เรื่องเด่น ไขความลับพระทิเบตวัย 69 ที่วิทยาศาสตร์ถือว่าเป็น ‘มนุษย์ที่มีความสุขที่สุดในโลก’!?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ษิตา, 5 สิงหาคม 2017.

  1. ษิตา

    ษิตา ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    10,174
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,230
    ค่าพลัง:
    +34,647
    "Matthieu Ricard" พระวัย 69 ปี ที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นชายที่มีความสุขที่สุดบนโลก ผู้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการการศึกษาด้านสมอง ที่เกี่ยวข้องกับ...สมาธิและความเมตตา

    พลังจิต-101.jpg
    พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด นักวิทยาศาสตร์แห่งความสุข จากดอกเตอร์ด้านวิทยาศาสตร์สู่การเป็นพระสงฆ์ในพุทธศาสนา


    ทุกคนล้วนปราถนาที่จะเป็น ‘คนมีความสุข’ แต่ความกดดันและความรับผิดชอบหลายอย่าง ก็มักนำความเครียดมาให้ จนหลายครั้งเราหลงทางและกลายเป็นคนไม่มีความสุขแบบไม่รู้ตัว

    บางทีมันก็อดสงสัยไม่ได้ว่า จะมีใครสักคนมั้ยที่มีความสุขกับชีวิตแบบมหาศาล ถึงขนาดที่ถูกเรียกว่าเป็น ‘คนที่มีความสุขที่สุดในโลก’? ซึ่งหากคุณถามคำถามนั้นกับนักวิจัยทางประสาทวิทยาล่ะก็ ชื่อของ ‘Matthieu Ricard’ จะต้องปรากฏให้ได้ยิน เพราะท่านคือบุรุษที่คนในวงการวิทยาศาสตร์ยกย่องว่าเป็นคนที่ ‘มีความสุขที่สุดในโลก’

    Matthieu Ricard คือพระแห่งธิเบต ท่านได้ร่วมเข้าการศึกษาสมองกว่า 12 ปี ของโครงการวิจัยมหาวิทยาลัย University of Wisconsin ซึ่งเขาจะต้องถูกวัดระดับความสุขด้วย เซ็นเซอร์ 256 รูปแบบ และนักวิจัยอย่าง Richard Davidson ก็ได้ค้นพบความน่าทึ่งเมื่อ Matthieu Ricard เข้าสู่สภาวะสมาธิและมีระดับความสุข ความอ่อนโยนที่สูงเหนือปกติมาก

    โดยในปี 2008 Davidson ได้ให้กลุ่มทดลองจำนวนสองกลุ่มนั่งสมาธิ ซึ่งกลุ่มหนึ่งคือคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิและอีกกลุ่มคือกลุ่มที่ไม่เคยทำสมาธิมาก่อน ระหว่างที่คนสองกลุ่มกำลังทำสมาธิอยู่นั้น ได้ให้คนสองกลุ่มฟังเสียงที่ทำให้เกิดความเครียดไปด้วย พบว่ากลุ่มที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิมีการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวกับความเมตตามากกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งคาดว่าเป็นผลมาจากการที่ Richard ได้พัฒนาความสามารถในการเอาชนะความเครียด

    นอกเหนือจากนั้น เขายังได้ลองเอาสิ่งต่างๆมาทำให้ Richard เสียสมาธิ เช่น นาฬิกาปลุกดังขึ้นมาโดยไม่ทันตั้งตัว แต่นั่นไม่สามารถทำอะไร Richard ได้ ถ้าเทียบกับคนที่ไม่เชี่ยวชาญด้านการทำสมาธิคงต้องเสียสมาธิเป็นแน่แท้


    Brain-4.JPEG

    Brain-3.JPEG

    5521-3-6739fc3edc567a2d030c7d719db4e8c1.jpg
    พระ ดร.แมทธิว ริคาร์ด ซึ่งฝึกสมาธิมาเป็นเวลา 20-30 ปี เมื่อตรวจด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ fMRIพบว่ามีเซลล์สมองเพิ่มขึ้น



    Richard คว้าตำแหน่ง “มนุษย์ที่มีความสุขที่สุด” หลังการทดสอบหลายครั้งในห้องทดลองเมื่อปี 2547

    เพราะฉะนั้นตอนนี้คุณอยากรู้แล้วหรือยังว่าทำไมเขาถึงมีความสุขที่สุดในโลก และสามารถหลีกเลี่ยงความเครียดได้?

    Richard ได้ให้เทคนิคกับเรา คือ การ “ปล่อยวาง”

    ความลับข้อแรกของการมีความสุข : จงหยุดคิดถึงแต่ ‘ตัวเอง ตัวเอง แล้วก็ตัวเอง’

    2d1d6429e1014795935681d657bc7a63a358ff07_2880x16201.jpg

    พระแห่งธิเบตเผยว่ากุญแจของความสุขมันอยู่ที่การไม่เห็นแก่ตัว การคิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเองเป็นสิ่งที่ดูดพลัง และทำให้เครียดมหาศาล ซึ่งมักนำคนส่วนใหญ่ไปพบกับสภาวะไม่มีความสุข “การเอาแต่คิดถึงตัวเรา ตัวเรา แล้วก็ตัวเราทั้งวัน เป็นสิ่งที่ทำให้ทุกข์ได้ง่าย เพราะมันทำให้เรามองสิ่งรอบข้างกลายเป็นศัตรูไปหมด หรือไม่ก็มองทุกอย่างเป็นเรื่องผลประโยชน์ต่อตัวคุณ

    ฉะนั้นหากอยากมีความสุข ก็ต้องรู้จักมีเมตตาบ้าง แต่การมีเมตตาไม่ได้หมายถึงการให้คุณทำตัวอ่อนแอ และยอมให้คนอื่นเอารัดเอาเปรียบเช่นกัน “ถ้าหากจิตใจเราเต็มไปด้วยเรื่องความเมตตา,ความปราถนา และความซื่อสัตย์ จิตใจคุณก็จะดี และการที่มีสภาพจิตใจดีก็ย่อมทำให้คุณมีความสุข รู้สึกดีกับชีวิต”

    Brain-5.JPEG

    ความลับข้อสอง : จงฝึกฝนจิตใจเหมือนดั่งการวิ่งมาราธอน

    Richard เผยว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีความดีในหัวใจ (ยกเว้นแต่ว่าคุณเป็นพวกฆาตกรต่อเนื่อง ซึ่งอาจมีเคมีผิดปกติบางอย่างทำให้สมองผิดปกติ) และหลายคนอาจไม่รู้ว่าจิตใจที่ดีมันก็ต้องอาศัยการฝึกฝนเช่นกัน มันไม่ต่างอะไรจากการวิ่งมาราธอนที่ต้องฝึก ถ้าคุณเริ่มวิ่งมาราธอน แน่นอนว่าคุณอาจไม่ได้เป็นแชมป์โอลิมปิก แต่มันก็สร้างส่วนต่างมหาศาลระหว่างคนที่ได้ฝึก กับคนที่ไม่ได้ฝึก ฉะนั้นการเรียนรู้และฝึกฝนในการหัดรู้จักรักษาสมดุลของอารมณ์,ความสนใจ และความเมตตา จะนำความสุขมาให้ได้มหาศาล

    Brain-6.JPEG

    ความลับข้อที่สาม : แต่ละวันให้แบ่งเวลา 15 นาที คิดถึงเรื่องที่ทำให้เรามีความสุข

    การแบ่งเวลาสั้นๆ 10-15 นาทีเพื่อนั่งคิดถึงความรู้สึกดีๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จะช่วยให้จิตใจสดใสขึ้น และยิ่งหากใครแบ่งเวลาอย่างต่อเนื่องสักสัปดาห์ หรือมากกว่านั้นก็จะทำให้กลายเป็นคนที่มีความสุขขึ้นมาก ด้านนักวิจัยประสาทวิทยา Davidson ก็ได้ค้นพบว่าการนั่งสมาธิราว 20 นาทีต่อวันก็เป็นอีกวิธีที่ทำให้ดัชนีความสุขของคนเพิ่มขึ้นเช่นกัน


    71aec3246b3aebe6d284668935080bda4fa8b41a_1600x12001-696x372.jpg

    หลังฝึกเจริญสมาธิภาวนาในกุฏิสงฆ์ที่เนปาลมานานกว่า 35 ปี Richard ก็เชี่ยวชาญเรื่องควบคุมจิตใจ เขาก้าวไกลสู่หนทางแห่งความตื่นรู้ และยืนยันว่า "การฝึกสมาธิ" คือ สิ่งสำคัญที่ช่วยให้บรรลุความสุขแท้จริงอันยั่งยืน

    ผลการสแกนสมองพระในพระพุทธศาสนา “การฝึกสมาธิ” ทำให้สมองส่วนความสุขมีขนาดใหญ่กว่าคนปกติ

    การฝึกสมาธิ สามารถเปลี่ยนสมอง ความคิดและชีวิตได้

    การฝึกสมาธิอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกวันสามารถเพิ่มขนาดของสมองส่วนความสุขให้ใหญ่ขึ้นได้

    "Matthieu Ricard" เขาคือผู้ชายที่มีความสุขมากที่สุดในโลก !!!



    ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

    http://www.sookjai.com/index.php?topic=176585.0

    http://www.sumrej.com/the-worlds-happiest-man-7-2016/
     
  2. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,425
    ค่าพลัง:
    +35,019
    ส่วนมาก ท่านทางนั้นมักจะเป็นแบบนี้หละครับ
    มักจะเข้าใจอะไรๆแบบฉับพลัน
    คือคล้ายๆ ว่า โป๊ะ อ้อออ แล้วก็ไม่สงสัย แล้วก็วางก็คลายเลย
    ถ้าเทียบทางพุทธ กิริยาจะคล้ายๆ มีปัญญาญาน
    ไม่ใช่ปัญญาทางธรรม ที่แบบตัดเฉยๆนะครับ
    เพราะตัดเฉยๆ มันยังไม่ปล่อยวางจริง เพราะเด่วเรื่อง
    นั้นๆก็ขึ้นมาได้อีก

    เพราะเหตุที่ตัวจิตสามารถรู้เหตุแห่งการเกิดรู้เหตุแห่งการปรุงได้
    เป็นเหตุให้ปล่อยวางได้ดีกว่าคนปกติทั่วๆไปนั่นหละครับ
    ส่วนตัว เข้าใจว่า ตัวจิตท่านคงมีการสะสม
    มาทางด้านนี้พอสมควรแล้วหละครับ
    เพราะตัวจิตที่จะปล่อยวางได้จริงๆ
    มันต้องรอบรู้เหตุแห่งการเกิดได้ก่อน
    และรู้ผลว่า เกิดแล้วมันทุกข์อย่างไร
    หรือที่ทางเราเรียกหล่อๆว่า รอบรู้ในกองสังขารเรื่องนั้นๆ
    นั่นหละครับ
    ปล.แค่เพียงแต่เล่าให้ฟัง
     
  3. spspace

    spspace สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2017
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +4
  4. ดีใจใจดี

    ดีใจใจดี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กันยายน 2017
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    เพราะไม่คิดถึงตัวเอง จึงปล่อยวางได้
    การรักษาศีลทำให้เป็นปกติเมื่อเป็นปกติก็เริ่มมีความคิดที่ดี แล้วเพื่อให้มีความคิดที่ดีขึ้นจึงเริ่มทบทวนความคิดและเริ่มมีสมาธิและเริ่มฝึกสมาธิเมื่อมีสมาธิก็เริ่มมีไหวพริบที่ไวจนรู้เท่าทันความคิดและเริ่มมีสติ และ เกิดปัญญา เมื่อเกิดปัญญาแล้วก็ลงมือธรรม ^__^ ขอบคุณพระธิเบตรูปนี้ครับ:D
     

แชร์หน้านี้

Loading...