ไฟนรก 7 กอง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย nondanun, 13 ตุลาคม 2008.

  1. nondanun

    nondanun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    5,980
    กระทู้เรื่องเด่น:
    13
    ค่าพลัง:
    +32,611
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=welcome height=20>กรรมจากความโกรธ</TD></TR><TR><TD id=main_txt>ผู้ใดก็ตามที่รู้สึกโกรธขึ้นมา กรรมของความโกรธนั้นจะกลับมาหาเขาอีกในอนาคต ส่วนจำนวนนั้นจะขึ้นอยู่กับกำลังของศีล เช่น ถ้าผู้ที่เขาโกรธนั้นไม่มีศีล ความโกรธที่เขากระทำไปจะกลับมาหาเขา 1,000 ครั้ง ถ้าผู้ที่เขาโกรธเป็นผู้มีศีล 5 เขาจะได้รับผลกรรมนั้น ประมาณ 10,000 ครั้ง แล้วยิ่งถ้าโกรธและไปเบียดเบียนไฟนรก 7 กองเข้า อันนี้ก็จะถือเป็นกรรมใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น พ่อแม่ ซึ่งเป็นพระอรหันต์ของลูกและเป็นไฟนรกกองที่ 4 ผลกรรมนั้นจะเพิ่มเป็น 10,000 ล้านเท่าเป็นอย่างน้อย ซึ่งควรระวังเป็นอย่างยิ่ง
    ยศถาบรรดาศักดิ์ ตำแหน่งหรือความเจริญในการงานจะไม่ก้าวหน้ากลับลดลงด้วยซ้ำ ทั้งที่ ขยันและทำผลงานได้ดีกว่าคนอื่นซึ่งเข่าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
    ผู้โกรธจะต้องสูญเสียทรัพย์จากภัยทั้ง 3 ได้แก่ ราชภัย โจรภัย และโรคภัย <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    ราชภัยได้แก่ ภัยจากหลวงหรือจากทางราชการ เช่นทางการขอเวรคืนที่ดิน โดนเรียกเก็บภาษีย้อนหลัง โดยตำรวจจับผิดตัว ทำให้ต้องประกันตัวสู้คดีเสียเงินเสียทองมากมาย หรืออาจไปเจอเลขเด็ดจึงแทงหวยรัฐบาลเสียเต็มที่ สุดท้ายก็ถูกกินเรียบ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีภัยอื่นมากมายที่มาจากทางราชการ โดยที่ผู้นั้นไม่รู้ถึงต้นเหตุเลย
    โจรภัยก็ได้แก่ ภัยอันเกิดจากโจรนั่นเอง โดยอาจจะถูกโจรงัดบ้าน ลูกน้องขโมยของในร้าน หรือบางทีของต่างๆ อยู่ๆ ก็หายไปโดยไม่รู้ว่าหายไปไหน เป็นต้น
    โรคภัย ได้แก่ โรคภัยไข้เจ็บที่ทำให้ เราต้องเสียเงินเสียทองรักษาตัว เช่น ถ้าเรามีประกันสุขภาพ เราอาจจะไม่เป็นอะไร แต่ลูกเมีย พ่อแม่หรือใครสักคนก็มีอันต้องเจ็บไข้ และเราต้องเป็นผู้จ่ายเงินค่ารักษาในที่สุด
    ภัยทั้ง 3 จะเกิดแก่ผู้ที่โกรธอยู่ร่ำไป โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลย เมื่อเสียเงินเสียทองไปแล้วก็จะโกรธต่อไปอีก
    ความโกรธเป็นกรรมที่นำไปเกิดในอนาคตได้ เมื่อโกรธบ่อยๆ เข้า และทำเป็นประจำ กรรมที่โกรธก็จะรวบรวมกลายเป็นอาจิณกรรม และอาจกลายเป็นชนกกรรมซึ่งนำไปเกิดในนรกได้
    เมื่อผู้โกรธที่ตกนรกได้ใช้กรรมในนรกหมดแล้ว เมื่อมีโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ จะเป็นคนที่มีใบหน้าขี้ริ้วขี้เหร่และดูน่ากลัวซึ่งเป็นผลของเศษกรรมที่ติดมา <O:p></O:p>


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=welcome height=20>ไฟนรก 7 กอง</TD></TR><TR><TD id=main_txt>ไฟนรก 7 กอง ก็คือ สิ่งเจ็ดสิ่งที่เป็นตัวเลขสะท้อนบุญและสะท้อนบาปแก่เราอย่างมากมายมหาศาล พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ หากเราทำบุญกับผู้ที่เป็นไฟนรกแล้ว ก็จะได้ผลบุญเป็นอันมโหฬาร แต่ถ้าหากเราทำบาปต่อไฟนรกเหล่านั้นแล้ว ก็จะได้ผลบาปอย่างหนักหนาแสนสาหัส จนถึงกับต้องลงนรกอย่างทุกข์ทรมานและยาวนาน แม้จะมีศีลห้าที่จะช่วยให้เกิดเป็นมนุษย์ แต่หากไปล่วงเกินไฟนรกเข้าแล้ว ก็ย่อมมีนรกเป็นที่รองรับอย่างแน่นอน ดังนั้นไฟนรก 7 กอง จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรไปล่วงเกินโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะด้วย กาย วาจา หรือใจ
    ไฟนรกกองที่ 1 ได้แก่ พระพุทธเจ้า <O:p></O:p>
    พระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์ที่มีบุญบารมีมากที่สุดในโลก เป็นผู้เดียวในโลกที่มีสัพพัญญุตญาณ(ญาณที่รู้ทุกสิ่งทุกอย่างในจักรวาลโดยไม่มีที่สิ้นสุด) และพระพุทธเจ้ายังเป็นนายกของโลกตามตำแหน่งของกฎธรรมชาติที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งผู้ใดก็ตามที่ได้ทำกุศลกรรมกับพระองค์ บุคคลนั้นจะต้องได้อานิสงฆ์ผลบุญมากที่สุดในโลก ซึ่งมนุษย์คนใดได้ไปทำทานด้วยแล้วจะได้ผลบุญมากเท่ากับทำทานแด่พระพุทธเจ้าเป็นไม่มี แต่หากผู้ใดทำอกุศลกรรมกับพระองค์ บุคคลนั้นจะต้องได้รับกรรมมากที่สุดในโลกที่เรียกว่า อนันตริยกรรม นั่นเอง
    ไฟนรกกองที่ 2 ได้แก่ พระธรรม <O:p></O:p>
    พระธรรม คือ คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์ได้ถ่ายทอดออกมาจากการรู้ซึ่งความจริงของกฎธรรมชาติทุกอย่าง
    ไม่มีผู้ใดในโลกที่จะฝืนหรือเปลี่ยนแปลงกฎธรรมชาติไปได้ แม่แต่พระพุทธเจ้า ผู้ใดก็ตามที่ไม่เชิ่อในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า บุคคลนั้นถือว่า เป็นผู้มีความเห็นผิด (มิจฉาทิฎฐิ) ซึ่งจะทำให้คนผู้นั้นได้รับความเดือดร้อนในอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการเชื่อว่าเกิดครั้งเดียว ตายครั้งเดียว ชาติหน้าไม่มี ตายแล้วสูญ ผู้ที่เชื่อเช่นนี้ เมื่อตายไปต้องไปเกิดในอบายภูมิอย่างแน่นอน หากผู้นั้นยังสอนให้ผู้อื่นเชื่อตามนี้ด้วยอีกแล้ว เมื่อตายไปต้องตรงไปเกิดที่โลกันต์นรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
    ไฟนรกกองที่ 3 ได้แก่ พระสงฆ์ <O:p></O:p>
    พระสงฆ์ คือ พระอริยสงฆ์ที่ตรัสรู้ธรรมะคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าในขั้นใดขั้นหนึ่งแล้ว ได้แก่ พระโสบัน พระสาทาคามี พระอนาคามี หรือขั้นสูงสุด คือ พระอรหันต์ เมื่อเราได้ทำบุญกับพระอริยสงฆ์เราก็จะได้บุญมากมายมหาศาลนับไม่ถ้วน แต่ถ้าใครก็ตามไปล่วงเกินทำบาปกับท่าน ก็จะต้องได้รับผลกรรมอย่างรุนแรง และมหาศาลเช่นเดียวกัน
    ไฟนรกกองที่ 4 ได้แก่ บิดามารดาผู้ให้กำเนิด <O:p></O:p>
    พระพุทธเจ้าตรัสเอาไว้ว่า พ่อแม่นั้นคือ พระอรหันต์ของลูก ผู้ใดก็ตามที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่ ถือว่าผู้นั้นมีบุญวาสนาอย่างมาก เพราะเราสามารถทำบุญกับพ่อแม่ได้และได้รับผลบุญเทียบเท่ากับพระอรหันต์เช่นกัน เพียงแต่ว่าอาจจะได้ผลบุญช้ากว่าพระอรหันต์ซักหน่อย สาเหตุที่ได้บุญมากก็เพราะว่าพ่อแม่อยู่ในฐานะผู้มีพระคุณอย่างมากมายมหาศาลต่อลูกตามกฎของธรรมชาติ แม้พ่อแม่จะให้แต่กำเนิดเท่านั้นแต่ไม่เลี้ยงดูเลยก็ตาม ก็ยังถือว่าบุญคุณของพ่อแม่นั้นหา ที่สุดมิได้ ถ้าใครก็ตามที่ล่วงเกินท่านด้วยกาย วาจา ใจ ผู้นั้นก็ย่อมจะได้รับกรรมอย่างมหาศาลเทียบเท่ากับล่วงเกินพระอรหันต์เลยทีเดียว
    ไฟนรกกองที่ 5 ได้แก่ ครูบาอาจารย์ <O:p></O:p>
    ครูบาอาจารย์ เป็นผู้ที่มีความสำคัญมากตามกฎของธรรมชาติ โดยเฉพาะอาจารย์ผู้ที่สั่งสอน หรือ เขียนตำราให้เราอ่านแล้วทำให้เรารู้ธรรมะ ถ้าผู้ใดเกิดมาแล้วไม่รู้ธรรมะอะไรเลย ผู้นั้นย่อมใช้ชีวิตอย่างผิดๆ ถูกๆ ไม่รู้ว่าอะไรเป็นบุญอะไรเป็นบาปและทำทุกอย่างตามความคิดของตัวเองว่าถูก เมื่อตายไปเขาย่อมไปเกิดในอบายภูมิซึ่งมีนรกเป็นที่ต่ำที่สุด แต่เมื่อใดก็ตามที่เขามีบุญวาสนาได้พบอาจารย์ที่มีความรู้ในธรรมะตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง เขาผู้นั้นก็เสมือนว่าได้เกิดใหม่ ทั้งที่ยังไม่ตาย เขาจะรู้ว่า การกระทำใดเป็นบุญและการกระทำใดเป็นบาป เขาจะสามารถตั้งมั่นอยู่ในศีลในธรรมตลอดชีวิต ทำให้ได้รับความสุขความเจริญทั้งในชาตินี้ เมื่อตายไปก็จะมีโลกสวรรค์เป็นที่รองรับ ทั้งนี้ ก็ด้วยพระคุณของครูบาอาจารย์ที่ฉุดเขาพ้นจากนรกนั่นเอง และการที่เราเคารพครูบาอาจารย์จะทำให้เราเป็นผู้มีความสำเร็จเร็วและเป็นผู้มีปัญญามากอีกด้วย ดูอย่างเช่าน พระสาริบุตรเมื่อได้ฟังธรรมจากพระอัสสชิ ก็เกิดความศรัทธาในพระพุทธศาสนา พระสารีบุตรรู้บุญคุณของพระอัสสชิที่ทำให้ตนได้รู้จักธรรมะที่แท้จริงของพระพุทธศาสนา จึงยกย่องนับถือไว้เป็นอาจารย์ เมื่อพระสารีบุตรอยู่ที่ใดก็ตามก่อนจะจำวัด (นอน) จะต้องหันศรีษะไปทางที่พระอัสสชิอยู่ แล้วตั้งจิตอธิฐาน ถวายสิ่งที่อยู่เหนือเศียรเกล้าของตนเพื่อบูชาพระอาจารย์ จึงไม่น่าแปลกเลยที่ท่านเป็นพระอัครสาวก ผู้เป็นเลิศด้านผู้มีปัญญามาก
    <O:p></O:p>
    ไฟนรกกองที่ 6 ได้แก่ สมณะชีพราหมณ์ <O:p></O:p>
    สมณะหรือพระที่บวชในพระพุทธศาสนา โดยปฎิบัติตามพระวินัย คือ รักษาศีล 227 ข้อ เรียกว่า สมมติสงฆ์ หลายคนเข้าใจว่า สมมติสงฆ์ ก็คือ พระสงฆ์ แท้จริงแล้ว พระสงฆ์หมายถึง พระอริยะสงฆ์ที่บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบรรณจนถึงพระอรหันต์เท่านั้น ส่วนพระทั่วไปที่ยังไม่ได้บรรลุธรรมนั้นเรียกว่า สมมติสงฆ์ แม้จะเป็นสมมติสงฆ์แต่ถ้ารักษาศีลดี และปฎิบัติธรรมเพื่อความเป็นไปตามทางแห่งพระอรหันต์แล้ว ถ้าเราไปทำบุญกับท่าน เราก็จะได้บุญมากมายจนนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว แต่ถ้าเราไปทำบาปกับท่าน เราก็จะได้รับผลบาปนับไม่ถ้วนเช่นกัน หลายคนที่ไม่เข้าใจเห็นพระบางรูปกำลังทำชั่วอยู่ เช่น เดินช๊อปปิ้ง ซื้อซีดีโป๊ ก็อดไม่ได้ที่จะตำหนิ ในใจ หรือต่อว่าด่าทอต่างๆ นานา ซึ่งการไปตำหนิติเตียนหรือด่าว่าพระสมณะ ชี พราหมณ์ นั้น ถือเป็นบาปที่ต้องได้รับกรรม เพราะเรามีสิทธิ์ที่จะทำบุญกับพระรูปใดก็ได้ แต่เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปด่าว่าใคร เพราะเป็นการไปเบียดเบียนผู้อื่นนั่นเอง <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ไฟนรกกองที่ 7 ได้แก่ สามี <O:p></O:p>
    ผู้ชายนั้นจะมีไฟนรกแค่ 6 กอง แต่ผู้หญิงที่มีสามีจะมีไฟนรก 7 กอง เพราะสามีนั้นเปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 ของภรรยา ที่คอยทำหน้าที่ป้องกันภัย และดูแลห่วงใยภรรยา สามีจึงเป็นไฟนรกของภรรยาตามกฎของธรรมชาติ ฉะนั้นผู้หญิงคนใดที่มีสามีไม่ดี ถือว่าเป็นความโชคร้ายของผู้หญิงคนนั้นอย่างยิ่ง เพราะเมื่อมีการทะเลาะเบาะแว้งกัน ผู้หญิงจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาก เพราะจะมีโอกาส ทำกรรมหนัก จากการล่วงเกินไฟนรกนั่นเอง
    ขอยกตัวอย่าง ถ้าเราทำบุญให้กับบิดามารดา เราก็จะได้รับผลบุญอย่างน้อยประมาณ 10,000 ล้านเท่า แต่ถ้าเราล่วงเกิน ก็จะได้บาปอย่างน้อยประมาณ 10,000 ล้านเท่าเหมือนกัน
    ถ้าภรรยา ทำบุญให้กับสามี ภรรยาก็จะได้บุญอย่างน้อยประมาณ 5,000 ล้านเท่า ถ้าไปล่วงเกินเข้า ก็ต้องได้รับผลบาปอย่างน้อยประมาณ 5,000 ล้านเท่าเช่นกัน
    ส่วนสามี ถ้าได้ล่วงเกินภรรยา ถ้าภรรยาเป็นผู้ไม่มีศีล สามีจะได้ผลบาป 1,000 เท่า แต่ถ้าภรรยาเป็นผู้รักษาศีล 5 สามีก็จะได้รับบาป 10,000 เท่า เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว จะเห็นได้ว่า การไปล่วงเกินสามีด้วย กาย วาจา ใจ นั้นไม่คุ้มเลย
    * แค่เห็นความไม่ดีของไฟนรก 7 กอง ก็ถือเป็นกรรมแล้ว *
    ตัวอย่างเช่น ถ้าพ่อเราเป็นคนไม่ดี กินเหล้าเมายา ไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว ถึงแม้ความจริงพ่อของเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ และเมื่อเราเห็นพ่อหรือนึกถึงความไม่ดีที่พ่อเคยทำไว้นั่นก็เท่ากับว่าเราได้ล่วงเกินไฟนรกกองที่ 4 เข้าแล้ว ทั้งๆ ที่ในใจตอนนั้นไม่ได้โกรธหรือไม่ได้ต่อว่าตำหนิใดๆ ทั้งสิ้นก็ตาม


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=welcome height=20>ผลบุญแห่งการทำสมาธิ</TD></TR><TR><TD id=main_txt>บุญแห่งการทำฌานเป็นบุญชั้นสูง ไม่มีบุญอะไรในโลกที่จะสูงไปกว่า ผู้ที่ทำฌาน 4 ได้ อย่างสม่ำเสมอจะเป็นผู้ที่มีฤทธิ์อำนาจเหนือคนธรรมดา การใช้อธิษฐานบารมีจะมีคุณภาพมากถ้าเข้ารูปฌาน 4 ดังนั้น ฌาน 4 จึงเป็นเสมือน “แก้วสารพัดนึก” เพราะนึกสิ่งใดก็จะได้สมความปราถนา <O:p></O:p>
    นอกจากนี้ ฌาน 4 ยังเป็นตัวคูณของผลทานเป็นอย่างมาก เช่น เมื่อเราทำทาน ปรกติผลบุญบางส่วนจะกลับมาในชาตินี้ ก็อาจใช้เวลาประมาณสิบกว่าปี ถ้ารักษาศีลด้วยก็อาจเหลือแค่ 5-6 ปี แต่ถ้าได้ใช้อำนาจของฌานด้วยแล้ว ก็อาจเห็นผลในเวลา 3-4 ปี ก็เป็นได้ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    การเปรียบเทียบอานิสงฆ์ของการทำบุญแต่ละอย่าง ดังนี้ <O:p></O:p>
    • <LI class=MsoNormal>ทำทาน 100 ครั้ง บุญไม่เท่ารักษาศีลห้า 1 ครั้ง <O:p></O:p>
    • รักษาศีลห้า 100 ครั้ง ไม่เท่านั่งสมาธิ 1 ครั้ง <O:p></O:p>
    สรุปแล้ว ให้ทาน 10,000 ครั้ง (27 ปี 8 เดือน) บุญยังไม่เท่านั่งสมาธิ 1 ครั้ง (รูปฌาน4) เพราะเหตุว่า การให้ทานหรือรักษาศีล เป็นเพียงปัจจัยขั้นต้น ทำให้ถึงพระนิพพานยังไม่ได้ แต่การนั่งสมาธิให้เกิดปัญญารู้แจ้ง รู้จักธรรมชาติ ตามความเป็นจริง สามารถทำให้ถึงพระนิพพานได้ <O:p></O:p>



    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=welcome height=20>บุญของการรักษาศีล</TD></TR><TR><TD id=main_txt>บุญของการรักษาศีลในชาตินี้ คือ ทำให้ผู้รักษาศีลมีความโชคดี ทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จได้เร็ว หน้าที่การงานจะได้เลื่อนขั้นเร็ว เป็นที่รักใคร่เมตตาแก่ผู้พบเห็น มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคน้อย หากผู้มีศีลนั้นได้ทำทานอย่างสม่ำเสมอก็จะได้รับผลบุญของทานเร็วกว่าปรกติ เช่น ปรกติเมื่อเราได้ทำทานแล้ว ผลของทานบางส่วนก็จะกลับมาในชาตินี้ โดยใช้เวลาประมาณสิบกว่าปี แต่ถ้ารักษาศีลด้วยแล้วจะทำให้ผลของทานกลับมาหาเราเร็วขึ้น คือ อาจแค่เพียง 5-6 ปี ก็เป็นได้ นอกจากนี้ เมื่อเกิดชาติหน้าก็มีโอกาสเกิดเป็นมนุษย์ได้อีก และมีรูปร่างผิวพรรณดีเหมือนอย่างดาราที่มีรูปเป็นทรัพย์นั่นเอง


    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD id=welcome height=20>เป็นคนดียังไม่พ้นนรก</TD></TR><TR><TD id=main_txt>สำหรับผู้ที่ไม่รักษาศีลนั้น แม้จะเป็นคนดีของโลก เป็นพลเมืองดีของประเทศ ของครอบครัว ไม่ได้ทำผิดศีลหรือผิดกฎหมายใดๆ แต่ไม่ได้รักษาศีล เมื่อตายไปคนส่วนใหญ่ต้องไปเกิดในอบายภูมิถึง 99 % สาเหตุก็เพราะ การเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้นต้องอาศัยศีลห้าเป็นคุณสมบัติพื้นฐานที่สำคัญ
    ดังนั้นถ้าตอนเป็นมนุษย์ทำบุญไม่มากพอที่จะไปสวรรค์ได้ หรือบาปไม่มากพอที่จะลงนรกได้ ครั้นจะเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ไม่ได้เพราะไม่ได้รักษาศีล จึงต้องไปเกิดเป็นเปรตหรือสัตว์เดรัจฉาน หากทำทานมามาก ก็อาจได้เกิดเป็นสุนัขที่มีคนเลี้ยงดูอย่างดีเพียงเท่านั้น


    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ที่มา http://www.siripong.net/content.php?arti_id=11
     
  2. ศึกษาธรรม2551

    ศึกษาธรรม2551 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    669
    ค่าพลัง:
    +234
    ไฟล์นี้ผมเคยโพสต์ไว้แล้วครับ ที่หมวดกฏแห่งกรรม-ภพภูมิ
    http://palungjit.org/showthread.php?t=150425

    ขออนุโมทนาด้วยครับ ควรหลีกเลี่ยงครับผม ไฟนรก7กอง!
     
  3. wara43

    wara43 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2006
    โพสต์:
    9,108
    ค่าพลัง:
    +16,130
    [​IMG][​IMG] ขอกราบโมทนาสาธุครับ สาธุ...[​IMG][​IMG]
     
  4. paiwai

    paiwai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +311
    อนุโมทนาครับ

    ได้ความรู้ชัดเจนมากครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...