ไปหลงระเริงอยู่ในกามารมณ์เพื่อประโยชน์อะไร?

ในห้อง 'หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ' ตั้งกระทู้โดย zamart, 12 กุมภาพันธ์ 2014.

  1. zamart

    zamart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +136
    เราก็มานั่งเมตตาจิตของเราว่า "โอหนอ การปรารถนาในกามารมณ์ ปรารถนาในการครองคู่ ที่เขาถือว่าการแต่งงานเป็นความสุขน่ะ เราต้องพิจารณาดูซิ คนที่เขาแต่งงานน่ะมันสุขหรือว่ามันทุกข์ ดูคนที่เขาแต่งงานแล้วกิจการงานมันก็ต้องเพิ่มขึ้น ก่อนที่เขาจะแต่งงานกัน เขาเลือกแล้ว สวยแล้ว ดีแล้ว วิเศษแล้ว แข็งแรงดีแล้ว แต่ว่าแต่ละคนทรงสภาพอย่างนั้นหรือเปล่า ไม่ช้าก็แก่ลงไปทุกวัน ๆ และคู่วิวาห์นั้น เขานั่งยิ้มกันอยู่ตลอดวันตลอดคืนหรือเปล่า ดีไม่ดีแกก็นั่งทะเลาะกันให้เราฟัง ถ้าเขามีลูกมีหลานขึ้นมา มันสร้างความสุขหรือว่าสร้างความทุกข์ หาความจริงก็แล้วกัน

    ดูของจริง คือของจริงเขามีให้เราดู ว่าคู่วิวาห์แต่ละคู่น่ะ เขาสุขหรือว่าเขาทุกข์ มองหากันเอง อยู่คนเดียวทำอะไรได้ตามใจชอบ ถ้ามีคู่ครอง เราจะต้องเอาใจคู่ครอง จะทำอะไรทุกสิ่งทุกอย่างตามใจเราชอบไม่ได้ แล้วคู่ครองทุกคู่เขาเคยทะเลาะกันมั๊ย คู่ครองทุกคู่เคยต้องลำบากยากเย็นเพราะอำนาจของคู่ครองมีมั๊ย การมีบุตรมีธิดาน่ะมันมีความสุขหรือความทุกข์ มีบุตรธิดาคือมีลูกหญิงลูกชาย เป็นอันว่าอาการทั้งหลายเหล่านี้เป็นอาการของความทุกข์ ถ้าไม่รู้จักทุกข์ล่ะก็ ไปนั่งจ้องมองดูเขา

    แล้วก็มาตัดสินใจกำลังใจเรา ว่าเราจะมาหลงใหลใฝ่ฝันกับกามารมณ์ด้วยเรื่องอะไร เพราะร่างกายของคนมีสภาพสกปรก หันเข้าไปจับกายคตานุสสติกรรมฐาน และก็หันเข้าไปจับอสุภกรรมฐาน ตามที่กล่าวมาแล้วในตอนต้น ตอนนี้เห็นจะไม่ต้องว่ามาก จนกระทั่งกำลังใจของเราคิดว่า คนทุกคนมีร่างกายนี้มันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ร่างกายเต็มไปด้วยสภาพสกปรก การอยู่สองครองคู่เต็มไปด้วยความทุกข์ มันหาความสุขไม่ได้ เราจะปล่อยใจของเราให้ไปหลงระเริงอยู่ในกามารมณ์เพื่อประโยชน์อะไร"


    พรหมวิหาร ๔ ตอนที่ ๓
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง)
    อ้างอิงจาก.. http://buddhasattha.com/2012/02/14/พรหมวิหาร-๔-๓/
     

แชร์หน้านี้

Loading...