“พระพุทธรูปลอยน้ำ” เรื่องจริงที่เล่าไม่หมด

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย chaokhun, 10 กรกฎาคม 2015.

  1. chaokhun

    chaokhun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +5,701
    ในตำนานเกี่ยวกับพระพุทธรูปที่เล่ากันมา มีพระพุทธรูปอยู่ ๓ องค์ที่ลอยน้ำมา ก่อนจะถูกอัญเชิญขึ้นประดิษฐานที่วัดในขณะนี้ บางตำนานก็ว่ามีถึง ๕ องค์ หลายคนเชื่อกันว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่อีกหลายคนวินิจฉัยใคร่ครวญแล้ว ก็เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง แต่เล่าไม่หมด

    องค์แรกที่ขึ้นบกก่อนองค์อื่น ก็คือ “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม” เล่ากันว่าท่านลอยมาตามลำน้ำแม่กลองแล้วออกไปจมอยู่ปากอ่าว ชาวบ้านไปตีอวนติดพระพุทธรูปยืนอุ้มบาตรขนาดเท่าคนจริงขึ้นมา จึงนำไปประดิษฐานไว้ที่วัดบ้านแหลม ริมฝั่งแม่กลองในอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม เลยเรียกกันว่า “หลวงพ่อวัดบ้านแหลม”

    ท่านเจ้าคุณพระธรรมปิฎก (สนิท เขมจารี) อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแหลม ได้เขียนไว้ในประวัติหลวงพ่อบ้านแหลมตอนหนึ่งว่า

    “ตามสันนิษฐานของข้าพเจ้าเห็นว่า ประวัติหลวงพ่อนั้นในขั้นต้นลอยน้ำมาตามข่าวลือ แต่มิใช่ท่านลอยน้ำมาตามลำพัง คงมีผู้อัญเชิญมาบนเรือจากที่แห่งหนึ่งเพื่อนำไปประดิษฐานไว้ในที่แห่งหนึ่ง และ ต้องผ่านมาทางทะเล เพราะสมัยนั้นการคมนาคมทางบกไม่สะดวก และเป็นของหนักจึงต้องนำท่านบรรทุกเรือมาทางน้ำ ในขณะเรือผ่านมานั้นน่าจะมีบางวัดนิมนต์ท่านไว้สักการบูชาที่วัด แต่ไม่สำเร็จเพราะผู้นำมาไม่ยอมถวาย จึงเล่าลือว่าท่านไม่ยอมขึ้นอยู่ในวัดใดทั้งสิ้น เว้นแต่วัดบ้านแหลม ขณะที่นำผ่านทางทะเลไปนั้น เรือคงอับปางลงและเหลือวิสัยที่จะงมท่านขึ้นมาได้...”

    องค์ที่ขึ้นบกต่อจากหลวงพ่อวัดบ้านแหลม ก็คือ หลวงพ่อพุทธโสธร ซึ่งเล่ากันว่าท่านลอยๆจมๆมาตามกระแสน้ำในแม่น้ำบางปะกง แล้วมาโผล่ที่หน้าวัดโสธร ซึ่งตอนนั้นยังมีชื่อว่า “วัดหงส์” อาจารย์ไสยศาสตร์ท่านหนึ่งได้ตั้งศาลเพียงตาบวงสรวง แล้วใช้สายสิญจน์คล้องพระหัตถ์อัญเชิญขึ้นบนฝั่ง นำไปประดิษฐานไว้ในวิหาร

    หลวงพ่อพุทธโสธรเป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้างเพียงศอกเศษ มีพุทธลักษณะที่งดงามมาก ทั้งพระหัตถ์ พระเนตร ตลอดจนพระกรรณ เป็นลักษณะเฉพาะที่สร้างกันในหลวงพระบางและเวียงจันทน์ ซึ่งเรียกกันว่า “พระลาว” สันนิษฐานว่าน่าจะมาจากลาว

    เมื่อคราวรัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสเมืองฉะเชิงเทราใน พ.ศ.๒๔๕๑ ได้ทอดพระเนตรหลวงพ่อพุทธโสธร ซึ่งตอนนั้นยังเอวเล็กเอวบาง ทรงพระราชนิพนธ์ลักษณะไว้ว่า

    “...ดูรูปตักและเอวบาง เป็นทำนองเดียวกับพระพุทธรูปเทวปฏิมากร...”
    พระพุทธรูปเทวปฏิมากร ก็คือพระประธานในพระอุโบสถวัดพระเชตุพน ที่มีพุทธลักษณะงดงามมากองค์หนึ่ง

    เมื่อข่าวคราวความงดงามของหลวงพ่อโสธรแพร่ออกไป พระสงฆ์ที่วัดหงส์เกรงว่าจะมีโจรใจบาปมาขโมย จึงนำปูนมาพอกจนกลายเป็นหน้าตักกว้าง ๓ ศอก ๕ นิ้ว ที่พระศอก็พอกจนหนากันถูกตัดพระเศียร แล้วปิดทองทับ หลวงพ่อโสธรที่เห็นเทอะทะในวันนี้ องค์เดิมที่อยู่ภายในเอวบางงดงาม

    องค์ที่ขึ้นบกหลังสุด กลับเป็นองค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด คือ “หลวงพ่อโต” วัดบางพลีใหญ่ใน อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ

    ตามตำนานกล่าวว่า หลวงพ่อโตลอยน้ำมาตามแม่น้ำเจ้าพระยา ปรากฏให้คนเห็นที่ตำบลหนึ่งในกรุงเทพฯ มีคนถึงสามแสนมาช่วยกันฉุดให้ท่านขึ้นบก แต่ท่านก็ไม่ยอมขึ้น ผลุบจมน้ำหายไป ตำบลนั้นเลยเรียกกันว่า “บางสามแสน” ต่อมาก็เพี้ยนเป็น “สามเสน” ในปัจจุบัน

    หลวงพ่อมาโผล่อีกทีที่ปากคลองสำโรง ชาวบ้านกลัวว่าท่านจะจมหายไปอีกเลยผูกแพเสริม แล้วจูงท่านเข้ามาในคลอง อธิษฐานกันว่าถ้าท่านต้องการจะขึ้นบกตรงไหนก็ขอให้ท่านหยุดตรงนั้น ท่านลอยมาถึงหน้าวัดพลับพลาชัยชนะสงครามก็หยุด ชาวบ้านที่พายเรือตามมาเป็นร้อยจึงอัญเชิญท่านขึ้นฝั่ง

    ตอนที่จะอัญเชิญท่านเข้าประดิษฐานในวิหารนั้น ปรากฏว่าองค์ท่านใหญ่กว่าประตู เลยต้องใช้วิธีรื้อหลังคาแล้วยกข้ามฝาผนังเข้าไป ต่อมาเห็นว่าวิหารเก่าเล็กมาก จึงสร้างวิหารใหม่ติดกับวิหารเก่าให้ท่าน และประดิษฐานมาจนถึงทุกวันนี้

    วัดพลับพลาชัยชนะสงครามสร้างมาในสมัยกรุงศรีอยุธยา มีประวัติว่าสมเด็จพระนเรศวรมหาราชเสด็จไปตีเมืองเขมรตามคลองสำโรง ซึ่งเป็นคลองขุดมาตั้งแต่สมัยขอมเรืองอำนาจ ทรงพักไพร่พลที่ตำบลหนึ่งไม่ปรากฏนาม และทรงอธิษฐานไว้ เมื่อชนะศึกกลับมาจึงทรงสร้างพลับพลาขึ้น ณ ที่นั้น พระราชทานนามว่า พลับพลาชัยชนะสงคราม ต่อมาชาวบ้านได้สร้างวัดขึ้นที่พลับพลานี้ เรียกกันว่าวัดพลับพลาชัยชนะสงคราม ส่วนตำบลที่ทำพิธีพลีกรรมก็เรียกว่า “บางพลี” ต่อมาวัดพลับพลาชัยชนะสงครามที่เรียกยาก ก็ถูกเรียกว่า “วัดบางพลี” ไปด้วย ภายหลังบางพลีมีวัดมาก วัดนี้เลยได้ชื่อให้ชัดขึ้นว่า “วัดบางพลีใหญ่ใน”

    ส่วนตำนานที่กล่าวว่ามี ๕ องค์นั้น ได้รวมเอาหลวงพ่อวัดเขาตะเครา และหลวงพ่อวัดไร่ขิงเข้าด้วย

    กล่าวกันว่า หลวงพ่อวัดเขาตะเคราลอยน้ำมา แล้วไปจมที่ปากแม่น้ำแม่กลองเช่นเดียวกับหลวงพ่อบ้านแหลม เมื่อชาวบ้านตีอวนได้ขึ้นมาอีกองค์ จึงเอาไปให้ญาติพี่น้องที่บ้านแหลมเมืองเพชร ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมก่อนอพยพหนีพม่ามาสร้างบ้านแหลมใหม่ที่สมุทรสงคราม นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดเขาตะเครา ตำบลบางครก อำเภอบ้านแหลม จังหวัดเพชรบุรี

    ส่วนองค์ที่ ๕ คือ “หลวงพ่อวัดไร่ขิง” อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ที่ว่าลอยน้ำมาตามแม่น้ำนครไชยศรี และถูกอัญเชิญขึ้นไว้ที่วัดไร่ขิงซึ่งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ

    หลวงพ่อวัดไร่ขิงเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๒ นิ้ว สูง ๔ ศอก ๒๖ นิ้ว พุทธศิลปน่าจะเป็นพระพุทธรูปที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย

    ตามประวัติวัดไร่ขิงสร้างขึ้นใน พ.ศ.๒๓๙๔ โดยสมเด็จพุฒาจารย์ (พุก) วัดศาลาปูน อยุธยา ซึ่งถือกำเนิดที่อำเภอนครชัยศรี เห็นว่าแถบถิ่นเกิดของท่านยังไม่มีวัดที่มีหน้ามีตาเป็นศรีสง่า จึงได้ร่วมกับชาวบ้านสร้างวัดขึ้น ให้ชื่อว่า “วัดไร่ขิง” ตามชื่อตำบล นักโบราณคดีบางท่านสันนิษฐานว่า น่าจะมีการชะลอหลวงพ่อวัดไร่ขิงลงแพมาจากอยุธยา ล่องมาตามแม่น้ำนครชัยศรี นำมาเป็นพระประธาน

    พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนเป็นโลหะหนัก คนรุ่นใหม่คงยอมรับไม่ได้ว่าท่านลอยน้ำได้ แต่ถ้าพิจารณาใคร่ครวญแล้ว ก็น่าเชื่อว่าท่านลอยน้ำมาจริงๆ เพราะสมัยกรุงศรีอยุธยาแตกใน พ.ศ.๒๓๑๐ คนไทยที่ต้องหนีเอาชีวิตรอด ยังห่วงพระพุทธรูปที่เคารพนับถือกลัวว่าจะถูกพม่าเผาทำลาย ครั้นจะแบกท่านหนีหรือฝังดินไว้แบบฝังสมบัติก็คงไม่ไหว จึงต่อแพเอาท่านซ่อนไว้ข้างใต้ แล้วปล่อยลอยน้ำไหลลงไปทางใต้ ให้พ้นเงื้อมมือของคนใจบาปหยาบช้า ท่านคงลอยน้ำมาด้วยวิธีนี้

    คนไทยเรานับถือสิ่งใดก็อยากให้สิ่งนั้นเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะว่าหลอกกันก็ไม่ใช่ เพียงแต่เล่าไม่หมดเท่านั้นเอง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Despel2ado

    Despel2ado Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2010
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +72
    แต่ละวัด คนเยอะมากครับ บางวัดได้แค่ยกมือไหว้สักการะนอกกำแพงวัด เลยทีเดียว
     
  3. noawarat pakdee

    noawarat pakdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +682
    ประวัติหลวงพ่อธรรมจักร[B] หลวงพ่อธรรมจักร เป็นพระพุทธรูปคู่เมืองชัยนาท มาแต่โบราณ ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารวัดธรรมามูล ต.ธรรมมูล อ.เมือง จ.ชัยนาท เป็นศิลปะประยุกต์ ช่วงสมัยเชียงแสนตอนปลาย ถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับ สมัยอยุธยา พุทธลักษณะ เป็นพระพุทธรูปปางห้ามญาติ ประทับยืนบนฐานรูปดอกบัว พระหัตถ์ขวาทรงยกขึ้นเสมอพระอุระหันพระพักตร์ไปทางทิศเหนือ สูงประมาณ 4.50 เมตร กลางฝ่าพระหัตถ์ มีรอย "ธรรมจักร" ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 นิ้ว ซึ่งเป็นที่มาของชื่อพระพุทธรูปองค์นี้

    ประวัติ หลวงพ่อธรรมจักร นั้นปัจจุบันยังไม่พบหลักฐานแน่ชัด มีเพียงตำนาน เล่าสืบกันมาแต่โบราณว่า ... มีผู้พบพระพุทธรูปลอยน้ำตามแม่น้ำเจ้าพระยามาพร้อมกัน 3 องค์ ได้แก่ หลวงพ่อโสธร (วัดโสธรวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา) หลวงพ่อวัดบ้านแหลม (วัดบ้านแหลม จ.สมุทรสงคราม) และหลวงพ่อธรรมจักร (วัดธรรมามูลวรวิหาร จ.ชัยนาท) บ้างกล่าวว่ามี พระพุทธรูปอีกองค์หนึ่ง คือ หลวงพ่อวัดไร่ขิง ลอยน้ำตามมาด้วยแต่สำหรับ หลวงพ่อธรรมจักรนั้น เมื่อลอยมาถึงบริเวณหน้าวัดธรรมามูล ปรากฎว่า ได้ลอยวนเวียนอยู่ พระภิกษุและชาวบ้าน จึงได้ทำพิธีอัญเชิญขึ้นมาประดิษฐานที่วัด โดยนำเชือกพร้อมด้ายสายสิญจน์ผูกกับพระพุทธรูป แต่ไม่สามารถ ดึงขึ้นมาได้ จนกระทั่งตกเย็นจึงแยกย้ายกันกลับ แต่ปรากฏว่า ในขณะนั้นได้มีผู้พบเห็นพระพุทธรูปองค์ที่ลอยน้ำมานั้น ได้มาประดิษฐานปิดขวางทางเข้าประตูวิหาร วัดธรรมามูล ซึ่งอยู่ที่บริเวณไหล่เขา จึงได้เรียกชาวบ้านที่อยู่ด้านหลังให้ขึ้นไปดู ซึ่งทำให้เกิดความแปลกใจ และความศรัทธาต่อองค์หลวงพ่อธรรมจักร จึงร่วมกันต่อเติมพระวิหารออกมาอีกหนึ่งช่วง รวมเป็น 3 ช่วง จากคำบอกเล่า เมื่อองค์หลวงพ่อประดิษฐานอยู่ได้ 3 วัน ก็ได้หายไปจากพระวิหาร และกลับมาประดิษฐานดังเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งมีโคลน และจอกแหนติดเปื้อนมาด้วย ชาวบ้านจึงนำโซ่มาผูกไว้ เพื่อไม่ให้หลวงพ่อหายไปอีก ต่อมามีชายต่างถิ่นล่องแพมาจากทางเหนือ เพื่อตามหาพระพุทธรูป เมื่อมาถึง วัดธรรมามูล จึงได้พระพุทธรูปที่กำลังตามหาอยู่ ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ ชายผู้นั้นจึงได้อาศัยนอนอยู่ที่วัด เพื่อรอเวลาอัญเชิญองค์พลวงพ่อกลับไปประดิษฐาน ณ วัดเดิมในเวลาเช้าแต่กลับฝันว่า หลวงพ่อไม่ขอกลับ แต่จะขออยู่ที่วัดธรรมามูลวรวิหาร ครั้นรุ่งเช้า เขาจึงลาท่านสมภารเพื่อเดินทางกลับบ้าน และได้ขอถอดเอา "จักร" ที่ฝ่าพระหัตถ์องค์หลวงพ่อกลับไป นับแต่นั้นมาหลวงพ่อก็ไม่หายไปไหนอีกเลย ชาวบ้านจึงได้นำโซ่ออกและได้ร่วมกันสร้าง "จักร" ขึ้นมาใหม่ โดยจัดงานสมโภชกันต่อเนื่องทุกปีจนถึงทุกวันนี้ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ได้มีชาวบ้านมากมายเดินทางมานมัสการ หลวงพ่อธรรมจักร ไม่ขาดระยะ

    ในสมัย ร.ศ.120, ร.ศ.125 และ ร.ศ.127 สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาทรงสักการะหลวงพ่อถึง 3 ครั้ง ดังมีข้อความปรากฎในหนังสือประวัติศาสตร์ ประพาสต้น มีพระราชหัตถเลขา ฉบับที่ 8 เดือนตุลาคม ร.ศ.120 ถึง กรมหลวงเทวะวงษ์วโรปการ ความว่า " เวลาเช้า 3 โมงเศษ ถึง ธรรมามูล ขึ้นเขา มีราษฎร อยู่มาก พระวิหารใหญ่หลังคาพังทลายลงทั้งแถบ จำเป็นต้องปฏิสังขรณ์ เมื่อมนัสการพระแจกเสมาราษฎร แล้วลงเรือเดินทางต่อมาอีก" ส่วน พระราชหัตถ์เลขา ฉบับลงวันที่ 9 สิงหาคม ร.ศ.125 ทางบันทึกว่า "บ่ายสองโมงได้ออกเรือแวะที่โรงทหาร ( ที่ตั้งศาลากลางปจจุบัน ) ขึ้นตรวจแถว กลับจากโรงทหาร ขึ้นมาถึง เขาธรรมมูล 4 โมงครึ่ง ข้ามไปถ่ายรูปที่หาดตรงข้ามจนเย็น จึงเข้าเรื่ยรายปฏิสังขรณ์ศาลา และพระวิหารขึ้นใหม่" อนึ่งในการที่ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จมานั้นสันนิษฐานว่า สมเด็จพระศรีพัชรินทรา บรมราชินีนาถ พระพันปีหลวง ตามเสด็จมาด้วยโดยพบแผ่นจารึกหินอ่อน ทีด้านบนเสาต้นกลาง ของซุ้มบันได ที่ติดกับลานพระวิหาร หลวงพ่อธรรมจักร จารึกเกี่ยวกับ วัน เดือน ปี ขนาด ของบันได้ และบุคคลที่ร่วมบริจาค โดยปรากฎพระนามของพระองค์เป็นพระนามแรก ซึ่งทรงบริจาคจำนวน 200 บาท บุคคลที่สำคัญอีกท่านหนึ่งที่ได้เสด็จมามนัสการ หลวงพ่อธรรมจักร คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ โดยมีพระนิพนธ์ไว้ในหนังสือสาสน์สมเด็จ ลงวันที่ 12 กราคม พ.ศ.2481 เป็นลายพระหัตถ์ที่ทรงมีถึง สมเด็จเจ้าฟ้า กรมพระยานริศรานถวัตติวงศ์ ความตอนหนึ่งว่า " เมื่อปีแรก หม่อมฉันเป็นเสนาบดีกระทรวงมหาดไทยใน พ.ศ.2453 ขึ้นไปตรวจราชการหัวเมืองเหนือเมื่อฤดูน้ำ ได้พระราชทานกฐินหลวงไปทอดที่ วัดธรรมมูลด้วย หม่อมฉันไปพักแรมอยู่ที่เมืองชัยนาท รุ่งเช้าออกจากเมืองชัยนาท ขึ้นไปบนเขาธรรมมูล " งานประเพณีนมัสการ หลวงพ่อธรรมจักร อันเป็นงานประจำปีนั้น ทางวัดได้กำหนดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ในเดือน 6 ระหว่างวันขึ้น 4-8 ค่ำ และในเดือน 11 ระหว่างแรม 4-8 ค่ำ รวมครั้งละ 5 วัน 5 คืน ในงานมีมหรสพสมโภชตามประเพณีนิยมทั่วไป ในอดีต เมื่อมีงานนมัสการคราวใด จะต้องมีงานแข่งเรือในลำน้ำหน้าวัดด้วย แต่ประเพณีนี้ได้ล้มเลิกไปเมื่อประมาณปี พ.ศ.2505 นอกจากนี้ทุกวันแรม 11 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ทางวัดได้จัดให้มีประเพณีตักบาตรเทโวอีกด้วย การเดินทางมานมัสการองค์ หลวงพ่อธรรมจักร สามารถเดินทางได้โดยรถยนต์ ตามถนนพหลโยธินสายเก่า ชัยนาท-นครสวรรค์ เลยจากสี่แยกแขวงการทาง จ.ชัยนาท ประมาณ 8 กิโลเมตร ก็สามารถเห็นเขาธรรมมูล อยู่ทางซ้ายมือโดยมีป้ายชื่อวัดแสดงอยู่ ให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนข้ามเขาอีกประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงวัด ให้จอดรถไว้บริเวณที่ที่วัดจัดไว้สำหรับจอดรถ จะอยู่บริเวณเชิงเขา แล้วจึงเดินขึ้นบันไดไปอีกระยะหนึ่งก็จะถึงพระวิหารที่ประดิษฐานหลวงพ่อธรรมจักร บริเวณวัดสามารถชมวิวทิวทัศน์ด้านล่างได้นับว่าวัดธรรมามูลเป็นวัดที่สงบร่มเย็นสวยงามมากวัดหนึ่งของ จ.ชัยนาท
    พอดีดิฉันเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ อ.ตาคลี จะมีโอกาสได้ไปสักการะ องค์หลวงพ่อธรรมจักร ที่ธรรมมูญ จังหวัดชัยนาท ซึ่งถ้าจะไปวัด ปากคลองมะขามเฒ่า ท่านจะประสงค์จะไปกราบพระ หลวงปู่ศุก ท่านจะต้องผ่านวัดนี้ก่อน ซึ่งจะอยู่บนเขา ไม่สูงเท่าไร รถสามารถวิ่งขึ้นไปได้
    แต่ดิฉันสงสัยอยู่ว่า จริงๆแล้วตามประวัติที่ท่าน จขกท.ได้อ้างอิงมานั้น ทำไมจึงไม่มีองค์ หลวงพ่อธรรมจักรร่วมอยู่ด้วย แต่พอได้ศึกษาประวัติหลวงพ่อธรรมจักร ทำไมประวัติท่านจึงได้ลอยตามน้ำมา พร้อมองค์หลวงพ่อโสธร และหลวงพ่อ วัดไร่ขิง และรู้สึกว่า องค์หลวงพ่อธรรมจักรนั้น ผู้คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยรู้จัก หรือไม่ถูกกล่าวขาน แต่องค์ยังคงมีความศักดิฺสิทธิ์เช่นเดี่ยวกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆค่ะ ดิฉันแค่สงสัยเฉยๆไม่มีอะไรแอบแฝง ใจจริงก็อยากให้ผู้คนได้รู้จักเช่นเดียวกันกับพระพุทธรูปองค์อื่นๆ โดยส่วนตัว ศรัทธาทุกๆองค์ค่ะ
    [/B]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 กรกฎาคม 2015
  4. noawarat pakdee

    noawarat pakdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +682
    data:image/jpeg;base64,/9j/4AAQSkZJRgABAQAAAQABAAD/2wCEAAkGBwgHBgkIBwgKCgkLDRYPDQwMDRsUFRAWIB0iIiAdHx8kKDQsJCYxJx8fLT0tMTU3Ojo6Iys/RD84QzQ5OjcBCgoKDQwNGg8PGjclHyU3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3Nzc3N//AABEIAGAASAMBIgACEQEDEQH/xAAbAAABBQEBAAAAAAAAAAAAAAABAAMEBQYCB//EADgQAAIBAwIEAwQJAwUBAAAAAAECAwAEERIhBTFBUQYTYSJxgbEjMjORocHR4fAVQ2JCUnKS8RT/xAAbAQABBQEBAAAAAAAAAAAAAAAEAQIDBQYAB//EACYRAAICAQMDAwUAAAAAAAAAAAABAgMEBREhEjFRIjJBE2GhsfD/2gAMAwEAAhEDEQA/APO6VKlVQeiipyCJ5544YhmSRgijuScCp3BOCX/HLloOHxBii65HdtKRr3Y9KuIPC97wzidtML7hrmCZJNQlOn2SD/qAzypyi3yC35dNW6lJJldccPsBxG44bbyztNCHUXDEeXJIgOoBcZA2IByfdvVPWn/oM1tLeTi6hll0v5LGRQH1DBJJ67nb8RUO38M3U5AN3YRsejTasf8AUGnSg/hAeNn089Vm/bv5+SjpVaca4Hd8HZDPpkhk+pNFkqT29D6VWVG013LOuyFkeqD3QqFGhSEiFVhwbhFzxi5aK3CrHGNc08hwkK92P5cz0qBWp8JXbycNvuHed5UYZbnI7/U39AWU0+CTlswPOunRRKyC5RordoLG0/pnCQws09uSUjDXLctbenZeg9akSmK3UhyGGBjfOqmbaye5lSMqywEhN2wuB1JHMkdqfv5WtJ4Z7ZPsW1JpPXBAO/rg0YYic5Tk5Se7YxcWy2kNtNMG+kLM0TWzrpB/yIwdlHuzTscSTRCSNAANxgYqdxviUhSCa1mkRdPmxMHJzkLpB75z15461HtV02C6vYZzlVY5PcDPU1w1lfeANbSW08TT2cv2kaABlPRkPRhWH4xwmbhkiZYTW8u8Nwowr9xjow6j5jBrfFWCJ5h1OF9thy1VS+JJ1g8PPCxDG6mUxqd9OnOWHY8x8ajsgmty10rLsquVa5Un/MxdCjQoQ2CFVx4Ycrd3Kj+5auh+OPzxVPV54Wi1TzyE7YSP4lgfkhp8PcgLUJJYs9/Bt+HzKiAuxxCpBIHXlgdv2p4oZov/AKLlxHZkZ8yMB2CnqVyMAb79K5uI4DZxxxjyokydIHM578//AGojTt/TksfpzMwaGMAexpLEb9NhRhhybdcCto3ihXipkhQ6gghJ0jmMsDyFcuIhLAxmEoCF4WVcBxjG4/Q05xm1jisHs7ebPlKA7nB1kAd+fKq65dZprL2THE1mqIVHIgYI94wPvpTh2cK2rc8zgmsn4ukJi4ZGPqLCSPecZrTz5LlR7PvOcVmPE0ebCwlA2R5YmPrnb8KZb7WWGlNLLhv9/wBGdoUaFBG1Qa13haIRcPSVhgvKz5/xAAH46qyFbrhYSHg1iqvpbysliORZi351NSvUUutz6cZR8st/NLIWCOvMDUMZA603YMs/EII5ySgEwULz1bEH7jXECqyOyMfKRMAdWZuv87Uza5S5t5h0utJ+KAUUZMnQtE1wyeazxqgZQRtnY4x0qK20NxGW9iORniYL9Rhuy7dN/wAfSnQ+eJ3Dahsg5ADtUZJFSyLkK8kzO0evmo3GfwAz60gp00wbBwBgAdAaqOMQ+dwi+QAkwyJOvuJ0n51PjOIxy22xTFwoaO7Qn7a1dSPUDI+VdJbolx7Pp2xn4aMRSo0KAPQEGtzwRkuOC2RONceUwRkDST+WKw1W3h/iYspWimOIpDkN/tbGM+79qlqltIq9Wx5X4/p7rk188nlqsadznP8AO1RRKyRI+2kXWwJOfqpvXMkyyx+xIjHuDkUxNMhhijLAMjaivqTyHwAosxpOaVlurtyoyFG2fSmnUpa22G3VGBOeZPtULplLXeQ4ZuQ0kfecfzNcyMNHl89AUgD3YpBQrud8aSux5EmmryQIskhGBHA7b+7HzNKJtKqCy+z0/eqzxFd6YhbeYWllAaTbGFHIfE7/AArpPZbk+NRK+2Na+TOilRoUCb1Co0KVccWfDOJG2Ail3iJ5gbr+tX0MsQcOyN5Uoysigkj3YO+ax9SbS/ubTIhkIQ80O6n4VLC3bhlLn6TG59dXEvwzYJLZLhmScnctpTBPYc/vPXsKYYvdS+VaQkrGMMzHSvqWycD+c6qE4xbPHmeCUMvJUfY/pUK+4pPdr5W0UA5RJsPj3NSu2K5KmnScmc9pLpXktL3iNtZZS3lW7uh/cA+ij/49SfX5dc/LI80jSSsWdjlmPU1xSoeU3LuaTEwqsWO0O/kNCjQpgaj/2Q==
    รูปองค์หลวงพ่อธรรมจักรค่ะ
     
  5. noawarat pakdee

    noawarat pakdee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +682
    น่าเสียดายดิฉัน ไม่สามารถcopyรูปท่านมาให้ท่านดูได้ (ทำไม่เป็นค่ะ)
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
  7. ลูกพ่อโต

    ลูกพ่อโต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2013
    โพสต์:
    101
    ค่าพลัง:
    +304
    ท่านงดงามมากไม่แพ้องค์อื่นเลย สาธุ
     

แชร์หน้านี้

Loading...