ใครบ้างที่รู้กับปัจจุบัน แล้วเข้าใจระยะเวลาของภพ 31 ภูมิ

ทำไมพระศาสาดาถึงให้มีสติอยู่กับปัจจุบัน และทันทุกขณะจิต

แล้วมาพิจารณาไตรลักษณ์



ผมเข้าใจว่า ไม่ใช่การระลึกชาติ หรือการรู้อนาคต แต่มันเป็นการตัดภพแล้วแค่ รู้

จะรู้แค่ไหนก็แล้วแต่การสะสมและพลังของการระลึกรู้ สาธุ สาธุ สาธุ



ผมเข้าใจ สัมมาสติแล้ว

 

ไปดูมาใหม่

 

เคล็ดขัดยอกับนักก้อฟ

ไตรลักษณ์ญานสัมปยุติ

 

ผมมั่นใจในแนวทางแล้ว ไม่มีทางเปลี่ยนไปแนวอื่น การมีสติกับปัจจุบัน
ก็ทำให้เห็นได้ แค่แว๊บเดียวที่เกิด ผมหายข้องใจทันที

 

ก้ว่ากันไป. จิฮับ

ฝากปิดไฟด้วยหละ. เปิดค้าง...กินไฟ

 

มาคุยกับผู้คนที่ร่วมผ่านมาทางนี้ ทางนี้สติพอจะไปรู้ไปทัน

 

คุณทำยังไง ปฏิบัติแบบไหนครับ ถึงสามารถตั้งอยู่กับปัจจุบันได้ และตั้งอยู่ได้นานแค่ไหนกี่นาที-วินาที-มีอาการอะไรเกิดขึ้นครับ สนทนาธรรมชาติของความรู้ แบบไม่สนใจอัตตาครับ

 

อยู่กับปัจจุปันผมไม่สามารถอยู่ได้ตลอดสาย แค่พอสติหลุดก็ตามรู้ต่อแบบนี้ไปเรื่อยผมชอบทำสติปัฐฐาน 4 และตามรู้ลม

ทำเรื่อยๆ มาตลอดระยะ ทำแบบนี้ก็ประมาณ 3 เดือนแล้ว จู่ๆ จิตผมทำถามตอบในขณที่ทำสติปัฐฐานเรื่องของภพและเวลา

สักพักในขณะทีผมกำลังนั่งรถมาทำงาน แค่แว็บเดียวคือผมเห็นเป็นธาตุ ทุกอย่างมีดับและเกิด รู้แค่ร่างกายและจิตมันทำงาน

โดยที่ไม่มีผม (คือผมไม่ได้เข้าไปบังคับ เข้าไปแนบแน่น)ในขณะที่เขากำลังทำผมไม่รับรู้ของกาลเวลา คือไม่มีช่วงของภพ

ร่างกายและจิตของทำงานกันคนล่ะส่วนเขามองร่างกายอยู่ในขณะที่ผมก็แค่รู้ไปเฉยๆ



นี่คืออาการทางธรรมชาติของผม ผมเข้าใจว่าเป็นสัมมาสมาธิ ที่เห็นเป็นไตรลักษณ์คือ มันมีเกิดและดับ ในร่างกายและจิตผม

 

ฝากลองไปพินา
"ปัจจุบันก็ไม่เอา"

 

คือ การไม่เอาปัจจุบันทำยังไงคับ ปัจจุบันของคุณขาจอน คือ ความว่างหรือครับ

 

กล่าวแบบนี้ ค่อยน่าแอบเข้ามา ปิดไฟ ให้จักหน่อย

นักภาวนา เวลาจิตใจอยู่กับการภาวนา พ้นรูปหยาบที่เป็น
เรื่องโลกๆแบบปุถุชน

จิตจะเริ่ม เป็น โยคาวจร ไม่ใช่คนนะ มันเป็นไปตาม ปัจจัยการ
ปฏิจสมุปบาท อตัมยตา [ ต้องแย๊บศัพท์หน่อย เดียวพ่อพุทธวจน เขาแย๊บเอา ]

พอจิตมาเป็น โยควจร ติดข้องหมุนวนในวัฏ ที่เรียกว่า โยคาวจร

ลวกเพ่อย่างวางจิต พอใจ ในความเป็น ผู้ข้อง ใน โยคะ

ลวกเพ่ต้องวางจิต หาทางออกจาก โยคะ มี จิตเกษม(พ้น)จากโยคะ ด้วย

แต่ไม่ต้องกลัวมันหาย ยิ่งพ้น ยิ่งได้ ยิ่งแจ่ม พ้น1 ก็ไป 2 พ้น2 ไป3
พ้น3 ไป4 พ้น4 ไป5 พ้น5.......ไปจน 8 พอถึงแปด ไม่พ้นไปไหนนะ
มันจะวนกลับ แต่จะไม่ต้องเป็น 1 2 3 4 5 6 7 8 แต่จะมีความชำนาญ
หน่วงเอาได้ เลยเหมือน 8 5 4 2 3 1 5 6 4 7 5 4 2 2 4 หนุกหนาน แต่โง่

อุเบกขาเวทนา จะเป็น เวทนาที่จะเกิดบ่อย กับจิต ลวกเพ่ จะเห็นว่า
ตนแยกออกจากโลก(ปุถุชน) แต่มันจะติดโลก(เทวดา พรหม)

หนทางจะออก ไม่มี มันจะต้องวนในนี้แหละ เพราะ เวทนายังไงมันก็ต้องเกิด

ดังนั้น

ลวกเพ่ อย่าพอใจในเวทนา อย่าเผลอเพลิน เวลามันดับ ไฟดับ ไฟคือฉันทะดับ
ให้ตามเห็น ความดับ ไม่ใช่เรา ของเรา ไว้ด้วย

ถ้าไม่ตามเห็นความดับ ฉันทะดับ เอาแต่ อุเบกขาเวทนา ก็ไม่ไปไหน แถม
อวิชชานอนตีพุงสบายใจเลย แสนโกฏิล้านพุทธันดร ก็ แอแฮ่ อยู่อย่างนั้น

แต่ถ้ายก เห็นความดับของเวทนา ของอุเบกขา อทุขมสุขได้ อวิชชาสวะ
จะอาศัยนอนตีพุงไม่ได้ วิชชาเกิด

 

อยากจะบอกว่า อาการที่เกิดกับคุณนี่นะ ผมเข้าใจหมดละ แต่ขอรายละเอียดอีกนิดครับจะได้สนทนากับคุณทีเดียวได้ชัดขึ้น..ไม่ต้องการมาสอนใครแค่แลกเปลี่ยนธรรมกันคำถามมีดังนี้ครับ
1. ธาตุ ที่คุณบอกว่าเห็นนั้น คุณเห็นธาตุอะไร ลักษณะไหน ดิน น้ำ ลม ไฟ ฯล
2. คุณเข้าใจว่า ภพ-เวลา คืออะไร-ยังไงครับในข้อเขียนนี้
3. ที่คุณเห็นมีเกิด-มีดับ ในร่างกายคุณ รู้แค่ร่างกายและจิตมันทำงาน หมายถึงเห็นความคิดตัวเองหรือ..เห็นอะไร เกิด-ดับ ลองกำหนดดูอาการจิตที่ผ่านมา ชัดๆอีกทีซิครับ

 

1.ธาตุเกี่ยวกับจิต คือ รู้ กับไม่รู้ คือมีอาการรู้ แล้วมีอาการไม่รู้ อันนี้ผมก็เรียกว่าธาตุ อาการของจิตคือ เกิดผัสสะจะสังเกตุอกผมประจำแต่คราวนี้ผมไปเห็นก่อนมันจะเกิดอย่างเวลาจะเกิดโทษะผมเห็นอาการกระเพื่อมแล้วมีอาการร้อนที่ที่ร่างกายแน่นในอก

เกียวกับร่างกาย ผมไม่ได้เห็นเป็นดินน้ำลมไฟ คือผมไม่ได้ไปตั้งชื่อตอนเห็น ผมก็ตอบตามอาการของผมที่เห็นทีผมเรียกว่าธาตุ

คือผมเห็นลมมันปรวมแปร ร้อนเย็น หนาแน่น และหนักเบา มันสลับไปในร่างกายของผม มันเกิดดับสลับกันไปในอาการเหล่านี้ ผมลงไปที่ไตรลักษณ์

คืออาการเกิดดับ


2.ภพที่ว่าระยะเวลาที่ผมเห็นผมไม่เกิดอารมณ์ร่วม อารมณ์ของจิต ผมเรียกว่าภพ

3.อาการเกิดดับไม่ใช่ความคิดครับ เพราะว่าผมไม่เข้าไปร่วม เห็นอาการร้อน จนเย็น เย็นจนร้อน อารมณ์มา อารมณ์ไป คือเห็นมันทำงานสลับกันไป

จนเข้าใจว่า ไม่ว่าอารมณ์ก็ไม่ใช่เรา ถ้าเราไม่เอาครับ

 

เคยตั้งคำถามรึเปล่าว่า ปรัชญาตะวันออก ที่กล่าวถึง ดิน น้ำ ลม ไฟ ธาตุทั้ง 4 มันมีที่มาที่ไปยังไง ทำไม ต้องดิน ทำไมต้องน้ำ ทำไมต้องลม ทำไมต้องไฟ?

เวลาเล่นเกมส์ออนไลน์ จะมีธาตุไม้ ธาตุเหล็ก ๆลๆ แต่นั่นคือแค่ในเกมส์ ที่คนสร้างคิดขึ้นมาเพิ่มเติม แต่ในระบบปรัชญา และศาสนาตะวันออกไม่ได้กล่าวถึง


ลองตอบดูว่าธาตุ 4 มาจากไหน สมมุติตัวเองว่าไม่เคยได้ยิน ได้ฟังคำๆว่าธาตุ 4 มาก่อน จะรู้ไหมว่าธาตุประกอบด้วยอะไรบ้าง


ถ้ามีอาการพยายามนึก ตรึกตรอง ว่าธาตุ 4 มาจากไหนละก็..........

ให้รีบพลิกไปอ่าน วิปัสนูกิเลส 10

 

ถ้าเราสังเกตุ เราไม่ไปบัญญัติศัพท์ให้นี่จะเป็น วิปัสนูกิเลส เหรอครับ
สังเกตุแต่ใจ กับกายอาการ ที่เรียกว่า ปรมัตถ์ อย่างเดียวไม่ได้ใช่ไหมคับ

 

จนเข้าใจว่า ไม่ว่าอารมณ์ก็ไม่ใช่เรา ถ้าเราไม่เอาครับ
!

 

ซ้ำ

 

ซ้ำครับ

 

ผัสสาหาร ...... กระทบอะไร เวทนาจะต้องเกิด
ไม่สุข ก็ทุกข์ ไม่ทุกข์ไม่สุข ก็อทุกขมสุข

มีวิหารธรรม ก็มี อาหารชั้นเลิศ บัณฑิตสรรเสริญ
แต่ก็ยังชื่อว่า เข็ญใจ เพราะยังไงก็เป็น ผัสสาหาร

ถ้าไม่เผลอเพลิน มีความใส่ใจ ปรารภการสิ้นกิเลสอยู่

ก็พิจารณาเพิ่ม ใคร่ครวญเพิ่ม นมสิการเพิ่ม ซึ่ง ไตรลักษณ์ญาณ
จนกว่าจะสัมปยุติ ปิติ(สุข)ก็ไม่เที่ยง ทุกข์(อาพาธ)ก็ไม่เที่ยง
อทุขมสุขก็ไม่เที่ยง

ทีนี้...ถ้า ฉลาดในการ ภาวนา อย่าลืมกาย หากกายหาย
มันจะไป ติด อุเบกขาที่ยากจะตัดใจรอน (เกิด นิกันติ พอใจ
ความสงบ สงัด ชนิดต่างๆ อีก)

ทั้งนี้ทั้งนั้น บางทีก็เป็นเวรเป็นกรรม จิตมันผลิกไป อุเบกขาชั้นเลิศ
มี "ธรรมอื่นยิ่งกว่า" ก็เพราะ วิบากจิตเคยสำคัญผิดว่า สุดยอดๆ มัน
ยังให้ผล ก็ห้ามไม่ได้ จะต้อง อนุโลมไปแล้วตามพิจารณาให้เห็น
ความไม่เที่ยง

ถ้ารู้เร็ว ก็ไม่เกิด นามกาย ไม่เกิด สักกาย สัมผัสรับรู้การมีอยู่แบบ
รู้และหยุดลงที่รู้ หากหลวงปู่นวลจันทร์อยู่ จะให้ศิษย์มาดักรอ พาไปตรวจ

ถ้ารู้ช้า มีนิกันติ มีนามกาย มีการซ่องเสพ ก็ต้องไปฉลาดอยู่ ฉลาดออก
แล้วมา วก ว่า ฉลาดแค่ไหน ก็ดับ หมากแหลก ว่ากันไป

ไม่มีทางอื่น ภาวนา รู้ลูกเดียว

 

ผัสสาหาร ยังมี มโนสัญญเจตนาหาร

หลังจาก มโนสัญญเจตนาหาร ยังมี วิญญานาหาร ให้ท้าทาย

อย่ารีบร้อน 31ภูมิ ของขี้ไก่ รู้หมดแล้ว เดี๋ยว พระอานนท์ ค้อน