โลกหลังความตาย

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย สรวงพิมาน, 24 เมษายน 2017.

  1. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  2. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    การพิสูจน์เกี่ยวกับ ชีวิตภายหลังความตาย รวมถึง การตายแล้วเกิดนี้ มีบุคคลที่ทำการพิสูจน์เชิงประจักษ์ หลากหลายวิธี เช่น.....

    พิสูจน์โดย กระบวนการและเครื่องมือวิทยาศาสตร์
    เช่น การสะกดจิตย้อนอดีตชาติ

    ในปัจจุบัน การสะกดจิตเป็นวิทยาศาสตร์แขนงหนึ่ง ที่มีความก้าวหน้าไปมาก ก้าวหน้าจนถึงขนาดที่ สามารถสะกดจิตย้อนอดีตชาติได้ และสามารถใช้การสะกดจิตย้อนอดีตชาติ รักษาคนไข้ที่มีอาการหวาดกลัว และวิตกกังวลอย่างเฉียบพลัน (Phobias) ซึ่งเป็นผลมาจากความทรงจำที่ฝังใจมาตั้งแต่อดีตชาติได้แล้ว

    โดยทางการแพทย์ เรียกการรักษาแบบนี้ว่า การรักษาโดยการฟื้นความทรงจำย้อนกลับไปยังอดีตชาติหรือ Past Life Regression Therapy ในประเทศไทยมีผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ เช่น นายแพทย์เชียร สิริยานนท์ อุปนายกสมาคมค้นคว้าทางจิตแห่งประเทศไทย และ รศ.นพ.ธวัชชัย กฤษณะประกรกิจ จิตแพทย์ และผู้อำนวยการ ศูนย์อนัมคารา เพื่อปัญญาเมตตา และสันติสุข

    ในต่างประเทศ อาทิ ในประเทศอเมริกา ก็มีจิตแพทย์หลายท่าน เช่น ดร. ไบรอัน แอล. ไวส์ ที่บำบัดผู้คนด้วยการสะกดจิตย้อนอดีตชาติ

    สำหรับหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ ก็มีการใช้เครื่องตรวจจับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า พิสูจน์การมีอยู่ของวิญญาณ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า คุณสมบัติหนึ่งของวิญญาณ คือ มีพลังคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอยู่ด้วย

    นอกจากนี้ นักวิทยาศาสตร์บางกลุ่ม ยังใช้เครื่องบันทึกเสียงที่สร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ เพื่ออัดเสียงวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งก็มีผลงานก้าวหน้าไปอย่างน่าสนใจ

    เช่นเดียวกับ การใช้เครื่องถ่ายภาพรังสีออร่า
    เพื่อจับพลังงานที่อยู่รอบๆ ตัวของคนเรา เชื่อว่าออร่านั้นคือ ส่วนที่เรียกว่าวิญญาณของคนเรานั่นเอง

    อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีการพิสูจน์ด้วยวิธีอื่นๆ อีก ได้แก่ การปฏิบัติ สมถกัมมัฏฐาน วิปัสสนากัมมัฏฐาน จนได้องค์ฌาน หรือการฝึกสมาธิจิตรูปแบบอื่นๆ ในทางพุทธศาสนา หากจะให้ระลึกชาติได้ ต้องเข้าถึงจตุตถฌาน และน้อมจิตไปเพื่อปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จึงจะทำให้สามารถหยั่งรู้อดีตชาติได้

    หรือน้อมจิตไปเพื่อจุตูปปาตญาณ ทำให้มีตาทิพย์สามารถมองเห็นอดีต มองเห็นอนาคต เห็นความเกิดดับของสัตว์ มองเห็นกรรมของสัตว์ และเห็นนรกสวรรค์และภพภูมิอื่นๆ นอกเหนือจากโลกมนุษย์ได้

    ตัวอย่างของผู้เข้าถึงแล้ว ได้แก่ พระพุทธเจ้า พระอริยสาวก พระอริยสงฆ์ และพระเกจิอาจารย์หลายรูป หรือแม้แต่นักพรต พราหมณ์ และผู้ฝึกสมาธิจิตในรูปแบบอื่น ก็สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน

    andoned-house-starry_night-Milky_Way-galaxy-grass-South_Dakota-long_exposure-dark-spooky-748x468.jpg

    การพิสูจน์โดย การเชิญวิญญาณ หรือโอปปาติกะเข้าทรง หรือศึกษาจากผู้ถูกผีเข้าสิง วิธีนี้ อาจทำให้ต้องพบกับนักหลอกลวงต้มตุ๋น ซึ่งมีอยู่จำนวนมากกว่า ๙๐ เปอร์เซ็นต์ในสังคมได้

    ตัวอย่างผลงานการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในประเทศไทย เช่น โครงการวิจัยประจักษ์พยานเกี่ยวกับปรโลก โดยการเชิญวิญญาณเข้าทรง ของ รศ.ดร.บุณย์ นิลเกษ อดีตอาจารย์คณะมนุษย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผลการศึกษาวิจัยของท่าน ได้ยืนยันการมีอยู่ของวิญญาณ และชีวิตหลังความตาย

    พิสูจน์โดย ให้ผู้ที่มีวิชาเรียกวิญญาณให้ปรากฏตัวให้เห็น ผู้มีวิชาเรียกผีของแท้ในประเทศไทยยังมีเหลืออยู่ไม่มาก แต่นักหลอกลวงต้มตุ๋นมีมากกว่ามาก การพิสูจน์โดยวิธีนี้ จึงต้องระมัดระวังอย่างรอบคอบ

    พิสูจน์จาก ผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ตาย ตายแล้วฟื้น หรือ วิญญาณออกจากร่างชั่วขณะหนึ่ง ที่ผ่านมา มีตัวอย่างของผู้ที่มีประสบการณ์เชิงประจักษ์ ในลักษณะนี้ จำนวนมากทั่วโลก มีนักวิทยาศาสตร์หลายคณะ กำลังศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจัง และได้พบกับข้อเท็จจริง ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจิต และสมองว่า เป็นคนละส่วนกัน

    กล่าวคือ เมื่อตาปิดสนิท สมองหยุดทำงานโดยสิ้นเชิง ผู้ป่วยบางราย สามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งกับตัวเอง และผู้อื่น ในสถานที่ห่างออกไปได้ และเมื่อเขากลับฟื้นขึ้นมา สมองทำงานอีกครั้งเ ขาได้บอกเล่าประสบการณ์นั้นให้ฟัง ซึ่งบางเรื่อง สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง

    พิสูจน์จาก ผู้ระลึกชาติได้และผู้จำอดีตชาติได้ การศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทำกันมาก อีกทั้ง กรณีศึกษาก็มีมาก ในหลายประเทศ มีผลงานการศึกษาวิจัยออกมามากมาย และต่อเนื่อง เช่น ผลงานวิจัยของ ศาสตราจารย์ นายแพทย์เอียน สตีเวนสัน แห่งมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา

    ผลงานวิจัยของ ดร.เอช เอ็น บาเนอร์จี แห่งมหาวิทยาลัยราชฐาน ประเทศอินเดีย และคณะศึกษาวิจัยอีกจำนวนมาก ทั้งในประเทศอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน ออสเตรเลีย พม่า ไทย และประเทศอื่นๆ

    ซึ่งพบผู้จำอดีตชาติได้จำนวนมาก ในหลายประเทศทั่วโลก ไม่จำกัดชาติศาสนา และผลของการศึกษาที่ได้ ก็ออกมาแนวทางเดียวกันทั้งหมด คือ บรรดานักศึกษาวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า มันไม่มีอยู่จริง เนื่องจาก มีพยานหลักฐานที่เป็นรูปธรรม ให้สามารถพิสูจน์ได้อยู่พอสมควร

    พิสูจน์โดย การศึกษาผู้ที่มีรอยแผลเป็น รอยตำหนิอื่นๆ หรือผู้ที่มีความผิดปกติ พิการทางร่างกายตั้งแต่แรกเกิด อันสืบเนื่องจากอดีตชาติ จากการศึกษาวิจัย ที่จำอดีตชาติได้พบว่า ลักษณะต่างๆ ดังกล่าวเหล่านี้ มีความสัมพันธ์กันอย่างมีเหตุมีผล และเป็นหลักฐานที่เป็นรูปธรรมที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง ที่ใช้ในการพิสูจน์การสืบชาติมาเกิดของบุคคล ซึ่งคณะที่ทำการศึกษาวิจัย ผู้จำอดีตชาติได้ทุกคณะ ในหลายประเทศ ต่างก็พบ และให้ความสนใจกันมาก ในขณะนี้

    เช่น รอยบาดแผลที่ถูกยิงในอดีตชาติ ปรากฏเป็นรอยแผลเป็นในปัจจุบันชาติ เป็นต้น การสังเกตและศึกษา จากเด็กที่เกิดมาแล้ว มีรอยตำหนิหรือแผลเป็นมาตั้งแต่แรกเกิดส่วนใหญ่ จะจำอดีตชาติได้ด้วย

    วิธีนี้ นับเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึง การสืบชาติมาเกิด ได้อย่างเป็นรูปธรรม และถูกต้อง ตามหลักการทางวิทยาศาสตร์



    ....................................................................................................................................

    https://sites.google.com/site/thair...cases-foreword/life-after-death-investigation
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2017
  3. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
  4. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267
    spirit-world.jpg

    เวลาของโลกมนุษย์และโลกวิญญาณ

    เรื่องเวลาที่แตกต่างกันนี้ พระพุทธองค์ ได้ตรัสไว้มากว่า 2500 ปีแล้ว ดังที่เราเห็นได้ในพระไตรปิฎก พระพุทธเจ้าตรัสว่า 1 ปีทิพย์ของสวรรค์มี 360 วันทิพย์ของสวรรค์แต่ละชั้น

    และเวลาของสวรรค์แต่ละ ชั้นเทียบกับของโลกก็ไม่เท่ากัน เทวดาในสวรรค์แต่ละชั้น ก็อายุไม่เท่ากันเช่นกัน ดังนี้ ชั้นจาตุมหาราชิกา มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 50 ปีโลกมนุษย์ เทวดามี 500 ปีทิพย์ เท่ากับ 9 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นดาวดึงส์ มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 100 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ 1000 ปีทิพย์ เท่ากับ 36 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นยามา มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 200 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 2000 ปีทิพย์ เท่ากับ 144 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นดุสิต มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 400 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดาคือ 4000 ปีทิพย์ เท่ากับ 576 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นนิมมานรดี มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 800 ปีโลกมนุษย์ อายุขัยเทวดา คือ 8000 ปีทิพย์ เท่ากับ 2304 ล้านปีโลกมนุษย์

    ชั้นปรนิมมิตวสวัตตี มี 1 วันทิพย์ เท่ากับ 1600 ปีโลกมนุษย์ เทวดามีอายุ 16000 ปีทิพย์ เท่ากับ 9216 ล้านปีโลกมนุษย์

    การสิ้นอายุขัยของเทวดาเทวดา ก็สิ้นอายุขัยได้ เมื่อสิ้นอายุขัย เทวดาก็จะจุติออกจากสวรรค์นั้น ไปเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง หรืออาจจะหล่นไปมหานรกก็ได้ ขึ้นอยู่กับกระแสบุญ - บาป จะได้ช่องหรือส่งผล

    ซึ่งการสิ่นอายุขัยของเทวดา มีเหตุเป็นไปได้ 4 ประการ คือ...

    1. สิ้นชีวิตตามอายุในสวรรค์ชั้นนั้น

    2. สิ้นชีวิตก่อนถึงกำหนดอายุในสวรรค์ชั้นนั้น

    3. สิ้นชีวิตเพราะสนุกจนลืมกินอาหาร

    4. สิ้นชีวิตเพราะความโกรธ เมื่อเทวดาโกรธ จะกลายเป็นไฟไหม้ตนเอง

    การที่เทวดา จะกลับมาเกิดเป็นเทวดา หรือมนุษย์อีกครั้ง เป็นเรื่องที่ยากยิ่ง กว่าการงมเข็มในมหาสมุทร ด้วยเหตุนี้เอง พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ทั้งหลาย จึงไม่ปรารถนาในสุขสมบัติของสังสารวัฎอันไม่เที่ยงนี้ ท่านจึงเสด็จเข้าสู่นิพพานสมบัติทุกพระองค์

    maxresdefault.jpg

    สำหรับเวลาของนรกนั้น แบ่งออกเป็น...

    1. สัญชีวมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๕oo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๙,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑,๖๒o,ooo ล้านปีมนุษย์

    2. กาฬสุตตมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรกในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๑,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๓๖,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑๒,๙๖o,ooo ล้านปีมนุษย์

    3. สังฆาตะมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๒,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๑๔๔,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๑o๓,๖๘o,ooo ล้านปีมนุษย์

    4. โรรุวมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๔,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๕๗๖,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๘๓๑,o๔o,ooo ล้านปีมนุษย์

    5. มหาโรรุวมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๘,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๒,๓o๔,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๖,๖๓๕,๕๒o,ooo ล้านปีมนุษย์

    6. ตาปนมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ ๑๖,ooo ปีอายุกัป โดยระยะเวลาเพียง ๑ วัน ที่การทำฑัณฑ์ทรมานได้ผ่านพ้นไป สามารถนับระยะเวลาในเมืองมนุษย์ได้ถึง ๙,๒๑๖,ooo,ooo ปี

    และหากนับระยะเวลาทั้งหมด ในมหานรกขุมนี้ จึงเท่ากับ ๕๓,o๘๔,๑๖o,ooo ล้านปีมนุษย์

    7. มหาตาปนมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ "ครึ่งอันตรกัป" ของมนุษย์

    8. อเวจีมหานรก เกณฑ์เฉลี่ยอายุของสัตว์นรก ในมหานรกขุมนี้ มีประมาณ "๑ อันตรกัป" ของมนุษย์

    สำหรับ อายตนะโลกันต์ / โลกันตร์ อันอยู่ถัดไปเบื้องล่างของภพ ๓ นั้น สัตว์โลกันต์ / โลกันตร์ จะมีเกณฑ์อายุเฉลี่ยโดยประมาณ ๑ พุทธันดร

    ..........................................................................................................................................

    ผู้เขียน : ชิณธันย์


    http://www.vcharkarn.com/blog/91484

     
  5. สรวงพิมาน

    สรวงพิมาน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 เมษายน 2017
    โพสต์:
    326
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +267

แชร์หน้านี้

Loading...