แสงสีต่างๆ ขณะนั่งสมาธิ บ่งบอกอะไร

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย odanhi, 7 กรกฎาคม 2012.

  1. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ก็แสงอ่อร่าถ้าออกสีขาวๆแล้วมันก็เริ่มเข้าระดับฌาน ๑ แล้วหละคับ.เป็นช่วงกล่ำกลึ่งว่าจะวิ่งไปใสๆที่ ฌาน ๓ และฌาน ๔หยาบๆ ถ้าเป็นประกายพลึกก็ฌาน ๔ ละเอียด.ส่วนการใช้งานคงไม่ต้องแนะนำ..
    ก็รอจนกว่าจะฝึกถึงจุดนี้.ค่อยว่ากัน..
    จะฝึกได้จนสามารถใช้งานแบบบังคับได้ตอนไหนก็ไม่ใช่ปัญหา.เพราะ
    ว่าช่วงระหว่างฝึกก็ยังได้กำลังสมาธิสะสมไว้ให้เดินปัญญาได้ด้วย.ก็ไม่
    เป็นไรคับ.

    นอกจากว่าต่อไปในอนาคตข้างหน้าจะโดนแสงต่างๆจากดวง
    จิตเนื่องจากการที่เราชอบทำบุญ ชอบช่วยเหลือส่วนของภพภูมิที่ลำบากด้วยการอุทิศส่วนกุศล.หรือจิตเราดีขึ้นแล้วท่านต่างๆแวะมาโมทนากับสิ่งที่เราทำ.บางครั้งอาจมามากโดยเฉพาะวันพระวันโกนจน
    .ความสว่างบางอย่างที่ปรากฏเข้ามา รบกวนนิมิตร กสิณ ก็ค่อยเปลี่ยนมาฝึกแบบลืมตา
    เพราะลืมตาแสงสว่างจากดวงจิตจะรบกวนเราไม่ได้.อีกอย่างนิมิตรกสิณ
    หลอกตอนลืมตามีแค่ไม่เกิน ๒ แยกง่ายกว่าตอนหลับตาไม่ต้องกลัวเผลอ
    ว่าจะใช้สติตามผิดนิมิตร
     
  2. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ถามต่อครับ ผมเคยนั่งสมาธิ แล้วเห็น แสงไฟสีขาวนะครับ(ถ้าจะเปรียบเทียบ เหมือนดวงอาทิตย์มาอยู่ตรงหน้า แต่เป็นสีขาว)นะมันสว่างจ้า เลยแต่ไม่แสบตา แสงมันสีขาวล้วน แปลว่าอะไร แต่ขอบอกอีกหน่อย ผมเคยไปสนใจกับมันเลยหายไป แต่พอไม่สนใจภาวนาของเรา มันก็แสดงต่อเรื่อยๆ ตอนนี้ผมก็ไม่เห็นอีกหละ แล้ว ผมเคยจิตเป็นสมาธิ ได้ยินเสียงดนตรี(ดนตรีคล้ายๆดนตรีไทย แต่มันดีกว่าประณีตกว่าอ่าครับ และได้ยินคนสวดมนตร์ (น่าจะภาษาบาลี ผมเคยได้ยินตอนที่ทําสมาธิอยู่เมืองไทย แล้วตอนผมทําสมาธิที่เดนมาร์ค ก็ยังได้ยินอยู๋ แต่มันเกิดนานแล้วอ่าครับ) แปลว่า ผมมีหูทิพย์หรือยังไง??? (เอ่อ มีตอนหนึ่งผมทําสมาธิไปมาๆ แล้วผมคิดถึง ป้าผมว่า เค้าพูดอะไรเกี่ยวกับผมเปล่า แล้วได้ยินเสียงป้าเลย ไม่รู้อุปทานรึเปล่าแต่ก็ชั่งมัน มันผ่านมาแล้ว ถามไปงั้น อ่าครับโทษที)

    แล้วขอถาม ข้อมูลที่พี่บอกมา ใครเป็นคนบอกหรอครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 พฤษภาคม 2013
  3. wechza

    wechza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    181
    ค่าพลัง:
    +246
    นั่งภาวนา บางครั้งคล้ายมีแสงสีขาวฉายส่องหน้า ออกจาภาวนา นอนหลับตาแต่ก็ภาวนาพุธโธอยู่แสงก็จ้าอีกเหมือนเปิดไฟ แต่พอเราไม่ไส่ใจมันก็หายไปเอง มันเกิดเองมันก็ดับเองครับไม่เที่ยงเลย ในโลกนี้นอกจากพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์แล้วไม่มีอะไรเที่ยงเลยผมคิดยังงั้นทุกครั้งที่มีแสงจ้าที่ตา
     
  4. leehonza

    leehonza Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +78
    ถามรายหน่อยครับเวลานั่งหรือนอนมักจะเห้นแสงสีเหลืองบ้างขาวบ้างเกิดจากอะไรแล้วจะดับยังไงครับแล้วเวลานั่งสมาธิเปิดตาแล้วเห้นคนนั่งเปงรูปโปร่งแสงมีแสงสีทองคืออะไรหรอครับ
     
  5. วิหคอิสระ

    วิหคอิสระ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    758
    ค่าพลัง:
    +1,318
    สีฟ้าประกายเพชรอ่ะ สีฟ้าแบบบลูไดม่อน มีแสงประกายเพรชด้วย คือไร
    แล้วก็สีขาวประกายเพชร

    ถามไปงั้นแหละไม่เคยเหนหรอก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2013
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อืมๆ.กระทู้เห็นว่าผ่านมานานและมีหลายท่านถามคำถามทิ้งไว้.แต่ไม่ได้ระบุหรือเจาะจง
    ว่าถามใคร.ในฐานะสมาชิกคนหนึ่ง.ก็ขออนุญาติทุกท่านไว้ก่อน..ถือว่าเล่าสู่กันฟังนะครับ..


    กรณีที่ ๑ กรณีที่เป็นนิมิตรกสิณ ที่เป็นของเก่าในอดีตที่ท่านเคยฝึกหรือทำได้มาก่อน
    มี กรณีที่ทราบ


    ๑. นิมิตร ลอยมาจากทางด้านขวาแบบโค้งเล็กน้อยในระดับเดียวกันกับสายตา.เกิดขึ้นในขณะ
    ที่ท่านฝึกสมาธิแต่ไม่ได้ฝึกกสิณ.


    ๒. นิมิตรแทรก เข้ามาในกรณีที่ท่านกำลังฝึกกสิณ กองใดกองหนึ่งอยู่ แยกได้

    ๒.๑ ถ้าท่านฝึกกสิณแบบลืมตาอยู่ นิมิตรกสิณของเดิมที่ท่านเคยทำได้จะเข้ามา
    ทางด้านข้างพร้อมกัน พูดง่ายๆว่ามาทางหางตาด้านซ้ายและด้านขวาของท่าน
    แต่ไม่ควรสนใจ เพราะจะมาขวางกสิณกองที่ท่านกำลังฝึกอยู่ให้ช้าลง


    ๒.๒ ถ้าท่านฝึกกสิณแบบหลับตา นิมิตรกสิณกองอื่นๆ จะแทรกมาทางด้านล่างในขณะที่ท่านกำลังเข้าสู่อุคคนิมิตร
    หรือกำลังจะขึ้นปฏิภาคนิมิตรกองที่ท่านกำลังจะฝึก.
    ไม่ควรสนใจเช่นกันเหตุผลคล้ายกับข้อ ๒.๑


    กรณีที่ ๒ แสงสีน้ำเงิน หรือ สีขาว ขนาดเท่าหัวเข็มมุด หรือขนาดเท่าหัวไม้ขีดไฟ.เป็นวงกลมชัดเจน.มีความสว่างในตัวเอง บางครั้งมีประกายที่ขอบบ้าง
    เวลาเราหลับตาจะเห็นแว๊ปๆและหายไป และบางครั้งลืมตาก็เห็นแว๊ปๆและหายไป
    คือ ดวงธรรม หรือ ภูมิระดับเทวดา(สีขาว) หรือ
    ภูมิระดับเทพ(สีน้ำเงิน).สุดแล้วแต่จะเรียก.

    ถ้ามาแล้วค้างทางด้านขวาของศีรษะ เป็นญาติเรามาก่อนหรือเคยมีสัมพันธ์กับเรามาก่อน..
    หรือเป็นบุคคลที่เรารู้จักในชาตินี้แต่เสียชีวิตไปแล้ว


    กรณีที่ ๓ แสงสีขาวสว่างมากๆ หรือ สีเหลืองสว่างมากๆ หรือ สีส้มสว่างมากๆ.คล้ายตอนกลางวัน.ที่สำคัญ
    ไม่เย็น.เป็นอาการปิติแบบหนึ่ง ตามระดับภพภูมิที่สัมพันธ์กับเรา.และสัมผัสในขณะนั้น..รายละเอียดค่อยว่ากัน
    อีกที..สังเกตุง่ายๆ แม้ว่าจะสว่างมากๆ แต่ก็ยังมีความโปร่งใสอยู่..


    กรณีที่ ๔ ของคุณ leehonza คาดว่าเคยได้ตาทิตย์มาก่อนในอดีตชาติ ลักษณะอาการ
    หรือลักษณะที่คุณเห็น เป็นกิริยาที่เกิดคล้ายผู้ที่กำลังฝึกตาทิตย์ สำหรับการใช้งานในลักษณะคล่องตัว
    คือเห็นได้เป็นปกติหรือกำหนดให้เห็นเฉพาะที่มีประโยชน์ครับ..


    กรณีที่ ๕ กรณีหูได้ยินเสียงไกลๆ หรือ เสียงที่ไม่มีบนโลก หรือไม่ใช่ภาษาบนโลก..
    กรณีหลับตา...ถ้าเป็นกิริยาที่สื่อว่าเราเคยได้หูทิพย์มาในอดีตชาติ และไม่ใช่ ภพภูมิทำให้ได้ยิน
    เริ่มต้นจะได้ยิน ตรงกลางกะโหลกศรีษะ
    แต่ไม่ใช่ตรงแกนกลาง แต่จะเยื้องมาทางด้านขวานิดหน่อย.

    .ส่วนในกรณีที่ฝึกเปิดจักรบางจุดที่ใกล้ๆกับหู เสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงจากภายนอก
    หากไม่ได้ยินเสียงแบบชนิดใสแจ๋ว และชัดเจนเลย
    ไม่ใช่แบบเสียงคนคุยกันหรือกระซิบกัน..มีโอกาสกลับสู่สภาพการได้ยินเหมือนปกติทั่วไปได้ครับ


    ปล.ขอบคุณมากครับ ขออภัยนะครับ.หากไม่ได้เจตนาที่จะถามผม..​
     
  7. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ต้องขออภัยต่อเจ้าของกระทู้และขออภัยต่อท่านทั้งหลาย อย่าคิดว่าข้าพเจ้าหาเรื่องหรือขัดคอเลยเพราะเหตุที่ว่า กระทู้นี้ ผู้ดูแลทั้งหลายไม่ควรจะปล่อยให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการฝึกนั่งสมาธิ ความไม่รู้จริง ไม่รู้แจ้ง ในหลักการแห่งสมาธิ ก็เป็นการบิดเบือน เป็นการโอ้อวด โกหกหลอกลวง รูปแบบหนึ่ง อ่านแล้วควรคิดพิจารณาให้เป็นไปตามหลักความจริงซะบ้าง เวลาหลักความจริงไม่ค่อยจะสนใจกัน เวบฯนี้เป็นเวบฯส่งเสริมพุทธศาสนา หรือว่าเป็นเวบฯทำลายพุทธศาสนาทางอ้อมขอรับ

    นั่งสมาธิ แล้วเห็นแสงสี ต่างๆนั้น แสดงว่า "บุคคลที่เกิดอาการอย่างนั้น ไม่ได้มีสมาธิ แต่มีจิตฟุ้งซ่าน ถ้าจะกล่าวตามหลักของ ฌาน(ชาน) เรียกว่า มี "วิตก วิจารณ์" ถ้าหลงผิด มีความเชื่อตามที่ผู้เขียนกระทู้ กล่าวมา ก็จะเกิด ปีติ สุข แต่จะไม่เกิด อุเบกขา และ สมาธิ เพราะจะติดหลงอยู่ในแสงสีที่คิดว่าตัวบุคคลนั้นๆได้เห็น

    การนั่งสมาธิ หรือฝึกสมาธิ ต้องมีอาการ สงบนิ่ง ไม่เห็น ไม่ได้ยิน มีแต่ อุเบกขา และ สมาธิ เท่านั้นขอรับ
     
  8. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    รบกวนคุณ nopphakan ช่วยขยายความอีกครั้งครับผม

    เกิดแสงสว่างขาวมุมหางตาขวาเยื้องขึ้นไปข้างบนเหนือศรีษะนะครับ รบกวนช่วยขยายความด้วยครับผม

    เกิดแล้วต้องทำอย่างไรต่อครับ จะดู หรือจะไม่สนใจ ครับ ท่านมาสอนเรา หรือมาปกปักรักษาเราครับ

    เกิดบ่อยทั้งตอนหลับตาและลืมตาครับ เป็นดวงสว่างสีขาวเท่าหัวเข็มมุด หรือใหญ่กว่าแล้วแต่โอกาส บางครั้งเกิดแว๊บเดียวหายไป บางครั้งทรงอยู่นานเป็นนาที เขาจะสื่ออะไรถึงเราครับ แล้วเราจะต้องทำอะไร อุทิศบุญให้หรือครับ
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ข้อสุดท้าย แบบทั่วๆไปนะครับ ให้มองว่าเป็นปกติที่สุดแสนจะปกติไว้เลยครับ.
    .เพราะปกติเนาะจะเริ่มจากสีขาวก่อนถ้าจิตเราเริ่มเข้าสูความดี
    แล้วตามด้วยสีอื่นๆ มีขนาดแตกต่างกัน
    เท่าหัวเข็มหมุดพอเรามองแล้วหายไป
    นี่ก็ปกติครับ ใหญ่หน่อยเท่าหัวไม้ขีด
    หรือใหญ่กว่านั้นก็มาไม่บ่อย
    ของครูบาร์อาจารย์ที่มาสอนอะไรให้ใหม่ๆ
    ก็ใหญ่หน่อยแต่ลอยสูงทางขวาไปทางมุมบนประมาณ ๒ เมตรหรือท่านที่อยู่มานานแล้วก็ทางซ้ายศรีษะแบบแว๊ปมาดูเราหน่อย..
    ที่นี้แสงพวกนี้จะเป็นตัวบอกอะไรเราได้บ้างประเด็นนี้สำคัญกว่าครับ..โดยปกติธรรมดา

    ทั่วๆไปถ้าเราอยู่เฉยๆแล้วเราหลับตาเห็นได้ พอมองก็จะหายนั่นหละครับ
    (จริงๆไม่ได้หายครับแต่จิตเราหลุดสภาวะที่จะเห็นครับ)
    หรือนานๆจะค้างทีแต่ก็ไม่บ่อย.
    .พอเราพัฒนาความสามารถไปอีกซักพักเกี่ยวกับเรื่องทางสายตาเรา
    หลังจากหลับตาแล้ว พอลืมตาขึ้นมาก็จะยังคงอยู่เป็นปกติครับซึ่งก็
    ถือว่าเป็นกิริยาปกติ.ถ้าเราพัฒนาทางสายตาขึ้นมาครับ...
    เวลาไปทำบุญพอเรารับบารมีพระพุทธฯ ครูบาร์อาจารย์ กับเราแล้วและอุทิศส่วน
    กุศลการหลับตาของเรา และเห็นปริมาณของดวงกลมๆมากๆ หมายความว่า
    มีท่านๆเหล่านั้นมารอโมทนาบุญกับเราไงครับ แสดงว่าการอุทิศบุญเรามันได้ผล
    ไงครับ คุณธรรมมนุษย์ จะเยอะมากโดยเฉพาะวันโกน วันพระ หรือช่วงมีงานบุญครับ
    สำหรับนักปฏิบัติ สีที่ปรากฏจะบ่งบอกสภาวะของจิตเราที่กำลังเข้าถึงครับ..
    ซึ่งแต่ละสีก็แต่ต่างกันออกไปตามสภาวะของจิตที่เรามีตอนนั้นๆ..เอาไว้ตรวจสอบ
    ตัวเองด้วยครับ..เช่น ยกตัวอย่างนะครับเราคิดว่า เรามีปัญญาทางธรรม
    รูหลักการทางเดินปัญญามากมาย แต่กลับไม่เคยเห็นสีขาวเลย.อย่างนี้อาการหนักครับ..
    หรือเราฝึกความสามารถทางจิตไปทางอภิญญาจิตภายใน เห็นอะไรต่างๆได้พิศดาร
    ล้ำลึก แต่ไม่เคยเห็นสีน้ำเงิน อย่างนี้ก็อาการหนักครับ..หรือเราฝึกกรรมฐานสายมีฤิทธิ์
    แต่ว่าเราไม่เคยเห็นสีม่วงสีแดงอย่างนี้ก็เข้าขั้นหลงตัวเองเหมือนกันครับ...
    หรือเราคิดว่าเรามีอาถาอาคมเข็มแข็ง มีเครื่องป้องกันระดับสูงแต่ไม่เคย
    เห็นสีเขียวเลย อย่างนี้ก็เตรียมเข้าโรงพยาบาล หรือเปลี่ยนภพภูมิก่อนวัยอันควรได้เลยครับ..
    .ยิ่งมีนิสัยไปท้าทายไปเรื่อยโดยมั่นใจตัวเองแต่สายตาไม่ถึง
    นอกจากจะไม่พัฒนาทางด้านการปฏิบัติ.โอกาสจะเข้าใกล้โรงพยาบาล
    ทางจิตก็จะสูงตามมาครับ...
    ส่วนตัวอยากให้มองมุมนี้มากกว่าครับ เอาไว้ตรวจสอบตัวเอง อย่าไปให้ความสำคัญ
    ว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร แต่ให้เข้าใจวัตถุประสงค์ของสิ่งที่เห็น ว่ามันโน้มนำมาใช้ให้ก่อ
    เกิดประโยชน์อะไรกับเราได้ในทางปฏิบัติครับ..ส่วนการจะเข้าได้ทุกสีได้เร็ว
    ให้ใช้หลักการของหลวงปู่ ด หรือ หลวงตา ม. จะทำให้เค้าถึงได้เร็วขึ้น
    ยิ่งถ้าเราสร้างทานบารมีบ่อยๆ พยายามทำความดีแบบอยู่เบื้องหลังเอาไว้
    ขยายวงการอุทิศส่วนกุศลให้กว้างที่สุด
    ฝึกเมตตาให้ออกจากจิตให้ได้ จะทำให้เข้าถึงได้เร็วยิ่งขึ้นครับ...
    ปล.ประมาณนี้ครับ ;)
     
  10. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ขอบคุณมากๆครับ คุณ nopphakan อธิบายมาเขียนได้ละเอียดจริงๆครับ จริงๆ สีอื่นก็มีมาเหมือนกันครับ แต่มาแบบกลุ่มควันหรือแบบก้อนเมฆหรือมาแบบไม่จำกัดขอบเขต ผมก็จำไม่ค่อยได้นะครับ เท่าที่จำได้ก็มีสีเหลืองแก่ๆ สีน้ำเงินอะไรประมาณนิครับ
     
  11. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    แยกละเอียดจริงๆมีประมาณ ๒๐ กว่าสีครับ.
    คุณ ธรรมมนุษย์ .ขอให้มีรูปร่างที่ชัดเจน คมชัด
    มีความสว่างในตัว. ขนาดก็จะแตกต่างกันไปด้วยครับ..
    .ถ้าสีที่เกี่ยวการปฏิบัติทางจิตเรามีประมาณ ๙ สีครับ.
    ขาว ฟ้า น้ำเงิน ม่วง คราม แดง ส้ม เขียว และเหลืองหรือสีทองครับ..
    ส่วนสีอื่นๆจะเป็นสีที่แสดงความเป็นเอกลักษณะของท่านๆที่มีชื่อต่างๆที่เรา
    อาจจะรู้จักดีหรือคาดไม่ถึงก็มีครับ..ขึ้นอยู่กับกำลังสติทางธรรมของเรา
    ณ เวลานั้นที่จะทราบได้ครับ..แต่ถ้าท่านๆนั้นต้องการให้เราทราบว่าเป็นใคร
    เด่วท่านจะสร้างสัญญาเชื่อมกับจิตเราเป็นภาพแสดงให้เราเห็นได้เองครับ

    ปล.ประมาณนี้ครับ
     
  12. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ครับผมลงพิสูจน์ดูแล้ว อันดับแรกพอนั่งสมาธิแล้วเกิดแสงสีขาวโปร่งยังสว่างไม่มากและไม่มีขอบไม่จำกัดเขต และก็เกิดกลุ่มแสงสีขาวชัดเจนมาทางศรีษะด้านขวา ผมลองเพ่งดูตามที่คุณนพบอก มันก็เคลื่อนที่จริงแล้วมีสีขาวสว่างเข้มมากขึ้น แสงสีขาวด้านเหนือศรีษะซ้ายก็เกิดแต่ไม่เข้มเท่าด้านขวาผมรู้สึกแบบนิ้งๆดูแล้วสงบไม่หวือหวาเหมือนแสงเหนือศรีษะขวา ที่นี้มันมีแสงสีขาวสว่างมากเกิดคลุมตั้งแต่หน้าผากขึ้นไปทั้งศรีษะครับ และจุดสว่างขาวแว๊ปๆ ก็เกิดประปรายครับ ที่นี้มันเกิดจุดดำมีขอบขนาดเท่าปลายเข็มแว็ปๆขึ้นมาด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 ตุลาคม 2014
  13. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    คุณ nopphakan เพื่อนฝากมาถามครับ เขาบอกว่าเห็นเป็น "สีเขียววนเป็นลูกไฟ" คืออะไรแล้วอันตรายไหมครับผม
     
  14. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    มี ๒ กรณีครับ.ถ้าเราเห็นแบบหลับตาหรือลืมตาเป็นดวงกลมๆชัดเจน
    เท่าเข็มหมุดหรือขนาดเท่าหัวไม้ขีดมีความสว่างในตัว และเห็นได้แม้
    ขณะหลับตาเวลาหันไปมองมักจะหายไปและพอลืมตาขึ้นมาก็ยังเห็น
    ได้อีกชั่วขณะเวลาหนึ่งแต่จะยังค้างอยู่ที่เดิม กรณีนี้แสดงว่าสภาวะจิต
    ของบุคคลผู้นั้นมีความสามารถในการฝึกกรรมฐานเพื่อรักษาคนได้
    และมีภพภูมิทางด้านป้องกันมาช่วยหนุนครับ...

    ถ้าเห็นแบบภายนอกทั่วๆไปในขณะลืมตา แต่ว่าดวงกลมๆที่เห็นมีขอบ
    ไม่ชัดเจน คือมีคล้ายๆแสงส่องออกไปรอบพอมองเห็นได้ว่าเป็นวงกลมแต่ไม่ชัดเจน
    หรือดูไม่ค่อยจะเป็นวงกลมเท่าไร..และเห็นได้ในระดับที่ไม่สูงจากพื้นโลกมากๆ
    เคลื่อนที่ได้แต่ทิศทางไม่แน่นอน คือ ขึ้นๆลงๆในแนวดิ่ง.เห็นชัดบ้างไม่ชัดบ้าง..
    พวกนี้เป็นดวงจิตในอดีตที่มีความสามารถทางจิตแบบที่รักษาคนได้มาก่อน.
    แต่มีเหตุเรื่องผิดครูบาร์อาจารย์ หรือมีเหตุในกรณีที่สืบเชื้อสายของวิญญาน
    ที่มีฤิทธิ์แบบสืบทอดตามสายเลือดครับ..

    แต่ถ้าเห็นสีอะไรก็ตาม.ถ้าแบบเป็นวุ้นเกี่ยวกับระบบสายตาควรปรึกษาแพทย์
    และข้อควรระวังสำหรับเรื่องสีนะครับ..บอกเพื่อๆไว้ครับ..
    โดยเฉพาะผู้ปฏิบัติใหม่ๆ ที่จะเห็นสีน้ำเงินไม่ใส สีอะไรก็ตามแต่มัน
    ไม่ใสไม่มีความสว่างในตัว. หรือสีดำ ที่สำคัญคล้ายเมฆแบบไม่มีมิติ
    และหาขอบที่จะให้เราบอกเป็นรูปร่างไม่ได้
    ..พวกนี้เป็นเรื่องราวในอดีตที่ความคิด
    จากจิตสร้างขึ้นมาร่วมกับจิต ให้เลิกสนใจไม่งั้นจะเพี้ยนได้..

    และไม่ว่าจะเห็นวงกลมชัดเจนหรือไม่ชัดเจนอะไรก็ตาม ให้เลิกสนใจในสิ่งที่เห็น
    เหมือนๆมันมีอีกหลายสีรออยู่ แล้วเราเกิดไปติดสีนี้ก่อน จะทำให้เราไม่ได้เห็นสีอื่นๆ
    และจะเป็นตัวขวางการปฏิบัติเราให้ช้าออกไปอีกครับ.
    และที่สำคัญคือนิมิตรต่างๆที่ปรากฏไม่ว่าดีหรือไม่ดี
    ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ ณ เวลานั้นเลย ให้ลืมไปเลยครับ ไม่ต้องกล่าวถึง
    หากว่าอนาคตต้องการจะทราบด้วยตัวเองว่าคืออะไรนะครับ..
    ส่วนความเข้าใจว่าสิ่งที่เห็นคืออะไร ขึ้นอยู่กับการเจริญสติในชีวิตประจำวัน
    เพื่อมาเดินปัญญา..ตรงนี้จะกลายเป็นเครื่องรู้ย้อนในสิ่งที่เราเคยเห็นมาได้หมด
    ของมันเองทุกๆสีแบบอัตโมมัติของมันเองครับ...

    ปล.ประมาณนี้ครับ..;)
     
  15. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ถ้าเป็นกรณีแสงสว่างคลายไฟฉายที่ส่องมาจากเบื้องบนผ่านลงมาที่กระหม่อมและรู้สึกว่ากระทบเปลือกตาและเห็นความสว่างอยู่ในจิตเป็นลำแสงไฟฉายจากเบื้องบนฉายมาตรงๆและสว่างนะครับ เขียนอธิบายยากเหมือนกัน เออ คล้ายๆแสงอาทิตย์ที่ลอดผ่านเมฆแล้วเป็นสายลำแสงสว่างลงมาที่กระหม่อมนะครับ และมาพร้อมกับปิติขนลุกอย่างแรงครับ
     
  16. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    พอเค้าใจอยู่ครับ เป็นแสงที่มันหาต้นกำเนิดไม่ได้ครับ..และแสงนั้นมันก็สว่างซะจน
    เรามองเห็นอะไรรอบๆตัวเราได้ชัดเจนด้วยครับถ้าเราลืมตานะครับ..แต่ถ้าหลับตาอยู่
    มันจะเป็นแสงสว่างกว้างเหมือนๆกับท้องฟ้าสว่างครับ...แสงๆพวกนี้เป็นตัวบอกว่า
    จิตเรามันเข้าอยู่ในระดับกำลังฌาน ๑ ครับ..พวกนี้ถ้าลองทำแบบลืมตาดู จะพบว่า
    มันสามารถจะย้ายของต่ำแหน่งของแสงได้ด้วยครับ..แต่จะวนอยู่ด้านหน้าเหนือศรีษะ
    ไปทางซ้ายหรือไม่ก็ขวาประมาณนี้..ซึ่งอารมย์ขนาดนี้แม้เราจะพอมีความคิดแต่
    สังเกตุได้ว่าแสงก็ยังจะไม่หายครับ...เค้าเรียกว่า..การทำงานของจิตประเภทหนึ่งครับ
    ปกติจิตมันจะเริ่มทำงานหรือมีความเป็นทิพย์เนี่ย จะมีอยู่ ๒ แบบ คือ จิตทำงานเมื่อ
    เห็นเส้นสาย และ ๒.จิตทำงานเมื่อเห็นแสง กรณีนี้เป็นกรณีที่ ๒ คุณ ธรรมมนุษย์
    คุ้นๆที่เลยเขียนให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องวิชาเดินธาตุไหมครับ..
    พอจิตเรามันเริ่มทำงาน
    กรณีเมื่อเห็นแสงมันจะเป็นอย่างนี้หละครับ..และแสงพวกนี้มันจะเป็นพื้นฐานสำหรับ
    ใช้ตรวจสอบการไต่ระดับฌานไงครับ ครั้งแรกแสงจะสว่างอย่างนี้ก่อนคือเข้าฌาน ๑
    และมันจะเริ่มหายไปไงครับและจะค่อยๆกลับมาสว่างในระดับกำลังสมาธิระดับที่จะเข้า
    ถึงฌาน ๔ ที่น่าจะเคยเล่าให้คุณฟังว่า ช่วงนี้หละตัวสำคัญที่เราจะต้องตัดความคิด
    ต่างๆที่มันผุดขึ้นมาให้ได้.มันถึงจะไต่ระดับฌานได้ไงครับ..คนที่เค้าติดๆกัน และไต่
    ระดับฌานไม่ได้ ในกรณีที่เห็นแสงก็เพราะตัดเรื่องราวที่ผุดไม่ได้ไงครับ หรือไม่ก็จะ
    เผลอหลงตัวเองไปเลยก็มีครับ เพราะมันดูคล้ายๆว่าจิตจะพิศดาร
    แต่ไม่มีความสามารถทำให้ไรในเรื่องที่ทำให้คนอื่นๆสัมผัสได้ครับ
    เพราะคล้ายๆเหมือนๆตัวหลอกให้
    เผลอเข้าใจว่าตนเก่งแค่นั้นครับ.ประเด็นนี้เล่่าให้ฟังเพื่อเตือนๆกันไว้.
    เพราะเท่านี้เจอคนมักจะติดสภาวะนี้กันเยอะ เป็นเหตุให้จิตไม่สามารถ
    พัฒนาออกมาสู่ภายนอกได้ ทำได้แค่รู้เองเห็นเอง หรือเอาไว้เล่าให้คนอื่น
    ฟังเล่นๆ เผลอก็เล่าๆแบบยกตัวเองทั้งๆที่ ยังไม่ถึงระดับพื้นฐานให้กำลังจิตได้
    ใช้พลังงานได้ สัมผัสพลังงานได้ แปรเปลี่ยนพลังงาน แต่ก็หลงตัวเองกันเยอะ
    ทั้งที่สายตาในระดับตาเปล่าก็ไม่ได้ดีขึ้น..ที่สำคัญจิตจะไม่ดีและไม่ได้รับ
    ความเกรงใจจากภพภูมิต่างๆเวลาไปไหน..เพราะเชื่อมกระแสพลังงาน
    ต่างๆไม่ได้เพราะสายตายังไม่ดีพอเพราะตัวจิตยังไม่เข้าสู่วิญญานธาตุนั้นเอง
    เพราะฉนั้นควรต้องระวังไว้ด้วยนะครับ..

    ...ส่วนพอแสงเริ่มกลับมาสว่างอีกครับ.
    .ในกำลังระดับสูงแล้ว
    มันก็จะค่อยๆหายไปอีก.เพื่อขึ้นอรูปฌานแต่ว่าหลักการนี้เป็นของวิชาเดินธาตุ
    เพื่อใช้ไต่ระดับเข้าสู่สภาวะของวิญญานธาตุครับ..โดยปกติทั่วๆไปเราจะซ้อม
    เข้าถึงสภาวะเห็นแสงให้ชำนาญก่อน.ส่วนจะไต่ได้ไม่ได้อีกเรื่องหนึ่ง..แต่ถ้าฝลุ๊ก
    ไต่ได้ไปถึงระดับสูง มันจะเกิดความสามารถปกติประมาณ ๘ ใน ๑๐ อย่างที่เรา
    สามารถกระทำได้ในเวลาลืมตาปกติด้วยครับ...รู้สึกเขียนไว้ในกระทู้ เมื่อลูกข้าพ
    เจ้าพบพญายม ที่เขียนๆไว้เตือนคนที่คิดว่าตัวเองถึงโหมดวิญญานธาตุนั่นหละครับ..
    ซึ่งพวก ๘ ใน ๑๐ หรือทั้ง ๑๐ มันเป็นพื้นฐานถึงพื้นฐานมากที่จะต้องเกิดถ้าจิต
    เริ่มไต่เข้าสูโหมดวิญญานธาตุได้ครับ..นอกจากความสามารถในการเรียกใช้
    พลังงานกสิณได้เพียงแค่คิดในเสี้ยววินาทีครับ แต่ก็ยังนับว่าเป็นเพียงพื้นฐาน
    สำหรับปูพื้นเพื่อต่อยอดต่อไปในอนาคตครับ
    ..

    ปล.ประมาณนี้ครับ
     
  17. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    ขอบคุณมากครับคุณ nopphakan ผมก๊อบบี้ที่คุณ nopphakan เล่ามาทั้งหมดเก็บลงเครื่องหมด อิอิ ไว้ดูทวนวันหลังครับ
     
  18. ธรรมมนุษย์

    ธรรมมนุษย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2010
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +1,908
    คือไม่หลงตัวเองไม่คิดอวดใครครับผมเพราะเพิ่งหัดคลานครับ แต่อยากมาขอบคุณ คุณ nopphakan ที่อุตสาห์พูดมาหลายวัน วันนี้ก็เห็นผลด้วยตนเองครับ ทำให้มีกำลังใจมากขึ้นว่าสิ่งที่เราทำที่เราอุทิศบุญมันเกิดผลจริงๆ หลังจากนั่งสมาธิเสร็จก็อุทิศบุญ ช่วงที่อุทิศให้แก่เทพเทวาทั้งหลายก็เกิดแสงแว็ปสว่างเท่าหัวเข็มมุดอยู่ตรงๆเหนือศรีษะเล็กน้อยประมาณวินาทีก็หายไปพร้อมอาการขนลุกอย่างมาก ก็ดีใจที่เขามาอนุโมทนาทำให้รู้สึกว่าที่เราทำไม่สูญเปล่าครับผม
     
  19. tongrolass

    tongrolass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2013
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +103
    คุณพี่นพช่วยเมตตาไขข้อข้องใจดังนี้ครับ (_/|\_)

    1. คุณพี่นพครับ ถ้าเป็นแสงสีเหลืองทองไม่กลม เป็นแสงทอดยาวส่องจากมุมใดมุมหนึ่งของขอบเขตตาเรา(มุมใดมุมหนึ่ง ซ้ายหรือขวา) แสงจะอยู่เหนือร่างกายที่เรานอนอยู่สัก 2-3 ไม้บรรทัดยาวลักษณะแบบไฟฉายหลายๆอันส่องมาจากมุมหนึ่งในจุดเดียวกัน แต่ทิศทางรัศมีของลำเสียงนั้นส่องกระจัดกระจายกันเข้มจัดบ้างแสงไม่เข้มบ้าง หาต้นตอของแสงนั้นไม่ได้ เข้าข่ายคำตอบของพี่นพด้านบนหรือไม่ครับ

    2. แสงที่ว่านี้มาพร้อมกับเสียงของคุณผึ่งตัวโตหลายตัวบินหึ่งๆอยู่ในแสงทุกครั้ง เป็นเเบบนี้มาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่คราวก่อนนู้นเมื่อสามเดือนที่แล้วที่เคยได้สอบถามพี่นพจนได้รับเมตาตอบเรื่องเสียงของอวัยวะแมลงสีกันในระยะไกลๆ แต่ผมยังแคลงใจอยู่ครับ แสงสีทองที่เห็นนี้ต้องมาพร้อมกับผึ่งในแสงนั้นทุกครั้งไป เข้าทางข้อความตัดมาบางส่วนด้านล่างนี้หรือไม่ครับ

    "เสียงนิมิต
    การได้ยินเป็นเสียงอันเกิดแต่ใจหรือสัญญาของนักปฏิบัติเป็นเหตุหรือเป็นสำคัญ เช่น เป็นเสียงเตือนระวังอะไรๆ เสียงสั่งสอน เสียงเทพ เสียงผีเสียงปีศาจ เสียงระฆัง เสียงกลอง เสียงสวดมนต์ เสียงพูดต่างๆ เสียงคนพูดบอกกล่าวต่างๆ แม้แต่เสียงในใจจากผู้ที่พบปะ ฯ. แล้วย่อมน้อมเชื่ออย่างรุนแรงด้วยอธิโมกข์ เพราะอวิชชาเป็นเหตุ"

    อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.nkgen.com/727.htm นิมิตและภวังค์


    คุณพี่นพมีเรื่องใดจะเมตตาชี้แนะไหมครับ กลัวว่าพี่จะพูดว่าจะอย่าไปสนใจปล่อยให้รู้ด้วยตนเองในอนาคตแน่เลย -_-'


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 พฤษภาคม 2015
  20. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ๕๕๕ บอกได้อยู่ ไม่มีไรหรอก แสงสีในข้อ ๑ เป็นครูบาร์อาจารย์ข้างบน
    ท่านเป็นแบบที่มาทางที่เกี่ยวข้องกับพลังงานภายนอกต่างๆ สัมพันธ์กับ
    ธาตุทองหรือธาตุบริสุทธิ์ที่ใช้รักษาคนหรือใช้ป้องกันตัวเองได้หรือแล้ว
    แต่อฐิษฐานประมาณนี้หละ..
    ข้อ ๒ เสียงที่ได้ยินคล้ายเสียงผึ้งจริงๆมันเป็นเสียงปีกแมลงนั่นหละ..
    คือเราเคยได้ยินเสียงปีกผึ้งมันบิน แต่เสียงมันคล้ายๆกันเราก็เลยเข้าใจ
    ว่าเป็นผึ้ง ความจริงยุงหรือแมลงวันหรือแมลงตัวเล็กๆต่างๆ
    เวลามันบิน เสียงปีกมันก็แบบนี้หละครับ..เพียงแต่สภาวะปกติ
    ทั่วๆไปเราไม่ได้ยินเฉยๆ เราอาจจะเค้าใจว่ามันบินเงียบ
    คือถ้าจิตเราสงบเราจะได้ยินเสียงพวกนี้ ชัดๆๆมาก ข้างๆหูเรานี่หละ
    คือมันเป็นกิริยาทางจิตระหว่างทาง
    ของการที่เราจะสามารถมีความสามารถพิเศษ
    ทางหูในระดับใช้งานได้ในอนาคต
    เพียงแต่งว่าเสียงปลีกแมลงนั้นยังไม่พอ
    แต่มันพอทำให้คนหลงตัวเองและเพี้ยนได้ถ้าไปสนใจมัน..
    ถึงแม้ว่าเวลาปกติหูเราจะยังไม่มีอะไรพิเศษ
    ขั้นต่อมา มันจะพัฒนามาเป็นได้ยินเสียงของสัตว์ใช้อวัยวะกระทบกันแล้วเรา
    จะเข้าใจได้ว่ามันพูดอะไรกัน ๕๕๕ เรื่องพวกนี้ต้องไม่สนใจเลย จนกระทั่งว่า
    หูของเราจะได้ยินเสียงนามธรรมพูดคุยกันชัดเจนใสแจ๋ว
    โดยที่ไม่ต้องไปสนว่าต้นกำเนิดเสียงเป็นใคร อยู่ตรงไหน
    ขอให้เราได้ยินชัดเจนเหมือนเราพูดคุยกับเพื่อนเป็นพอ
    แต่ก่อนจะได้ยิน
    เสียงชัดเจนจะได้ยินเสียงเรียกใกล้ๆหู เสียงคุยใกล้ๆตัวแต่หาตำแหน่งไม่ได้พวกนี้
    ถือว่าเป็นกิริยาปกติที่จะต้องเจอนะ ในเวลาปกติหูเราถึงจะพอมี
    หูพิเศษคือได้ยินคนนินทาเราระยะไกลได้ ๕๕๕ หรือจับสัญญานสัตว์ได้ว่า
    มันอยู่ตรงตำแหน่งไหนประมาณนี้..
    แต่ช่วงนี้อย่างมาก ก็เหมือนๆมีลมหมุนๆทำให้หูขวาตึงๆเล่นไปก่อน
    เรื่องปกติ.

    และตามตำราที่อ้างมา ก็ถือว่าถูกต้อง คือมันเป็นสัญญาเดิมในจิตเราที่เคย
    ทำได้มาในอดีตนั้นหละ ที่เค้าบอกว่าเป็นอวิชชาก็ถูก ในความหมายก็คือ
    เราไม่รู้จักวางนั่นหละ คือไปมัวสงสัย ค้นคว้าหาคำตอบ หรือพยายามแบบ
    ตั้งใจเกิ๊นที่จะฝึกต่อเพื่อให้มีหูพิเศษ และพอมีหูพิเศษก็ใช้ไปเรื่อยไม่ยอมวาง
    จนกลายเป็นยึดติด..เรื่องพวกนี้ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    และไม่ต้องสนใจเด่วมันจะมีพัฒนาการของมันเอง แต่ถ้าเราไปสงสัย
    ไปสนใจในขั้นตอนระหว่างทาง ขั้นไหนก็ตาม เราก็จะติดอยู่ที่ตรงนั้นนั่นหละ
    ปล.ประมาณนี้หละ ไม่มีไรหรอก..
     

แชร์หน้านี้

Loading...