุทโธ
    จนกว่า จิตเราจะ บริกรรมเองได้ เริ่มเป็นอัตโนมัติ

    หรือ รู้ลมเข้าออก ก็ให้ กลับมารู้ลมหายใจเข้าออก
    จะเห็นก็รู้ลมหายใจเข้าออก ไม่เห็นก็รู้ลมหายใจเข้าออก
    จนกว่าจะเริ่ม รู้สึกว่า จิตมันเริ่มไปรู้ลมหายใจเข้าออกเองเป็นอัตโนมัติ
    โดยที่ไม่ตั้งใจรู้ลมหายใจมันก็ไปรู้ลมหายใจ
    ตั้งใจรู้ลมหายใจ มันก็รู้ลมหายใจ ทำตรงนี้ให้ชำนาญก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 8 กรกฎาคม 2012
  15. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    มีเพิ่มเติมเล็กๆน้อย...
    สีเขียวอ่อน...เป็นพระอินทร์
    สีส้มอ่อน..เป็นพระอาทิตย์
    สีส้มสว่าง..เป็นพระตรีมูรติ..
    สีขาวสว่างด้านขวาของศรีษะ..เป็นปัญญาทางโลกที่แสดงในส่วนนามธรรม..
    สีฟ้าอ่อนๆเป็นรูปร่างไม่มีขอบ..เป็นพยาครุฑ..
    สีฟ้าอ่อนเป็นรูปร่างมีขอบ..เป็นพระนารายณ์
    สีน้ำเงินไหลได้มีรูปร่างไม่แน่นอน...เป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาที่แสดงแบบนามธรรม..
    สีขาวสว่างด้านซ้ายของศรีษะ...เป็นตำแหน่งสถิตย์ของครูบาร์อาจารย์ทางภพภูมิ...
    สีดำๆคล้ายเฆกเป็นรูปร่าง(ลอย)เจ้ากรรมนายเวร..หรือสีเขียวดำเป็นรูปร่างไม่สุภาพ
    สีเขียวดำ(นิ่ง)หรือ สีผิวมนุษย์ทั่วไป..เป็นพี่สัมพะเวสี...
    สีใสๆเป็นคล้ายแท่งเหมือนงู..เป็นอาการของประสาทตา..
    ทุกสีที่กล่าวเพิ่มเติม...ไม่มีตัวอย่างในเว๊ปที่จะแสดงให้ดูได้
    ปล. ข้อ 2-18 ของ หัวข้อกระทู้...ผู้ปฎิบัติไม่จำเป็นต้องทำสมาธิ..แค่หลับตาก็สามารถเห็นได้...
    ข้อ 1. จิตเริ่มมีความเป็นทิพย์...แต่ยังไม่สามารถใช้งานได้...
    ข้อ 19.จิตมีความเป็นทิพย์..ภพภูมิจะเริ่มเปิดทางให้เข้าสู่ดินแดนได้...แต่จะไม่สามารถเข้าใจได้..หากสติในทางธรรมยังไม่เพียงพอ..และจะมืดทันทีหากเกิดนิวรณ์ขึ้นแม้แต่เพียงข้อเดียวโดยเฉพาะ..ข้อความลังเลสงสัย..
    สีที่เห็นได้..ไม่มีสีใดที่ช่วยในการละหรือคลายกิเลส.ที่เกาะอยู่กับจิตได้เลยแม้แต่สีเดียว...เป็นแค่ผลที่แสดงให้เห็นได้ในระหว่างทางของการปฎิบัติเท่านั้น..
     
  16. ปุณบพิธ

    ปุณบพิธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,102
    ค่าพลัง:
    +2,134
    ถ้าเริ่มมีแบบข้อ 1 บางทีก็รู้สึกว่า ความมืดในสมาธิ มันไม่มืดสนิท เหมือนเมื่อก่อนที่ปฏิบัติธรรมใหม่ๆ แล้ว แต่บางครั้งก็รู้สึกเหมือนเราเพ่งควบคุมได้ อยากพักผ่อนก็ให้เห็นมันมืดสนิทได้ อันนี้มันทำได้จริงไหมครับ
     
  17. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ทำได้แต่ต้องใช้การระลึกรู้ลมหายใจ..แบบไม่เพ่งที่ตำแหน่งใดบนร่างกายโดยเฉพาะที่กลางหน้าฝากและกำหนดให้อยู่จุด ณ จุดใดๆโดยเฉพาะกลางหน้าอก..สร้างความรู้สึกรับรู้ที่ปลายจมูกว่ามีแค่ลมผ่านเข้าผ่านออกเพียงอย่างเดียวนะ..และอาจจะมีความคิดขึ้นมาแทรกบ้างแต่ไม่ต้องไปดับปล่อยซักพักเดี๋ยวมันตัดหลับอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวเอง...เพราะบางทีจิตมันชินพอหลับตาแล้วมันจะเข้าสู่โหมดเป็นทิพย์อย่างเดียวโดยที่เราไม่ได้ตั้งใจ.อาจจะรู้สึกว่าเพียงแค่ 5 นาทีแต่ความจริงผ่านไป 2 ชั่วโมงแล้วก็เป็นได้..​
     
  18. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ครูบาอาจารย์เคยสอนไว้ว่า แสงสีต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะปฏิบัติสมถะนั้น จิตเข้าสมาธิในระดับหนึ่ง จะเห็นแสงสีซึ่งแสดงให้เห็นถึงสภาวะของจิตขณะนั้น ว่ามีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลง ริษยา อาฆาต ตัณหา หรืออุปาทาน มากน้อยแค่ไหน ให้สังเกตจากสีค่ะ

    ถ้าสีไหนมีมาก ก็ต้องแก้ไขกันไป เพราะจิตเดิมนั้น ใสสว่างอย่างเดียว เมื่อเจือปนด้วยตัณหา อุปาทาน สีจึงเปลี่ยนไป จึงต้องขัดล้างกันทุกวัน
     
  19. odanhi

    odanhi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    245
    ค่าพลัง:
    +398
    อนุโมทนากับทุกท่านคะ ผิดถูกยังไงก็มาชี้แนะกันได้ ^-^ ดิฉันเองชอบอ่านหนังสือธรรมะทุกประเภท เน้นสายพระป่าทุกรุป เจอเล่มไหนดีก็ซื้อมาอ่าน หาฟังจากเวบบ้าง ชอบอ่านชีวประวัติ การธุดงค์ การปฏิบัติ เพราะหนังสือธรรมะทุกเล่มก็สอนให้คนเป็นคนดี ประฏิบัติดี ที่นำมาลงเผื่อเป็นประโยชน์ได้บ้าง เคารพความคิดของแต่ละท่าน ให้กำลังใจกันไป... เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
     
  20. ลูกบัวผัน

    ลูกบัวผัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +295
    ดิฉันเข้ามาชี้ว่า คุณกำลังหลงทาง อย่างหนัก

    คุณจะว่ายังไง
     

แชร์หน้านี้

Loading...