ใครฝึกเดินลมปราณมาคุยกันหน่อยครับ

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย tape3, 20 ธันวาคม 2009.

  1. tape3

    tape3 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +32
    ฝึกลมปราณสร้างกำลังภายใน

    วิธี การฝึกลมปราณนี้ เป็นวิธีฝึกการหายใจให้เกิดความเคยชิน และสืบเนื่องจนเป็นนิสัยที่ดีของการหายใจ เพื่อใช้นำการหายใจในการฝึกปฏิบัติสมาธิจิตทุกๆครั้ง และหลังจากออกจากสมาธิแล้ว
    อนึ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในระหว่างฝึก “ลมปราณ ” พร้อมทั้งข้อปฏิบัติระหว่างฝึกนั้นมีส่วนคล้ายคลึงกับเหตุที่จะเกิดขึ้นใน ระหว่างฝึกปฏิบัติจิตด้วย ส่วนท่าฝึกใช้ร่วมกันได้ ด้วยเหตุนี้ จึงได้เขียนรวมไว้ในที่นี้

    ฝึกลมปราณสร้างกำลังภายใน
    ก่อน อื่น ใจเย็นๆ นั่งลงหายใจตามปรกติก่อน สัก 1 หรือ 2 นาที ถ้าเหนื่อยมาจากงาน หรือเพิ่งเดินทางมาถึง นั่งพักสักครู่ก่อน เพื่อให้ใจสงบลงพร้อมที่จะฝึกต่อไป

    จากนี้ เลือกท่าฝึกที่เหมาะสมกับสังขารท่านท่าใดท่าหนึ่ง โดยปกติคนเราจะหายใจช่วงสั้นและตื้นไม่ได้ใช้ความสามารถของปอดที่สามารถขยาย และหดอย่างเต็มที่ จึงทำให้ปอดไม่ได้หายใจเอาอากาศดีเข้าและขับอากาศเสียออกจากร่างกายอย่าง เต็มที่ ปอดจึงไม่สามารถฟอกโลหิตให้สดใสสมบูรณ์ดีเท่าที่ควรเป็นผลให้ร่างกายเจ็บ ป่วยได้ง่าย

    การฝึก “ ลมปราณ ” ต่อไปนี้จะช่วยป้องกันและรักษาท่านหายจากโรคภัยไข้เจ็บได้
    ฝึกลมปราณก็ต้องอาศัยการฝึกจิตให้สงบก่อน

    การ ฝึกนี้ไม่ต้องใจร้อนรีบเร่ง ไม่ฝืนสังขารและฝืนจิตใจ ทำใจสบายๆ ค่อยๆฝึก และฝึกจนจิตรวมเป็นหนึ่ง จึงจะเป็นพื้นฐานที่ดีของการฝึกลมปราณต่อไป

    1. ทำใจให้สงบแล้วค่อยๆหลับลง หุบปากแล้วใช้ปลายลิ้นคํ้า แตะเพียงเบาๆที่เพดาน

    2. หายใจตามปรกติวิสัยจนกว่าจะสงบ รวมจิตเป็นหนึ่งก่อน แล้วจึงหายใจเข้าค่อยๆ ลึกขึ้นด้วย วิธีถอนหายใจลึกเข้าๆจนสุดแรงดูดลม ลมหายใจนั้นจากหยาบให้ค่อยๆปรับให้ละเอียดมากขึ้น จากการหายใจตื้นให้ค่อยๆ ลึกจากการหายใจช่วงสั้นให้ค่อยๆเป็นช่วงยาวขึ้น ค่อยๆเพิ่มขึ้นทีละขั้นอย่างช้าๆ ตามลำดับ

    แล้วค่อยๆผลักดันนำส่งลมหายใจที่ดูดเข้ามานั้นให้ตำลงๆ จนกว่าจะเลยสะดือลงไป 3 นิ้วเป็นตำแหน่งที่ตั้งของจุด “ ตั้งช้าง ”

    การ นำล่องลมหายใจให้ตำนี้ ไม่ควรจงใจใช้แรงบีบเกร็งกล้ามเนื้อให้ดันลมหายใจตำลงไป แต่เป็นการทำงานที่เรียกว่าจิตสำนึกว่า ความรู้สึกของจิตใจไปจับที่กองลม จึงสมมุติว่าเห็นกองลมที่หายใจเข้านั้นเป็นกลุ่มลมสีขาวกำลังถูกนำผ่านรูจ มูก ผ่านหลอดลม ผ่านปอดแล้วผ่านช่องท้องและลงตํ่าจนถึงท้องน้อย ซึ่ง

    ที่ ตั้งของจุด “ ตั้งช้าง ”เมื่อลมหายใจถึงจุด “ ตั้งช้าง ” แล้วค่อยๆ ปล่อยลมหายใจออก ช่วงที่ลมหายใจเข้าและออก จะต้องฝึกให้ใช้ระยะเวลายาวเท่าๆกัน จิตใจก็จะค่อยๆสงบลงมา
    การหายใจ เข้าออกตามวิธีนี้ จะต้องเป็นลักษณะธรรมชาติ หายใจไม่มีเสียง ไม่ใจร้อนรีบเร่ง การหายใจเป็นไปอย่างมั่นคง เชื่องช้า ต่อเนื่องไม่ขาดช่วง ละเอียดนิ่มนวล ลึก ยาว
    ลักษณะการฝึกการหายใจที่ ถูกต้อง คือหายใจแล้วไม่รู้สึกลำบากและเหนื่อย ประสาทผ่อนคลายความตึงเครียด จิตใจสงบว่างเปล่า จึงเป็นการถูกต้อง

    3. เมื่อฝึกลมหายใจแบบนี้ผ่านไประยะหนึ่งจะ รู้สึกว่าลมหายใจเข้านั้น มีกระแสลมพัดจากเบื้องบนลงสู่เบื้องตำจนถึงจุด “ ตั้งช้าง ” เหตุที่รู้สึกว่ามีกระแสลมนั้นก็เพราะว่าเวลาถอนหายใจเข้านั้น กล้ามเนื้อซี่โครงจะหดตัวดึงกระดูกซี่โครงให้ยกขึ้นและบานออก ทรวงอกจะพอกโตขึ้นช้าๆ ท้องน้อยก็จะค่อยๆหดเข้าช่วงนี้ปอดก็จะขยายพองตัวออกดูดอากาศดีเข้าเต็มที่
    หน้า83

    ปอดจึงขยายตัวพองโตตั้งแต่ใต้ขั้วปอดลงมาจนถึงปลายกีบ ของปอด และที่ใต้ปอดนั้นมี “ กระบังลม ” ที่มีโครงสร้างคล้ายพังผืดกั้นขวางระหว่างทรวงอก กับ ช่องท้อง เมื่อปอดขยายตัว ก็จะผลักดันให้กระบังลมหดตัวขยับลดตำลงมา พอตอนที่ปอดคลายลมหายใจออกนั้น กล้ามเนื้อซี่โครง และกระบังลมจะคลายตัวออกก็จะแฟบลงท้องน้อยก็จะพองคืนสู่สภาพปรกติ

    การ หายใจเข้าและออกเช่นนี้ จึงเกิดการบีบรัดและผ่อนคลายของอวัยวะภายในทรวงอก และที่ช่องท้องเป็นการเพิ่มการเคลื่อนไหวภายในมากขึ้น จึงรู้สึกว่าเป็นกระแสลมวิ่งตามลมหายใจที่เรียกว่า “ กระแสพัดพาภายในร่างกาย ”นั้น การเคลื่อนไหวเช่นนี้จึงเป็นการบริหารภายในร่างกาย
    กำลัง ภายในเคลื่อนไหวภายในร่างกายหลังจากฝึก ลมปราณ หรือ ฝึก สมาธิ ไปได้ระยะหนึ่งแล้ว ท่านอาจจะรู้สึกว่าท้องน้อยที่เป็นที่ตั้งของจุด " ตั้งช้าง " มีกลุ่มความร้อนเกิดขึ้น

    ระยะเวลาที่ฝึกแล้วจะเกิด กลุ่มความร้อนนี้ใช้เวลาไม่เท่ากันทุกคน ต้องแล้วแต่ความสมบูรณ์ของสังขารและความพร้อมของจิตใจที่ได้ฝึกมาถูกต้อง เข้าหลักได้ดี เพียงใดก็จะเกิดผลเร็วเพียงนั้น บางท่านฝึกไปในทางจิตสงบ หลายท่านตั้งแต่เริ่มฝึกใหม่ๆ จนถึงขั้นจิตสงบอาจจะไม่มีกลุ่มความร้อนนี้เกิดขึ้นก็ได้

    กลุ่มความร้อนนี้เราเรียกกันว่า “ กลุ่มกระแสกำลังภายใน ” เป็นพลังงานที่เกิดจากการฝึก ลมปราณ

    กลุ่ม ความร้อนนี้เมื่อเกิดขึ้นใหม่ๆ อาจจะเกิดขึ้นชั่วครู่หนึ่งหรือเกิดความรู้สึกเพียงบางครั้งบางคราวของการ ฝึก แต่เมื่อใดที่เราจับจุดที่จะเกิดความสำเร็จนี้ได้แล้ว เมื่อคราวใดที่เกิด “ กลุ่มความร้อน ”นี้แล้วใจเย็นๆ อย่าเพิ่งลุกจากที่ ไม่ตื่นเต้นดีใจ ไม่เสียใจ ที่เพิ่งจะสำเร็จ ทำใจสบายๆ วางตัวเป็นกลาง คงฝึกลมปราณธรรมดาต่อไป โดยไม่ต้องเพิ่มแรงบีบรัดกดดันหรือว่า เกร็งบีบประสาท ไม่ช้า กลุ่มความร้อนนั้นก็จะร้อนมากพอสมควรที่เรียกว่า “ ไออุ่น ” (แต่ไม่ใช่รู้สึกว่าความร้อนมากจนกระวนกระวาย)

    วิธีนำส่ง “ กลุ่มไออุ่น ” ให้พัดพาโคจรไปทั่วร่างกาย
    “ กลุ่มไออุ่น ” นี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว อาจจะมีโอกาสโคจรไปตามร่างกายเอง โดยเราไม่ต้องนำพาก็ได้ แต่เขียนไว้เป็นลักษณะแผนที่ การเดินทาง ของกลุ่มไออุ่น เพื่อว่าถ้าเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นที่ใดและจุดใดแล้ว ควรที่ทำอย่างไรต่อไป จะได้ไม่ต้องตกใจ ถ้าประสบกับเหตุการณ์นั้นๆ
    เมื่อเกิด “ กลุ่มไออุ่น ” ที่จุด “ ตั้งช้าง ” แล้วยังคงฝึกลมปราณไปตามปรกติ

    ตั้ง สมมุติฐานจินตนาการว่า เมื่อฝึกลมปราณจนกระแสกำลังภายในทับถม เสริม เพิ่มเติม ที่กลุ่ม ไออุ่น มากขึ้นๆ กลุ่มไออุ่นก็เพิ่มจำนวนหนาแน่นรวมกลุ่มให_่มากขึ้นหนักขึ้น (ทั้งนี้เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้นไม่ใช่แสร้งออกแรงบีบรัดบังคับกล้าม เนื้อ)หลังจากนั้นจึงรวบรวมความสนใจเพื่อใช้เสริมความรู้สึกมากขึ้น จะมีอาการคล้ายๆกับ กำลังถ่ายอุจจาระอยู่ และเมื่อฝึกไปๆอาจจะรู้สึกว่ากำลังถ่ายออกมาจริงๆ ขอให้อั้นกลั้นไว้ก่อนฝึกต่ออีกระยะหนึ่ง “ กลุ่มไออุ่น ” ก็จะไหลผ่านจุด “ ฝีเย็บ ” (ตำแหน่งนี้อยู่ระหว่างช่องถ่ายเบากับทวารหนัก) มีข้อสังเกต คือ มีกลุ่มไออุ่นไหลผ่านต่อเนื่องหรือเหมือนกระแสไฟฟ้าไหลกระโดด ข้ามทวารหนัก อยู่ตลอด เวลาไปสู่จุดก้นกบ (ตำแหน่งนี้อยู่ที่ปลายสุดของกระดูกสันหลัง) เมื่อกลุ่มไออุ่น รวมถึงจุดก้นกบแล้ว ก็จินตนาการต่อว่า นำกลุ่มไออุ่น ส่งต่อขึ้นไปกระดูกสันหลัง (การนำส่งช่วงนี้ จะรู้สึกว่า มีอาการหดช่องทวารหนักขึ้นไป) กระแสกลุ่มไออุ่นก็จะผลักดันขึ้นสันหลังเอง (โดยไม่ต้องแสร้งชักนำ)
    ระหว่างที่ไออุ่น ยังเคลื่อนไหวโคจรไปสู่ทั่วร่างกายนั้น ก็ยังคงหายใจฝึกลมปราณเสริมทับถมให้กับจุด “ ตั้งช้าง ” ต่อไป เหมือนกับว่า เรากรอกนํ้าเติมใส่ที่กรวยอยู่ตลอดเวลา เป็นการผลักดันนํ้าที่ไหลไปก่อน และนํา(กลุ่มไออุ่น) นั้นก็จะไหลไปตามท่อ คือ ผ่านตามจุดต่างๆของร่างกาย “ กลุ่มไออุ่น ” ก็ไหลขึ้นตามกระดูกสันหลัง ผ่าน “ จุดบั้นเอว ” ผ่านขึ้นไปที่ “ จุดคอพับ ” (จุดนี้อยู่ระหว่างกระดูกสันหลังช่วงระหว่าง กระดูกต้นคอต่อกับไหล่พอดี สังเกตได้จากเวลาพับคอ จะมีกระดูกนูนขึ้นมาตรงจุดนั้น ) ขึ้นผ่าน “ จุดท้ายทอย ” (จุดที่กระดูกคอต่อกับหัวกะโหลก) ขึ้นไปสู่"จุดกระหม่อม" (ตรงกลางของหัวกะโหลกตำแหน่งนี้สังเกตได้จากตอนที่เด็กยังอ่อนๆอยู่ กลางกระหม่อมนั้น จะผุดขึ้นลงตามกระแสผลักดันของเลือดที่หัวใจสูบฉีดขึ้นมา หล่อเลี้ยงจุดนั้น) จากนั้น ก็เคลื่อนผ่านกระหม่อม มายัง “ จุดหน้าผาก ” (กึ่งกลางระหว่างคิ้ว) ลงสู่ “ จุดลิ้นไก่ ” (จุดนี้อยู่รอยต่อระหว่างโคนลิ้นกับลิ้นไก่ที่เพดานปาก )และไหลผ่านลงมา “จุดกึ่งกลางของกระดูกหน้าอก ” (อยู่กึ่งกลางของกระดูกไหปลาร้าหรือเรียกว่าใต้จุดคอหอย)ลงสู่จุดกลางอก (จุดผ่ากลางระหว่างหัวนมทั้งสองข้าง) ผ่านสะดือและลงสู่ “ จุดตั้งช้าง ” อีกครั้ง โคจรหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลาที่นั่งฝึกอยู่

    ยังมีอีกกระแส หนึ่ง เรียกว่า “ กระแสขวาง ”หรือเรียกว่า “ กระแสเข็มขัดรัดเอว” ฝึกลมปราณไปพักหนึ่งแล้ว อาจจะเกิดกระแสขวางนี้ขึ้นมาเมื่อใดก็ได้ คือเมื่อเริ่มมี “ กลุ่มไออุ่น ” นั้น บางครั้งไม่วิ่งขึ้นสู่ศีรษะ

    แต่ กลับจะวิ่งเป็นแนวขวางบั้นเอว ครบรอบเป็นลักษณะ เข็มขัด ซึ่งบางครั้งก็จะวิ่งอ้อมจากซ้ายไปขวา บางครั้ง ก็จะวิ่งจากขวาไปซ้ายอย่างมีระเบียบโดยประมาณวิ่งรอบครั้งละ36 รอบ และเมื่อฝึกไปอีกระยะหนึ่ง กระแสไออุ่นก็จะกระจายไปทั่วถึงปลายเท้า ปลายมือ การเคลื่อนโคจรของไออุ่นนี้ อาจจะเคลื่อนโคจรผ่านไปทีละจุด และอาจจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งจึงสามารถผ่านอีกจุดหนึ่งจนถึงขั้นโคจรครบ ทุกจุดทั่วกาย บางท่านฝึกเป็นปีๆ จึงจะสามารถโคจรครบรอบกาย

    ในระหว่างที่ “ กลุ่มไออุ่น ” จากลมปราณกำลังโคจรผ่านจุดต่างๆ ของร่างกาย อยู่นั้น เกิดมีความจำเป็นต้องออกจากสมาธิในขณะที่ไออุ่นยังโคจรไม่ครบรอบใดรอบหนึ่ง ก็ค่อยๆ คลายออกสมาธิได้ และเมื่อเสร็จธุระแล้ว ควรหาโอกาสฝึกต่ออีกในระยะเวลาที่ใกล้เคียงได้ยิ่งดีซึ่งก็เท่ากับเริ่มต้น ใหม่ เพื่อเดินลมปราณให้คล่องสะดวก
    ต้นฉบับ จากหนังสือ สมาธิ ทางสงบ ถอดจิต
     
  2. THE-O-PROTOTYPE

    THE-O-PROTOTYPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +108
    โปรดลองพิจารณาความรู้ความเข้าใจ'ปราณ'.

    'ปราณ หรือ ชี่(Qi)' โดยแท้จริงแล้วนั้น มิใช่ด้วย 'ลม' หากแต่เป็น กระแสกลุ่มคลื่นของพลังงาน ซึ่งหมุนไหลเวียนอยู่โดยทั่ว มิใช่มีอยู่จำเพาะด้วย 'มนุษย์' เท่านั้น แลที่มักเรียกว่า 'ลมปราณ' นั้น เพราะจับกำหนดเอาด้วย 'การสัมผัสด้วยความรู้สึกที่มีการเปลี่ยนแปลงซึ่งเคลื่อนไหวอยู่ภายในร่างกาย' มีการรับรู้สึกอนุมานได้คล้าย 'ลม' ซึ่งง่ายต่อความเข้าใจและพยายามให้ใกล้เคียงกับลักษณะของ 'ปราณ' โดย 'ความเป็นจริง' ให้ได้มากที่สุด จึงมีการสับสนอยู่บ้างในกลุ่ม 'ผู้ที่ฝึกกำลังภายใน' ฃ้าพเจ้าจึงขอสรุบให้อย่างง่ายโดยไวที่สุดว่า "พลังปราณนั้นก็คือ พลังงานธรรมชาติที่มนุษย์ได้สังเกตุ ศึกษา และทดสอบโดยใช้ ร่างกายตนเอง เป็นอุปกรณ์เครื่องมือ ด้วยกาลในยุคก่อนซึ่งนานมากมาแล้วไม่มีซึ่งสิ่งของอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้ใช้สักเท่าใด จึงต้องพึ่ง ร่างกายตนเอง เป็นหลักใหญ่ที่สุด แลจึงต้องค้นหาวิธี รักษาและพัฒนา จากในทุกสิ่งที่มีอยู่อย่างจำกัด กอปรเกื้อด้วย การคุณภาพของธรรมชาติแวดล้อมยังคงบริสุทธิ์ดีอยู่มาก เมื่อพอได้เริ่ม สัมผัสเค้าลางอะไรบางอย่างได้ก็กลายเป็นการได้รับ พลังงานคุณภาพดีเยี่ยมอันมีอยู่จำนวนมากมหาศาล และในกาลก่อน มิค่อยจะมีซึ่งสิ่งยั่วยุให้ปั่นป่วนมากนัก การมุ่งพัฒนาจึง
    วิวัฒนาการณ์ได้อย่างรวดเร็วเห็นผลค่อนข้างชัด พัฒนาจาก รุ่นสู่รุ่น แลได้เกิดการ ขยายแขนง ออกไป ซึ่งมีความแตกต่างกันตามสภาพ ปัจจัย จึงมีได้หลายชื่อ หลายรูปแบบ หลายความเข้าใจ ซึ่งเป็นธรรมดา" "พลังงานปราณ หากเชี่ยวชาญเพียงขั้นต้น ก็สามารถปรับตั้งธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ ให้ก่อกำเนิดรวมเป็น ผล ซึ่งเปลี่ยนแปลงในร่างกายได้ตามต้องการ" 'ปราณ' จึงอยู่ด้วยในระดับละเอียดสูงบริสุทธิ์กว่า 'ลม' อยู่ ๑ ชั้น เพราะ 'ปราณ' คือ'พลังงานธาตุ' ตั้งต้นอันเมื่อ ปรับแลประกอบผสานรวมกันกับ 'สิ่ง' ประกอบอื่น เมื่อสมมาตรได้ที่แล้วจึงจะแปลงสภาวะเป็น 'อนุภาคสสารธาตุ' อันจะต้องมีกระบวนการตามแต่ละชั้นต่อไปซึ่งจะสามารถสัมผัสและรับรู้เข้าใจได้ง่ายขึ้นโดยตามลำดับฯ
    ขออนุญาตจบการอธิบายโดยหยาบๆเพียงเท่านี้...
    ๐ ปราณ ยังเป็นเพียง พลังงานในชั้นกลางๆ เท่านั้น ๐
     
  3. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ผมไม่หายใจแล้วครับ

    มีแต่ลมปราณเดินชีพจรทั่วร่างกาย
     
  4. THE-O-PROTOTYPE

    THE-O-PROTOTYPE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2010
    โพสต์:
    50
    ค่าพลัง:
    +108
    ท่าทรงกายที่อยู่ในการระหว่าง สติฯเข้าไปสู่สมาบัติฯ ของท่าน นับได้ว่า งาม.


    หากได้ดังนี้ ก็ต้องถือได้ว่าท่าน เก่งมาก ฅรับ
    ด้วยสามารถเข้าถึงสู่ระดับชั้น ให้เซลล์ช่วยในการหายใจได้.
    แต่ท่านก็ยังสามารถ ทดลองแปลงพลังงานดิบที่ได้ สะสม อยู่อย่าง สมดุลย์ นี้เป็น พลังงานสำเร็จในรูปแบบอื่นๆได้อีกนะฅรับ. ซึ่งโดยมีค่าการจำกัดรูปแบบอยู่ที่ อนันต์

    (เราขออนุญาตแนะนำ วิถีทางสู่ความมี อนันต์ สักเล็กน้อยแด่ท่านผู้ซึ่งถูกจริตกับการ ปรับสมดุลย์แห่งธาตุเล่น ซึ่งเราคาดไว้ ขอ ณ.ที่นี้เป็นสักขีพยาน)
    ๐ ด้วย ว่างเปล่า จึง สมบูรณ์ และเมื่อสมบูรณ์ แล้วจึงต้อง ว่างเปล่า ๐
     
  5. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852
    ที่ท่านเห็น เป็นผลของสมาบัติ เพราะผู้เข้าผลสมาบัติ
    ได้โลกุตตรฌานมานานแล้ว
     
  6. noolegza

    noolegza เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,032
    ค่าพลัง:
    +3,844
    เคยฝึกถึงแค่มีกลุ่มความร้อน แต่เหมือนมันไปเกี่ยวเนื่องกับระบบขับถ่าย ในร่างกาย
    ทำให้ถ่ายบ่อย เลยรำคาญ เลิกฝึกไปเลยคับ ( ตอนฝึกก้ไม่ได้เกร้งนะคับ สบายๆ )
     
  7. lldreamll

    lldreamll Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +84
    คุณจขกท.ขออีเมลหน่อยได้รึป่าวครับ
    พอดีผมสนใจและอยากรู้จักเป็นการส่วนตัว
    ขอบคุณมากๆครับ
     
  8. กสิน9

    กสิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +270
    เดินลมปราณรักษาโรคได้ไหมครับ ถามเพื่อเป็นความรู้ครับ
     
  9. ปูรณ์

    ปูรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    66
    ค่าพลัง:
    +216
    รบกวนท่านผู้รู้ไขข้อข้องใจทีค่ะ
    ปกติก็ไม่ค่อยได้ปฎิบัติซักเท่าไหร่ค่ะ จะนั่งสมาธิได้บ้างไม่ได้บ้าง
    แบบไม่มีพื้นฐานอะไร สักแต่ว่าพุทโธ ว่าไปตามหนังสือที่อ่านเจอหรือตามหน้าเวปที่เคยผ่านตาค่ะ นั่งไปก็ไม่ได้
    ซีเรียสอะไรปล่อยไปตามสบาย แต่ก็ดีนะคะคือจะสบายและสงบได้เลยทุกครั้งที่นั่ง ช่วงนั้นจะนั่งได้ประมาณ 2 ชั่วโมงค่ะ
    นั่งได้ประมาณ ชม.ที่2 ก็รู้สึกร้อนพล่านทั่วทั้งตัวเลยค่ะ ตรงบริเวณกลางลำตัว
    จะร้อนเป็นจังหวะแผ่ออกมา วูบวาบ วูบวาบ ชัดเจนมาก พลังจะสูงมาก
    หลังจากนั้นก็จะร้อนมาตลอดเลยค่ะ แม้จะไม่ได้อยู่ในอาการนั่งสมาธิก็จะร้อน
    ไปทั่วทั้งตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าช่วงไหนที่ห่างการปฏิบัติหน่อยความร้อนก็เหมือนจะเบาบางลงมาบ้าง แต่พอเราตั้งใจปฏิบัติถึงจะน้อยบ้าง มากบ้าง 10-15 นาที หรือครึ่งชั่วโมง พลังร้อนก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระยะหลังๆมานี่ก็ตั้งใจจะนั่งให้ได้นานๆ แต่นั่งๆไปก็นึกขี้เกียจขึ้นมาเฉยๆ
    รบกวนอธิบายให้หายข้องใจทีค่ะ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะทำอย่างไรดีจึงจะผ่อนคลายความร้อนได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 29 สิงหาคม 2010
  10. ไม่ยึด

    ไม่ยึด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +263
    เดินลมต้องมีคนคอยคุมการฝึกกันลมแตก ผมโดนห้ามเรื่องนี้มากๆเลย เลยไม่กล้าทำหรืออีกนัยก็คือทำไม่เป็นอ่ะครับ
     
  11. ซีดีธรรมะ

    ซีดีธรรมะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    229
    ค่าพลัง:
    +821
    ลองมาฝึกกับซีดีภาวนา ดูไหมครับ ในแผ่นบรรจุพลังปราณธรรมชาติไว้ช่วยฝึกจิต...

    ลิงค์นี่เลยครับ
    http://www.luangputo.com/Menu04/Mainmenu.htm
     
  12. ภูวิชครับ

    ภูวิชครับ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +16
    ได้ครับ:cool:
     
  13. ภูวิชครับ

    ภูวิชครับ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +16
    ลองฝึกเดินลมปราณซิครับ:cool: ก่อนนั่ง
     
  14. joohappy

    joohappy สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +1
    ควรฝึกกับอาจารย์ที่เชี่ยวชาญ

    การเดินปราณเองโดยไม่มีอาจารย์กำกับเป็นอันตราย ศาสตร์นี้มีคนสำเร็จน้อย
    ถ้ามีเหตุผิดพลาด คงยุ่งเหมือนกัน
     
  15. prineza

    prineza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ leela2 [​IMG]
    นั่งได้ประมาณ ชม.ที่2 ก็รู้สึกร้อนพล่านทั่วทั้งตัวเลยค่ะ ตรงบริเวณกลางลำตัว
    จะร้อนเป็นจังหวะแผ่ออกมา วูบวาบ วูบวาบ ชัดเจนมาก พลังจะสูงมาก
    หลังจากนั้นก็จะร้อนมาตลอดเลยค่ะ แม้จะไม่ได้อยู่ในอาการนั่งสมาธิก็จะร้อน
    ไปทั่วทั้งตัวอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าช่วงไหนที่ห่างการปฏิบัติหน่อยความร้อนก็เหมือนจะเบาบางลงมาบ้าง แต่พอเราตั้งใจปฏิบัติถึงจะน้อยบ้าง มากบ้าง 10-15 นาที หรือครึ่งชั่วโมง พลังร้อนก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ระยะหลังๆมานี่ก็ตั้งใจจะนั่งให้ได้นานๆ แต่นั่งๆไปก็นึกขี้เกียจขึ้นมาเฉยๆ
    รบกวนอธิบายให้หายข้องใจทีค่ะ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร และจะทำอย่างไรดีจึงจะผ่อนคลายความร้อนได้



    !!!! ผมก็ถึงขั้นนี้เหมือนกัน ของผมแค่ใช้ใจจิตคิดว่ามีพลัง ตรงนั้นก็จะมีพลังทันที


    ส่วน ที่มือ จะมีพลังตลอดเวลา บางทีเหมือนเนื้อมือดิ้น

    แต่เราดูมันก้ไม่ดิ้น
     
  16. prineza

    prineza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอนถอดเสื้อยืนอยู่เฉยๆ พลังกระจาทั่วร่างทันที ความหนาแน่น มากขึ้นตลอด

    ผมนั่งสมาธิได้ไม่นาน นั่งสมาธิ5 นาทีขึ้นไปรู้สึกว่าตัวจะลอยเอง ทั้งๆที่ไม่ได้ตั้งใจ


    ผมไม่เคยเกิน 10 นาที

    ผมออกตามหาอาจารลมปราณ แต่ไม่ก็ไม่เจอ
     
  17. prineza

    prineza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ใช่ผมลองกั้นหายใจดู พลังก้เหมือนเดิมแถมยังจะเพิ่มด้วย
     
  18. Namushakamunibutsu

    Namushakamunibutsu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    1,347
    ค่าพลัง:
    +2,618
    พลังปราณมีกันอยู่ทุกชีวิตอยู่แล้วครับ และจะทำให้มันเพิ่มขึ้นก็ไม่จำเป็นต้องสร้างเองเสมอไป
    รอบๆตัว ทุกอณูมีปราณแฝงอยู่ทั้งดีและร้าย เราก็เลือกดูดซับแต่ปราณดีๆเข้าสู่ร่างกาย
    ปราณในร่างกายจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วมาก ซึ่งการฝึกเองสร้างเองจะเนิ่นช้า อาศัยความขยันมากๆ
     
  19. prineza

    prineza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    ตอนร่างกายมีพลังมาก ผมเคยลองถือน้ำแข็ง จนเย็นถึงขัดสุด แล้วปล่อยน้ำแข็งออก

    มือที่เย็นมาก กับเปลี่ยนเป็นร้อน มาก ทันทีเหมือนมีไฟอยุ่ที่มือ


    เพื่อนบอกเมิงโดนทาดไฟ !

    แต่ผมกะไม่เป็นอ่าไร
     
  20. prineza

    prineza สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +0
    มีครั้ง 1 เพื่อนผมเตะผม แต่เท้าเพื่อนผม พองเขียวเลย ผมก็รู้สึกเจ็บน่ะแต่ไม่เขียวพอง เหมือนคนเตะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...