ไม่อยากผูกกรรม..ก็ควรอโหสิกรรมให้แก่กัน

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย tamsak, 7 สิงหาคม 2008.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. tamsak

    tamsak ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    7,857
    กระทู้เรื่องเด่น:
    22
    ค่าพลัง:
    +161,173
    ถาม : คน ๒ คนที่ีมีกรรมกันแล้วทะเลาะกันโกรธกัน สมมติว่าอีกคนยอมปรับตัว แต่ว่ายังมีกรรมกันอยู่นี่จะเกิดอะไรขึ้นครับหรือว่าจะมีเรื่องใหม่อีก ?

    ตอบ : ถึงเวลาผลมันก็จะสนองไปอีก ถ้าหากว่าพูดถึงในปัจจุบัน ถ้าฝ่ายหนึ่งยอมปรับตัวอีกฝ่ายหนึ่งยอมรับได้มันก็ดีกันได้ แต่ว่าสิ่งที่ทำไปแล้วม้ันก็ส่งผล มันไม่ได้ส่งผลในปัจจุบัน แต่มันส่งผลในอนาคต สิ่งที่เราทำในปัจจุบันจะเป็นผลในอนาคต ถ้าไม่ได้เอ่ยขออโหสิกรรมต่อกัน ผลอันนั้นก็จะไปเกิดในอนาคตอีก

    ถาม : เกิดเป็นคนอื่นหรือเป็นคนเดิม ?

    ตอบ : อาจจะเป็นคนเดิมหรือคนอื่นอาจจะสร้างผลอันนี้ให้กับเรา ในลักษณะเดียวกันในแบบเดียวกันต้องรับแน่ๆ จริงๆ ถ้าขออโหสิกรรมได้ตรงที่สุดจะใช้วิธีไหนก็ได้ว่าสิ่งทั้งหมดที่เราได้ล่วงเกินเธอมาทั้งหมด ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันขอให้เป็นอโหสิกรรมได้มั้ย ? ถ้าเขาโอเครับได้ก็จบเลย เพราะฉะนั้นไปหาทางหลอกให้เขาพูดให้ได้ก็แล้วกัน จะเต็มใจหรือไม่เต็มใจถ้าคุณหลุดปากออกมาก็เจ๊ํงแล้ว ไม่เต็มใจจะให้แต่เผลอไปเซ็นแล้วผลตามกฎหมายมันมีแล้วนี่

    ถาม : คิดว่าเราไม่รู้จักกับเขาเลย ไม่อยากผูกกรรมกับเขา ?

    ตอบ : ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการผูกกรรม กำลังใจเราคลายฝ่ายเดียวก็โดนเขาตีฝ่ายเดียว เราเองจะทนไปได้กี่ชาติก็ไม่รู้ ให้เขาอโหสิกรรมนี่เป็นการแก้ไขโดยตรง หรือไม่อีกทีหนึ่งก็เป็นพระอรหันต์เสีย

    ถ้าเป็นพระอรหันต์นี่ท่านบริสุทธิ์เสียจนกระทั่งกรรมต่างๆ มันจะตามไม่ทัน มันจะเป็นการอโหสิกรรมโดยอัตโนมัติ แต่ว่าตราบใดที่ท่านยังมีร่างกายอยู่กระแสกรรมมันก็เศษกรรมมันจะทวงได้ แต่ว่ากรรมใหญ่ที่ทำไว้จะจบลงหมดเกลี้ยง

    ถาม : แล้วอย่างที่คนเสียชีวิตไปแล้วเราไปขออโหสิกรรมนี่ เป็นการขออโหสิกรรมของเรา ?

    ตอบ : อันนี้เราฝ่ายเดียวแน่ๆ ยกเว้นว่าเขาจะโผล่หน้าออกมาบอก เออ ยกโทษให้ แล้วเราก็ช็อก




    สนทนากับพระเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
    เดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๔
    ณ บ้านอนุสาวรีย์ฯ





    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 กันยายน 2008
  2. junior phumivat

    junior phumivat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    1,346
    ค่าพลัง:
    +1,688
    ผู้ถาม : เมื่อทำบุญแล้ว ถ้าจะอุทิศส่วนกุศลภายหลังจะได้ไหมคะ...........?
    หลวงพ่อ : การทำบุญไปแล้วครั้งหนึ่งสักกี่ปี ๆ บุญก็ยังมีอยู่ถ้าทำไปแล้วสัก ๓๐ ปี ก็ยังอุทิศส่วนกุศลได้ บุญมันไม่หาย ไม่ใช่เราทำบุญแล้ว เดี๋ยวเดียวมันหายไปไม่ใช่อย่างนั้นนะ
    ผู้ถาม :แล้วถ้าเผื่อทำบุญแล้ว ไม่ได้อุทิศส่วนกุศลจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ...?
    หลวงพ่อ : ก็ได้เต็มที่อยู่แล้ว เราเป็นผู้ได้สมบูรณ์แบบ แต่อยู่ที่ว่าเราจะให้เขาหรือไม่ให้ การอุทิศส่วนกุศล นี่นะ ถ้าเราไม่ให้ เราก็กินคนเดียวใช่ไหม..... ทีนี้ถ้าเราให้เขาของเราก็ไม่หมดอีก ส่วนที่เราให้ไปไม่ได้ยุบไปจากของเดิม อย่างเรื่องของ พระอนุรุทธ สมัยที่ท่านเกิดเป็นคนเกี่ยวหญ้าช้างของมหาเศรษฐี เวลาที่ท่านทำบุญแล้ว เจ้านายขอแบ่งบุญ ท่านก็สงสัยว่าการแบ่งบุญน่ะจะแบ่งได้ไหม จึงไปถามพระปัจเจกพุทธเจ้า ที่ท่านรับบาตรนะ ท่านก็เปรียบเทียบให้ฟังว่า

    "สมมุติว่าโยมมีคบ แล้วก็มีไฟด้วย คนอื่นเขามีแต่คบ ไม่มีไฟ ทุกคนต้องการแสงสว่าง ก็มาขอต่อไฟที่คบของโยมแล้วคบทุกคนสว่างไสวหมด อยากทราบว่าไฟของคุณโยมจะยุบไปไหม....?
    ท่านอนุรุทธก็บอกว่า ไม่ยุบ
    แล้วท่านก็บอกว่า "การอุทิศส่วนกุศลก็เหมือนกัน ให้เขา เขาโมทนา แต่บุญของเราเต็ม 100 เปอร์เซ็นต์"


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ



    ธรรมใดที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงพบแล้ว ขอธรรมนั้น จงสำเร็จแก่ท่านทั้งหลายโดยเร็วด้วยเถิด สาธุ สาธุ สาธุ
    อิทัง ปุญญะผะลัง ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ ข้าพเจ้าขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย ที่เคยล่วงเกินมาแล้ว แต่ชาติก่อนก็ดี ชาตินี้ก็ดี ขอเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย จงโมทนา ส่วนกุศลนี้ ขอจงอโหสิกรรมให้แก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่บัดนี้ ตราบเท่าเข้าสู่พระนิพพาน และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่เทพเจ้าทั้งหลาย ที่ปกปักรักษาข้าพเจ้า และเทพเจ้าทั้งหลาย ทั่วสากลพิภพ และพระยายมราช ขอเทพเจ้าทั้งหลาย และพระยายมราช จงโมทนาส่วนกุศลนี้ ขอจงเป็นสักขีพยาน ในการบำเพ็ญกุศล ของข้าพเจ้าในครั้งนี้ด้วยเถิด และขออุทิศส่วนกุศลนี้ ให้แก่ท่านทั้งหลาย ที่ล่วงลับไปแล้ว ที่เสวยความสุขอยู่ก็ดี เสวยความทุกข์อยู่ก็ดี เป็นญาติก็ดี มิใช่ญาติก็ดี ขอท่านทั้งหลาย จงโมทนาส่วนกุศลนี้ พึงได้รับประโยชน์ ความสุข เช่นเดียวกับข้าพเจ้า จะพึงได้รับ ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด หากท่านทั้งหลายยังไม่มีโอกาสได้อนุโมทนาเพียงใด ขอเทพเจ้าทั้งหลายและพระยายมราชจงเป็นสักขีพยานให้แก่ข้าพเจ้าด้วย เจอเธอเมื่อใด ขอให้เธอได้อนุโมทนาส่วนกุศลนี้ด้วยเถิด ผลบุญใด ที่ข้าพเจ้า ได้บำเพ็ญแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาตินี้ ขอผลบุญนี้ จงเป็นปัจจัย ให้ข้าพเจ้า ได้เข้าถึง ซึ่งพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ด้วยเถิด หากแม้นยังไม่ถึงพระนิพพานเพียงใด ขอคำว่าไม่รู้ ไม่มี ในสิ่งที่ดี จงอย่าได้บังเกิดแก่ข้าพเจ้าเลย ขอผลบุญทั้งหลาย ที่ข้าพเจ้า ได้กระทำแล้ว ตั้งแต่ต้นชาติ จนถึงปัจจุบันชาติ จงบังเกิดผล ณ กาลบัดเดี๋ยวนี้เถิด
     
  3. ช่อม่วง

    ช่อม่วง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    165
    ค่าพลัง:
    +312
    ขอบคุณเจ้าของกระทู้ค่ะ
    กำลัง ค้นหาคำตอบเกี่ยวกับเรื่องการอโหสิกรรมที่สงสัยอยู่
    ได้รับทราบคำตอบแจ่มแจ้งแล้ว อนุโมทนาค่ะ
     
  4. mainoi

    mainoi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    732
    ค่าพลัง:
    +133
    กราบโมทนา สาธุ..สาธุ...สาธุ...สังขาร์ไม่เที่ยงหนอ คิดดีอย่างเดียวค่ะ
     
  5. บุตรสา

    บุตรสา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +793
    อนุโมทนาครับ แถวบ้านศัตรูของพ่อผมเยอะมาก อยากให้เขาอโหสิกรรมให้กันเหลือเกิน
    ไม่อยากจะเป็นศัตรูกับใครเลย
     
  6. VERAJAK

    VERAJAK เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    998
    ค่าพลัง:
    +1,579
    การขออโหสิกรรมนั้นเปรียบเสมือนการขอโทษผู้ที่เราได้กระทำล่วงเกินท่านไว้ด้วยเจตนาก็ดีไม่เจตนาก็ดีถ้าผู้ที่เราล่วงเกินไว้เค้าก็จะอภัยให้เราเหมือนกับเราเวลาที่สวดมนต์แล้วสิ่งที่ควรทำคือให้อโหสิกรรมแก่ผู้ที่ล่วงเกินเรายกถวายแด่องค์พระสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นการอภัยทานไม่ผูกใจเจ็บและไม่ต้องการแก้แค้นจิตเราก็เป็นสุขเองส่วนกรรมที่เกิดยังไงๆก็ต้องชดใช้อยู่ดีถ้ายังไม่สามารถบรรลุอรหันต์ได้แต่เรามีวิธีแก้คือเวลาทำบุญก็ขอส่งผลบุญนั้นให้เจ้ากรรมนายเวรของเราเมื่อเค้าได้ผลบุญแล้วก็เปรียบเสมือนเราได้ชดใช้เค้าแล้วเค้าก็จะไม่ผูกเวรอาฆาตพยาบาทเราหากเค้ามีจิตคิดอาฆาต กรรมก็จะกลับไปหาเค้าเองเราไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะจิตเราอยู่ในแดนของพระพุทธองค์จำไว้ว่าพระพุทธองค์เป็นเพียงผู้บอกทางให้เราเดินไปนิพานตามรอยพระองค์ส่วนเราจะเดินไปถึงหรือไม่ก็สุดแล้วแต่ตัวเราเองพระองค์ไม่เกี่ยว จิตที่เป็นสมาธิ ปัญญา สติเท่านั้นที่เราต้องรักษาและปฏิบัติตลอดเวลาอันมีศีลสมาธิปัญญาเป็นที่พึง ส่วนพระอรหันต์ที่ท่านว่าต้องชดใช้เศษกรรมนั้นผิดครับพระอรหันต์ไม่มีสุขไม่มีทุกข์ไม่มีบุญไม่มีกรรมไม่มีทุกอย่างแล้วเสมือนเราสับสวิทคัตเอาท์ลงไฟก็ดับหมดไม่มีไฟทุกอย่างล้วนว่างเปล่าครับถ้าไม่เชื่อลองปฏิบัติจนได้เป็นพระอรหันต์สิครับแล้วจะรู้โดยไม่ต้องเชื่อใครไม่ต้องเชื่อเพราะน่าเชื่อไม่ต้องเชื่อเพราะมีเหตุผล ไม่ว่ามีร่างที่ประกอบด้วยดิน นำ ลม ไฟ หรือไม่มีก็ไม่มีความหมายแล้วครับ ส่วนที่ว่าเมื่อคนตายแล้วเราไปขออโหสิกรรมกับเค้านั้นจริงๆแล้วควรจะไปอโหสิกรรมให้เค้านะครับเราไม่จองเวรจองกรรมกับเค้าให้เลิกกันในชาตินี้ส่วนเค้าจะอโหสิกรรมให้เราหรือไม่นั้นอยู่ที่จิตเค้าครับถ้าจิตเค้าดีเค้าก็จะไปจุติยังเทวโลกขึ้นไปถ้าจิตเค้ายังตัดกิเลสไม่ได้ก็ไปจุติยังอบายภูมิต่อไปไม่เกี่ยวกับเราเลยครับส่วนกรรมที่มีต่อกันถ้าเราอภัยทานแล้วก็จบอ้อต้องหมั่นทำบุญอุทิศบุญกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของเราด้วยนะครับ อุปมาว่าเราเป็นหนี้เค้าสิบล้านเราทำบุญอุทิศให้เค้าแค่ล้านเดียวแล้วบอกว่าหายกันนั้นย่อมไม่ได้ ฉันใดเราเป็นลูกหนี้กรรมเค้าก็ฉันนั้นต้องหมั่นทำบุญอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้เค้าตลอดจนกว่าจะหมดหนี้หรือหมดกรรมถ้าเค้ายังผูกพยาบาทเค้าก็ไปสู่อบายภูติเองครับอยากให้จำไว้นะครับว่าทุกอย่างอยู่ที่ปัจจุบันลืมตาขึ้นจิตต้องมีสมาธิมีปัญญาหลับตาลงจิตก็ต้องมีสมาธิมีปัญญาทุกอย่างในโลกนี้ล้วนว่างเปล่าที่เห็นนั้นเป็นมายาอย่าได้ยึดมั่นถือมั่นไม่มีสิ่งใดเป็นเราเป็นของเราเป็นตัวเราดำรงจิตตามความเป็นจริงแล้วจิตจะสงบเย็นไม่เร้าร้อนด้วยกิเลสตัณหาได้พบนิพาน (เรามาจากไหนก็ไม่รู้เราจะไปไหนก็ไม่รู้ )พระพุทธองค์สอนให้เราอยู่กับปัจจุบันเท่านั้น ผมมีนิทานจะเล่าให้ฟังนะครับมีคนถามทางมากมายว่าเชียงใหม่ไปทางไหนใครถามผมก็บอกมีแผนที่ให้ไปแต่ก็มีบางคนไปถึงเชียงใหม่และมีบางคนไปไม่ถึงเชียงใหม่ทั้งๆที่ผมให้แผนที่แผ่นเดียวกันและมีบางคนไปไม่ถึงแต่สู่รู้ว่าเชียงใหม่เป็นยังไงอีกทั้งๆที่สิ่งที่เค้ารู้นั้นมาจากคำบอกเล่าบ้างตำราบ้างตัวเองยังไม่เคยไปเลยเพราะไปไม่ถูกไปไม่ถึงแล้วเที่ยวบอกใครๆไปทั่วตามที่เรียนมาที่ฟังมาพาเอาคนหลังๆหลงทางไปกันใหญ่อย่างนี้ก็ไม่ดีนะครับถ้าอยากรู้ว่าพระอรหันต์เป็นยังไงอยู่แบบไหนปฏิบัติจนได้บรรลุแล้วค่อยมาบอกเค้าว่าพระอรหันต์เป็นแบบไหนและอยู่ยังไงอย่าตู่ทั้งๆที่ตัวเองไม่เคยเป็นและไม่เคยรู้พระพุทธองค์สอนให้เชื่อในสิ่งที่จิตรู้เองไม่ต้องเชื่อเพราะน่าเชื่อไม่ต้องเชื่อเพราะมีเหตุผลไม่ต้องเชื่อเพราะตรรกะเชื่อในสิ่งที่จิตรู้จิตเห็นและไม่ต้องบอกใครหรือให้ใครเชื่อตามจิตที่รู้จิตที่เห็นจิตจะรู้ดีอยู่และอยู่กับจิตที่รู้เท่านั้นก็พอ คนเรามีเกิดมีแก่มีเจ็บมีตายเป็นสัจธรรมมีกี่คนที่ไม่กลัวแก่ไม่กลัวเจ็บไม่กลัวตายแต่กลัวเกิดลองไปคิดดู............................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 4 มิถุนายน 2009
  7. Francis_NY

    Francis_NY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    162
    ค่าพลัง:
    +585
    ขอบคุณครับ
     
  8. สังสารวัฏ

    สังสารวัฏ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    562
    ค่าพลัง:
    +5,382
    ดีมากๆ เลย ... อนุโมทนาบุญค่ะสาธุ (^_^)
    เราขอให้เขาอโหสิกรรมให้เรา ... เราเองก็ควรอโหสิกรรมให้คนอื่นเขาด้วยนะจ๊ะ

    http://palungjit.org/threads/4-ก-ค5...เด็จองค์ปฐมหน้าตัก-2-ม-วัดคลอง-14-ค่ะ.188430/
    http://palungjit.org/threads/มาบริจาค-stem-cell-กับสภากาชาดไทยกันเถิดค่ะ-^_^.189370/
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...