โรคแปลกที่ปรากฏในห้อง จิตวิทยาฯ

ตอบ ข้อความสีแดง ใช่ค่ะ บางครั้งออกจากสมาธิ ก็ไม่หายค่ะ มันอยู่ทั้งวัน ยิ่งอยู่นานเสียงยิ่งเข้มข้น ไม่เท่านั้นจะมึน ๆ หนัก ๆ ศรีษะ

ตอบ ข้อความสีน้ำเงิน ใช่ค่ะ มันจะแผ่รัศมีเรือง ๆ ค่อย ๆ ขยาย ๆ ออกมาคล้าย ๆ ระรอกคลื่นน้ำ แต่บางเบามาก ถ้าตั้งใจมองดูจะไม่เห็น บางครั้งจะเห็นมันสว่าง ๆ ดับ ๆ ติด ๆ ถี่ ๆ กันค่ะ แถมเวลามองอะไร จะเห็นเป็นเม็ด ๆ คล้ายฟอสฟอรัส ยิบ ๆ ๆ ไปทั่ว เหมือนสิ่งที่มองเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เห็น น่ะค่ะ

 

ขอบคุณ อาจารย์สุวิ คุณโอม คุณมังกรบูรพานะคะ ใจดีจัง

ด้วยความเคารพ

 

คุณ kuro122

บางครั้งนั่งอยู่เพลินๆ ก็เหลือบๆตาเห็นดั่งสายหมอกขาว ลอยอ้อยอิ่งอยู่รอบๆกาย
ในสายหมอกมีละอองเล็กๆระยิบ แทรกอยู่ ดูเพลินตานัก
ยิ่งมายิ่งมาก ยิ่งมายิ่งหนาทึบ

พอกระพริบตาเพื่อดู ละอองหมอกนั้นพลันละลายค่อยๆจางหายไป ไม่อาจสัมผัสด้วยอยาตนะที่ทรงอยู่

 

บางครั้งนะคะ อาจารย์สุวิ มันจะเห็นเป็นคลื่นยิบ ๆ กระพริบตาก็ไม่หาย เห็นหนอ ๆ อย่างเดียว มันอยากเป็นคลื่นก็เป็นไป มันอยากหายก็หายไป

แรก ๆ มองแก้วน้ำ ต้องบอกว่า เพ่ง จากนั้นหลัง ๆ นี้ไม่ต้องเพ่ง แค่มอง จะเห็นแก้วมันยิบ ๆ เป็นคลื่นน่ะค่ะ มองขวดพลาสติก หรืออะไรก็เป็นค่ะ อยู่ที่ว่าจะเห็นชัดหรือไม่ชัดแค่นั้นเองค่ะ

ด้วยความเคารพ

 

ลองไปนั่งในสวน หรือที่มีต้นไม้ดู
เห็นละอองหมอกที่ว่าบ้างหรือยัง (ความจริงละอองหมอกนี้มีอยู่ทุกที่)

สิ่งที่คุณเห็น เห็นมากๆเข้า มันก็เป็นเช่นนั้นเอง ไม่มีอะไรแปลก
ก็เหมือเราเห็นสิ่งต่างๆรอบตัวเรานั่นแหละ
เหมือนเราได้เข้าไปท่องเที่ยวอยู่ในโลกใหม่ สถานที่ใหม่ๆ มีแต่สิ่งแปลกตา นานไปก็รู้มันเป็นเช่นนั้นเอง

อ้อ..เที่ยวแล้วกลับบ้านให้ถูกด้วยนะ
และที่สำคัญอย่าเอาไอ้ที่เห็น ไอ้ที่ได้ยิน ไอ้ที่สัมผัสนะ ฯลฯ กลับมาบ้านด้วยนะ และอย่าเอาไปให้ชาวบ้านดู หรือเล่าให้เขาฟัง
เดี๋ยวเขาจะจับไปอยู่สถานที่พิเศษ (ศรีธันยานะเอย-สงสัยถามอาจารย์ใหญ่ได้ แกป้วนเปี้ยนอยู่แถวนี้)

 

จริงๆละอองหมอก ไม่ว่าจะเป็น เส้นบางๆ หรือ เหมือนตาเรา ฝ้าๆ

จริงๆ เเล้วก็ เป็น สิ่งมีชีวิตอีก มิตินึง สิ่ง มนุษย์ไม่สังเกตุ

สิ่งมีชีวิตในอีก มิติ1 เล็กมากๆ เเละเราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า เพราะเเสงที่กระทบ

เเละเรตินา ของตาเนื้อเราไม่ได้ สร้างมาเพื่อให้ ฝุ่นละออง พยาธิ หรือ จุลทรีย์

นอกจาก เเว่นขยายที่ละเอียดมากๆถึงจะทำให้เราเห็นได้

นั้นคือ เหตุผลที่เราไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน การสื่อสารทำได้ง่าย

เพียงเเค่ ปรับจิตให้ สู่ สูญญากาศ แล้ว การสื่อสารจะผ่านทาง โทรจิตนั้นเองคะ

ลองดูง่ายๆ .................เห็นเเล้วก็ เเสดงว่า มองในจิตมากกว่านอกกายเเล้วคะ

 

คำว่า กำหนดรู้ แล้วแลอยู่

ยากที่จะอธิบาย เมื่อคุณเริ่มรู้เริ่มเห็นสิ่งที่เล่ามาแล้ว ก็ง่ายขึ้นในการอธิบาย
ถ้าคุณตั้งอกตั้งใจดู
คุณไม่มีทางเห็นมัน
และถ้าไม่ตั้งใจดู ไม่ตั้งใจสัมผัส ก็ไม่มีโอกาศได้เห็น ไม่มีโอกาศได้สัมผัส เช่นกัน

เพียงตั้งใจเบาๆ กำหนดรู้ แล้วแลอยู่
จึงจะเห็น จะได้ยิน จะได้ลิ้มรส จะได้กลิ่น จะได้สัมผัส และรับรู้ความเป็นไป ในโลกใหม่นี้

ฝึกไปเรื่อยๆ แบบสบายๆนะ

อ้อ...อย่าให้ใครจับส่ง ศรีธันยา ซะก่อนละ ...

 

แต่เวลาที่ได้ยินเสียงแห่งความเงียบ กับเห็นแสงสีมะลังมะเลืองนั้น มันจะปวดศรีษะ หนัก ๆ มึน ๆ ประมาณว่า ร่างกายมันรับไม่ไหว

ถ้าไม่นั่งสมาธิ เงียบ ๆ กับนอนเฉย ๆ (ทำให้ชอบนอน หลับตาบริกรรมไปเรื่อย ๆ )ก็จะมึนจนอยากจะอาเจียน ทรงตัวไม่อยู่

กลายเป็นคนเดี๋ยวนี้ ชอบอยู่เงียบ ๆ นั่งเงียบ ๆ คนเดียว เพลงไม่อยากฟัง (เจ็ดเดือนกว่าได้ค่ะ) เวลาได้ยินอะไรก็ชัดเจนเหมือนอยู่ใกล้ ๆ

ในหนังสือพระเดชพระคุณหลวงปู่จรัญฯ ท่านบอกว่า ยิ่งญาณสูง ๆ จะยิ่งมึนศรีษะ เลยทำใจอย่างเดียวค่ะ

ด้วยความเคารพ

 

ไม่ต้องทำอะไรเลย คะ

ต้อง คิดให้ตนเอง โปร่งเเสงทันที หรือ ให้ จิตเราหายไป

อาการทุกอย่าง จะ หายไปเเน่นอน

 

เย้..เย้...เย้....

ในที่สุด คนบ้าก็ได้มาอยู่รวมกัน ณ ห้องนี้

 

ไม่ทำอะไรแล้วค่ะ เพราะยิ่งดิ้นมันก็เป็น เลยเฉย ๆ อยากเป็นอะไรก็เป็น ทำไม่รู้ไม่ชี้ แค่มีสติตามดูเฉย ๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะที่แนะนำ

ด้วยความเคารพ

 

เย้ ๆ ๆ ไม่ได้บ้าคนเดียว เฟร้ยยยยย หุหุ ;aa52

 

คุณ kuro122

คุณเห็นหลอดไฟที่มันเปล่งแสงออกเป็ยวงๆ แล้วนะ(เหมือนกับคลื่นน้ำที่กระเพื่อมออกไปจากศูนย์กลางนะ)

คุณกำหนดนะ ให้หัวคุณเป็นดุจหลอดไฟที่เห็น กำหนดให้หัวพองตัวออกไป เป็นวงๆ จากจุดศูนย์กลางในหัวนะ
(คล้ายกับการภาวนาว่า เกสา ที่ได้ตำราไป)
วงแรก กระจายออก วงที่สองเริ่มก่อเกิด แล้วกระจายออก วงแล้ววงเล่าไม่สิ้นสุด จนว่างเปล่า
ที่อธิบาย ทำที่หัวแล้ว ให้มาทำที่ตัวต่อ (โลมา)
ให้ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเหลือ ดังที่สันโดษกล่าว

 

จะมีใครเล่า ที่เข้าใจพวกเรา ได้ดีกว่า พวกเราเอง

จริงไหม

 

ขอบคุณค่ะ อาจารย์สุวิ ไว้ให้ดี ๆ กว่านี้ก่อนนะคะ เพราะวันนี้มึน ๆ ซึม ๆ หนัก ๆ ศรีษะอีกแล้วน่ะค่ะ ได้เวลาปฏิบัติพระกรรมฐานแล้วด้วย

ขอบคุณ อ.สุวิ และคุณสันโดษนะคะ

ด้วยความเคารพ

 

Swell, man, swell!!​

Love it!!!​

 

คุณ kuro122ครับสิ่งที่เกิดกับคุณที่เห็นเป็นหมอกนั้นเกิดจากจิตของคุณเข้าสู่อุปจารณะสติจึงเห็นเป็นเช่นนั้นนะครับ การทีเพ่งแล้วเห็นบ่อยๆคือการที่จตมันชินกับการรวมเป็นสมาธิจึงเป็นเช่นนี้ไม่ต้องแปลกใจครับเดี๋ยวซักพักจะมีการปรับตัวทงจิตแล้วจะหายเอง คือสามารถบังคับได้ตามใจแล้วครับ

อาการพวกนี้ผมเป็นมาหมดแล้วเลยตอบได้คับ

 

.................กล่าวได้ถูกต้องครับ;welcome2

 

ขอบคุณค่ะ ถามเพิ่มเติมนะคะ แล้วเอาไปทำอะไรได้คะ เพราะปฏิบัติ ที่ผ่านมา เขาเห็นอะไรกัน ก็ไม่เห็นอะไรกับเขา ไม่มีฤทธิ์อะไรกับเขาน่ะค่ะ เพราะเวลาปฏิบัติ จะไม่ชอบอะไรจุกจิก จะเงียบ ๆ บริกรรมดูเกิดดับอย่างเดียวนะค่ะ

ด้วยความเคารพ


;aa40

 

..............เพิ่มให้อีกนิด ..เป็นอาการของความเร็วของจิต ที่เข้าใกล้ ความเร็วของแสงครับ หรือเรียกว่า อุปจาระหยาบ ครับ .. ถ้าเข้าใกล้กว่านี้มาก ๆ จะเห็นโฟตอน เหมือนกับ ลูกไฟตกลงมาเป็นห่าฝนเลยครับ .....นั่งไปเรื่อย ๆ น่ะครับ จะได้เห็นอะไรอีก เยอะ ครับ.....ความจริงแล้ว ความเร็วของจิตเร็วกว่าแสงเยอะมาก ๆ ครับ ถ้าใครได้ ฌาณ 4 แล้วจะรู้ครับว่า เวลาที่จิตใช้เดินทางไปทุกที่ เป็น 0 ครับ คือไม่ต้องใช้เวลา