*** โองการฟ้า ****

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย หนุมาน ผู้นำสาร, 31 มีนาคม 2013.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** อย่าเอาท้องฟ้า มาเป็นสนามรบ ****

    หมายถึงว่า...เรื่องพื้นดิน นั้น.... แล้วก็แล้วไป
    ประเทศต่างๆ อเมริกา รัสเซีย จีน อินเดีย อิหร่าน เกาหลี ญี่ปุ่น ไทย พม่า ลาว เขมร และ ประเทศอื่นๆ
    ที่เคยครองสิทธิ ที่ดิน นานมาแล้ว...ก็แล้วไป

    ทุกชนชาติ...ไม่ควรเอาท้องฟ้าเป็นสนามรบ
    ให้เป็นโอกาสของดวงวิญญาณ ที่เขาจะมา

    หากไม่เชื่อ...รบกันแล้ว
    จะไม่มีใครเสียใครสูญ
    มันระส่ำระสาย
    ไม่มีใครเสียหาย แต่ทำให้ปั่นป่วน

    เวลานี้...แต่ละประเทศ
    ถ้ากดปุ่มอาวุธนำวิถีเมื่อไหร่....มันจะเป็นไปทั้งหมด
    มันจะเกิดความผิดพลาด...ไปหมด
    แต่นี้...แน่นอนหรือไม่ ???
    ของเหล่านี้จูนระบบ...นำร่องด้วย "แสง"
    แต่ แสงหักเหได้
    มันอาจหักเหได้...ไปตกประเทศอื่น
    จะลุกลามใหญ่
    หลายประเทศ จะเอาข้อมูลไม่เป็นเรื่องมาอ้าง

    ดังนั้น...เรื่องภัยพิบัติโลกาวินาศ
    จะเกิดขึ้น หรือ ไม่
    ขึ้นอยู่กับ...ความคิด การตัดสินใจของผู้นำแต่ละประเทศ

    หาก...มีประเทศหนึ่ง ประเทศใด
    กดปุ่มยิงขีปนาวุธขึ้น
    โลก...จะเปลี่ยนแปลง...อย่างฉับพลัน !!!!
    จึงขอฝากไว้...ถึง ผู้มีอำนาจของแต่ละประเทศ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    ** ดิน น้ำ ลม ไฟ ****

    "ดินฟ้าอากาศ".... เป็นพี่เลี้ยง ให้กับ "พระไตรปิฎก" เมื่อยามปรากฏบนโลกเป็น "โลกุตตระ" มนุษย์เหนือโลก
    "พระแม่ธรณี"...บอกกับ "โลกุตตระ" ว่า..."ขอเชิญท่านกลับ เมื่อไม่มีผู้ใดสนใจท่าน"

    "ไฟป่า"...ที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ...คือ ความเมตตาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ...จัดสรรให้ สรรพสัตว์ และต้นไม้ ได้ตายลง และไปเกิดใหม่...หมดการชดใช้กรรม ไปอีก ๑ ชาติ...แล้วไปเกิดใหม่ในที่ที่ดีขึ้นตาม ผลการกระทำ.... คือ "ตัวกระทำ" ที่ติดอยู่กับดวงจิตวิญญาณ

    "สายฟ้า" มักทำลายผู้ผิด "สัจจะ" ร้ายแรง ...ไม่ว่าจะเรียกว่าอะไรก็ตาม...เช่น สาบาน ปฏิญาณ คำสัตย์ สัตย์อธิษฐาน สัจจะอธิษฐาน ฯลฯ
    "ฟ้าอากาศ"...ประทาน "สายฟ้า" ลงกลางป่าใหญ่...เกิดไฟป่าเผาผลาญสัตว์ ต้นไม้ ให้ไปเกิดใหม่

    "น้ำ"...เมื่อ มนุษย์ขาด "ความเมตตา"... ไม่เชื่อใน "หลักสัจจะธรรม" ...ปากบอกเชื่อ แต่การปฏิบัติไม่มี...สร้างความโหดร้ายต่อกัน...น้ำ สิ่งที่ "หล่อเลี้ยงมนุษย์" จะถูกจัดสรร...ให้แห้งหายไป โดยซึมหายไปใน ดิน คือ "แม่ธรณี"...และ ระเหยขาดหายไปด้วย...พลังงานจาก "แดนนิพพาน" นั่นคือ "ดวงอาทิตย์"

    เมื่อ... "มนตรีพระ ทั้ง ๓๒ องค์ ที่ดูแลจักรวาล" ...เห็นว่า ถึงเวลาแล้ว ...ที่จะต้องจัดสรรโลกให้สมบูรณ์ขึ้น...จึงจัดสรร "น้ำ" ที่อยู่ในรูปน้ำแข็งใน "แหล่งน้ำของจักรวาล คือ ทางช้างเผือก"...มาสู่โลก ด้วยกระแส "ลม" ในจักรวาล...ให้มาลงที่ ไซบีเลีย...เสียดสีกับอากาศ จนกลายลักษณะเป็น ละอองฝน ละอองน้ำ มีเพียงบางส่วนที่ตกมาเป็น ก้อนน้ำแข็งกลมใหญ่เท่าแตงโม...จึงเกิดเป็นปรากฏการณ์ต่างๆ ในท้องฟ้า เช่น ฝนดาวตกในช่วงเวลาต่างๆ

    โลกยุคใหม่...ที่กำลังจักเกิดขึ้น จึงมีน้ำมาเติมจนเต็มครบส่วน ตามที่ขาดหายไป...และจะกลายเป็น "ยุคศิวิไลซ์"...หรือ "ยุคพระศรีอารย์" ...หรือ สวนสวรรค์ตามคัมภีร์โบราณต่างๆ ได้กล่าวไว้
    เมื่อ โลกมี "ปริมาณน้ำเพิ่มมากขึ้น"...การพยากรณ์ดินฟ้าอากาศ ของมนุษย์จากสถิติเก่า จึงผิดเพี้ยนไป...ไม่สามารถคาดการได้ถูกต้องแม่นยำ เหมือนที่เคยทำได้

    "ดิน" ...แม่ธรณี คือ แผ่นดิน ...รวมดิน หิน ทราย และ ซากสังขารของ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ที่เน่าเปื่อยทับทม คือ เปลือกโลกทั้งหมด....
    แผ่นดิน ชั้นหิน...คือ "บันทึกประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดของโลก...ไว้ให้มนุษย์ได้ ค้นคว้าศึกษา "ความจริงที่เกิดขึ้นในอดีต"... เพื่อจะได้เข้าใจ "หลักสัจจะธรรม" และผลของการกระทำของมนุษย์ในอดีตกาลยุคต่าง ๆ ที่ผ่านมา .... แต่ มนุษย์ ก็มองข้ามไม่สนใจค้นหาว่า...อะไรคือ "หลักสัจจะธรรม" ...และ....อะไร คือ "การปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักสัจจะธรรม"
    การเคลื่อนไหวของเปลือกโลก...แผ่นดินไหว แผ่นดินแยก แผ่นดินทรุด ภูเขาไฟระเบิด ...คือ การจัดสรรของโลก...เพื่อให้เกิด ความสมบูรณ์ และสมดุล

    หาก...มนุษย์ไม่ฝ่าฝืน "โองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์" ที่มอบไว้ให้เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ ..."อย่าได้เอาท้องฟ้ามาเป็นสนามรบ"....โลก คือ ทั้ง ดินฟ้าอากาศ จะปรับตัวอย่าไม่โหดร้าย...เพราะ โองการนี้ เป็นทั้ง "พรศักดิ์สิทธิ์" เมื่อมนุษย์ร่วมใจกันปฏิบัติตาม...แต่ โองการนี้ จะเป็น "คำสาป" ทันที เมื่อมนุษย์ผู้ใดผู้หนึ่งฝ่าฝืนโองการ...วันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันสิ้นยุค จะปรากฏทันที...โลกมนุษย์จะ "ระส่ำระสาย"...จะหาผู้แพ้ ผู้ชนะสงครามไม่ได้

    ขอให้มวลมนุษย์โลก...ช่วยกันอ้อนวอน มนุษย์ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก...อย่าได้ก่อสงครามอีก...อย่า ได้ฝ่าฝืน โองการของพระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล...ขอให้ใช้พลังมวลชนเพื่อสันติสุข ช่วยกันออกมาหยุดยั้งสงคราม เพื่อให้สังคมโลกกลับมาสงบสุขอีกครั้ง...เพื่อที่มนุษย์และสัตว์ทุกชีวิต จะได้ร่วมกันก้าวเดินไปสู่ "ยุคศิวิไลซ์" ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่นานข้างหน้า

    ขอให้มนุษย์ทุกคน รักษาชีวิต และร่างกายไว้ให้ดีที่สุด...และได้พบกับพระเจ้า พระผู้เป็นเจ้า โลกุตตระ และหลักสัจจะธรรม สิ่งสูงสุดในจักรวาล ต่อไปในอีกไม่นาน

    ขอให้ผู้มีเมตตาต่อมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ได้ช่วยกันเผยแพร่ธรรมนี้ให้กระจายครอบคลุมทั้งโลก
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  3. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    คนทุกชาติ ทุกศาสนา...
    ถ้าไม่มี "สัจจะ" ....
    ก็ไม่มีวันได้พบแสงสว่าง...หนทางหลุดพ้นจากความทุกข์

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  4. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** ประกาศ ****

    ขอให้สัตว์โลกทั้งหลาย
    หยุดยั้งการรบราข้าฟัน ล้างเชื้อชาติเผ่าพันธุ์
    จงสงบศึกตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

    เราวิงวอนขอให้ท่านเลิก
    ถ้าใครไม่เลิก ไม่ว่าประเทศใดก็ตาม จะพบแต่ความวิบัติ
    นี่คือ คำปรารถนาของเราและเจตนาของโลกุตตระ

    ประกาศไว้ เมื่อคืนก่อนขึ้นปี พ.ศ.๒๕๔๗
    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  5. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,674
    ค่าพลัง:
    +51,948
    *** สารโปรดมวลมนุษย์ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล ****


    ศาสนศาสตร์ในโลกที่เราอาศัยอยู่นี้ แท้จริงแล้วมีเพียงหนึ่งเดียว....เพราะทุกชีวิตทุกดวงวิญญาณ จะต้องอยู่อาศัยบนโลกมนุษย์ด้วยหลักเดียวที่ปักไว้อย่างมั่นคง นิ่ง ไม่กระดุกกระดิก นั้นคือ “หลักสัจจะธรรม”.... ทุกดวงวิญญาณจะต้องเวียนว่ายตายเกิด เพื่อทำในสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ และทำในสิ่งที่ยังทำไม่ได้....คือ การปลิด ปลด ลด เลิก นิสัยสันดานที่ไม่ดีของตนเองที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด....ทุกชีวิตในจักรวาล คือ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้ ล้วนคือดวงวิญญาณ คือเพื่อนร่วมทุกข์ ร่วมสุข เป็นเพื่อนร่วมโลกที่ต้องอาศัยพึ่งพากันทั้งสิ้น...มนุษย์ คือ ผู้มีร่างกายที่สมบูรณ์ มีสติปัญญา รู้ดี รู้ชั่ว สามารถคิดและเลือกทำในสิ่งที่ต้องการได้...สัตว์และต้นไม้ คือ ผู้ที่เคยกระทำผิด เบียดเบียนชีวิต และร่างกายผู้อื่นทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ จึงถูกพิจารณาลงโทษให้ดวงวิญญาณไปเกิดในร่างของสัตว์และต้นไม้ อยู่อาศัยหากินได้ด้วยความทุกข์ทรมานแสนยากลำบากยิ่ง...

    สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล จึงมีพระเมตตาให้ทุกดวงวิญญาณได้มีโอกาส มีหนทางพ้นทุกข์....ในแต่ละยุคสมัย จึงลงมาปรากฏกายบนโลกมนุษย์ เพื่อส่งมอบศาสนศาสตร์ คือ คำสั่งสอนในแต่ละศาสนา ให้มนุษย์ในแต่ละยุคได้นำไปปฏิบัติ....จนกว่าจะสามารถขจัดนิสัยสันดาน กิเลส ตัณหา ได้จนหมดสิ้น...ดวงวิญญาณของผู้ที่ทำได้ จึงไม่ต้องเกิดใหม่อีกครั้ง....แต่จะได้เดินทางไปยังดินแดนที่ไม่ตาย ไม่สูญสลาย มีแต่ความสุขที่แท้จริง ... นั้น คือดวงวิญญาณจะสามารถหลุดพ้นไปจากแรงดึงดูดของโลก ออกไปในอวกาศมุ่งสู่ภายในดวงอาทิตย์ที่แสนอบอุ่น คือ ดินแดนที่สุดของสรวงสวรรค์ เรียกว่า “แดนนิพพาน” ...เมื่อนั้นเราจึงจะรู้ได้เห็น สิ่งที่เราเคยกระทำมา ทุกย่างก้าวในอดีตทั้งหมด

    ศาสนาที่กำเนิดขึ้นบนโลกหลายยุคสมัย คือ คำสั่งสอน คำบัญชาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในจักรวาล ที่ได้ส่งมอบให้มนุษย์ผู้หนึ่งที่เชื่อและศรัทธา ได้นำไปปฏิบัติและเผยแพร่ต่อไป....คำสั่งสอนในแต่ละยุคจึงเหมาะสมต่อสภาวะ สถานการณ์ในขณะนั้น....ศาสนาต่างๆ จึงเป็นคำสั่งสอนเพื่อให้มนุษย์มีเมตตา มีความรัก ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ช่วยให้เกิดความสงบสุขบนโลกมนุษย์....มีเพียง ศาสนาเดียว ที่เป็นคำสั่งสอนสูงสุดที่จะทำให้มนุษย์สามารถปฏิบัติตน จนหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และมุ่งสู่ดินแดนที่สุดของสรวงสวรรค์ได้ ...คือ “พุทธศาสนา”... ดังนั้น ศาสนาพุทธจึงเป็นศาสนาหลักของโลก โดยมีศาสนาอื่นคอยช่วยสนับสนุนมนุษย์โลก ให้มาพบศาสนาพุทธในภายหลัง เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม

    พระวจนะของพระผู้เป็นเจ้า หมายถึง คำพูด คำบัญชาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือ พระเจ้า หรือ พระผู้เป็นเจ้าสูงสุดของทุกศาสนา ซึ่งแท้จริงแล้วคือ “โลกุตตระ” นั้นเอง

    โลกุตตระ หมายถึง “พระไตรปิฎก” ที่อุบัติเกิดขึ้นเป็นมนุษย์เหนือโลก บนโลกทุกๆ หมื่นปี กำเหนิดขึ้นมาในยามที่ศาสนศาสตร์กำลังจะวิบัติ มนุษย์นับถือศาสนาแต่ปากและกำลังจะทำลายล้างกันเอง จึงต้องอุบัติมาเพื่อสานต่อศาสนาจนครบอายุพุทธกาลที่ได้พยากรณ์ไว้ …โดยโลกุตตระ จะนำพาสั่งสอนให้บุรุษผู้หนึ่งที่เชื่อพระองค์ ได้บรรลุธรรมสูงสุด .... แล้วจึงเป้นหน้าที่ของบุรุษผู้นี้ที่จะต้องนำพาทุกดวงวิญญาณให้ได้พบกับ “หลักสัจจะธรรม” ได้รู้ “ความหมายของหลักสัจจะธรรม” ที่แท้จริง... เพื่อให้มนุษย์ได้ยำเกรง “ผลการกระทำของตนเอง” ว่าจะต้อง มีผลตอบแทนย้อนกลับมา...อย่างแน่นอน

    พระไตรปิฎก หมายถึง “คำสั่งสอนทั้งหมดของพระพุทธเจ้า” ศาสดาของพุทธศาสนาทุกพระองค์ที่เคยอุบัติเกิดขึ้นมาแล้วบนโลกหลายยุคสมัย พระไตรปิฎกจึงเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาลเป็นคำบัญชา เป็นโองการสูงสุดที่มนุษย์จะต้องเชื่อและปฏิบัติตาม

    เหตุของวันสิ้นยุค หรือ เหตุของวันแห่งการพิพากษา คือ ผู้มีอำนาจของประเทศหนึ่งประเทศใดฝ่าฝืน ไม่เชื่อ ไม่ปฏิบัติตามโองการของพระเจ้าสูงสุดของแต่ละศาสนา ซึ่งหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นสากลโลกและจักรวาล นั่นคือ โองการของโลกุตตระ

    โองการของพระผู้เป็นเจ้าครั้งล่าสุด ซึ่งหมายถึง โองการของโลกุตตระ คือ พรโปรดมนุษย์ ที่ประกาศไว้ เมื่อ วันเสาร์ที่ ๒๗ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๐ มีเนื้อความว่าดังนี้
    “ ถึง ผู้มีอำนาจทั้งหลายทั่วโลก เราขอประกาศไว้ว่า.......สถานที่นี้ เอาหลักธรรมของ โลกุตตระ มานำสัตว์ให้หลุดพ้น เพราะฉะนั้นผู้มีอำนาจทั้งหลาย ขอให้ตั้งอยู่ในความสงบ อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ ถ้าฝ่าฝืน ประเทศใด ประเทศหนึ่งฝ่าฝืนโองการของ โลกุตตระ.......ฟ้าจะต่ำลงมา ”

    ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้น หมายถึง ฟ้าจะต่ำลงมา...ยักษ์ที่ถูกสาปจะตื่นลุกขึ้นอาละวาด คือ เปลือกโลกทั้งหมดจะเคลื่อนตัวครั้งยิ่งใหญ่ โลกจะเสียสมดุลหมุนกวัดแกว่ง....มนุษย์บนโลกจะเห็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดาวเดือนไม่เคลื่อนที่ตามปกติ ไม่เป็นเส้นตรง … มนุษย์ในอวกาศ จะมองเห็นโลกหมุนพลิกกลับไปมา หักมุม... สงครามที่ฝ่าฝืนโองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ บังอาจใช้ท้องฟ้าเป็นสนามรบ จะไม่มีฝ่ายใครเสียใครสูญ หาผู้ชนะไม่ได้.... แต่จะทำให้ โลกมนุษย์ “ระส่ำระสาย”... ประเทศที่โหดร้ายจะราบพณาสูญ หลายประเทศที่เป็นเกาะอยู่ติดหน้าผาที่ขอบเปลือกโลก จะจมหายในทะเล คลื่นยักษ์สูงเท่าฟ้าจะถาโถมใส่แผ่นดินและเกาะต่างๆ....เมืองและผู้คนที่ไม่เชื่อใน “สัจจะ” จะถูกกวาดหายไปสิ้น...แผ่นดินจะแยกออก พ่นไฟสีเขียวจากใต้พิภพมาเผ่าผลาญและสูบสิ่งที่ไร้สาระและมนุษย์ที่ไม่ถูกจัดสรรให้เข้ายุคศิวิไลซ์ จะหายจมลงใต้พื้นดิน...สายฟ้าที่ใหญ่กว่ามนุษย์เคยพบเห็นหลายร้อยหลาย พันเท่า จะฟาดลงกลางเมืองถิ่นของมนุษย์ที่จิตใจสกปรกหยาบช้า .... แผ่นดินจะระเบิดออก เพราะแรงจากพายุสายฟ้า ... พายุที่ยิ่งใหญ่จะก่อตัวติดๆ กัน ลูกแล้วลูกเล่า พัดทำลายความชั่วร้ายทุกอย่างจนหมดสิ้น...รวมทั้งความชั่วร้ายโหดร้ายในใจมนุษย์ชนิดขุดรากถอนโคน

    เรือของโนอาห์ เคยช่วยให้มนุษย์และสัตว์รอดจากภัยน้ำท่วมโลกในอดีต แต่ยุคปัจจุบัน สิ่งที่จะช่วยให้รอดพ้นจากสรรพภัยทั้งปวง คือ “สัจจะ” สัญญาใจของตนเอง คือ การตั้งใจจริง ที่จะทำความดีอยู่เป็นประจำทุกวัน วันละอย่าง วันละข้อ โดยกำหนดความชัดเจนที่จะทำให้กับตนเองด้วย “กำหนดเวลา” ที่จะสิ้นสุด ... จึงขอให้เชื่อว่า “สัจจะ มีผลตอบแทน” ... ผู้มีสัจจะ ผู้ทีเชื่อในสัจจะ คือ ผู้ที่ได้รับการคัดสรรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จากโลกกุตตระ หรือพระผู้เป็นเจ้า จะได้รับการยกเว้นจากดินฟ้าอากาศ ให้อยู่รอดอย่างปฏิหาริย์…. เพื่อจะได้พบกับ “หลักสัจจะธรรม” และ “บุรุษผู้ที่ทำได้” ในยุคศิวิไลซ์ต่อไป

    หนุมาน ผู้นำสาร หมายถึง นามแฝง ของผู้นำสารจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดในจักรวาล คือ ศาสนทูตของพระผู้เป็นเจ้าในยุคปัจจุบัน ก่อนที่มนุษย์โลกกำลังจะเผชิญกับสรรพภัยทั้งปวงกึ่งพุทธกาล หรือ วันสิ้นยุค หรือ วันพิพากษา หรือ วันโลกาวินาศตามคัมภีร์ของแต่ละศาสนา

    สิ่งที่ใช้ยืนยันความจริงในสารที่ หนุมาน ผู้นำสาร ได้นำมาจากพระผู้เป็นเจ้า สิ่งศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งจักรวาล คือ พระพุทธรูปเก่าแก่หนึ่งเดียวของศาสนาศาสตร์ ที่ถูกปิดบังความจริงด้วยแท่งหินสีดำใหญ่ ที่ครอบไว้ ณ ใจกลางนครเมกกะ ซึ่งชาวมุสลิมทุกท่านมีความศรัทธากราบไหว้มายาวนาน กาลเวลานี้ คือเวลาเหมาะสมที่ความลับในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของโลกแห่งนี้จะถูกเปิดเผยต่อมวลมนุษย์ เพื่อความสันติสุขจะกลับคืนมาสู่โลกมนุษย์อีกครั้ง ก่อนที่มนุษย์ผู้หนึ่งจะทำลายโอกาสของดวงวิญญาณที่จะมาเกิด...ด้วยการฝ่าฝืนโองการของสิ่งศักดิ์สิทธิ์.... “ อย่าได้เอาท้องฟ้านี้ เป็นสนามรบ ” !!!!!!!

    ในวันแห่งการพิพากษา The Day of Judgment วันที่พระเจ้ากลับมา วันแห่งการสิ้นยุค วันที่พระธรรมจะกลับมา “ให้ทุกคนระวังตัวให้ดี ...วันเวลาที่ใกล้เสด็จกลับมา จะได้ยินเสียงสงคราม ข่าวลือสงคราม ... จะต่อสู้สงครามกัน เกิดความกันดาร อดอยากทุกข์ยาก เกิดแผ่นดินไหวไปทั่ว ... เมื่อเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัว น่าเกียจน่าชัง คือ คนไร้สัจจะ ที่ไม่เชื่อในโองการจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะก่อให้เกิดสงครามนิวเคลียร์ ขอให้หนีไปดินแดนที่สูง เมืองใหญ่ที่มั่งคั่ง มีแต่การแย่งชิงผลประโยชน์เบียดเบียนกันจะอันตราย อย่ามัวชักช้า รีบหนีไปบ้านนอกคอกนา ไปถิ่นคนมั่นคงในศาสนา ภัยจะมาเร็ว โลกจะระส่ำระสาย ... การเสด็จมาของบุรุษผู้ทำได้ จะปรากฏ ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ !!!!!!!

    - “ หนุมาน ผู้นำสาร ”
     
  6. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940
    ..มาเผยแพร่ในเว็บพุทธใจดี ......
    แค่เรื่องต้นไม้ยังไม่รู้ว่าไม่มีวิญญาน จะประกาศอะไรให้ใครเขาเชื่อได้อย่างไร ?!!!

    มาเนียนเสียด้วย อ้างถึงพระไตรปิฎก...:boo:
     
  7. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,940

    ทำไมอ่านชื่อจขกท. เป็น"หนุมาน"ผู้น่าสงสารไปเสียได้นะ..!!??
     
  8. boonma05

    boonma05 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2008
    โพสต์:
    141
    ค่าพลัง:
    +516

    พยายามเหลือเกินที่จะนำเอาหลายๆศาสตร์มายำรวมกับมั่วศาสตร์
    หากไม่มีความรู้เรื่องภูมิศาสตร์ ดาราศาสตร์ ชีววิทยาฯลฯ อ่านข้อเขียนพวกนี้แล้วคงปวดหัวน่าดู :z6:'( แต่ก็ยังมีอีกหลายคนว่าก็แค่อ่านรู้ๆไว้ไม่เสียหายอะไร จริงรึ ? อ่านความรู้ผิดๆเนี่ยนะ เพื่อ?????

    โอ้ อนิจจา ท่านใดหนอฝากสารมา ท่านฝากถูกคนมั้ยคะเนี่ย
     

แชร์หน้านี้

Loading...