+++๙๙ หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร (พระราชศีลโสภิต) ที่ข้าพเจ้าได้สัมผัส ๙๙+++

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย เพลิงภูมิ, 9 มิถุนายน 2014.

  1. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    จากด้วยตนเองได้เริ่มศึกษาและสะสมวัตถุมงคลของ หลวงปู่ หลวงพ่อ เกจิอาจารย์ต่าง ๆ ก็เลยมีโอกาสเที่ยวเสาะหา วัตถุมงคล และธรรมะ ไปตามแต่ที่จะมีโอกาส
    และก็เหมือนโชคดี ที่ได้มีโอกาส ได้ไปสัมผัสได้รู้จัก พระสงฆ์ผู้ที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาอย่างหลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร (พระราชศีลโสภิต)

    เมื่อครั้งแรกที่มีโอกาสได้เข้าไปกราบท่าน ในใจก็เกรงว่าจะมีโอกาสเข้าพบท่านได้หรือเปล่า แถมครั้งแรกที่ไปนั้นได้พาพ่อตาซึ่งวเจ็บออด ๆ แอดๆ ไปรดน้ำมนด้วย ท่านจะเมตตาไหม เพราะท่านเป็นถึงที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัด ถึงพระชั้นราช ในใจก็กังวลไปหมด
    เมื่อเดินเข้าไป ที่ศาลาน้อยๆ ก็พบท่านนั่งคุยกับญาติโยมอยู่ ซึ่งสังเกตุจากเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับของญาติโยมที่กำลังสนทนากับหลวงปู่อยู่นั้น ก็บอกได้เลยว่าเป็นเศรษฐีมีเงิน ทั้งนั้น แล้วเราคนจนๆ จะมีโอกาส เข้าถึงท่านไหม
    .... แต่ปล่าวเลยครับเมื่อเดินไปถึงท่านก็ถามว่า "มาทำอะไร?" ก็เลยบอกท่านว่า พอ่ตาผมไม่สบาย อยากให้หลวงปู่ช่วยรดน้ำมนต์ให้หน่อย "ท่านบอกตามมา" ท่านก็พาเดินเข้าไปในห้องที่ท่านพักรับรองญาติโยม แล้วท่านก็ห่ม จีวร สังฆาติเรียบร้อย..... เดี๋ยวมาเล่าต่อครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 มิถุนายน 2014
  2. ราตรีมณี

    ราตรีมณี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2011
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +108
    [​IMG]

    มีองค์บูชาที่หลวงพ่อเมตตาลงอักขระให้ครับ นัยว่ารุ่นนี้เป็นรุ่นแรกของท่าน ที่สมณศักดิ์ พระสุขุมวาทเวที
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2014
  3. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    มาต่อครับ....

    หลังจากนั้นท่านก็รดน้ำมนต์ให้พ่อตาผม และท่านก็ถามเป็นคนบ้านไหน ท่านยังบอกว่า ท่านเคยไปอยู่นะ ได้ถามไถ่กันอยู่พักใหญ่

    สิ่งที่ผมสัมผัสได้ก็คือ ท่านเมตตามากๆพร้อมทั้งยังไม่เลือกชนชั้นวรรณะ (ท่านเป็นถึงพระชั้นราช) ใครจะเข้าไปหาไปกราบท่าน ท่านพร้อมให้พบเสมอถ้าท่านไม่ติดกิจนิมนต์

    ครั้งล่าสุดที่ผมไป ผมเห็นท่านจำวัดอยู่ที่ศาลา ผมก็ยังไม่กล้าปลุก ไปนั่งคอย พักใหญ่ มีคนมีเงิน (เหลือเยอะ ส่วนตัวผมเหลือน้อย) มีเรียกท่านเพื่อให้รดน้ำมนต์รักษาให้หน่อยท่านก็ลุกไปห้องรับรอง ไม่มีแม้แต่อารมณ์หงุดหงิดหรืออารมณ์ใดๆ

    นี่แหละครับสัมผัสครั้งแรก ของพระผู้มากด้วยเมตตา แห่งเมืองน้ำดำ กาฬสินธุ์
     
  4. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ชีวประวัติของพระราชศีลโสภิต (หลวงพ่อหนูอินทร์ กิตฺติสาโร)
    ชาติภูมิ

    พระราชศีลโสภิต ฉายา “กิตฺติสาโร” เดิมชื่อ หนูอินทร์ ธนคำดี เกิดวันจันทร์ ขึ้น 6 ค่ำ เดือน 3 ปีชวด ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2479 บิดาชื่อ นายเกื้อ ธนคำดี มารดาชื่อ นางผอง ธนคำดี เกิดที่บ้านเลขที่ 96 บ้านหลุบ อำเภอเมือง จังหวัด กาฬสินธุ์ มีพี่น้องร่วมบิดามารดา ด้วยกัน 7 คน เป็นชาย 5 คน เป็นหญิง 2 คน พระอาจารย์หนูอินทร์ กิตฺติสาโร เป็นบุตรลำดับที่ 3

    ชีวิตในเพศฆราวาส

    เมื่อขณะยังเยาว์วัย เป็นเด็กที่ว่านอนสอนง่าย ช่างพูด ช่างเจรจา จึงเป็นที่ รักที่เอ็นดูของบุคคลทั่วไป บิดาของท่านเป็นผู้นับถือพุทธศาสนาอย่างเคร่งครัด ชอบ เข้าวัด รักษาศีลทุกวันพระ และมักจะนำบุตรไปวัดด้วยเสมอ เพื่อฝึกให้คุ้นเคยกับ พระสงฆ์ เมื่อโตขึ้นพอที่จะเข้าโรงเรียนได้ บิดาก็นำท่านไปฝากเรียนหนังสือที่โรงเรียนเตาไหราษฎร์ผดุง ต. หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ จนกระทั้งท่านเรียนจบชั้น ประถมศึกษาปีที่ 4 ในขณะนั้น


    ลูกกำพร้าแม่

    เมื่ออายุครบ 12 ปี สิ่งที่ทุกคนในครอบครัวไม่คาดคิดนั้นคือ มารดาของท่านได้ล้มป่วยลงอย่างกะทันหัน ญาติๆ ได้หาหมอมารักษา แต่ก็ไม่สามารถยั้งชีวิตแม่ท่านได้

    ชีวิตในวัยหนุ่ม

    เมื่อมารดาได้สิ้นแล้ว ครอบครัวของท่านต้องมีภาระหนักขึ้น แต่ท่านก็ไม่เคยย่อท้อ หนักเอา เบาสู้ ไม่เลือกงาน โดยท่านประกอบอาชีพทำนา ทำสวน เสร็จจากฤดูทำนาบางวันเพื่อน ๆ ก็ชวนไปจีบสาวแต่ท่านจีบสาวไม่เป็น เที่ยวเตร่สนุกสนานท่านยิ่งไม่ชอบ เมื่อท่านมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หน้าที่ของ ลูกผู้ชายไทยต้องผ่านการเกณฑ์ทหาร

    สู่ร่มกาสาวพัสตร์

    ในช่วงวัยหนุ่ม ท่านได้เห็นเพื่อบ้านบางคนตอนที่ยังไม่แต่งงานก็รักกันดี พอแต่งงานมีครอบครัว มีลูกด้วยกันความรักก็เริ่มเสื่อมลง เหลือไว้แต่การทะเลาะวิวาทกัน ด้วยเหตุนี้ท่านจึงไม่อยากมีครอบครัว

    ในปี พ.ศ. 2500 ที่หมู่บ้านหลุบ ชาวบ้านได้ร่วมกันทำบุญเดือน 4 ตามประเพณีไทย และมีการจัดพิธีอุปสมบทหมู่ขึ้น มีนาคเข้าร่วมอุปสมบท จำนวน 20 รูป ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ กิตฺติสาโร เป็นบุคคลหนึ่งที่เข้าร่วมในครั้งนี้

    การบรรพชาและอุปสมบท

    เมื่อพระอาจารย์หนูอินทร์ อายุได้ 21 ปี เต็ม ในปี พ.ศ. 2500ท่านได้บรรพชา และอุปสมบท ในวันพฤหัสบดี ขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 ปีระกา ซึ่งตรงกับวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2500 ณ พัทธสีมาวัดโพธิ์ชัย บ้านหลุบ ต.หลุบ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ โดยมีพระเดชพระคุณเจ้า พระราชพรหมจริยคุณ (หลวงปู่สุข) เป็นพระอุปัชฌาย์ ปัจจุบันมีสมณศักดิ์เป็นพระธรรมวงศาจารย์ ตำแหน่ง ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ วัดกลาง (พระอารามหลวง) อำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ พระมหาประพันธ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระมหากรม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับ นามฉายาจากพระอุปัชฌาย์ว่า “กิตฺติสาโร”

    พระอาจารย์หนูอินทร์ กิตฺติสาโร หลังจากที่อุปสมบทแล้วท่านจำพรรษาที่วัดโพธิ์ชัย ได้ศึกษาเล่าเรียน พระธรรมวินัยที่วัดสว่างอัมพวัน ท่านได้เรียนนักธรรมชั้นตรี และสอบนักธรรมชั้นตรีได้ ในปีพ.ศ. 2500 ในปี พ.ศ. 2501 ท่านได้ย้ายไปจำพรรษาที่วัดป่าพุทธมงคล เป็นสำนักวิปัสสนา ท่านเรียนนักธรรมชั้นโทและสอบได้ ในปี 2503 ท่านตั้งใจศึกษานักธรรมชั้นเอก และสอบได้นักธรรมขั้นเอก ในช่วงนี้พระลูกวัดในวัดป่าพุทธมงคลเริ่มเรียนวิชาครู ส่วนท่านก็ได้สอนนักธรรมชั้นตรี และมีสิทธิ์สอบบรรจุครูมูลด้วย

    ธุดงควัตร

    หลังจากพระอาจารย์หนูอินทร์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ท่านก็เบื่อในทางโลก ท่านก็มุ่งสู่การปฏิบัติธรรม นั่งวิปัสสนากรรมฐาน ฝึกสมาธิจิตที่หลุมฝังศพ ผีตายโหง ในป่าช้าว่ามีผีจริงหรือไม่ ปี 2506 ท่านได้มีโอกาสไปฝึกอบรมวิปัสสนา ที่สำนักวัดป่าบ้านเหล่าโพนค้อ จ.สกลนคร และได้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้โยมมารดาด้วย ท่านฝึกวิปัสสนาอีกครั้ง จิตท่านก็สงบ มีสมาธิ หลังจากที่ท่านฝึกวิปัสสนากรรมฐานสำเร็จแล้วท่านได้เดินทางกลับ วัดป่าพุทธมงคล แต่การปฏิบัติของท่านยังดำเนินต่อไปโดยสม่ำเสมอ ต่อจากนั้นท่านก็ ออกธุดงค์เพื่อค้นหาอาจารย์ไสยเวท ในเขตภูพานเพื่อศึกษาพุทธคม


    เริ่มออกธุดงค์ไปเรื่อยๆ พร้อมกับโยมอุปฐาก ชื่อนายบุญมา ชาวบ้านดอนฉนวน โดยตั้งใจว่าจะไม่ขอกลับที่เดิม ท่านได้ตั้งจิตอธิฐานไว้ว่า “ชีวิตนี้จะขอมอบอุทิศให้พระพุทธศาสนา” ประมาณปี 2508 ท่านได้ธุดงค์ไปตามป่าเขาลำเนาไพร ในเทือกเขาภูพาน ซึ่งในสมัยนั้นผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิตส์ ก็เริ่มปลุกระดมชาวบ้านอยู่ ท่านเดินทางลัดเลาะจนไปถึงบ้านพังขว้าง เขตจังหวัดสกลนคร ได้พบกับอาจารย์ดำ ซึ่งเป็นฆราวาส ชอบถือศีลปฏิบัติธรรม


    ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ ได้ศึกษาวิชาไสยเวทกับอาจารย์ดำหลายอย่าง ซึ่งขณะอาจารย์ดำมีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องการลงอักขระ เลขยันต์ และการลงน้ำมัน สักหมวกเหล็ก และอักขระ ข ท่านได้นำตำราไสยเวทของอาจารย์ดำมาศึกษา และทดสอบด้วย

    พบอาจารย์วิปัสสนากรรมฐาน

    ต่อจากนั้นท่านได้ธุดงค์ต่อไป จนมาถึงบ้านส้มโฮง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ข้ามเทือกเขาภูพานมาเรื่อยๆ จนมาถึงถ้ำปิ้ง (ถ้ำค้างคาว) เป็นถ้ำเล็กๆ มีอาจารย์วิปัสสนากรรมฐานรูปหนึ่งมีพรรษามากแล้ว ได้เจริญวิปัสสนากรรมฐานอยู่ถ้ำนี้ ชื่อว่า หลวงปู่สีทน แต่ท่านก็ไม่ได้พบหลวงปู่สีทน จึงธุดงค์ต่อไป


    จนกระทั้งถึงบ้านตาด เริ่มขึ้นเขาตั้งแต่เช้าถึงบ้านนาไร่เดียว เวลา 20.00 น. เข้าเขต อำเภอคำม่วง จังหวัดกาฬสินธุ์ ในที่สุดท่านก็ถึงบ้านนาบอน ก่อนที่ท่านจะไปพบกับหลวงปู่สีทน ท่านหลวงปู่มีญาณวิเศษล่างรู้จิตใจมนุษย์ ก่อนที่พระอาจารย์หนูอินทร์จะมาถึงบ้านนาบอน โยมที่อยู่ที่นั้นเล่าว่า ได้ถามหลวงปู่สีทนว่า “วันไหนหลวงปู่จะกลับ” หลวงปู่ตอบว่า “ตอนนี้ไปไหนไม่ได้หรอกเพราะว่าลูกศิษย์กำลังจะมาหา” พอดีกับพระอาจารย์หนูอินทร์ ธุดงค์มาถึงพร้อมกับโยมอุปฐาก เข้ากราบนมัสการหลวงปู่สีทน

    ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ ได้ศึกษาพระธรรมวินัย พุทธคม และฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน กับหลวงปู่สีทน ได้ 7 – 8 วัน ท่านคิดว่าจะติดตามหลวงปู่ไปทุกหนทุกแห่ง ได้ล่วงรู้ถึงหลวงปู่ ท่านกล่าวว่า “ท่านยังไปที่อื่นไม่ได้ เพราะท่านต้องกลับไปสร้างวัดที่บ้าน ลูกศิษย์ ญาติโยมรอท่านอยู่” หลังจากนั้นท่านได้กราบลา หลวงปู่สีทน ธุดงค์ต่อไป


    ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ ได้ออกธุดงค์ต่อไปเรื่อยๆ จนถึง จังหวัดเลย ป่าทึกแถบจังหวัดชัยภูมิ เทือกเขาภูผาแดง ภูเม้ง เขตกั้นแดนระหว่าง อำเภอมัญจาคิรี จังหวัดขอนแก่น กับ อำเภอแก้งคร้อ จังหวัดชัยภูมิ ชาวบ้านนิมนต์ท่านไปปักกลด ที่ที่เรียกว่า “หินเกิ้ง” ออกธุดงค์ต่อจนพบ หลวงปู่ผาง จิตฺตคุตฺโต ที่วัดอุดมคงคาคิรีเขต

    บุญบารมีการสร้างวัด

    หลังจากที่พระอาจารย์หนูอินทร์ พักที่วัดดูน (วัดอุดมคงคาคิรีเขต) เป็นการชั่วคราวแล้วท่านก็ได้ไปกราบลาหลวงปู่ผาง เพื่อเดินธุดงค์กลับวัดป่าพุทธมงคล ท่านปฏิบัติธรรมที่ต้องอาศัยตัวเองเป็นเครื่องพิสูจน์ ท่านได้ทราบเกี่ยวกับการเดินธุดงค์แล้วว่าเป็นอย่างไร เพื่ออะไร จึงธุดงค์กลับวัดป่าพุทธมงคล


    ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ กิตฺติสาโร ได้ศึกษาวิชาพุทธาคม จากหลายอาจารย์ด้วยกัน ทำให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดัง มีประชาชนเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่าน เริ่มมี ลูกศิษย์มากขึ้น ด้วยเหตุที่ว่า ภารกิจทางวัดมีมากขึ้น

    การพัฒนาวัดยาอมจะมามากขึ้นตามลำดับ เริ่มสร้างและพัฒนาวัด เช่น พ.ศ. 2508 สร้างกุฏิวิปัสสนา 1 หลัง 6 ห้อง ขนาด 4 x 18 เมตร พ.ศ. 2523 สร้างศาลาการเปรียญ ลักษณะทรงไทย 2 ชั้น 1 หลัง ขนาด 14 x 21 เมตร พ.ศ. 2528 ได้วางศิลาฤกษ์ เริ่มก่อสร้างอุโบสถ และปัจจุบัน ได้สร้างเสนาสนะจำนวนมาก

    จาริกแสวงบุญ


    ท่านพระอาจารย์หนูอินทร์ มีปฏิปทาอย่างแน่วแน่ โดยมีความคิดอยู่ที่ว่า ถ้าเรามีความศรัทธาเกิดขึ้นในบวรพุทธศาสนา แล้วเราควรไปนมัสการปูชนียสถาน ที่สำคัญ 4 แห่ง คือ 1. สถานที่ประสูติ 2. สถานที่ตรัสรู้ 3. สถานที่แสดงพระธรรมเทศนา 4. สถานที่ปรินิพพาน ในประเทศอินเดีย ด้วยความศรัทธาพระอาจารย์หนูอินทร์ ไปจาริกแสวงบุญประเทศอินเดีย เมื่อ พ.ศ. 2516


    ชมประวัติเต็มๆได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
    ประวัติเจ้าอาวาส | มรดกล้ำค่า

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  5. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    มีเรื่องเล่าของคนเก่าคนแก่...ว่ากันว่า

    ครั้งหนึ่งงานพุทธาภิเศกพระที่ วัดกลาง กาฬสินธุ์
    มีพ่อแม่ครูอาจารย์ดังๆไปร่วมในงานเยอะมาก ทั้งหลวงพ่อคูณ
    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และอีกหลายต่อหลายองค์ที่ได้รับนิมนต์
    ให้ไปร่วมเจริญจิตภาวนาปลุกเสก..และสำคัญที่ขาดเอาเสียไม่ได้เลย
    คือ หลวงปู่ผาง จิตคุตโต จ.ขอนแก่นสุดยอดพระเกจิแห่งยุคอีกองค์
    ที่เลื่องชื่อ ลือชาว่า "ขลัง" แบบสุดๆ ต้องมาร่วมงาน

    หลวงปู่ผาง ท่านได้กล่าวพลางมือชี้ไปยัง หลวงพ่อหนูอินทร์
    ที่สมัยนั้นยังเป็นพระหนุ่มที่สุดในงาน ที่ได้รับนิมนต์มานั่งปรก
    กับรุ่นใหญ่ ...พร้อมกล่าวคำทำนายเอาไว้ว่า

    " ต่อไปพระหนุ่มองค์นี้ซิดัง ซิมีชื่อเสียงในวันข้างหน้า "

    ปัจจุบัน เมื่อรำลึกย้อนถึงเหตุกาลนี้ ทำให้คนรุ่นหลังได้รู้และเข้าใจว่า
    หลวงปู่ผาง ท่านคือสุดยอดพระเกจิตัวจริงเสียงจริง ไม่ต้องอิงนิทาน
    ( เพราะขนาดสายวิทยาคมตัวจริง อย่างหลวงพ่อเจริญ ยังยอมรับ)

    และ เป็นบทพิสูจน์ของคำทำนายว่า หลวงพ่อหนูอินทร์ พระหนุ่มสมัยนั้น
    ปัจจุบัน เก่งจริง ดังจริง และคงจะดังมากกว่านี้อีกหลายเท่าครับ...
    ดังอมตะวาจา ที่หลวงปู่ผางท่านได้กล่าวเอาไว้ ในอดีต
     
  6. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ล่าสุดผมได้ไปกราบท่านเมื่อช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา
    ผมได้มีโอกาสไปกราบท่านอีกครั้ง
    .....เวลาที่ไปพบท่าน ตอนเย็น พอไปถึง เห็นมีรองผู้กำกับการที่กาฬสินธุ์กำลังพบท่านอยู่ด้านนอกกุฏิ ผมก็ยืนอยู่ห่างๆ ท่านคุยกันได้พักเดียวหลวงปู่เห็นผมกับน้องชายมายืนคอย ท่านก็ผละออกมาจาท่านรอง มาที่กุฏิท่าน ผมก็เลยเดินตามไป
    พอเข้าไปท่านก็ถามผมว่ามาจากที่ไหน ผมก็บอกท่านไปถึงบ้านที่อยู่ พอท่านได้ยิน ท่านก็เลยถามเชิงบอกเล่าว่า "เคยมาหาเราแล้วนี่ " ผมก็ไม่ได้แปลกใจอะไร ก็ได้แต่ตอบว่า "ครับ"
    ท่านเลยถามผมต่ออีกคำถามหนึ่งว่า "บ้านสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ?"
    เจอคำถามนี้เข้าไปผมถึงกับอึ้ง!!!!!
    ....ทำไมถึงอึ้งน่ะเหรอครับ ก็ผมเคยไปหาท่าน 2 หรือ 3 ครั้งซึ่งก็ไม่เคย บอกท่านเลยว่ากำลังสร้างบ้านอยู่ ซึ่งใจหนึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเคยเล่าให้ฟังไหมเผื่อผมจะลืมก็ได้ ดังนั้นผมกลับบ้านมาผมยังถามพ่อตา แม่ยาย และแฟนผมที่เคยไปหาท่านด้วยกันประจำ ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า "ไม่เคยเล่าให้ฟัง"
    .............
     
  7. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ....ผมพึ่งได้รับฟังเรื่องราว ของเศรษฐีท่นหนึ่งซึ่งอยู่ทางนครปฐม ซึ่งท่านให้หาวัตถุมงคลของหลวงปู่หนูอินทร์ให้....ซึ่งผมก็แปลกใจว่าท่านเป็นคนกาฬสินธุ์หรืออย่างไร ....แต่ก็ไม่ใช่ ท่านเราให้ฟังว่า
    ท่านได้เคยพบหลวงปู่หนูอินทร์ที่ นครปฐมหลายครั้ง ทั้งพิธีพุทธาภิเษก และ ท่านก็เคยธุดงค์มานครปฐมด้วย
    ซึ่งเศรษฐีท่านนี้ท่านเคยเห็น หลายครั้งที่หลวงปู่หนูอินทร์ปลุกเสก จะมีลิงมากมายมารายล้อม....

    ซึ่งผมก็เคยได้ยินได้ฟังครั้งแรก ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ตัวผมเองก็ไม่รู้ว่า มันเป็นวิชา อาคมอะไร หรือเป็นแค่ความเมตตาไม่มีประมาณ ทำให้ลิงเหล่านั้น เข้ามาในพิธีปลุกเสก....
     
  8. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ...จากพี่อีกคนหนึ่งซึ่งพ่อของพี่เขาบวขกับหลวงปู่หนูอินทร์มากว่าสิบปีแล้ว ซึ่งท่านเป็นมะเร็งอยู่นับสิบปีแล้ว...ก็แปลกดีครับ พอดีผมพึ่งเคยได้ยินว่าคนเป็นมะเร็งสามารถอยู่ได้นับสิบปี ไม่แน่ใจว่าด้วยผลบุญจากการบวช หรือจากน้ำพุทธมนต์ของหลวงปู่หนูอินทร์ที่ท่านได้ดื่มกินเป็นประจำทำให้ท่านมีอายุยาวนานทั้งๆที่ป่วยเป็นมะเร็ง

    อีกเรื่องหนึ่งที่ลูกสาวของหลวงพ่อท่านนี้เจอประสบมาก็คือ มีอย่ครั้งหนึ่งพี่สาวท่านนี้ประสบอุบัติเหตุ ซึ่งคนที่มาเห็นตัวรถ ก็ไม่คิดว่าจะมีใครรอด แต่ทั้งพี่สาวท่านนี้และลูกทั้งสองคนไม่เป็นอะไรเลย
    หลังจากเหตุการณ์มีคนเล่าให้พี่สาวทม่านนี้ฟังว่า ขณะประสบอุบัติเหตุ เขาเห็นภายในรถมี แสงเรืองรองห่อุ้มคนยในรถอยู่ ซึ่งคนที่เห็นก็มากกว่าหนึ่งคน ซึ่งเรื่องนี้เป็นที่โจษขานกันอยู่พักใหญ่ทีเดียว ซึ่งในรถของพี่สาวท่านนี้ มีแค่สร้างตะกรุดเก้าดอก กับพระนาคปรกรุ่นแรก ของหลวงปู่ติดตัวอยู่เพียงแค่นั้นครับ
     
  9. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ประสบการณ์จากน้องแถวๆปทุม
    -------------------------------------
    บ้านผมทำร้านทองคำเปลวอยู่ที่กรุงเทพ ชื่อร้านสว่างวง ได้ไปทอดผ้าป่าที่วัดหลวงพ่อสมัยนั้น ซึ้งผมก็เกิดไม่ทันครับ พวกย่าเล่าให้ฟังว่าสมัยนั้นหลวงพ่อยังหนุ่มอยู่เลย วัดก็ไม่เจริญ ไปนอนค้างคืนที่วัด ผีก็ดุ แต่หลวงพ่อเก่งและเคร่งครับ คนแถวบ้านผมเขารู้กันครับจึงพากันไปกราบครับ ส่วนวัสถุมงคลก็ได้กันมาเยอะครับ บ้านละ 4-5 ชิ้นครับ ในสมัยก่อนก็จะไปรถบัสกันครับ พวกป้าๆบอก ท่านน่านับถือครับ ส่วนพวกประสบการณ์ นั้นก็มีเยอะครับ ป้าบอกมีคนที่ไปด้วยกันได้เหรียญมาห้อยคอ แล้วโดนจี้ดทองตอนเดินกับจากวัดแถวบ้านตอนกลางคืน โจรดักตามทุ่งนามากัน 4 คน ตาคนนั้นเดินมากับแฟนเขา 2 คน ด้วยความเสียดายทองจึงต่อสู้กันครับ ตาคนนั้นบอกแทงไม่เข้า โจรเลยหนีไป ส่วนของป้าผมก็ค้าขายดี ครับ แต่เดียวนี้ไม่ค่อยจะได้ไปกราบแล้วครับ
     
  10. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    เกศาของหลวงปู่ (น่าจะเรียกว่า)หลายเป็นพระธาตุครับ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. Arnna

    Arnna เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +724
    มารอติดตามอ่านค่ะ อยากไปกราบท่านสักครั้ง
     
  12. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ประสบการณ์ล่าสุด(รางวัลเยอะมากๆครับ)
    คุณอุ๊ดดี้ ได้เช่าเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่หนูอินทร์ ปี 2517 โดยมีเซียนพระท่านหนึ่งเอามาให้เช่าในราคา 14,500 บาท ขณะุอิเดียวกันก็มีล็อตเตอรี่ มาขายพอดี คุณอุ๊ดดี้เลย อธิฐานขอพรจากเหรียญหลวงปู่หนูอินทร์ทันที และซื้อล็อตเตอรี่ ไว้ 2 คู่ สลากพิเศษ 1 คู่ และ สลาก ธรรมดาหนึ่งคู่ หมายเลขเดียวกัน ปรากฏว่า ถูกรางวัลที่หนึ่งทั้งสองคู่ ได้รางวัลจำนวน 10 ล้าบาท ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าได้รับโชคจากบารมีหลวงปู่หนูอินทร์ ครับ
    [​IMG]
    [​IMG][​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  13. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    เอารวบรวมมาลงให้อ่านอีกที ข้อมูลจากพี่ ทศภณ วงษาลี ครับ กลัวศิษย์ใหม่ๆ ไม่มีของดีใช้คับ
    ----------------
    ขอ เรียนถึงเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยพระกริ่งชุดนี้สักนิดคับ..พระกริ่งชุดนี้ได้รับ การรังสรรค์จากฝีมือชั้นครู ที่ชำนาญเรื่องการเทพระกริ่ง มือต้นต้นของเมืองไทยก็ว่าได้ เป็นการเทหล่องและเข้าก้นแบบโบราณ จะสังเกตุได้ว่าจะไม่ปรากฏร่องรอยการอุดกริ่งให้เห็น
    ช่าง พิชัย เรียกได้ว่าเป็นช่างหล่อพระกริ่งท่านหนึ่ง ที่วัดสุทัศน์ฯ และวัดบวรฯ วัดพระอารามหลวงสำคัญของประเทศและถือเป็นปฐมกำเนิดแห่งพระกริ่งไทย ก็ได้ให้ความไว้วางใจให้เป็นนายช่างเทพระกริ่งของ 2 สำนักดังเสมอมา
    เรียก ได้ว่าเป็นผู้รังสรรค์พระกริ่งดังนับไม่ถ้วนเลยทีเดียว หรือแม้กระทั่ง " พระกริ่งเทพวิทยาคม" ของหลวงพ่อคูณวัดบ้านไร่ ที่ พณฯ สุวัฒน์ จัดสร้างและโด่งดังเป็นที่ปรารถนาของใครหลายคนในตอนนี้ ก็เป็นฝีมือของช่างพิชัยท่านนี้ ช่างหล่อผู้ควบคุมการเททองเอง ของ พระกริ่งมหาบารมีชุดนี้คับ
    พระ กริ่งมหาบารมีนี้ ถือเป็นพระกริ่งที่ถูกต้องตามตำราการสร้างพระกริ่ง ในตำรับของ สมเด็จพระพนรัตน์ วัดป่าแก้ว หรือมหาเถร คันฉ่อง พระอาจารย์ในสมเด็จพระนเรศวร และได้ตกทอดมาสู่สมเด็จพระสังฆราชแพ และพระองค์ก็ทรงสร้างพระกริ่งจนเป็นสุดยอดจักพรรดิ์พระกริ่งของไทยก็ว่า ได้..นั่นคือ หัวใจพระกริ่ง
    หัวใจ พระกริ่ง หมายความว่า สิ่งสำคัญสุดที่จะขาดเสียมิได้ในการสถาปนาองค์พระกริ่งให้ถูกต้องและสมบูรณ์ แบบ คือ 1.แผ่นพระยันต์ 108 นะปถมัง 14 รวม 122 แผ่น (ยันต์ตามตำหรับวัดสุทัศน์) 2. ฤกษ์ผานาที และการประกอบพิธีภายใต้ราชวัตรฉัตรธงและต้องเททองหน้าพระอุโบสถ์ที่ต้องโยง สายสินญ์จากพระประธานในโบสถลงมาสู่พิธี ฯลฯ และ 3.เนื้อนวโลหะ
    สาม ประการหลักนี้ ถือเป็นหัวใจหลักของพระกริ่งขนานแท้..ที่ทุกวันนี้จะหาการจัดสร้างเอาตาม แบบอย่างดังกล่าวได้น้อยมาก เพราะยุ่งยาก ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าการ " หล่อสำเร็จมาจากโรงงาน"
    โดย เฉพาะเนื้อ นวโลหะ ซึ่งปัจจุบันในการสร้างพระไม่ว่าจะเป็น พระหล่อ พระปั๊ม หรือเหรียญ ก็มักมีการเรียกขานเนื้อโลหะชนิดหนึ่งเพื่อการเปิดจองว่า เนื้อ นวะ แต่โดยความเป็นจริงแล้วการจะทำให้เนื้อ นวะ เป็น นวะโลหะอย่างแท้จริงแล้ว...ยากกกกก คับ และโดยมากก็เป็นการแต่งเนื้อให้ดูสีดำ เป็นพอและบางแห่งก็ใช้วิธีการ "รม" ผิวพระ ซึ่งวิธีนี้พระจะไม่ดำคงทน
    แต่ พระกริ่งมหาบารมี นี้ จะสังเกตุได้ว่า..พระจะมีเพียงเนื้อเดียวคือ .. เนื้อนวโลหะ ถ้ามีเนื้อเงิน เนื้อทองคำ หรืออย่างอื่นโผ่มาขอให้เข้าใจว่า " เก๊ " สถานเดียว สาเหตุที่พระชุดนี้มีเพียงเนื้อเดียวคือ 1.คณะกรรมการฝ่ายดำเนินการจัดสร้างปรารถนาให้พระกริ่งชุดนี้ เป็นไปโดยถูกต้องตามแบบอย่างโบราณจารย์ที่สถาปนาพระกริ่งเพียงเนื้อเดียวคือ นวโลหะ ประการที่ 2 คือ ต้องการให้สานุศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ได้รับเอาวัตถุอันเป็นมงคล เปรี่ยมด้วยพลานุภาพชิ้นนี้ไปสักการะบูชาโดยความเท่าเทียมคือ มาตรฐานเนื้อเดียวกันทั้งหมด ไม่แยก ยากดีมีจน ที่เปรียบดังความเมตตาบารมีขององค์ท่านที่ หาได้เลือกสงเคาะห์ปัดเป่าแต่ศิษย์ด้วยความเหลื่อมล้ำไม่
    ดังนั้น โดปรดจงมั่นใจเถิดคับว่า..ท่านที่ได้รอบครองพระกริ่งมหาบารมี ท่านคือหนึ่งใน 555 องค์ ที่ไม่เป็นสองรองใคร และที่สำคัญการจะผสมผสานเนื้อหาให้กลมกลืนถูกต้องและสวยงามได้นั้น ใช่ว่าผู้ใดจะทำได้ ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ และช่ำชอง เพราะวัสดุโลหะที่ใช้ในการผสม บางอย่างมิใช่ว่าจะหามีได้ง่าย และการส้รางครั้งนี้ก็เช่นกัน คณะกรรมการฯได้รับความกรุณาเป็นอย่างสูงจาก ท่านอาจารย์สุธันย์ สุนทรเสวี (สาธารณสุขจ.สมุทรสาคร)ผู้ชำนาญการสร้างพระกริ่งแถวหน้าของเมืองไทย ที่เป็นที่ยอมรับของเซียนพระกริ่งว่า ท่านเป็นผู้รู้จริงในการสร้างพระกริ่ง ได้ให้ความเมตตาชี้แนะ และยังได้กรุณามอบชนวนมวลสารสำคัญ..ย้ำคับว่า สำคัญ เพื่อมาเป็นชนวนในการหลอมทองชนวนนวะโลหะเพื่อสร้างพระกริ่งครั้งนี้
    ที่ ว่าคำคัญคือ..นอกจากแผ่นชนวนแผ่นทอง ที่คณะกรรมการฯได้รวบรวมกว่า 300 แผ่น ที่ประกอบด้วยพระยันต์ 108 นะปถมัง 14 / แผ่นทองคณาจารย์ทั่วประเทศ อาทิ หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน ลพบุรี หลวงพ่อสารัน วัดดงน้อย หลวงปู่บัว วัดเกาะตะเคียน หลวงปู่คำพัน วัดมหาชัย ตะกรุด หลวงปู่ทองมา วัดสว่างท่าสี ฯลฯ และอีกมากมายเกินจะบรรยายแล้ว หลวงปู่หนูอินทร์ ท่านยังเมตตาแผ่นจารตะกรุดเก่าที่ท่านจารไว้ 1 บาตรพระ(คะเนเองว่าจะมากขนาดไหน) และแท่งชนวนในการหล่อพระทั่วประเทศที่มีผู้มีจิตศรัทธามอบให้ ..ทั้งหมด ...คณะกรรมการได้นำไปขอเมตตาจากพระเกจิอีก 11 องค์เมตตาอธิฐานจิตซ้ำอีกรอบก่อนนำมาหล่อ หากนับเพียงแค่นี้ก็เรียกว่าที่สุดของที่สุดแล้ว
    แต่ ยังไม่พอแค่นั้นคับ..ช่างพิชัยเองก็ดี เมื่อท่านทราบถึงวัตถุประสงค์และความเป็นมาแล้วท่านยังกรุณามอบแท่งชนวน มวลสารที่ได้รวบรวมเอาไว้จากงานเททองต่างฯ นำมามอบให้เป็นชนวนอีก 4 แท่ง..ชนวนที่ว่า หากนับเอาแค่ชนวนวัดสุทัศน์ วัดบวร ที่ผมกล่าวตอนเบื้องต้น หากจะประมวลคุณค่าราคาคงเรียกว่า..หาประมาณมิได้เลยทีเดียวคับ
    นอกจาก นี้อย่างที่ได้กล่าวไว้ตอนต้นว่า..ท่านอาจาารย์สุธันย์ ท่านให้ความกรุณากับการสร้างพระกริ่งชุดนี้มาก เพราะเมื่อเรียนความเป็นมาแก่ท่าน..อาจารย์กล่าวว่า อาจารย์หนูอินทร์ ผมรู้จัก เคารพท่านเป็นครูบาอาจารย์องค์หนึ่ง ผมช่วยเต็มที่...และท่านก็เมตตาอนุเคาระห์อย่างเต็มที่จริงจริงคับ
    สิ่ง แรกที่ท่านมอบให้นับว่าเป็นมหามงคลอันสูงสุดแก่คณะกรรมการตลอดถึงคระศิษย์ พระเดชพระคุณหลวงปู่ คือ แผ่นพระยันต์เนื้อเงินมหาจักพรรดิ์ตราธิราช ที่องค์สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดแผ่พระเมตตาตั้งพระทัยสัตยาธิฐาน และประทานมาเป็นชนวนในการหล่อพระกริ่งมหาบารมี) (ปล.พระยันต์นี้แต่เดิมชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า จักรพรรดิ์ตราธิราช จึงเป็นพระยันต์ที่ใช้สำหรับพระมหากษัตริย์และขุนนางชั้นสูงในกาออกรบทัพจับ ศึก)
    และ แผ่นยันต์เก่าที่ท่านได้ไปขอเมตาครูบาอาจารย์ยุคเก่า อาทิ หลวงปู่ชอบ ฐานสโม หลวงปู่คำดี ปภาโส หลวงปู่หลุย จันทสาโร เป็นต้น และยันต์อื่นอีกนับรวมกว่า20 แผ่น และแร่โลหะตลอดจนแท่งชนวนที่ท่านได้สร้างพระมานับหลายสิบรุ่น เอามาเป็นชนวนครั้งนี้...จะเห็นได้ว่ามาหนักหนา นี้ขนาดย่อนะคับ 555555
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    มากราบหลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร
    เอาฤกษ์ เอาชัย ยามเช้าครับ
     
  15. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    เครดิต คุณ :: ชื่อหนุ่ย นี่หละคัก

    คำสอนของพระผู้เฒ่า

    เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีโอกาสได้ไปกราบ พระเดชพระคุณพระราชศีลโสภิต (หลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร) วันนั้นยังจำได้องค์หลวงปู่ได้ชวนสนทนาในหลายเรื่อง จนมีช่วงจังหวะหนึ่ง ผมถามหลวงปู่ว่า "หลวงปู่ครับ ยันต์ขอคืออีหยังครับ...?" หลวงปู่ยิ้มด้วยความเมตตาแล้วตอบกลับมาว่า "ยันต์ตัวขอ คือยันต์ที่หลวงปู่ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ที่เป็นหมอธรรมฝั่งสกลนครที่ท่านใช้สักให้ลูกศิษย์ในอดีต" ด้วยความที่ไม่รู้ผมจึงถามท่านไปอีกว่า "หลวงปู่ครับยันต์ตัวขอนี่ดีตรงขอหยังกะได้ สมปรารถนาติครับ ไผมีคาถานี่เป็นตาเรียกเงินเรียกคำได้หลายน้อครับ" หลวงปู่ตอบกลับว่า "คนเฮา คั่นบ่ทำมาหากิน คั่นบ่ซื่อสัตย์กะบ่รวยดอก โตบ่ต้องเอาดอกยันต์ตัวขอ โตเอาหัวใจเศรษฐีไป รับรองโตรวยแท้ๆ หัวใจเศรษฐีแท้ๆคือ อุ อา กะ สะ"
    ผมทำหน้างงๆแล้วถามกลับไปว่า "จะเป็นเศรษฐีย้อนคาถา ๔ ตัวนี้บ่ครับ"
    หลวงปู่จึงเมตตาอธิบายขยายหัวข้ออรรถธรรมว่า
    "อุ ย่อมาจากคำว่า อุฏฐานสัมปทา คือ พร้อมด้วยความขยัน หมั่นเพียร ในการประกอบสัมมาอาชีพ บ่ขี้คร้านเฮ็ดเวียกเฮ็ดงาน
    อา ย่อมาจากคำว่า อารักขสัมปทา คือ การเก็บรักษาทรัพย์สินที่ได้มา โดยชอบธรรม
    กะ ย่อมาจากคำว่า กัลยาณมิตตา คือ การคบหาสมาคมกับคนดี มีคุณธรรม มีน้ำใจและเป็นเพื่อนที่ไมาพาไปผลาญทรัพย์
    สะ ย่อมาจากคำว่า สมชีวิตา คือ การใช้จ่ายอย่างประหยัดพอเพียง ใช้ชีวิตสมถะ

    พระพุทธเจ้าสอนให้เฮาเชื่อในวิทยาศาสตร์เด้ ให้เชื่อในหลักเหตุผล เมื่อ ขยันหา รักษาดี มีมิตรแท้ เลี้ยงตัวพอควร ทำยังไงมันก็รวยๆๆ จงจำไว้ว่า ถ้าอยากจะเป็นเศรษฐี ให้ยึดเอาไว้ อุ อา กะ สะ ติดตัวไว้ คาถาได๋กะบ่ดีเท่าบทนี้เด้อ"
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    จะเก็บก็อุ่นใจ..จะใช้ก็ไม่ผิดหวัง
    ชื่อหลวงปู่หนูอินทร์ กิตติสาโร วินาทีนี้น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก เรียกว่าท่านคือสุดยอดพระเกจิแถวหน้าของเมืองไทยในยุคนี้ เพราะกาลเวลาหลายห้วงทศวรรตที่ผ่านมา ถือเป็นบทพิสูจน์ความเข้มขลังแก่กล้าในพุทธาคมของท่านได้เป็นอย่างดี จนเป็นที่กล่าวขานล่ำลือ ทำให้นักนิยมขลัง ทุกผู้ทุกนามเชื่อมั่นลงใจยกให้ท่านเป็น ‪#‎เทพเจ้าแห่งเมืองน้ำดำ‬ ตำนานที่ยังมีลมหายใจ
    ตลอดช่วงระยะเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมาถนนทุกสายต่างมุ่งสู่ ‪#‎วัดป่าพุทธมงคล‬ หรือที่ชาวกาฬสินธุ์เรียกกันติดปากเพราะชินกับชื่อ วัดพุทธคายา เพื่อมาขอพึ่งบารมีธรรมท่าน และท่านก็ได้สงเคราะห์สานุศิษย์ด้วยเมตตาธรรมเสมอมา ทั้งเรื่องของทุกข์ทางกาย ทุกข์ทางใจ และทุกๆเรื่อง ท่านขจัดปัดเป่าให้สิ้น ดังที่ท่านได้เมตตาให้จัดสร้าง ‪#‎พระกริ่งมหาบารมี‬ รุ่นแรกขึ้นเพื่อหาทุนทรัพย์ช่วยเหลือการศึกษาแก่โรงเรียนท่าพระเนาว์ หลวงปู่หนูอินทร์ท่านจึงเปรียบดั่งร่มโพธิ์ใหญ่ ที่แพร่กิ่งก้านปกเกล้าให้ความชุ่มเย็นแก่ศิษย์เสมอมา
    คุณงามความดีท่านนั้นหากจะนำมากล่าวคงเกินบรรยาย ทั้งเรื่องทางโลกและทางธรรมแม้ด้วยวัยก้าวย่างสู่เลข8 ท่านยังคงวัตรปฏิบัติ คือการอุทิศเพื่อพระศาสนาโดยแท้ ด้วยแรงปณิธาน ที่อยากจะให้เกิดศาสนสถานอันที่ตั้งมั่นแห่งศรัทธา รวมใจประชาชน หลวงปู่จึงมีดำริที่จะสร้าง ‪#‎พระมหามณฑป‬ ขึ้นที่วัดป่าพุทธมงคล อันจะเป็นมรดกธรรมที่องค์หลวงปู่ทำไว้เป็นพุทธบูชา ปัจจุบันการก่อสร้างได้ดำเนินไปเรื่อยๆด้วยแรงศรัทธาของพุทธบริษัททั่วสารทิศ
    เป็นธรรมดาการก่อสร้างย่อมต้องใช้ทุนทรัพย์เป็นจำนวนมาก ที่กว่ามหามณทปจะแล้วเสร็จตามเจตนารมณ์
    และด้วยเหตุนี้อาแปะ ประวิทย์ เลิศมงคลตระกูล ‪#‎ศิษย์เอกก้นกุฏิยุคบุกเบิก‬ จึงได้ปราวนาที่จะนำศรัทธาสานุศิษย์ผู้มีความเคารพเลื่อมใสในองค์หลวงปู่หนูอินทร์ร่วมสร้างบารมีครั้งสำคัญนี้ และกราบเรียนขอเมตตาอนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคลเหรียญ ‪#‎มหาบารมี๗๙‬ ขึ้นเพื่อเป็นรอยจารึกประวัติศาสตร์งานบุญอันยิ่งใหญ่ เป็นที่ระลึก ตอบบุญ แทนคุณ แก่ผู้ร่วมบริจาคสมทบทุนสร้าง เรียกว่าใครพลาดวัตถุมงคลชิ้นนี้ ท่านจะนึกเสียดายทีหลังแน่นอน
    หากนึกถึงหลวงปู่ทิม มักจะนึกถึงอาจารย์ชินพร ผู้เป็นศิษย์คู่บารมีที่สร้างตำนานวัดระหารไร่อันโด่งดัง... แต่ถ้านึกถึง หลวงปู่หนูอินทร์ แล้วล่ะก็จะต้องนึกถึงอาแปะประวิทย์ !!
    อาแปะประวิทย์ ได้ชื่อว่าเป็นศิษย์ที่เคียงคู่กับหลวงปู่หนูอินทร์ยุคบุกเบิก นับตั้งแต่เริ่มสร้างวัด ร่วมเดินทางกับหลวงปู่ไปแทบทุกที่ แม้แต่การหามวลสารและร่วมสร้างพระสร้างเครื่องรางในยุคต้นๆ ต้นขนาดไหน? ขนาดที่จุดตะเกียงทำกันเลยทีเดียว นับแต่ปี2509 เป็นต้นมา จนเป็นที่สร้างชื่อให้แก่หลวงปู่มาตราบจบปัจจุบัน ท่านถือเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ที่เปรียบดังจดหมายเหตุ ตำนานของหลวงปู่หนูอินทร์ได้อย่างไร้ข้อกังขา
    พระสวยทำไม่อยาก .. แต่พระสวยและขลังทำยากคับ !
    ‪#‎ที่กล้าบอกว่าสวย‬ เพราะได้ช่างแกะบล็อคมือหนึ่งของประเทศในยุคนี้อย่าง ช่างภิ เป็นผู้รังสรรค์งานชิ้นนี้ขึ้นอย่างพิถีพิถัน จนออกมาเป็นที่พอใจของคณะทำงานภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของ เฮียเอียง กาฬสินธุ์ มือวางอันดับหนึ่งสายหลวงปู่หนูอิทร์ และ ป๋าฟอร์ด บ้านบ่อ ศิษย์ผู้มีศรัทธาอันเต็มเปรี่ยมต่อหลวงปู่ ที่ถือเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงขับเคลื่อนงานอย่างใส่ใจเพื่อให้งานนี้ออกมาไม่ผิดหวังสำหรับหลายๆคนที่รอคอย
    ‪#‎และที่บอกว่าขลัง‬ นี้สำคัญ
    เพราะเหรียญรุ่นนี้คือลมหายใจของตำนาน #พระกริ่งมหาบารมี ที่ได้นำเอาชนวนไปผสมลงในเนื้อเหรียญ คงไม่กล้านำเอาพระกริ่งนี้ ไปเทียบกับพระกริ่งเบอร์ต้นๆของไทยอย่างพระกริ่งวัดสุทัศน์ฯ หรือ พระกริ่งชินบัญชรหลวงปู่ทิม ที่ราคาหลักล้าน
    แต่ก็ได้นำเอาหลักตำราการสร้างตลอดจนแบบแผนพิธีการ มาเพื่อสถาปนาพระกริ่งชุดนี้ อย่างที่เรียกว่าสมบูรณ์แบบที่สุดรุ่นหนึ่งของพระใหม่ นับตั้งแต่ฤกษ์ผานาที พิธีกรรม ตลอดจนแผ่นพระยันต์กว่า 300 แผ่น และชนวนต่างๆอีกนับร้อยรายการ ถูกบรรจงหล่อมลงสู่เบ้าและเททองด้วยมือของหลวงปู่เองภายในวัดจนเสร็จพิธี
    หลายๆคนที่ร่วมอยู่ในพิธี หรือเห็นจากภาพที่ถูกเผยแพร่ออกไป ต่างกล่าวขานยกให้เป็น ‪#‎พระกริ่งชินบัญชรแห่งเมืองน้ำดำ‬ และตามหามาเก็บไว้บูชาเป็นสมบัติส่วนตัวอย่างเงียบๆ แทบไม่มีการเปลี่ยนมือออกสู่ภายนอกเลย เพราะทุกคนต่างก็ตระหนักดีว่า นี่คือพระกริ่งที่กำเนิดขึ้นโดยสมบูรณ์ ตามแบบโบราณจารย์ทุกประการที่ถือเป็น ‪#‎จักรพรรดิ์แห่งพระเครื่อง‬ อันมีค่าควรเมือง ไม่ใช่พระกริ่งโรงงาน ที่สะดวกทำอย่างในปัจจุบันที่เป็นพระกริ่งแต่เพียงรูปลักษณะเท่านั้น และต่อไปคงต้องแลกมาด้วยเงินหลายอัฐอย่างแน่นอน ผู้รู้ความเป็นมาทีหลังก็อยากได้ไว้ครอบครอง แม้มูลค่าราคาไม่มากมายนัก แต่ก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ เพราะจำนวนที่จำกัด มีน้อยมากเมื่อเทียบกับกลุ่มศิษย์
    ท่านใดที่กำลังมองหาพระกริ่งมหาบารมีเอาไว้บูชา แต่ติดที่หายังไม่ได้ เหรียญรุ่นนี้ตอบโจทย์อย่างตรงจุด เพราะถือเป็นครั้งแรก รุ่นแรก และรุ่นเดียว ที่จะมีการนำชนวนพระกริ่งและชนวนอื่นๆมาสร้างเหรียญ ให้พระชุดนี้ ‪#‎ดีที่สุด‬ คือดีนอก และดีใน นอกจากจะได้เหรียญที่สวยและขลังไว้บูชาแล้วท่านยังได้ทำบุญกับหลวงปู่อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
    รอเวลาอีกนิด ฟังเสียงนกหวีดเปิดจองเมื่อไหร่ รีบหามาไว้บูชาสักเหรียญยังดีคับ เพราะนอกจากจะสร้างดีแล้ว ทราบมาว่ายังได้รับแรงสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ของวงการพระเครื่องอย่างป๋ายับ พยับ คำพันธุ์ และเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการฯ ให้การสนับสนุนเพราะเห็นว่า ‪#‎เจตนาดี‬ รู้อย่างนี้แล้วอย่าได้ช้านะคับ เพราะพระชุดนี้กระซิบดังๆแบบไม่อายว่า
    " จะเก็บก็อุ่นใจ จะใช้ก็ไม่ผิดหวัง "
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +821
    ที่วัดยังมีให้ทำบุญไหมครับ ขอที่อยู่วัดได้มั้ยครับ
     
  18. worasakphet

    worasakphet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2013
    โพสต์:
    188
    ค่าพลัง:
    +624
    ขอแชร์ประสบการณ์ตรงครับ ผมรู้จักหลวงปู่โดยคำชี้แนะจากท่านเจ้าของกระทู้ จึงมีโอกาสได้ไปกราบท่าน โดยในจังหวะที่ไปกราบนั้้นผมได้รวบรวมเหรียญนับประคำไว้ชุดนึง จึงนิมนต์ให้ท่านจารเหรียญให้ ท่านมีความเมตตาสูงครับ จึงจารเหรียญให้ผม พอจารย์เสร็จ ท่านจึงยกมือขึ้น และปลุกเสกช้ำ โดยในขณะที่ปลุกเสกนั้น จู่ๆไฟก็ตกและดับ ช่างเป็นจังหวะเดียวกันที่ท่านหลับตาและภาวนาพอดี ผมกับคณะที่ไป ได้แต่อึ้งและมองหน้ากัน
     
  19. เพลิงภูมิ

    เพลิงภูมิ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    280
    ค่าพลัง:
    +1,120
    ยังมีครับ และผมก็อยากให้ไปที่วัดเลยครับ ได้ไปกราบ ได้ไปสัมผัส ตัวจริงหลวงปู่ครับ

    วัดอยู่ในตัวเมืองกาฬสินธุ์เลยครับ วิ่งเส้นบายพาส เลี่ยงเมือง เจอสี่แยกไฟแดงแรกเลี้ยวซ้าย ไปอีกไม่เกิน 5 km ครับ ถามคนแถวนั้นรู้จักทุกคนครับ
     
  20. ลืมจัง

    ลืมจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    326
    ค่าพลัง:
    +821
    :cool::cool:
    :cool::cool:chearrchearrchearr;41
     

แชร์หน้านี้

Loading...