ไปงานศพอย่างไร ให้ได้กำไรกลับมา...โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย HONGTAY, 1 พฤษภาคม 2009.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,551
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,876
    [​IMG]



    หลวงพ่อปานไหว้ศพ

    ตานี้เอาตอนต่อไปตอนนี้ก็ดีเหมือนกันตอนหลวงพ่อปานไหว้ศพ นี่ลูกหลานทั้งหลายน่ะก็เคยฟังกันมาแล้วนา เล่าให้ฟัง แต่ว่ามันเล่าแล้วก็หายไปนี่ คราวนี้มาเล่าให้ฟังว่าหลวงพ่อปานไหว้ศพประเพณีของหลวงพ่อปานแต่ความจริงท่านไม่ได้ทำเป็นประเพณีท่านทำด้วยจิตเลื่อมใสคำว่าประเพณีกับคำว่าเลื่อมใส มันไม่เหมือนกันนะลูกหลานฟังให้ดีนะ

    ทีนี้ว่ากันถึงการไหว้ศพ ไม่ว่าศพอะไรทั้งหมด จะเป็นศพเด็กศพผู้ใหญ่ ศพผู้หญิงศพผู้ชายก็ตาม เวลาเขานำมาที่วัด หลวงพ่อปานท่านก็คว้าธูปคว้าเทียน ถ้าเขามาตั้งเรียบร้อยแล้ว หยิบธูปหยิบเทียนห่มจีวรคลุมผ้าสังฆาฏิ ว่ากันเสียเต็มยศ แล้วท่านก็ไปไหว้ศพ พวกพระทั้งหมดสมัยนั้นนะ พระสมัยนั้นกับสมัยนี้ไม่ค่อยเหมือนกัน ฉันพูดพระสมัยนี้มันตื้อๆ เหมือนเรือเกลือยังไงไม่รู้ พระผู้หลักผู้ใหญ่ พระหัวหน้าจะทำอะไรไม่ค่อยดู บางทีเอาหูไปนาเอาตาไปไร่
    แต่พระวัดไหนเขาดีบ้างฉันก็ไม่ทราบ เดี๋ยวนี้มันเห็นครูบาอาจารย์เป็นอะไรไปก็ไม่รู้ เห็นคนแก่คนเฒ่าพระเก่าพระแก่ก็ทำเฉย ทำไม่รู้ไม่ชี้แต่ว่าระบบของที่นั่นเขาคอยดูกัน มีพระคอยจ้องหน้าคอยจ้องดู ก็มีพวกฉันแหละไอ้ลิง 3 ตัวนี่ไอ้ลิงดำ ไอ้ลิงขาว ไอ้ลิงเล็ก เพราะเป็นลิงหน้าพลับพลาประจำ

    คอยสังเกตหลวงพ่อปานว่าหลวงพ่อปานจะขยับเขยื้อนอะไรก็ให้จังหวะแก่ เพื่อนบรรดาเพื่อนพระทั้งหลายก็พร้อมพรึ่บพรั่บทันที นี่เขาเตรียมกันไว้ยังงี้นาเขาไม่ได้คอยให้ครูบาอาจารย์มาตะโกนโวยๆ พระสมัยนิวเคลียร์นี่ไม่เป็นเรื่อง เป็นเหยื่อลุงพุฒิ(พระยายมราช) หมดไม่หมดก็เหลือน้อยเต็มที หรือว่าไงลุง..ฮึแกบอกว่าบวชน้อยๆน่ะบวชทันสมัยน่ะทุกรายแหล่ะ



    บวชซื้อนรก

    บวชแบบทันสมัยนี่ทุกรายฆ่าเป็ด ฆ่าไก่ ฆ่าวัว ฆ่าควาย บวชกินเลี้ยงทุกราย ถ้าไม่ทำความดีรีบหนีละก็เสร็จ ลงอเวจีเป็นแถว ฟังให้ดีเวลาพระพุทธเจ้าท่านบวชท่านไม่ได้มีแห่นะ เวลาที่ใครไปบวชกับท่านก็ไม่มีพิธีรีตองมาก ท่านเรียกเอหิภิกขุอุปสัมปทาว่าเธอจงเป็นภิกษุมาเถิด เท่านี้แหละ เอหิภิกขุนะ เธอจงเป็นภิกษุมาเถิดเท่านี้ ต่อมาให้ถึงติสรณคมน์ ก็ให้ว่าพุทธัง ธัมมัง สังฆังก็เป็นอันบวช ต่อมาให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ให้มีพระคู่สวด พระอันดับก็ไม่มีแห่อะไร ไม่ต้องทำพิธีมาก ที่ทำกันมากน่ะนอกเรื่องนอกราว ไม่เกี่ยวกับพระศาสนาทำเลี้ยงต้องเลี้ยงเหล้ายาปลาปิ้ง ฆ่าเป็ด ฆ่าไก่บาปมันมากกว่าบุญ จะไปสวรรค์กันได้ยังไง พวกแบบนี้เขาเรียกว่าลงทุนซื้อนรก

    เวลาบวชเข้าไปแล้วก็ไม่ปฏิบัติหรอกนะ อธิศีลสิกขา อธิจิตสิกขา อธิปัญญาสิกขา ไม่เอา ไปคุยกันถึงเรื่องสาวบ้านนี้ จะทำงานบ้านโน้นจะหาลาภอย่างนี้จำร่ำรวยอย่างนั้น อยากจะได้ยศแบบนี้ ยศขั้นนั้นหมดไปนรกหมดไม่เหลือ บวชแล้วไม่ได้เป็นพระหรอก เป็นพระแต่หัวกับผ้าเหลือง ใจไม่ได้เป็นพระ
    พระที่เขาบวชต้องถือ นิพพานัสสะ สัจฉิกิริยายะ เอตังกาสาวัง คะเหตวา หรือว่าคำขอบรรพชาแบบธรรมยุตขึ้นต้นก็ขอพระนิพพานเลย เป็นอันว่าจิตเราจะบวชเพื่อพระนิพพานอย่างเดียวบวชเข้าไปแล้วก็เริ่มปลดอารมณ์ อารมณ์ที่เป็นฆราวาสทั้งหมดเริ่มปลดลง ไปปลดมันขาดไปไม่ได้ก็ยับยั้งไว้ชั่วขณะก็ยังดี อย่างนี้เรียกว่าบวชเล็กถ้าปลดได้เลยเป็นบวชใหญ่

    ถ้าบวชสะสมทรัพย์ บวชปรารถนายศถาบรรดาศักดิ์ เสร็จแล้วก็เมายศด้วย ลุงพุฒิว่าไง แกบอกว่าตอบแล้วนี่เมื่อวาน เสร็จทุกราย ที่ใครได้ยศแล้วไม่เมายศ มีลาภแล้วไม่เมาลาภยังดี ได้ยศแล้วเอายศวางเสียเวลาใช้ค่อยใช้กัน ไม่ถึงเวลาใช้ก็วางเก็บไว้ก่อน มีลาภสักการะก็ทำเป็นสาธารณประโยชน์แล้วก็เลี้ยงตัวพอสมควร เหลือก็เอาไปทำในส่วนที่เป็นสาธารณประโยชน์

    ในเมื่อมีศพทุกศพ หลวงพ่อปานท่านถือดอกไม้ธูปเทียน พาดสังฆาฏิ ทำกันเต็มยศ ท่านไม่ชวนใคร

    ไม่ตีระฆัง ท่านก็ลงไปที่ศาลาไหว้ศพพระทั้งหมดพอศพมาก็ต้องเตรียมผ้าสังฆาฏิ เหมือนกันไม่ต้องบอกกัน

    เห็นหลวงพ่อปานลุกจากหน้ากุฏิ กุฏิท่านอยู่ลึกเข้าไปศาลาอยู่อีกด้านหนึ่ง มายืนจุกกันอยู่ทางปากทางหมด พอหลวงพ่อปานเดินออกหน้าต่างคนต่างเดินเรียงกันตามลำดับอาวุโสไม่ใช่ตามสำดับยศไอ้ยศน่ะ

    พระศาสนาเขาไม่ใช้หรอก ไม่ใช่เรื่องของพระพุทธเจ้าในศาสนานี้ถืออาวุโสเป็นสำคัญ ยศไม่เกี่ยว เป็นเรื่องข้างนอก ยศเป็นโลกธรรมไม่ใช่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าที่ทรงยกย่อง ไม่ใช้ ผิด

    เมื่อเดินกันตอมลำดับอาวุโสไปถึงหน้าศพ หลวงพ่อปานก็จุดธูปเทียน พวกพระก็จุดบ้าง หลาวงพ่อปานกราบ พระก็กราบบ้างกราบแล้วท่านนั่งเฉย ประเดี๋ยวพระก็นั่งบ้างเวลาท่านลุกกลับก็กลับบ้างคนอื่นเขานึกยังไงฉันไม่รู้ สำหรับตัวฉันไม่รู้หรอกเห็นท่านกราบก็กราบ เห็นท่านนั่งก็นั่ง เห็นท่านกลับก็กลับ อย่างนี้เรียกว่าขึ้ตามช้างกราบแบบนี้ประมาณ 10 ศพ



    ยายฟู

    คราวหนึ่งยายฟูแกตาย ยายฟูนี่น่ะเป็นคนที่มาทำงานวัดทุกวัน มาดายหญ้า บ้างถูกฏิบ้างอะไรบ้างตอนเย็นแกก็กลับรู้สึกว่าตอนนี้แกไม่เอางานบ้านเลย แกสนใจอยู่กับวัด เป็นคนรับใช้หลวงพ่อปาน ทำอาหารการ บริโภค ทำครัว ถูกุฏิ กวาดวัดมีเรื่องตักน้ำตักท่าจิปาถะ ยายฟูนี่เอาทุกอย่าง แต่ว่าฉันเห็นว่าแกแก่ แล้วฉันก็ไปช่วยแกถ้าเวลาแกตักน้ำฉันก็คว้าหาบไปช่วยแก บอกแกว่าน้าฟูไม่ต้องทำน้าฟูแก่แล้วทำตรงนี้ทำตรงเบาๆ ตรงหนักๆนี่ฉันทำแทนสงสารแกตอนนั้นเห็นแกมีน้ำใจดี แล้วหลวงพ่อปานก็เรียกยายฟูว่า อีฟู จะธุระอะไรก็อีฟูแต่ฉันเรียกน้าฟู

    พอยายฟูตายเขานำศพยายฟูจากบ้านมาขึ้นศาลา หลวงพ่อปานก็พาดสังฆาฏิอีกแล้ว ไม่ต้องห่วงละกี่ร้อยศพก็ทำแบบนี้ แบบนั้นตอนที่ฉันเป็นหัวหน้าพระ ฉันก็ทำตามท่านเสมอแต่ตอนนี้ขึ้นมาสายเหนือนี่ทำไม่ได้หรอก ไม่เห็นเขาเอาท่าเอาทางกันนี่เขาไม่เอาไหนกันเลยนะเขาเอาอย่างเดียว บังสุกุลมาติกาหาสตางค์กินเท่านั้นส่วนสาธารณประโยชน์ เขาก็ไม่ค่อยทำกันพระสายเหนือนี้เขามีอุเบกขาบารมีดีมากไม่เอาไหนหรอก

    เรื่องธัมมะธัมโมนี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจกัน พระสายเหนือนี้เขามีอุเบกขาบารมีดีมากไม่เอาไหนหรอก

    เรื่องธัมมะธัมโม นี่รู้สึกว่าเขาไม่ค่อยสนใจกัน ไม่ค่อยตรงกับพระไตรปิฎกไปๆมาๆเขาบอกว่าทำเป็นประเพณี ไปก็ดีเหมือนกันนะลุงนะเสร็จลุงพุฒิบอกแบบนี้เสร็จ จดแหง ไม่ได้จดหรอกมันขึ้นเองลุงพุฒินั่งยิ้มวันนี้มานั่งพูดตรงนี้นะ หลวงพ่อท่านยิ้มใหญ่บอกเออ..พูดไปพูดไปท่านว่ายังงั้นตรงนี้ดีว่ะ ท่านว่ายังงั้นตอนฉันอยู่น่ะท่านก็พูดยังงี้เหมือนกันไอ้ลิงดำเอ๊ยอย่างนี้ดีว่ะ อย่างนี้ไม่ค่อยดีนะ ไอ้ลิงดำเอ็งอย่าทำยังงี้นาอย่างนั้น เอ็งอย่าทำนะฮื่อ..แล้วท่านว่าไงแกขโมยอะไรข้าบ้าง แกก็บอกเขาด้วยนะแน่ะมาซ้อม ไว้นี่มันสั่งไว้เดี๋ยวนี้เอง
    แกขโมยอะไรข้าบ้าง แกบอกให้ชาวบ้านเขาฟังไว้นะ แกอย่างไปปกปิดเขานา แล้วก็ยิ้มหัวเราะชอบใจ หลวงพ่อท่านใจดีปกติ ท่านใจดีเสมอท่านสงเคราะห์ฉันอยู่เสมอ แต่ฉันก็เป็นลูกศิษย์หัวรั้นไม่ใช่เล่นเหมือนกันแบบฉันนี่อย่าตามมันนักนา ถ้าจะตามก็ตามแบบดีแบบเลวอย่างตามนะมันไม่เกิดประโยชน์
    ต่อไปพอศพยายฟู มาก็ไปกันตามเดิมหลวงพ่อปานท่านก็กราบ กราบแล้วท่านก็นั่งเฉยๆนั่งตามแบบฉบับซีตอนนั้น ท่านนั่งปลงแต่ฉันไม่ได้ปลงหรอกฉันไม่รู้นี่ ท่านนั่งฉันก็นั่งมั่งซี ท่านหลับตาฉันก็ทำตายิบๆๆๆ กลัวท่านจะลุกมาแล้วฉันไม่รู้กลับเป็นกระต่าย พอท่านนั่งเสร็จแล้วท่านลืมตาขึ้นมาฉันหรี่ตาไว้นี่ ทำไมฉันจะไม่รู้ท่านลืมตา



    ไหว้สัจธรรมของพระพุทธเจ้า

    ฉันเลยถามว่า หลวงพ่อขอรับก็ยายฟูน่ะเวลามีชีวิตอยู่ หลวงพ่อเรียกอีฟูแล้วเวลายายฟูตายหลวงพ่อ มากราบทำไม ขอรับท่านหันมามองแล้วก็ยิ้ม ยิ้มแล้วก็มองพระทุกองค์คล้ายๆ กับท่านจะถามในใจของท่านว่าพระทุกองค์น่ะ คิดเหมือนไอ้ลิงดำหรือเปล่า ท่านก็บอว่าไอ้ลิงดำที่มาไหว้ศพน่ะ เขามาไหว้สัจธรรมของ พระพุทธเจ้านะ

    คำว่าสัจธรรมน่ะ เป็นแบบนี้คือว่าพระพุทธเจ้า ท่านตรัสว่า ร่างกายของคนน่ะอย่าพูดเลยว่าขันธ์ 5 มันยุ่งเปล่าๆขันธ์ห้าขันธ์เห้ออะไรนี่ยุ่งมันฟังยากขันธ์น่ะแปลว่ากองไม่ใช่ภาษาไทยเสียอีกเอาร่างกายก็แล้วกันร่างกายของคนและสัตว์ นี่น่ะมันเป็นอนิจจังมีสภาพไม่เที่ยง เวลาอยู่ก็เป็นทุกข์ ทุกขังแต่ในที่สุดก็ เป็นอนัตตาคือตายใครบังคับบัญชาไม่ได้ เวลาที่เรามาไหว้กันนี่ เขาไหว้พระสัจธรรมของพระพุทธเจ้าเวลากราบลงไปเขากราบพระพุทธเจ้ากันนะ

    ทีแรกกราบ พระพุทธเจ้า ว่าพระพุทธเจ้าเทศน์นี่น่ะถูกทรงเทศน์ไว้ตรง ข้าพระพุทธเจ้าขายอมรับนับถือ ขอเอาธรรมข้อนี้หรือคำสอนตอนนี้ไปคิดเป็นประจำใจ จะได้เป็นคนไม่ประมาทตกอยู่ในคุณธรรมชั้นสูง เป็นมรณานุสสติกรรมฐาน แล้วก็กราบลงไป

    ครั้งที่ 2 ก็นึกถึง พระธรรม คำสั่งสอนที่พระองค์ทรงหลั่งไหลออกมาจกาพระโอษฐ์ เหมือนดอกมะลิแก้วเพราะแพรวพราวไปด้วยความจริง แพรวพราวไปด้วยคำประเสริฐ นี่พระธรรมที่หลั่งไหล ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ เป็นของจริงเป็นของประเสริฐ ทำบุคคลทั้งหลายไม่ให้เมามันให้เข้าถึงความสุข
    กราบครั้งที่ 3 พระสงฆ์ พระอริยสงฆ์ทั้งหลายที่ท่านอุตส่าห์ร้อยกรองพระธรรมวินัยที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนไว้แล้ว ไม่ปล่อยให้อันตรธานสูญไป รวบรวมเข้าไว้นี่กราบความดีของพระ 3 พระนา เขาไม่ได้กราบผีกราบศพ แกจะเห็นว่าคนที่ตายแล้วฉันมากราบแม้แต่เด็ก ฉันก็กราบนี่ความจริงฉันไม่ได้กราบเด็ก ไม่ได้กราบคนตาย ฉันกราบพระพุทธกราบพระธรรมกราบพระสงฆ์


    ไปงานศพให้ได้กำไรกลับมาและเอาคนตายนี่เป็นครูฉัน ว่าเขาเกิดมาแล้วตายจริงตามที่พระพุทธเจ้าตรัส แล้วท่านก็หันมาถามว่า
    "เออ..เจ้าลิงดำแล้วเองกราบอะไร"
    ก็เลยกราบเรียนท่านว่า "ที่ผมกราบไม่ใช่กราบอะไรหรอกครับหลวงพ่อผมก็กราบผี"
    ท่านก็เลยถามว่า "นี่ล่อมากี่ผีแล้วพ่อคุณ?"
    บอกว่า "สิบกว่าผีแล้วขอรับ"

    ท่านว่าแล้วกันไอ้ลิงดำ กราบผีเข้าให้แล้ว ดีเหมือนกันไอ้คนอย่างแกมันก็โง่น้อย ไม่ใช่โง่มาก หมายความว่าโง่แล้วพอพูดแล้วมันก็เกิดความฉลาด โง่น้อยยังดีกว่าไอ้คนโง่แล้วไม่พูดไม่ถามพูดแล้วก็ยิ้มๆ มองกวาดไปทางพระองค์อื่น บอกว่า ไอ้ที่โง่แล้วไม่ถามมันอาจจะมีเยอะนา ในกลุ่มที่นั่งนี่น่ะ บวชก่อนพวกแกตั้ง 10พรรษา 20 พรรษาก็มีเข้าใจกันหรือ เปล่าฉันทำให้ดูไม่เข้าใจ ก็ถามซิถ้าไม่ถามขี้ตามช้างมันก็ดีเหมือนกัน แต่ประโยชน์น้อยเอาเถอะ ก็ดีทีนี้ท่านก็เลยบอกว่าการกราบศพเขากราบคุณพระรัตนตรัย กราบสัจธรรมของพระพุทธเจ้า

    ทีนี้เวลาเผาศพก็เหมือนกันนะ อย่างตั้งหน้าตั้งตาเผา เขาเวลาเราไปเผาศพก็เผากิเลสในใจของเรา เสียด้วยกิเลสส่วนใด ที่มันสิงอยู่ที่เราคิดว่าเราจะไม่แก่ไม่เจ็บ ไม่ตายน่ะเผามันเสียให้หมด ไปเราคิดว่าวันนี้เราเผาเขาไม่ช้า เขาก็เผาเราคนเกิดมา แล้วมาตายอย่างนี้ เราจะเกิดมันทำไม ต่อไปข้างหน้าเราไม่ เกิดดีกว่าเราไปพระนิพพานนั่นละดีที่สุด

    เรื่องอัตภาพร่างกายสิ่งที่มีชีวิต หรือไม่มีชีวิตไม่มีอะไรเป็นความหมายไม่มีอะไรเป็นที่พึ่ง ตายแล้วหาสาระหาแก่นสาร ไม่ได้หาประโยชน์ไม่ได้ นี่ท่านสอนอย่างนี้ ก็จำไว้นะลูกหลาน เผาผีก็มุ่งไปนิพพาน ไปกราบศพ ไปเคารพศพ ก็ไปนิพพาน อย่าทำกันเป็นประเพณีนะ ประเพณีที่เขาจัดทำทำไปเถอะ แต่ใจอย่าเป็นประเพณีไหนๆก็ลงทุนเสียเวลา ไปในงานศพแล้วเอากำไร กลับมานะเอากำไรกลับมา

    คิดว่าเราต้องตายอย่างเขา เมื่อเขาอยู่ก็มีทุกข์อย่างเรา เราเกิดอย่างเขาเราก็แก่อย่างเขาเราป่วยไข้ ไม่สบายอย่างเขา เราจะต้องตายอย่างเขาถ้าหากว่าเราจะต้องตาย อย่างนี้จะต้องป่วยอย่างนี้ต้องลำบากอย่างนี้ต้องมีอาการเปลี่ยนแปลง อย่างนี้เราจะเกิดมันทำเกลืออะไร..



    โดยหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ธรรมปฏิบัติ เล่มที่ 1

    http://www.siamsouth.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...