ไขข้อข้องใจเรื่องเปรต จำแนกตามพระพุทธเจ้าตรัส และเปรตนั้นมีมาแต่พุทธกาล นิทานธรรม สาระธรรม

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย supatorn, 21 สิงหาคม 2017.

  1. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    มีอีกกลุ่มหนึ่งน่าสนใจเหมือนกัน
    มีบริวารมากมาย
    มีวิมารเป็นของตัวเอง
    แต่ว่า ไม่สามารถออกจากวิมารได้
    เพราะจะมีกงจักรลอยมาตัด
    ส่วนที่ยื่นออกจากวิมารทันที....
    ไม่เชื่อว่างๆ ลองแวะไปด่าเค้าดูนะ ๕๕๕
    ปล.นิทานนะ..
     
  3. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    ใครคะ อ นพ ไม่กล้าด่าใครหรอกค่ะเดี๋ยวโดนรุมแบบที่อ เคยบอกไว้:)
     
  4. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    พูดถึงเปรดกลุ่มที่มีวิมารนะ ไม่ใช่คนนะ
    แซวเฉยๆ..เผื่อว่ามีโอกาสได้ไปเห็น
    บริวารพวกนี้ มีแต่นางสนมงามๆนะ

    แปลกไหม มีบริวาร มีวิมาร
    แต่กายเป็นเปรต และออกจากวิมารไม่ได้
    แล้วจะมีเผื่อ? และที่น่าสนใจคือว่า
    ไปสร้างวิบากอะไรมา ถึงได้มีจักร(จากท่านองค์สีเขียวๆ)
    ลอยมาตัดภายในเสียววิได้
    ให้ไปลองคิดดูเล่นๆก็แล้วกัน.....

    ปล.นิทานเด้อ...
     
  5. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ถาม : แล้วมีเรื่องเล่าว่ามีคนหนึ่งครับ ไปติดอยู่ในเกาะแห่งหนึ่งแล้วได้พบกับผู้หญิงทุกคืน แล้วก็ได้เสพสมกันทุกคืนแล้วตอนเช้าก็หายไป จนวันหนึ่งชายคนนั้นก็ได้พบว่าตอนกลางวันหลังเขาลูกนั้นผู้หญิงคนนั้นได้กลายร่างและถูกสุนัขกัดกินเนื้อและเป็นอย่างนี้ทุกวัน อยากถามว่าผู้หญิงคนนั้นได้ทำกรรมอะไรจึงต้องเป็นอย่างนี้ครับ ?

    ตอบ : กรรมอย่างนี้ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านทำอะไรไว้นะ แต่ว่าตัวท่านเองนะเป็นเปรตเรียก เวมานิกเปรต เวมานิกเปรตนี่มันจะมีเวลาหนึ่งที่ตัวของตัวเองจะอยู่ในลักษณะเหมือนกับเทวดาแต่ขณะเดียวกันพออีกช่วงหนึ่งก็ต้องได้รับการทุกข์ทรมานกันตามสภาพของเปรตเขา คน ๆ นั้น บังเอิญเขาได้ทำบาป แต่ว่าเขาทำโดยไม่เจตนาไม่ได้เต็มใจ จิตใจที่ตั้งอยู่ในบุญของเขาก็ไม่มี

    แต่เนื่องจากความดีที่เขาทำมามันมีอยู่ก็เลยทำให้เขาได้ไปลักษณะที่ว่ามีเมียเป็นเวนิกเปรต คืออย่างน้อย ๆ ก็คือในสภาพความเป็นทิพย์ในความเป็นเทวดาเป็นอะไรของเขานี่มันก็จะดีกว่าเป็นมนุษย์ปกติอยู่แล้ว แต่ว่ามันจะมีอยู่ช่วงหนึ่งคืออย่างที่ว่ากลางคืนจะมา แต่ว่ากลางวันต้องกลับไปกลายเป็นเปรตโดนลงโทษอยู่ในลักษณะเดิมของเขา

    อันนั้นจะเป็นพวกที่อยู่ในเปติวิสัยภูมิจำพวกหนึ่งเขาเรียกเวมานิกเปรต เปรตพวกนี้ถ้าหากว่าสร้างบารมีไว้ดี ๆ นะอย่างเช่นว่าเลี้ยงสัตว์อะไร แต่ว่าต้องไปกักขังเขา ถึงจะประกอบไปด้วยความเมตตาก็จริงท่านทั้งหลายเหล่านี้สวยเหมือนเทวดาเลย มีวิมานทองมีอะไรอยู่ แต่ออกจากวิมานไม่ได้ เพราะว่าโทษที่ไปกักขังเขาไว้ถึงจะทำด้วยความเมตตาก็เหอะ

    แต่ว่าถ้าหากว่าเคยทำบุญอื่นไว้ไอ้ผลบุญจากการที่เมตตาสงเคราะห์สัตว์นี่ก็จะส่งผลให้เขาได้รับบุญของเขาไปเลย แต่ถ้าไม่เคยทำบุญอื่นไว้เลยนอกจากการเลี้ยงสัตว์โดยการกักขังอย่างเดียวจะเกิดเป็นเวมานิกเปรต จะเป็นจำพวกเดียวกับเวมานิกเปรตบางพวกก็ลงโทษตัวเองอย่างเช่นว่ามีสภาพร่างกายสวยงามอย่างกับเทวดาแต่ท่านใช้คำว่ายังไง.... ตามที่บรรยายไว้มีเล็บเหมือนกับเคียวอันแหลมคมเกี่ยวเนื้อตัวเองกินลักษณะนั้นเหมือนกัน อันนี้เขาเป็นเปรต ถ้าหากว่าถามว่าทำบาปอะไรบอกไม่รู้เหมือนกัน ต้องถามคนทำเขา

    สมัยหนึ่งที่พระโมคคัลลาน์ในวิมานวัตถุ ท่านไปเจอเปรตไปเจอเทวดาท่านจะถามเขาทีละคน ๆ ไปเลยว่าไปทำอะไรมา ดูก่อนเทพธิดาเธอมีรัศมีกายอันงามโสภายิ่งนัก ประกอบไปด้วยวิมานแก้วสามประการ ห้าประการ เจ็ดประการ ก่อนหน้านี้ที่เธอเป็นมนุษย์เธอได้ทำบุญอะไรไว้ ? เขาถึงจะบรรยายให้ฟังทีละอย่าง ๆ ฉะนั้นพวกนี้ต้องไปเจอเองแล้วต้องถามเอง

    มีรายหนึ่งเป็นต้องใช้คำว่าเป็นเปรตเกิดจากความขี้เหนียวหวงที่ พระธุดงค์ไปเจอ พระธุดงค์หลงป่าอยู่ตั้ง ๓-๔ วันไปเจอเข้า เจอชายคนนั้นไถนาอยู่ ไถไปไถมาก็แปลกใจ เอ้! อยู่ในป่าลึกขนาดนี้มีคนมาทำนาหรือ... ก็ถามเขาว่าทำไมถึงมาไถนาอยู่ที่นี่ เขาบอกเขาไม่ได้อยากทำหรอกเขาโดนบังคับ เพราะว่าเขาเป็นเปรต ในเมื่อเขาเป็นเปรตแล้วเขาหวงที่เขาไปไหนไม่ได้เขาเลยต้องเดินวนไถนาอยู่อย่างนั้น แล้วพระท่านก็ถามว่าแล้วจะออกไปทางไหนทางของท่าน ๆ หลง เขาก็อุตสาห์ชี้ทางให้คงจะได้บุญส่วนนั้นช่วยไปสักหน่อยละมั้ง ต้องถามเขาเองเลย




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนสิงหาคม ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ
     
  6. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    เปรตมีหลายประเภทนะ ต้องค่อยๆเจอกับตัว
    ถึงจะสนุกสนาน แต่เปรตสังเกตุง่ายๆ
    ฝ่ามือเค้าจะเลยหัวเข่า ถ้าคิดอะไรไม่ออกนะ ...
    ภูติ ตัวจะลอยขาไม่ติดพื้น ไม่ถูกตัวเราแต่อยู่ใกล้ๆ
    พวกนี้แต่งตัวเหมือน คนไม่เคยรีดผ้า
    อสูรกาย มีหลายแบบแต่หลักๆ ตาจะสีเหลืองถ้ามีฤิทธิ์
    และเป็นกึ่งเทวดากึ่งอสูร และไม่สบตาเรา
    แม้ว่า เราจะไปพยายามมองหน้าเค้าก็ตาม
    แต่ถ้าตาสีแดงๆ ให้ระวังเอาไว้ให้ดี
    พวกนี้นิสัยยังไม่ดี...
    แต่พวกอยู่มานาน ตัวจะดำออกเขียวไม่ใส ดำทุกส่วน
    ฯลฯ เอาไว้ค่อยว่ากันทีหลังแล้วกัน


    อย่างป่าหน้าบ้าน มีเปรตอยู่ท่านหนึ่งนะ
    ตัวสูงมากไม่น่าต่ำกว่าตึก ๔ ชั้น แต่ว่าตัวแกจะใสๆหน่อยนะ
    เดินดูที่ดินบริเวณนั้นแบบหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส
    นี่เพราะ แกมีบริวาร แต่งตัวเหมือนชาวบ้านธรรมดาอยู่
    แถวๆนั้นเยอะ แกคงเดินดูความเรียบร้อย
    ป่านว่า เจ้าของบริษัท

    แถวบึงที่ขึ้นต้นด้วยหนอง ลงท้ายด้วย โครต ๕๕๕
    ก็มีเปรตเจ้ ขี้งก ขี้โกง เหมือนกัน นี่ก็ทำบุญให้ยากหน่อย
    เพราะมีกระแสมาขวางขณะที่กำลังจะรับบุญ

    ส่วนวัดหลวงพ่อ ก ก็มีเปรตนะ แต่มาขอส่วนบุญ
    ตอนที่ หลวงพ่อกำลังนำสวดจบ ตอนถวายอาหารเช้า
    ตรงนี้ส่วนตัวยังไม่เคยเจอ...เคยได้ยินแต่เสียงที่อัดไว้

    ส่วนเรื่องการจะสื่อสาร กับนามธรรมได้ อย่าไปลัดขั้นตอนเด้อ
    การลัดขั้นตอน แบบมีท่านโน้นนี่นั้นมาบอก
    หรือมีอะไรมาแฝงเรา อย่างนี้อันตรายมากๆ
    ความสามารถตรงนี้ ถ้าจะมีหรือไม่มี
    อย่าไปสนใจอะไรมากมาย
    และต้องมีแบบที่เกิดจาก ตัวจิตเราเอง.....
    หรือเราสร้างด้วยตัวเราเองนั่นหละ จบ
    นิทานเด้อนิทาน
     
  7. วงกรตน้ำ

    วงกรตน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2015
    โพสต์:
    810
    กระทู้เรื่องเด่น:
    12
    ค่าพลัง:
    +2,432
    ไม่อยากเจอ อยากเจอเทวดา 555++
    ปล.มีบางท่านบอก เราจะได้อยู่ภูมิไหน ก็อยู่กับการได้เจอนี่แระ อิอิ..
     
  8. supatorn

    supatorn ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    41,618
    กระทู้เรื่องเด่น:
    169
    ค่าพลัง:
    +33,017
    เคยฝันเห็นท่านนึงมาลาในฝันนะ เป็นคนดีมากๆเลยแผ่ส่วนบุญให้ทุกคืน ตายแบบไม่รู้ตัวนะ รถชนคอหัก แผ่ส่วนบุญอยู่เกือบสิบปีก็มาในฝันแต่งตัวดีผูกไท บอก"ไปละนะ"พอมองลงไปเห็นรถสีทองเปิดประทุนรออยู่ข้างล่าง(ในฝันเหมือนเราอยู่บ้าน๒ชั้นแล้วเราอยู่ชั้นบน)
    *ไม่เคยเห็นอะไรสักอย่างตามที่อ นพ บอกมาและไม่อยากเห็นด้วยค่ะ เคยเห็นแต่พรหม ก็ในฝันอีกแหละ แต่เรื่องพรหมหรือเทวดาที่เห็นในฝันจะมาแวปเดียวในฝันนะคะราวๆตี๕ อีกอย่างที่แปลกคือ พ่อหรือเพื่อนๆที่ตายจะมาบอกลา บางรายมาลาตอนตาย พอเปลี่ยนภพภูมิก็มาลาอีกแต่งชุดชีฟองสวยเชียว พวกจาตุก็ไม่พูดมาก ถามคําเดียวในความคิด ก็มาในฝันอีก"จาตุ"
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    อย่างว่าเรื่องการเห็นนามธรรม แม้เห็นได้ด้วยตาเปล่าก็ยึดไม่ได้
    เพราะอะไร รู้ไหม เพราะว่าถ้าเราสามารถรักษาสภาวะนั้นได้นานขึ้นจะเข้าใจ
    เชื่อไหมว่า เพียงแค่เห็นในเบื้องต้นแค่เงา ก็สามารถเปลี่ยนแปลงไปได้
    เกือบสิบอย่าง นี่พูดแบบตาเปล่านะแบบหลักหลายนาทีและไม่ใช่ฝัน......
    ดังนั้นถ้าเห็นในฝันหรือนั่งสมาธิแล้วแว๊บๆ ให้อย่าไปยึดเลย
    ให้ถือว่าปกติไม่มีอะไร เล่าพอขำๆได้ แต่อย่าเผลอไปยึดว่า
    ตัวเราอย่างโน้นนี่นั้นได้ แสดงว่าเราพอมีอะไรดี
    ถึงเห็นได้ อย่างนี้ให้ระวังให้มากๆ

    สมัยพึ่งรู้จักสมาธิ มีมาเกือบทุกระดับนั้นหละ ทั้งแบบตาเปล่า
    ที่เป็นแบบในรูปปั้น และในฝันในนิมิตอะไร เคยเจอแต่งตัวหล่อเหมือนพรหม
    มองไปมองมา ยักคิ้วให้ซะงั้น ขำกันทั้งที่มาให้เห็นและคนดู
    เพราะฉนั้น จึงยึดในสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เลย
    อย่าที่บอก ว่าสิ่งที่เห็นอาจจะจริง แต่จะใช่หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง......
    แต่สิ่งที่สร้างหรือหลอกกันไม่ได้ คือพลังงานหรือเรื่องของบารมี...

    ส่วนความฝันหรือแม้การเห็นแบบหลับๆตื่นๆหรืือนิมิตนั้นสำคัญ
    ที่วัตถุประสงค์ในการเห็น ไม่ใช่สิ่งที่เห็นคืออะไร อย่างๆไร ทำไมถึงเห็น...
    เพราะตราบใดที่จิตยังมีสัญญาอยู่ ยังไงก็ยังสร้างเป็นภาพได้
    ไม่ว่าจะเป็นภาพอะไร และยังมีการปรุงแต่งอยู่....

    ปล.พวกนี้เป็นมายาจิตอย่างหนึ่งซึ่งเป็นเพียงกลจิตอยู่
    ถ้าเราไม่ทิ้ง ไม่เลิกสนใจพวกนี้นี้ เราจะไม่เข้าใจกระบวนการเกิด
    และกระบวนการปรุงแต่งของพวกนี้ได้ ว่าจริงมันมาจากตัว
    ผู้ดูที่อยู่ที่จิต และตัวผู้รู้ที่ส่งออกจากจิต ไปแล้วสร้างเป็นภาพขึ้นมา

    (ตัวอย่างลองมองภาพตามดีๆ ผู้ดูส่งกระแสจากจิตไปกระทบอารมย์สมมุติให้เป็นเก้าอี้
    รู้ว่าเป็นเก้าอี้ เรียกถูกจากสัญญา ไม่ว่าได้ยินมา ได้เห็นมา ได้ฟัง ได้อ่านมา

    หรือเรียกตามๆกันมา
    ปรุงแต่งต่อได้ว่า สวยไม่สวย ชอบไม่ชอบ ราคาเท่าไร เอาไปทำอะไรต่อ ฯลฯ
    แต่ไม่รู้ว่า เก้าอี้เกิดจากอะไร เกิดมาได้อย่างไร จะเสื่อมสลายไปตอนไหน
    และเสื่อมไปเพราะอะไร
    แค่รู้เฉยๆในสิ่งที่ไปกระทบ พอนึกออกไหม)

    จะไม่รู้ว่า ทั้งผู้ดูและผู้รู้แท้จริงแล้วก็เป็นการปรุงแต่งอยู่
    แต่ไม่ใช่ว่าไม่ดี เพราะมันก็สามารถใช้งานได้อยู่
    แต่ต้องทิ้งไป ไม่งั้นจะไม่เห็นในขั้นเริ่มต้นกระบวนการ
    อย่างในตัวหนังสือสีดำ เพื่อที่จะไประดับปัญญาญาน
    ต่อไปที่หนุนให้จิตคลายความยึดมั่นถือมั่นที่แท้จริงได้ จบ.


     

แชร์หน้านี้

Loading...