09/01/60 เวลา 12:00 น. วันคาดการณ์ยกระดับสู่ยุคใหม่

ในกฏเกณฑ์สากลจักรวาลนี้ คือ ระบบแห่งความสมดุลในการอยู่ร่วมกัน ไม่ว่าทางวัตถุ หรือ ทางพลังงาน โลกก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของจักรวาล จะขาดความสมดุลไปไม่ได้ พลอยทำให้อย่างอื่นพลอยเสียการสมดุลไปด้วย ทุกอย่างต้องอยู่ที่การปรับตัว เมื่อโลกปรับตัวทางพลังงานใหัสูงขึ้น สิ่งใดที่สวนทางกันก็จะอยู่ไม่ได สิ่งนั้นก็ต้องถูกทำลายไป

มีสัจจะ ลดละนิสัย แก้ไขอารมณ์กรรม คือหนทางไปพบแสงสว่างแห่งจิตวิญญาณ

 

ดวงชะตาโลกเหมือนจะถูกเปลี่ยนมือแล้วนะครับ ตอนนี้กำลังกำกับไปพร้อมกฎแห่งกรรมอยู่ครับ

 

ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงถือว่าเป็นข่าวดีนะคะ
(รู้ได้อย่างไรค่ะ แต่ก็เชื่อไว้ก่อนว่าความแน่นอนคือความไม่แน่นอน)

ถ้า...ชะตาโลกเปลี่ยน

แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือชะตากรรมชะตาขีวิต

ถ้าจะเปลี่ยนได้ต้องเปลี่ยนที่การกระทำ

ยุคกึ่งพุทธกาลที่ทรงดำรัสไว้... คือความแน่นอน

คนทีมีศีลมีธรรมจะอยู่ได้อย่างปลอดภัย(ยุคกาลียุค)

... เพราะยุคนี้ ....

ปรับพลังงานเข้าสู่มิติที่สูงกว่าจริง
ธรรมโลกุตระเปิดความจริงให้เห็น.
เป็นยุคที่ต้องนำพาตนเองเข้าสู่แสงสว่างแห่งจิตวิญญาณ

การถูกกำกับด้วยกฎแห่งกรรม ก็ยังหนีไม่พ้นเภทภัยพิบัติ

ในด้านนามธรรมจิตใจ
เจ้ากรรมนายเวร
เซลล์ในร่างกายสั่งทำลายตนเองมีผลให้อายุสััน
วิบากกรรมให้ผลเห็นทันตา

ภัยพิบัติจากสภาพแวดล้อมภูมิอากาศ
เภทภัยจากจิตใจของคนรอบข้าง
เภทภัยจากจิตใจอารมณ์ของตนเอง

ภัยเหล่านี้ก็ยังหนีไม่พ้น หากว่าเราไม่เปลี่ยนชะตากรรมของตนเองด้วยสัจจะความจริง ด้วยการเปลี่ยนการกระทำตนเองใหม่เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่าเดิมนะค่ะ

 

แล้วชะตาโลกเปลี่ยนไปแบบไหนนะ
แต่คงไม่เปลี่ยนไปจากพุทธทำนายอย่างแน่นอน
อยากรู้จัง เมื่อทุกอย่างตัองล้วนขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย
หรือว่ามีใคร....สามารถทำใหัเปลึ่ยนไป
เมื่อมีเหตุปัจจัยยังคงมีอยู่....

หรือว่าเปลี่ยนจากหนักกลายเป็นเบา
หรือเปลี่ยนแปลงแค่ชั่วระยะเวลา
หรือว่าเป็นอย่างไร ช่วยบอกให้หายสงสัยหน่อยค่ะ

 

การที่มานั่งคิด นั่งปรุงแต่ง นั่งสงสัยอยู่นี้ ก็เป็นแต่การคิดไปถึงผล คือโลกจะเปลี่ยน
หรือแตกดับเท่านั้น แต่ไม่ได้คิดว่า ใคร หรืออะไร หรือสาเหตุใด ที่เป็นตัวต้นเหตุ
ที่จะทำให้โลกเปลี่ยนแปลง หรือถึงกาลแตกดับ
ฝีมือมนุษย์หรือ ?? แล้วมนุษย์กลุ่มไหน ? ทั้งหมดหรือเปล่า ?
แล้วทำเรื่องอะไรกัน ถึงจะทำให้โลกเกิดความเปลี่ยนและแตกดับ
ลองจารนัยมาทีละเรื่อง ว่า มีเรื่องอะไรบ้าง ที่จะทำให้โลกแตกดับ

 

ถ้าจะสาวไปหาเหตุ

ต้องพิจารณาให้เห็น เหตุก้เปนสิ่งเกิดดับ บังคับไม่ได้

ถ้าสาวไป เหนเหตุมีปรกติดับไปเปนธรรมดา

ดังตฤณ นักเขียนบอกว่า จะเจอโลกาวินาส ฉับพลัน ซาโตริ

 

ดังตฤณ สมัยก่อนพี่ชายผมเขาเลื่อมใสอยู่นะ เขาบอกว่ากรรมพยากรณ์
ที่ดังตฤณเขียน ตรงหมดเลย ทั้งปริยัตอปฏิบัติ
แต่ตอนหลังเขาก็บอกว่า ดังตฤณ ไม่ค่อยจะตรง เหมือนจะยังไม่ถึงละไม่ได้
ส่วนผมไม่สนใจดังตฤณ

 

โลกแตกดับมีกรณีเดียวเท่านั้นค่ะ คือ โลกหมดสภาพหรือโลกเสื่อมถึงวาระหมดอายุการใช้งาน คือเข้าหลักทุกสิ่งต้องดับไป.

ในพระไตรปิฎกมีกล่าวเรื่องโลกมี 4 ยุค คือนับตั้งแต่เกิดบิ๊กแบง. โลกจะมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้น 1 โลกเริ่มกำลังพัฒนาไปสู่ความเจริญ 2. โลกเจริญพัฒนาเต็มที่แล้ว ๓ และยุคโลกเริ่มถดถอยลงถึงกาลเสื่อมแล้วรอแตกดับ 4
โลกถึงกาลแตกดับจึงมีเหตุเดียวเท่านั้น

หลักสัจธรรมความจริงของโลก คือหลักอนิจจัง. หลักของทุกสรรพสิ่ง

หลักอนิจจัง ทึ่แสดงใหัเห็นถึงวัฎรจักที่ทีการเจริญขึันลง แล้วเสื่อมและพัฒนาเจริญขึ้นใหม่ เป็นอยู่อย่างนี้

เราจะดูได้จากความจริงในพระไตรปิฎก ที่โลกถูกกวาดล้างทำลายเพื่อให้เกิดใหม่ ในช่วงสิ้นพุทธันดร ที่จิตใจคนตกต่ำลง ตัวเล็กลง อายุเหลือน้อยลงแค่ 15 ปี แล้วโลกก็กวาดล้างทำลายใหัหายไป. แล้วเริ่มต้นพัฒนาจิตใจใหม่ จนเจริญขึ้นเรื่อยๆ จนมนุษย์มีอายุ 80,000 ปี ศาสนาของพระศรีอาริย์จึงเกิดขึ้น

นั้น เป็นแค่กวาดล้างไปยังไม่ได้แตกดับ

ซึ่งวัฎจักรนี้ ถ้าเข้าข่ายในปัจจุบันนี้ไม่ใช่สิ้นพุทธันดร แต่หากตกต่ำเสื่อมลงไป. เมื่อโลกยังไม่ถึงกาลเวลาแตกดับ โลกก็ต้องปรับให้คงอยู่ต่อไป คือโลกต้องเริ่มพัฒนาไปสู่ความเจริญที่ดีกว่า สู่มิติที่ดีกว่าก็ต้องมีการปรับระบบพลังงานให้เหมาะสม นะคะ

เพราะจิตใจมนุษย๋ปัจจุบัน กำลังดำเนินพาโลกไปสู่ความเสื่อมทั้งทางมิติกายภาพคือด้านทรัพยากรของโลก และ ด้านพลังงาน คือด้านจิตใจคุณธรรมความดีที่มนุษย์มีให้แก่กันนั้นนัอยมาก จึงเรียกว่า กาลียุค อันมีแก่กาลที่จะทำให้โลกสลายไปก่อนกาลอันควรค่ะ

มนุษย์กลุ่มไหน. ทื่สำคัญที่สุดคือ กลุ่มผู้นำของโลกค่ะ เปลี่ยนความคิดผู้นำโลกไปในทางทื่ดี ที่ถูกต้องได้ ก็เปลี่ยนแปลงโลกได้

ทั้งหมดหรือเปล่า? มนุษย์ทุกคนมีส่วนทั้งหมด มนุษย์ทำหน้าที่ควรมเปํนมนุษย์กันไม่ค่อยไดั มนุษย์บกพร่องต่อหน้าที่ มนุษย์ส่วนใหญ่หลงตัวตน หลงลืมความเป็นจริงของสัจธรรมของจิตวิญญาณ มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้นิพพาน หลงมายาตัวตนห่างไกลจากนิพพาน ซึ่งเป็นสัจจะของจิตวิญญาณ เป็นหน้าที่ของจิตวิญญาณ. ทำไม?.....

พระพุทธเจัาและพระอริยเจ้า ตรัสรู้ โลกธาตุ จึงรับรู้และหวั่นไหว

ทำไมพระสงฆ์อริยบุคคล จึงเป็นเนื้อนาบุญของโลก คือ ทำให้โลกมีความเจริญ
และทำไม สองสิ่งดังกล่าวข้างต้น มอบพลังงานอะไรให้กับโลก โลกธาตุจึงรับรู้แลัวหวั่นไหว ทำให้โลกเจริญ น่าคิดไหมค่ะ!!

และพลังงานบวกในจิตใจของมนุษย์ ที่เป็นกระแสจิตคุณงามความดีมีคุณธรรมนั้นเกี่ยวข้องกับพลังงานของโลก. เกี่ยวข้องกับพลังงานที่หล่อหลอมใจกลางของโลกมีความเกี่ยวข้องกัน ทำให้โลกหมุนไป ทำให้โลกมีพลังที่จะอยู่ร่วมกันกับสุริยะจักรวาลอื่นได้ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้เรื่องนี้กัน จึงทำให้โลกเป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบันนี้นะค่ะ มนุษย์ทุกคนจึงมึส่วนเกึ่ยวขัอง

ทำเรื่องอะไรกัน? เคยได้ยินคำนึ้ไหมค่ะ ว่า"ที่ใดมีความสามัคคีกัน ที่นั่นย่อมมีแต่เจริญ"

มนุษย์ส่วนใหญ่ขาดความรักความเมตตามีใหัแก่กัน มนุษย์ส่วนใหญีเบียดเบึยนกัน ไม่เห็นคุณค่าของความเปํนมนุษย์ด้วยกัน เราจะเห็นได้จากข่าวต่างประเทศ ข่าวกลุ่มไอเอส ข่าวสะสมอาวุธเพื่อเป็นชนวนเกิดสงคราม ที่แสดงให้เห็นจิตใจของคนยุคนี้ ที่ขาดความเหมาะสมทึ่จะทำให้โลกแตกดับก่อนกาลอันควร. เพราะโลกขาดพลังงานบวกจากจิตใจมนุษย์ที่มีให้กับโลก. เพื่อโลกจะได้มีพลังอำนาจในตนเองเพื่อรักษาให้โลกอยู่ได้ต่อไป

ตามหลักอนิจจัง เมื่อสิ่งใดเริ่มเสื่อมลง. ก็ต้องหาหนทางพัฒนาตนขึ้นมา ไม่งั้นดำรงคงอยู่ไม่ได้ เป็นทั้งภายนอกคือโลก และ ภายใน คือมนุษย์ นั่นเอง

 

ที่ว่ามาจะเกิดขึ้นหลังจากโลกไม่มีศาสนาแล้วมิใช่เหรอ

 

ค่ะ งั้นตอนนี้เรามาช่วยกันใช้หลักเหตุและผลพิจารณากันค่ะ

ยุคกึ่งพุทธกาล. เป็นพุทธดำรัส ที่ทรงพุทธทำนาย ที่ทรงตรัสไว้จะมีหนึ่งเดียว. ไม่มีสอง

และสื่งที่เกิดขึันตรงกับที่ตรัสบางส่วนแล้ว

ผลที่ออกมาสิ้นสุดแค่นี้ หรือแค่ไหนไม่มีใครคาดเดาได้แล้วแต่พุทธวิสัย

ส่วนเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้น การปรับมิติของโลก เปิดธรรมโลกุตระ ยุคอภิญญาสาธารณะ. จะเป็นเหตุให้มีการสิ้นสุดของยุคหรือไม่ ไม่ทราบค่ะ

แต่ชะตากรรม ชะตาชีวิต ตนเองต้องเป็นผู้กำหนดเอง ไม่มีใครมาดลบรรดาลให้

ปัจจุบันจิตใจคนตกต่ำ. ถ้าจะยกระดับจิตใจคนเพื่อสืบต่อพระศาสนา ต้องอาศัยบารมีผู้ใดที่สามารถทำได้ เพื่อให้เป็นดั่งพุทธทำนาย

เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นมากหรือน้อยไม่มีใครทราบได้ เพราะหลักสัจธรรมทุกอย่างเกิดขึ้นก็แล้วแต่เหตุและปัจจัยค่ะ

แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ตัองปฎิบัติทางด้านจิตใจตลอดเวลา

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ไม่ใครช่วยเราได้ สามารถบันดาลให้เราได้

เราเพียงแค่หยิบยกประเด็นมาพิจารณา กรณียุคหลังกึ่งพุทธกาล จะเกิดภัยใหญ่หรือไม่ และเราตัองใช้ชีวิตอยู่อย่างไร

วัฎจักร หลักอนิจจัง ถัาหากมีเหตุให้เสื่อมลงมาก ผลของวัฎจักรก็เกิดขึ้นได้เสมอ อยู่ที่เหตุของสิ่งนั้นค่ะ

 

หนีอะไรก็หนีได้ แต่ที่หนีไม่พ้นได้ คือกฎแห่งกรรม

แต่เราสามารถแก้ไขกรรมได้ โดยเปลี่ยนการกระทำ ยอมรับสำนึกผิดกับการกระทำที่ผ่านมา พิจารณาคุณและโทษ เห็นเหตุที่มาแห่งของอารมณ์ ลดละนิสัยเดิม ตั้งสัจจะนิสัยตนเองใหม่ เพื่อละะวางอารมณ์กรรมเก่าให้เบาบางลง. เพื่อยกระดับจิตใจตนเอง นำขีวิตก้าวข้ามเข้าสู่สิ่งใหม่ค่ะ

 

ก็ในเมื่อเชื่อกฏแห่งกรรมแล้ว ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามยถากรรม เหตุใดต้องมานั่งวิตกกังวล หรือคาดการณ์ว่านั่นนี่จะเกิด

ถ้าพุทธทำนายว่า ศาสนาจะอยู่ได้ถึงห้าพันปี และมีพุทธเจ้าองค์ใหม่มาตรัสรู้
ก็แสดงว่า โลกจะยังไม่แตกดับ และมนุษย์จะยังไม่สูญพันธุ์

ว่าอันที่จริง พระพุทธเจ้าแสดงธรรม ก็เพื่อต้องการให้มนุษย์และสัตว์สูญพันธุ์นั่นแหละ(เพราะตามหลักการพุทธศาสนา
การเกิดความทุกข์ การไม่เกิดคือพ้นทุกข์)
เพียงแต่ว่า คำสอนของพระองค์ ประสบความสำเร็จน้อยกว่ากิเลส
คนและสัตว์ส่วนมากยินดีปฏิบัติตามอำนาจกิเลสมากกว่าปฏิบัติตามคำสอนพระพุทธเจ้า
ดังนั้น เราจึงได้เห็นมนุษย์มีมากจนล้นโลกอย่างทุกวันนี้...

 

มนุษย์จะรู้หรือไม่ว่า.....

มันจะยิ่งลำบากสักเพียงใด หากมนุษย์คนหนึ่งจะตัองแก้ไขพันธกรรมของตนเองให้หมดสิ้นในภพชาตินั้น ขณะที่ในอดีตที่ผ่านมาตราบจนกระทั่งในชาติปัจจุบันนี้ ตนได้ก่อและเกี่ยววงเวียนกรรมกับผู้อื่นตัังมากมายหลายคนแล้ว

มนุษย์ที่ไร้คุณสมบัติความเหมาะสมในการเปํนมนุษย์ คือ ผู้ที่ก่อวงเวียนกรรมของตนขึ้นมาใหม่ และเกี่ยววงเวียนกรรมของตนเองกับผูัอื่นไว้ ที่เรียกว่าก่อพันธกรรมใหม่ ขึ้นมาในชีวิตประจำวันในภพชาติแห่งการเกิดเป็นมนุษย์นั้นจนมากมายนับไม่ถ้วน

ทั้งๆที่พันธกรรมเก่าของกันและกันอีตัังมากมาย มนุษย์ก็ยังมิได้จัดการปลดเปลื้องมันออกจากกันแล้วยุติวงเวียนกรรมของตนเองนัันให้สนิทได้อย่าสิ้นเชิงเลย

มนุษย์ทั้งหลายเอ๋ย.....มนุษย์จะรู้หรือไม่ว่า กว่าจะปลดเปลืัองการเกี่ยววงเวียนกรรม ซึ่งเป็นพันธกรรม ที่ผูกติดอยู่กับใครสักคนให้ได้ในภพชาติหนึ่งนััน. มันยากเหลือแสน

การหลุดพ้นวงเวียนกรรมของตนเองและผู้อื่น

ความล้มเหลวของมนุษย์ยุคพลังงานเก่า ที่ไม่อาจพาจิตวิญญาณคืนสู่นิพพานได้ นอกจากสาเหตุของการมีหนี้สินทางวิญญาณที่ยังตัองรับผิดชอบชดใช้ให้แก่กันและกันผ่านบทบาทของการเป็นมนุษย์ที่ติดค้างกันอยู่แล้ว อีกเงื่อนไขหนึ่งก็คือ การต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่ เพื่อ"เรียนรู้ใหม่". ในบทกรรมเดิมๆ ที่เคยสองตกไวัในชาติก่อน

การเรียนรู้ใหม่ ถ้าในอดีตชาติตนชอบที่จะเป็นผู้สร้างเงื่อนไขด้านลบให้ผู้อื่นก่อนแล้ว ในภพชาติใหม่นัันตนจะตัองสามารถยกระดับจิตสำนึกให้สูงขึ้นด้วยการละเลิกพฤติกรรมขยะดังกล่าวนีัได้หรือไม่อย่างไร ในบณะเดียวกันถ้าตนเองเป็นคนผู้มีนิสัยชอบที่จะตอบสนองผู้อื่นซึ่งเป็นผู้สร้างเงื่อนไขการกระทำด้านลบต่อตนเองด้วยการกระทำด้านลบเป็นการตอบโต้ ชนิดตาต่อตา ฟันตีอฟันแล้ว ตนจะสามารถยกระดับจิตสำนึกให้สูงขึ้นกว่านั้นด้วยการอดทน อดกลั้น ให้อภัย หรือมีจิตใจเมตตาต่อผู้อื่นไดัแค่ไหน

การเกี่ยวกรรม มิได้จำกัดแค่เพียงกระทำผิดคิดชั่วต่อกันเท่านั้น ถ้ามนุษย์คนหนึ่งเกิดการรับรู้และรับเอาเงื่อนไขด้านบวก แตีเปํนบวกที่ไม่บริสุทธิ์ ที่มีคลื่น"ความอยาก". ร่วมอยู่ด้วย อันเกิดจากอำนาจของกิเลสตัณหา. การเกี่ยววงเวียนกรรมร่วมกันก็จะสามารถเกิดขึ้นได้เช่นกัน

กรณีตัวอย่างคือ. ถ้าฝ่ายหนึ่งเป็นเพศชายเป็นผู้แสดงออกหร่อปฏิบัติตนต่ออีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นสตรีด้วยความรักเมตตาที่บริสุทธิ์ อันเกิดจากจิตวิญญาณมิใช่จิตหยาบของตนแล้ว ปรากฎว่าสตรีผู้นั้นกลับสั่นสะเทือนไปตามอำนาจฝ่ายต่ำ คือ กิเลสตัณหา เพื่อการรับรู้และรับเอาแทนที่จะสั่นสะเทือนด้วยจิตวิญญาณอันบริสุทธิ์ของตนเพื่อรองรับเอาความรักความเมตตาที่บริสุทธิ์ เช่นนีัแล้วความผิดบาป ของสตรีนางนั้นย่อมเกิดขึ้น และการเกี่ยววงเวียนกรรมให้เกิดพันธะกรรมระหว่างชายคนนั้นกับนาง ในอันจะนำไปสู่ภพใหม่ในอนาคต เพื่อการแก้ไขใหม่ให้หลุดพ้นจากการเกี่ยววงเวียนกรรมนั้นๆเอาไว้ มันจะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ความหมายก็คือ ถ้าชายคนหนึ่งปฎิบัติตนต่อสตรีนางหนึ่งด้วยอัธยาศัยไมตรี โดยให้ความรักความเมตตาและเอ็นดูต่อนางจากจิตสำนึกแห่งการใหัที่บริสุทธ้๋แท้ๆแล้ว. ปรากฎว่านางคนนั้นแทนที่จะซาบซึ้งในความมีเมตตาอันบริสุทธิ์ แต่นางกลับเกิดความพออกพอใจหรือติดอกติดใจในตัวตน ของชายคนนั้นแทน จนก่อให้เกิดความอยากความใคร่ ที่จะติดยึดผูกพันขึ้นมา โดยนางมิได้มีสำนึกถูกผิดดีชั่ว หรือมิได้มีสำนึกในบาปบุญคุณโทษเลย การที่นางคิดรู้สึกตัองการจะผูกพันกับตัวตนของเขา แทนที่จะมีสำนึกซาบซึ้งศรัทธาในความดีงามของเจาเช่นนั้น มันเปํนการก้าวล่วงจิตวิญญาณของชายคนนั้นโดยตรง. นี่จึงเป็นการเกี่ยวก่อพันธะกรรมการเกี่ยววงเวียนกรรมกันขึ้นมา

ถ้ามนุษย์ทั้งสองคนนี้ สร้างสำนึกทางวิญญาณ ด้วยการใช้สติปัญญาคอยควบคุมมิให้เกิดอำนาจฝ่ายต่ำหรือกิเลสตัณหา พันธะกรรมของสองคนนัันเป็นอันสิ้นสุดลง. กล่าวคือฝ่ายขายจะต้องสำนึกเสมอว่า ตนมิไดักระทำความดีงามใดๆต่อนางเพราะหวังสิ่งตอบแทน. แต่กระทำต่อนางด้วยความเมตตาอันบริสุทธิ๋แท้จริงเท่านั้น. แลฝ่ายสตรีนางนั้นจะตัองมีสำนึกให้ได้ว่า ตนจะคิดก้าวล่วงเขาด้วยอำนาจแห่งกิเลสตัณหาในแง่ชู้สาวไม่ได้! เพราะเขาคือผู้มีเมตตาหรือผู้มีพระคุณต่อนาง ย่อมสูงส่งเกินกว่าที่นางจะคิดก้าวล่วงใดๆ แม้ด้วยจิตหยาบของนางด้วยซัำ

แต่ถ้าในชาตินีั ฝ่ายชายมีสำนึกทึ่ถูกตัองดีงามดังกล่าวได้ ก็ถือว่าสอบผ่านบททดสอบนั้น ขณะที่สตรีนางนั้นยังควาำตนเหลวไหลโดยปล่อยให้จิตใจไปตามอำนาจฝ่ายต่ำ ด้วยการคิดก้าวล่วงชู้ทางใจต่อเขาอยู่เหมือนเดิมก็จะถือว่า สอบตกในบททดสอบนั้น ในอนาคตชาตินางจะตัองหอบหิ้วเอาความผิดบาปนี้ติดตัวไปเพื่อแก้ไขจิตสำนึกที่หลวไหลของตนนั้นกัยมนุษย์คนอื่่นที่มีบุพรกรรมแบบเดียวกันต่อไป

บัดนี้มนุษย์หาคำตอบให้ตัวเองกันได้หรือยังว่า องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ ทรงมีเมตตาถ่ายทอดพระโอวาทสัจธรรมและข่าวสารการชำระโลก มาให้มวลมนุษย์ผู้เป็น จิตวิญญาณ มนุษย์สองมิติ ด้วยพระประสงค์ใด

ที่มาอ.ปริญญา. ตันสกุล

 

เขียน ๒๑.๓๑

ตอบท่านจิตยิ้มแย้มนะครับ ตามกระทู้นี้
โม้ไว้ที่อื่น เดี๋ยวเวลาอ้างอิงจะหายาก

http://palungjit.org/threads/%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B9%89%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C%E0%B8%9D%E0%B8%B6%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2.418338/page-18#post10208071


กระต่ายป่า เคยบ้าแต่หายแล้ว มั้ง / ชาวหมู่บ้านในนิทาน
.

 

OK. ขอบคุณมากค่ะ เข้าใจแล้วค่ะว่าคือเข่นไร

 

รู้สึกว่านับตั้งแต่ปีใหม่มา บรรยากาศในกรุงเทพมหานคร ในช่วงกลางวัน
มันมีเมฆมืดครึ้มตลอด(ฟ้าหลัว) ไม่มีแสงแดด จนกระทั่งวันนี้ ฝนตกหนัก
บางทีจะเป็นนิมิตรหมายของอะไรสักอย่าง

 

Update สถานการณ์ รอบโลกช่วงนี้
พิม google ว่า "ข่าวต่างประเทศ" (ลองเฝ้าติดตามดูทุกวัน)
ตัวอย่าง
http://www.manager.co.th/local/ViewBrowse.aspx?BrowseNewsID=9040
http://www.dailynews.co.th/foreign

จะเห็นความเคลื่อนไหวรอบโลก ช่วงนี้นะครับ

-น้ำแข็งขั้วโลกขนาดใหญ่แตกร้าว
-อากาศยุโรปติด -33
-น้ำถ้วมภาคใต้ไทย
-จีนหมอกพิษ ตั้งแต่ก่อนสิ้นปี - ตอนนี้ลามไปฮ่องกงแล้ว
-ยี่ปุ่น เกาหลี จีน โรคระบาด /สัตว์ปีก
-ข่าวก่อการร้ายทั่วโลก
-ข่าวซ้อมรบของประเทศต่างๆ /ข้อพิพาทน่านน้ำ
-ข่าวซ้อมยิงขีปนาวุธ /โชศักยภาพอาวุธ /ยั่วยุกัน เกาหลีเหนือ-สหรัส
-เริ่มมีข่าว UFO
-พบดาวหาง 2 ลูกที่กำลังวิ่งเดินทางมาที่โลก (จะถึง 25-28 กุมพา)

นี่คือสิ่งที่เกิดช่วงนี้นะครับ
*ภัยพิบัติ อาจจะไม่รุนแรงถึงขั้นขนาดล้างโลกนะครับ
แต่แค่ปรับสุมดุลอากาศ และปรับสมดุลพลังงานของโลกเฉยๆ
ก็เลยเกิดอากาศ-และเปลือกโลก แปรปรวน ช่วงนี้

 

สวัสดัค่ะเว็บบอร์ดไหม่ไม่คุ้นเลย สวัสดีทุกๆคนค่ะ

 

ที่แท้ก็แอบมาแก้ไขข้อความนั่นเอง
ที่ จขกท.ทำนายว่า โลกจะถูกความมืดปกคลุม ๔๙ วัน ไม่เป็นความจริง
มีการสั่งให้ตุนอาหารจำพวก มาม่า ปลากระป๋อง ไว้ด้วย

 

เข้าสู่ยุคขาวแล้วครับ..รอกรรมใหม่หนุนเข้ามา..
ยุคการสร้างบารมี..