“ไสยศาสตร์” ความหมายและลักษณะพิเศษ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 1 เมษายน 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,487
    “ไสยศาสตร์” ความหมายและลักษณะพิเศษ





    [​IMG]
    พระอาจารย์ป้อม วัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ขณะฝังเข็มทองกันภัยศิษย์




    “ไสยศาสตร์” ถือว่าเป็นศาสตร์ที่มีอายุเก่าแก่ที่สุดในประเทศไทยในบรรดาศาสตร์ทั้งหลาย เป็นสิ่งที่มีความเป็นมาที่ยาวนานที่สุดศาสตร์หนึ่ง

    ความเป็นมาของความรู้สายนี้นั้น ยังเป็นที่ถกเถียงกันมาตลอดว่า เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ หรือเป็นสิ่งที่หลอกลวง นำไปสู่ความงมงาย ความชัดเจนของศาสตร์แขนงนี้ในสังคมไทย ซึ่งเป็นสังคมที่วิทยาการสมัยใหม่กำลังเจริญรุ่งเรือง “ไสยศาสตร์” ถูกมองว่าเป็นรากเหง้าของความหลงงมงาย อันทำให้ประชาชนหลงเชื่อในสิ่งที่ไร้เหตุผล
    ในประเทศไทยมีความพยายามอธิบายที่มาของ “ไสยศาสตร์” ซึ่งส่วนใหญ่อาศัยการวิเคราะห์ศัพท์จากภาษาบาลี ที่พบกันบ่อย มักมีการให้อรรถาธิบายว่า คำว่า “ไสย” มาจากคำว่า “เสยฺย” ในภาษาบาลี ซึ่งแปลว่า “ประเสริฐ” จึงทำให้แปลว่า “ไสยศาสตร์” ว่า เป็น “ศาสตร์อันประเสริฐ”
    กระนั้นเอง การอธิบายทฤษฎีนี้ ก็มิได้ให้ความสนใจแก่คำว่า “ศาสตร์” ซึ่งเป็นศัพท์จากภาษาสันสกฤต
    ขณะเดียวกัน บางท่านอธิบายว่า คำว่า “ไสย” มาจากคำว่า “ไสยาสน์” ซึ่งแปลว่า “นอน” และแปลคำว่า “ไสยศาสตร์” ว่าเป็น “ศาสตร์แห่งความหลับใหล”
    กระนั้นก็มิได้ให้อธิบายที่มาของศัพท์นี้ว่า มีรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤตเช่นกัน

    [​IMG]
    ดร.นพ.มโน


    ดร.นพ.มโน เมตตานันโท เลาหวณิช ที่ปรึกษาพิเศษในเลขาธิการใหญ่องค์การสมัชชาศาสนาเพื่อสันติแห่งโลก (ดับเบิลยูซีพีอาร์) บอกว่า เหตุผลสำคัญที่ทำให้การตีความของคำว่า “ไสยศาสตร์” ตามทฤษฎีทั้งสองประการข้างต้นนี้ มิได้มีความสัมพันธ์กับหลักฐานทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมของอินเดียและไทยเลย หากพิจารณ์ด้วยเหตุผลทางไวยากรณ์สันสกฤต และข้อมูลที่ได้รับจากการศึกษาประวัติศาสตร์ โบราณคดี และวรรณกรรมสามารถสรุปได้ว่า
    คำว่า “ไสยศาสตร์” เป็นคำศัพท์ที่รากมาจากภาษาสันสกฤตโดยตรง คือ เป็นคำสมาส “ศาสตร์” หมายถึงแขนงหนึ่งของความรู้ และ “ไสย" มาจาก “ไศวะ" ซึ่งเป็นศัพท์สันกสฤต ที่เกิดจากการพฤตสระจากคำว่า “ศิวะ" โดยที่สระอิถูกพฤตให้เป็นสระ “ไอ” และ “ว” แปลงสภาพเป็น “ย” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่เกิดขึ้นได้ง่ายตามหลักของภาษาศาสตร์ เพราะทั้ง “ว” และ “ย” นั้น เป็นพยัญชนะกึ่งสระ ซึ่งมีฐานกรณ์เดียวกัน เสียง “ว” จึงกลายเป็น “ย” ได้อย่างง่ายดาย
    ในขณะเดียวกัน “ศ” กลายเป็น “ส” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางเสียงที่เกิดขึ้นได้ง่ายในภาษาไทย เนื่องจาก “ศ” “ษ” และ “ส” นั้น ต่างออกเสียงเหมือนกัน คือ “ส” แทนได้ทั้งหมด

    “ไสยศาสตร์ เป็นคำศัพท์ในภาษาไทย ซึ่งมีรากเดิมจากภาษาสันสกฤตจากศัพท์ของคำสมาสว่า “ไศฺวศาสฺตร” (อ่านว่า ฉัย-วะ-ฉาสฺ-ตฺระ) ซึ่งแปลว่า “ศาสตร์ที่เนื่องด้วยจากพระศิวะ” หรือ “ศาสตร์ที่มาจากพระศิวะ” ดร.นพ.มโน กล่าวสรุป

    พร้อมกันนี้ ดร.นพ.มโน ยังบอกด้วยว่า ลำพังการวิเคราะห์ศัพท์ให้ถูกต้องตามหลักวิชาไวยากรณ์สันสกฤตมิได้หมายความว่า สิ่งที่คนไทยมองเห็นว่าเป็นเรื่องไสยศาสตร์อันเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการใช้เวทมนตร์ โองการและพิธีกรรมต่างๆ นั้น จะเป็นสิ่งที่ตรงกับความเชื่อในอินเดีย ซึ่งถือว่าเป็นความรู้ที่มาจากพระศิวะจริง เพราะความเชื่อและวัฒนธรรมประเพณีที่เกิดขึ้นในประเทศหนึ่ง ที่มีความแตกต่างทางค่านิยมดั้งเดิมของตนเองนั้น จะยังคงรักษาความดั้งเดิมไว้ได้เหมือนเมื่อครั้งอยู่ในประเทศต้นกำเนิด


    [​IMG]
    สักยันต์ ไสยศาสตร์ยอดฮิตแห่งยุคปัจจุบัน


    นอกจากนี้แล้ว ความเชื่อในความศักดิ์สิทธิ์ของภาษาสันสกฤต เป็นมูลเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดศาสตร์ที่ต่อมารู้จักกันในหมู่คนไทยว่า “ไสยศาสตร์”
    แต่เนื่องจากพิธีกรรมที่ถูกจำกัดให้อยู่ในหมู่พราหมณ์ และการปฏิบัติกับคนต่างวรรณะในเชิงดูถูกและรังเกียจเดียดฉันท์ คัมภีร์ของศาสตร์ที่เนื่องด้วยพระศิวะเหล่านี้ ต่อมาภายหลังจึงสูญหายไป และต่อมาเมื่อพระพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทได้รับความนิยมมากยิ่งขึ้น คัมภีร์ภาษาบาลีจึงได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพในความศักดิ์สิทธิ์ในรูปแบบเดียวกัน และการใช้คัมภีร์บาลีของเถรวาทแทนสันสกฤต จึงเกิดขึ้น และเป็นที่แพร่หลายในเขมรและไทย ในขณะที่สัญลักษณ์และศัพท์ต่างๆ ที่เคยใช้กันมาอย่างคุ้นเคยจากสันสกฤต

    และศาสตร์ของพราหมณ์สายไศวะยังได้รับการยกย่องนับถือเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เกิดการผสมผสานเป็นไสยศาสตร์แบบไทย ซึ่งแตกต่างไปจากไสยศาสตร์แบบเขมร และอินเดียประเทศต้นตำรับอย่างสิ้นเชิง ในที่สุดไสยศาสตร์ได้เข้ามาผสมผสานกับความเชื่อเรื่องผีของบรรพบุรุษไทยอย่างกลมกลืน

    เรื่อง - ภาพ... "ไตรเทพ ไกรงู"



    ลักษณะพิเศษ


    [​IMG]
    อาการที่เรียกว่าของขึ้นในพิธีไหว้ครูสักยันต์



    ไสยศาสตร์ นั้น มิใช่เรื่องไม่มีเหตุมีผล แต่เป็นเรื่องของการใช้ “อำนาจ” ซึ่งมีระบบของเหตุผล หลักการ แหล่งของอำนาจหรือความศักดิ์สิทธิ์ อุปกรณ์ และกระบวนการต่างๆ อันมีขั้นตอน เพื่อให้ได้มาซึ่งวัตถุประสงค์ ที่ผู้ประกอบพิธีตั้งความปรารถนาไว้ ปัจจัยต่างๆ ของพิธีกรรมทางไสยศาสตร์นั้น มีศูนย์กลางอยู่ที่ผู้ประกอบพิธี มิใช่เกิดขึ้นลอยๆ โดยที่ประกอบพิธีนั้น เป็นผู้ที่มีอำนาจสูงสุด สามารถบงการให้เกิดสิ่งต่างๆ ซึ่งอยู่นอกกรอบของเหตุผลของสามัญสำนึกของสามัญชนจะคาดหวังได้
    พิธีกรรมทางไสยศาสตร์นั้น จะบรรลุผลได้ก็ต่อเมื่อเงื่อนไขของพิธีกรรมทั้งหมดได้บรรลุ สิ่งนี้อาจเรียกได้ว่า เป็นการควบคุมคุณภาพของผู้ประกอบพิธีกรรม ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ โดยมีการแบ่งแยกที่ชัดเจน ระหว่างผู้ประกอบพิธี (คนใน) และผู้อื่นที่เข้าร่วมพิธี (คนนอก) ยิ่งพิธีกรรมที่มีความศักดิ์สิทธิ์เท่าใด ช่องว่างและเงื่อนไขที่แบ่งแยกระหว่างคนในและคนนอกยิ่งชัดเจนยิ่งขึ้นเท่านั้น พร้อมกันนั้น คือ ความลึกลับที่คนในเท่านั้นที่มีสิทธิ์ที่จะเข้าใจ ส่วนคนนอกเป็นพวกที่ไม่มีสิทธิ์จะเรียนรู้สาระของพิธีกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้นเลย

    ปัจจัยที่สำคัญที่สุดของไสยศาสตร์ คือ การร่ายมนตร์ หรือ คาถา ของผู้ประกอบพิธี ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ต้องกระทำให้ได้จังหวะที่พอเหมาะพอดีกับขั้นตอนต่างๆ ตลอดพิธีกรรม
    แนวคิดในเรื่องการสาธยายมนตร์นี้ คือ ความเชื่อที่ว่า “อักขระนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสูญสลาย” และมนตร์ต่างๆ ที่ผู้ประกอบพิธีได้เปล่งออกจากปากของตนแล้ว ถือว่ามีความศักดิ์สิทธิ์ สามารถยังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เกิดขึ้นได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และหากเปล่งออกมาผิด ผลกระทบก็จะกลับเป็นวิบากแก่ผู้สาธยายนั้นเอง
    นั่นหมายถึงความเป็นมงคลต่างๆ จะกลายเป็นอัปมงคล โชคจะกลายเป็นเคราะห์ และอำนาจที่ถูกใช้ไปเพื่อประทุษร้ายผู้อื่น อำนาจนั้นก็จะย้อนกลับมาประทุษร้ายผู้ร่ายเวท และผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน

    ---------------------------
    คมชัดลึก :
    http://www.komchadluek.net/detail/20090401/7651/“ไสยศาสตร์”ความหมายและลักษณะพิเศษ.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 เมษายน 2009
  2. ขุนแผนน้อยน่ารัก

    ขุนแผนน้อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    402
    ค่าพลัง:
    +772
    อนุโมทนาสาธุครับ

    ไสยศาสตร์มีทั้งดีและชั่วครับ
    มีไสยขาว ไสยดำ อยู่ที่คนใช้ว่ามีศีลมากน้อยเพียงไร

    สมัยดึกดำบรรพ์คนเราไม่รู้จักวิธีคิด ไม่รู้วิธีใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
    พอเกิดทุกข์ ก็หาที่พึ่ง เช่น พึ่งต้นไม่ พึ่งลม พึ่งดิน พึ่งฟ้า พึ่งแม่น้ำ
    พึ่งรุกขเทวดา พึ่งเทพ (สังเกตุได้จากบทสวดมนต์นะครับ)

    ต่อมามีศาสนาพราหมณ์ ก็มีการนับถือเทพ เช่น พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ
    แล้วก็มีการศึกษาวิชาอาคมทาง คัมภีไตรแพท จนเกิดเป็นลัทธิต่างๆ แต่ที่เห็นชัดที่สุดด้านไสยศาสตร์ คือฤาษี โดยฤาษีจะออกบำเพ็ญเพียรบารมีทางฤทธิ์เดช ที่เด่นที่สุดมี108ตนเช่น ฤาษีนารอท ฤษานาราย ฤาษีตาไฟ ฤาษีตาวัว ฤาษีพระพิราบ ฤาษีกะไลโกฏ
    เรียกโดยรวมว่าพ่อแก่ นักนิยมไสยเวทย์จะนับถือเป็นครู จะมีในบทไหว้ครู โดยเชื่อว่าแรงครูจะทำให้พิธีกรรมสำเร็จ

    ถึงแม้ไสยศาสตร์จะมีดี และไม่ดี ถึงอย่างไร ฤทธิ์เดชต่างๆเมื่อถึงเวลาก็ต่างปล่อยวาง


    เราชาวพุทธมีสรณะอันสูงสุดคือ พระรัตนตรัย พ่อแม่ ครูอาจารย์ครับ
     
  3. พงศ์กฤต

    พงศ์กฤต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    5,699
    ค่าพลัง:
    +33,737
    แต่ก่อนผมก็เคยสัก คือว่าเชื่อในทางอิทธฤทธิ์ แต่ตอนนี้ ผมไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิอย่างเดียวแล้วครับ ลองอ่านหนังสือของหลวงพ่อจัรญ หรือหลวงปู่ฤาษีลิงดำ จะเข้าใจในโลกของธรรมมากขึ้น ใช้เวลาที่ เป็นมนุษย์ ที่เหลืออยู่ตอนนี้ให้มีค่า เผื่อหากตายจากไปจะได้ไปภพภูมิดี ไม่ต้องไปขอส่วนบุญใครเพราะเราไม่รู้ว่าเราตายวันไหนเมื่อไร ฉะนั้นสะสมความดี ไว้ ไหว้พระสวดมนต์ อย่างดี เราก้ไปชั้นกามาจรสวรรค์ ดีไปกว่านั้น เราไปเกิดเป็นพรหม ดีกว่านั้นอีก เราก็ไปนิพพาน ฉะนั้นทำสะสมไว้ <อันนี้ผมเอาธรรมมะของหลวงปู่ฤาษีลิงดำมาเผยแพร่ >ขออนุโมทนาด้วยครับ นับถือหลวงปู่มาก เหลือเกิน เราจะเลือกเป็นอะไร ก็ลองคิดเอา แต่ทุกวันนี้ ผมกับภรรยาของผมเข้าห้องพระสวดมนต์ด้วยกัน นั่งสมาธิด้วยกันทุกเย็น ลองทำเหมือนกันก้ได้นะครับ ผมไม่หวงวิธี แต่ขออนูโมทนาบุญคนที่ไหว้พระสวดมนต์ นั่ง สมาธิ และแผ่เมตตาด้วย ขออนุโมทนาครับ
     
  4. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ไสยศาตร์ใด้รับการแปลใว้แล้วจากผู้รุ้สรุปว่าเป็นของต่างศาสนาอันนี้เห็นด้วย แต่จะเหมารวมทั้งหมดว่าเป็นไสยศาตร์ไม่ได้เพราะผู้ที่เชื่อในพุทธคุณก็มีซึ่งเป็นความเชื่อต่างหากและอาจคล้ายกันแต่มีความแตกต่างคือเชื่อโดยอิงอาศัยหลักกรรมการเอาพุทธคุณเป็นที่พึงก็เพื่อเป็นหลักยึดเหนี่ยวในการทำดีแลกรรมแห่งการทำดีนี้แลจะทำให้เราประสพสิ่งปรารถนา แลการอ้างอิงเทพพรหมในพุทธศาสน์ก็เป็นการประกาศการกระทำดีเพื่อให้ท่านแลบริวารของท่านใด้รวมอนุโมทนามิใด้บวงสวงให้มาดลบันดาลให้ แลจิตที่ฝึกดีแล้วยอ่มมีพลัง พลังศัทธาพลังจิตตานุภาพจึงเป็นพุทธโดยแท้ หลวงพ่อหลวงปู่ทั้งหลายเสกของมงคลท่านก็ใช้นะโมแลพระปริตรและจิตที่ฝึกดีแล้วอธิฐานเอาพุทธคุณมาเป็นที่พึ่งทั้งนั้นจะว่าเป็นไสยาศาตร์ใด้อย่างไร? เว้นแต่บางองค์บางรูปเสกตัวอะไรก็ไม่รู้แล้วมอมเมาประชาชนนั้นจึงเป็นไสยศาตรโดยแท้
     
  5. ทดแทน

    ทดแทน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    580
    ค่าพลัง:
    +116
    ผมเป็นอีกคนหนึ่งที่ยังชอบไสยศาสตร์มากครับผมเอาทุกอย่างครับ ไม่ว่าจะสัก ฝังเข็ม เครื่องลางเกือบทุกชนิดครับทุกวันนี้ก็ยังใส่ติดตัวเป็นประจำครับ แต่เดี๋ยวนี้จะไหว้พระสวดมนต์ นั่งสมาธิเสียมากกว่าแล้วครับ ผมคิดว่าไสยศาสตร์และเครื่องลางของขลังต่างส่วนใหญ่จะมุ้งเน้นทางคุ้มกายหยาบเราครับ แต่การถือศิล สวดมนต์ นั่งสมาธิ เป้นการคุ้มจิตเราให้ออกห่างจากกิเลสและความชั่ว เพราะว่าจิตเราสั่งกายครับ แต่ก็ยังเชื่อในไสยศาสตร์อยู่ครับยังไม่ประมาทครับ ยังไงพระรัตนตรัยมาก่อนอื่นใดครับ อนุโมทนา สาธุ กับการทำบุญและความดีของทุกท่านครับ
     
  6. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    สาธุ...

    ทางใดก็ได้ จะตรง จะอ้อม

    ขอให้เป็นทางที่หลุดพ้น ^^
     
  7. trirut

    trirut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กันยายน 2008
    โพสต์:
    1,420
    ค่าพลัง:
    +1,499
    ขออขอบคุณ สำหรับข้อมูลดีๆๆครับ
     
  8. tpsk8erm

    tpsk8erm สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมก็เคยสัก แต่เดียวนี้ไหว้พระสวดมนต์ นั่วสมาธิ แผ่ส่วนบุญ ซะมากกว่า ทำบ่างไม่ทำบ่าง แต่เค้าว่าการนั่งสมาธิจะทำให้ หน้าแก่ช้าลงนะ 555+ เป็นผลพลอยได้ที่ชอบที่สุด
     
  9. องค์ธรรมปู่ฤาษี

    องค์ธรรมปู่ฤาษี สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    21
    ค่าพลัง:
    +0
    อนุโมทนาสาธุครับ

    ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบเรื่องนี้มากครับ
    แต่คนทุกคนก็หนีไม่พ้นกฎแห่งกรรมหรอกคับ

    แต่เราผู้ฝึกจิตดีแล้วย่อมมองเห็นสิ่งต่างๆว่าเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
     
  10. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    ต้นไม้ย่อมต้องมีส่วนประกอบเช่นเปลือก กระพี้ แก่น ใบ จึงดำรงค์อยู่ใด้ ไสยศาตร์เป็นอีก1วิธีของโบราณที่นำมาใช้ขัดเกลาจิตวิญญาณ เป็นประหนึ่งยานแลพ่วงแพสำหรับข้ามฝากฝั่ง เมื่อข้ามพ้นแล้วก็ไม่ควรแบกไปด้วย แลไม่ควรตำหนิยานว่าหยาบต่ำ จุดหมายคือถึงฝั่งครับ
     
  11. piya0101

    piya0101 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    184
    ค่าพลัง:
    +255
    หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ช่วยคุ้มครองไม่ให้กายหยาบจากกายละเอียดก่อนเวลาอันควร
     
  12. งูขาว

    งูขาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มกราคม 2008
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +1,824
    อุเบกขา จำเริญ จำเริญ
     
  13. humanbeing

    humanbeing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +214
    พวกหมอผี หรือ พวกที่ใช้ไสยศาสตร์(ไม่แน่ใจว่าในทางไม่ดีอย่างเดียวหรือไม่)ต้องตกนรก
    หมอทางไสยศาสตร์คนหนึ่งใช้วิชาอาคมต่อสู้กับพญายม แต่สู้ไม่ได้ และ ถูกลงโทษหนักกว่าเดิม

    อ่านเจอจากหนังสือ"ท่องขุมนรก"ของฝ่ายมหายานค่ะ

    ไสยศาสตร์ไม่ได้ช่วยให้คนหลุดพ้น หรือ ขัดเกลาจิตวิญญาณให้ดี ปราศจากกิเลสตรงไหนเลย แค่มีข้อห้ามบางอย่างเพื่อไม่ให้ยันต์ที่สักมาหมดฤทธิ์เท่านั้นเอง (ประมาณ 3 ข้อ เท่าที่เคยอ่านเจอ) ไม่ได้บังคับว่าต้องรักษาศีลให้ครบทั้ง 5 ข้อด้วย

    ดูแล้วทำให้คนหลงทาง ออกห่างจากทางหลุดพ้นมากกว่า
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 เมษายน 2009
  14. เทพออระฤทธิ์

    เทพออระฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    4,573
    กระทู้เรื่องเด่น:
    4
    ค่าพลัง:
    +22,047
  15. ขมังเวทย์

    ขมังเวทย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    645
    ค่าพลัง:
    +1,829
    เอาเป็นว่าโบราณเอาบางส่วนของไสยาศาตร์มาเป็นอุบายหรือกุศโลบายในการฝึกจิตให้มีพลังแล้วจึงค่อยต่อ ยอดบอกบอกกรรมฐานเจริญวิปัสนา
     
  16. ชาวพุทธครับ

    ชาวพุทธครับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2007
    โพสต์:
    47
    ค่าพลัง:
    +59
  17. เลือดเย็น

    เลือดเย็น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2007
    โพสต์:
    568
    ค่าพลัง:
    +262
    ใช้ในทางที่ดีนะคะ
     
  18. BlOoD_DevIL

    BlOoD_DevIL สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2009
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +4
    ผมไม่เคยสัก แล้วก็ไม่อยากสักเพราะกลัวเข็มอ่ะ.....
     

แชร์หน้านี้

Loading...