เรื่องเด่น ในวันที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตบรรลุธรรมขั้นสูงสุด

ในห้อง 'หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต' ตั้งกระทู้โดย NUI, 24 มีนาคม 2006.

  1. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    1412057443-1060355374-o.jpg

    ในวันที่หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตบรรลุธรรมขั้นสูงสุด

    คัดจากโครงการหนังสือบูรพาจารย์
    ท่านหลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน ได้เขียนบรรยายตามที่ท่านได้ฟังมาจากหลวงปู่มั่นโดยตรงดังนี้

    ในเวลาไม่นานนักนับแต่ท่าน( หลวงปู่มั่น) ออกรีบเร่งตักตวงความเพียรด้านมหาสติมหาปัญญา ซึ่งเป็นสติปัญญาธรรมจักรหมุนรอบตัวและรอบสิ่งที่เกี่ยวข้องไม่มีประมาณตลอดเวลา
    ในคืนวันหนึ่งเวลาดึกสงัด ท่านนั่งสมาธิภาวนาอยู่ชายภูเขาที่มีหินพลาญกว้างขวางและเตียนโล่ง อากาศก็ปลอดโปร่งดี

    ท่านว่าท่านนั่งอยู่ใต้ร่มไม้ซึ่งตั้งอยู่โดดเดี่ยวเพียงต้นเดียวมีใบดกหนาร่มเย็นดี ซึ่งในตอนกลางวันท่านก็เคยอาศัยนั่งภาวนาที่นั้นบ้างในบางวัน...นับแต่ตอนเย็นไปตลอดจนถึงยามดึกสงัดของคืนวันนั้น ท่านว่าใจมีความสำผัสรับรู้กับปัจจยาการคือ อวิชชาปัจจยาสังขาร เป็นต้นเพียงอย่างเดียว ทั้งเวลานั่งเข้าที่ภาวนาจึงทำให้ท่านสนใจจุดนั้น โดยมิได้สนใจกับธรรมหมวดอื่นใด ตั้งหน้าพิจารณาอวิชชาอย่างเดียวแต่แรกเริ่มนั่งสมาธิภาวนา โดยอนุโลมกลับไปกลับมาอยู่ภายใน อันเป็นที่รวมแห่งภพชาติ กิเลสตัณหา มีอวิชชาเป็นตัวการ

    เริ่มแต่สองทุ่มที่ออกจากทางจงกรมแล้วเป็นต้นไป ตอนนี้เป็นตอนสำคัญมากในการรบของท่าน ระหว่างมหาสติมหาปัญญาอันเป็นอาวุธคมกล้าทันสมัยกับอวิชชา ซึ่งเป็นข้าศึกที่เคยทรงความฉลาดในเชิงหลบหลีกอาวุธอย่างว่องไว แล้วกลับยิงโต้ตอบให้อีกฝ่ายหนึ่งกลับพ่ายแพ้ยับเยินไม่เป็นท่าและครองตำแหน่งกษัตริย์วัฏฏจักรบนหัวใจสัตว์โลกต่อไปตลอดอนันตกาล ไม่มีใครต่อสู้ฝีมือได้ แต่ขณะที่ยุทธศาสตร์สงครามกับท่านพระอาจารย์มั่นในคืนนั้น ประมาณราวตี๓ ผลปรากฏว่าฝ่ายกษัตริย์วัฏฏจักรถูกสังหารทำลายบังลังก์ลงอย่างพินาศขาดสูญ ปราศจากการต่อสู้และหลบหลีกใดๆทั้งสิ้น

    กลายเป็นผู้สิ้นฤทธิ์สิ้นอำนาจ สิ้นความฉลาดทั้งมวลที่จะครองอำนาจอยู่ต่อไป
    ขณะกษัตริย์อวิชชาดับชาติขาดภพลงไปแล้วเพราะอาวุธสายฟ้าอันสง่าแหลมคมของท่านสังหาร ท่านว่าขณะนั้นเหมือนโลกธาตุหวั่นไหว เสียงเทวบุตรเทวธิดาทั่วโลกธาตุประกาศก้องสาธุการ เสียงสะเทือนสะท้านไปทั่วพิภพ ว่าศิษย์พระตถาคตปรากฎขึ้นในโลกอีกหนึ่งองค์แล้ว พวกเราทั้งหลายมีความยินดีและเป็นสุขใจกับท่านมาก แต่ชาวมนุษย์คงไม่มีโอกาสทราบ อาจมัวเพลิดเพลินหาความสุขทางโลกเกินขอบเขต ไม่มีใครสนใจทราบว่าธรรมประเสริฐในดวงใจเกิดขึ้นในแดนมนุษย์เมื่อสักครู่นี้

    พอขณะอัศจรรย์กระเทือนโลกธาตุผ่านไปเหลือแต่วิสุทธิธรรมภายในใจอันเป็นธรรมชาติแท้ ซึ่งแผ่ซ่านไปทั่วสรรพางค์ร่างกายและจิตใจ แผ่กระจายไปทั่วโลกธาตุในเวลานั้นทำให้เกิดความแปลกประหลาดและอัศจรรย์ตัวเองมากมาย จนไม่สามารถจะบอกกับใครได้ที่เคยมีเมตตาต่อโลกและสนใจจะอบรมสั่งสอนหมู่คณะและประชาชนมาดั้งเดิมเลยกลับหายสูญไปหมด เพราะความเห็นธรรมภายในใจว่าเป็นธรรมละเอียดและอัศจรรย์จนสุดวิสัยของมนุษย์จะรู้เห็นตามได้และเกิดความท้อใจจนกลายเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย ไม่คิดจะสั่งสอนใครต่อใครต่อไปในขณะนั้น คิดจะเสวยธรรมอัศจรรย์ในท่ามกลางโลกสมมติแต่ผู้เดียว

    ใจหนักไปทางรำพึงรำพันถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าผู้เป็นบรมครูผู้รู้จริงเห็นแจ้ง และสั่งสอนเวไนยสัตว์เพื่อวิมุติหลุดพ้นจริงๆ ไม่มีคำโกหกหลอกลวงแฝงอยู่ในพระโอวาทแม้บทเดียวเลย แล้วกราบไหว้บูชาพระคุณท่านไม่มีเวลาอิ่มพอตลอดคืน

    จากนั้นก็มีเมตตาสงสารหมู่ชนเป็นกำลัง ที่เห็นว่าสุดวิสัยจะสั่งสอนได้โดยถือเอาความบริสุทธิ์และอัศจรรย์ภายในใจมาเป็นอุปสรรคว่าธรรมนี้ไม่ใช่ธรรมของคนมีกิเลสจะครองได้ ถ้าสั่งสอนใครก็เกรงจะถูกหาว่าบ้า ว่าไปหาเรื่องอะไรมาสอนกัน คนดีๆมีสติสตังอยู่บ้างเขาจะไม่นำเรื่องทำนองนี้มาสอนดังนี้กันทั่วโลก จะมีใครอาจรู้เห็นตามได้ พอเป็นพยานให้เกิดกำลังใจในการสอน นอกจากจะอยู่ไปคนเดียวอย่างนี้พอถึงวันตายเท่านั้นก็พอแล้วกับความหวังที่อุตส่าห์เสาะแสวงหาเป็นเวลานาน อย่าหาเรื่องร้ายใส่ตัวเองเลยจะกลายเป็นว่าทำคุณกลับได้โทษโปรดสัตว์กลับได้บาปไปเปล่าๆ

    นี่เป็นความคิดที่เกิดขึ้นกับท่านขณะที่ค้นพบธรรมอัศจรรย์ใหม่ๆยังมิได้คิดอะไรให้กว้างขวางออกไป

    พอมีความเชื่อมโยงถึงการอบรมสั่งสอนตามแนวศาสนธรรมที่พระศาสดาพาดำเนินมา
    ในวาระต่อมาค่อยมีโอกาสทบทวนธรรมที่รู้เห็นและปฏิปทาเครื่องดำเนินตลอดตัวท่านเองที่รู้ธรรมอยู่ขณะนั้นว่า ก็เป็นมนุษย์เดินดินกินผัก กินหญ้า เหมือนโลกทั่วๆไปไม่มีอะไรพิเศษแตกต่างกันพอจะเป็นบุคคลพิเศษสามารถรู้เฉพาะผู้เดียว แต่ประทานไว้เพื่อโลกทั้งมวลทั้งก่อนและหลังการเสด็จปรินิพพานผู้ตรัสรู้มรรคผลนิพพานตามพระองค์ด้วยปฏิปทาที่ประทานไว้มีจำนวนมหาศาลเหลือที่จะนับประมาณมิได้มิได้มีเฉพาะเราคนเดียวที่กำลังมองข้ามโลกว่าไร้สมรรถภาพอยู่เวลานี้

    พอพิจารณาทั้งเหตุและผลทั้งต้นและปลายแห่งพระโอวาทที่ประทานปฎิปทาทางดำเนินเพื่อมรรคผลว่าเป็นธรรมสมบูรณ์สุดส่วนแก่สัตว์โลกทั่วไป ไม่ลำเอียงต่อผู้หนึ่งผู้ใดที่ปฏิบัติชอบอยู่ จึงทำให้เกิดความหวังที่จะสงเคราะห์ผู้อื่นขึ้นมา มีความพอใจที่จะอบรมสั่งสอนแก่ผู้มาเกี่ยวข้องอาศัย เท่าที่สามารถทั้งสองฝ่าย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 044.jpg
      Picture 044.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30.2 KB
      เปิดดู:
      460
  2. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    หลังจากหลวงปู่มั่นท่านเดินถึงทางวิมุติแล้ว คืนต่อๆมามีพระพุทธเจ้าพร้อมสาวกจำนวนมากเสด็จมาอนุโมทนาวิมุติธรรมกับท่าน คืนนั้นพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นกับสาวกเป็นจำนวนหมื่นเสด็จมาเยี่ยม
    อีกคืนพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นมีพระสาวกจำนวนเท่านั้นเสด็จมาเยี่ยมอนุโมทนา จำนวนพระสาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามาแต่ละองค์นั้นมีจำนวนไม่เท่ากัน ทั้งนี้ท่านว่าขึ้นอยู่กับวาสนาของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ไม่เหมือนกัน
    ที่พระสาวกตามเสด็จมาด้วยแต่ละพระองค์นั้น มิได้เสด็จตามมาทั้งหมดในบรรดาพระสาวกของแต่ละพระองค์ที่มีอยู่ แต่ที่ตามเสด็จมากน้อยต่างกันนั้นพอแสดงให้เห็นภูมิวาสนาบารมีของแต่ละพระองค์นั้นต่างกันเท่านั้น
    บรรดาพระสาวกจำนวนมากของแต่ละพระองค์ที่ตามเสด็จมานั้น มีสามเณรติดตามมาด้วยแต่ละครั้งไม่น้อยเลย หลวงปู่สงสัยจึงพิจารณาก็ทราบว่า คำว่าพระอรหันต์ในนามธรรมนั้น มิได้หมายเฉพาะพระแต่สามเณรที่มีจิตบริสุทธิ์หมดจดก็นับเข้าใจในจำนวนสาวกอรหันต์ด้วย ฉะนั้นที่สามเณรติดตามมาด้วยจึงไม่ขัดกัน

    ในพระโอวาทของพระพุทธเจ้าทั้งหลายที่ประทานอนุโมทนาแก่หลวงปู่มั่นนั้นพอประมวลโดยรวม มีสาระส่วนใหญ่ดังนี้
    เราตถาคตทราบว่าเธอพ้นโทษจากอนันตรทุกข์ในที่คุมขังแหล่งนี้ใหญ่โตมโหฬารและแน่นหนามั่นคงมาก และมีเครื่องยั่วยวนชวนให้เผลอตัวติดอยู่รอบตัวไม่มีช่องว่าง จึงยากที่จะมีผู้แหวกว่ายออกมาได้ เพราะสัตว์โลกจำนวนมากไม่ค่อยมีผู้สนใจกับทุกข์ที่เป็นอยู่กับตัวตลอดมา ว่าเป็นสิ่งที่ทรมานและเสียดแทงร่างกายจิตใจเพียงใด พอจะคิดเสาะแสวงหาทางออกด้วยวิธีต่างๆ ก็เหมือนคนเป็นโรคแต่มิได้สนใจกับยา ยาแม้มีมากจึงไม่มีประโยชน์สำหรับคนประเภทนั้น
    ธรรมของเราตถาคตก็เช่นเดียวกับยา สัตว์โลกอาภัพเพราะโลกกิเลสตัณหาภายในใจเบียดเบียนเสียดแทง ทำให้เป็นทุกข์แบบไม่มีจุดหมายว่าจะหายได้เมื่อไร สิ่งตายตัวคือโรคพรรค์นี้ ถ้าไม่รับยาคือธรรมจะไม่มีวันหาย ต้องฉุดลากสัตว์โลกให้ตายคละเคล้าไปกับความทุกข์กายทุกข์ใจ และเกี่ยวโยงกันเหมือนลูกโซ่ตลอดอนันตกาล
    ธรรมแม้จะมีเต็มไปทั้งโลกธาตุ ก็ไม่สามารถอำนวยประโยชน์ให้แก่ผู้สนใจนำไปปฏิบัติรักษาตัวเท่าที่ควรจะได้รับจากธรรม ธรรมก็อยู่แบบธรรมสัตว์โลกก็หมุนตัวเป็นกงจักรไปกับทุกข์ในภพน้อยภพใหญ่แบบสัตว์โลก โดยไม่มีจุดหมายปลายทางว่าจะสิ้นสุดทุกข์ลงได้เมื่อใด ไม่มีทางช่วยได้ถ้าไม่สนใจช่วยตัวเองโดยยึดธรรมมาเป็นหลักใจและพยายามปฏิบัติตาม พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้เพิ่มจำนวนองค์และสั่งสอนมากมายเพียงไรผลที่ได้รับก็เท่าที่โรคประเภทที่คอยรับยาอยู่เท่านั้น

    ธรรมของพระพุทธเจ้าไม่ว่าพระองค์ใดมีแบบตายตัวอยู่อย่างเดียวกันคือสอนให้ละชั่วทำดีทั้งนั้น ไม่มีธรรมพิเศษไปกว่านี้ เพราะไม่กิเลสตัณหาพิเศษในใจสัตว์โลกที่พิเศษเหนือธรรมที่ประกาศสอนไว้
    เท่าที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายประทานไว้แล้วเป็นธรรมที่ควรรื้อถอนกิเลสทุกประเภทของมวลสัตว์อยู่แล้ว นอกจากผู้รับฟังและปฎิบัติตามจะยอมแพ้ต่อกิเลสตัณหาของตัวเองเสียเอง แล้วธรรมเป็นของไร้สาระไปเสียเท่านั้น
    ที่นี่เธอเห็นตถาคตจริงแล้วมิใช่หรือ พระตถาคตแท้คืออะไรคือความบริสุทธิ์แห่งใจที่เธอเห็นแล้วนั้นแล ที่พระตถาคตมาในร่างนี้มาในร่างแห่งสมมติต่างหาก เพราะตถาคตและพระอรหันต์อันที่จริงมิใช่ร่างแบบที่มากันนี้ นี่เป็นเพียงเรือนร่างของตถาคตโดยทางสมมติเท่านั้น
    หลวงปู่ได้กราบทูลถามว่า ข้าพระองค์ทราบพระตถาคตและพระสาวกอรหันต์อันแท้จริงไม่สงสัย ที่สงสัยคือพระองค์ทั้งหลายกับพระสาวกท่านที่เสด็จไปด้วยอนุปาทิเสสนิพาน ไม่มีส่วนสมมติยังเหลืออยู่เลย แล้วเสด็จมาในร่างนี้ได้อย่างไร?
    พระพุทธเจ้าตรัสว่า ถ้าอีกฝ่ายหนึ่งแม้มีความบริสุทธิ์กายใจด้วยดีแล้วแต่ยังครองร่างอันเป็นส่วนสมมติอยู่ ฝ่ายอนุปาทิเสสนิพพานก็ต้องแสดงสมมติตอบรับ คือต้องมาในร่างสมมติซึ่งเป็นเครื่องใช้ชั่วคราวได้ ถ้าต่างฝ่ายต่างเป็นอนุปาทิเสสนิพานด้วยกันแล้วไม่มีส่วนสมมติอยู่ ตถาคตก็ไม่มีอันใดมาแสดงเพื่ออะไรอีก ฉะนั้นการมาในร่างสมมตินี้เพื่อสมมติเท่านั้น ถ้าไม่มีสมมติอย่างเดียวก็หมดปัญหา

    พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงทราบเรื่องอดีต อนาคตก็ทรงถือเอานิมิตคือสมมติอันดั้งเดิมของเรื่องนั้นๆมาเป็นเครื่องหมายให้ทราบเช่น ทรงทราบอดีตของพระพุทธเจ้าทั้งหลายว่าทรงเป็นมาอย่างไรเป็นต้น ก็ต้องถือเอานิมิตของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้นๆ และพระอาการนั้นๆเป็นเครื่องหมายพิจารณาให้รู้ ถ้าไม่มีสมมติของสิ่งนั้นๆเป็นเครื่องหมายก็ไม่มีทางทราบได้ในสมมติเพราะวิมุติล้วนๆไม่มีทางแสดงได้
    ที่เธอถามเราตถาคตนั้น ถามด้วยความสงสัยหรือถามพอเป็นกิริยาแห่งการสนทนากัน?
    หลวงปู่ท่านกราบทูล ข้าพระองค์มิได้มีความสงสัยทั้งสมมติและวิมุติของพระพุทธองค์ทั้งหลาย แต่ที่กราบทูลนั้นก็เพียงเพื่อถวายความเคารพไปตามกิริยาแห่งสมมตินั้น แม้พระองค์กับพระสาวกจะเสด็จมาหรือไม่ก็มิได้สงสัยว่า พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ อันแท้จริงมีอยู่ ณ ที่แห่งใด แต่เป็นความเชื่อประจักษ์ใจอยู่เสมอว่า ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นเราตถาคต อันแสดงว่าพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ มิใช่อื่นใดจากที่บริสุทธิ์หมดจดจากสมมติในลักษณะเดียวกันกับพระรัตนตรัย

    พระพุทธเจ้าตรัสว่า การที่เราตถาคตถามเธอมิได้ถามด้วยความเข้าใจว่าเธอมีความสงสัย แต่ถามเพื่อเพื่อเป็นสัมโมทนียธรรมต่อกันเท่านั้น
    บรรดาพระสาวกที่ตามเสด็จพระพุทธเจ้ามาแต่ละพระองค์ และแต่ละครั้งนั้นมิได้กล่าวปราศรัยอะไรกับหลวงปู่เลย มีพระพุทธเจ้าประทานพระโอวาทพระองค์เดียว ส่วนพระสาวกทั้งหลายเป็นเพียงนั่งฟังอยู่อย่างสงบ น่าเคารพน่าเลื่อมใสมากเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Picture 058.jpg
      Picture 058.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.1 KB
      เปิดดู:
      1,248
  3. tassanai_k

    tassanai_k เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,518
    โมทนา สาธุ ครับ
    แต่ละท่านย่อมปฏิบัติเหมือนหรือแตกต่างกันไป แต่ก็มีจุดหมายแห่งเดียวกัน
     
  4. ส.ศิริวงศ์

    ส.ศิริวงศ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +48
    สาธุ...สาธุ...สาธุ... กราบพระพุทธเจ้าผู้เป็นประธานในโลก....กราบพระสัทธรรมทั้ง ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ .... กราบเหล่าพระอริยสงฆ์ทั้งหลายผู้ปฎิบัติดีแล้วตามธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์.....สาธุ
     
  5. ส.ศิริวงศ์

    ส.ศิริวงศ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    11
    ค่าพลัง:
    +48
    สาธุ...สาธุ...สาธุ... กราบพระพุทธเจ้าผู้เป็นประธานในโลก....กราบพระสัทธรรมทั้ง ๘๔๐๐๐ พระธรรมขันธ์ .... กราบเหล่าพระอริยสงฆ์ทั้งหลายผู้ปฎิบัติดีแล้วตามธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์.....สาธุ
     
  6. NUI

    NUI เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    389
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +983
    ขอให้เจริญในธรรมทุกๆคนค่ะ
     
  7. varanyo

    varanyo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    925
    ค่าพลัง:
    +3,373
    ได้กราบพระอริยะสงฆ์องค์หลวงปู่มั่น...พร้อมทั้งศิษยานุศิษย์ของท่าน...
    ผู้ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว...นับว่าเป็นบุญที่ได้เข้ามาเห็นธรรม...
    เห็นพุทธศาสนา...ข้าพระพุทธเจ้าจะขอดำเนินรอยตามท่านผู้ปฏิบัติดี...
    ปฏิบัติชอบกับท่านเหล่านั้น...ขออนุโมทนา...สาธุ...สาธุ...สาธุ...
     
  8. nonglucp

    nonglucp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +1,041
    สาธุ..ขอกราบพระพุทธเจ้าและพระอัครสาวกทุกๆพระองค์ค่ะ
     
  9. เมฆคล้อยอนิจจัง

    เมฆคล้อยอนิจจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    59
    ค่าพลัง:
    +150
    ขอโมทนา สาธุ
    ขอขอบพระคุณพระพุทธองค์ที่ทรงสั่งสอนธรรมะแก่สัตว์โลก
    ขอขอบพระคุณครูบาอาจารย์อันได้แก่หลวงหลวงปู่มั่นและครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ในสายหลวงปู่ และเหล่ามหาเทพเทวา มหาโพธิสัตว์ที่เมตตาสั่งสอนรินรดพระธรรมลงยังดวงจิตของข้าพเจ้า
    และขอขอบพระคุณผู้นำธรรมะอันละเอียดประณีตของครูบาอาจารย์มาโพสให้ได้อ่านกันครับ
     
  10. bankamo

    bankamo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2005
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +86
    ขออนุโมทนาในธรรมทานของเจ้าของกระทู้ด้วยครับ ปฏิปทาความเพียรหลวงปู่มั่นท่านยิ่งใหญ่จริงๆครับ
     
  11. mrmos

    mrmos Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2016
    โพสต์:
    1,191
    ค่าพลัง:
    +1,095
    sa.jpg
     

แชร์หน้านี้

Loading...