◊:ไม่เที่ยง..ไม่ทน..ไม่แท้:◊

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 3 มกราคม 2009.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,123
    กระทู้เรื่องเด่น:
    348
    ค่าพลัง:
    +64,476
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="96%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headnews vAlign=top>ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top height=4></TD></TR><TR><TD class=dessubmmenu1><CENTER>[​IMG]</CENTER>

    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านใช้คำงดงามมาก ท่านบอกว่า อย่าส่งจิตออกนอก ที่เราทุกข์ก็เพราะว่า เราส่งจิตออกนอก นักปราชญ์ราชบัณฑิตทั้งหลาย ฝ่ายกรรมฐาน ที่ท่านไม่ทุกข์ แล้วผิวพรรณผ่องใส ใสมาก ทั้งที่ครีมหน้าเด้งไม่เคยได้สัมผัสผิวท่าน
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    มีคนทักอาตมภาพว่า อายุ ๒๖-๒๗ ประจำ อดแซวตัวเองไม่ได้ ว่าไม่ได้ใช้ครีมหน้าเด้ง ครีมแต่ละชนิดไม่ได้สัมผัสผิวเพราะอะไร
    เมื่อเราอยู่กับปัจจุบันเป็น ความทุกข์แทรกซึมเข้ามาไม่ได้ ศัพท์หลวงปู่ดูลย์ท่านเรียกว่า ไม่ส่งจิตออกนอก ก็คือไม่ไปรับอารมณ์ข้างนอกเข้ามาปรุงข้างในให้มันป่วน เพราะข้างในมันใสอยู่แล้ว แค่รู้เท่านั้นเอง น้ำมันใสอยู่แล้ว
    เคยเห็นไหม คุณโยมไปตักน้ำใส่แก้วมา ถ้าเราทิ้งไว้น้ำนั้นก็ขุ่นเหมือนเดิม ใช่ไหม แต่ถ้าเราไปเอาสารส้มมาแกว่ง ทำไมน้ำขุ่นกลายเป็นน้ำใส ก็เพราะว่า ธาตุแท้ของน้ำมันใสอยู่แล้ว ที่มันขุ่นก็เพราะอะไร มีสิ่งแปลกปลอมเข้ามา
    ใจของเราเหมือนธาตุแท้ของน้ำ ใสอยู่แล้วโดยธรรมชาติ แต่เศร้าหมองไปก็เพราะกิเลสที่เป็นสิ่งแปลกปลอม เพราะฉะนั้น ฝึกอยู่กับปัจจุบันให้เป็น แล้วเราจะมีความสุขมาก
    วิธีคิดแบบต่อไปก็คือ คิดแบบรู้ทันธรรมดา ธรรมดาของชีวิตนี้เป็นสิ่งสากล คนทั่วโลกจะพบเหมือนกันหมด ไม่ว่าคุณจะเกิดมาบนกองเงินกองทอง หรือเกิดมาแล้วคุณแม่เอาไปใส่ลงในชักโครกแล้วก็กดทิ้ง
    สัจธรรมนี้ไม่เคยมีใครหนีพ้น นั่นก็คือ สิ่งที่เรียกว่าไตรลักษณ์ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ ภาษาพระเรียกว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ภาษาธรรมะแปลให้เข้าใจง่ายๆ ว่าไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้

    จำคาถานี้ไว้เลย ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ ในชีวิตของเราจะเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น
    คำว่า ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ อย่านึกว่า มันไกลตัวเรา ในตัวเรานี้ก็เกิดตัวไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ ตลอดเวลา จิตของเราเมื่อเกิดขึ้นก็เบิกบาน ถ้าไม่มีสติตลอดเดี๋ยวมันก็จะหดหู่ ทำไมหดหู่ ก็เพราะว่ามันไม่เที่ยง
    ทำไมมันไม่เบิกบานตลอดไป ก็เพราะว่า มันไม่แท้ มันไม่ใช่ตัวตนของเรา เราบังคับมันไม่ได้ จะให้เบิกบานตลอดก็ต้องสร้างเหตุปัจจัยให้มันเบิกบาน
    เพราะฉะนั้น ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ มันเกิดขึ้นในตัวของเราแล้วจึงแผ่ออกไปครอบงำทั่วทั้งโลก
    [​IMG]



    เราจะต้องรู้จักคำว่า รู้ทันธรรมดา แล้วท่องเอาไว้ว่า ธรรมดาของชีวิต ที่เราเกิดมาแล้วจะปฏิเสธไม่ได้ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา คนทุกคนเกิดมาแล้ว หนีไม่พ้น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    วิธีคิดแบบรู้ทันธรรมดา เหมาะที่จะเอามาใช้สำหรับคนที่โลดแล่นใช้ชีวิตอยู่ ขณะเดียวกัน ก็เหมาะที่จะเอาไปใช้สำหรับคนที่ประสบทุกข์หนักหนาสาหัส เช่น เราตั้งใจทำงาน เจ้านายไม่เห็นคุณค่า ก็อย่าเพิ่งตำหนิตัวเอง
    เพราะอะไร การที่เขาไม่เห็นคุณค่า มันก็ไม่เที่ยง ไม่เห็นวันนี้ พรุ่งนี้อาจจะเห็นก็ได้ แล้วการที่เราได้รับคำชมเชย ขอให้ฝึกไว้นะ คนที่เคยชมเรา เดี๋ยวอาจจะเป็นคนที่ตำหนิเรา
    สามีภรรยาอยู่ด้วยกัน ก็ต้องฝึกไว้ มือที่เคยเปิดประตูรถให้เรานั่ง สักวันอาจจะผลักเราหัวทิ่มหัวตำ
    ผู้หญิงคนหนึ่ง เขียนไว้ในหนังสือ เขาบอกว่า ตอนจีบกันใหม่ๆ ไปทานข้าวด้วยกัน ไม่ต้องเอามือไปก็ได้ มันโรแมนติกมาก แต่พอแต่งงานอยู่กินด้วยกันแล้ว มีเป็นพันมือก็บริการสามีไม่ทัน ตอนจีบกันใหม่ๆ เปิดประตูรถ เชิญ พอแต่งงานผ่านเดือนแรก เปิดเอง แล้วยังต้องขับให้ด้วย
    ดูเถอะ สุดท้ายก็เลิกกัน คนที่เคยรักเรา กับคนที่ทำร้ายเรา อาจเป็นคนเดียวกันก็ได้ มือที่เคยตระกองกอดสองแก้มเรา สักวันหนึ่งมือนี้อาจตบเราจนหน้าหัน
    มันเที่ยงไหม ทุกข์แล้วมันเป็นสุขไหม สุขแล้วมันเป็นทุกข์ไหม สามีอยู่ในบังคับเราไหม สั่งได้ตลอดไปไหม
    อยู่ต่อหน้าก็บอก ชาตินี้ไม่มีใครขึ้นถึงฐานะอันสูงสุดในหัวใจพี่ เท่าเธออีกแล้ว แต่พอไปที่ทำงานยิ้ม มีกิ๊กยังไม่พอ มีกั๊กอยู่อีกบริษัทหนึ่ง
    นี่มันเป็นอนัตตา เขาเชื่อฟังเราเมื่อไร เห็นไหม เพราะฉะนั้น ให้ท่องไว้ในใจ ไม่เที่ยง ไม่ทน ไม่แท้ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตเรา
     
  2. คือ~ว่างเปล่า!

    คือ~ว่างเปล่า! เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,647
    ค่าพลัง:
    +473
    ۞۞::เวลา::۞۞

    คอลัมน์ ธรรมะวันหยุด

    พระเทพคุณาภรณ์ (โสภณ โสภณจิตฺโต ป.ธ.๙) เจ้าอาวาสวัดเทวราชกุญชร วรวิหาร watdevaraj@hotmail.com


    [​IMG]




    เวลา มองดูอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาก็จริง แต่เวลานั้นเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับทุกๆ ชีวิต พระพุทธเจ้าก็ยังทรงยกเอาเวลาที่มีอยู่โดยธรรมชาติมาตรัสสอนให้ระลึกถึงเวลาที่ล่วงไปๆ และให้น้อมเข้ามาในชีวิตของตน เพื่อจะได้ตั้งตนให้อยู่ในความไม่ประมาท


    [​IMG]

    "เวลาย่อมกินสรรพสัตว์พร้อมทั้งตัวมันเอง" หมายความว่า ความเป็นไปแห่งชีวิตของบุคคลเนื่องด้วยเวลา เพราะเวลาเป็นเครื่องกำหนดความสิ้นไปแห่งอายุ ย่อมบั่นทอนอายุหรือชีวิตของสัตว์โลกให้หมดสิ้นไป เปลืองไป โดยลำดับ และตัวเวลาเองก็หมดไปด้วย

    ตามปกติของสัตว์โลกนั้น มักมีความประมาทมัวเมาในสิ่งต่างๆ เช่น ประมาทในร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สมบัติ ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่เมื่อพิจารณาว่าไม่ใช่เพียงเวลาเท่านั้นที่ผ่านไปอย่างเดียว แต่กลับพาเอาอายุและชีวิตของสัตว์ไปด้วย

    [​IMG]



    เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เรายึดมั่นถือมั่นว่าเป็นของเที่ยงแท้แน่นอน ยั่งยืน กลับถูกเวลาชักพาให้หมดไป เมื่อรู้ได้อย่างนี้ก็จะก่อให้เกิดความไม่ประมาทในร่างกาย ชีวิต ทรัพย์สมบัติ และยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นของมีอยู่ชั่วคราว เป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น ไม่มีผู้ใดจะบังคับบัญชาให้อยู่ในอำนาจของตนตลอดไป

    ชีวิตนั้นพระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่มีแก่นสาร ย่อมล่วงไปตามเวลาที่ผ่าน ไม่มีทางหมุนกลับ หรือถอยหลังกลับมาได้ มีแต่จะรุดหน้าไปอย่างเดียว เปรียบเหมือนน้ำที่ไหลลงจากยอดภูเขา มีแต่จะไหลลงสู่ที่ราบลุ่ม ไม่มีทางที่จะไหลย้อนกลับขึ้นไปได้ฉะนั้น


    เวลาเมื่อหมดไปแล้ว ก็เหลือแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์หรือเป็นโทษ ซึ่งจะให้ผลเป็นสุขหรือเป็นทุกข์แก่ผู้นั้นตลอดไป เมื่อรู้ได้อย่างนี้ควรพยายามสร้างคุณงามความดีในทางโลก เช่น ประกอบอาชีพด้วยความขยัน ชื่อสัตย์สุจริต และสร้างคุณงามความดีทางธรรม เช่น ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิต

    [​IMG]



    เวลาเป็นสิ่งที่ไม่มีได้ ไม่มีเสีย คงเป็นและคงอยู่อย่างนั้น แต่ความเป็นไปแห่งชีวิตของคนเรามีความได้ความเสียปรากฏอยู่ เพราะฉะนั้นจึงควรจัดสรรชีวิตของตนให้อยู่ในฝ่ายดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ไม่ควรปล่อยชีวิตให้อยู่ในฝ่ายชั่ว เพราะชีวิตนี้ถ้าปล่อยให้ล่วงผ่านเวลาไปเปล่าๆ ก็เป็นทางเสียประโยชน์ที่จะพึงมีพึงได้

    คุณงามความดีทั้งหลายเปรียบเทียบกับดอกได้ต่างสี ต่างสัณฐานกัน ถ้าท่านผู้ใดเป็นคนฉลาดก็สามารถที่จะเก็บ หรือประพฤติปฏิบัติความดีได้ตามอัธยาศัยของตนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อประพฤติปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบด้วยกาย วาจา ใจ ท่านผู้นั้นจะทำให้ชีวิตเป็นชีวิตที่ประเสริฐ เมื่อลาลับจากโลกนี้ไปแล้วคุณงามความดีทั้งหลายที่สั่งสมมาก็ยังคงปรากฏอยู่ในโลก


    [​IMG]



    เวลาที่ล่วงเลยไปด้วยการทำแต่คุณงามความดี ก็จะเป็นเวลาที่ล่วงผ่านไปอย่างมีประโยชน์ มีคุณค่า

    ในวันอันเป็นเบื้องต้นแห่งปีใหม่นี้ ขอให้ท่านทั้งหลายดำเนินชีวิตของตน ให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า คุ้มกับเวลาที่ผ่านไป ให้ชีวิตมีแต่ความรุ่งเรือง เจริญก้าวหน้า และอยู่เย็นเป็นสุขกว่าปีที่ผ่านมาเทอญ


    ----------
    ที่มา:ข่าวสด ..[​IMG]
    http://www.matichon.co.th/khaosod/v...ionid=TURNd053PT0=&day=TWpBd09TMHdNUzB3TXc9PQ==
    รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เนต
     

แชร์หน้านี้

Loading...