GARIAUS : มหาบุรุษแห่งโอดิธัน

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย สิงห์อาชา, 25 ธันวาคม 2017.

  1. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    วีดีโอ Trailer




    GARIAUS : มหาบุรุษแห่งโอดิธัน

    -horz.jpg

    "เจ้าชายนาบาลูกระทำย่ำยีพระราชาต่อหน้าฝูงชนและเหล่าทหาร เขาเอาเท้าเหยียบพระราชาผู้เป็นพ่อที่กลิ้งไปมากับพื้นจากการถูกถีบยันโครม"

    นวนิยายแฟนตาซี E-Book
    เรื่อง GARIAUS : มหาบุรุษแห่งโอดิธัน
    ราคา : 150 บาท
    https://www.mebmarket.com/index.php...3OTE1MCI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjU6IjY4MTcwIjt9


    ...ทุกอย่างรอบกายเงียบลง ทุกคนมุ่งความสนใจมาที่จุดเดียวคือที่พระราชากับเจ้าชายยืนมองหน้ากัน สายตาของทุกคนจับจ้องแทบจะไม่ได้กระพริบ พระราชากำลังจะเอ่ยปากพูดบางอย่างองค์ชายนาบาลูก็ลงมือเปิดงานฉลองด้วยการฟาดขวานเฉียงขึ้นไปที่พระพักตร์ของราชาบาสเรย์จนเป็นรอยบากเลือดออกตรงแก้มซ้าย ท่านแม่ทัพเจอาร์หัวใจเต้นระทึกเมื่อเห็นพระราชาโดนฟันเข้าไปแล้ว องค์ราชาบาสเรย์ต้องรีบหลบขวานที่ฟันมาอย่างไม่หยุดอย่างกระเสือกกระสน เลือดก็ไหลออกจากแก้ม เจ้าชายฟันไปส่งเสียงไปเหมือนสะพระทัย ประชาชนทหารที่ยืนดูยืนชมต่างลุ้นไปตามๆกัน องค์ราชาเห็นทีว่าถ้าเอาแต่หลบอยู่ท่าเดียวไม่ดีแน่ จึงมองหาโอกาสที่จะสวนกลับ แต่องค์ชายนาบาลูนั้นแข็งแรงมาก ขวานหนักแต่กลับเหวี่ยงฟันมาอย่างกับว่ามันเบาเหมือนมีดเล่มเล็กๆ องค์ราชาทรงรู้ตัวดีว่าพระองค์นั้นชราภาพไม่สามารถสู้แรงคนหนุ่มได้ ต่อให้ฝึกซ้อมเตรียมตัวมาอย่างดี ก็ยากที่จะหาทางสวนกลับองค์ชายได้...

    ติดตามนักเขียนได้ที่ Facebook Page : L.A. Gariaus
    https://www.facebook.com/GariausLA/

    เอาล่ะ...มาอ่านกันได้เลยข้างล่างครับ
     
  2. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    แผ่นดินกาเรียอัส
    มีเรื่องเล่าขานอยู่เรื่องหนึ่ง…เมื่อครั้งเนิ่นนานมาแล้วบนโลกที่มีแผ่นดินอยู่มากมาย เพรียบพร้อมด้วยป่าไม้อุดมสมบูรณ์สวยงาม มีแม่น้ำ ลำธาร ทะเลที่แลดูสดใสสบายตา กับสัตว์ป่านานาชนิดที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ แม้ในยามราตรีอันเงียบสงัด เหล่าดวงดาวจำนวนนับไม่ถ้วนจะทอแสงแวววับเป็นประกายให้เราเผ่าพันธุ์มนุษย์และสัตว์โลกได้ดูชม ทุกๆวันและทุกๆคืนที่ผ่านพ้นไป เหล่าสรรพชีวิตก็ต่างดำรงอยู่กันตามธรรมชาติปกติของตัวมันเอง แล้วในดาวที่ชื่อว่าโลกดวงนี้นั้น ไม่เคยมีมนุษย์บนแผ่นดินไหนที่สามารถเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปอีกฟากโลกหนึ่งของกันและกันได้เลย


    ทว่า…เรื่องราวอันสำคัญที่สมควรจดจำ ได้บังเกิดขึ้นบนดินแดนที่เปล่าเปลี่ยวแห่งหนึ่ง โดยมีแผ่นดินที่ซึ่งขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้นั้นติดต่อประสานกัน เปรียบเปรยอย่างพื้นๆก็คือแผ่นดินนี้ทั้งหมดเชื่อมต่อกันเหมือนกำไลกลมๆที่ไว้ใส่ประดับข้อมือของมนุษย์ ดินแดนสุดอัศจรรย์นี้ถูกขนานนามว่า “กาเรียอัส” โดยสภาพอากาศบนแผ่นดินนี้จะเต็มไปด้วยหมอกเมฆหนาทึบอึมครึมพร้อมกับมีสายฝนตกลงมาปรอยๆทุกวัน ไม่มีแสงแดดจากดวงอาทิตย์ มีแต่หน้าฝนกับหน้าหนาว บ้านของมนุษย์ชาวกาเรียอัส มีใต้ถุนสูง เพื่อในช่วงเวลาน้ำท่วมจะสร้างแพล่องไปมาหาสู่กัน มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนแผ่นดินนี้มีลักษณะผมสีแดงทั้งชายและหญิง มีผิวขาว ดวงตาสีท้องฟ้า มีอารยธรรมและวัฒนธรรม พร้อมกับมีความเชื่อความนับถือกันอยู่เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นที่สุด นั่นคือ “การได้สวมชุดที่ทำมาจากหนังของจระเข้” นี่คือสิ่งสำคัญสำหรับชาวกาเรียอัส เหล่าชายชาติบุรุษทั้งหลายต่างปรารถนาต้องการที่จะได้สวมชุดหนังจระเข้นี้ แต่ปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถสวมใส่ได้ง่ายๆนั่นก็คือ ผู้ที่มีความต้องการชุดนั้นจะต้องลงไปสู้กับจระเข้ในแม่น้ำตัวต่อตัวเอาเอง เป็นการพิสูจน์ความกล้าหาญของจิตใจไปในตัว ซึ่ง ณ จุดๆนี้เอง ทำให้ผู้ที่สวมชุดหนังจระเข้ถูกมองว่าเป็นคนที่น่านับถือยำเกรง มีความเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำ จนถูกยกย่องอย่างมีเกียรติว่า “นักรบแห่งกาเรียอัส” เป็นศักดิ์ศรีที่สูงส่งที่สุดสำหรับชาวกาเรียอัสในชนชั้นปุถุชนธรรมดา แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปยาวนานเข้า เหล่ามนุษย์ต่างใช้วิธีที่สกปรกในการสังหารจระเข้เพียงตัวเดียว ด้วยการเอาพรรคพวกมาช่วยกัน จึงทำให้ในยุคนี้มีนักรบกาเรียอัสผุดขึ้นมามากมาย แต่มีนิสัยเกเรดุร้าย ไม่มีรัศมีของนักรบผู้ยิ่งใหญ่เลยสักคนเดียว ส่วนมากนิยมขึ้นไปใช้ชีวิตกันในแดนเหนือจากเมืองบูสขึ้นไป ซึ่งนี่ไม่ใช่ลักษณะของนักรบที่คนสมัยโบราณนับถือกันมา


    แต่แล้ว…โชคชะตาของแผ่นดินกำลังจะเปลี่ยนไป กับการมาเกิดของทารกเด็กชายคนหนึ่ง บนดินแดนตอนใต้สุด ติดกับภูเขาในแดนหนาวของขั้วโลกใต้ ในหมู่บ้านที่สุขสงบร่มเย็นห่างไกลความรุนแรงและโหดร้าย เป็นสถานที่ซึ่งไม่มีชนชั้นสูงผู้ปกครองคอยดูแลกำกับคนในหมู่บ้าน เหล่าชาวบ้านต่างดำรงชีวิตด้วยการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกัน




    “โอดิธัน” นี่!…คือชื่อของหมู่บ้านอันแสนสงบนี้นั่นเอง
     
  3. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    ...แล้ว ณ เวลานี้...

    ฝุ่นฟุ้งเต็มไปทั่วจนมองไม่เห็นอะไร เสียงของกระดูกที่กำลังกระทบกระแทกเข้าใส่กันจนกระทั่งฝุ่นจางลงปรากฎภาพชายหนุ่มฉกรรจ์คนหนึ่งโดนชกเข้าที่ใบหน้าข้างซ้ายอย่างเต็มแรง

    “เอาเลย!! สู้มัน!! อย่ายอมๆ”เสียงเชียร์ดังมาจากรอบข้าง

    “เงียบโว้ยย! เมื่อกี้ข้าอ่อนให้”ชายหนุ่มที่โดนชกกล่าว แล้วหันหน้ามามองคู่ชกของเขา ตอนนี้ชายหนุ่มโดนล้อมด้วยกองเชียร์จากชาวบ้าน เพื่อมาชมการต่อสู้ของผู้ชายสองคนที่กำลังทะเลาะชกต่อยกัน ชายหนุ่มสองคนที่อยู่ในวงล้อม ก็ได้วิ่งเข้าใส่กันอีก ผลัดกันชกผลัดกันเตะ ล้มลุกคลุกคลานกันไปมา เลือดค่อยๆไหลออกมาจากใบหน้าที่โดนกระแทกจากสันหมัด กล้ามเนื้อแดงเพราะช้ำจากการต่อสู้ พวกเขาสองคนชกกันโดยที่ไม่มีทีท่าว่าใครจะยอมใครเลย ในเวลานั้นได้มีเด็กหญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามา แทรกเข้าไปในวงล้อมคนเชียร์ เห็นผู้ชายสองคนกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ จึงตะโกนขึ้นว่า

    ”นี่น้าาา!! ลูกของน้าคลอดแล้วนะ”เด็กหญิงกล่าวเสียงดัง ทำให้ชายคนที่โดนชกคราวแรกหันมา

    “ว่าไงนะ! ลูกข้าคลอดแล้วหรือ!?”น้าชายคนนั้นพูด

    “มันใช่เวลาสนใจเรื่องอื่นมั้ย!!”คู่ชกกล่าวขึ้น แล้วเตะเข้าที่ชายโครงขวาของน้าผู้ชายคนนั้น น้าชายคนนั้นแทบทรุดลงไปนั่งด้วยความเจ็บปวด แต่ด้วยหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ เขาได้ชกหมัดขวาตรงเข้าไปที่ผ่าหมากระหว่างกำลังล้มอย่างเต็มแรง กลายเป็นว่าคู่ชกกลับทรุดลงไปแทน หน้าเขียว นอนครวญครางร้องบ่งบอกถึงความทรมานจากการโดนต่อยไข่ น้าชายคนนั้นลุกขึ้นแล้วถมน้ำลายเยาะเย้ยคู่ชกของตน

    “เล่นซะหืดขึ้นคอเลยบ้าจริง!!!”

    “จบแล้วเหรออ อะไรกัน นึกว่าจะมันกว่านี้ซะอีก”เสียงกองเชียร์พูดด้วยความไม่พอใจที่การชกได้จบลง แต่น้าชายคนนั้นหาได้สนใจคำพูดเหล่านั้นไม่ เขาได้เดินเข้าไปหาเด็กหญิงคนนั้นอย่างสะบักสะบอม เนื้อตัวมอมแมมเต็มไปด้วยเศษดิน

    “ไป! พาน้าไปหาลูกที”น้าชายกล่าว จากนั้นเด็กหญิงก็ได้พาเขาเดินไปจากที่ชุลมุนตรงนั้น เธอพาเดินมาจนถึงบ้านที่น้าชายคนนั้นกับภรรยาของเขาอาศัยอยู่ ฝนที่ตกปรอยๆกับบรรยากาศอึมครึม ทำให้น้าชายรู้สึกขนลุกที่จะได้เห็นลูกคนแรกของตน ส่วนเด็กหญิงตัวน้อยก็นำทางเขาขึ้นไปบนบ้าน

    “เสียงทารกร้องดังมาจากในห้องกอปรกับน้าชายของสาวน้อยเดินขึ้นมาถึงพอดี”

    “ลูกพ่ออ!!”น้าชายผู้ซึ่งเป็นพ่อของเด็กได้ยืนตรงหน้าห้องแล้วพูดขึ้น

    “นี่!! เจ้าไปกัดกับใครที่ไหนมา ถึงได้มีสภาพมอมแมมแบบนี้”แม่ของทารกผู้เป็นภรรยาของน้าชายคนนั้นว่า

    “ไปมีเรื่องมีราวมาอีกแล้วล่ะสิท่า”หมอทำคลอดเอ่ย ชายหนุ่มเอาแต่ยืนฟังเงียบๆก่อนที่จะเดินเข้ามาหา

    “ข้าไปทะเลาะกับคนในร้านอาหารมา มันบังอาจสกัดเท้าตอนข้าเดินผ่าน ข้านี่เกือบล้มหัวฟาดพื้นก็เลยต้องท้ากันซักยก”

    “แต่ที่หนูเห็น หนูว่ามันมากกว่าหนึ่งยกแล้วนะคะน้าา”เด็กหญิงพูดขึ้น

    “เออหน่า..น้าชนะมันได้ก็พอแล้ว”พ่อของทารกหันหน้ามาพูดกับเด็กหญิงแล้วหันกลับไปหาภรรยาของเขา

    “ว่าแต่..ลูกของเรา เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงกันละ?”

    “เจ้าได้ลูกชาย”หมอทำคลอดพูดขึ้น

    “อย่างที่หมอบอก เราสองคนได้ลูกชาย”แม่ทารกกล่าวแล้วยิ้ม

    “เด็กผู้ชายหรอ!!?”น้าชายผู้เป็นพ่อเสียงสั่นแล้วหันหน้ามามองทารกน้อยที่นอนอยู่บนผ้านุ่มๆใกล้ๆกับมารดาของเขา

    “เราจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรกันดีละ”แม่ทารกถามขึ้น

    “เอ่ออ… เฟรย่าดีไหม??”

    “มันดูผู้หญิงไปมั้ง?”

    “ฮอดิกเป็นไงดีไหม?”หมอทำคลอดกล่าวขึ้นระหว่างที่ผู้เป็นพ่อเป็นแม่กำลังครุ่นคิดชื่อลูกอยู่

    “ฮอดิกหรอ ก็เข้าท่านะ”พ่อทารกรู้สึกเห็นด้วยกับชื่อนี้จึงยิ้มให้กับหมอทำคลอด

    “ฮอดิกหรอ อืมม…ฮอดิก? ฮอดิก.. ฮอร์ด..ชื่อฮอร์ดเป็นไง!?”แม่ของทารกน้อยกล่าว

    “ฮอร์ด!! ใช่ ชื่อนี้แหละ เหมาะกับลูกชายของเรา”พ่อทารกพูดเสียงดังเหมือนดีใจมากที่คิดชื่อลูกได้แล้ว

    “อีเลียด ฮอร์ด เป็นไงคะ!? หรือว่ามันดูเยอะไป?”เด็กหญิงตัวน้อยได้กล่าวขึ้นจากทางข้างหลังน้าชายผู้ซึ่งเป็นพ่อของเด็ก พ่อของเด็กชายได้หันหน้ามาหาเด็กหญิงคนนั้น

    “นั่นเป็นชื่อที่ดีมากๆเลยนะ”

    “ตกลงลูกเจ้าจะชื่ออะไรกันแน่เนี่ย!?”หมอทำคลอดทำเสียงสูง

    “ว่าไงคะ? ลูกเราจะชื่ออะไรดี”

    เมื่อได้ยินภรรยาว่าดังนั้นพ่อของทารกก็ได้เอามือไปโอบอุ้มลูกชายของตนขึ้นมา

    “ชื่อของเขา… อีเลียด ฮอร์ด!!”พ่อทารกชูหนุ่มน้อยของเขาขึ้นจากแขนทั้งสองข้าง


    แล้วตะโกนว่า “อีเลียด ฮอร์ดลูกพ่อ!!”เขาได้กล่าวเสียงดังออกมาจากใจที่เบิกบาน แล้วหัวเราะ “ฮ่าาา..ฮ่า..ฮ่าาาา!!”



    ภาค

    มหาบุรุษแห่งโอดิธัน
     
  4. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑ จงกล้าหาญ


    …วันเวลาผ่านเลยไปนานนับหลายปี…

    เหล่าชาวบ้านทั้งหลายยังคงดำเนินชีวิตกันตามปกติ เสียงสายฝนกระทบพื้นดินปรอยๆฟังแล้วเพลิดเพลินเสาะหู กับถนนหนทางที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา ในหมู่บ้านโอดิธันทางตอนใต้ของแผ่นดินกาเรียอัส…ณ บ้านหลังหนึ่ง


    “ฮอร์ด ฮอร์ด!!!”เสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเรียกดังมาจากข้างบนบ้าน

    “ข้ามาแล้วท่านแม่ เรียกข้าทำไมมิทราบขอรับท่าน…”

    “พ่อเจ้าไปไหน แม่จะทำอาหาร..แต่มันไม่มีอะไรเหลือพอที่จะทำได้เลย”

    “พ่อออกไปร้านตีเหล็ก เห็นบอกว่าจะไปตีขวานเล่มใหม่อ่ะแม่”

    “จริงๆเลยตาคนนี้ เอ่อนี่ฮอร์ด...แม่วานเจ้าออกไปล่าสัตว์ตามชายป่าให้แม่ทีได้ไหม”

    “ท่านแม่ ถึงข้าจะอายุย่าง ๑๗ ปี แต่ทักษะของข้ายังไม่แม่นพอที่จะพุ่งหอกโดนเป้านะ แค่แทงปลาข้าก็กินเวลาเยอะมากโขแล้ว”

    “โตแต่ตัวจริงๆเลยนะลูก”แม่กล่าวแนวเยาะเย้ย

    “แต่ข้าจะลองดู ต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้างล่ะนะแม่”เด็กหนุ่มฮอร์ดกล่าวแล้วเดินไปหยิบหอกที่แหลมคมลงบันไดจากบ้านไป

    “อย่าเข้าไปในป่าลึกนะลูก!!”แม่ตะโกนบอกมาจากบนบ้าน

    ฮอร์ดได้เดินไปตามหมู่บ้านด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส เขาเป็นคนรักการผจญภัย ความสนุกสนานตามประสาชายหนุ่ม ซึ่งแน่นอนเขาต้องไปชวนเพื่อนสนิทที่สุดของเขาคนหนึ่งที่ชื่อว่า เบิร์ก มาด้วย

    “เบิร์ก!!! ไปล่าสัตว์กัน”ฮอร์ดได้เดินมาถึงหน้าบ้านของสหายรักของตน

    “วันนี้จะไปที่ไหนอีกล่ะ เมื่อวานไปจับปลา ยังจับแทบไม่ได้เลย”ตัวเบิร์กเองก็ยืนอยู่หน้าบ้านพอดี

    “ไปแถวชายป่า ข้าจะหาสัตว์มาให้ท่านแม่ทำเป็นอาหารเย็นวันนี้”

    “อื้ม..งั้นก็ได้ รอประเดี๋ยว ไปเอาธนูก่อน”เบิร์กตอบตกลงแล้วเดินเข้าไปในบ้าน หยิบธนูคู่ใจของเขาออกมาแล้วพูดว่า

    “ฮอร์ด เมื่อไรเจ้าจะหัดยิงธนูสักที มันใช้งานง่ายและมีความแม่นยำกว่าหอกที่เจ้าถือเสียอีกนะจะบอกให้”พอพูดจบเขาก็ยื่นธนูทำท่าจะยิงให้ฮอร์ดดู แต่ใจของฮอร์ดนั้นกระตือรือร้นที่จะไปล่าสัตว์เต็มทีจึงไม่ค่อยได้สนใจสักเท่าไหร่

    “ไว้วันหลังละกัน แฮะๆ รีบไปเถอะเดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”

    จากนั้นทั้งสองก็ได้พากันเดินผ่านหมู่บ้านไปจนถึงทางออกเข้าสู่ชายป่า ชายหนุ่มสองคนเดินหาลู่ทางที่จะใช้นอนรอสัตว์ที่จะเดินออกมาจากป่าเพื่อความสะดวกในการล่า ตรงทิศซ้ายของชายป่ามีแหล่งน้ำใหญ่อยู่ เกิดจากฝนตกหนักเมื่อช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจนเกิดน้ำท่วม

    “เบิร์ก!”ฮอร์ดพูดขึ้นขณะกำลังทำการสำรวจพื้นดินบริเวณนี้

    “มีอะไร?”เบิร์กตอบโดยกำลังมองไปรอบๆชายป่า

    “ข้าว่าเรานอนสังเกตุตรงหลุมนี้ดีกว่า สัตว์ป่าไม่เห็นแน่นอน ถ้ามันออกจากชายป่าตรงนี้ แล้วเรานอนรอใกล้ๆกัน โอกาสที่ข้าจะพุ่งหอกถูกเป้าคงจะสูงขึ้น!!”

    “พูดเหมือนง่ายเลยนะ แล้วเจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าสัตว์ป่ามันจะออกมาบริเวณนี้ มันอาจจะไปเดินออกทางนู้น!! มุมซ้ายสุดนู่นก็ได้”เบิร์กกล่าวพร้อมชี้ไปตามที่พูด

    “ดูสิ! ตรงนี้มันมีรอยเท้าของสัตว์อยู่ รอยเท้ายังชัดเจนแบบนี้ ก็แสดงว่าเมื่อไม่นานมานี้มีสัตว์ป่าเดินออกมาจากตรงนี้ แล้วถ้าเรานอนรอในหลุมนั้น ระยะมันจะใกล้มากๆ ข้าต้องพุ่งหอกโดนเป้าได้อย่างแน่นอน”

    “ถ้าอย่างนั้น ก็เอาตรงนี้แหละ ระวังงูด้วยละกัน!!”

    เมื่อตกลงกันได้แล้ว เด็กหนุ่มทั้งสองก็ลงไปตั้งหลักรอสัตว์ป่าออกมาอยู่ในหลุมตื้นๆที่มีกอหญ้าสูงพอปิดไม่ให้มองเห็นได้ ทั้งสองรอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่เห็นสัตว์ป่าเดินออกมาสักตัวเดียว ฮอร์ดเริ่มวิตกกังวลเพราะมันใกล้จะเย็นแล้ว เขาเกรงว่าตัวเขาเองจะไม่สามารถหาของกินกลับมาฝากพ่อกับแม่ของเขาได้

    “ฮอร์ด! ข้าว่าพวกเราวันนี้คงคว้าน้ำเหลวอีกตามเคย กลับไปกินของเหลือที่บ้านดีกว่า นี่ก็ใกล้จะเย็นแล้ว เราควรกลับบ้าน เดี๋ยวพวกเสือมันออกมาแล้วเราสองคนจะงานเข้า!!”เบิร์กกล่าวด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายและเมื่อยล้า

    ฮอร์ดหลับตาโดยไม่พูดอะไร เขากำลังตั้งสมาธิเพื่อรอสัตว์ป่าออกมาเท่านั้น ในใจของฮอร์ดคิดว่าอย่างน้อยก็ขอให้ได้สักตัวก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรกลับไปบ้างเลย

    ….จนผ่านไปได้สักพักใหญ่ๆ ฮอร์ดรู้สึกหมดความอดทน เพราะแสงที่ส่องผ่านก้อนเมฆที่หนาอึมครึมมันกำลังจะค่อยๆน้อยลงทุกที นั่นบ่งบอกว่าขณะนี้เย็นมากแล้ว ฮอร์ดจึงลุกขึ้นหยิบหอกแล้ววิ่งเข้าไปในป่า

    “เห้ยย!! ฮอร์ด เจ้าจะทำอะไร ฮอร์ด!!!”เบิร์กตะโกนเรียกฮอร์ดด้วยความตกใจ ฮอร์ดไม่ตอบ เขาวิ่งเข้าป่าอย่างมุ่งมั่น แล้วกำหอกแน่นอยู่ในมือข้างขวา เบิร์กรีบวิ่งตามฮอร์ดเข้าไปด้วยความเป็นห่วง ฮอร์ดเดินเข้าไปลึกเท่าไหร่ ก็หาเจอสัตว์ป่าสักตัวไม่ เมื่อเขาเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ก็ได้เห็นแม่น้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า คาดว่าคงจะเป็นแม่น้ำกลางป่าแห่งนี้ แต่ทว่าสิ่งที่ฮอร์ดเห็นอยู่ในแม่น้ำนั้น คือดงจระเข้ ที่มีมากมายหลายตัว ฮอร์ดยืนคิดตัดสินใจบางอย่าง อย่างเข้มขรึมพร้อมกับมองไปรอบๆ แล้วเมื่อเขาตัดสินใจได้ เขาปีนขึ้นไปบนต้นไม้ ที่มีกิ่งก้านยื่นออกมายาวทอดไปถึงกลางแม่น้ำที่มีจระเข้ เบิร์กวิ่งตามมาถึง ก็ต้องตกใจหนักกว่าเดิม เพราะสิ่งที่ฮอร์ดกำลังทำมันบ้ามาก มีแต่ชายที่จะเป็นนักรบเท่านั้นที่จะทำเพื่อพิสูจน์ความกล้าหาญ แต่ฮอร์ดไม่ใช่ ฮอร์ดยังเป็นแค่เด็กหนุ่มธรรมดาๆ เบิร์กจึงตัดสินใจ

    “ฮอร์ด!!! นี่เจ้าจะฆ่าตัวตายรึไง ถอยกลับมา”เบิร์กตะโกนไปหาฮอร์ดที่อยู่บนต้นไม้กลางแม่น้ำ

    “ข้ารู้ว่ามันบ้า!!! แต่ข้าไม่เห็นสัตว์ป่าสักตัวระหว่างทางที่เดินเข้ามา ข้าไม่มีทางเลือก ข้าจะระวังตัวให้มากที่สุดเบิร์ก..เพราะข้าไม่ยอมกลับบ้านไปมือเปล่าแน่ๆ”

    เบิร์กเห็นว่าคงเกลี้ยกล่อมฮอร์ดให้ลงมาไม่ได้ เขาจึงตัดสินใจรีบวิ่งกลับออกไปจากป่าลึกด้วยความเร็ว เพื่อไปบอกแก่พ่อแม่ของฮอร์ดให้รีบมาช่วย ระหว่างที่เบิร์กกำลังวิ่งออกไป ฮอร์ดได้คิดหาวิธีที่จะสังหารจระเข้สักตัวหนึ่งให้ได้ เขากวาดสายตามองหาจระเข้ที่อยู่รวมกลุ่มกันน้อยๆ หรืออยู่เพียงตัวเดียว เขามองหาอยู่สักพักก็เห็นจระเข้ตัวหนึ่งนอนอยู่บนเนินดินของอีกฝั่ง แต่จระเข้ตัวนั้นอยู่ไกลระยะการขว้างหอกของฮอร์ดมากเกินไป ฮอร์ดคิดหาทางแล้วหาทางเล่าเป็นเวลานานจนเย็นมากแสงเริ่มหาย กระแสน้ำก็เชี่ยวกรากน่ากลัวยิ่งนัก ขณะนั้นเบิร์กได้วิ่งไปถึงบ้านของฮอร์ดโชคยังดีที่พ่อของเขากลับมาจากร้านตีเหล็กแล้ว

    “อ้าวเบิร์ก! ไปทำอะไรมาถึงได้หอบมายังงั้นละ”แม่ของฮอร์ดถามเมื่อเห็นเบิร์กในอาการหอบเหนื่อย

    “แย่แล้วครับ!!! ฮะ..ฮอร์ด ฮอร์ดกำลังล่าจระเข้ในแม่น้ำกลางป่าชาร์คครับ”

    “ว่าไงนะ!!! ลูกชายฉัน”

    “รีบพาข้าไปเร็ว!!”พ่อของฮอร์ดรีบออกจากบ้านไปในทันทีเมื่อได้ยินดังนั้น

    “เร็วๆนะ กาแลค”แม่ของฮอร์ดบอกสามีของเธอ

    “อย่าห่วงเลยอาธาร์ เดี๋ยวข้าจะพาลูกของเรากลับมา”กาแลคพ่อของฮอร์ดตอบกลับ แล้วรีบวิ่งไปพร้อมกับเบิร์ก

    ทางฝั่งฮอร์ดยังคงคิดหนักอยู่ ในตอนนั้นฮอร์ดได้สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อเป็นการเตรียมตัวเตรียมใจ ทว่าสิ่งที่เขาตัดสินใจจะทำนั้นมันบ้ายิ่งกว่าปีนขึ้นต้นไม้ที่ทอดกิ่งก้านใหญ่อยู่กลางแม่น้ำเสียอีก

    ฮอร์ดหลับตาลง “ขอความกล้าจงเกิดแก่ข้า!!”
     
  5. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๒ ใจสู้


    ...เมื่อฮอร์ดลืมตาขึ้น เขาก็ได้กระโดดลงแม่น้ำที่เชี่ยวกรากที่มีจระเข้นับร้อยตัว ฮอร์ดอาศัยโอกาสน้ำที่แรงเชี่ยวนี้พัดพาเขาไปหาจระเข้ที่นอนอยู่บนเนินดินฝั่งตรงข้าม เมื่อเขาจมลงไปในแม่น้ำ เหล่าจระเข้ต่างว่ายมุ่งตรงมาทางฮอร์ด ฮอร์ดทำตัวเบา ปล่อยให้ไหลไปตามน้ำ ในช่วงที่ฮอร์ดกำลังลอยบนผิวน้ำที่เชี่ยวแรงอยู่นั้น ก็ได้มีจระเข้ที่ว่ายน้ำอยู่บริเวณนั้นโผล่ขึ้นมางับขาของฮอร์ด แต่โชคยังเข้าข้างด้วยกระแสน้ำที่แรงทำให้จระเข้ตัวนั้นงับพลาดไปนิดเดียว ฮอร์ดในขณะนั้นรู้สึกว่าตัวเองคิดผิดอย่างแรง เขาลืมนึกถึงไปว่าใต้น้ำก็ยังมีจระเข้ที่แหวกว่ายอยู่โดยที่เขาไม่อาจสังเกตุเห็นได้เลย แสงสว่างก็เริ่มจางหาย หน้าพ่อหน้าแม่ก็ลอยเข้ามาในหัวของฮอร์ด เขารู้สึกเหมือนจะต้องจบชีวิตลงที่นี่เสียแล้ว แล้วเมื่อฮอร์ดกำลังลอยกระแสน้ำเชี่ยวไปอยู่นี้เอง เขาสังเกตุเห็นจระเข้ตัวนั้นที่อยู่บนเนินดินมันวิ่งลงน้ำพุ่งว่ายตรงมาหาตัวเขาเองเสียซะงั้น ฮอร์ดรู้สึกแย่มากกว่าเดิม ความรู้สึกตอนนั้นเหมือนกำลังรอจระเข้มาคาบเอาชีวิตของเขาไป ในจังหวะนั้นมีจระเข้มหึมาสองตัวพุ่งขึ้นมาจากน้ำพยายามจะคาบฮอร์ดลงไปกิน ฮอร์ดรีบหลบทำให้จระเข้สองตัวนั้นมันชนกัน ในตอนนี้เองที่ฮอร์ดใช้ไหวพริบรีบคว้าหอกของเขาพุ่งแทงไปตรงคอจระเข้ขณะที่มันหันหน้าท้องมา ด้วยความคมมากๆของหอกสามารถแทงทะลุจระเข้ตัวนั้นได้ ฮอร์ดไม่รอช้า เอาหอกของเขาดันจระเข้ให้หงายท้องเพราะเวลานั้นกระแสน้ำพัดเข้ามาใกล้กับพื้นดินมากพอที่จะดีดตัวโดยการใช้เท้าถีบพุ่งจากจระเข้ที่หงายท้องตัวนี้ ฮอร์ดรีบดำเนินการทำอย่างรวดเร็ว ถ้าช้าไปแม้แต่นิดเดียวจระเข้อีกตัวที่อยู่ข้างหลังจะงับเขาเอาได้ เขาทุ่มแรงทั้งหมดดันจระเข้ที่ถูกเขาแทงให้หงายท้อง แล้วใช้เท้าถีบพุ่งกระโจนออกไปอย่างรวดเร็วและรุนแรง จนเมื่อเท้าของฮอร์ดแตะพื้นแล้ว เขาไม่รอช้ารีบยื่นมือไปจับปลายหอกที่แทงจระเข้ตัวนั้นไว้ อีกมือหนึ่งก็โอบต้นไม้ข้างๆอย่างแน่นหนา เขาจับปลายหอกพยายามเอามาให้เถาวัลย์ใกล้ๆต้นไม้นี้พันปลายหอกเอาไว้ไม่ให้ไปไหน เขาต้องระวังเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นจระเข้ในแม่น้ำอาจพุ่งขึ้นมากัดได้ เมื่อฮอร์ดเห็นว่าปลายหอกและจระเข้ซึ่งถูกเขาสังหารติดพันอยู่ในเถาวัลย์ไปไหนไม่ได้แน่แล้ว ฮอร์ดก็รีบวิ่งขึ้นไปบนพื้นดินสูงจากริมน้ำด้วยความกระเสือกกระสน เขาหันหลังมองลงมายังแม่น้ำ ในใจเขานั้นแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเองเลยว่า เขาสามารถฆ่าจระเข้ขนาดยักษ์ได้ ฮอร์ดปล่อยตัวล้มลงนอนกับพื้นดินแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาด้วยความตื้นตันที่รอดมาจากความตายได้

    เขายิ้มและรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก เขานอนอยู่อย่างนั้นไปสักพัก แล้วฝั่งทางพ่อของฮอร์ดกับเบิร์กก็ได้วิ่งมาถึงชายป่าและเจอชายคนหนึ่งอยู่บริเวณนั้นดูท่าดูทางเหมือนกำลังล่าสัตว์แถวนี้อยู่ในเวลาตอนเย็นเกือบพลบค่ำ

    “อ้าวว! กาแลคจะไปไหนละนั่น ท่าทางร้อนรนเชียว”ชายหนุ่มคนนั้นถาม

    “ลูกข้ากำลังลงไปในแม่น้ำที่มีจระเข้ ข้าต้องรีบไปห้ามเขาไม่งั้นเขาถูกจระเข้กัดตายแน่”กาแลครีบตอบ แล้วรีบวิ่งเข้าไปในป่าพร้อมกับเบิร์ก

    “เฮ้ยๆๆ รอก่อนสิเว้ยข้าขอไปด้วยคน”ชายคนนั้นกล่าวพร้อมวิ่งตามกาแลคกับเบิร์กเข้าไปอีกคน

    กลับมาที่ฮอร์ดเมื่อเขานอนยิ้มจนพอใจเขาก็ลุกขึ้นพูดพึมพำ

    “ได้เอนหลังแล้วพอมีแรงขึ้นมาหน่อย”

    ฮอร์ดบิดตัวยืดแขนไปมาหลังจากนั้นก็ได้เดินลงไปที่ริมแม่น้ำ เหล่าจระเข้ทั้งหลายก็ต่างว่ายน้ำกันตามประสาของมัน ฮอร์ดเดินลงไปอย่างระมัดระวังและเงียบเพื่อไม่ให้เหล่าจระเข้มันตื่นตัว เขาเดินลงไปจับปลายหอกที่ถูกเถาวัลย์พันอย่างแน่นหนา ค่อยๆใช้แรงของตนลากปลายหอกที่แทงจระเข้ไว้อย่างเบาๆ พร้อมแหวกเถาวัลย์ที่พันอยู่รอบๆตัวจระเข้ ฮอร์ดดึงเถาวัลย์ออกจนจระเข้กับปลายหอกหลุดออกมาได้ แล้วเขาจึงออกแรงดึงมาให้ใกล้เนินดินมากที่สุดเพื่อที่ฮอร์ดนั้นจะได้ลากเจ้าจระเข้ตัวนี้ขึ้นมา เพราะกระแสน้ำนั้นแรงมาก ต่อมาเมื่อฮอร์ดลากมาไว้ตรงเนินดินได้สำเร็จ ก็มีจระเข้ตัวหนึ่งเห็นเข้า มันก็ได้รีบแหวกว่ายเข้ามาหาฮอร์ด เขาไม่รอช้าแบกจระเข้ตัวใหญ่นั่นขึ้นหลังของเขาทันที

    “หนักเป็นบ้าเลยโว้ยยย!!!”ฮอร์ดพูดเสียงดังพร้อมรีบแบกเจ้าจระเข้

    กว่าฮอร์ดจะเดินได้แต่ละก้าวจระเข้ตัวนั้นก็ว่ายมาถึงตัวฮอร์ดแล้วได้งับเข้าที่หางของจระเข้ที่ฮอร์ดนั้นได้แบกอยู่ แรงกัดของมันทำให้ฮอร์ดแทบทรุดลงไปนั่ง มันคิดที่จะลากจระเข้ตัวนั้นกับฮอร์ดลงไปในน้ำด้วย ฮอร์ดไม่ยอมแพ้งัดแรงออกมาเต็มที่ แต่ทว่าผู้แข็งแกร่งย่อมได้เปรียบผู้ที่อ่อนแอ ขาของฮอร์ดเริ่มไถลลงไปในน้ำแล้วข้างหนึ่ง ฮอร์ดยังไม่ยอมปล่อยจระเข้ที่แบกอยู่บนหลังทิ้งไป นั่นเพราะนี่คือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ก้าวแรกในชีวิตของเขา เขาจะปล่อยให้มันหายวับไปกับตาไม่ได้

    “กล้ามเนื้อข้าจะฉีกแล้วให้ตายเถอะ!!”

    เขาเอาแรงเข้าสู้เต็มที่จนแขนของเขาอ่อนล้า ทันใดนั้นเองได้มีศรธนูดอกหนึ่งพุ่งเข้าไปแทงที่ดวงตาของจระเข้ที่กำลังลากฮอร์ดอยู่จนมันปล่อยเขาและดิ้นทุรนทุรายลงแม่น้ำด้วยความเจ็บปวด

    “ฮอร์ด!!!”เสียงของกาแลคดังขึ้น

    “สะ..เสียงพ่อนี่!?”

    “โอ้วว!! ให้ตายเถอะ นี่เจ้าทำอะไรเนี่ย!!?”ชายฉกรรจ์ที่ตามมาด้วยพูดขึ้นเมื่อเห็นภาพตรงหน้า

    ส่วนเบิร์กรีบวิ่งลงมาที่เนินดินข้างล่างริมแม่น้ำพร้อมถือธนูไว้ด้วยเพื่อมาช่วยฮอร์ดทันที

    “ฮอร์ด!! นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นอีกเนี่ย!!?”เบิร์กพูดขึ้นด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น

    “ตอนแรกพ่อโมโหนะฮอร์ด แต่ตอนนี้ลูกทำให้พ่อมึนไปหมดแล้ว!!”

    “กาแลค!! ลูกชายเจ้า..ฆ่าจระเข้ได้ แถมตัวใหญ่มากเสียด้วย!!!”ชายฉกรรจ์คนนั้นเดินมายืนข้างๆพ่อของฮอร์ด

    “ข้า..ไม่ไหวแล้ว”ฮอร์ดพยายามพูดด้วยสีหน้าที่อ่อนระทวยก่อนจะหลับฟุบลงไปกับพื้นดิน เบิร์กได้รีบชันเข่านั่งลงไปใกล้ๆสหายรักของเขา

    “ฮอร์ด..ฮอร์ด!!!”

    “คงจะเหนื่อยมากเลยสิ สลบซะงั้น”ชายที่ตามมาด้วยพูดขึ้น

    “เอาละ..ข้าว่ารีบแบกฮอร์ดกับจระเข้ตัวนี้ขึ้นมาไว้ข้างบนก่อนเถอะ เดี๋ยวจระเข้ตัวอื่นมันจะแห่กันมาเสียก่อน”กาแลคเดินลงไปที่ริมน้ำพร้อมกับชายคนนั้น

    “ข้าไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ข้าเห็นเลยจริงๆ”เบิร์กได้ยิ้มออกมาด้วยความภูมิใจในตัวเพื่อนของเขา

    จากนั้นชายหนุ่มทั้งสามก็ได้แบกฮอร์ดกับจระเข้ตัวนั้นขึ้นมา

    “นี่ก็จะค่ำละ ข้าว่ากลับหมู่บ้านคราวนี้ มีเฮฮาแน่เลยกาแลค?”ชายฉกรรจ์ทำหน้ายิ้มแย้ม

    “ข้าบอกตามตรงเลยนะ ว่าข้าทึ่งในตัวของฮอร์ดจริงๆ อาธาร์ต้องนึกไม่ถึงแน่”ในระหว่างที่ชายฉกรรจ์ทั้งสองคนกำลังคุยกัน เด็กหนุ่มเบิร์กก็ได้พูดแทรกขึ้น

    “ข้าว่ารีบออกจากป่าก่อนจะดีกว่านะท่าน ค่ำแล้วเดี๋ยวพวกเสือพวกสัตว์ดุร้ายมันจะออกมาหากินกัน”

    “นั่นสิ..เอาล่ะ! รีบออกจากป่านี่กันก่อนเถอะเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง”กาแลคพยักหน้าแล้วรีบนำหน้าแบกพาฮอร์ดกับจระเข้กันออกไปจากป่า…
     
  6. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๓ ค่ำคืนที่ต้องจดจำ


    ...ณ ที่บ้านของฮอร์ดอาธาร์มารดาของเขากำลังนั่งรออย่างอาลัยอาวรณ์น้ำตาคลออยู่ที่ดวงตาทั้งสอง เธอพยายามภาวนาในใจขอให้สามีของเธอช่วยลูกชายอันเป็นที่รักกลับมาให้ได้ทันท่วงที นางนั่งอยู่อย่างนั้นตรงหน้าต่างในห้องบนบ้าน คอยชะเง้อมองเมื่อมีคนเดินผ่าน ในใจก็หวังว่าจะให้เป็นสามีและลูกชาย ในขณะนั้นกาแลคพ่อของฮอร์ดและเบิร์กพร้อมชายชาวบ้านผู้เป็นสหายของกาแลคได้แบกฮอร์ดและจระเข้ตัวมหึมา มาถึงทางเข้าหมู่บ้านพอดี แล้วได้พบกับลุงขี้เมาคนหนึ่งกำลังร้องรำทำเพลงอยู่คนเดียว

    “ดวงดาวเอ้ยย!! มาให้พี่กอดจูบหน่อยสิ พี่ล่ะเหงาใจจะขาด อยากระบายรักให้เจ้าสัมผัสเอ้ยยยย!!”ขี้เมาคนนั้นเดินไปหนึ่งก้าวก็ยกสุราเข้าปากไปหนึ่งซด เดินวนเดินเซอยู่ตรงนั้นเพราะเมาไปไหนไม่ถูก เมื่อพวกของกาแลคและเบิร์กเดินใกล้เข้ามาถึงทางเข้า ขี้เมาก็สังเกตุเห็นด้วยสายตาที่เบลอๆ

    “เห้ยย!! พวกเจ้าไปทำอะไรกันมาา!!! เหงื่อแตกปากห้อยกันมาเชียว นั่นเจ้าเบิร์กนี่ แบกใครมาด้วยน่ะ แฟนเรอะ!! ฮ่าฮ่าฮ่า”

    ทั้งสามคนนั้นเหนื่อยหอบจากการแบกฮอร์ดและจระเข้เลยไม่ค่อยมีอารมณ์จะพูด ต่อมาขี้เมาก็หันมาทางกาแลคและชายฉกรรจ์คนนั้น

    “แล้วเจ้าสองตัวเอ้ยสองคน แบกตัวอะไรมาล่ะเนี่ย จิ้งจกเหรออ เฮอะๆ ไปหามาจากไหนน่ะตัวใหญ่ดี เอามาทำเป็นกับแกล้มไว้กินกับเหล้าดีกว่าหน่า!!”ขี้เมากล่าวเสร็จก็ขยี้ตาแล้วเดินเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะได้เห็นชัดๆว่ามันคือตัวอะไร

    “เห้ยยย!!! จระเข้ยักษ์!!”เมื่อขี้เมาเข้ามาเห็นชัดๆดังนั้นจึงตะโกนเสียงดังลั่นหมู่บ้าน

    เป็นเหตุทำให้พวกชาวบ้านออกมาจากบ้านของตนมาดูว่ามีอะไรกัน

    “ก็จระเข้น่ะสิ! ถอยไป..ข้าจะรีบกลับไปที่บ้าน วันนี้ข้าเหนื่อยมามากพอแล้ว”กาแลคกล่าวด้วยสีหน้าอ่อนเพลียแล้วเดินผ่านขี้เมาคนนั้นไปพร้อมกับเบิร์กและชายฉกรรจ์เข้าสู่หมู่บ้าน

    เหล่าชาวบ้านที่ออกมาเห็นกาแลคเดินเข้ามาใกล้ๆก็เห็นเป็นจระเข้ยักษ์ขนาดมหึมา พวกชาวบ้านเหล่านั้นต่างพากันตะลึงในสิ่งที่เห็น

    “กาแลค!! นี่แกเป็นคนฆ่าเจ้าจระเข้ยักษ์ตัวนี้หรอ?”ชายชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนที่เริ่มทะยอยมารายล้อมมุงดูกัน

    “เปล่าหรอก..เจ้าบึ้มตัวนี้เป็นฝีมือของลูกชายข้าเอง”กาแลคเองได้หันหน้าไปตอบชายที่ถามคนนั้น

    “โห!!”เสียงชาวบ้านที่ยืนรอบๆข้างดังขึ้นพร้อมกับมีเสียงแว่วๆของชายคนหนึ่งพูดขึ้นว่า

    “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าฮอร์ดลูกชายเจ้าจะสามารถฆ่าจระเข้ตัวใหญ่ขนาดนั้นได้”ทำให้ชาวบ้านอีกคนที่อยู่ใกล้ๆกันพูดดูถูกขึ้นมาบ้าง

    “ใช่ๆ เจ้าฮอร์ดเนี่ยนะเหรอจะทำได้ ข้าเคยเห็นมันพุ่งหอกเล่นนะ ไม่เคยแม่นสักครั้ง ขนาดเป้าอยู่ห่างแค่ไม่กี่สิบก้าวเอง โธ่! ข้าไม่เชื่อหรอกอย่ามาอวยลูกตัวเองเลย”

    “เห็นด้วยๆ เจ้าฮอร์ดมันเป็นแค่ลูกชาวบ้านธรรมดาๆจะไปมีฝีมือขนาดนักรบที่สามารถสังหารจระเข้ได้ยังไงกัน ถ้าเป็นลูกจระเข้ล่ะก็ข้าจะไม่สงสัยเลยละ ฮ่าฮ่าฮ่า!!”และชาวบ้านคนหนึ่งก็พูดกล่าวออกมาด้วยสีหน้าล้อเลียนทำให้กาแลคเริ่มหงุดหงิด

    “นี่พวกเจ้า!! พูดยังงี้มาซักฝุ่นกันดีกว่า”กาแลคตะคอกเสียงดังด้วยความโมโห จนทำให้ชายฉกรรจ์ผู้เป็นสหายของกาแลคเอ่ยขึ้นมาว่า

    “ฮอร์ดฆ่าจระเข้ตัวใหญ่นี้ได้จริงๆ ข้าเป็นพยานได้ ข้านี่แหละเห็นมากับตาตนเองตอนที่เจ้าหนุ่มคนนี้กำลังแบกจระเข้ตัวนี้ขึ้นบก แล้วอาวุธที่หนุ่มคนนี้ใช้สังหารจระเข้มหึมาตัวนี้เป็นเพียงแค่หอกไม้ที่เหลาจนคมธรรมดาๆเล่มหนึ่งเท่านั้นเอง ไม่ใช่ขวานหรืออาวุธชั้นดีที่ทำมาจากเหล็กชั้นยอดด้วย!!”พอพวกชาวบ้านได้ยินดังนั้นก็ถึงกับเงียบเพราะสายตาและคำพูดที่หนักแน่นของชายฉกรรจ์คนนี้

    “ส่วนนี่คือหอกที่เขาใช้ฆ่าจระเข้ตัวนี้!!!”เบิร์กได้ชูหอกที่ฮอร์ดใช้แทงจระเข้ตัวนั้นจนตายสุดแขนให้พวกชาวบ้านได้เห็นเต็มตา

    “โห!! หอกธรรมดาจริงๆด้วย”

    ชาวบ้านมากมายต่างพากันมาดูใกล้ๆแล้วพูดขึ้น บางส่วนก็เข้ามาดูฮอร์ดและเห็นรอยแผลรอยถลอกก็ต้องตกใจเพราะสิ่งที่กาแลคและพวกของเขาพูดดูท่าจะเป็นความจริง แล้วในขณะนั้นเองได้มีคนเฮแสดงความยินดีขึ้นมาทำให้พวกชาวบ้านทั้งหลายต่างเฮตามและยินดีด้วยกับฮอร์ด ส่วนคนที่พูดจาไม่ดีไว้ตอนแรกก็เข้ามาขอโทษที่พูดจาดูถูกเหยียดหยามไป

    “เอาล่ะชาวโอดิธัน!! คืนนี้เรามาฉลองให้กับครอบครัวของกาแลคและลูกชายของเขา อีเลียด ฮอร์ด!!กันดีกว่า”ชาวบ้านคนหนึ่งขึ้นไปบนโต๊ะพร้อมกับลั่นวาจาดังลั่น

    “ไว้โอกาสหน้าละกัน วันนี้ข้าเหนื่อยและอ่อนเพลียเหลือเกิน ข้าอยากพักผ่อน เอาไว้วันหลังเถอะ”กาแลคกล่าวปฏิเสธอย่างนุ่มนวล และทั้งสามคนก็ได้แบกฮอร์ดกับจระเข้เดินต่อเพื่อกลับไปยังบ้านของกาแลค แต่ระหว่างกำลังเดินไปอยู่นั้นเบิร์กได้หันกลับมาหาชาวบ้านที่ยืนมองอยู่ข้างหลังแล้วกล่าวว่า

    “ในแม่น้ำนั้นมีจระเข้นับร้อยตัวที่พร้อมจะพรากเอาชีวิตทุกคนที่ไปที่นั่น แต่พวกมันไม่สามารถเอาชีวิตของเพื่อนข้าไปได้ ที่สำคัญ…ฮอร์ดอยู่เพียงลำพังในตอนนั้น พวกท่านก็ลองคิดดูละกัน ว่าเขาสามารถสังหารจระเข้ตัวใหญ่ขนาดนี้ในแวดวงจระเข้นับร้อยตัวได้ยังไงกัน ขนาดผู้ที่ได้ชื่อว่านักรบยังต้องอาศัยเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆ แต่เพื่อนข้าอีเลียด ฮอร์ด! แค่คนเดียว”ซึ่งคำพูดนี้ทำให้พวกชาวบ้านทั้งหลายยืนอึ้งในสิ่งที่เบิร์กได้พูดก่อนจะเดินหันหลังไป แล้วเมื่อทั้งสามได้แบกฮอร์ดและจระเข้มาจนถึงบ้านของกาแลคแล้ว อาธาร์ที่กำลังนั่งรออย่างมีความทุกข์ตรงหน้าต่างบนบ้านก็ได้เห็นสามีของนางเดินทางกลับมาถึงสักที อาธาร์รีบวิ่งออกจากห้องลงบันไดไปข้างล่าง

    “กาแลค!! ลูกเราละ!! ลูกเราอยู่ไหน!!?”

    “อยู่นี่ครับ!”เบิร์กค่อยๆแบกร่างของฮอร์ดไปให้อาธาร์ผู้ซึ่งเป็นแม่ได้เห็นใกล้ๆ

    “ฮอร์ด!! ลูกแม่”อาธาร์รีบโผเข้าไปพยุงฮอร์ดจากหลังของเบิร์กประคองลงมาในท่านั่งตรงบันไดบ้าน

    “เจ้าหนูนี่คงเหนื่อยมาก หลับเป็นตายเชียว”ชายฉกรรจ์กล่าว

    “กาแลค พวกท่านทั้งสองช่วยกันแบกตัวอะไรกันมาหรือ?”จากนั้นอาธาร์เธอได้หันไปเห็นสิ่งที่สามีของเธอและสหายช่วยกันแบกอยู่

    “จระเข้น่ะที่รัก ลูกชายเราเป็นคนสังหารเจ้าจระเข้ตัวมหึมาตัวนี้ด้วยตัวของเขาเองเชียวนะ”

    “เธอว่าอะไรนะ!!!? “

    “ฮอร์ดเป็นคนฆ่าจระเข้ตัวนี้ครับ”เบิร์กได้พูดย้ำอีกที

    “จะ..จริงหรอเบิร์ก!!?”

    “จริงครับ!!”เบิร์กตอบ

    อาธาร์ได้ยินได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกทึ่งในตัวลูกชายของเธอเอง เพราะไม่เคยมีเด็กหนุ่มชาวกาเรียอัสในหมู่บ้านโอดิธันคนไหนกล้าทำขนาดนี้มาก่อน อาธาร์มองดูฮอร์ดที่กำลังนอนสลบ เธอเห็นบาดแผลของลูกเต็มตัวไปหมด อาธาร์น้ำตาไหลแล้วได้กอดฮอร์ดลูกชายของเขา

    “แม่ไม่น่าใช้ลูกไปล่าสัตว์ที่ชายป่าเลย หากลูกแม่ไม่สามารถเอาชนะเจ้าจระเข้แสนดุร้ายเหล่านั้นได้ ตอนนี้แม่ก็คงไม่ได้เจอหน้าลูกอีกแน่ๆ ฮอร์ดลูกแม่..แม่ขอโทษนะลูกนะ..อย่าโกรธแม่..ที่ใช้เจ้าไปล่าสัตว์…อย่าโกรธแม่นะลูก..”

    “เธอไม่ผิดหรอกที่รัก ในช่วงเวลาอันเลวร้ายที่ลูกชายเราประสบพอเจอมันได้ผ่านมาแล้ว นี่คงเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ แต่ว่าตอนนี้ลูกของเราปลอดภัย ก็นับว่าดีเลิศประเสริฐมากแล้วนะ”กาแลคนั่งลงไปโอบกอดอาธาร์แล้วพูดกับเธอที่กำลังร้องไห้ ในตอนนั้นเบิร์กก็ได้หันไปคุยกับชายฉกรรจ์ที่ตามมาด้วยกัน

    “ว่าแต่ท่านชื่ออะไร?”

    “อ๋อ..นี่คนรู้จักข้าเองเบิร์ก เขาชื่ออัสคัส! เขาเป็นเพื่อนที่ดี ต้องขอบใจเขาเลยวันนี้”กาแลคหันไปบอกเบิร์กและกล่าวขอบคุณอัสคัส ชายผู้เป็นสหายของเขา ซึ่งอาธาร์นั้นก็ได้หันหน้าไปกล่าวขอบคุณอัสคัสด้วยน้ำตาที่นองหน้า

    “ข้าเองก็ต้องขอบคุณเจ้าด้วยนะอัสคัส ที่ช่วยลูกชายของข้า”

    “ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกเจ้า ลูกชายของเจ้ากาแลค ตอนที่ข้าเห็นเขากำลังสู้กับแรงจระเข้ที่กำลังลากเขาลงไปในน้ำ ฮอร์ดในตอนนั้นไม่มีทีท่าว่าจะยอมแพ้เลยสักนิดเดียว ข้าได้เห็นความเพียรพยายามและหัวใจของนักสู้ในตัวของเด็กหนุ่มคนนี้ ข้าชักชอบเจ้าฮอร์ดมันเสียแล้ว!!!”อัสคัสกล่าวให้ทุกคนฟัง

    “ข้าดีใจนักที่ท่านพูดชมเพื่อนข้าขนาดนี้”เบิร์กแสดงความยินดีออกหน้าออกตา

    “ที่รัก!! เธอพาลูกขึ้นไปนอนพักในห้องเถอะนะ นี่ก็ค่ำมากแล้ว”กาแลคบอกกับอาธาร์ภรรยาของเขา เบิร์กก็รีบไปพยุงฮอร์ดทันทีที่ได้ยิน

    “เดี๋ยวข้าช่วยอีกแรงครับ”

    “ขอบใจนะเบิร์ก..ช่วยหน่อยนะ”เบิร์กกับอาธาร์ช่วยกันประคองร่างของฮอร์ดขึ้นบันไดไปในห้องบนบ้านอย่างช้าๆและระมัดระวัง ส่วนกาแลคถอนหายใจหนึ่งครั้งก่อนจะบอกกับอัสคัสว่า

    “เอาล่ะสหาย! เราสองคนมาเหนื่อยกันอีกหน่อยเถอะ ช่วยกันแบกเจ้าจิ้งจกยักษ์นี่ไปไว้ใต้ถุนบ้านข้าตรงนั้นหน่อย”

    “งั้นรีบจัดการเถอะ! เพราะข้าเองก็ง่วงนอนมากแล้ว กลับบ้านไปจะนอนให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย”แล้วทั้งสองก็ช่วยกันแบกจระเข้ยักษ์ตัวนั้นไปไว้ใต้ถุนบ้านจนเสร็จสรรพ สองสหายต่างลากัน อัสคัสก็ได้เดินทางกลับบ้านของตน กาแลคก็ได้เดินขึ้นบันไดสวนกับเบิร์กที่กำลังจะเดินลงมา

    “วันนี้ขอบใจเจ้ามากนะ ที่วิ่งมาบอกข้า และก็ขอบใจอีกครั้งหนึ่งที่ยิงธนูใส่เจ้าจระเข้ตัวนั้น เจ้ามีฝีมือและเป็นเพื่อนที่ดีของลูกชายข้ามาตลอดตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ขอบใจมากนะ”

    “ฮอร์ดคือเพื่อนรักของข้า เขาเปรียบเสมือนชีวิตอีกชีวิตหนึ่งของข้า ข้าขาดเขาไม่ได้ ฝันดีนะครับ”เบิร์กหันมาพูดก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปสู่บ้านของเขา กาแลคเองก็ได้ยิ้มให้กับเบิร์กที่กำลังเดินกลับบ้านไป


    จนเมื่อมาถึงบ้านเบิร์ก…เสียงของเบิร์กที่เปิดประตูเข้าไปในบ้านของเขาก็ได้ดังขึ้น มองดูเข้ามาข้างในเป็นบ้านที่มีลักษณะสวยงามดูมีราคาหลังหนึ่งในหมู่บ้านโอดิธันเลยทีเดียว

    “นี่ลุงแบร! ยังไม่นอนอีกเหรอ ดึกมากแล้วนะ”เบิร์กพูดกับลุงของเขาที่กำลังนั่งอยู่หน้าเตาไฟ

    “ข้าก็รอเจ้าอยู่นั่นแหละ เมื่อหัวค่ำเห็นชาวบ้านเขารือกันว่า เจ้าฮอร์ดเพื่อนหลานมันฆ่าจระเข้ตัวใหญ่ได้น่ะ เจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่าเบิร์ก”

    “รู้สิ! ก็ข้าเป็นคนเห็นเหตุการณ์นี้มากับตาตัวเองเลยล่ะลุง”

    “หมายความว่าไง??”

    “ข้าก็หมายความว่าข้าอยู่ด้วยกับฮอร์ดตอนที่เขาสู้กับจระเข้ไงครับลุง”

    “ก็เห็นชาวบ้านบอกกันว่าฮอร์ดลงไปฟัดกับจระเข้ตัวคนเดียวไม่ใช่หรอ แล้วเจ้าจะไปอยู่ในเหตุการณ์ได้อย่างไร”

    “ใช่! ฮอร์ดลงไปฟัดกับจระเข้ตัวคนเดียวจริง ข้าน่ะมาตอนที่เขาสังหารจระเข้ได้แล้ว ลุงแบรรู้แค่นี้แหละ ข้าง่วงข้าอยากนอน ข้าล้า ข้าเหนื่อย ข้าเพลีย ข้าไม่มีแรงแล้ววว…”เบิร์กรีบพูดรีบตอบด้วยความอ่อนเพลีย

    “ไปนอนเถอะ…ลุงไม่กวนแล้ว ฝันดีนะเบิร์ก”

    “ฝันดีครับลุง”เบิร์กตอบแล้วเดินเข้าไปในห้อง เขากระโดดลงบนที่นอนนุ่มๆที่ทำมาจากขนสัตว์ด้วยความเหนื่อยเพลีย ส่วนลุงแบรยังคงนั่งอยู่หน้าเตาไฟสักพักเพื่อรับความอบอุ่นเพราะในยามค่ำคืนแผ่นดินกาเรียอัสก็ยังคงชุ่มชื้นไปด้วยสายฝนปรอยๆ อากาศจึงหนาวเย็น จากนั้นลุงแบรก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปเข้านอน เสียงฝนที่ตกกระทบพื้นฟังแล้วมันช่างทำให้ผ่อนคลายอย่างมาก

    และแล้ว…จากราตรีอันมืดมิดก็ได้จวนเวลาแห่งแสงสว่างยามรุ่งเช้าอีกครากับวันใหม่ที่มันจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปสำหรับอีเลียด ฮอร์ด…
     
  7. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๔ ปรับตัวไม่ทัน



    …ตะวันโผล่บนฟ้า กอปรกับขณะที่เสียงมีดกำลังหั่นเนื้อเพื่อนำมาทำอาหารในยามเช้า ณ บ้านของอีเลียด ฮอร์ด ส่วนเจ้าตัวเองที่ได้นอนสลบมาตั้งแต่เมื่อหัวค่ำคืนวาน ตอนนี้เขารู้สึกตัวค่อยๆตื่นจากความเพลียและอ่อนล้าแล้ว

    “อะ..โอยย...ปวดเนื้อปวดตัวไปหมดเลย”ฮอร์ดพูดขึ้นขณะขยับตัวอยู่บนที่นอน เขาได้มองไปรอบๆ

    “นี่บ้านเรานี่!!?..เรากลับมาบ้านตั้งแต่เมื่อไหร่กัน!?”ฮอร์ดรู้สึกสงสัยแล้วพยายามลุกจากที่นอนค่อยๆเดินออกจากห้อง เขาได้ยินเสียงพ่อเหมือนกำลังทำอะไรอยู่ข้างล่างใต้ถุนบ้าน แล้วเห็นแม่กำลังทำอาหารอยู่จึงได้ค่อยๆเดินเข้าไปหา

    “มะ..แม่ ข้ากลับมาบ้านได้ยังไง?”ฮอร์ดค่อยๆนั่งลงข้างๆแม่ที่กำลังหั่นเนื่ออยู่แล้วถาม

    “รู้สึกตัวแล้วหรอลูกแม่!!?”

    “ขะ..ข้าจำได้ว่าข้าอยู่ที่ชายแม่น้ำกำลังเอ่อ..กำลังแบก..แบก”ฮอร์ดพยายามนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน

    “เจ้าคงจะเหนื่อยมากนะลูก หัวเบลอเชียว เจ้าน่ะฆ่าจระเข้แล้วสลบไป พ่อของเจ้า เบิร์กและเพื่อนพ่อที่ชื่ออัสคัสเป็นคนพาลูกกลับมาที่บ้านเอง”

    “จะ..จริงสิ! ว่าแต่จระเข้ตัวนั้นละอยู่ที่ไหนรึท่านแม่ ท่านพ่อได้พามันกลับมาด้วยรึเปล่า !?”ฮอร์ดถามด้วยน้ำเสียงรนราน

    “ไม่ต้องวิตกกังวลไปลูก ชัยชนะของลูกพ่อแม่จะปาทิ้งได้อย่างไรกันละ ดูนี่! แม่กำลังหั่นเนื้อของจระเข้ที่ลูกฆ่ามาได้มาทำเป็นอาหารให้ลูกกินอยู่นี่ไง ส่วนพ่อกำลังเอาหนังของมันไปล้างคราบเลือดออกที่ใต้ถุนบ้าน เดี๋ยววันนี้แม่จะทำชุดนักรบให้เจ้าดีไหม!”

    “จริงหรอครับท่านแม่!!? นี่ข้าจะได้เอาหนังจระเข้ตัวใหญ่นั่นมาห่มกายงั้นหรอ? ขะ..ข้ากำลังจะเป็นนักรบแล้วหรอท่านแม่…ข้าชักจะอดใจรอที่จะได้ใส่ชุดนั้นไม่ไหวแล้ว”

    “ได้ใส่แน่ลูก…แต่ตอนเนี้ยดูแลตัวเองให้หายดีเสียก่อนเถอะนะ”

    “ครับท่านแม่ ฮ่าฮ่าฮ่า”ฮอร์ดหัวเราะด้วยความดีใจ

    “เอ่อ..ฮอร์ด…เมื่อวานแม่ขอโทษนะที่ใช้ลูกไปล่าสัตว์..แม่ไม่คิดว่าลูกจะไปปะฉะดะกับจระเข้แบบนั้น”

    “ท่านแม่...ข้าบอกท่านแล้วว่าข้าจะต้องได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาบ้าง ซึ่งข้าก็ทำได้ แถมมันเป็นสิ่งที่มีค่ามากเสียด้วย”

    “แล้วทำไมในเมื่อลูกเข้าป่าแล้วถึงคิดล่าจระเข้ล่ะ สัตว์อื่นในป่าก็มีตั้งเยอะตั้งแยะ ทำไมต้องเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงแบบนั้นด้วยละลูก?”อาธาร์ถามด้วยความสงสัย

    “ในตอนแรกข้าไม่ได้คิดที่จะล่าจระเข้เลยนะท่านแม่ ข้าเดินหาสัตว์ป่าแล้วไม่เจอแม้แต่สักตัวเดียว ข้าก็ยังสงสัยเหมือนกันว่ามันหายไปไหนกันหมด ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็ต้องได้สัตว์เล็กๆสักตัวแหละ แต่ว่าในทางที่ข้าเดินไปมันมีแต่ต้นไม้ไม่มีสัตว์เลย จนตัวข้าเจอแม่น้ำ แม่น้ำที่เต็มไปด้วยความน่ากลัว”

    “เอาเถอะลูกแม่! เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว แถมลูกของแม่ก็ปลอดภัย”

    “ครับท่านแม่! งั้นเดี๋ยวข้าขอลงไปดูท่านพ่อหน่อยนะ”ฮอร์ดพูดเสร็จก็ได้ลุกขึ้นช้าๆค่อยๆเดินลงบันไดไปหากาแลคที่ใต้ถุนบ้านแล้วตะโกนเรียก

    “ท่านพ่อ!”

    “อ้าว! รู้สึกตัวแล้วหรอ?”

    “ครับผม…ก็ยังมีมึนๆหัวอยู่นิดหน่อยน่ะ พ่อกำลังทำอะไรหรอ!?”

    “หนังจระเข้รางวัลของผู้กล้าไงลูก พ่อกำลังล้างคราบเลือดออกให้ แม่เจ้าจะได้เอามันไปทำชุดให้เจ้าใส่เท่ๆไงละ”

    “ขอบคุณนะครับท่านพ่อ!”

    “ฮอร์ด! ลูกเป็นผู้ชายที่กล้าหาญมากนะ พ่อรู้สึกสังหรณ์ว่าบ้านหลังนี้จะเล็กเกินไปสำหรับลูกเสียแล้วล่ะ”กาแลคพูดแล้วยิ้มให้กับลูกชายของเขา

    “พ่อพูดเพ้ออะไรเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าน่ะมีบ้านนี้แค่หลังเดียว แล้วก็ภูมิใจที่ได้อยู่บ้านหลังนี้กับท่านพ่อท่านแม่ด้วย ข้าคงไม่มีปัญญาไปหาบ้านหลังใหม่ที่มันใหญ่กว่านี้ได้หรอกนะพ่อ”

    “กาลข้างหน้าใครเลยจะล่วงรู้ล่ะลูก”

    “เอ่ออืม..ข้าไปเดินเล่นดีกว่ายิ่งคุยยิ่งงง ฮ่าฮ่าฮ่า”ฮอร์ดพูดและหัวเราะไปตามประสา จากนั้นจึงค่อยๆเดินออกไปทางหมู่บ้านในยามเช้าเพื่อสูดรับเอาอากาศดีๆเข้าปอดของเขา

    …ณ หมู่บ้านเล็กๆทางตอนใต้ของแผ่นดินกาเรียอัส ที่ซึ่งมีภูเขาติดล้อมกันกับขั้วโลกใต้ไปสู่ขั้วโลกเหนือของอีกซีกโลกหนึ่ง บางทีการที่มีภูเขากั้นแดนหนาวนี้เองทำให้ชาวกาเรียอัสที่อยู่ทางตอนใต้ไม่ได้รับผลกระทบจากลมหนาวมากนัก ซึ่งในที่แห่งนี้มีผู้คนอาศัยและดำรงชีวิตมาหลายชั่วอายุคนแล้ว ป่าที่อยู่ตรงทางออกด้านทิศตะวันตกของหมู่บ้านเป็นป่าแห่งเดียวในแถบใต้นี้ชื่อว่า “ป่าชาร์ค” มีแม่น้ำอยู่ใจกลางป่าแต่เต็มไปด้วยฝูงจระเข้นับร้อยตัว นักรบชาวกาเรียอัส ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง โดยส่วนมากพวกเขาชอบเดินทางกันไปทางเหนือ ไปกันเป็นกลุ่ม บ้างก็ชอบทะเลาะวิวาท บ้างก็ชอบท้าทาย ส่วนมากจะชอบระรานสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น สิ่งเดียวที่ทำให้พวกเขาถูกเรียกว่านักรบมากกว่านักเลงอันธพาลคือการที่มีชุดที่ทำมาจากหนังจระเข้ ชาวกาเรียอัสนั้นถือว่าใครก็ตามที่มีหนังจระเข้ซึ่งมีเกล็ดหนาๆหุ้มกายเป็นคนกล้าหาญใจถึงพึ่งพาได้ เพราะจระเข้ที่นี่ตัวใหญ่มหึมา คงไม่มีผู้ใดเอาหนังของลูกจระเข้ที่ยังตัวเท่าสุนัขมาห่มกายให้ดูทุเรศเป็นแน่ และด้วยความคิดเช่นนี้เอง ทำให้ชายหนุ่มผู้มีนิสัยชอบตีรันฟันแทงคนอื่นเขาไปทั่วต่างพากันไปล่าจระเข้มาทำชุดห่มกาย แต่ด้วยจระเข้ที่ตัวใหญ่มากๆการจะพิสูจน์ความกล้าด้วยตัวคนเดียวดูจะเป็นการณ์เสี่ยงเกินไป เหล่าชายหนุ่มจึงต่างชวนพรรคชวนพวกของตนมาร่วมด้วยช่วยกัน เป็นเหตุให้ที่ผ่านมาไม่เคยมีชายคนใดเสี่ยงประจันหน้ากับจระเข้เพียงลำพังเลยสักคนเดียว ซึ่งบางครั้งก็ใช้วิธีสกปรกในการจัดการจระเข้เพื่อที่จะเอาหนังของมันมาทำเป็นชุดห่มกายให้ผู้คนเขานับถือแล้วสาวๆจะได้รุมตอม กลายเป็นวัฒนธรรมผิดๆที่สืบทอดกันมาในหมู่ชายชาวกาเรียอัสจนถึงบัดนี้

    แต่ทว่าในที่สุด…ก็มีชายหนุ่มคนหนึ่งได้ทำในสิ่งที่ชาวกาเรียอัสนับถือกันมาตลอดกาลนานมาแล้วด้วยวิธีที่กล้าหาญชาญชัยเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งเขาผู้นั้นได้อาศัยอยู่ในเขตหมู่บ้านเล็กๆแถบใต้ของแผ่นดิน ซึ่งมีอาณาเขตครอบคลุมเป็นพื้นที่กว้างติดกับชายป่าชาร์คนี้เอง…


    “อรุณสวัสดิ์ฮอร์ด!”ชาวบ้านที่เดินอยู่ตามทางในหมู่บ้านเรียกทักฮอร์ด ส่วนตัวฮอร์ดได้ยิ้มพร้อมกับค่อยๆเดินไปทีละก้าวเพราะกล้ามเนื้อฉีกขาดทำให้เจ็บปวดระบมทั่วเรือนร่างไปหมด ตามทางที่ฮอร์ดเดินก็จะมีชาวบ้านมาทักมาสวัสดีอยู่ตลอดทาง สาวๆที่กำลังน่ารักสดใสก็ต่างส่งยิ้มให้กับเขา สายตาหวานๆของพวกนางมันทำให้ฮอร์ดนั้นกระชุ่มกระชวยเสียมากๆเลย

    “พ่อรูปหล่อจ๋าา!!”เสียงแซวจากหมู่สาวๆที่นั่งเล่นอยู่ในร้านค้าข้างทาง ทำให้ฮอร์ดรู้สึกประหม่าเขินอายนัก ก็แต่ละคนสวยน่าเย้ายวนใจเป็นยิ่ง

    “สวัสดีฮอร์ด!! กินข้าวเช้ารึยัง”เสียงลุงจากร้านอาหารตะโกนมาถาม

    “เอ่อ..ขะ..ข้ายังไม่ได้กินอะไรเลย แต่แม่ข้าทำอาหารไว้ให้แล้วละขอบคุณนะท่าน”ฮอร์ดหันหน้าตอบกลับไป แล้วได้เดินไปนั่งตรงเก้าอี้ไม้กลางหมู่บ้านเพื่อมองผู้คนที่กำลังเดินผ่านไปมา แต่คนดังคนเก่งเนื้อมันช่างหอมนัก ยังไม่ทันที่ก้นฮอร์ดจะแตะเก้าอี้เลยเหล่าชาวบ้านเด็กๆสาวๆต่างพากันมารุมล้อมเขาทันที

    “พ่อหนุ่ม! เล่าเรื่องที่ไปฆ่าจระเข้ให้ฟังหน่อยสิว่าต้องทำยังไงมีเทคนิควิธีการแบบไหนบ้าง ข้าจะได้พาลูกชายไปลองดูมั่ง บอกข้าหน่อยนะ”มีชาวบ้านคนหนึ่งเข้ามาถามด้วยความอ้อนวอน

    “พี่ชาย! พี่เป็นวีรบุรุษในใจข้าเลย”เด็กชายตัวน้อยๆก็เอ่ยขึ้นแทรก

    “เล่าเรื่องให้พวกเราฟังหน่อยนะหนูนะ ป้าอยากฟังเรืองตื่นเต้น”

    “เธอมีคู่รักหรือยัง??”หญิงสาวอีกคนก็เดินเข้ามาถาม

    “พี่ค่ะ? พอหนูโตเป็นสาวแล้วพี่ต้องจีบหนูนะ”เด็กหญิงหน้าตาน่ารักๆพูดด้วยสายตาหวานซึ้ง

    ฮอร์ดสับสนไม่รู้ว่าจะต้องตอบใครยังไงก่อนดี ระหว่างนั้นก็มีสาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งเข้ามากอดฮอร์ดจากข้างหลังเอามือไขว้อกของฮอร์ดแล้วกระซิบข้างหูเขา

    “ข้าอยากโดนเจ้าจูบจังพ่อหนุ่ม”ฮอร์ดได้ยินดังนั้นถึงกับขนลุกเสียวซ่านไปทั้งตัว ริมฝีปากและเสียงของนางมันช่างเย้าอารมณ์หัวใจเขาให้ร้อนแรงเสียเหลือเกิน

    “ได้!! เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟังก็ได้ ตั้งใจฟังนะ”ฮอร์ดพูดเสียงดังด้วยน้ำเสียงเขินประหม่าเล็กน้อย

    เหล่าพวกชาวบ้านเด็กๆหญิงสาวต่างก็ตั้งอกตั้งใจฟังเสียงของฮอร์ดที่กำลังบอกเล่าเรื่องราวอันสุดระทึกของตนเอง บางคนฟังแล้วยิ้มตาม หญิงสาวบางคนฟังไปก็คอยส่งจูบให้ฮอร์ดไป


    “รู้อย่างนี้ข้าไม่น่าไปล่าจระเข้เลย ทำตัวไม่ถูกนะเนี่ย จู่ๆมารุมมาล้อมกันแบบนี้”ฮอร์ดคิดอยู่ในใจจากนั้นก็ได้เล่าเรื่องราวต่อไปจนจบ

    “พ่อหนุ่ม!! ข้ามีลูกสาว เจ้าจะเอาไหม!!?”ชายแก่คนหนึ่งถามขึ้น

    “อะไรลุง!! เขามองข้าตลอดเวลาที่เล่าเรื่องเลยนะ อย่ามาแย่งหนูสิ”หญิงสาวอีกคนพูดโต้แย้ง

    “หนูไม่ยอมนะพี่สาว! พี่ฮอร์ดสัญญาไว้แล้วจะแต่งงานกับหนูเมื่อหนูโตขึ้น”เด็กหญิงตัวน้อยคนหนึ่งพูดโต้ขึ้น

    “ยะ..อย่าทำอย่างนี้กันสิ”ฮอร์ดกล่าวพร้อมทำท่าทำมือห้ามแต่ไม่มีใครฟังเลยมัวแต่เถียงแย่งฮอร์ดกัน เขาจึงตัดสินใจลุกแล้วเดินออกไปเองอย่างเนียนๆ

    “บ้าจริงๆเลย ไปหาเจ้าเบิร์กดีกว่าเรา อยู่แถวนี้เดี๋ยวจะโดนล้อมอีก!”เขาอยู่คิดในใจแล้วรีบเดินแบกสังขารที่ระบมออกไปจากตรงนั้น

    แต่มันไม่ง่ายอย่างที่ฮอร์ดคิดเลย..เพราะทุกถนนหนทางที่ฮอร์ดเดินผ่านจะต้องมีคนมาคุยถามนู่นถามนี่อยู่ตลอดทาง บางทีกว่าจะถึงบ้านของเบิร์กได้ก็เล่นเอาฮอร์ดเหนื่อยเหมือนกัน

    “เบิร์ก!!”ฮอร์ดรีบเปิดประตูบ้านเข้าไปหาเบิร์กแต่ไม่เจอ เขาเห็นแต่ลุงแบรที่กำลังนั่งขัดรองเท้าที่เปื้อนดินเปื้อนโคลนอยู่

    “เอ้า! หนุ่มฮอร์ดเองเรอะ เข้ามาๆ”

    “อ้ออ..อรุณสวัสดิ์ครับลุงแบร! ข้านี่รีบเดินมาที่บ้านของลุงเลยนะเนี่ย เห้ออ..นี่ข้าเป็นของหวานรึไงถึงได้โดนรุมตอมขนาดนี้ แย่จริงๆ!”ฮอร์ดกล่าวพร้อมกับเดินไปนั่งเก้าอี้

    “คนเด่นคนดังก็ยังงี้แหละนะ มีแต่คนอยากเข้าหา”

    “ข้าน่ะไม่ได้คิดหวังไว้เลยว่าจะต้องให้มีใครมาชื่นชมในตัวข้า เมื่อกี้เนี่ยนะข้ารีบเดินมาเลยเชียวหน่า ปวดระบมตับไตไส้พุงไปหมดแล้วครับเนี่ย...”ฮอร์ดถอนหายใจออกมาทอดหนึ่ง

    “ก็ในหมู่บ้านเล็กๆแถบนี้ไม่เคยมีชายที่ฆ่าจระเข้ได้มานานแล้ว เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะตื่นเต้นสนใจในตัวของเจ้านะ”

    “เอาเถอะลุง! ว่าแต่เบิร์กไม่อยู่บ้านหรอ?”

    “หลับเป็นตายอยู่ในห้องน่ะ สงสัยเมื่อคืนจะเพลียมาก”ลุงแบรตอบ เมื่อฮอร์ดรู้แล้วจึงลุกขึ้นเปิดประตูเข้าไปในห้องของเบิร์ก เขายืนมองดูเบิร์กที่กำลังหลับลึกชนิดที่ปลุกยังไงก็คงไม่ตื่น จากนั้นฮอร์ดก็ได้ค่อยๆนั่งลงไปข้างๆเบิร์กที่กำลังนอนอยู่

    “ขอบใจมากนะสหายรัก! นอนปากหวอเชียว ข้านี่โชคดีนักที่ได้เกิดมาเป็นเพื่อนกับเจ้า!”ฮอร์ดได้พูดอย่างเบาๆ และก็ได้เอามือของเขาลูบหัวของเบิร์กสามครั้งด้วยรอยยิ้มจากนั้นจึงค่อยๆลุกขึ้นเดินออกจากห้องไป ปล่อยให้สหายรักของเขาได้พักผ่อนอย่างเต็มที่

    “ลุงแบร! ข้ากลับก่อนนะ ท่านพ่อท่านแม่คงกำลังรอข้ากลับไปกินข้าวอยู่แน่ๆ แล้วเจอกันนะลุง”ฮอร์ดได้เดินไปที่ประตูบ้าน

    “อย่าแอบไปแตะก้นสาวระหว่างทางกลับล่ะฮอร์ดเอ้ย”ลุงแบรพูดแซวฮอร์ดขณะเขากำลังจะเปิดประตูออกไป

    “นี่ลุง! ข้าไม่ใช่คนอย่างนั้นนะปัดโธ่”ฮอร์ดพูดก่อนจะปิดประตูออกจากบ้านไป

    “เพื่อนเจ้าเบิร์กนี่มันเนื้อหอมจริงๆ เห้อ..ทำไมตอนข้าหนุ่มๆไม่มีสาวๆมารุมตอมแบบนี้บ้างนะ”ลุงแบรเองก็พร่ำเพ้อเบาๆอยู่คนเดียวในบ้าน


    “ฮอร์ด ฮอร์ด ฮอร์ดจ้ะ”

    “พ่อรูปหล่อจ๋าช่วยข้ายกของไปไว้ที่บ้านหน่อยสิจ้ะ วันนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่ ยกคนเดียวไม่ไหวนะจ้ะพ่อรูปหล่อ” เสียงจากสาวๆที่มาคอยเดินตามฮอร์ดตลอดทาง ฮอร์ดได้ปฏิเสธด้วยเหตุผลที่เขาคิดว่าน่าจะพอปัดไปได้แต่มันก็ไม่สามารถหยุดความอยากเข้าหาของคนรอบข้างได้เลย

    “หึ่ย!! จะไปไหนจะทำอะไรไม่สะดวกเลยจริงๆ ไม่น่าห้าวเป้งไปฆ่าจระเข้เลยเรา”เขาได้บ่นอยู่ในใจ และในที่สุดฮอร์ดก็สามารถเอาชีวิตและร่างกายรอดกลับมาถึงบ้านจนได้

    “กว่าจะถึงเล่นเอาปวดหัว!”ฮอร์ดตัดพ้อและเตะบันไดทางขึ้นบ้านดังทีหนึ่ง

    “กลับมาแล้วหรอลูก! แม่กับพ่อกำลังรออยู่เลย มาๆ ขึ้นมากินข้าวเช้าเร็วลูก”อาธาร์ตะโกนเรียกลูกชายที่อยู่ตรงบันไดใต้ถุนบ้าน ฮอร์ดได้ค่อยๆเดินขึ้นบันไดเพื่อไปนั่งกินข้าวกับท่านพ่อท่านแม่ข้างบน

    “เอ่อ..สวัสดีครับ หืม?”ฮอร์ดเจอผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ด้วยในวงข้าวของท่านพ่อกับท่านแม่

    “ชายคนนี้ชื่ออัสคัส เพื่อนพ่อเอง เขาเป็นคนที่ไปช่วยเจ้าจากจระเข้เมื่อคืนน่ะ”

    “อ่อ..ขอบคุณและสวัสดีนะครับท่านอัสคัส”ฮอร์ดค่อยๆเดินลงมานั่งกินข้าวข้างๆพ่อของเขา

    “เอาละ! กินกันเลยนะ..”

    พวกเขาทั้งหมดได้กินข้าวเช้ากันไปคุยหยอกๆกันไป สงสัยอาหารเช้าวันนี้คงจะอร่อยถูกปากกัน...

    เมื่อรับประทานอาหารเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างก็ช่วยกันเก็บจานชามช้อน ส่วนอัสคัสเหมือนมีอะไรจะอยากคุยกับฮอร์ดเขาจึงได้เรียกฮอร์ดมาหาเขาหลังจากเก็บจานชามเรียบร้อยหมดแล้วรวมทั้งกาแลคพ่อของเขาด้วย เมื่อทั้งคู่เดินมาหาอัสคัสที่นั่งอยู่ พวกเขาก็คุยกันเรื่อยเปื่อยก่อนในตอนแรก พอคุยกันได้หอมปากหอมคอพอประมาณแล้วอัสคัสก็เริ่มประเด็นในสิ่งที่จะพูด

    “ฮอร์ด ข้าน่ะชอบความไม่ย่อท้อในใจเจ้า แล้วข้าจะรู้สึกเสียดายมากถ้าหากเจ้าไม่คิดจะฝึกการต่อสู้ด้วยขวาน มีด หอก หรือวิชาการสู้รบทั้งหลาย”

    “อืมม...พ่อเองก็คิดว่าสิ่งที่อัสคัสพูดมาก็มีเหตุผลนะลูก ตอนนี้ลูกจะใช้ชีวิตเป็นเด็กที่เอาแต่สนุกไปวันๆเหมือนเดิมไม่ได้แล้วนะ ถ้าหากวันพรุ่งนี้มันมีคนมาท้าตัวต่อตัวกับลูก ถ้าลูกแพ้ล่ะก็ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลูกทำไปกับจระเข้นั่นมันจะสูญเปล่าทันที ผู้คนจะหมดความนับถือในตัวลูกได้”กาแลคเห็นด้วยกับอัสคัสแล้วหันไปพูดกับฮอร์ดลูกชายตน

    “ผู้คนหมดความนับถือในตัวข้าก็ดีแล้ว เมื่อเช้าแค่ออกไปเดินเล่นข้ายังรู้สึกอึดอัดจนบอกไม่ถูก ข้าไม่อยากเป็นวีรบุรุษในใจใครทั้งนั้น ข้าอยากกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม”

    จากนั้นฮอร์ดก็ได้ลุกขึ้นลงบันไดไปข้างหลังบ้าน กาแลคและอัสคัสต่างก็เข้าใจเขาดีว่าตอนนี้เขายังเด็ก ยังอยากมีชีวิตสนุกสนานตามแบบประสาเด็กๆอยู่

    “ให้เวลาเขาหน่อยนะอัสคัส เขาคงยังไม่อยากมีภาระน่ะ”

    “ไม่เป็นไรหรอก ยังไงวิชาต่อสู้ของข้ามันก็ไม่ได้หายไปเสียวันสองวันซะเมื่อไหร่ ข้าแค่อยากให้เขามีวิชาติดตัวเท่านั้นเอง เด็กหนุ่มคนนี้มีแววไปได้ไกลมาก”อัสคัสกล่าวกับกาแลค

    อาธาร์มารดาของฮอร์ดเธอเองได้ยืนฟังในสิ่งที่สองคนนี้คุยกัน ใจหนึ่งของเธอก็ไม่เห็นด้วยแต่อีกใจก็สนับสนุน เพราะถ้าหากฮอร์ดฝึกการต่อสู้ เขาอาจจะเก่งและมีฝีมือจนขึ้นชื่อลือชาไปทั่ว กลับกันด้วยการที่เขามีชื่อเสียงจะทำให้มีคนคิดร้ายกับเขาได้ ด้วยแรงอิจฉาที่เขาเด่นเกินหน้าเกินตา พวกทางเหนือคงต้องมาทำร้ายเขาแน่นอน

    (ดินแดนทางเหนือนั้น มีนักรบกาเรียอัสจอมอันธพาลอยู่เต็มไปหมดตั้งแต่เขตเมืองบูสขึ้นไป)

    เธอยืนคิดอยู่ในห้องบนบ้านอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเธอก็ได้เดินออกจากห้องลงบันไดไปหาฮอร์ดที่นั่งเล่นอยู่หลังบ้านข้างใต้ถุน ส่วนกาแลคกับอัสคัสต่างก็ปรึกษาหารือกันเรื่องต่างๆไม่ว่าจะการลับขวานให้คม การสบัดขวานให้เฉียบ การเอาค้อนทุบยังไงให้ไว ส่วนทางด้านหมู่บ้านโอดินธันในตอนนี้พวกชาวบ้านต่างได้พาบุตรชายของตนไปที่ป่าชาร์ค เพื่อไปดูแม่น้ำจระเข้เพื่อหวังจะให้เหล่าลูกชายของตนทั้งหลายนั้น ได้ลงไปจับจระเข้เพื่อที่จะได้มีชื่อเสียงเลื่องลือ แต่ช่างน่าแปลกนะ เพราะระหว่างทางที่พวกชาวบ้านได้พาลูกหลานของตนมากันนั้น มีสัตว์ป่ามากมายอยู่บริเวณรอบๆไม่ว่าจะนกที่เกาะบนกิ่งไม้ ฝูงกวางที่กำลังเล็มหญ้า หมูป่าที่กำลังวิ่งเล่นและสัตว์อื่นๆนานาชนิด แต่เหตุใดเมื่อเย็นวานฮอร์ดถึงไม่เจอสัตว์ป่าเลยแม้สักตัวเดียว หรืออาจเป็นเพราะโชคชะตา แต่ถึงยังไงก็ตามแต่เมื่อเหล่าลูกชาวบ้านทั้งหลายมาเห็นแม่น้ำที่มีจระเข้นับร้อยนับพันตัวที่อยู่กลางป่าชาร์คแล้ว ต่างก็ขอให้พ่อแม่ของตนพาตนกลับบ้าน เพราะสิ่งที่เห็นมันคืออสูรร้ายแห่งความตาย แต่ละตัวใหญ่กว่าวัวกว่าควาย กระทิงก็กระทิงเถอะยังเล็กกว่าจระเข้ในแม่น้ำนี้เลย

    “เจ้าฮอร์ดมันกล้าลงไปได้ยังไงวะเนี่ย! ท่านพ่อ..ไม่ว่ายังไงข้าจะไม่ลงไปให้โง่หรอก ตายแน่ๆถ้าลงไป”ชายหนุ่มคนหนึ่งพูดกับบิดาของตนที่พาเข้ามาที่นี่

    “นี่ข้าต้องลงไปจับมันจริงๆหรอปู่!? ปู่ไม่รักข้าแล้วหรอ?”ชายหนุ่มถัดไปบอกกับปู่ของตน

    “ลูกแม่กลับบ้าน! ลงไปล่ะก็ตายอย่างเดียว อย่าเอาชีวิตไปทิ้งเลยลูก แม่เห็นแล้วยังเสียววูบวาบเลย เจ้าหนูฮอร์ดคนนั้นอยู่ไกลเกินลูกชายแม่จะตามไปเทียบได้แล้ว”แม่ของเด็กหนุ่มอีกคนก็กล่าวกับลูกชายของตน

    ซึ่งในขณะเดียวกันอาธาร์แม่ของฮอร์ดได้เดินมาคุยกับฮอร์ดที่นั่งอยู่ใต้ถุนหลังบ้าน ฮอร์ดเองก็กำลังนั่งเหม่อมองท้องฟ้าและสายลมอยู่คนเดียว

    “เป็นอะไรหรอลูก?”

    “เปล่าหรอกท่านแม่ แค่ท่านพ่อกับลุงอัสคัสคนนั้นจะให้ข้าฝึกขวาน หอกและก็มีดน่ะ ข้ายังไม่อยากฝึก มันเหนื่อย เอาเวลาที่ฝึกเหล่านี้ไปตกปลาจับปลายังสนุกว่าอีก”

    “ฮอร์ด.. ลูกอย่าลืมสิว่าตอนนี้ลูกได้กลายเป็นจุดสนใจของชาวบ้านโอดิธันนี้กันทั้งหมู่บ้านแล้วนะ”

    “ข้าอึดอัดน่ะท่านแม่ ชีวิตนี้ข้าขอแค่เบิร์กเป็นเพื่อนรู้ใจข้าคนเดียวก็พอแล้วล่ะครับ ข้าไม่ค่อยชอบให้คนมากมายมายุ่งกับข้าสักเท่าไหร่”

    “แม่เองก็ไม่รู้จะพูดกับลูกยังไงละ ตามใจลูกก็แล้วกันนะ เพราะแม่เองก็ไม่อยากให้ลูกไปพัวพันกับเรื่องอันตรายแบบนี้อยู่แล้ว”อาธาร์ยิ้มแล้วลูบหัวฮอร์ดด้วยความเอ็นดูเบาๆก่อนจะลุกขึ้นเดินขึ้นไปบนบ้าน ฮอร์ดเองก็ได้ยิ้มให้กับแม่ของตนที่เดินหันหลังไป ตอนนี้ในใจฮอร์ดอยากจะออกไปหาอะไรทำจนจะแย่แล้ว แต่ด้วยเหตุที่ชาวบ้านจะชอบเข้ามารุมมาตอมดมเขามากเกินไปจนเขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีอิสระภาพเหมือนแต่ก่อนทำให้ต้องนั่งแข็งๆอยู่ในบ้านจะออกไปจับปลากับเบิร์กเพื่อนสุดที่รักเหมือนทุกวันที่ผ่านมาคงจะไม่ได้เสียแล้ว


    ทางอัสคัสเขาก็ได้เดินลงบันไดสวนกับอาธาร์แล้วออกจากบ้านไป

    “อาธาร์! หนังจระเข้ข้าล้างเสร็จแล้วนะเดี๋ยวข้าจะไปเอาขึ้นมาให้เจ้าทำชุดให้ฮอร์ดใส่”กาแลคเดินเข้ามาหาภรรยาของตน

    “นี่กาแลค?”

    “หืม?”

    “เมื่อกี้ข้าลงไปคุยกับลูกมา ข้าคิดว่าอย่าเพิ่งให้ลูกฝึกต่อสู้เลยนะ ข้ากลัวว่าถ้าหากลูกฮอร์ดเรามีฝีไม้ลายมือฉกาจฉกรรจ์แล้วล่ะก็ ข้าเกรงว่ามันจะเลื่องลือไปถึงแดนเหนือ”

    “ฮ่าฮ่าฮ่า! อาธาร์จ๋า….เจ้าอย่าห่วงเรื่องนั้นเลย ลูกของเราคงไม่ไปหาเรื่องต่อยตีจนมีชื่อเสียงกระฉ่อนขนาดนั้นหรอก”กาแลคตอบอาธาร์แล้วดึงนางเข้ามากอดแนบอกอันล่ำสันของเขา หนวดเคราจั๊กจี๋หน้าผากของอาธาร์ ทำให้นางดิ้นแล้วหลุดยิ้มออกมา

    “เคราของเธอมันจั๊กจี๋นะกาแลค”
     
  8. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๕ กระทำตาม


    ...ณ ที่บ้านของลุงแบร เบิร์กที่ได้หลับไหลอย่างเอาเป็นเอาตายในที่สุดเขาก็ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งจากเตียงนอนที่ได้ดูดวิญญาณของเขามาทั้งคืน เขาหาวออกมาด้วยความอ่อนล้าสายตาปรึมปรือ เบิร์กค่อยๆลุกขึ้นเดินออกจากห้อง เขาไม่เห็นลุงแบรอยู่ในบ้าน แสดงว่าลุงของเขาคงออกไปข้างนอก เบิร์กจึงได้เดินไปที่ห้องครัวเพื่อหาน้ำหาท่ากินคลายความอ่อนเพลีย เขาดื่มน้ำเหมือนขาดน้ำมาแรมปี จากนั้นก็ไปที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ในครัว ซึ่งมีอาหารวางไว้คือเนื้อหมู เนย นมวัวและขนมปัง เบิร์กไม่รอช้ารีบจัดการทันที ส่วนทางด้านลุงแบรเองที่กำลังเดินคุยกับชาวบ้านในตลาดอยู่ ก็ได้เห็นพวกชาวบ้านกลุ่มหนึ่งดูท่าจะเป็นพ่อคนแม่คนแล้วได้เดินเข้ามาในหมู่บ้านพร้อมด้วยเด็กหนุ่มมากมาย ลุงแบรก็เกิดความสงสัยว่าพวกเขาไปไหนกันมา แถมไปกันเยอะเสียด้วย ลุงแบรเลยตัดสินใจเดินเข้าไปถามคนที่เดินผ่านหน้าแกเสียให้มันรู้เรื่อง

    “นี่พวกเธอ พากันไปไหนมา มีเทศกาลอะไรงั้นหรือ?”

    “อ้อ พวกเราพาลูกชายไปในป่าชาร์คมาน่ะ หวังจะให้จับจระเข้ให้ได้ ลูกชายเราจะได้มีหน้ามีตาในสังคมเหมือนพ่อหนุ่มฮอร์ดคนนั้นไง แต่พอไปเห็นแม่น้ำในป่าแล้วนี่นะ ถึงกับต้องยกเลิกความคิดกันเลยทีเดียว จระเข้หรือว่าสัตว์ประหลาดก็ไม่รู้ ตัวใหญ่โคตรๆ ลงไปล่ะก็นะมีแต่ตาย ตาย ตาย!!!”ชายใหญ่ที่ลุงแบรเข้าไปถามนั้นตอบแล้วได้เดินไปกับลูกชายของตน

    ลุงแบรเองได้ยินได้ฟังดังนั้นก็เกิดอาการงงกับพวกชาวบ้านว่าทำไมถึงคิดจะเอาบุตรชายของตนไปเสี่ยงแบบนั้น อยากให้เป็นฮีโร่เหมือนฮอร์ดหรือยังไงกัน ลุงแบรได้แต่ถอนหายใจ

    “พวกชาวบ้านนี่ถ้าจะเพี้ยนเสียแล้ว เรื่องแบบนี้มันเลียนแบบตามกันง่ายๆได้ซะที่ไหน”ลุงแบรคิดพูดอยู่ในใจแล้วเดินกลับบ้านของตน

    ฝั่งอัสคัสเองที่กำลังเดินอยู่ตามทางของหมู่บ้านก็รู้เรื่องราวนี้

    “พวกชาวบ้านนี่แปลกจริง อยู่ดีๆก็อยากฆ่าลูกตัวเองซะงั้น”

    แล้วเขาก็ได้เดินไปที่บ้านของตนเองเช่นกัน ปล่อยให้ตามหมู่บ้านนั้นวุ่นวายไปกับการเดินทางกลับออกมาจากป่าชาร์คของผู้คนมากมาย และทางกาแลคพ่อของฮอร์ด ก็ได้เห็นชาวบ้านมากมายอยู่หน้าบ้านต่างกำลังเดินทางเข้าไปในบ้านของตนอีก ซึ่งก็ด้วยความสงสัยว่ามันมีเรื่องอะไร เขาจึงได้ลงบันไดบ้านไปถามชาวบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้ๆกัน

    “นี่! ไปไหนกันมาหรอ คนเยอะเชียว มีงานเลี้ยงงานฉลองที่ไหนแล้วไม่บอกข้างั้นเรอะ!!?”กาแลคหยอกถาม

    “เปล่าเลย! พวกเราน่ะพาลูกชายไปในป่าชาร์คที่ฮอร์ดลูกเจ้าเมื่อวานได้สร้างวีรกรรมกับจระเข้มาน่ะแหละ”

    “หืม!? นี่เจ้าเสียสติไปแล้วหรอ ไม่รักลูกชายตาดำๆที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วรึไง”กาแลคตอบด้วยสีหน้าจริงจังแล้วส่งสายตาไปที่เด็กหนุ่มผู้ซึ่งเป็นลูกของชาวบ้านคนนั้น

    “ตอนนั้นน่ะข้าคิดว่ามันต้องมีจระเข้ตัวเล็กๆบ้างแน่ๆ แต่พอไปจริงๆขนาดลูกจระเข้มันยังใหญ่เท่าจระเข้ปกติตามแม่น้ำริมคลองธรรมดาแถวๆแอ่งน้ำขังนั่นเลยนะ ไม่ไหวๆ ลูกชายเจ้านี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ นับถือเลย พูดถึงจระเข้แล้วยังเสียววาบๆเลย”

    “เพราะยังงี้ข้าถึงได้ว่าเจ้าไปเมื่อกี้ไง เพราะข้าน่ะไปเห็นมาแล้ว ว่ามันอันตราย กลับไปพักผ่อนเถอะ ลูกชายเจ้าคงขวัญผวาหมดแล้ว ให้กลับไปนอนพักซะ แล้วจำไว้นะว่าอย่าทำอะไรโง่ๆแบบนี้อีก นี่เห็นว่าบ้านอยู่ใกล้กันนะเนี่ยถึงได้ว่าเตือนสติ”กาแลคกล่าวด้วยรอยยิ้มซึ่งชาวบ้านคนนั้นก็ยินดีรับฟังก่อนจะลากาแลคเดินกลับเข้าไปในบ้านของตัวเอง ส่วนกาแลคพอรู้เรื่องนี้จึงได้เดินไปที่ใต้ถุนบ้านไปหาอาธาร์ที่กำลังแร่หนังจระเข้เอามาทำเป็นชุดให้ฮอร์ดอยู่

    “ข้างนอกมีอะไรกันหรอกาแลค?”

    “พวกเขาพาลูกชายตนเข้าไปล่าขระเข้ในป่าชาร์คกันน่ะ”กาแลคลงไปนั่งพื้นข้างๆอาธาร์

    “ตายแล้ว!! จริงหรอกาแลค แล้วมีใครเป็นอะไรไหม?”

    “ไม่มีหรอก! พวกชาวบ้านข้างนอกนั่นพอไปเห็นแม่น้ำนั้นแล้วก็เปลี่ยนความคิดทันที ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “ดีแล้วล่ะค่อยยังชั่ว ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พวกชาวบ้านพาลูกชายตนไปหาความตาย เห้ออ”อาธาร์ว่าพลางถอนหายใจ

    “ก็คงอยากจะให้ลูกชายตัวเองเป็นเหมือนฮอร์ดลูกเราไง แต่ก่อนเคยมีใครไปล่าสัตว์ในป่าชาร์คมั้ยล่ะ ไม่มี!! อย่างมากก็แค่ชายป่า ฮอร์ดเป็นคนแรกที่เข้าไปถึงกลางป่า พอลูกเรารอดมาได้ก็คงคิดว่าลูกชายตนจะสามารถทำได้เหมือนกัน แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น จริงๆถ้าข้ารู้ว่าฮอร์ดจะไปล่าจระเข้เมื่อวาน ข้าจะรีบดึงจมูกลูกกลับบ้านเลย เพราะมันอันตราย อันตรายจริงๆ”กาแลคกล่าวเล่าแก่อาธาร์
     
  9. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๖ อดีตของลุงแบร



    ...ณ บ้านเบิร์ก ลุงแบรกำลังยืนเอ้อระเหอลอยชายอยู่ตรงหน้าต่างบ้าน อัสคัสที่รออยู่ในบ้านของเขาเองเพื่อให้พวกชาวบ้านสงบลงก็ได้เดินผ่านมาแถวๆบริเวณนั้นพอดี ทำให้เขาสังเกตุเห็นคันธนูแขวนอยู่ตรงผนังบ้าน ซึ่งมีตาแก่กำลังยืนชมวิวตรงหน้าต่างอยู่

    “นี่ลุง! ธนูที่แขวนอยู่ผนังหน้าบ้าน คุ้นๆนะ”อัสคัสรู้สึกจำได้ว่ามันเป็นธนูของเบิร์ก

    “คุ้นยังไงละพ่อหนุ่ม? จะบอกว่านี่เป็นธนูของเจ้ายังงั้นเรอะ”ลุงแบรโดนอัสคัสทักดังนั้นจึงถามกลับไป

    “ไม่ใช่อย่างนั้น! ข้าแค่อยากถามเฉยๆ เพราะมันเหมือนกับธนูของเด็กหนุ่มที่ชื่อเบิร์กในหมู่บ้านนี้เลย”

    ลุงแบรหยุดพูดไปชั่วขณะหนึ่งเพื่อเพ่งพิจารณาดูรูปร่างของอัสคัส เขาดูตัวใหญ่กำยำ ผมสีแดงหยักศกยาวประหลัง หนวดเคราสีแดงหนาดก ส่วนเคราถูกกันด้วยใบมีดจนเหลี่ยมคมสวย ใบหน้ามีรอยตีนกาหน่อยๆ บ่งบอกถึงความมีอายุพอสมควร เมื่อลุงแบรมองดูอัสคัสเรียบร้อยแล้วจึงกล่าวถามต่อไปว่า

    “เบิร์กหรอ? ชื่อคุ้นๆนะ เจ้ารู้จักเด็กคนนั้นได้ยังไงล่ะ เจ้าเองก็ดูเป็นผู้ใหญ่วัยฉกรรจ์แล้ว ไปรู้จักกับเด็กหนุ่มที่ชื่อเบิร์ก ไม่มีสหายวัยเดียวกันเรอะ?”

    “นี่ลุง! พูดอย่างกับข้าจะไปคบเด็กเลยนะ ข้าน่ะเป็นสหายของกาแลคพ่อของฮอร์ด...อีเลียด ฮอร์ด ผู้โด่งดังในชั่วข้ามคืนไง ลุงคงรู้จักใช่มั้ยเด็กหนุ่มที่ชื่อฮอร์ดน่ะ ถ้าไม่รู้นี่โคตรเชยเลยนะจะบอกให้ เพราะเด็กหนุ่มที่ชื่อเบิร์กนั้นเป็นเพื่อนกับฮอร์ดไงลุงเข้าใจยัง?”อัสคัสกล่าวพร้อมยกไม้ยกมือประกอบท่าทาง

    “อ่อ อย่างนี้นี่เอง ว่าแต่เจ้ารู้ได้ยังไงว่านี่เป็นธนูของเด็กหนุ่มที่ชื่อเบิร์กคนนั้นล่ะ มันอยู่ที่บ้านข้ามันก็ต้องเป็นของข้าสิ”

    “ก็ข้าเห็นรอยแกะสลักเต็มคันธนูนั่นเลย คนอื่นเขาไม่เอามีดมาแกะสลักธนูให้มันดูเลอะเทอะหรอกหน่า ที่สำคัญเมื่อวานข้าเห็นคันธนูอันนี้แบบนี้อยู่ในมือเจ้าเบิร์กจริงๆ อย่าบอกนะว่า…มันไปขโมยของลุงมาแล้วเอามาคืนในตอนเช้า ถ้างั้นลุงนี่ก็ซื่อน่าดูเลยนะ โดนขโมยธนูไปยิงเล่นทุกวันๆแล้วยังไม่รู้ตัวแบบนี้”อัสคัสกล่าวด้วยน้ำเสียงหยอกๆนิดหน่อย

    “พ่อหนุ่มเอ้ยย! นี่ข้าแก่กว่าเจ้านะ คุยเสียอย่างกับข้าเป็นเด็กยังไม่หย่าน้ำนมยังไงยังงั้น เอาล่ะ ข้าเป็นลุงของเจ้าเบิร์กมันเอง และที่นี่ก็คือบ้านของข้ากับเจ้าเบิร์ก ส่วนธนูอันนี้เจ้าพูดถูกแล้ว มันเป็นของเบิร์ก เป็นคนช่างสังเกตุดี อย่างงี้คบได้ ฮะฮ่าฮ่า”ลุงแบรกล่าวด้วยรอยยิ้ม

    “เอ้า! แล้วลุงจะถามวกไปวนมาเพื่อ..เอ้ออ แต่ดูท่าทางบ้านลุงคงมีอันจะกินนะ ลุงนี่อ้วนเชียว ไหนๆก็ไหนๆละ เราสองคนก็เหมือนญาติกันแล้วตอนนี้ ลุงเลี้ยงมื้อกลางวันข้าด้วยก็แล้วกันนะ”อัสคัสรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านทันที

    “ข้ายังไม่ได้บอกให้ขึ้นมา มันวิ่งขึ้นมาหน้าตาเฉยซะงั้น แล้วนี่ข้าไปเป็นญาติกับมันตอนไหนละเนี่ย!?”ลุงแบรบ่นพึมพำด้วยความจำใจ


    เมื่ออัสคัสได้เดินขึ้นไปบนบ้านของลุงแบรเรียบร้อยแล้ว เขาก็ได้นั่งลงตรงโต๊ะอาหาร ในความคิดของลุงแบรก็ว่าด้วยไหนๆตนก็ไปคุยกับเขาแล้วก็น่าจะเลี้ยงอาหารสักมื้อตามมารยาท และก็บังเอิญที่เบิร์กเดินขึ้นมาบนบ้านพอดี

    “สดชื่นจริงๆ! อ่าา”เบิร์กเดินเข้ามาในสภาพผมเปียก ห่มชุดหนังที่ดูเหมือนเปียกน้ำนิดหนึ่ง

    “อาบน้ำเสร็จแล้วหรอเจ้าเบิร์ก ดูสิ! ใช่คนรู้จักเจ้าไหม”ลุงแบรกล่าวกับเบิร์กแล้วส่งสายตาไปทางอัสคัส

    “อ้ออ ลุงแบรนี่อัสคัส เราเพิ่งรู้จักกันเมื่อเย็นวานน่ะ”

    “เรื่องนั้นลุงรู้แล้ว ไปเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้มันดีก่อนไป แล้วออกมากินมื้อเที่ยง ตื่นก็สายอาบน้ำก็ช้า”ลุงแบรกล่าวกับเบิร์กด้วยน้ำเสียงบ่นๆ

    “ลุงเจ้านี่ขี้บ่นนะเบิร์ก”อัสคัสพูดแทรก

    “เขาก็เป็นยังงี้แหละท่าน ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “พ่อหนุ่ม เจ้านี่จริงๆเลย ดูท่าจะเป็นคนอารมณ์ดีน่าดูเลยนะ”ลุงแบรเดินมานั่งเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารกับอัสคัส

    “แล้วจะให้อารมณ์เสียไปทำไมเล่าลุง ว่าแต่เครื่องปั้นดินเผาพวกนี้ และก็แก้วทอง เก้าอี้หรือแม้กระทั่งโต๊ะดูท่าจะเป็นของมีราคาทั้งนั้นเลยนะ นี่ลุงซื้อมาด้วยเหรียญทั้งหมดกี่เหรียญเนี่ย!?”อัสคัสถามด้วยความสงสัย

    “๒๕๐ เหรียญ ถามทำไมล่ะ”

    “๒๕๐ เหรียญ!!! นี่ลุงมีทรัพย์สมบัติมากขนาดนั้นเลยหรอ ข้าล่าสัตว์ขาย ได้แค่เหรียญเดียวก็นับว่าดีมากแล้ว ลุงทำมาหากินด้วยอะไร ข้าสงสัยจริง?”

    “มันไม่ใช่เรื่องของเจ้าที่จะต้องรู้”ลุงแบรกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “ชี้ทางให้ผู้อื่นได้ดีมันจะเป็นผลดีแก่ตัวลุงเองด้วยนะ บอกเถอะหน่า ไหนๆเราก็คนบ้านเดียวกัน”

    “ข้าบอกว่าไม่ก็ไม่ไง!!”ลุงแบรตะคอกเสียงดังใส่ ทำให้เบิร์กเดินออกมาด้วยความสงสัย แล้วมานั่งตรงเก้าอี้ที่โต๊ะอาหารอย่างช้าๆ

    “มีอะไรกันหรอท่านทั้งสอง?”

    “เอิ่มเอ่อ ไม่มีอะไรหรอกเบิร์ก ข้ากับลุงเจ้าแค่สนทนาถูกคอกันไปหน่อยน่ะ”อัสคัสยังคงน้ำเสียงสดใสไว้

    ลุงแบรไม่สนใจตั้งหน้าตั้งตากินอาหารมื้อเที่ยงไปโดยไม่คุยกับใคร

    “อาหารมันจะไม่อร่อยก็เพราะบรรยากาศแบบนี้แหละ”เบิร์กพูดลอยๆด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนักแล้วกินอาหารไป อัสคัสยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยแต่เขาก็สำรวมตัวเองไว้ กินอาหารตามมารยาท ไม่กินฟุ่มเฟือย กินแต่น้อย กินพอประมาณ

    “ข้าไปหาฮอร์ดดีกว่า ไม่มีอารมณ์ให้ตายสิ”เบิร์กหงุดหงิดขึ้นขณะที่กินอาหารยังไม่หมดแล้วเดินออกจากบ้านไป ปล่อยให้อัสคัสกับลุงแบรนั่งกันอยู่สองคน ลุงแบรก็ยังคงก้มหน้าก้มตากินโดยไม่พูดอะไรสักคำ

    “นี่ลุง! เมื่อกี้ถ้าข้าเซ้าซี้มากไป ข้าก็ขออภัย ข้ามิได้ตั้งใจจะสร้างความรำคาญให้กับลุง ข้าขอตัว”อัสคัสลุกขึ้น

    “นั่งลงก่อนพ่อหนุ่ม”

    “จะว่าข้าต่อรึไงลุง?”อัสคัสนั่งลงเหมือนเดิมอย่างสำรวม

    “เมื่อกี้ข้าต่างหากที่ต้องขอโทษ ข้าบอกเจ้าไม่ได้ เหตุเพราะเบิร์กยังอยู่ในบ้าน”

    “เบิร์กอยู่แล้วทำไมละ มันมีอะไรงั้นหรอลุง?”

    “เจ้าสงสัยเรื่องทรัพย์สินมากมายของข้าใช่ไหม ว่าข้าเอามันมาจากไหน?”

    “ใช่แล้ว! แต่ลุงกลับตะคอกใส่ข้า.. ทำไม?”

    “เพราะว่าข้าไม่ใช่คนที่นี่!!”ลุงแบรกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

    “เอ่อ แล้วถ้าไม่ใช่คนที่นี่ พูดเรื่องทำมาหากินนี่จะถูกฆ่าหรือไงกันน่ะ ถึงได้โมโหไปเมื่อกี้”อัสคัสยื่นหน้าไปหาลุงแบร

    “ไม่ใช่ข้าคนเดียว เบิร์กเองก็เช่นกัน”

    “เบิร์กก็ด้วยหรอ มันหมายความว่าไง ลุงพาเจ้าเบิร์กขึ้นมาจากมหาสมุทรตรงขอบชายแดนรึไง!?”อัสคคัสสงสัยหนักขึ้นไปอีก

    “จะบ้าหรอ! ข้าเป็นคนนะไม่ใช่สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก ข้ากับเบิร์กน่ะเป็นคนแดนเหนือ!!!”น้ำเสียงลุงแบรเริ่มเบาลง

    “แดนเหนือ!!? นี่ลุงมาจากแดนเหนืองั้นหรอ แล้วมาจากบ้านไหนเขตไหน!!?”

    “นาเมเน็ก!!!”

    อัสคัสได้ยินดังนั้นก็ตกใจ เพราะที่นาเมเน็กถือว่าเป็นเขตหมู่บ้านที่เจริญที่สุดในแผ่นดินกาเรียอัสในตอนนี้ มีนักรบมากมายอยู่ที่นั่น ทั้งโหด เถื่อน ดิบ กระหายอำนาจอย่างที่สุด พวกนักเลงอันธพาลที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็นผู้นำมักจะไปที่นาเมเน็กกัน เพื่อไปสู้กับกลุ่มนักเลงอื่นๆให้ราบคาบแล้วตนจะขึ้นไปอยู่แทนที่พวกที่แพ้ไป…ทำให้อัสคัสจึงถามต่อว่า

    “ลุงมาจากที่นั่น!? แล้วลุงมีชีวิตรอดมาได้ยังไง”

    “ฟังข้าให้ดีนะพ่อหนุ่ม แล้วห้ามเอาเรื่องนี้ไปบอกเบิร์กหรือว่าใครก็ตามเด็ดขาดเข้าใจมั้ย!!?”ลุงแบรกล่าวกำชับ

    “ข้าให้สัญญา จงบอกแก่ข้าเถอะ”

    “จริงๆแล้วที่นาเมเน็กสมัยตอนข้ายังหนุ่ม ข้ามีพี่ชายอยู่ที่นั่น ยกพวกตีรันฟันแทงคนอื่นเขาไปทั่ว เราสองคนพี่น้องเกิดในหมู่บ้านนาเมเน็ก ซึ่งมันเต็มไปด้วยพวกที่อยากขึ้นไปเป็นใหญ่ เพราะว่านาเมเน็กเป็นเขตที่กว้างขวาง มีแหล่งข้าวแหล่งน้ำอุดมสมบูรณ์อยู่ใกล้ๆ เมื่อเทียบกับโอดิธันบ้านของเราที่นี่แล้ว นาเมเน็กเปรียบเสมือนเมืองหลวงเลยทีเดียว คนที่มีทักษะช่าง ศิลปะ การประดิษฐ์ มักจะหอบตัวขนข้าวขนของไปทำมาหากินกันที่นั่นเพราะรายได้ดี แต่ก็ต้องได้อย่างเสียอย่าง ถ้าเกิดเรามีครอบครัวล่ะ แล้วถ้าเรามีลูก ถ้ามีลูกชายก็อาจจะโดนพวกนักรบกาเรียอัสกระทึบเอาได้ แล้วยิ่งมีลูกผู้หญิงนี่ต้องระวัง อาจจะโดนฉุดไปข่มขืนเสียอย่างดื้อๆ ข้ากับพี่ชายในตอนนั้นจึงคิดที่จะครองนาเมเน็กเพื่อที่จะเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งให้ดีขึ้น ซึ่งเราสองคนพี่น้องก็ทำได้ เรามีพวกพ้องบริวารมากมาย เรากลายเป็นผู้มีอำนาจบารมี แต่ปณิธานที่เราสองพี่น้องได้ตั้งใจจะทำนั้น มันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด พี่ชายข้าหลอกลวงข้าให้ช่วยเขาครองนาเมเน็ก แล้วพอมันสำเร็จเขากลับกุมอำนาจเด็ดขาดไว้ซะเอง แทนที่นาเมเน็กจะน่าอยู่ขึ้น มันกลับเลวร้ายลง เขาฆ่าคนเป็นว่าเล่น ใครไม่ยอมรับเขาต้องโดนรุมประชาทัณฑ์ ข่มขืนลูกสาวชาวบ้านเขาไปทั่ว จนในที่สุดเขาก็พบรักกับหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่ง ซึ่งในตอนแรกข้าคิดว่านางต้องมาทำให้พี่ชายข้ากลับตัวกลับใจได้แน่ๆ แต่มันหาได้เป็นอย่างนั้น นางคืออสรพิษร้าย เลวทรามไม่สมกับใบหน้าอันสวยสดของนางเลย ข้านี่เจ็บใจจริงๆ แล้วเมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาสองคนก็ได้ให้กำเนิดบุตรชาย พวกเขาตั้งชื่อให้ว่า เบิร์ก!”

    “เอ่อ…ตอนนี้..ข้าเริ่มเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมถึงให้เบิร์กรู้เรื่องนี้ไม่ได้”อัสคัสฟังด้วยสีหน้าจริงจัง เขากอดอก นั่งหลังตรง ดูเคร่งขรึมมาก

    “ข้าแค่สงสารเด็กที่ยังบริสุทธิ์ ข้าเกรงว่าเด็กคนนี้จะโตมาในสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย ข้าไม่ต้องการให้เด็กอยู่ในโลกอันโหดเหี้ยม สองเดือนหลังจากเบิร์กเกิด ข้าได้พาเขาหนีไปพร้อมกับธนูที่เจ้าเห็นแขวนอยู่ที่ผนังหน้าบ้านนั่นแหละ ข้าเก็บทรัพย์สมบัติเงินทองมามากพอสมควร เพื่อที่จะหาแหล่งพักพิงใหม่ แต่สุดท้ายพี่ชายข้าก็รู้เรื่องนี้เข้าเสียได้ เขาส่งพวกนักเลงถือขวาน ถือค้อน ถือมีดถือดาบ ไล่ฟันข้าที่กำลังอุ้มเด็กทารกตัวน้อยๆ ข้าวิ่งไปที่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออก ข้าวิ่งมาผิดที่ ข้าเจอทางตัน ข้ายืนอยู่ตรงหน้าผาที่สูงชะลูด มันเสี่ยงมากในตอนนั้น ในขณะที่ข้ากำลังร้อนรนกับหนทางข้างหน้า ข้าก็ได้ถูกศรธนู ยิงปักเข้ามาที่กลางหลังจนข้าตกหน้าผาลงสู่ห้วงทะเลกับเด็กทารกน้อยคนนั้น แต่ไม่รู้ว่าเพราะโชคช่วยหรืออะไรข้ารอดมาได้ ศรธนูที่ปักกลางหลัง มันติดเสื้อขนสัตว์ มีเพียงแค่ลอยถลอกๆนิดหน่อยเท่านั้น ข้าเดินเลาะชายฝั่งลงมาทางใต้เป็นเวลา ๒ ปี จึงมาถึงโอดิธันหมู่บ้านแห่งความสงบนี้ ซึ่งตอนนั้นฮอร์ดเพิ่งจะเกิดเองมั้งนะ ข้าก็ไม่รู้จำไม่ค่อยได้มันนานมากแล้ว หลังจากนั้นข้าก็หาข้าวหาน้ำกินให้เต็มที่เลยที่หมู่บ้านนี้ แล้วค่อยลงมือสร้างบ้านขึ้นที่นี่ ณ ตรงนี้”ลุงแบรพูดเล่าไปพร้อมกับหลับตาลงในบางช่วง

    “ช่วงเวลาแห่งความเลวร้ายมันได้ผ่านมาแล้ว ข้าไม่อยากเรียกลุงเลยพอได้ฟังเรื่องทั้งหมดแล้ว”อัสคัสกล่าว

    “จริงๆชื่อของข้าคือ แบเรียสนาบาลู แต่เรียกว่าแบรก็พอ อย่าทำให้มันยุ่งยากนักเลยพ่อหนุ่ม”

    “งั้นก็ได้ แล้วลุงบอกเบิร์กว่ายังไงเวลาเขาถามหาพ่อหาแม่ของเขา?”

    “ข้าก็ตอบไปอย่างง่ายๆ พ่อแม่เจ้าตายแล้ว ด้วยโรคร้าย ศพถูกลอยแพไปกลางทะเลเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ระบาด”

    “เนียนจริงๆลุง ดีนะที่เบิร์กเขาไม่ถามว่าแล้วทะเลไม่เน่าหรอลุง ปลาไม่ตายหรอ ถ้ายังงั้นนะจะแถถูกไหม?”อัสคัสกล่าวหยอกลุงแบร

    “อันนี้มันก็แล้วแต่ฝีปากของข้าแล้วละ ฮ่าฮ่าฮ่า”ลุงแบรหัวเราะ

    “เชื่อเขาเลย…”

    “นี่พ่อหนุ่ม ข้ามองดูลักษณะเจ้าแล้วเนี่ย ดูแข็งแรง ถึก ทน ทรหด เจ้าคงจะมีฝีไม้ลายมือพอตัวอยู่นะ สอนให้เจ้าเบิร์กมันบ้างสิ”ลุงแบรเอ่ย อัสคัสก็พยักหน้าแล้วยกแก้วน้ำมาดื่มเพื่อดับกระหาย…
     
  10. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๗ ลางร้ายเริ่มก่อตัว



    ...อีเลียด ฮอร์ดที่เอาแต่เก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ไม่ออกไปหาไรทำเหมือนที่เคยทำมาตลอดทุกวัน อิสระภาพของเขายังคงมีแต่สิ่งที่เขาหายไปคือความเป็นตัวของตัวเอง เขานั่งคิดไตร่ตรองในสิ่งที่พ่อของเขาพูดไว้อย่างถี่ถ้วน มันล้วนมีเหตุผล เพราะตัวฮอร์ดในตอนนี้ได้กลายเป็นวีรบุรุษคนแรกของหมู่บ้านโอดิธันไปเสียแล้ว ผู้คนในหมู่บ้านต่างชื่นชมยกย่องในตัวฮอร์ด สิ่งที่ฮอร์ดต้องทำไม่ใช่การออกไปผจญภัยแบบเด็กๆ ล่าสัตว์ไปวันๆแล้ว สิ่งสำคัญที่เขาต้องทำในตอนนี้คือทำตนเองให้เหมาะสมกับที่คนอื่นเขายกย่อง ฮอร์ดนั่งคิดอยู่อย่างนั้นเงียบๆคนเดียวตรงใต้ถุนบ้าน


    “ฮอร์ด!!”

    เบิร์กตะโกนใส่หูข้างขวาของฮอร์ด จนฮอร์ดนั้นสะดุ้งเพราะมัวแต่เหม่อลอยอยู่

    “เจ้าเบิร์ก!! โผล่มาดีๆไม่ได้รึไงเนี่ย ตกใจหมด!”

    “โธ่เอ้ยย!! ข้าน่ะมายืนอยู่ข้างหลังเจ้าได้พักหนึ่งและ มัวแต่นั่งเหม่อมองฟ้าอยู่นั่น จะไปแตะขอบฟ้ารึไง”เบิร์กนั่งลงคุยข้างๆฮอร์ด

    “ข้าคิดไรเรื่อยเปื่อยน่ะ กินมื้อเที่ยงมายัง?”

    “ยังเลยย! วันนี้ข้าตื่นสาย เพลียจากการแบกเจ้าเมื่อคืนนั่นแหละ เมื่อกี้ก็กำลังจะกินอาหารเที่ยงอยู่ อัสคัสเขาไปที่บ้านข้าน่ะ แต่ลุงแบรกลับทำบรรยากาศโต๊ะอาหารเสียซะได้ หมดอร่อยเลย”

    “อัสคัสไปบ้านเจ้าหรือ! แล้วไปทำไมอะ ลุงแบรเองเขาไม่รู้จักอัสคัสนี่ คงจะคุยกันไม่ถูกคอล่ะมั้ง”

    “ตอนแรกก็คุยกันดีๆอยู่นั่นแหละ แต่พอข้าไปเช็ดตัวใส่เสื้อผ้าในห้องประเดี๋ยวเดียวเอง ออกมานี่หน้าบึ้งอย่างกับปวดท้องอะไรอย่างนั้น”เบิร์กพูดแล้วทำหน้าประกอบ

    “อ่ออ เดี๋ยวก็คงดีกันเองละมั้ง ว่าแต่เบิร์ก…?”

    “มีไร? จะชวนไปแทงปลารึไงวันนี้ ถ้าจะแทงปลานะข้าแนะนำไปตรงคลองชายหมู่บ้านดีกว่า คราวที่แล้วเจ้าพาไปแทงที่บ่อน้ำขังจากน้ำท่วม นี่เจ้าคิดว่ามีน้ำเยอะแล้วปลาจะเยอะตามน้ำหรือไง เดินตัวปลิวกลับบ้านกันเลยนะวันนั้นน่ะ ลืมแล้วหรอ?”

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น เจ้าก็รู้ว่าตัวข้าในตอนนี้จะออกไปเล่นสนุกวันๆไม่ได้แล้ว พวกชาวบ้านต่างพากันยกย่องข้าเกินจริง ข้าน่ะไม่สมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็นวีรบุรุษเลย ฝีมือของข้าก็กระจอกสิ้นดี แต่ในเมื่อเรื่องมันเป็นอย่างนี้ไปแล้ว ข้าต้องเปลี่ยนตัวเองให้คู่ควรกับคำชื่นชมนั่น”

    “ถ้างั้น..เจ้าต้องการจะทำยังไงต่อล่ะฮอร์ด แล้วเมื่อกี้ที่เจ้าจะบอกอะไรข้า คือเรื่องนี้หรอ?”

    “ข้าจะออกเดินทาง!!!”

    “เดินทาง!!! จะเดินไปไหน เจ้าเคยออกจากโอดิธันนี้หรือไง เดี๋ยวก็หลงเจอเสือคาบไปกินกลางทางพอดี”เบิร์กพูดถามด้วยความตกใจ

    “ข้าแค่บอกว่าข้าจะออกเดินทาง ข้าไม่ได้บอกว่าจะไปวันนี้เดี๋ยวนี้ซะหน่อยไอ้บื้อ!!”

    “ก็คนมันตกใจนี่หว่า เจ้านี่มันชอบหาเรื่องไปตายจริงๆเลยนะ จระเข้เมื่อคืนนี่ไม่เข็ดรึไง ไม่โดนสัตว์ป่าฆ่าตายก็คงโดนนักเลงกระทึบตายล่ะ เออนี่ฮอร์ด! ข้าขอถามหน่อยสิ ว่าเมื่อวานเจ้าฆ่าจระเข้ยักษ์ตัวนั้นด้วยวิธีไหน!?”

    “มันได้จังหวะพอดี มันเกิดขึ้นเร็วมากน่ะ”

    “ข้าให้บอกวิธี เจ้าตอบจังวงจังหวะอะไรเนี่ย!?”

    “จงมีสติ!!!”

    “หืม!?”เบิร์กเกิดอาการงงเป็นไก่ตาแตก

    “จำไว้นะเบิร์ก! สติเท่านั้นที่ช่วยเราได้ในยามคับขัน”ฮอร์ดหันไปพูดย้ำให้เบิร์กฟังอีกที

    “ขอแบบเข้าใจง่ายหน่อยได้มั้ย?”

    “ฟังให้ชัดๆละ ในตอนนั้นที่ตัวข้าได้กระโดดลงแม่น้ำที่เชี่ยวกรากซึ่งเต็มไปด้วยจระเข้ตัวใหญ่หลายร้อยตัวนั้น ข้ากลัวจนขีดสุด แต่ความกลัวของข้าไม่ใช่กลัวจนหัวหดทำอะไรไม่ได้ ขาสั่นแขนสั่นไม่ใช่แบบนั้น ข้ากลัว..กลัวที่จะต้องมาตายในที่แห่งนั้น แขนขาของข้าสั่นนะ แต่สั่นสู้!! ยิ่งกลัวมากข้าก็ยิ่งมีความระมัดระวังมากขึ้น ทั้งจระเข้ที่อยู่ผิวน้ำและจระเข้ที่แหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ ข้าไม่ประมาทเลยสักช่วงเวลาเดียว ถ้าเป็นคนอื่นสติคงแตกกระเจิงบ้าไปแล้วล่ะมั้งนะ ตัวข้าลอยน้ำไปตามกระแสน้ำเชี่ยวนั้นจนกระทั่ง จระเข้ขนาดยักษ์สองตัวโผล่ขึ้นมาจากใต้น้ำ ข้าหักตัวหลบอย่างรวดเร็ว ถ้าช้าล่ะก็ร่างกายข้าได้ขาดสองท่อนเป็นแน่แท้ ซึ่งในวินาทีนี้แหละที่ข้าเห็นช่องว่างที่จะสังหารจระเข้ตัวหนึ่งได้ ข้าเอาหอกอันแหลมคมที่ข้าเหลาไว้อย่างดีทิ่มแทงไปตรงผิวหนังตรงคอใต้ท้องมันขณะที่มันชนกับอีกตัวแล้วหันหน้าท้องมาให้ข้า ข้าก็เลยรีบแทงซะเดี๋ยวนั้น!!! แล้วผลักมันให้หงายท้อง ในจังหวะที่มันกำลังหงายท้องด้วยแรงผลักข้าจากด้ามหอก ข้ารีบเอาสองเท้านี้ว่ายแล้วกระโดดขึ้นจากน้ำเหยียบไปที่ท้องของมัน ใช้แรงถีบพุ่งตัวขึ้นมาบนฝั่งได้สำเร็จ และตอนนั้นน้ำพัดมาใกล้เนินดินพอดี หากข้าช้าจระเข้อีกตัวคงได้ลากข้าไปเป็นมื้อเย็นเมื่อวานเรียบร้อยแล้ว”

    “ข้าฟังแล้วเสียวแทนเลย เจ้ารอดมาได้ไงวะเนี่ยฮอร์ด มีของดีเหรอ!? ถ้าโดนกัดล่ะก็ข้านี่ไม่อยากจะนึกภาพ”

    “เข้าใจรึยัง! ว่าทำไมข้าถึงบอกว่าให้มีสติ กลัวน่ะกลัวได้แต่ต้องมีสติคุม อย่าแตกตื่น พ่อข้าเคยสอนไว้เมื่อยังเด็กๆ”

    “เออๆ ข้าพอจะเข้าใจแล้ว เพื่อนข้านี่มันสุดยอดจริงๆเลยโว้ยย!! ฮ่าฮ่าฮ่า”

    ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานอยู่ใต้ถุนบ้าน เบิร์กได้ดูแผลฮอร์ดแล้วถามว่าเป็นยังไงบ้างและอะไรอีกมากมาย พวกเขาคุยกัน สนิทกัน พวกเขาสองคนคือเพื่อนตายกัน…พวกเขาสองคนพร้อมที่จะตายแทนกันและกันได้ อันมิตรภาพแบบนี้มันช่างหาได้ยากยิ่ง…อีเลียด ฮอร์ด เด็กหนุ่มที่ไม่รู้ว่าตนนั้นไม่ธรรมดา ชะตากรรมของเขามันใกล้เข้ามาหาเขาเรื่อยๆ เหตุด้วยข่าวเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านโอดิธันทางตอนใต้ของแผ่นดินกาเรียอัสได้แพร่สบัดไปสู่แดนเหนือ เหล่านักรบทั้งหลายที่ทราบข่าวเกี่ยวกับบุรุษผู้สังหารจระเข้ยักษ์เพียงลำพังตัวคนเดียว ความอยากเอาชนะมันก็เกิดขึ้นในใจของเหล่านักรบ เหล่านักรบผู้ผ่านการตีรันฟังแทงมานับไม่ถ้วนมีหรือจะยอมให้เด็กที่รุ่นอ่อนกว่า มาเด่นเกินหน้าตน…


    ณ เขตบูสในร้านเหล้าของหมู่บ้าน

    “ไอ้หนุ่มจากแดนใต้งั้นหรือ!!?”นักรบกาเรียอัสคนหนึ่งพูดเสียงดังขึ้นในร้านเหล้า พวกนี้ห่มหนังจระเข้กันทุกคนดูน่าเกรงขามมาก มานั่งดื่มเหล้ากับหญิงสาวที่เป็นเด็กบริการ ชายกลุ่มนี้นั่งมัวเมาในกามคุณ หลงระเริงไปกับสุราและนารี

    “เอาไงดีพวก! ลงใต้ไปกระทึบมันเลยดีไหม จะได้รู้ว่าใครเป็นใคร”นักรบที่นั่งข้างๆคนหนึ่งว่า

    “มันคงจะเก่งมาก พวกชาวบ้านถึงได้พูดกันปากต่อปากจนเรื่องมันมาเข้าหูของข้า มันจะหยามกันเกินไปแล้ว!!”นักรบคนแรกที่พูดกล่าวขึ้น

    “งั้นกินดื่มกันให้เต็มที่ แล้วพรุ่งนี้พวกเรา ๗ คน เดินทางไปโอดิธันกัน ข้านี่อยากจะไปชมชิมรสสวาทสาวๆจากโอดิธันเหมือนกัน ฮ่าๆๆ”นักรบอีกคนลั่นวาจาโฮกฮากเสียงดัง

    “เฮ้ยย!! ตาแก่เอาเหล้ามาอีกลังหนึ่ง เร็วๆ!!!”
     
  11. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๘ จอมหาเรื่อง



    …ขวานลอยหมุนไปปักลำต้นของไม้ใหญ่จนเนื้อไม้แตกกระจาย กาแลคกำลังทดสอบขวานเล่มใหม่ที่ตีมาอย่างดีจากร้านตีเหล็ก มันคม โค้งเว้าได้รูป ด้ามจับแข็งแรง ทะมัดทะแมง กาแลครู้สึกชอบพอใจกับขวานเล่มใหม่นี้มาก ตอนนี้บรรยากาศใกล้โพล้เพล้แล้ว ฮอร์ดกับอาธาร์ภรรยาสุดที่รักก็คงกำลังจะเตรียมตัวเข้านอนกัน ส่วนเบิร์กได้กลับมาที่บ้านและรับประทานมื้อเย็นกับลุงแบรตามปกติ เสียงของนกที่กำลังบินกลับรัง เสียงของใบไม้ที่ถูกกระทบด้วยสายลมในยามราตรี ถนนทุกสายเริ่มเงียบสงัด ชาวบ้านทั้งหลายได้กลับไปพักที่บ้านของตน ทางอัสคัสบุรุษผู้เป็นสหายของกาแลค เขากำลังร้องเพลงอยู่บนบ้านอันสันโดษของเขาด้วยเครื่องดนตรี ลักษณะเป็นสายดีดที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติเรียกว่ากีตาร์ เสียงดังไพเราะออกมาจากบนบ้าน ทำนองช้าฟังแล้วรู้สึกผ่อนคลาย เสียงร้องของเขาใส จนแม้แต่ตัวเขาเองยังต้องเคลิ้มกับเสียงเพลงของตนเอง


    เวิ้งว้างฟ้าไกล…หัวใจทรนง

    ดุจเหล็กกล้าที่บรรเลง..ตี อย่างบรรจง

    เสมือนเปลวเพลิง…ระเริงเล่นเป็นระบำ

    เสียงกลองดัง

    ตรง..ดวงหฤทัย

    ดังสนั่นเป็นจังหวะดั่งผู้กล้า

    เชิดสง่าอยู่กลาง…เปลวเพลิงร้อน

    เสียงกลอง..บรรเลง ตีเร็วขึ้น

    เสียงค้อนทุบ..เหล็ก สนั่นดิน

    เสียงชาย จากดินแดนอันทมิฬ

    เรียกร้อง..ครหา..ชัยชนะ!!!​


    ทำนองเพลงนี้นั้นมันช่างเพราะชวนฝัน อัสคัสเองก็คงจะคิดเช่นเดียวกัน เขานึกถึงฮอร์ด และเป็นห่วงเบิร์ก เขาไม่เคยรู้จักเด็กสองคนนี้เป็นส่วนตัวเลย เขารู้แค่เพียงว่าฮอร์ดเป็นลูกชายของเพื่อนรักของเขาเท่านั้นเอง

    “ฮันน่า ถ้าลูกกลับมายามนี้ ลูกคงมีเพื่อนผู้ชายเพิ่มอีกสองคนแน่ๆ พ่อคิดถึงลูก และแม่ของลูกนะ กลับมาเยี่ยมพ่อเร็วๆนะฮันน่า ถึงลูกจะไม่มีแม่แล้ว แต่พ่อก็ยังคอยลูกอยู่เสมอ”อัสคัสดีดกีตาร์ไปแล้วพึมพำถึงหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นลูกแท้ๆของเขาเอง


    …แสงตะวันส่องผืนแผ่นดินนี้อีกครา รุ่งอรุณแห่งวันใหม่มาถึงแล้ว หญิงสาวชาวบ้านทั้งหลายก็ได้นำอาหารดีๆมาให้ที่บ้านของฮอร์ดโดยฝากอาธาร์แม่ของเขา ถนนที่เงียบสงัดในราตรีเมื่อคืนวานได้เต็มไปด้วยชีวิตชีวาในยามรุ่งเช้า เด็กผู้ชายที่เด็กกว่าฮอร์ดหรือรุ่นราวคราวเดียวกัน ต่างฝึกฝนตนเองเพื่อให้แข็งแรงกัน ไม่ว่าจะดันพื้นเพื่อให้กล้ามเนื้อแข็งแรง หัดยกขวานหนักๆเพื่อให้แขนมีกำลัง ซึ่งแรงบันดาลใจของชายหนุ่มเหล่านี้ได้มาจากฮอร์ดทั้งสิ้น เพราะร้อยวันพันปีเด็กพวกนี้ไม่เคยออกมาทำอะไรแบบนี้ ปกติเอาแต่วิ่งเล่นไปนู่นไปนี่บ้างตามประสาคนรักสงบ ซึ่งก็เป็นทั้งหมู่บ้าน แต่ก็ต้องนับว่าเป็นข้อดี แต่ถ้าถึงคราวทะเลาะกันที เตรียมสูดดมฝุ่นกันได้เลย เพราะสู้กันเอาเป็นเอาตายแน่นอน และส่วนมากมันจะไม่ค่อยได้เกิดขึ้น

    ทว่า..เดี๋ยวก่อน..มันจะเกิดขึ้นบ่อยมากกับผู้ชายคนหนึ่ง ผู้ชายที่มีสมญานามว่า กาแลค

    “บังอาจมากที่มาถมน้ำลายตรงหน้าข้า”เสียงพูดของกาแลคจบลงเขาก็ได้ชกไปที่ชายที่อยู่ข้างหน้า

    “ข้าไม่ทันได้มองว่าเจ้าเดินมา”ชายคนที่โดนชกหันหน้ามาพูด

    “นี่เจ้ารู้ไหม! ว่าข้าเนี่ย ชกต่อยคนมาเกือบทั้งหมู่บ้านแล้ว และเจ้ากำลังจะเป็นคนล่าสุด!!”กาแลคกล่าวเสร็จก็กระโดดชกเหวี่ยงหมัดขวาไปที่กรามซ้ายของคู่ชกของตนทันที ชายผู้ซึ่งเป็นคู่ต่อสู้ก็สวนคืนบ้าง วิ่งหมอบเข้าไปกอดรัดเอวกาแลคให้ล้มลงกับพื้น แล้วรัวหมัดสองข้างซ้ายขวาไปที่ใบหน้าของกาแลค ซึ่งกาแลคเองก็ยกแขนขึ้นมากันบริเวณใบหน้าของตนไว้ ชายคนนั้นรัวหมัดไม่หยุดจนเหนื่อย กาแลคได้ทีผลักเขาออกให้เสียหลักล้ม แล้วเอาเท้ายันหน้าอกให้หงายหน้าอีกทอดหนึ่ง กาแลคยืนรอให้ชายหนุ่มคนนั้นลุกขึ้น เขาเป็นลูกผู้ชายพอ เมื่อชายคนนั้นลุกขึ้นมาตั้งหลักได้แล้ว ก็วิ่งหมอบเข้าใส่กาแลคเหมือนเดิมอีก แต่กาแลคหาได้เสียท่าอีกไม่ เขาพลิกตัวหลบทางด้านขวา แล้วฟาดขาเตะไปที่ซี่โครงซ้ายของชายที่กำลังหมอบก้มหน้าก้มตาวิ่งใส่เขา ผลของมันคือจุกจนต้องร้องครวญคราง ทันใดนั้นเองได้มีไม้แข็งๆขนาดเล็กฟาดลงไปที่กบาลของกาแลคทางข้างหลังอย่างแรง


    “นี่เธอ!! ไปหาเรื่องคนอื่นเขาอีกแล้วนะ”อาธาร์พูดและมือกำลังกำสากที่ใช้ทำอาหาร

    “โอ้ยย!! ที่รัก ข้าเจ็บนะ”

    “ก็ตีให้เจ็บจะได้จำไง บอกให้ไปซื้อผักมา เดี๋ยวข้าจะทำต้มให้กิน”

    “ก็มันมาถุยน้ำลายใส่ข้านี่อาธาร์”กาแลคกล่าวแล้วเอามือลูบหัวที่เต็มไปด้วยเลือด ว่ากันง่ายๆก็หัวแตกนั่นเอง

    “ไม่รู้! ทำเสียชื่อลูกฮอร์ดหมดเลยเธอนี่ ขอโทษด้วยนะท่านที่สามีข้าไปทำร้ายท่าน”อาธาร์เอ่ยแล้วหันไปขอโทษชายคนที่เป็นคู่ชกกับกาแลค

    “มะ..ไม่เป็นไร คนบ้านเดียวกัน โอยย”ชายคนนั้นพูดไปพลางร้องไป

    “เป็นพ่อของฮอร์ดแท้ๆ หัดดูอย่างลูกตัวเองซะบ้างสิ!!”ชาวบ้านที่ยืนดูคนหนึ่งพูดขึ้น

    “เอาหน่า! มันเป็นธรรมชาติของผู้ชาย คิดซะว่าเป็นสีสันของหมู่บ้านก็แล้วกัน”กาแลคพูดแก้ตัว

    “ยัง ยัง..ยังไม่ไปซื้อผักอีก เดี๋ยวก็อีกโป๊กหนึ่งหรอกตานี่”อาธาร์ยกสากขึ้นมาทำท่าจะตี

    “ไปแล้วที่รัก เตรียมไฟไว้ต้มได้เลย และก็เตรียมยาไว้ทาหัวข้าด้วยละ”กาแลคพูดด้วยน้ำเสียงมีอารมณ์ขันแล้วเดินไปข้างหน้าเพื่อไปหาผักซื้อ

    “จริงๆเลยตาคนนี้”

    กาแลคเดินไปก็พลางลูบศรีษะไป ทำสีหน้าโอดโอย ไปที่ตลาดของหมู่บ้าน ชาวบ้านแม่ค้าพ่อค้าทั้งหลายต่างถามว่าไปโดนใครตีหัวมา กาแลคได้พูดออกมาเบาๆว่าโดนอาธาร์ตีมา พวกชาวบ้านในตลาดก็หัวเราะ เพราะไม่ได้เห็นกาแลคเลือดออกหัวมานานแล้ว ด้วยตั้งแต่ฮอร์ดเกิดมากาแลคก็ไม่ค่อยไปมีเรื่องราวชกต่อยกับคนอื่นเลย จนกระทั่งวันนี้ เลือดหนุ่มของกาแลคคงร้อนขึ้นมาอีกคราละมั้งถึงได้ไปชกต่อยกับคนเมื่อเช้านี้ เมื่อได้ซื้อผักซื้ออะไรต่อมิอะไรเรียบร้อยแล้ว กาแลคก็เดินทางกลับบ้าน เขาเดินขึ้นบันไดบ้านก็เห็นอาธาร์กำลังบดยาอยู่ กาแลคได้เดินเข้าไปนั่งข้างๆอาธาร์ที่อยู่ในครัว อาธาร์เห็นสามีของตนมาแล้ว ก็รีบเอายาที่บดไว้มาทาแผลให้

    “เจ็บไหมกาแลค??”

    “ตอนแรกก็เจ็บนะ แต่พอเห็นหน้าเจ้าข้าก็หายเจ็บทันทีเลยที่รัก”กาแลคทำเสียงหวาน

    “ทีหลังก็อย่าไปสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่น รู้จักอภัยให้กันบ้างสิ เธอเป็นพ่อคนแล้วนะกาแลค”

    “จ้า จ้าา”กาแลคว่าแล้วได้หอมแก้มอาธาร์ขณะกำลังเอายาทาแผลบริเวณศรีษะให้ เมื่อเสร็จแล้วอาธาร์เธอก็ได้ทำอาหารมื้อเช้าต่อ

    ทางฮอร์ดที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องในสภาพงัวเงียของคนที่เพิ่งตื่นนอน เขาออกมากวาดสายตาไปทั่วบ้าน ถูกแล้ว! เขากำลังมองหาว่าหนังจระเข้นั้น แม่ของเขาทำเสร็จหรือยัง แต่มองๆแล้วก็ยังไม่เห็น ฮอร์ดก็คิดว่ายังคงไม่เสร็จ เขาจึงได้เดินลงบันไดไปอาบน้ำอาบท่าข้างล่าง มีกะลาไม้ไว้ตักน้ำ โอ่งเก็บน้ำเต็มเปี่ยมโดยที่ไม่ต้องไปเอาน้ำจากในคลองมาใส่ให้เต็มเลย ทุกบ้านทุกหมู่ของแผ่นดินกาเรียอัส จะตั้งโอ่งไว้ใต้ถุนบ้าน ให้เลยชายคาออกมาหน่อย เพื่อกักเก็บน้ำฝนที่ตกปรอยๆลงมาทุกวัน ทั้งวันทั้งคืน ชาวกาเรียอัสจะตักน้ำมาอาบหรือมาใช้ พวกเขาจะใช้กันอย่างประหยัด เวลาอาบน้ำก็ไม่ตักมาราดตัวโครมๆ เวลาจะล้างมือล้างเท้า ก็ตักครั้งเดียวให้เต็ม แล้วค่อยๆล้าง ไม่ตักหลายรอบให้เปลืองน้ำ เพราะฝนตกปรอยๆไม่ได้ตกหนัก มิฉะนั้นน้ำในโอ่งที่กักเก็บเอาไว้จะหมดเร็วเกินไป

    ฮอร์ดได้อาบน้ำอย่างสบายใจโดยใส่ผ้าปิดช่วงล่างไว้อยู่ที่ใต้ถุนบ้าน เขาอาบไปดูพ่อของเขากาแลค เหวี่ยงขวานซ้อมไป ฮอร์ดมองแล้วก็นึกในใจว่าขวานเล่มใหญ่ขนาดนี้ พ่อไม่เมื่อยแขนบ้างหรือ กาแลคเป็นหนุ่มกล้ามโต เป็นมัดทุกสัดส่วน ผมยาวสีแดงช่วงหลังปล่อยรากไทร ผมหน้าถักเปียทอดยาวไปหลังหัว ไว้เครายาวปิดคอ แต่โกนหนวดออก กล่าวง่ายๆคือไว้เครา แต่ช่วงบริเวณหนวดนี่โกนออก ส่วนอาธาร์มารดาของฮอร์ดนั้น นางสวยมาก ดวงตาคม นัยตาสีฟ้า ผมสีแดงยาวสลวยจนเลยหลังมาหน่อยหนึ่ง ถักเปียผมด้านข้างซ้ายขวาทอดยาวมาถึงปลายผม ส่วนผมช่วงกลางหวีไปข้างหลัง ปล่อยให้นุ่มสลวยเป็นธรรมชาติ ผมนางเป็นคลื่นๆสวยงามทางด้านหลัง เนื้อของเธอแน่น หน้าอกเต่งตึง เธอมีลักษณะของแม่พันธุ์ที่ดีเลยทีเดียว เพราะฮอร์ดนั้นก็เป็นหนุ่มรูปหล่อ หน้ายังใส ผมสีแดง ยาวประคอ ดวงตาเหมือนพ่อ คือคมน้อยกว่าแม่ นัยตาสีฟ้า หุ่นก้านดี คางของฮอร์ดออกเหลี่ยมหน่อยๆ แต่ก็ดูดีมากๆ และเมื่อฮอร์ดอาบน้ำเสร็จแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาธาร์ก็ได้เรียกสามีและลูกของตนมากินอาหารมื้อเช้ากัน บ้านของฮอร์ดไม่นิยมกินอาหารบนโต๊ะเพราะไม่ใช่คนร่ำรวย พวกเขาจะเอาอาหารต่างๆที่ทำมา วางไว้บนพื้นที่ซึ่งใช้กินอาหารกันเป็นประจำ พวกเขาจะเอามาวางไว้โดยใส่ถ้วยชามที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ซึ่งเมื่อกาแลคและฮอร์ดได้ยินอาธาร์เรียก ก็ได้มาตรงที่บริเวณกินข้าว แล้วนั่งล้อมวงกันสามคนที่มีอาหารอยู่กลางวง มื้อเช้านี้อาธาร์ทำผักต้ม ขนมปังกับน้ำผึ้ง เนื้อจระเข้ย่าง(ที่เหลือมาจากวันก่อน) ครอบครัวนี้นั่งกินมื้อเช้ากันและคุยกันไป อาธาร์ก็ถามว่าแผลที่หัวเป็นไงบ้าง กาแลคก็ตอบหวานๆกลับมาว่า

    “ไม่เป็นไรจ้ะ”

    ฮอร์ดชอบกินเนื้อจระเข้ย่างมาก มันละมุนลิ้น และชวนเคลิ้มสุดๆเลยทีเดียว

    “อร่อยจนข้าแทบจะเหาะได้เลยนะเนี่ย”เขานึกอยู่ในใจขณะกำลังขบเคี้ยวเนื้อจระเข้นั้นอยู่...
     
  12. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๙ หนุ่มเนื้อหอม


    “เบิร์ก จะรีบไปไหนแต่เช้า?”ลุงแบรเห็นเบิร์กรีบคว้าขนมปัง คันธนู ดาบและเนื้อหมูเสียบไม้ออกจากบ้าน

    “ข้าจะชวนฮอร์ดไปเล่นอะไรสนุกๆน่ะลุง!!”เบิร์กหันไปพูดกับลุงแบรขณะกำลังเปิดประตูออกจากบ้าน

    “ออกไปเล่นหรือ!? แล้วกระเป๋าขนหนังนั่นเอาไปด้วยทำไม จะไปไหนกันแน่!!?”ลุงแบรสังเกตุเห็นกระเป๋าที่ทำมาจากขนสัตว์ ที่มีไว้ใช้สำหรับการเดินทางวางอยู่ใกล้ๆเท้าของเบิร์ก

    “เอ่อ..อ้อ ไหนๆก็ไหนๆแล้วนะลุงนะ ข้าจะชวนฮอร์ดไปชมนกชมไม้นิดหน่อยน่ะ ไปสัก ๔-๕ วันเดี๋ยวก็กลับแล้ว”เบิร์กตอบด้วยความลนลาน

    ลุงแบรก็ยิ่งสงสัยหนักเข้าไปอีก อยู่ดีๆเบิร์กรีบตื่นแต่เช้ากินนู่นกินนี่เรียบร้อย และมีทีท่าร้อนรนจะรีบไปที่ไหนสักแห่ง ในใจเขากังวลว่าอัสคัสได้บอกเรื่องครอบครัวเขาให้เบิร์กฟังหรือเปล่า

    “ลุงอย่าทำหน้าตาจับผิดอย่างงั้นสิ ข้าแค่จะออกไปหมู่บ้านทางตะวันออก ลุงเองเคยบอกว่ามันมีสีสันกว่าบ้านเราในแถบชายป่าชาร์คนี้นี่หน่า ข้าก็เลยอยากไปดู และจะชวนฮอร์ดไปด้วยแค่นั้นเอง”

    “เดี๋ยวชาวบ้านก็แตกตื่นกันพอดี อีเลียด ฮอร์ด ไม่ใช่เด็กธรรมดาๆแล้วนะในตอนนี้ เด็กนั่นมีลักษณะตามประเพณีของชาวกาเรียอัส กลายเป็นผู้ที่สมควรจะถูกเรียกว่านักรบไปแล้ว ถึงเจ้าหนุ่มนั่นจะยังไม่ค่อยยอมรับก็เถอะ เดี๋ยวเจ้ากับฮอร์ดจะเที่ยวไม่สนุกกันนะ”ลุงแบรพูดด้วยความหวังดี

    “ที่แถบนั้นพวกเขาไม่เคยเห็นฮอร์ดนี่ลุง แต่ถ้าเกิดมันมีเหตุการณ์อย่างนั้นขึ้นมาจริงๆล่ะก็ ข้ามีวิธีของข้าหน่า ไปละลุง ไว้เจอกันนะ สวัสดีเด้ออ!!”เบิร์กกล่าวแล้วรีบวิ่งออกประตูไปพร้อมกระเป๋า

    “จะรีบไปไหน เฮ้ออ”ลุงแบรถอนหายใจด้วยความเป็นห่วง


    เบิร์กได้เดินเคี้ยวขนมปังไปตามทางขณะกำลังไปที่บ้านของฮอร์ด สาวๆและผู้คนตามหมู่บ้านต่างมองมาที่เบิร์ก แต่คงไม่ใช่เบิร์ก พวกเขามองเหมือนมองหาใครสักคน ใช่แล้ว! พวกชาวบ้านและหญิงสาวต่างกำลังมองหาฮอร์ดกันอยู่นั่นเอง เพราะฮอร์ดไม่ได้ออกจากบ้านของเขาเลยช่วงนี้ จะให้ไปยืนรออยู่หน้าบ้านก็ดูจะไม่ดี เมื่อเบิร์กเห็นสายตามากมายจ้องมองมาที่ตน จนเขานั้นรู้สึกอึดอัด

    “นี่ข้ากินมูมมามไปหรือเปล่าวะเนี่ย!!?”เบิร์กอุทานขึ้นในใจขณะกำลังกินมื้อเช้าของเขาไป…


    เสียงน้ำไหลลงท่วมใบหน้า มืออันแข็งแรงลูบไล้ผิวหน้าจากคราบน้ำให้เกลี้ยงเกลา ฮอร์ดกำลังตักน้ำใต้ถุนบ้านมาล้างหน้าล้างปากหลังจากทานมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย เขาตักน้ำมานิดหนึ่งเพื่อบ้วนปาก เสร็จแล้วก็ขึ้นบันไดไปบนบ้าน ไปที่ห้องของเขา จากนั้นก็นั่งลงบนที่นอนของตน เขาหลับตา สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พร้อมหายใจออกยาวๆ เพื่อสร้างสมาธิให้กับตนเอง ฮอร์ดนั่งนิ่งๆหลังตรงๆอยู่อย่างนั้นหกนาที จนเบิร์กได้มาตะโกนเรียกฮอร์ดอยู่หน้าบ้าน ฮอร์ดเมื่อได้ยินเสียงเพื่อนรักตะโกนเรียกก็ลุกออกจากห้องไปยืนดูอยู่บนบ้านตรงหัวบันไดทางขึ้น ฮอร์ดถึงกับตะลึงกับสิ่งที่เห็น เบิร์กเพื่อนรักของตนได้พาแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาหลายคนทีเดียว เป็นหญิงสาวสวยๆทั้งนั้น

    “เบิร์ก!! นี่เจ้าพาพวกนางมาทำอะไรที่บ้านข้าเนี่ย!!!?”ฮอร์ดพูดเสียงดังด้วยความตกใจ

    “ข้าไม่ได้ทำไรเลยนะ พวกนางตามข้ามาเอง”

    “ละ..แล้วพวกนางตามเจ้ามาทำไมกันเบิร์ก!!!?”

    “เธอเหล่านี้บอกว่าข้าจะนำพวกหล่อนมาเจอเจ้าได้ แต่ข้าไม่ได้บอกให้ตามมาเลยนะ ข้าสาบานได้”

    “อีเลียด ฮอร์ด ทำไมไม่ออกมาเดินเล่นนอกบ้านบ้างเลยล่ะคะ ข้าน่ะเฝ้ารอเจ้าอยู่นะฮอร์ดรูปหล่อ”หญิงสาวคนหนึ่งพูดขึ้น แต่ก็มีอีกคนพยายามจะเดินขึ้นไปบนบ้านไปหาฮอร์ด ซึ่งเบิร์กก็ได้ยกตัวมาขวางทางบันไดเอาไว้

    “พวกเธอนี่! เป็นสาวเป็นแส้ คิดจะขึ้นบ้านผู้ชายเชียวหรือ!!?”

    “พ่อพันธุ์ดีขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องอยากได้ไปทั้งนั้นแหละ”หญิงสาวคนหนึ่งกล่าว

    ฮอร์ดได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกุมขมับทันที

    “เบิร์ก รีบวิ่งขึ้นมาเร็วเข้า ข้าจะปิดประตู”ฮอร์ดบอกให้เบิร์กอย่าสนใจพวกนาง ให้วิ่งขึ้นมาบนบ้าน ซึ่งเบิร์กก็ทำตาม ปล่อยให้พวกหล่อนยืนเคาะประตูบ้านกันอยู่อย่างนั้น จนอาธาร์ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเข้าจึงเดินออกมาจากในบ้านเพื่อมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    “มีอะไรหรอลูก? เอะอะโวยวายอะไรกัน”อาธาร์พูดถามฮอร์ด

    “พวกหญิงสาวน่ะครับ พวกนางจะขึ้นมาเอาฮอร์ดไปเป็นของพวกเธอให้ได้เลย”เบิร์กตอบแทน อาธาร์ได้ฟังดังนั้นจึงเดินไปเปิดประตูพอเห็นหน้าคุยกันได้

    “นี่หนูๆจ้ะ มีอะไรกันหรอ??”อาธาร์กล่าวถามเหล่าหญิงสาวที่ยืนออกันอยู่หน้าประตูตรงบันไดทางขึ้นบ้าน

    “แม่ฮอร์ดสวัสดีค่ะ พวกหนูมาหาฮอร์ดเขาน่ะค่ะ พอจะให้เข้าไปได้ไหมคะ?”หญิงสาวที่อยู่หน้าสุดกล่าว

    “นี่หนูๆทั้งหลายฟังแม่นะ เราเป็นผู้หญิง ควรประพฤติตนให้งาม ฮอร์ดเขาเป็นผู้ชาย พวกหนูๆจะขึ้นมาหาผู้ชายที่ยังไม่ได้เป็นคู่รักกันถึงบนเรือนไม่ได้ มันไม่สมควรอย่างยิ่ง รักนวลสงวนตัวนะลูก อย่าเอาคุณค่าของผู้หญิงมาใช้สิ้นเปลืองแบบนี้เลยนะหนูๆทั้งหลาย หยิ่งในศักดิ์ศรีของความเป็นสตรีไว้บ้างสิ อย่าให้อายชาวบ้านเขา”อาธาร์พูดอย่างนิ่มนวล พวกหล่อนสาวงามวัยแรกแย้มทั้งหลายเหล่านั้นได้ยินได้ฟังดังนี้ก็หน้าเสีย กล่าวขอโทษที่มารบกวน แล้วรีบพากันเดินออกจากบ้านไป อาธาร์นางยิ้มให้อย่างอ่อนโยนให้กับพวกหล่อน ก่อนจะหันมาหาฮอร์ดกับเบิร์กที่ยืนอยู่ในบ้าน

    “ฮอร์ด! ลูกก็เหมือนกัน เราเป็นผู้ชายหัดมีอำนาจในตัวเองบ้างสิลูก เราต้องรู้จักปฏิเสธในเรื่องหลายๆเรื่อง และต้องรู้จักตัดสินใจในเรื่องอีกหลายๆเรื่องด้วยเช่นกันนะลูกแม่ ถ้าลูกยังไม่กล้าแม้แต่จะปฏิเสธพวกหญิงสาวแค่นี้ วันข้างหน้าถ้าฮอร์ดมีลูกมีครอบครัว จะไปเป็นผู้นำและอบรมลูกๆของฮอร์ดให้อยู่ในโอวาทของตนได้ยังไงกันล่ะจ้ะ”อาธาร์เดินมาลูบแก้มฮอร์ดเบาๆแล้วกล่าว

    “ข้าจะปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้นครับท่านแม่”

    อาธาร์นางยิ้มให้ แล้วบอกเบิร์กให้คอยดูฮอร์ดด้วย เพราะฮอร์ดเป็นเพื่อนกับเบิร์กมาตั้งแต่เด็กๆ จากนั้นนางจึงเดินเข้าไปในบ้าน ไปที่ห้องนอนของกาแลคและนางเองเพื่อไปดูแผลที่หัวให้กับสามีของตน เหตุด้วยถ้านางไม่มาดูแล กาแลคจะชอบแอบไปฝึกขวานอยู่ใต้ถุนบ้าน นางเกรงว่าเดี๋ยวแผลจะไม่หายจะพาลป่วยอีก จึงต้องรักษาให้หายดีก่อน ทางฮอร์ดกับเบิร์กเองก็ได้พากันมานั่งบนพื้นบ้านเพื่อคุยกันเกี่ยวกับเรื่องบางอย่าง…
     
  13. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๐ การเดินทางที่เริ่มต้นได้ไม่ดีนัก


    “นี่เบิร์ก! เจ้าแบกอะไรมาเต็มไปหมดเลยเนี่ย มาบ้านข้าแค่นี้ ไม่ต้องเอามาเยอะขนาดนี้ก็ได้ ดาบเนี่ยเอามาทำไม จะมาฟันต้นไม้กลางทางรึไง?”ฮอร์ดเพิ่งสังเกตุเห็นเบิร์กแบกสัมภาระมาเต็มตัว จึงเกิดความสงสัย

    “ฮอร์ด..เจ้าจำตอนเด็กๆได้ไหม??”

    “มันก็ต้องจำได้สิ..ข้าก็มีสมองมีหัว ถามแปลกๆ!!”

    “ตอนเด็กๆเจ้าอะ ชอบโดนเด็กผู้ชายในหมู่บ้านแกล้ง ใช่ไหม?”

    “เออ..จะมารื้อฟื้นทำไมวะ มีไรก็พูดมา!!”ฮอร์ดกล่าวกับเบิร์กที่กำลังดูเหมือนมีอารมณ์สุนทรีย์อย่างดื่มด่ำ

    “ข้าแค่คิดถึงเมื่อก่อนน่ะ..เจ้ามักจะไม่ค่อยมีเพื่อน จะไปตีสนิทคุยกับใครก็โดนแกล้งร้องไห้กลับมาฟ้องแม่อาธาร์ตลอดเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”เบิร์กพูดพลางหัวเราะเบาๆ

    “หึ! นั้นน่ะมันเมื่อตอนข้ายังเด็ก ถ้าตอนนี้ล่ะก็ ข้าจะจับมันลงไปนอนคลุกฝุ่นให้หมดทุกคนเลย”ฮอร์ดยื่นมือทั้งสองข้างทำท่าเหมือนจะจับพลิกในอากาศ

    “ข้าเชื่อว่าเจ้าทำแน่ ข้าคิดถึงเวลาเมื่อก่อนของเราสองคน ข้าเองก็โดนแกล้งไม่ต่างอะไรกับเจ้าในตอนนั้น จนลุงแบรพามาเดินเล่นแถวนี้ จึงได้รู้จักกับไอ้บ้าอย่างเจ้านี่แหละ ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ฮอร์ด! เมื่อก่อนเราสองคนไปไหนไปกันตั้งแต่ตัวเล็กๆจนเติบใหญ่เป็นวัยรุ่น แต่มาเวลานี้เจ้ากลับเก็บตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปไหน ไม่ออกไปไขว่คว้าอนาคต ไม่ออกไปแสวงหาการผจญภัยเหมือนที่เราสองคนเคยทำมันมาด้วยกัน ข้าแบกสัมภาระ พกธนูพกดาบมาหาเจ้าในวันนี้ ก็เพื่อจะพาเจ้ากับข้า เราสองคน ไปสู่การผจญภัยในโลกกว้างด้วยกัน”เบิร์กกล่าวด้วยสีหน้าที่ดูมีความหวังมาก

    “อะไรของเจ้าวะเนี่ยเบิร์ก!? เมื่อวานเจ้ายังว่าข้าไปแส่หาเรื่องตายอยู่เลย ว่าแต่เขาเข้าตัวเองนี่หว่าแบบเนี้ย”

    “เฮ้ยฮอร์ด! แต่ปลายทางมันคุ้มค่านะเว้ย”เบิร์กยังคงพูดเหมือนตั้งใจจะทำมันมากๆ

    “แล้ว..จะไปไหนกันละ ป่าชาร์คหรอ!?”

    “ไปให้เสือมันคาบไปกินรึไงเจ้าเซ่อเอ้ย!”

    “ถ้างั้นจะไปไหน เจ้ามีที่ไปเยอะรึไงปัดโธ่?”

    “เราจะไปชายแดนกาเรียอัสทางตะวันออกกัน!!!”เบิร์กกระซิบข้างหูซ้ายของฮอร์ด

    “ไปชายแดน!! จะบ้าเหรอเบิร์ก ระยะทางไม่ใช่ใกล้ๆนะ มีม้ารึไง”ฮอร์ดมีท่าทีตะลึง

    “ถ้ามีม้าข้าจะแบกสัมภาระเสื้อผ้ามามากมายเต็มกระเป๋าขนาดนี้หรอ..เราจะเดินเท้าไปกัน!”

    “กว่าจะถึงคงเกือบได้อาทิตย์หนึ่งเลยมั้งเนี่ย แล้วข้าล่ะเบิร์ก พวกชาวบ้านได้ตามข้าไปแน่ๆ มันจะวุ่นวาย ไม่เอาด้วยหรอก”

    “ก็ปลอมตัวสิ โง่อีกแล้วนะเจ้าเนี่ย พ่อแม่เจ้าก็ฉลาดนะ แต่เจ้านี่สิมันได้เชื้อซื่อบื้อมาจากใครวะ”เบิร์กเขกหัวฮอร์ดไปหนึ่งโป๊ก

    “เออ!..บอกดีๆก็ได้จะเขกหาอะไรของเจ้าเนี่ยให้ตายสิ ข้าอยากรู้นัก ที่ชายแดนมันมีอะไรวิเศษนักหนาเจ้าถึงได้อยากไปมันนัก เดินมั่วทางเอาเดี๋ยวจะตกรังจระเข้อีก คราวนี้ได้เหลือแต่ศพแน่ ไม่สิ เศษเล็บมากกว่า”

    “เจ้าไม่เคยได้ยินหรอฮอร์ด ว่าที่ชายแดนแผ่นดินมีมหาสมุทรอันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตาอยู่ ข้าน่ะอยากจะไปเห็นจริงๆว่ามันหน้าตาเป็นยังไง เขาว่ากันว่ามันสวยมาก สวยจนอยากปักหลักสร้างบ้านอยู่ที่นั่นเลยเชียวละ ข้าอยากให้เจ้าซึ่งเป็นคนสำคัญของข้า ไปยืนยันคำลือนี้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องโกหก”

    “เขาว่ากันว่า แล้วใครว่าละ..ข้ายังไม่เคยได้ยินเลย ออกจากเขตหมู่บ้านไปก็ล้วนมีแต่อันตรายจากป่าทั้งนั้น อย่าไปเสี่ยงชีวิตกับเรื่องโกหกของคนแก่ที่เพ้อเจ้อเลยหน่า”

    “ก็ข้าได้ยินลุงแบรไปคุยกับคนข้างบ้านน่ะสิ ข้าก็ยังสงสัยว่าลุงแบรไปเคยเห็นน้ำสีฟ้าใสอันกว้างใหญ่ที่เรียกว่าทะเลมหาสมุทรได้ยังไง แต่ข้าได้ยินลุงแกบอกว่ามันสวยมากๆเลยนี่แหละ แค่ลองนึกถึงมัน ใจของข้าก็ลุกเป็นไฟจนแทบจะเผาตัวของข้าเองแล้วเนี่ย”เบิร์กพูดด้วยความตื่นเต้น

    “เพ้อจริงๆเลยนะเจ้าเนี่ย..ก็ได้ ในเมื่ออยากไป ข้าก็จะไป พอใจยัง?”ฮอร์ดตอบตกลงโดยไม่ค่อยเต็มใจสักเท่าไหร่นัก

    “ไชโย! ให้มันได้อย่างงี้สิ รีบไปขอพ่อแม่เจ้าแล้วเก็บสัมภาระเตรียมเดินทางกันเลย!!”

    “เจ้าขอลุงแบรยังไงเขาถึงได้อนุญาตให้เจ้าไปได้?”

    “ข้าก็บอกว่า จะออกไปเที่ยวเล่นในหมู่บ้านแถบตะวันออกที่เป็นหมู่บ้านใหญ่กว่าหมู่บ้านเราในแถบตะวันตกนี้ ข้าบอกขอเที่ยวสัก ๕ วัน แล้วก็ออกมาเลย ฮ่าฮ่าฮ่า”เบิร์กตอบด้วยน้ำเสียงร่าเริง

    “เจ้าจะพูดหมู่บ้านตะวันออกตกนู่นนี่นั่นให้มันงงทำไม..แล้วนี่เรียกว่าขออนุญาตแล้วเรอะ เฮ้ออ! รอนี่นะ ข้าขอเข้าไปหาพ่อกับแม่ก่อน”

    “จัดไปเลย!”

    เบิร์กนั่งรอระหว่างฮอร์ดกำลังเดินเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของกาแลคกับอาธาร์พ่อแม่ของเขา ฮอร์ดเดินเข้ามาเห็นแม่กำลังร้องเพลงให้พ่อฟัง เป็นสำเนียงชวนหลงไหล ให้กาแลคที่นอนรักษาแผลอยู่ได้ฟังเพลินๆ


    เธอคนรักรู้หรือไม่ดวงใจนี้

    ทั้งชีวีทุ่มเทให้หมดแรงกาย

    เพียงวันแรกของสองเรามิลืมหาย

    มิเสื่อมคลายจางเบาไปตามเวลา

    สายพิรุณหยาดหล่นมาจากเบื้องฟ้า

    ด้วยโฉมหน้าเงยรอรับสายธารา

    ชุ่มหัวใจอันเบิกบานดวงนี้หนา

    โอ๋ใจยารู้ใช่ไหมข้ารักเจ้า

    ดั่งเมฆาสีขาวนวลเหนือยอดเขา

    เปรียบใจเจ้าบริสุทธิ์มิเคยเก่า

    เป็นสองกายผู้ครองใจให้สองเรา

    สู้ไต่เต้าประคองรักนิรันดร์กาล​


    “ท่านแม่ ท่านพ่อ”ฮอร์ดกล่าวขึ้นมาจากทางข้างหลัง

    “เอ้า! ฮอร์ด..ว่าไงลูก..”อาธาร์หันหน้ามาหาฮอร์ดที่กำลังเดินเข้ามานั่งข้างๆเธอ

    “เอ่อ..เบิร์กมันมาชวนข้า ไป..ไป.เอ่ออ”

    “ไปไหนหรอลูก?”กาแลคถามขณะนอนอยู่บนที่นอน

    “คือ..เบิร์กกับข้าจะออกไปชายแดนกันน่ะครับ”

    “อะไรนะลูก!! จะไปได้ยังไงละ..มันไกลมากนะ”อาธาร์นางรีบโต้แย้ง

    “ท่านแม่..เขาว่ากันว่าที่ชายแดนน่ะมีสิ่งที่สวยงามมากๆรออยู่ มันต้องคุ้มค่ากับการเดินทางแน่ๆ”

    “แม่ไม่อนุญาตให้ไป แค่ลูกโดดน้ำลงในบ่อจระเข้หัวใจแม่ก็จะวายตายอยู่แล้ว แล้วนี่ลูกยังจะออกไปทำอะไรเสี่ยงๆอีก แม่จะไม่ยอม แม่มีลูกแค่คนเดียวนะฮอร์ด”

    “แต่ว่า..ข้าอยู่บ้านเฉยๆข้าก็ไม่ได้ทำอะไรนะท่านแม่”

    “แม่ก็ว่าอยู่เห็นเจ้าเบิร์กมันแบกสัมภาระอะไรมาก็ไม่รู้รุงรังไปหมด..ที่แท้มาชวนลูกไปเที่ยวเล่นนี่เอง..ฮอร์ดฟังแม่!! แม่ไม่อนุญาต ลูกไม่มีไรทำที่บ้านใช่มั้ย เดี๋ยวแม่หางานให้ทำเอง!”

    “อย่าไปเลยฮอร์ด..กว่าจะไปถึงแนวชายแดนแผ่นดินมันไกลมาก แล้วอีกอย่างพ่อก็ไม่เคยออกนอกเขตหมู่บ้านไปแถวๆนั้นด้วย เราไม่รู้ว่าจะมีอันตรายใดๆหรือเปล่า”กาแลคเองก็ไม่เห็นด้วยกับฮอร์ดเหมือนกัน

    “ท่านพ่อ..อะไรกัน..นี่ข้าเป็นถึงผู้สังหารจระเข้ได้เลยนะ ทำไมพวกท่านถึงได้กลัวข้าตายกันนัก..ท่านพ่อ ท่านแม่..ข้ากำลังออกไปแสวงหาอนาคตของข้านะ เหตุใดจึงต้องห้ามข้าด้วย”ฮอร์ดรั้นจะไปให้ได้

    “ฮอร์ดมีความสามารถพ่อรู้..แต่ลูกยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่ หากลูกเป็นอะไรไป พ่อกับแม่จะอยู่ยังไง คิดบ้างสิลูก คิดถึงหัวอกพ่อกับแม่บ้าง”กาแลคค่อยๆลุกนั่งบนที่นอน

    “แต่ท่านพ่อ..”ฮอร์ดกำลังเอ่ยพูด อาธาร์แม่ของเขาก็ได้เอาฝ่ามือตบไปที่ใบหน้าของฮอร์ดอย่างจัง

    “แม่กับพ่อพูดขนาดนี้แล้ว ยังจะไปให้ได้อยู่อีกหรอ!!”อาธาร์นางไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

    “อาธาร์เธอ..”กาแลคหันมาหาอาธาร์ที่เพิ่งตบฮอร์ดไป ฮอร์ดนั่งเงียบนิ่งสลดสีหน้าของเขาบ่งบอกถึงความเศร้าและเสียใจ ฮอร์ดลุกเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจอะไรเลย

    “เอ้า..ฮอร์ด..เป็นไงบ้างวะ!?”เบิร์กถามขึ้นขณะฮอร์ดเดินออกมาจากห้อง

    “ไม่ต้องพูด..เร็ว..รีบไป!!”ฮอร์ดพูดแล้วรีบวิ่งลงบันไดบ้านไป

    “เฮ้ย! ดูท่าการเจรจาขอไปเที่ยวคงจะไม่ค่อยสวยสิเนี่ย”เบิร์กพึมพำจากนั้นจึงแบกสัมภาระตามฮอร์ดลงไป ซึ่งแน่นอนแม่ของเขาอาธาร์เดินออกมาจากห้อง เห็นฮอร์ดกับเบิร์กกำลังรีบวิ่งออกไป นางจึงรีบวิ่งลงบันไดเพื่อไปตามฮอร์ดกลับมา แต่กาแลคได้ตะโกนหยุดอาธาร์เอาไว้

    “เรียกข้าทำไมกาแลค ลูกฮอร์ดเรากำลังจะออกไปสู่โลกภายนอกนะ ข้าต้องรีบไปตามลูกกลับมา!!”อาธาร์รีบวิ่งลงบันไดไปข้างล่าง กาแลคจึงต้องวิ่งตามไปกอดรัดอาธาร์เอาไว้

    “อย่าที่รัก!! เจ้าห้ามลูกไม่ได้แล้วละ”

    “ปล่อยข้านะ..ข้าจะไปตามลูกกลับบ้าน ถ้าฮอร์ดเป็นอะไรไป แล้วข้าจะอยู่ยังไง!!”อาธาร์พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของกาแลค น้ำใสๆก็ค่อยๆไหลออกมาจากดวงตาของนาง

    “เจ้าทำพลาดตั้งแต่ไปตบหน้าลูกแล้วอาธาร์!!!”

    “ที่ข้าตบหน้าลูก..เพราะที่จะให้ลูกรู้ว่าข้าไม่เห็นด้วย”

    “เจ้าก็รู้ว่าฮอร์ดเป็นคนกล้าบ้าบิ่น..ถ้าเจ้าบอกเขาดีๆเขาก็ไม่ไปหรอก แต่ที่รัก..เธอดันไปตบหน้าลูก..นั่นยิ่งไปจุดไฟในตัวลูกขึ้นมา ฮอร์ดคงอยากพิสูจน์ว่าเขาทำได้จริงๆ และต่อให้เจ้าตามลูกทัน คิดหรอว่าลูกจะยอมกลับมากับเจ้าด้วย”กาแลคกล่าวเสียงดังเพื่อให้อาธาร์มีสติ

    “แล้วข้าต้องทำยังไงกาแลค..ข้ารักลูก..ข้าไม่อยากเสียลูกไป..”อาธาร์ร้องไห้พราก

    “เดี๋ยวข้าจะหาทางเอง อย่าร้องเลยนะ”กาแลคโอบกอดอาธาร์แนบแน่นไว้ที่อก เสียงสะอึกสะอื้นของหัวใจผู้เป็นแม่ ที่มีแต่ความรักอันบริสุทธิ์และความหวังดีให้แก่ลูก แต่ด้วยความหนุ่มของฮอร์ด เขาตัดสินใจที่จะเดินหน้าต่อไป เขาไม่สนชุดหนังจระเข้นั่นแล้ว ปล่อยให้ข้างท้ายของเขานั้นเป็นภาพพ่อกับแม่ที่กำลังกอดกันด้วยความโศกเศร้ากับการตัดสินใจของลูกชายเลือดร้อนของตน…
     
  14. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๑ บันไดขั้นแรกแห่งโชคชะตา


    “ฮอร์ด! หยุดพักก่อน เหนื่อย..ไม่ไหวแล้ว”เบิร์กพูดขณะวิ่งออกจากบ้านของฮอร์ดมาได้ไกลพอสมควร แถมไกลจากบ้านของเบิร์กด้วย
    “นี่ข้าทำอะไรลงไปเนี่ย??”ฮอร์ดพูดกับตัวเอง พร้อมกับยกมือขวาชกเข้าที่ใบหน้าของเขาเองอย่างเต็มแรง
    “เฮ้ยๆๆ ต่อยตัวเองทำไม!!?”เบิร์กถามด้วยความอยากรู้
    “พ่อกับแม่ต้องเสียใจกับการกระทำของข้าเมื่อกี้นี้แน่ๆ บ้าที่สุด!!”
    “กลับกันมั้ยล่ะ!! ถ้าเจ้าไม่สบายใจ ก็กลับกันเถอะ ข้าไม่อยากเป็นคนก่อเรื่อง”
    “ไม่!! ถ้ากลับไป ก็นับว่าข้าเป็นคนจิตใจไม่มั่นคง ในเมื่อข้าตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปที่ชายแดนแผ่นดินแล้ว ข้าก็จะต้องทำให้สำเร็จ ข้าจะไม่กลับบ้านจนกว่าข้าจะได้เห็นชายแดนนั่น ข้าออกจากบ้านมาอย่างองอาจ จะให้กลับไปแบบหมาหงอยได้ยังไง ข้าจะต้องกลับไปอย่างองอาจเหมือนตอนออกมาด้วยความบุ่มบ่ามเมื่อกี้ ให้พ่อแม่ข้าได้เห็น”ฮอร์ดยืดอกขึ้น
    “คิดอย่างนั้นมันก็ดี..ถ้ากลับไปคราวนี้พวกสาวๆคงดักรอแน่ๆ เมื่อกี้นี่วิ่งฝุ่นฟุ้งจนมองอะไรไม่เห็นกันเลยทีเดียว แต่ข้าก็ยังได้ยินเสียงผู้หญิงเรียกเจ้านะฮอร์ด ให้ตายเถอะ อะไรมันจะขนาดนั้น!!”เบิร์กพูดขณะกำลังหอบเหนื่อยอยู่
    “ข้างหน้าจะเป็นเขตหมู่บ้านใหญ่ ไปที่บ้านของปู่ข้าเถอะ หาไรกินกันก่อนแล้วค่อยเดินทางต่อ”ฮอร์ดพูด
    “ไหนเจ้าบอกว่า ปู่ย่าตายายเจ้าเสียหมดแล้วไง”
    “ปากเสียคุณบ้านี่!!! ข้ายังเหลือปู่อยู่ ไป!!รีบตามมา”ฮอร์ดเดินก้าวต่อไปข้างหน้าเพื่อเข้าสู่เขตหมู่บ้านใหญ่ทางทิศตะวันออก

    ….ในเขตหมู่บ้านใหญ่นั้นจะเต็มไปด้วยบ้านเรือนมากมาย ที่นี่ดูมีชีวิตชีวามากกว่าเขตหมู่บ้านทางทิศตะวันตกที่อยู่ติดกับชายป่าชาร์คเสียอีก ถนนหนทางสะอาดสะอ้าน ไม่ดูเละเทะเหมือนหมู่บ้านเล็ก ที่นี่เป็นอาณาเขตที่เจริญเป็นอย่างดีที่สุดที่หนึ่งเลยทีเดียว ผู้คนในหมู่บ้านใหญ่นี้ก็มีนิสัยรักสงบเหมือนเขตหมู่บ้านเล็กๆนั้นเช่นกัน ตามถนนหนทางที่เดินผ่านจะมีผู้คนมาตั้งโต๊ะขายของ มีบ้านสร้างติดกัน ไม่เว้นระยะตกหนักงมากเกินไปเหมือนหมู่บ้านเล็ก และก็ไม่ติดกันจนเป็นเสมือนบ้านหลังเดียวกันด้วย...

    “ฮอร์ดๆ ทำไมเจ้าดูเกร็งๆวะ”เบิร์กถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นฮอร์ดเดินแข็งทื่อเสียเหลือเกิน
    “เบิร์ก..เจ้าว่าคนที่นี่จะรู้จักข้ามั้ย??”
    “รู้จักสิ..ถามโง่ๆ!! ฮ่าฮ่าฮ่า แต่ไม่ต้องห่วงไป พวกเขารู้จักอีเลียด ฮอร์ด แต่พวกเขาไม่เคยเห็นอีลียด ฮอร์ด สบายใจได้”
    “ถ้าเป็นยังงั้นมันก็ดี หลังจากนี้ไปนะเบิร์ก ให้เรียกข้าว่า ฮัมริน อย่าเรียกฮอร์ดเด็ดขาดเข้าใจไหม!!?”
    “เออหน่า..ไม่ต้องห่วง”
    พวกเขาทั้งสองเดินทางมาเรื่อยๆ เป้าหมายคือบ้านปู่ของฮอร์ด เบิร์กดูท่าจะตื่นเต้นกับที่นี่เอาเสียมากๆ เวลาเจอคนขี่ม้ามาตามทาง เบิร์กก็จะเอามือไปดึงหางม้าเล่น จนคนขี่ต้องหันมาตวาดใส่ ต้นไม้ริมทางก็ออกดอกออกผล บุรุษทั้งสองก็เด็ดเอามากินลองท้องไปตามทางระหว่างเดินเท้า และมาในทางฝั่งกาแลคพ่อของฮอร์ด เขาได้เดินไปที่บ้านของอัสคัส เพื่อจะคุยปรึกษาเรื่องของลูกชาย อัสคัสซึ่งกำลังยืนแหวกว่ายท่วงท่าลีลาศิลปะการต่อสู้กับอากาศอยู่ เห็นกาแลคมาที่บ้านของตนก็เอ๊ะใจ ซึ่งอัสคัสคิดไปเองว่าฮอร์ดคงยอมฝึกวิชาการต่อสู้แล้ว จึงชวนกาแลคมานั่งในบ้านแล้วตักน้ำฝนเย็นๆสดชื่นๆมาให้ดื่ม
    “ฮอร์ดลูกเจ้า! เปิดใจที่จะร่ำเรียนวิชาการต่อสู้แล้วใช่มั้ยสหาย!?”อัสคัสไม่อ้อมค้อมเปิดประเด็นทันที
    “เรื่องมันแย่กว่านั้นเยอะอัสคัส”กาแลคพูดพลางถอนหายใจ
    “มีเรื่องอะไรยังงั้นเหรอ!?”
    “ฮอร์ดลูกข้าน่ะสิ..บอกว่าจะออกไปชายแดนแผ่นดิน ไปดูคุณที่ที่คนเพ้อเจ้อชอบเรียกกันว่าทะเลมหาสมุทรอะไรนั่นน่ะ ตอนนี้ข้ากับอาธาร์กลุ้มใจนัก”
    “บางทีมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องเพ้อฝันก็ได้นะ”อัสคัสกล่าวขึ้น
    “นี่เจ้าก็เชื่อเรื่องหลอกเด็กพวกนี้ด้วยงั้นหรืออัสคัสผู้เก่งกล้า”
    “ก็ไม่ถึงขนาดนั้น! ถ้าเจ้าไม่อยากให้ฮอร์ดไปเจ้าก็ห้ามเขาซะสิ”
    “สายไป..ฮอร์ดลูกข้าไปซะแล้วละ..”
    “เจ้าเด็กหนุ่มคนนี้นี่..ชอบทำเรื่องให้ข้าทึ่งอยู่เรื่อยเลย แล้วฮอร์ดลูกเจ้าไปคนเดียวหรอ หรือไปกับใคร?”
    “ไปกับเบิร์ก คู่หูของเขานั่นแหละ”
    “เบิร์กหรอ?”อัสคัสทำหน้าเหมือนมีลับลมคมใน
    “มีอะไรหรอ..ทำหน้าแบบนั้น!?”
    “ไม่มีอะไรหรอก..ข้าก็แค่กำลังคิดไว้อยู่ว่า จะฝึกวิชาต่อสู้ให้กับเบิร์กด้วยอีกคนเท่านั้นเอง สรุปลูกศิษย์ข้าออกไปไขว่คว้าความฝันสองคนเลยหรอ ข้าก็รอไปเถอะ สงสัยคงต้องรอกันอีกยาวเลยงานนี้”อัสคัสพูดแก้ตัวเพื่อให้กาแลคหายสงสัย
    “ถ้าเจ้าอยากถ่ายทอดวิชาไวๆล่ะก็ จงช่วยข้าไปตามลูกกลับมาให้ได้ ด้วยวิธีที่ดีที่สุดที่เจ้าคิดว่าน่าจะได้ผล”กาแลคเริ่มประเด็นที่ต้องการจะพูดจริงๆ
    “การไปตามพวกเขากลับมาในขณะที่หัวใจมันกำลังถูกเปลวเพลิงแห่งความหวังมอดไหม้ให้เกิดพลังอยู่ ยังไงก็ตามกลับมาไม่ได้หรอก”
    “ถ้าอย่างนั้น!! วิธีไหนจะดีที่สุดละอัสคัส!!?”
    “ถ้าถามข้าว่าวิธีไหนดีที่สุดล่ะก็ ข้าจะตอบว่า..ปล่อยพวกเขาไป”
    “ทำอย่างงั้นไม่ได้..ข้ามีลูกคนเดียวนะอัสคัส!”
    “ข้าก็มีลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน!!”อัสคัสรีบตอบทันที
    “ฮันนาร์ มีวิชาป้องกันตัวอันสุดยอดจากเจ้า แต่ฮอร์ดมีความบ้าบิ่นมุทะลุนะ”
    “ลูกเจ้าเป็นผู้ชายนะกาแลคมิใช่ผู้หญิง! หากเจ้าคิดว่าลูกเจ้าอ่อนแอเขาก็จะอ่อนแอ จงเชื่อมั่นในตัวฮอร์ดลูกเจ้า เขามีดีกว่าที่เจ้ารู้ ข้ามองเขาชั่วครู่เดียวก็รู้แล้ว อนาคตเขาอาจไปได้ไกลถ้าเราให้โอกาสเขาพิสูจน์ตนเอง อาจจะไม่ใช่ให้เรารู้ แต่ให้ผู้คนทั้งหลายข้างนอกนั้นได้รู้ว่าเขาไม่ธรรมดา ถ้ายังไม่สบายใจก็ให้คิดว่าโชคชะตานำพาเขาไป คิดอย่างนี้แล้วจะดีขึ้นนะ”
    “เฮ้ออ…ขอบใจนะอัสคัส แต่มันก็ยังหยุดความกังวลในใจข้าไม่ได้อยู่ดี”
    “ข้ารู้..ข้าก็เคยเป็นเช่นเจ้ากาแลค อย่าตีตัวไปก่อนไข้เลย”อัสคัสกล่าว
     
  15. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๒ เบิร์กอาการสาหัส


    ...ฮอร์ดและเบิร์กได้เดินเข้ามาที่ร้านเหล้าในเขตหมู่บ้านใหญ่ ด้วยท่าทีอันร้อนรนอะไรสักอย่างหนึ่ง
    “โธ่เอ้ยย! คุณเราก็นึกว่าจะรู้ทางไปบ้านปู่ สุดท้ายก็ต้องมาถามทางคนอื่นเขาซะได้!!”เบิร์กกล่าวด้วยสีหน้ากระแนะกระแหน
    “ข้าเพิ่งจะเคยมานี่หว่า อย่าบ่นเลยหน่า คิดซะว่ามานั่งพักดื่มน้ำดับกระหายกลางทางละกัน”ฮอร์ดพูดแก้เขิลให้ตัวเอง
    “ดื่มนงดื่มน้ำ..มานั่งดื่มน้ำดับกระหาย..มานั่งดื่มน้ำ..ฮึฮึ..คิดไปได้นะ..เหรียญยิ่งไม่ค่อยจะมีอยู่ ไม่ใช่ว่าเดินเลยบ้านปู่เจ้ามาไกลแล้วนะ”เบิร์กทำท่าเยาะเย้ยบ่นใส่ฮอร์ด
    “ไปสั่งน้ำมาตรงนู้นเห็นไหม จากนั้นมานั่งแล้วหุบปากซะ..”ฮอร์ดว่า แล้วเดินนำไปหาโต๊ะนั่ง แล้วให้เบิร์กสั่งน้ำที่หน้าโต๊ะเมนูซึ่งมีคนคอยรินน้ำให้จากถัง
    “ลุง! ที่นี่น้ำอะไรอร่อยที่สุด?”เบิร์กเอ่ยถามคนขาย
    “ข้ายืนยันให้เจ้าไม่ได้หรอกว่าน้ำอะไรอร่อยที่สุด แต่ข้าจะแนะนำวิธีการดื่มน้ำให้อร่อยที่สุด จะลองดูมั้ยล่ะ คุณหนู!?”ลุงคนขายว่า
    “แน่นอน! มัวรออะไรละ!”เบิร์กรู้สึกสนใจ
    “ก็ทำให้คอมันแห้งสิเอ้อ ถ้าคนมันกระหายน้ำมากๆ ไม่ว่าจะดื่มอะไรมันจะอร่อยสดชื่นหมดแหละ ง่ายไหมล่ะ?”ลุงคนขายหัวเราะ
    “โธ่เอ้ยย! คุณเราก็นึกว่าจะมีส่วนผสมสูตรพิเศษที่มีไว้สำหรับปรุงรสชาติน้ำซะอีก”
    “เฮ้ยย! เจ้าจะยืนคุยอีกนานมั้ย!!? ไม่เห็นรึไงว่ามีคนมารอคิวน่ะ!!”ชายร่างใหญ่ตัวอ้วนที่ยืนต่อคิวอยู่ข้างหลังเบิร์กพูดขึ้น
    “เอ้า! ข้าก็มาซื้อน้ำดื่มเหมือนกันนะ ก็อยากรู้ว่ามีน้ำอะไรบ้าง รอหน่อยไม่ได้รึไง!!?”เบิร์กหันหน้าไปตอบ
    “เจ้าหนู! บังอาจมาทำอวดดีใส่ข้าเรอะ!!”ชายอ้วนคนนั้นเริ่มโมโห
    “เอ่ออ..นี่เจ้าหนุ่ม เดี๋ยวลุงรินเหล้าให้ แล้วก็รีบไปนั่งซะนะ”ลุงคนขายสะกิดเบิร์ก
    “อย่ารีบร้อนครับลุง!”เบิร์กหันไปยิ้ม
    “เอ่ออ..!!?”
    ลุงคนขายทำหน้าเหมือนว่าความชิปหายกำลังจะมาเยือน
    “นี่พี่ชาย! ถึงพี่จะโตกว่าข้า แต่พี่ก็ไม่สมควรมาเร่งรีบคนที่ซึ่งกำลังซื้อน้ำอยู่นะ พี่เป็นพ่อข้าหรือ ถึงได้มาสั่ง!!!”เบิร์กพูดท้าทายกับชายร่างอ้วน
    “คุณเด็กเวรนี่!!!”ชายอ้วนโทสะแตกเหวี่ยงหมัดขวาใส่เบิร์ก แต่เบิร์กก้มหลบทัน ผู้เคราะห์ร้ายจึงตกเป็นแก่ลุงเจ้าของร้าน ที่โดนหมัดเหวี่ยงขวาเข้าไปที่แก้มซ้ายเต็มๆ จนถึงกับหน้าสั่นกันเลยทีเดียวเชียว ฮอร์ดที่กำลังนั่งชมนกชมไม้อยู่ก็เห็นมีเรื่องเอะอะตรงบริเวณจุดซื้อรินน้ำดื่ม แล้วเห็นเบิร์กกำลังกระโดดขึ้นโต๊ะข้ามลงมาอยู่ทางข้างหลังของชายร่างใหญ่ตัวอ้วนๆ หนวดเครารุงรัง ฮอร์ดเห็นท่าไม่ดีจึงลุกขึ้นเดินเข้าไปหาเบิร์ก
    “มีอะไรกันเหรอครับ!?”ฮอร์ดได้ยืนข้างๆเบิร์กแล้วกล่าวถามชายร่างอ้วนคนนั้นอย่างสุภาพ
    “ก็คุณเวรนี่น่ะสิ! มันท้าทายข้า ดีเลย! เจ้าคงเป็นเพื่อนมันใช่มั้ยคุณหนู ข้าจะได้จัดการทีเดียวสองคนเลย!!!”ชายอ้วนพูดด้วยความโมโหอย่างมาก
    “เดี๋ยวนะ! แล้วข้าไปทำอะไรให้เจ้า?”ฮอร์ดเอ่ยถาม แต่ยังไม่ทันไร ชายร่างอ้วนคนนั้นก็วิ่งเข้ามาใส่จนเบิร์กกับฮอร์ดต้องพลิกตัวหลบ
    “แพ้เด็กแล้วอย่ามางอแงนะ สองต่อหนึ่งเชียวนะพี่!!”เบิร์กว่า
    “อวดดีเหลือเกินนะ คุณเด็กน้อย เฮ้ยพวกเรา!!!”ชายร่างอ้วนตะโกนเสียงดัง ทำให้เหล่าชายฉกรรจ์ทั้งหลายที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่ในร้านจำนวนหลายสิบคนได้ลุกยืนขึ้น ทำหน้าตาน่ากลัวจ้องเขม็งมาทางฮอร์ดกับเบิร์ก ชายฉกรรจ์พวกนี้เดินไปล้อมฮอร์ดกับเบิร์กที่ยืนอยู่ใกล้ๆจุดสั่งน้ำที่ลุงคนขายกำลังทำหน้าเหวออยู่ ทางออกตรงประตูก็โดนยืนปิดบังเอาไว้ไม่สามารถออกได้
    “เอ่ออ..นี่วันรวมญาติหรอ!!?”เบิร์กพูดเสียงเบาๆ
    “บรรลัยแล้วไง!!”ฮอร์ดว่า
    จากนั้นพวกชายฉกรรจ์ทั้งหลายในร้านก็ได้วิ่งเข้ามาหาฮอร์ดกับเบิร์ก คนแรกถีบเข้ามา ฮอร์ดมีไหวพริบจับเก้าอี้ไม้ข้างๆยกขึ้นมาฟาดหน้าแข้งจนเก้าอี้แตกกระจายลงไปนอนชักอยู่ที่พื้น อีกคนกระโดดเข่าลอยมาใส่เบิร์ก เบิร์กพลิกหลบ แล้วศอกแทงไปที่หัวด้านหลังของชายคนนั้น ชายอีกสองคนก็วิ่งเข้ามาถีบเบิร์กต่ออีก จนหน้าไถลลงไปกับพื้น อีกสี่คนก็วิ่งเข้ามาหวังจะกระทืบให้จมดิน ฮอร์ดที่กำลังยุ่งอยู่กับอีกด้านหนึ่งซึ่งกำลังโดนพวกนั้นล้อมต่อยอยู่ เห็นเบิร์กกำลังเสียท่า จึงบันดาลโทสะ เตะหวดอย่างไม่ยั้ง ใครอยู่ข้างหน้าก็โดนก่อน จนอีกคนต้องขึ้นไปยืนบนโต๊ะกระโดดลงมาทับตัวฮอร์ดให้ล้มลงไปนอนกับพื้น ตอนนี้เบิร์กกับฮอร์ดกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ลุงเจ้าของร้านก็กำลังอ้าปากค้าง เบิร์กพยายามลุกก็ถูกเตะใส่หน้า จนแทบจะสลบ มึนไปหมด จนถูกรุมกระทืบอยู่ที่พื้นอย่างนั้น ฮอร์ดกำลังดิ้นให้หลุดจากคนที่มานอนทับตนเพื่อที่จะช่วยเบิร์ก ฮอร์ดคว้าหยิบแก้วไม้ที่เอาไว้ใส่น้ำข้างๆได้ แล้วเขกไปที่กระดูกตาอย่างแรง จนมันต้องปล่อยมือ ฮอร์ดเอาเท้าถีบหน้ามันหงายหลัง คุณพวกที่ยืนอยู่ก็จะเข้ามาถีบยันฮอร์ดให้นอนลงไปอีก ฮอร์ดหลบ หลบจนฮอร์ดเวียนหัวเพราะมันหลายเท้าหลายคนเหลือเกิน เบิร์กกำลังแย่เขาได้แต่นอนปิดหน้าปิดตากันไว้เท่านั้น ฮอร์ดพลิกหลบจนลุกขึ้นมาตั้งหลักได้ ด้วยความที่เขารู้ตัวว่ากระดูกมันคนละเบอร์กัน ฮอร์ดจึงเน้นแต่หยิบเก้าอี้ฟาดอย่างเดียว เขาฟาดอย่างบ้าคลั่ง เศษไม้แข็งๆที่แตกกระเด็นออกมา ฮอร์ดก็หยิบขึ้นมาฟาดหวดใส่ไม่ยั้ง หัวแตก แข้งแตก เลือดออกไปตามๆกัน ฮอร์ดทำอย่างนั้นจนเข้ามาใกล้เบิร์กได้ คราวนี้ฮอร์ดหยิบเอาเก้าอี้ข้างๆยกขึ้นมาฟาดหัวของคนที่กำลังกระทืบเบิร์กอยู่ แล้วหยิบแท่งไม้แข็งๆที่วางลงเมื่อกี้ก่อนจะหยิบเก้าอี้ฟาด หวดคนที่ยืนล้อมกระทืบเบิร์กอยู่ต่อๆกัน หวดไปถีบไป ใครชกหมัดมาก็เอาแท่งไม้แข็งนี่แหละฟาดแขนไป ใครยื่นเท้าถีบมาก็หวดลงไปตรงหน้าแข้ง จนเดี้ยงไปตามๆกัน พวกหนุ่มใหญ่พวกนั้นเริ่มลังเลว่าใครจะเข้าไปต่อ จนในที่สุดชายร่างอ้วนก็เดินแหวกเข้ามาท่ามกลางฝูงของตน มายืนประจันหน้ากับฮอร์ดที่กำลังถือไม้ตั้งท่าอยู่ใกล้ๆเบิร์กที่กำลังนอนซมซาน
    “เก่งนี่เจ้าน่ะ!”ชายร่างอ้วนพูดขึ้น
    “พวกแกมันสันดานสุนัข คุณพวกขี้ขลาด..พวกแกคงกลัวเด็กล่ะสิ ถึงได้ไม่กล้าสู้ตัวต่อตัวน่ะ!!”ฮอร์ดพูดด้วยอารมณ์โทสะที่ขึ้นอย่างรุนแรง
    “ก่อนที่ข้าจะจัดการเจ้าต่อ เจ้าชื่ออะไรคุณเด็กอวดดี!!”ชายร่างอ้วนกล่าวแล้วชี้หน้าฮอร์ด
    “ชื่อของข้าคือฮัมริน!!! ที่สำคัญตอนนี้ข้าขอท้าเจ้ามาสู้ตัวต่อตัวกับข้า ไม่มีคนอื่นมาเกี่ยว ถ้าข้าชนะ เจ้าจะต้องมาสยบขอโทษแทบเท้าข้า เพราะบังอาจมาทำเพื่อนของข้า!!!”ฮอร์ดโมโหแรงมาก
    “หึ่ย!! คุณเด็กอวดดี จะทนได้อีกสักกี่น้ำกันเชียว!!”ชายร่างอ้วนพูดเสียงดังน้ำลายกระเด็น แล้ววิ่งพุ่งเข้ามาจะชนฮอร์ดให้ล้ม ด้วยความที่มันตัวใหญ่กว่าฮอร์ด ฮอร์ดทิ้งไม้แข็งนั่นจากมือของเขา แล้วแทงศอกเข้าไปที่กระบังลมใต้หน้าอกเหนือสะดือ ชายร่างอ้วนหยุดชะงัก เอามือกุมท้อง น้ำลายไหลออกจากปาก ร้องโอดโอยออกมาด้วยความจุก ในระหว่างที่มันกำลังก้มหัวกอดท้องอยู่นั้นฮอร์ดเอาเข่าแทงงัดหน้ามันขึ้นมาจนฟันมันโยก แล้วยกขาขวาเตะฟาดไปที่หน้าจนฟันหักกระเด็นออกมา เสียงกระดูกคอดังกร๊อบแกร๊บ ชายร่างอ้วนลงไปนอนขนานกับพื้น และด้วยความโมโหของฮอร์ดเขาได้ลงไปนั่งคร่อมชายร่างอ้วนคนนั้น แล้วรัวหมัดใส่ใบหน้าเป็นชุด หลายสิบหมัด ฮอร์ดต่อยไปส่งเสียงตะโกนไป ด้วยความโมโหที่เบิร์กเพื่อนรักของเขาโดนกระทืบอย่างสาหัส พวกชายหนุ่มที่ยืนดูล้อมอยู่ ก็พากันขนลุก ฮอร์ดดูบ้าคลั่งอย่างมาก
    “ปีศาจ! เด็กคนนี้ไม่ใช่คนแล้ว”พวกมันคนหนึ่งพูดขณะดูฮอร์ดรัวหมัดชกชายร่างอ้วนอย่างไม่หยุดหย่อน
    “พอเถอะฮะ..ฮัมริน…”เบิร์กที่นอนอยู่ข้างหลังค่อยๆพูดขึ้นโดยเรียกชื่อแฝงของฮอร์ด เมื่อฮอร์ดได้ยินเสียงเพื่อนรักเรียกจึงหยุด ฮอร์ดมีอาการหอบ เสียงหายใจของเขาแรงออกมาจากจมูก ชายร่างอ้วนคนนั้นนอนสลบแน่นิ่งไม่ไหวติง สภาพหน้าตายับเยิน แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน หน้าบูดบวมเบี้ยวเขียวช้ำฟันหรอ หมดสภาพเลย ฮอร์ดค่อยๆลุกยืนขึ้นจากที่นั่งคร่อมตัวชายอ้วนคนนั้น เขากวาดสายตามองพวกที่ยืนล้อมอยู่รอบๆ
    “เมื่อกี้ใครกระทืบเพื่อนข้า จงก้าวออกมาหนึ่งก้าว ส่วนพวกที่เหลือไสหัวไป!!!”ฮอร์ดตวาดใส่เสียงดัง ไม่มีใครกล้าก้าวออกมาสักคนเดียว มีแต่คนต่างพาวิ่งหนีกันออกไป
    “ขี้ขลาดจริงๆคุณพวกสุนัข!!!”ฮอร์ดพูดจาดูถูกสมเพชพวกมันด้วยสายตาดุดันเกี้ยวกราด…
     
  16. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๓ พักฟื้น


    “เจ้าหนู! เป็นอะไรรึเปล่า”ลุงเจ้าของร้านเดินออกมาดูเบิร์กที่กำลังนอนแย่อยู่
    “เพื่อนข้าเป็นยังไงบ้างครับลุง!?”ฮอร์ดลงไปนั่งย่อเข่าตรงที่เบิร์กนอนข้างๆลุงเจ้าของร้านแล้วถาม
    “ใบหน้ายังคงสภาพดีไม่เสียโฉม แต่ดูท่าทางจะช้ำในนะ โดนเตะอัดลำตัวขนาดนั้น มา!! เดี๋ยวลุงจะหาน้ำสมุนไพรให้ดื่มแก้ฟกช้ำ”ลุงเจ้าของร้านกล่าวแล้วบอกฮอร์ดให้ช่วยพยุงตัวเบิร์กขึ้นมาเข้าไปในบ้าน ไปนอนรอข้างใน จากนั้นลุงเจ้าของร้านก็เดินออกไปข้างนอก เบิร์กมีอาการสลึมสลือ ฮอร์ดนั่งลงตรงปลายเท้าของเบิร์ก เขากุมขมับ เขาเป็นห่วงเบิร์กมากๆ
    “เรามันไม่ได้เรื่อง! เรามันกระจอกสิ้นดี”เขานั่งโทษตัวเอง…และลุงคนนั้นก็เดินเข้ามาพอดีพร้อมเสียงบ่นเช่นกันพร้อมถือถ้วยมาใบหนึ่ง
    “เฮ้อออ..ร้านข้าเจ๊งๆๆ งานนี้เจ๊งๆ เฮ้ออ”
    “ลุง..ข้าขอโทษนะ”ฮอร์ดว่า
    “ไม่เป็นไรเจ้าหนุ่ม.. อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เดี๋ยวข้าไปล่าสัตว์ขายเอาก็ได้ ร้านพังหมดแบบนี้ เอาล่ะเจ้าหนู! ดื่มน้ำสมุนไพรนี่ซะ สรรพคุณดีนักแล”ลุงเจ้าของร้านยื่นถ้วยมา ฮอร์ดก็ลุกขึ้นช่วยพยุงตัวเบิร์กให้ดื่มน้ำนั้น เบิร์กค่อยๆดื่ม หน้าตาของเบิร์กดูซีดๆ
    “ลุง! ทำไมเพื่อนข้าหน้าซีดยังงี้ล่ะ!!?”ฮอร์ดรู้สึกกังวล
    “ไข้คงจะขึ้นล่ะมั้ง! ก็โดนยำซะขนาดนั้น แต่ไม่ต้องห่วงไปหรอก สมุนไพรนี่รักษาหายขาดรวดเร็วที่สุดแล้ว”
    “มันเป็นสมุนไพรอะไรครับ ทำไมลุงถึงได้มั่นอกมั่นใจหนักหนา ว่าฤทธิ์มันดีขนาดนั้น!?”ฮอร์ดถาม
    “โพเบ้! มันคือสมุนไพรที่พบได้ตามชายป่า ลำต้นมันเล็กๆ ดอกสีม่วงออกแดงนิดๆ จำไว้ล่ะ วันข้างหน้าไปบาดเจ็บที่ไหนมา ก็เด็ดดอกมันมาบดๆเอาน้ำมันออกมาทา หรือถ้ามีอาการฟกช้ำแบบเพื่อนเจ้าตอนนี้ล่ะก็ บดๆดอกใส่ชามหรือถ้วยเอาไว้ แล้วเอาไปเทใส่น้ำต้มดื่มเอา”ลุงเจ้าของร้านพูดให้ความรู้แก่ฮอร์ด
    “ข้าจะจำไว้! เพราะปกติที่บ้านข้านั้นจะให้กินพวกผักขมๆมากกว่า มันรักษาได้เหมือนกันแถมยังทำให้แข็งแรงกว่าเดิมอีกด้วยน่ะ”ฮอร์ดว่าแล้วพยุงเบิร์กให้นอนลงอย่างเดิมหลังจากดื่มน้ำสมุนไพรหมดแล้ว
    “เจ้าไม่ใช่คนที่นี่หรอเจ้าหนุ่ม! แล้วเป็นคนที่ไหนละ!?”ลุงเจ้าของร้านถาม
    “ข้ามาจากหมู่บ้านเล็กๆที่อยู่ติดกับชายป่าชาร์คน่ะลุง”
    “โอ้! งั้นเจ้าก็รู้จักกับคนที่ชื่อ อีเลียด ฮอร์ดใช่ไหม!!?”ลุงเจ้าของร้านรีบถามด้วยความอยากรู้
    “เอ่ออ..ครับ ข้ารู้จักเขา”ฮอร์ดอมยิ้ม
    “ข้าล่ะอยากเจอตัวจริงเหลือเกิน..เห็นเขาร่ำลือกันว่าโดดลงแม่น้ำที่มีจระเข้นับร้อยตัวเลย ช่างกล้าหาญยิ่ง น่านับถือๆ เป็นแค่เด็กหนุ่มบ้านๆแท้ๆแต่กลับมีหัวใจที่ยิ่งใหญ่”ลุงเจ้าของร้านพูดออกมาโดยไม่รู้ตัวว่าเด็กหนุ่มที่คุยกับเขาอยู่นั่นแหละคือ อีเลียด ฮอร์ด
    “อ่ออ..ครับ”ฮอร์ดนิ่งสงบเสงี่ยม
    “แล้วเจ้าล่ะชื่ออะไรนะเจ้าหนุ่ม..เมื่อกี้ตอนบอกพวกนั้นข้าได้ยินไม่ค่อยชัด?”
    “ขะ..ข้าชื่อฮัมรินครับ”
    “ข้าจะจำเจ้าไว้เหมือนกัน เมื่อกี้เจ้าก็กล้าหาญไม่เบาเลยนะ ฮ่าฮ่าฮ่า”ลุงเจ้าของร้านเชยชมในตัวฮอร์ด
    “พวกเมื่อกี้มันเป็นใครกัน ข้าคิดว่าหมู่บ้านโอดิธันเป็นเขตสงบซะอีกไม่น่าจะมีพวกนักเลงอันธพาลเลยนะ!?”ฮอร์ดสงสัย
    “ก็คุณตัวอ้วนๆใหญ่ๆนั่น พ่อมันเป็นถึงนักรบห่มหนังจระเข้เชียวหน่า แม่มันเสียไปแล้ว พ่อมันก็ไปกับพวกกับฝูง มุ่งสู่แดนทางเหนือเพื่อไปสร้างชื่อเสียงอีก คุณพ่อก็เบ่งอำนาจไว้ที่นี่ซะเยอะเมื่อหลายปีก่อน คุณคนลูกมันก็เลยเบ่งตามตั้งตนเป็นใหญ่คุมที่นี่ ซึ่งจริงๆมันไม่ได้คุมหรอก มันคิดเองเออเองทั้งนั้น อะโธ่! ยังห่มชุดขนสัตว์อยู่แท้ๆแล้วมาทำเบ่ง ถ้าห่มหนังจระเข้ก็ว่าไปอย่าง วันๆก็เอาแต่เมาเหล้าอยู่แต่ในร้านข้าเนี่ยแหละ ไม่คิดจะทำอะไรให้มันเกิดประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่นเลยสักนิด แต่ก็นะ รายได้ข้าก็มาจากพวกมันนั่นแหละ”
    “ข้าขอโทษนะลุง ที่ทำชีวิตของลุงพังหมด แต่ข้าก็คงอยู่นี่นานไม่ได้ซะแล้วด้วย ลุงเองก็รีบเก็บข้าวเก็บของซะ”ฮอร์ดว่า
    “ไม่เป็นไรๆ ข้าล่าสัตว์ขายได้ จะรีบไปไหนละ!?”
    “ก็ข้าไปอัดเจ้าลูกชายของนักรบแห่งแผ่นดินกาเรียอัสเลยนะลุง ถ้าพ่อมันรู้ ต้องตามมาฆ่าแน่!!”
    “ไม่ต้องห่วงๆ เพราะล่าสุดข้าได้ข่าวมาว่าพ่อมันตายไปแล้ว”ลุงเจ้าของร้านพูดแล้วตบหลังฮอร์ดที่นั่งข้างๆเบาๆ
    “ถึงอย่างนั้นก็เถอะ! ข้าไม่อยากให้ลุงต้องมาลำบากเพราะข้าเลย ร้านก็พังเละหมดแล้ว”ฮอร์ดยังคงไม่สบายใจ
    “ข้าก็บอกเจ้าแล้วไงเจ้าหนุ่ม ว่าข้าจะผันตัวไปล่าสัตว์ขายแทน อย่ากังวลเลย!”
    “ก็ได้ครับ!!”
    “ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรในหมู่บ้านใหญ่เขตตะวันออกนี้ล่ะฮัมริน มาเดินเล่นเฉยๆยังงั้นหรอ?”
    “อ้ออ..เอ่อนี่ลุง! พอจะรู้จักชายแก่ๆที่ชื่อ อลาดิเย่โปเก้ มั้ย? บ้านเขาอยู่ที่ไหนหรอ!?”ฮอร์ดนึกขึ้นได้ว่าจะถามทางไปบ้านปู่จึงกล่าวขึ้น
    “โปเก้หรอ!!? เขาเสียไปเมื่อ ๒ เดือนที่แล้วเองมั้ง”
    “เสียแล้วหรือครับลุง ได้ยังไง!!?”ฮอร์ดรู้สึกตกใจ
    “ก็ตายด้วยวัยชราน่ะแหละ..ทำไมถึงอยากไปหาตาแก่นั่นล่ะ โปเก้น่ะมีลูกชายชื่อกาแลค แล้วกาแลคคนนั้นก็เป็นพ่อของอีเลียด ฮอร์ด เฮ้ย! นี่ข้าคลั่งฮอร์ดคนนั้นถึงขนาดไปสืบมาเลยหรอเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ่า”ลุงเจ้าของร้านหัวเราะ
    “มันไม่มีอะไรสำคัญหรอกครับ ข้าเองก็คิดว่าเขาน่าจะเป็นปู่ของอีเลียด ฮอร์ดนั่นแหละ ก็เลยอยากจะมาฝากเนื้อฝากตัวเขาเฉยๆน่ะครับ”ฮอร์ดพูดแก้ต่างให้ตนเอง
    “บ้านเขาก็มีคนซื้อมาอยู่ใหม่ไปแล้ว ตอนนี้ไม่มีโปเก้ ไม่มีบ้านของเขาด้วย ข้าว่าเจ้ากลับบ้านเจ้าเถอะนะฮัมริน เพราะสิ่งที่เจ้ามาเพื่อมัน มันได้หายไปแล้ว อย่าเสียเวลาเลย”
    “ยังหรอกลุง! ข้าขึ้นมาในหมู่บ้านเขตใหญ่แบบนี้ ไม่คิดจะกลับไปตัวเปล่าหรอกนะ”
    “ถ้างั้นก็พักที่นี่ก่อนเถอะ สักสองสามวัน เพราะข้าต้องทิ้งร้านนี้พอดี ที่ที่ข้าอยู่มานานแสนนาน”
    “ขอบคุณลุงมากครับ อย่างน้อยๆคืนนี้ข้าก็มีที่ซุกหัวนอน”ฮอร์ดยิ้มให้กับลุงคนนั้นด้วยความซาบซึ้ง
    ลุงเจ้าของร้านรู้สึกชอบใจในตัวของฮอร์ด เขาลุกขึ้นไปเตรียมอาหารที่เขาเก็บไว้ออกมา โต๊ะตั้งที่ยังใช้งานได้เขาก็ยกเข้ามาในบ้าน มาตั้งไว้วางจานชาม แต่ก็พอดีเก้าอี้ยังเหลืออยู่สองตัว ลุงเจ้าของร้านก็หยิบเข้ามาในบ้าน วางไว้สำหรับนั่งกินอาหารมื้อเที่ยง
    “เหลืออยู่สองตัวพอดีเลยนะเนี่ย ฮัมรินเอ้ยย!! เราเกือบได้นั่งกินอาหารกับพื้นแล้วล่ะนะ เดี๋ยวเรากินกันเสร็จแล้วค่อยปลุกเพื่อนเจ้ามาดื่มสมุนไพรอีกที”
    “ลุงจะบริการพวกเราดีเกินไปแล้วนะครับ ข้ามาพังร้านลุงแท้ๆ”ฮอร์ดรู้สึกเกรงใจ
    “บางที..นี่คงจะเป็นการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตข้าก็ได้นะ นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว เตรียมตัวกินของอร่อยๆได้เลย”
    ฮอร์ดลุกจากตรงที่เบิร์กนอนมานั่งเก้าอี้เพื่อรอกินอาหารมื้อเที่ยง เขานั่งเอามือลูบแก้มที่โดนชกจนแตกมีเลือดออกมานิดหน่อย ส่วนเบิร์กยังคงนอนหลับพักฟื้นร่างกายโดยไม่รู้สึกตัว
    “ลุง!! มีอาวุธอะไรบ้างมั้ยที่นี่ ข้าขอสักอันสิ ข้าไม่มีอาวุธติดตัวมาเลย!!”ฮอร์ดตะโกนถามเข้าไปหาลุงเจ้าของร้านที่กำลังเตรียมอาหารมื้อเที่ยงอยู่ในครัวข้างในบ้าน
    “มีขวานไว้ตัดขอนไม้อยู่ทางข้างหลังร้านสองเล่มน่ะ จะเอาไปสักเล่มก็ได้!!”ลุงเจ้าของร้านตะโกนตอบกลับมา ฮอร์ดได้ยินจึงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปทางข้างหลังร้าน ที่เป็นทุ่งเขียวโล่งสบายตา เป็นพื้นที่เล็กๆไม่กว้างเกินไปและไม่แคบเกินไป มีเศษไม้เรี่ยราดเต็มไปหมดตรงทางขวามือ และทางซ้ายมือมีขวานสองเล่มที่ลุงคนนั้นพูดถึงวางพาดอยู่กับทั่งที่เอาไว้ตีเหล็ก
    “รู้สึกว่าลุงจะตีอาวุธเป็นนะเนี่ย??”ฮอร์ดอุทานขึ้นเบาๆ แล้วเดินมาตรงที่มีขวานสองเล่มนั้นวางพาดอยู่ เขาหยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง ฮอร์ดแขนสั่นด้วยความเกร็งเล็กน้อยเพราะขวานมันหนัก
    “ใช้ได้เลย”ฮอร์ดพยายามสบัดขวานไปตามอากาศ ฟันเฉียงลงมา ฟันเฉาะอากาศ ฟันเฉียงขึ้นขวา เหวี่ยงฟันไปทางซ้ายด้วยการจับสองมือ ด้ามขวานนี้ทำมาจากไม้ ที่ดูเหมือนว่ามาจากเศษไม้ข้างหลังฮอร์ดนั่นเอง เขายกขวานขึ้นมาด้วยแขนทั้งสองข้างแล้วลูบไปที่หัวขวานด้านที่คมๆด้วยความถูกใจ…
     
  17. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๔ ปีศาจฮัมริน


    “เรียบร้อย!!”ลุงเจ้าของร้านเตรียมอาหารมื้อเที่ยงเสร็จแล้ว เขาจึงตะโกนเรียกฮอร์ดที่อยู่หลังร้านให้เข้ามากินอาหาร ลุงได้นั่งลงบนเก้าอี้ เตรียมช้อนเตรียมส้อมพร้อมสำหรับที่จะรับประทาน จนฮอร์ดเดินเข้ามาพร้อมกับขวานเล่มหนึ่ง
    “นี่ลุงครับ!! ลุงตีมันขึ้นมาเองใช่มั้ยครับเนี่ย!?”ฮอร์ดชูขวานให้ลุงดูแล้วถามขึ้น
    “ใช่เจ้าหนู! ข้าตีมันขึ้นมาเอง ข้าเอาไว้ตัดไม้มาทำโต๊ะเก้าอี้ ที่เจ้าเห็นตั้งไว้ที่หน้าร้านเพื่อให้ลูกค้าเข้ามานั่งดื่มนั่นแหละ”
    “ข้าว่าลุงเปิดร้านตีเหล็กตีอาวุธ น่าจะดีกว่าไปล่าสัตว์ขายประทังชีวิตไปวันๆนะ”
    “ข้าไม่สนับสนุนให้คนถืออาวุธเข้าสังหารกัน ถ้าข้าเปิดร้านตีเหล็ก ก็เท่ากับว่าข้าเนี่ย เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้คนฆ่ากันสิเจ้าหนู”ลุงเจ้าของร้านยิ้ม
    “ลุงช่างเป็นคนที่มีหัวใจอันประเสริฐยิ่งนัก ข้านับถือลุงจริงๆ”จากนั้นฮอร์ดก็เดินไปหยิบดาบของเบิร์กที่อยู่ในกระเป๋าขนสัตว์ออกมา เมื่อลุงเจ้าของร้านเห็นดาบที่ฮอร์ดกำลังถือดูชมอยู่จึงได้ถามว่า
    “เจ้าก็มีอาวุธนี่ฮัมริน เมื่อกี้ทำไมถึงไม่เอาออกมาขู่พวกนั้นล่ะ!!?”
    “เรื่องเมื่อกี้มันเกิดอย่างกะทันหัน ข้ากับเบิร์กคงลืมเจ้าสิ่งนี้ไป นั่นบ่งบอกว่าตอนนั้นข้าไม่มีสติ ทั้งที่ตัวข้าเองเคยบอกกับเบิร์กว่าให้มีสติเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น แต่สุดท้ายข้าก็ยังคุมสติตนเองไว้ไม่ได้ แค่ดาบเล่มเดียวข้ายังลืมนึกถึง ข้ามันบกพร่อง”ฮอร์ดกล่าวโทษตัวเองเบาๆ
    “คนที่รู้ว่าตนนั้นมีข้อเสียที่ต้องปรับปรุง คนผู้นั้นย่อมมีปัญญา อย่างน้อยๆเจ้าก็ยังมองข้อเสียของตนเองเห็นและรู้ว่าควรจะแก้ไขมันยังไง คนปัญญามืดบอดมักมองไม่เห็นกันหรอก อย่าพูดให้ร้ายตัวเองเลย มากินของอร่อยๆกันเถอะมา!!”ลุงเจ้าของร้านกล่าวสอนฮอร์ดก่อนที่ทั้งสองจะนั่งรับประทานอาหารมื้อเที่ยงกัน
    “อื้อ! ข้าว่าลุงเปิดร้านขายของกินก็เข้าท่านะ ในเมื่อร้านขายน้ำ มันเจ๊งไปเรียบร้อยแล้ว ก็เปิดร้านอาหารนี่แหละ”ฮอร์ดอร่อยจนต้องพูดชมออกมา
    “ฮัมรินเอ้ยย! เจ้านี่จะชมข้าไปถึงไหน ฮ่าฮ่าฮ่า”

    “โอ้ยย!!”
    ฮอร์ดร้องเสียงดังขึ้นมาและจับแก้มของเขา
    “เป็นอะไรเจ้าหนู!!?”
    “เปล่าครับ! ข้าแค่ทำเล่นๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”เสียงหัวเราะได้ดังขึ้นตลอดเป็นช่วงๆไปของการรับประทานมื้อเที่ยงในวันนี้


    “อะไรนะ!! ปีศาจฮัมรินหรอ!!?”เสียงตกใจของชาวบ้านที่กำลังยืนฟังพวกอันธพาลที่มีเรื่องกับฮอร์ดพูดเป่าหูอยู่
    “ใช่!! มันมีร่างกายเหมือนเด็กหนุ่มธรรมดาๆทั่วไป แต่จิตใจมันชั่วร้ายประหนึ่งปีศาจอสุรกาย ข้านี่เห็นมากับตาตนเองเลยนะ มันจัดการลูกพี่พวกข้าลงอย่างง่ายดาย ยิ่งพูดยิ่งขนลุก!!”พวกนักเลงของชายร่างอ้วนที่มาหาเรื่องฮอร์ดกับเบิร์กพูดด้วยน้ำเสียงลนลาน
    “แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดีละ!! ปีศาจร้ายแบบนี้จะให้มาอยู่ในหมู่บ้านของเราไม่ได้ ต้องกำจัดทิ้ง!!!”ชายชาวบ้านคนหนึ่งพูดขึ้น
    “ตอนนี้ปีศาจฮัมรินนั้นอยู่ในร้านเหล้าที่พวกข้าไปนั่งดื่มกันทุกวัน”พวกนักเลงชี้ทางบอกแก่ชาวบ้านทั้งหลาย
    “ถ้างั้น!! จะมัวรออะไรละ ไป..ไปดับชีวิตปีศาจตนนั้นโดยเร็วจะดีกว่า!!”ชายชาวบ้านพูดเสียงดัง และแสดงความเป็นผู้นำเดินทางไปยังร้านที่ฮอร์ดกับเบิร์กนั้นได้อาศัยอยู่กับลุงเจ้าของร้าน จอบ เสียม มีดพร้า ขวาน ค้อน และดาบ!! พวกชาวบ้านต่างถือกันมาอย่างครบมือ ยกขบวนแห่กันมาโดยมีพวกนักเลงคอยแนะนำวิธีการจัดการปีศาจฮัมรินให้ ด้านฮอร์ดซึ่งตอนนี้ได้ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นปีศาจฮัมรินผู้ชั่วร้ายไปแล้วนั้น ได้รับประทานอาหารมื้อเที่ยงเสร็จ แล้วได้ป้อนน้ำสมุนไพรให้กับเบิร์กเรียบร้อย กำลังจะยกจานชามไปเก็บในครัวกับลุงเจ้าของร้าน ก็ได้ยินเสียงสะเทือนจากพื้นดิน ดังสนั่นดุจเสียงกลองศึก
    “มีคนจำนวนมากกำลังมาที่นี่!!”ลุงเจ้าของร้านเอ่ยเมื่อได้ยินเสียงสะเทือนของพื้นดิน
    “ฮัมริน! หยิบขวาน! แล้วรีบแบกเพื่อนเจ้าออกไปทางหลังร้านเร็ว!!”ลุงเจ้าของร้านรู้สึกถึงลางไม่ดี จึงบอกฮอร์ดเช่นนั้น ฮอร์ดก็ยังชักช้าด้วยความสงสัยงุนงงอยู่ จนลุงต้องมาเขกศีรษะทีหนึ่งเพื่อเรียกสติ ฮอร์ดรู้สึกตัวจึงทำตามอย่างรวดเร็วเขารีบไปหยิบขวานและสะพายกระเป๋าขนสัตว์ของเบิร์กพร้อมด้วยดาบของเขา
    “ลุง! ข้าแบกไม่ไหว สัมภาระเต็มตัวข้าเกินไป!!”และในตอนนั้นเบิร์กจึงได้เอามือไปตบที่ไหล่ของฮอร์ด เขาฝืนร่างกายลุกขึ้นแล้วพูดว่า
    “เจ้าเห็นข้าเป็นอัมพาตรึไงฮัมริน!!? โดนซ้อมแค่เนี้ย ไม่ทำให้คนอย่างเบิร์กผู้นี้หมดน้ำยาได้หรอก”
    “คุณหนู!! อย่าทำเป็นเก่ง เดี๋ยวจะเป็นหนักกว่าเก่า!!”
    “นี่ลุง! ตอนนี้รีบไปที่หลังร้านก่อนดีกว่า ถ้าขืนยังอยู่ ข้านี่แหละจะเป็นหนักกว่าเก่าจริงๆ”เบิร์กพูดย้อนใส่ลุงเจ้าของร้าน ฮอร์ดเอาแต่ฟัง แล้วพยักหน้าด้วยคิดว่าตอนนี้คงต้องรีบออกจากร้านนี้ให้เร็วที่สุด ทั้งสามคน ฮอร์ด เบิร์กและลุง ได้รีบวิ่งออกมาจากทางข้างหลังร้านอย่างกระเสือกกระสน โดยเฉพาะเบิร์ก สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีนัก ฮอร์ดนั้นรู้ว่าเบิร์กเพื่อนของตนกำลังฝืนร่างกายเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงใคร เขาจึงช่วยพยุงเบิร์กมาตลอดทาง ลุงเจ้าของร้านวิ่งนำมาที่ที่มีต้นไม้สูงใหญ่เยอะๆ แล้วบอกให้ทั้งสองคนลงไปหมอบที่พื้นหญ้า ส่วนลุงแกยืนมองอยู่หลังต้นไม้ที่มีลำต้นใหญ่มากๆ ฮอร์ดเบิร์กและลุงเจ้าของร้านได้เห็นภาพที่ไม่ค่อยชอบมาพอใจอย่างยิ่ง พวกชาวบ้านเหล่านั้นตะโกนว่าปีศาจฮัมริน แล้วพังร้านของลุงคนนั้น ทำลายทุกที่ทุกทางทุกรูทวารที่ใช้เข้าออกบ้านไม่ว่าจะประตู หน้าต่าง ถูกทุบพังหมดสิ้น ลุงเจ้าของร้านเห็นที่ทำมาหากินถูกย่ำยีต่อหน้าต่อตา แกจึงรู้สึกเจ็บใจอย่างมาก ฮอร์ดเห็นลุงอยู่ในสภาพที่ดูแล้วน่าจะโมโห เขาจึงรู้สึกผิด ฮอร์ดคิดว่าวันนี้เขาได้สร้างเรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตถึงสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกเขาทำให้พ่อแม่ผู้ซึ่งเป็นบุพการีต้องหลั่งน้ำตาด้วยความอารมณ์ร้อนของเขา เรื่องที่สองเขาได้ทำลายชีวิตทั้งชีวิตของตาลุงวัยทองคนหนึ่ง ซึ่งถ้าเขาไม่เข้ามาที่ร้านนี้ ป่านนี้ลุงก็คงได้นั่งขายเหล้าอย่างสบายๆในร้านของตนเหมือนทุกวันที่เคยทำมา คิ้วของฮอร์ดเริ่มขมวด สายตาของเขาดูน่ากลัวยิ่งนัก ฮอร์ดลุกขึ้น เมื่อเบิร์กกับลุงเจ้าของร้านเห็นฮอร์ดในท่าทางที่เหมือนจะจริงจังมากๆ จึงตกใจ
    “ฮะ..ฮอร์ด คราวที่แล้วเจ้าทำท่าทางยังงี้ก่อนที่เจ้าจะลงไปฟัดกับจระเข้ มาตอนนี้เจ้าคิดจะทำอะไรอีก!!?”เบิร์กลืมตัวพูดชื่อฮอร์ดด้วยความตกใจ แต่ดูเหมือนฮอร์ดจะไม่ได้สนใจเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว
    “อะไรนะเจ้าหนู!! ฮอร์ดงันหรือ!!?”ลุงเจ้าของร้านรู้สึกตกใจจนตาโตขึ้นมา
    ...ขาก้าวแรกของฮอร์ดก้าวเดินไปข้างหน้า ลุงเจ้าของร้านคงรู้ดีแหละว่าฮอร์ดกำลังคิดจะไปที่พวกชาวบ้านพวกนั้นที่กำลังรื้อทำลายร้านของตน จึงพุ่งกระโดดกอดฮอร์ดให้ล้มลงแล้วทับเขาไว้
    “ปล่อยข้านะลุง!! ข้าจะไปเอาคืนมาให้ลุงเอง!!”ฮอร์ดพยายามดิ้นจากแรงรัดของลุงเจ้าของร้าน
    “เจ้าจะเอาคืนมาได้ยังไงกัน!! ต่อให้เจ้าเอาคืนมาได้ สิ่งที่ข้าจะได้ก็มีเพียงแค่เศษไม้ เศษจานชามเท่านั้น มันเปล่าประโยชน์!!”
    “ทำไม!! ทำไมวันนี้ข้าถึงได้ทำผิดพลาดเช่นนี้!!”ฮอร์ดพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน น้ำตาคลอ
    “อย่าเสียใจเจ้าหนู!! เจ้าคืออีเลียด ฮอร์ดผู้กล้าหาญ ถ้าเจ้าร้องไห้ออกมา ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!!”ลุงเจ้าของร้านที่นอนทับกอดรัดฮอร์ดอยู่ก็หลั่งน้ำตาเสียงสั่นคลอนออกมาเหมือนกัน
    “ลุงร้องไห้ทำไม!!? เพราะข้าใช่มัย ที่ทำให้ชีวิตของลุงต้องพังทลาย”
    เบิร์กที่นอนหมอบอยู่ไม่ไกลได้หลับตาลง เพราะภาพที่เห็นมันชวนให้เจ็บปวดหัวใจเป็นอย่างยิ่ง ต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้มาจากตัวเขานั่นเอง ไม่ว่าจะชวนฮอร์ดออกมาจากบ้านเพื่อไปยังชายแผ่นดินที่มีตำนานเลื่องลือของสิ่งที่เรียกว่าทะเลมหาสมุทรซึ่งตนก็หารู้ไม่ว่ามันมีอยู่จริงหรือเป็นเพียงแค่นิทานหลอกเด็ก แล้วมาตอนนี้เขาก็ได้หาเรื่องเดือดร้อนมาให้ลุงคนนี้และฮอร์ดเพื่อนของเขาเอง ถ้าเขารู้จักยอมให้อภัยเรื่องเล็กน้อย เรื่องร้ายแรงถึงขั้นนี้ก็คงจะไม่เกิดขึ้นเป็นแน่แท้ เบิร์กรู้สึกโกรธเคืองในตนเองอย่างมาก เขาจะแก้ปัญหาครั้งนี้ยังไง เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะตัวของเขาเองทั้งสิ้น ลุงเจ้าของร้านยังคงร้องไห้ ส่วนใบหน้าของฮอร์ดก็มอมแมมเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลออกมาจากหัวใจที่เจ็บปวดรวดร้าวของการใช้อารมณ์ในการตัดสินใจของตนเอง
    “ฮอร์ด..เจ้าได้ให้ชีวิตใหม่แก่ลุงแล้วในตอนนี้..”
    “ข้ามีแต่จะทำลายชีวิตลุง ลุงอย่ามาพูดปลอบข้าเลย ปล่อยให้น้ำตาของข้ามันระบายความเจ็บปวดออกมาให้หมดเถิด”
    “ต่อแต่นี้ไป! ลุงจะติดตามเจ้าไปฮอร์ด จะติดตามเจ้าไปทุกๆที่ นี่แหละ!..ชีวิตใหม่ที่เจ้าได้มอบมันให้แก่ลุง!!!”ลุงเจ้าของร้านกลั้นน้ำตาแล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ฮอร์ดได้ยินดังนั้นก็น้ำตาไหลพรากออกมาอย่างกับน้ำป่าไหลหลาก ฮอร์ดหยุดเสียงร้องไห้ มีเพียงแต่สายธารแห่งน้ำตาของลูกผู้ชายที่มันไหลอาบแก้มสองข้างของเขาเท่านั้น สายธารแห่งความเจ็บปวด สายธารที่ควรค่าแก่การจดจำ สายธารน้ำตาของฮอร์ด…
     
  18. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๕ นางกลับมาแล้ว


    …หญิงสาวคนหนึ่งกำลังเดินอยู่บนถนนหนทางอันเต็มไปด้วยดินโคลนที่ชื้นแฉะจากน้ำฝนที่หยดชลอมลงมาเป็นปรอยๆตลอดเวลา ผมสีแดงยาวสละสลวยเป็นเกรียวจนถึงเนินก้น แขนของนางอวบแน่น ผิวพรรณของนางขาวสวยไม่ซีดเซียว ริมฝีปากของนางสวยดั่งกระจับออกสีแดงสดใส สะโพกและก้นงอนเด้งอวบเต็มแน่นไปด้วยเนื้อ ท่อนขาดูสมบูรณ์ แววตาของนางพร้อมที่จะสะกดใครก็ตามที่จ้องมอง ให้หลงรักได้ หญิงสาวผู้นี้เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผย มีขวานเล่มขนาดไม่ใหญ่มากและไม่เล็กมาก เหน็บพาดอยู่ที่หลัง เธอดูอ้อนแอ้นแต่แฝงไว้ด้วยความแข็งแกร่ง เธอผู้นี้ได้เดินตามทางที่มีผู้คนกำลังใช้ชีวิตประจำวันกันตามปกติมาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้านที่เธออยู่ตอนนี้นั่นเอง เสียงเปิดของประตูร้านเข้าไปดังขึ้น เหล่าชายหนุ่มหญิงสาวทั้งหลายที่อยู่ในร้านนั้น ต่างได้ถูกความงามของเธอผู้นี้สะกดจนแทบไม่ละสายตา แม้แต่เจ้าของร้านเองก็เช่นกัน เธอยิ้มให้กับผู้คนที่มองเธอ รอยยิ้มนั้นดูอ่อนโยนแลอ่อนหวานเป็นอย่างยิ่ง นางผู้งดงามผู้นั้นเดินไปที่เจ้าของร้าน เธอสั่งอาหาร ในขณะที่เธอพูดนั้นน้ำเสียงของเธอฟังแล้วดูนุ่มนวลชวนหลง เสียงใสกังวาลและดูเข้มแข็ง ทำให้เจ้าของร้านหาได้มีสติอยู่กับเนื้อกับตัวในเวลานั้นไม่ เขาได้ต้องมนต์แห่งความรักเข้าให้แล้ว เขายืนทำหน้าเคลิ้มอยู่ตรงนั้นสักพัก จนภรรยาของเจ้าของร้านผู้นี้ต้องเดินมาตบกะโหลกสามีของตน หญิงสาวผู้งดงามผู้นั้นยิ้มให้อีกครั้งก่อนพูดสั่งอาหารอีกรอบแล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะๆหนึ่งในร้าน เธอนั่งไขว่ห้าง จนท่อนขาขาวๆอวบๆของเธอโผล่ออกมา ชายหนุ่มทั้งหลายในร้านเห็นภาพอันชวนเพ้อฝันเช่นนี้ ต่างทำหน้าทำตาเหมือนอดอยากอะไรมาสักอย่างเป็นเวลานาน จะให้ไม่เพ้อได้ยังไงกันก็ในเมื่อนางผู้งดงามคนนี้ ห่มชุดขนสัตว์ กับผ้าที่มีไว้ปิดบางส่วนของร่างกายที่ไม่สมควรจะเปิดเผยเท่านั้นเอง หน้าอกของเธอใหญ่นูนขึ้นมาประหนึ่งลูกแตงโม กับผ้าที่คล้ายๆกระโปรงสั้นๆ ดังนั้นเมื่อเธอนั่งไขว่ห้าง ความเร่าร้อนและเซ็กซี่ก็แผ่รัศมีออกมาให้เหล่าชายรอบๆเกิดความคิดที่ไม่ค่อยจะงามนักขึ้น เพราะเธอผู้นี้นุ่งน้อยห่มน้อยเสียเหลือเกิน…

    “คืนนี้นอนที่นี่ก็แล้วกันนะ”ลุงเจ้าของร้านบอกแก่ฮอร์ดและเบิร์กที่ช่วยกันพยุงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่หมอบหลบกันมาจนถึงชายลำธารเล็กๆแห่งหนึ่งที่อยู่ด้านทิศตะวันออกและอยู่ตกหนักงไกลจากหมู่บ้านที่มีผู้คนชุลมุน
    “ฮอร์ด..ฮอร์ด..ก่อนข้าจะออกจากร้านมา ข้าพอหยิบขนมปังมาได้ไม่กี่ชิ้นใส่กระเป๋ากางเกงอันเลอะเทอะนี่ แบ่งๆกันกินนะ”คุณลุงควักขนมปังออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ขาดสะบักสะบอมมาให้ฮอร์ดกับเบิร์ก ลุงยังถามเบิร์กด้วยว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ดีขึ้นแล้วหรือยัง ส่วนฮอร์ดกำลังนั่งเคร่งขรึม แต่ดูใจเย็น เขาหายใจเข้าออกช้ามาก และลึกมากด้วย ฮอร์ดกำลังตั้งสมาธิให้กับตนเอง ซึ่งลุงเจ้าของร้านเองก็รู้ ก็ไม่ได้ถามอะไร ส่วนเบิร์กที่พูดว่าตัวเองอาการดีขึ้นมากแล้วก็มีใจสงสารฮอร์ดเพื่อนของตนแต่ก็ไม่อยากไปกวน
    “ลุงชื่ออะไรหรอ!!?”เบิร์กจึงหันไปถามชื่อลุงเจ้าของร้าน
    “นึกว่าจะไม่อยากรู้จักข้าซะอีก เพิ่งจะมาถาม ข้าชื่อ กลอมนีมาร์”ลุงเจ้าของร้านตอบเบิร์กไป จากนั้นก็ลุกขึ้น
    “ลุงกลอม..ลุงจะไปไหน!!?”
    “ข้าก็จะไปหาฟืนน่ะสิ เจ้าเบิร์กแกพอขยับร่างกายได้ใช่มั้ย.. เตรียมตัวจุดไฟเมื่อข้าเอาฟืนมาถึง ข้าต้องใช้เวลาเลือกสักหน่อย ฝนมันตกปรอยๆมาทั้งวัน วัตถุดิบคงชื้นหมด ต้องเสียเวลาหาไม้แห้งๆ”
    ลุงกลอมเดินเข้าไปในดงต้นไม้ ที่เกือบจะออกนอกเขตหมู่บ้านใหญ่ในแถบตะวันออกนี้ ลุงกลอมเดินขึ้นไปทางทิศเหนือ ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ราบลุ่มก็อธทรานส์มาก ลุงกลอมต้องเดินระวังตัวเองอย่างยิ่งที่จะไม่ให้เข้าไปในเขตก็อธทรานส์ ด้วยเหตุว่าที่นั่นมีภยันอันตรายมากมายนานัปการที่กำลังรอใครสักคนเดินพลัดหลงเข้าไป ทางเบิร์กเองก็กำลังเตรียมหาไม้แห้งๆมาใช้สำหรับขูดถูกันให้เกิดความร้อนเพื่อจุดไฟ แต่มันหายากหาเย็นเสียเหลือเกิน เบิร์กเดินดุ่มๆไปตามทางที่กำลังมืดลงเรื่อยๆ ร่างกายก็ไม่ค่อยจะสมบูรณ์พร้อมเท่าไหร่นัก เบิร์กเดินไปเรื่อยๆจนเจอถ้ำๆหนึ่ง เขาเดินเข้าไปในถ้ำที่มืดๆนั้น มันอุ่นมาก เขามองไปรอบๆถ้ำที่มืดมิดแล้วเอ่ยขึ้นว่า
    “คืนนี้เราน่าจะนอนพักกันที่นี่”
    เสียงของเขาดังสะท้อนกลับมาจากผนังถ้ำ ในที่นี้มีกิ่งไม้แห้งอยู่มากมาย ที่คาดว่าน่าจะเกิดจากการโดนลมพัดเข้ามาจากข้างนอกถ้ำที่ซึ่งมีต้นไม้อยู่ ผ่านไปสักพักทางฝั่งฮอร์ดที่กำลังนั่งขรึมก็ค่อยๆขยับเขยื้อนร่างกาย เขายังคงมีแววตาแห่งความโศกเศร้าอยู่ เขาแหงนหน้ามองดูดวงดาวบนท้องฟ้า มีดาวมากมายเต็มฟ้าไปหมดขนาดยังไม่มืดมาก
    “ข้าเกิดมาทำไม??”ฮอร์ดอุทานคำนี้ขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเบาๆแต่เผอิญเบิร์กเดินมาได้ยินพอดี
    “เฮ้ย!! ฮอร์ดอย่างเพิ่งคิดสั้นนะ!?”เบิร์กที่ตะโกนเสียงดังเมื่อได้ยินฮอร์ดพูด
    “อะไรของเจ้าเบิร์ก!! คิดสั้นอะไร ข้ามิใช่คนโง่ที่ไม่รักแม้กระทั่งชีวิตตัวเองน่ะ!!”
    “เหรอ!!? แล้วที่ผ่านมาที่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆอยู่เรื่อยเนี่ย เขาเรียกฆ่าตัวตายทางอ้อมรึเปล่าหว่า”
    “อยากนอนซมอีกรอบรึไงเบิร์ก..??”
    “ไม่เอาหรอก..แค่นี้ก็กระเสือกกระสนเต็มทีแล้ว”เบิร์กได้ค่อยๆเดินมานั่งข้างๆฮอร์ด
    “ลุง..ลุง…”ฮอร์ดพยายามนึกชื่อลุงเจ้าของร้านคนนั้น
    “ลุงกลอมนีมาร์ นี่เจ้าโดนรุมที สมองเสื่อมเลยรึไง ลุงแกเพิ่งจะบอกชื่อไปหยกๆเองแท้ๆ”
    “ข้าว่าเจ้านั่นแหละที่สมองเสื่อมเบิร์ก ลุงกลอมเขาใช้แกไปหาไม้มาเตรียมจุดไฟมิใช่หรือไง แล้วนี่เจ้าดันเดินกลับมาอย่างรื่นเริงมานั่งข้างๆข้าเนี่ยนะ”
    “ก็ข้าไปเจอที่ซุกหัวนอนสำหรับพวกเราแล้วในคืนนี้อ่ะนะ”เบิร์กเชิดหน้าแล้วพูด ฮอร์ดก็งงกับเบิร์กว่าพูดเรื่องอะไร จนลุงกลอมเดินกลับมาพร้อมกับโอบอุ้มไม้แห้งๆมาเต็มอก
    “เฮ้ยย!! เจ้าเบิร์ก เจ้ามัวมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้น่ะ ข้าบอกให้ไปเตรียมวัตถุดิบมาจุดไฟไง!!”
    “โธ่ลุง!! ทำไมไม่ใช้เจ้าฮอร์ดมันบ้างล่ะ ข้าบาดเจ็บอยู่นะ”เ
    “ฮอร์ดกำลังนั่งสมาธิอยู่ นี่เจ้าไปกวนฮอร์ดใช่ไหม”
    “เอ่อ..เปล่าหรอกครับลุง เดี๋ยวข้าจะไปจัดการเตรียมจุดก่อกองไฟให้เอง”ฮอร์ดลุกขึ้นแล้วพูดกับลุงกลอม
    “ไม่ต้อง!!..ข้านี่น่ะ ได้เตรียมสถานที่อันเพรียบพร้อมไว้รอพวกท่านทั้งสองเป็นอันเรียบร้อยแล้ว”เบิร์กทำท่าทาง และแสยะยิ้มออกมานิดๆ
    “บ่นอะไรของเจ้ากันคุณหนู!!?”ลุงกลอมสงสัย
    “อะน้ะน้านะน้าา..หยิบกระเป๋าหยิบอาวุธแล้วตามข้ามาก็แล้วกัน”เบิร์กยิ้มเยาะเย้ย
    “อะไรของมัน??”ลุงกลอมทำหน้าตาสงสัยเมื่อเห็นเบิร์กเดินท่าทางเหมือนกำลังหยอกล้อเขากับฮอร์ด แต่ลุงก็เดินตามเบิร์กไปพร้อมกับฮอร์ด หยิบสัมภาระทั้งหลายขึ้นหลัง หยิบอาวุธขึ้นมือ แล้วเดินลุยหน้าไปตามทางที่เบิร์กพาไป ระหว่างเดินฮอร์ดก็คอยแหงนหน้ามองท้องฟ้าเพื่อดูดวงดาวเป็นบางจังหวะ เพื่อหาเรื่องพูดคุยกับลุงกลอมระหว่างกำลังเดินเท้าอยู่...
     
  19. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๖ ข่าวดีของแม่


    “นี่ลุง..ดูสิดาวเต็มฟ้าเลย..”ฮอร์ดพูดขึ้นมา
    “นั่นสินะ! เออนี่รู้ไหมฮอร์ดว่าสิ่งที่สว่างที่สุดในยามค่ำคืนคืออะไร?”ลุงกลอมถามขณะเดินตามเบิร์กที่กำลังเดินนำหน้าไป
    “เปลวเพลิงครับ..ข้าเคยจุดเทียนเข้าไปในที่มืดๆเมื่อครั้งยังเด็ก แสงเทียนสว่างสไวจนข้านั้นสามารถมองเห็นในที่อันมืดมิดได้”
    “ฮ่าฮ่าฮ่า…ไม่ใช่ฮอร์ด เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อหลายสิบปีก่อนตอนที่ข้ายังหนุ่มๆอยู่น่ะ เทียนที่มีไว้ใช้จุดประดับบ้านในยามกลางคืนนั้น มันยังหายากกว่าสมัยนี้เยอะนะ ช่วงที่เทียนเริ่มเป็นที่รู้จักใหม่ๆ คนขายเทียนคนแรกนี่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเลยล่ะ ดังนั้นในเมื่อมันยังไม่มีเทียน เราชาวบ้านตาดำๆที่จนๆต่างอาศัยแสงสว่างจากฟากฟ้านี่แหละ เคยได้ยินคำนี้มั้ยฮอร์ด ว่าในที่มืดมิดก็ยังมีแสงสว่าง และในแสงสว่างก็ยังมีความมืดมิด”ลุงกลอมสาธยายให้ฮอร์ดฟัง
    “ไม่เลยลุง ข้าไม่เคยได้ยิน แต่ว่าลุงกลอม ดวงดาวนั้นอยู่ตกหนักงไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง แสงสว่างจากดาวเหล่านั้นสามารถส่องมาถึงพื้นดินนี้ได้ด้วยหรอครับ??”
    “มันก็ไม่ได้สว่างมากเหมือนแสงเทียนหรอกนะ ข้าแค่เปรียบให้ฟังเฉยๆน่ะ ว่าครั้งหนึ่งโลกที่เราอยู่กันเนี่ยมันไม่เคยมีอะไรต่างๆมากมายเหมือนอย่างทุกวันนี้ คนโบราณจะพึ่งพาชีวิตกับธรรมชาติล้วนๆ เรียกง่ายๆว่าเราเป็นหนึ่งเดียวกันกับธรรมชาติ และธรรมชาติเป็นหนึ่งเดียวกันกับเรา”
    “แล้วอย่างนี้เวลาพระจันทร์ขึ้นเต็มดวง มันจะสว่างขนาดไหนครับ”
    “พระจันทร์เต็มดวงนั้นใหญ่มาก แสงสว่างก็ต้องมากขึ้นเป็นธรรมดา”ลุงกลอมหันมายิ้มให้กับความขี้อยากรู้ของฮอร์ด
    “ลุงกลอม! ฟังที่ลุงพูดแล้ว มันทำให้ข้าอยากสร้างอะไรสักอย่างทิ้งไว้ให้คนรุ่นหลังได้ใช้มันในวันข้างหน้าบ้างจัง แต่ข้าคงไม่คิดจะประดิษฐ์เทียนที่แปลกใหม่แหวกแนวกว่าเดิมแน่นอน”ฮอร์ดหัวเราะ
    “เจ้าเป็นคนทะเยอทะยานอีเลียด ฮอร์ด ขนาดจระเข้เจ้ายังสามารถฆ่ามันได้ด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว ข้าเชื่อว่าสักวันหนึ่งข้างหน้า เจ้าจะได้ทำในสิ่งที่คนรุ่นหลังที่เป็นลูกเป็นหลานได้จดจำอย่างแน่นอน ขอแค่เจ้ากล้าที่จะเริ่มทำมัน มิช้ามินานมันจะสำเร็จดั่งที่เจ้าปรารถนา ไม่ว่าจะล้มเหลวมาสักกี่ครั้งก็ตาม”ลุงกลอมตบบ่าฮอร์ดเบาๆขณะเดินคุยกัน จนกระทั่ง…
    “ว้าว!! สุดยอดเลยเจ้าเบิร์ก ค่ำนี้เราไม่หนาวแล้ว”ฮอร์ดพูดขึ้นเมื่อเดินมาถึงถ้ำที่เบิร์กไปเจอมา ลุงกลอมเองก็ส่งเสียงดีใจออกมาเมื่อได้รู้ว่า คืนนี้มีที่ซุกหัวนอนเพื่อพักเอาแรงพอไปสู้ชีวิตในวันรุ่งขึ้นได้
    “เบิร์กหัวเราะอย่างภูมิใจขณะยืนอยู่หน้าปากทางเข้าถ้ำ”

    ณ บ้านของฮอร์ด
    “มืดค่ำขนาดนี้แล้วใครยังจะมาเรียกอีก…เอ๋!! ฮันนาร์นี่!!!”กาแลคยืนอยู่ตรงหน้าประตูบ้านตรงหัวบันไดและพูดขึ้นเมื่อมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งยืนอยู่ปลายบันไดหน้าบ้านในยามค่ำคืน
    “สวัสดีค่ะ! น้ากาแลค ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”หญิงสาวผมแดงสุดสวยผู้นั้นกล่าวขึ้นจากใต้ถุนบ้านโดยที่มีอัสคัสผู้เก่งกล้ายืนอยู่ข้างๆด้วย กาแลคเห็นดังนั้นจึงรีบเดินลงบันไดบ้านมาหาทั้งสองคน
    “น้าไม่คิดเลยว่าไม่เจอกันนานสิบกว่าปีเธอจะสวยตระการตาถึงเพียงนี้”กาแลคอึ้งในความงดงามของฮันนาร์ หญิงสาวผู้มีผมสีแดงและเรือนร่างอันสวยสง่า
    “ใจเย็นสหาย..นี่ลูกสาวข้านะ”อัสคัสกล่าวขึ้นพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
    “น้ากาแลค..ในระหว่างทางที่หนูเดินทางมายังหมู่บ้านเขตเล็กชายป่าชาร์คนี้ หนูได้เข้าไปร้านอาหารแห่งหนึ่งในหมู่บ้านเขตใหญ่ หนูได้ยินถึงคำลือว่าที่หมู่บ้านนั้นมีปีศาจที่ชื่อฮัมรินอยู่ ชาวบ้านที่นั่นลือกันว่าเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม แต่มีอุปนิสัยโหดร้ายบ้าคลั่งกันน่ะค่ะ พอหนูกลับมาถึงบ้านก็เล่าให้พ่อฟัง แต่พ่อบอกว่า…นั่นคือฮอร์ด ผู้ชายที่หนูเคยมีส่วนตั้งชื่อให้ในตอนที่เขาเกิดค่ะ”ฮันนาร์เธอพูดอย่างจริงจังแต่แฝงไปด้วยความน่ารัก
    “กาแลค! นี่เป็นสิ่งยืนยันว่า บุตรชายเจ้ากำลังเดินไปตามเส้นด้ายแห่งโชคชะตา อุ่นใจเถอะ เขาถูกยกย่องว่าเป็นปีศาจ ก็แสดงว่าเขามีความน่ากลัวอยู่ในตนเองล่ะนะ พอฮันนาร์มาบอกข้า ข้าก็เลยรีบจะเอามาบอกให้เจ้ากับภรรยาเจ้าฟัง อย่าห่วงเลยนะ”อัสคัสพูดขึ้น
    “ทำไมถึงแน่ใจว่าเป็นฮอร์ดลูกข้าล่ะ!?”
    “อาธาร์อยู่ไหน??”อัสคัสกล่าวถาม
    “เธอยังคงเสียใจกับการหนีไปของฮอร์ด ใจเธอเป็นทุกข์ยิ่งนัก”
    “น้ากาแลคคะ…วางใจเถอะค่ะ พ่อบอกว่าฮอร์ดกับเพื่อนของเขา พากันไปที่ชายแดนแผ่นดินทางทิศตะวันออกเพื่อไปพิสูจน์ตำนานที่ล่ำลือกันถึงสิ่งที่สวยงามมากๆ หนูขอยืนยันว่าไม่มีอันตรายค่ะ เพราะหมู่บ้านในเขตใหญ่นั้นทอดยาวไปจนถึงสุดชายแดนทิศตะวันออกเลยล่ะค่ะ ไม่มีป่าดงพงไพร ดังนั้นฮอร์ดกับเพื่อนของเขาอาจคิดว่าต้องเดินผ่านป่าผ่านอันตรายนานาชนิด แต่หนูบอกเลยว่ามีผู้คนไปตั้งหลักปักฐานกันหลายบ้านหลายเรือนแล้วค่ะ ปลอดภัยแน่นอน”ฮันนาร์กล่าว
    “เจ้ารู้ได้ยังไงฮันนาร์ เจ้าเคยไปมางั้นหรือ!!?”กาแลคสงสัย
    “หนูเคยไปมาค่ะ หนูบอกเป็นคำพูดไม่ได้เพราะมันสวยงามกว้างขวางมาก น้าต้องไปดูด้วยตาตนเองแล้วจะต้องภูมิใจในความคิดของฮอร์ดในคราวนี้แน่นอนค่ะ”
    อาธาร์ซึ่งเธอแอบฟังอยู่บนบ้านเมื่อได้ยินฮันนาร์พูดดังนั้นจึงรู้สึกชุ่มชื้นใจที่รู้ว่าทางที่ลูกของเธอกำลังเดินไปนั้นไม่มีอันตราย มีแต่หมู่บ้าน เธอรู้สึกอุ่นใจเป็นอย่างมากเพราะอย่างน้อยลูกของเธอก็ยังคงมีความปลอดภัยอยู่ จึงได้เดินลงบันไดบ้านมาหากาแลค และอัสคัสกับฮันนาร์ที่ยืนคุยกันอยู่ข้างล่างตรงหน้าบ้าน
    “อ้าว! ท่านแม่อาธาร์สวัสดีค่ะ”ฮันนาร์กล่าวทักทายอาธาร์มารดาของฮอร์ด
    “จริงหรอ!!? ฮันนาร์ที่เธอบอกว่าทางที่ลูกฮอร์ดไปนั้นไม่มีภยันตรายน่ะ จริงหรือจ้ะ!!?”อาธาร์เธอรีบเดินมาหาฮันนาร์และกุมมือของนาง
    “จริงค่ะ! เพราะหลังจากที่พ่อปล่อยหนูให้ออกไปเรียนรู้โลกด้วยตนเอง หนูก็ไปพิสูจน์เรื่องตำนานนี้มาค่ะ ปลอดภัยแน่นอนจ้ะแม่จ๋าา”ฮันนาร์ทำเสียงใสน่ารัก
    “รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก”
    “ทีนี้! ข้าจะได้นอนหลับอย่างหมดห่วงสักที”กาแลคเอ่ย
    “เจ้าเด็กคนนี้! กล้าหาญชาญชัยโดนใจหนูจริงๆ”เมื่อฮันนาร์พูดจบ ทั้งอัสคัสกาแลคและอาธาร์ต่างพากันหันหน้ามามองฮันนาร์อย่างรวดเร็วแล้วอุทานขึ้นมาว่า “หืม?”
     
  20. สิงห์อาชา

    สิงห์อาชา Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2013
    โพสต์:
    87
    ค่าพลัง:
    +38
    บทที่ ๑๗ เผชิญกับโตนส์


    …เช้าวันรุ่งขึ้นที่มีแสงสว่างสาดส่องมายังในถ้ำ ชายหนุ่มทั้งสามกำลังหลับไหลกันอย่างอ่อนเพลีย ในท่ามกลางร่างที่นอนราบอยู่กับพื้นถ้ำอยู่นั้นได้มีเสียงหินตกกระทบลงบนพื้นดังก๊อกแก๊กเป็นระยะๆ เสียงที่ตอนแรกนั้นอยู่ไกล ก็ได้ใกล้เข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับเสียงหินที่ดังใกล้เข้ามาทุกทีเหมือนกัน ลุงกลอมค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา ตาของเขาค่อยๆลืมขึ้น หูของเขาได้ยินเสียงหินนั้น เสียงหินที่รู้สึกว่ามันจะใกล้เข้ามาหาพวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ ลุงกลอมเลยหันหน้าใช้สายตามองไปตามที่มาของเสียงนั้น ภาพที่ปรากฎต่อหน้าของลุงกลอมในขณะนั้นคือตัวประหลาดร่างยักษ์สูง ๔ เมตร มันมีขนที่ริมฝีปาก นอกนั้นทั้งร่างของมันดูแข็งทื่อเหมือนกับหินยังไงยังงั้น แววตาของมันจ้องมองมาที่ลุงกลอมและหนุ่มอีกสองคนที่กำลังหลับไหล ดวงตาของมันร้าวฉานราวกับแผ่นดินกำลังจะแยกออกจากกัน ตัวประหลาดตัวนั้นมันค่อยๆอ้าปากขึ้น คราบเลือดสีแดงสดได้ไหลออกมาจากปากอันกว้าง ลุงกลอมเมื่อได้เห็นสิ่งที่น่าตื่นตระหนกเช่นนี้ จึงได้รีบเรียกให้ทั้งสองคนนั้นลุกขึ้น
    “เฮ้ยยเจ้าหนู!! งานเข้าแล้ว!!?”ลุงกลอมรีบตะโกนและเขย่าตัวฮอร์ดกับเบิร์กแรงๆ
    “อะไรลุง! ข้ายังนอนได้ไม่เต็มอิ่มเลย ปลุกทำไมเนี่ย!!?”เบิร์กตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิด แต่ฮอร์ดนั้นได้หันหน้าไปทางที่มีตัวประหลาดตัวนั้นอยู่ เมื่อลืมตาขึ้นฮอร์ดก็ตื่นขึ้นมาในบัดนั้นเลย
    “นี่มันตัวอะไรเนี่ย!!?”ฮอร์ดรีบคว้าขวานของเขาที่ลุงกลอมให้มาและลุกขึ้นถอยไปตั้งท่า
    “โอ้วแม่เจ้า!!”เสียงของเบิร์กดังขึ้นเมื่อได้เห็นตัวประหลาดนี้
    “พวกโตนส์!! นี่ไม่ใช่เขตก็อธทรานส์แท้ๆ แต่มีพวกมันอยู่ได้ยังไง??”ลุงกลอมกล่าวขึ้นในขณะที่เบิร์กวิ่งไปชักดาบในกระเป๋าของเขาออกมายืนอยู่ข้างๆลุงกลอมกับฮอร์ด
    “เมื่อคืนนอนก็ไม่เห็นจะมีอะไรเลยนี่!!? มันโผล่มาได้ยังไงกัน”ฮอร์ดหันหน้าไปถามลุงกลอม
    “พวกโตนส์มันไม่ชอบความมืด ยามค่ำกลางคืนพวกมันจะจำศีล เมื่อมีแสงสว่างพวกมันถึงจะตื่นขึ้นมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง”
    “ลุง!! จะจัดการกับมันยังไงดี?”เบิร์กถามด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
    “อาวุธที่เรามีไม่สามารถแทงร่างแข็งๆของมันได้ ข้ามีทางเลือกสองทาง..ทางแรกคือยอมให้มันจับเราเคี้ยวเป็นอาหารมื้อเช้าของมัน ส่วนอีกทางหนึ่งนั้น..?”
    “อีกทางหนึ่งคืออะไรล่ะลุง!!?”เบิร์กถามอีก
    “ก็วิ่งไง!! รีบหยิบสัมภาระแล้ววิ่งสุดเท้าเลย เร็วว!!”ลุงกลอมพูดเสร็จก็จัดการวิ่งออกจากถ้ำด้วยความเร็วสูงชนิดที่ว่าอายุนั้นเป็นเพียงแค่ตัวเลขเลยทีเดียว
    “เฮ้ยลุง!! เอายังงี้เลยหรอ?”เบิร์กไม่รอช้ารีบจัดการตามลุงกลอมไปในทันที ส่วนตัวฮอร์ดนั้นยังยืนหยัดตั้งท่าที่จะสู้ โตนส์ตัวนั้นเดินเข้ามาใกล้ฮอร์ดและเอาฝ่ามืออันใหญ่มโหฬารของมันทุบลงกับพื้นถ้ำตรงที่ฮอร์ดยืน แต่ฮอร์ดนั้นหลบได้
    “เราจะทำอย่างไรดี ถึงจะจัดการกับมันได้ ตัวมันแข็งแบบนี้ ขวานของเราได้หักแน่!”ฮอร์ดคิดอยู่ในใจ โตนส์ก็วิ่งเข้ามาจะจับจะคว้าฮอร์ดให้ได้ ทางลุงกลอมกับเบิร์กเมื่อไม่เห็นฮอร์ดตามออกมาด้วยก็รู้สึกตกใจ
    “เดี๋ยว!! ฮอร์ดล่ะเจ้าเบิร์ก??”ลุงกลอมถามด้วยสีหน้าใจหาย
    “ข้าก็ไม่รู้ลุง!! อย่าบอกนะว่า..”เบิร์กได้พูดแล้วหันหน้ากลับไปมองตรงปากทางเข้าถ้ำพร้อมกับลุงกลอม
    “อีเลียด ฮอร์ดเอาอีกแล้ว..”

    กำปั้นได้ทุบลงอย่างบ้าคลั่งจนพื้นถ้ำแตกกระจุยกระจาย เศษหินกระเด็นลอยขึ้นสูงแล้วตกลงมาตรงพื้นถ้ำ ฮอร์ดตีลังกากลิ้งอย่างไม่เป็นท่า เขาไม่สามารถมองหาจุดอ่อนของมันได้เลย ฮอร์ดสอดส่องสายตาดูทุกส่วนในร่างของโตนส์ ในระหว่างที่เขามัวกำลังแสกนเรือนร่างอยู่นั้นก็เผลอโดนโตนส์อีกตัวที่โผล่ออกมาจากทางข้างหลังใช้มืออันใหญ่โตจับเอาไว้ได้ มันบีบร่างของฮอร์ดจนขวานที่เขาถืออยู่ในมือได้ร่วงหล่นลงมา โตนส์ตัวแรกนั้นก็ได้เดินเข้ามาหาโตนส์ตัวที่ถือฮอร์ดไว้อยู่ มันมายืนอยู่ตรงหน้าฮอร์ดแล้วส่งเสียงคำรามออกมาอย่างโหยหวนจนผนังถ้ำสะเทือน เสียงของมันใหญ่กึกก้องน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ส่วนโตนส์ตัวที่จับฮอร์ดได้นั้น มันอ้าปากของมันขึ้น ฟันของมันเหลี่ยมแต่ปลายคมแหลมหน่อยๆ มีฟันเพียงไม่กี่ซี่แต่ก็พอที่จะสามารถเคี้ยวสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กๆได้อย่างสบาย ฮอร์ดเห็นท่าไม่ดี เขาไม่สามารถทำอะไรได้เลย มันกำเขาไว้แน่นมากจนขยับเขยื้อนร่างกายมิได้ ลุงกลอมกับเบิร์กวิ่งเข้ามาได้ทันท่วงที ลุงกลอมเห็นฮอร์ดกำลังจะถูกกิน ไม่รอช้าเหวี่ยงขวานของเขาสุดแรงเกิดไปกระแทกท้ายทอยกะโหลกของโตนส์ที่กำฮอร์ดไว้อย่างแรง มันชะงัก และปล่อยฮอร์ออกจากมือ ร่างของฮอร์ดหล่นกระแทกพื้นถ้ำ ฮอร์ดรีบคลานตะเกียกตะกายออกจากรัศมีของมัน โตนส์อีกตัวที่กำลังคำรามอยู่เห็นฮอร์ดหลุดมือจากโตนส์ตัวนั้น ก็จะตามจับฮอร์ดให้ได้ เบิร์กจึงได้วิ่งเข้าไปล่อตามัน จนมันหันความสนใจมาหาเบิร์ก
    “ซวยล่ะ!!?”เบิร์กอุทานขึ้น โตนส์ตัวนั้นมันใช้กำปั้นทุบอย่างไม่มองอะไรเลย คงจะหงุดหงิดที่ไม่สามารถจับพวกเขาได้ ทางฝั่งโตนส์ตัวที่ถูกลุงกลอมเขวี้ยงขวานใส่นั้น ทำให้ลุงกลอมเกิดเอะใจว่าตรงท้ายทอยนั้นต้องมีอะไรบางอย่างเป็นอันแน่ เพราะปกติพวกโตนส์นั้นตัวแข็งมาก โดนหินใหญ่ๆหล่นทับเท้ายังไม่รู้สึกอะไรเลยแต่นี้โดนขวานเหวี่ยงเข้าที่ท้ายทอยถึงกับทรุด ในระหว่างที่ลุงแกกำลังสงสัยครุ่นคิดอยู่นั้น ฮอร์ดไม่รอช้าคลานออกมาคว้าขวานของเขาพาดไว้ที่หลังแล้วลุกขึ้น วิ่งกระโดดขึ้นหลังโตนส์ตัวที่จับเขาไว้เมื่อกี้ โตนส์ตัวนั้นพอถูกฮอร์ดปีนขึ้นหลังก็พยายามสบัดตัวของมันเพื่อให้ฮอร์ดหล่น
    “รนรานแบบนี้!! แสดงว่าจุดตายของแกต้องอยู่แถวนี้ล่ะสิ”ฮอร์ดพูดขึ้นขณะที่โตนส์ตัวนั้นกำลังสบัดตัวอย่างรุนแรง ฮอร์ดปีนขึ้นไป ด้วยความที่ผิวของโตนส์มันขรุขระ และมีนูนแข็งๆขึ้นมาตามร่างของมัน ฮอร์ดได้เกาะปีนป่ายไปตามนั้นจนถึงบริเวณท้ายทอยกะโหลกของมัน ฮอร์ดเอามือข้างซ้ายจับหนังแข็งๆของมันที่นูนขึ้นมาอย่างแน่น ส่วนมือขวาคว้าไปจับขวานที่พาดอยู่ที่หลังของเขา แล้วฟาดขวานด้ามมีคม ฟันเฉือนเข้าที่ท้ายทอยของโตนส์ตัวนั้น เมื่อคมขวานโดนท้ายทอย ก็ได้มีเลือดสีเหลืองพุ่งกระฉูดออกมา ปรากฎเส้นประสาทมากมายอยู่ที่ท้ายทอยนั่น ฮอร์ดเพิ่มแรงกดไปที่คมขวานจนมันเฉือนเส้นประสาททั้งหมดขาดสะบั้น โตนส์ตัวนั้นชักดิ้นชักงอทุรนทุรายร้องออกมาแล้วล้มตึงหัวฟาดพื้นอย่างแรงด้วยความแน่นิ่ง ฮอร์ดกลิ้งตกลงมาข้างๆมัน แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่โตนส์อีกตัวหนึ่งที่เบิร์กกำลังเผชิญหน้าอยู่ ลุงกลอมที่ยืนมองดูฮอร์ดที่กำลังโลดโผนโจนทะยานอย่างกล้าหาญวิ่งไปหาสัตว์ประหลาดอีกตัว เบิร์กมุดหลบเข้าใต้วงแขนของโตนส์ตัวนั้น เจ้าโตนส์ก็พยายามเอาหัวก้มลงแล้วอ้าปากงับเบิร์ก แต่ไม่ยักจะโดนสักที
    “ข้าชักจะเหนื่อยแล้วนะ..!!”เบิร์กเกิดอารมณ์พิโรธขึ้นมาจึงเตะไปที่โตนส์ตัวนั้น เบิร์กร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้วกุมแข้งข้างที่เขายกขาเตะไปเมื่อกี้ไว้ ในขณะที่โตนส์เห็นเบิร์กเสียท่าด้วยความทำไม่คิดแล้ว มันจึงใช้โอกาสนี้รีบเอามือไปกำเบิร์กขึ้นมา แต่ฮอร์ดได้วิ่งมาอย่างโชกโชนพร้อมกับขวาน แขนล่ำๆของฮอร์ดเต็มไปด้วยเหงื่อไคล โตนส์ตัวนั้นกำลังชันเข่าลงไปจับเบิร์กพอดี ฮอร์ดก็วิ่งขึ้นหลังของมันได้อย่างฉลิว และฟาดคมขวานเหวี่ยงขวาลงไปที่ท้ายทอยกะโหลกของมันจนตายล้มลงแน่นิ่งเหมือนกับตัวแรก ฝุ่นได้ฟุ้งไปทั่วบริเวณนั้น เบิร์กไอคอกแคกอยู่กับพื้น ลุงกลอมค่อยๆเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เบิร์กค่อยๆลุกขึ้น
    “แผลยังไม่หายดีจากการโดนรุมต่อยเลย ต้องมาเจอเรื่องแย่ๆแบบนี้อีก”เบิร์กบ่นขึ้นแล้วก้มลงหยิบดาบของเขา ลุงกลอมได้เดินมาข้างๆเบิร์ก แล้วมองไปทางโตนส์ตัวนั้น ฝุ่นที่ฟุ้งไปทั่วในบริเวณนี้ก็ค่อยๆจางลง ร่างลางๆที่อยู่ในฝุ่นนั้น ดูสง่างามเป็นอย่างยิ่ง เบิร์กกับลุงกลอมได้เห็นฮอร์ดในสภาพที่น่าเกรงขามนัก เมื่อฝุ่นหายไปภาพที่เห็นคืออีเลียด ฮอร์ดที่ยืนอย่างองอาจอยู่บนกะโหลกอันใหญ่ของโตนส์ตัวนั้น ใบหน้าของฮอร์ดในตอนนี้ ดูนิ่งดูขรึม เมื่อฮอร์ดเห็นลุงกลอมกับเบิร์กยืนมองอยู่เขาก็ได้ยิ้มเบาๆให้กับสหายทั้งสอง
    “แขกในยามเช้า..หมดสักทีนะ”ฮอร์ดอุทานเบาๆขณะยืนอยู่บนกะโหลกโตนส์
     

แชร์หน้านี้

Loading...